ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DON'T GROW UP, IT'S A TRAP #ฟิคเปย์เด็ก | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 03 :: Touch

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.69K
      173
      5 ม.ค. 59

    ⒸQRD

     

     

     

    CHAPTER 03

    Touch

     



     

     

    ทำไรวะ?

     

    เด็กหนุ่มหลุดออกจากความคิด ทันทีที่ได้ยินคำทักทายจากกลุ่มเพื่อนสนิทในเช้าวันจันทร์ ชานยอลเงยหน้าขึ้น ยิ้มกับสายตาแปลก ๆ ของพวกมันตอนมองเขาสลับกับนิตยสารอาหารซึ่งกางอยู่บนโต๊ะ

     

    อะไรเข้าฝันมึงเนี่ย? โห... เล่มใหม่เอี่ยม กูได้กลิ่นการเสียเงินเพื่อมัน มินโฮก้มลงสูดดมกลิ่น

     

    การขบกัดยามเช้าเรื่องระบบการใช้เงินของปาร์คชานยอลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธ เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขามักจะคิดอย่างรอบคอบก่อนใช้จ่ายอยู่เสมอ และนั่นหมายความว่าเด็กหนุ่มคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วก่อนซื้อมันมา

     

    ชานยอลกำลังตั้งใจศึกษาเมนูอาหารหลากหลายชนิด ทุกรสชาติ แอบถามข้อมูลมาบ้างแล้ว และก็ได้คำตอบว่าคุณแบคฮยอนชอบกินอาหารรสจืด ง่าย ๆ คือไม่ต้องปรุงแต่งอะไร ต่างจากเขาและน้องสาว ที่มักจะทำอาหารรสจัดกินกันอยู่บ่อย ๆ

     

    ความมั่นใจลดลงหลังจากรู้อย่างนั้น แน่นอนว่าทุกคนย่อมถนัดในเรื่องที่ทำได้ดี แต่พอรู้ว่าต้องทำอาหารรสจืด เขาก็ต้องบอกตัวเองให้ยั้งมือเอาไว้ การทำอาหารมื้อแรกจะพลาดไม่ได้ เขาอยากสร้างความประทับใจให้อีกฝ่าย ไม่สิ ต้องบอกว่าทำยังไงก็ได้ให้คุณแบคฮยอนคิดว่าเขามีข้อดีบ้าง

     

    แซวแต่เช้า การบ้านอังกฤษเสร็จยัง

     

    ยังเลยครับ ผมว่าจะมาขอยืมพี่ชานยอลไปลอกสักหน่อย ได้โปรดกรุณาพวกเราที่โง่เง่าเรื่องการเรียนด้วยเถอะ นัมจุนพนมมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมโค้งลงต่ำอย่างกวนประสาท ชานยอลยิ้มขำ เขาเอาสมุดออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เพื่อน ๆ เอาไปแบ่งกันลอก

     

    กูว่ามึงมีเรื่องอยากเล่ามินโฮล็อกคอเขาเข้าไปใกล้พร้อมมองอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

     

    ก็นะ ชานยอลยิ้มเจื่อน ถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองรูปอาหารซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามบนหน้ากระดาษมันเงากูไปเจอคุณแบคฮยอนมาแล้ว ที่จริงก็เจอตั้งแต่วันงานโรงเรียน แต่กูไม่ได้เล่าให้มึงฟัง

     

    แล้วก็อมขี้ฟันไว้ตั้งนานนะมึง เป็นไงบ้าง แก่งั่กเลยใช่ไหม? มินโฮยังคงไม่ละสายตาจากเขา ขณะส่งสมุดให้แฟนสาวทำการบ้านในส่วนของตนที่ดองไว้

     

    เปล่า ยังหนุ่มอยู่เลย ตัวก็แค่นี้เอง ชานยอลยกมือขึ้นระดับปลายคางพลางหลุบสายตาลง เขาหลุดยิ้มออกมาเพียงแค่นึกถึงสีหน้าคุณแบคฮยอนตอนเงยขึ้นมองเขา

     

    เขามีเมียยัง?

     

    คำถามหยุดโลกเกิดขึ้นจนได้ นั่นสิ มันคือคำถามที่ชานยอลคาใจอยู่เหมือนกัน ว่าคุณแบคฮยอนมีครอบครัวแล้วหรือยัง แต่ถ้าถามไปทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่สองหน ก็กลัวจะถูกอีกฝ่ายมองว่าละลาบละล้วง

     

    ถ้ามีเมียแล้วจะเลี้ยงกูกับน้องไหวเหรอวะ เขาทำงานเป็นวิศวะโยธานะไม่ใช่เจ้าของบริษัทสินค้าส่งออกต่างประเทศชานยอลไม่แน่ใจว่าตอบไปตามที่คิด หรือเพราะอยากให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างนั้นกันแน่ มินโฮยิ้มขำ พร้อมตบบ่าเขาปุ ๆ

     

    นั่นก็เงินเดือนก็สูงอยู่นะมึง มีเมียแล้วก็เลี้ยงได้ เขาให้มึงเดือนละเท่าไหร่เอง

     

    เท่าไหร่ห่าไรล่ะ มันเยอะมากเลยต่างหาก ชานยอลขมวดคิ้ว

     

    อะไรวะ มึงทำเหมือนว่าไม่อยากให้เขามีเมียยังไงอย่างนั้นแหละ มินโฮเลิกคิ้ว กับท่าทีเพื่อนสนิทซึ่งแสดงออกมาอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

     

    เด็กหนุ่มพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หลังจากถูกพูดจี้ใจดำทั้งที่หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรเขาจึงรู้สึกอย่างนั้น ใช่ ชานยอลไม่อยากให้คุณแบคฮยอนมีครอบครัว ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรู้สึกเหมือนผู้ชายคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว และเข้ามาในชีวิตตั้งแต่เขายังเด็กหรือเปล่า

     

    ความรู้สึกนี้อาจเป็นความน้อยใจ เหมือนตอนที่รู้ว่าแม่ให้ความสำคัญกับน้องมากกว่า เมื่อตอนเรายังวิ่งเตาะแตะอยู่

     

    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันจะแปลกเหรอวะ

     

    แปลกดิ มึงเป็นอะไรกับเขา? เหมือนโดนไอ้มินโฮตบหน้าเลย ชานยอลรู้สึกหน้าชาอยู่ไม่น้อย เขาชำเลืองมองเพื่อนสนิทที่ขมวดคิ้วส่งสายตามาอย่างเอือมระอา

     

    กูเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงดู

     

    เออ แล้ว?

     

    ทำไมวะ เหตุผลแค่นี้ไม่พอเหรอ?

     

    พอ ถ้าคำพูดนี้เป็นของคนอื่น มินโฮยกขาทั้งสองข้างขึ้นไขว้บนโต๊ะ พลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิทอีกครั้งแต่พอเป็นมึงก็แปลกทันที

     

    ...

     

    คนที่ไม่มีท่าทีกับเรื่องความรู้สึก ขนาดมีสาวมาสารภาพรักมึงยังยิ้มให้แล้วบอกว่า ขอบคุณมากนะ แต่ฉันชอบที่จะเป็นเพื่อนกับเธอมากกว่า นั่นน่ะ แต่เสือกกล้ามีความคิดแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันได้ยังไงวะ?

     

    มึงพูดไรเนี่ย ที่กูรู้สึกอย่างนั้นไม่ได้หมายความว่า--

     

    มึงชอบคุณแบคฮยอน?

     

    ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องกลืนคำพูดลงคอไปหมด สองเพื่อนซี้ตัวสูงจ้องตากันเหมือนอยากกดหัวอีกฝ่ายให้อ้าปากยกธงยอมแพ้ ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกยามเช้าในห้องเรียน

     

    มินโฮไม่ได้พูดเวอร์ไปกว่าความจริงเลย เมื่อเขาปฏิเสธเด็กผู้หญิงที่เข้ามาสารภาพรักไปอย่างนั้นประมาณสี่ครั้งเห็นจะได้ แต่การที่เขารู้สึกแบบนั้นกับคุณแบคฮยอน มันก็ยังไม่ชัดเจนถึงขนาดจะฟันธงได้สักหน่อย ชานยอลไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน ตอนโดนบังคับให้หอมแก้มไอ้นัมจุนเพราะเล่นเกมแพ้ก็แทบล้วงคออาเจียน

     

    ไอ้ห่า กูล้อเล่น ทำหน้าจริงจังไปได้ มินโฮกุมท้องขำ เห็นสีหน้าเพื่อนสนิทซีดเป็นไก่ต้มแล้วก็ทนปั้นหน้าแกล้งต่อไปไม่ไหว

     

     

    ปาร์คชานยอลคนจริงจัง

    ทุกคนต่างรู้จักเจ้านี่ในมุมนี้มาตลอด

     

     

    พอเลยมึง ชานยอลผลักหัวเพื่อนสนิทจนเซไปด้านข้าง แต่มินโฮยังหัวเราะไม่หยุด

     

    มึงก็เลิกทำตัวเป็นตุ๊ดสักทีสิ

     

    ตุ๊ดห่าไรล่ะ

     

    อ๊าก!” มินโฮหดคอ ทันทีที่ถูกมือใหญ่ของเพื่อนสนิทบีบเข้าให้ก็เวลามึงพูดถึงคุณแบคฮยอน มันเหมือนคนกำลังมีความรักนี่หว่า

     

    เลอะเทอะ กูพูดด้วยความเคารพทั้งนั้น

     

    ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เห็นต้องดิ้นเลยนี่คะ พี่ชานยอลขา อ๊ากกกกก!” ทุกสายตาหันมาทางโต๊ะกลางห้องเป็นตาเดียวกัน เพื่อน ๆ ต่างหัวเราะเมื่อตัวแสบประจำห้องได้ถูกเอาคืนบ้างเสียที คงไปเล่นไม่เข้าเรื่อง ปาร์คชานยอลถึงเป็นฝ่ายลงมืออย่างที่เห็นโอ๊ะ!”

     

    สองหนุ่มที่กำลังงัดคอกันอยู่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นรองเท้านักเรียนหญิงกับเรียวขาเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ชานยอลค่อย ๆ เลื่อนระดับสายตาขึ้น ก่อนจะพบว่าเด็กสาวลูกครึ่งชาวจีนยืนกอดสมุดหลายเล่มไว้แนบอก ขณะมองมายังเขา

     

    อรุณสวัสดิ์จื่อวีคนสวย

     

    อรุณสวัสดิ์ มินโฮ เด็กสาวอมยิ้ม ก่อนจะมองเด็กหนุ่มตัวสูงอีกคนชานยอลด้วยนะ

     

    อรุณสวัสดิ์

     

    จื่อวีเพิ่งย้ายเข้ามาตอนมอปลายปีสองเทอมแรก แต่เธอก็ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างเพราะเป็นคนน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย ไม่กระโตกกระตากเหมือนกลุ่มของจองอึนจีที่ชอบใส่กางเกงวอร์มซ้อนในกระโปรงอีกที ห้าวกระโดดตบหัวผู้ชายเป็นว่าเล่น

     

    ฉันจะเอาการบ้านอังกฤษไปส่งน่ะ ทำเสร็จกันหรือยัง

     

    แป๊บ ลอกอยู่ ๆ นัมจุนและคนอื่น ๆ เงยหน้าขึ้นเพียงเสี้ยววิ เพื่อรั้งให้เด็กสาวที่รับหน้าที่นี้รอพวกเขาอีกสักหน่อย

     

    ไม่เป็นไร เธอวางไว้เลย เดี๋ยวฉันเอาไปส่งให้เอง ชานยอลลุกขึ้นรับกองสมุดมาจากอีกคน ซึ่งเด็กหนุ่มก็พอจะดูออกว่าจื่อวีดูไม่ค่อยเต็มใจโยนหน้าที่ให้เขานัก

     

    แต่ว่า--”

     

    ไม่เป็นไรน่า ไอ้ชานยอลมันทำการบ้านเสร็จแล้ว ไม่ลำบากหรอก พูดจบมินโฮก็มองทั้งคู่ที่เอาแต่มองหน้ากัน บรรยากาศดูกระอักกระอ่วนแต่ก็น่ารักไปอีกแบบ คนขี้อาย ไม่ค่อยพูด พออยู่ด้วยกันแล้วมันน่าชงจริง ๆแต่มึงคงยกคนเดียวไม่ไหวปะวะ สมุดตั้งกี่เล่ม

     

    ชานยอลก้มลง เลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทที่มองมาราวกับว่ากำลังคิดอะไรพิเรนทร์ ๆ อยู่ สาบานให้ตายว่าไอ้หอกนี่กำลังจะสร้างเรื่องให้เขาอีกแล้ว

     

    มึงช่วยจื่อวีเอาไปส่งดิ

     

    ไอ้มินโฮ

     

    อะไรวะ แค่ยกการบ้านไปส่งเอง เจ้าของชื่อลุกขึ้น ยกมือป้องปากกระซิบเพื่อนสนิทอย่างคนมีแผนโอกาสพิสูจน์ตัวเองมาถึงแล้วเพื่อน มึงจะได้รู้ใจตัวเองสักทีว่าชอบผู้ชายจริงเปล่า?

     

    คำกระซิบของเพื่อนสนิทสร้างความสงสัยให้จื่อวีที่ยืนรออยู่ ชานยอลพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ สบตากับอีกฝ่ายขณะใช้ความคิดกับสิ่งที่มินโฮล้างสมองเขาไปเมื่อครู่

     

    สิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างทำให้เด็กหนุ่มเลือกมองในสิ่งที่อยากมอง รับรู้ในสิ่งที่อยากรู้ และคิดในสิ่งที่อยากให้เป็น เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อยากตั้งคำถามให้ตัวเองว่ากำลังรู้สึกอย่างไรกับผู้มีพระคุณ มันมากเกินกว่าความเคารพอย่างที่เพื่อนมองออก หรือที่เบื้องลึกของจิตใจมันรู้สึกแต่เขาไม่อยากยอมรับกันแน่

     

    ชานยอลพยักหน้า ลุกขึ้นยืนพร้อมผายมือออกให้จื่อวีนั่งลงบนเก้าอี้แทน ซึ่งภาพที่เห็นทำให้มินโฮถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง และเด็กสาวก็เช่นกัน เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

     

    นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวพวกมันก็ลอกเสร็จแล้ว เราจะได้ยกไปส่งพร้อมกัน

     

    อ้อ... จ้ะ เธอหลบสายตา ยิ้มบาง ๆ พลางหยัดตัวลงนั่ง

     

    สวีทแต่เช้าเลยโว้ยยยยยยยย

     

    คู่รักคู่ใหม่เหรออออออออออออ

     

    เด็กสาวไม่ได้เงยหน้าขึ้น ขณะที่พวกบ้านั่นส่งเสียงแซวให้พวกเราต้องอับอาย ชานยอลแค่ยืนนิ่ง กดดันเพื่อนในกลุ่มเร่งมือปั่นการบ้าน แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้แก้มของจื่อวีกำลังแดงแค่ไหน

     

     

    .

    .

     

     

    ชานยอลทำการบ้านให้เพื่อนลอกแบบนี้ประจำเลยเหรอ

     

    เปล่าหรอก ฉันแค่ทำการบ้าน ส่วนไอ้พวกนั้นมันมาลอกเอง

     

    ทั้งคู่หลุดยิ้มออกมา ขณะอุ้มกองสมุดการบ้านไปส่งที่ห้องพักครู ซึ่งแน่นอนว่าจื่อวีถือไม่ถึงสิบเล่ม และส่วนที่เหลือชานยอลยกมันเองทั้งหมด

     

    เธอได้กลับบ้านเกิดบ้างหรือเปล่า?เด็กหนุ่มเป็นคนเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง ชานยอลรู้ว่าตอนนี้กำลังพยายาม ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดนัก แต่คำพูดของผู้มีพระคุณที่บอกกับเขาในวันแรกที่เจอกัน และคำพูดของไอ้บ้ามินโฮนั้น... ทุกอย่างยังฝังอยู่ในหัว

     

     

    โอกาสพิสูจน์ตัวเองมาถึงแล้วเพื่อน มึงจะได้รู้ใจตัวเองสักทีว่าชอบผู้ชายจริงเปล่า?

    วัยมัธยมยังมีเรื่องน่าทำอีกเยอะ อย่าพลาดมันไปเพราะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่แล้วสิ

     

     

    บางทีปาร์คชานยอลอาจจะปิดกั้นตัวเองเกินไป เพราะพอใจในสิ่งที่มีอยู่อย่างที่คุณแบคฮยอนพูดจริง ๆ ก็ได้

     

    จากที่เรียนห้องเดียวกันมาปีครึ่ง แทบนับได้เลยว่าเขาและเธอคุยกันไปกี่ประโยค จื่อวีเป็นคนไม่ค่อยพูด และเขาก็เช่นกัน ทั้งคู่แค่ยิ้มให้กันตอนเดินผ่าน ทักทายคำว่าอรุณสวัสดิ์ และกลับดี ๆ นะ เมื่อบังเอิญเดินสวนทางกัน

     

    แต่ตอนนี้เรากำลังเดินไปด้วยกัน พูดคุยเรื่องบ้านเกิดของจื่อวีที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ และเรื่องเครื่องดนตรีที่อีกฝ่ายถนัด ชานยอลชอบเล่นกลอง ส่วนจื่อวีชอบเล่นไวโอลิน มีบางครั้งที่บังเอิญแขนชนกัน และเขารู้สึกได้ว่าความประหม่าที่เกิดขึ้น มันต่างจากตอนเวลาอยู่กับคุณแบคฮยอนอย่างสิ้นเชิง

     

     

    เพราะกับจื่อวี เขาประหม่า แต่ไม่รู้สึกใจเต้นแรง

     

     

    ชานยอลจ๊ะ

     

    เจ้าของชื่อหยุดฝีเท้า หันไปตามเสียงเรียกพร้อมมองดวงหน้าขาวที่กำลังขึ้นสีระเรื่อ บนระเบียงทางเดินยาว ซึ่งอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องเรียนแล้วหลังจากนำการบ้านส่งในห้องพักครูเรียบร้อย

     

    บ่ายวันอาทิตย์นี้ฉันกับเพื่อนจะไปเล่นดนตรีที่บ้านพักคนชรา... เอ่อ ถ้าชานยอลว่าง แล้วอยากไปทำกิจกรรมกับคุณตาคุณยายที่นั่น...

     

    ไม่ใช่แค่ชานยอลคนเดียวที่ไม่ถนัดการเข้าหาเพศตรงข้าม จื่อวีก็คงเช่นกัน เมื่อตอนนี้เธอกำลังบีบมือตัวเองแน่น ราวกับว่ากำลังรวบรวมความกล้าที่มีอยู่

     

    ไป... ด้วยกันไหม

     

    เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบในทันที ซึ่งจื่อวีก็ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงตั้งแต่แรกแล้ว เธอพอจะมองออกว่าชานยอลเป็นคนอย่างไร ตั้งแต่เริ่มให้ความสนใจผู้ชายคนนี้ตอนปลายเทอมที่แล้ว โลกของจื่อวีก็ปั่นป่วนไปหมด

     

    ชานยอลเป็นคนสุภาพ ไม่โผงผาง ไม่กะล่อน ทุกอย่างคือสิ่งที่ดึงดูดผู้หญิงอย่างเธอเอาไว้

     

    ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้คุยกัน และไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสดี ๆ แบบนี้อีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่อยากให้ทุกอย่างจบลงแค่เรากลับไปเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องกันเหมือนที่ผ่านมา

     

    บ้านพักคนชราเหรอ เยี่ยมเลย เด็กหนุ่มยิ้ม เธอรู้ว่าเขากำลังฝืนและนั่นคือรอยยิ้มของการปฏิเสธ ซึ่งจะตามมาด้วยความผิดหวังเป็นคำสุภาพ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าวันนั้นจะว่างหรือเปล่า... ขอโทษด้วยนะ

     

    ไม่เป็นไรเลย ฉันแค่ชวนเฉย ๆ น่ะ ชานยอลไม่ต้องคิดมากนะ จื่อวียิ้มเจื่อน ทัดผมกับใบหูพลางหลุบสายตาลง ชานยอลรู้ว่าเธอกำลังเสียหน้า ฉะนั้นเขาควรทำอะไรสักอย่าง

     

    ไว้ใกล้ถึงวัน ฉันจะบอกเธออีกทีได้ไหม?

     

    จ้ะ เธอพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ พอชานยอลหันไป รอยยิ้มที่ฝืนไปเกือบนาทีก็ค่อย ๆ หุบลง

     

    ไม่น่าพูดออกไปเลย...

    ทั้งที่เพิ่งมีโอกาสได้คุยกันอย่างจริงจังครั้งแรกแท้ ๆ

    ชานยอลต้องคิดว่าเธอกำลังให้ท่าแน่ ๆ

     

    อ่าใช่ เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับ ทำเอาคนที่จมอยู่กับความคิดยืดหลังตรงพร้อมเลิกคิ้วมอง

     

    วะ-- ว่าไงจ๊ะ

     

    ลืมไปเลยว่าไม่มีทั้งไลน์ทั้งเบอร์ของเธอ ขอโทษนะ ฉันมันซื่อบื้อจริง ๆ ชานยอลหัวเราะกับความทึ่มของตนเอง เขายื่นสมาร์ทโฟนให้จื่อวีแอดไอดีของเธอลงไป โดยไม่รู้เลยว่าหัวใจของเด็กสาวกำลังเต้นแรงมากแค่ไหน

     

    ถ้าเป็นไปได้... ก็อยากให้ไปนะ

     

    ทั้งคู่สบตากัน แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นชานยอลก็พยักหน้า เขาหมุนตัวกลับ ก้าวขาไปยังประตูห้องเรียน ในขณะที่ในหัวมีแต่เรื่องของใครอีกคนวิ่งวนเวียนอยู่เต็มไปหมด ทั้ง ๆ ที่เขาคุยกับจื่อวี

     

    ที่ไม่รับปาก... ก็เพราะคาดหวังว่าวันนั้นคุณแบคฮยอนอาจจะบอกให้เขาไปหาที่คอนโด

     

    มันเป็นความหวังที่พยายามย้ำบอกตนเองว่า ปาร์คชานยอลเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ที่อยากใช้เวลาอยู่กับผู้มีพระคุณ... คนที่เป็นคนในครอบครัวมากกว่าจะคิดไปในทางอื่นได้

     

     

    .

    .

     

     

    อรุณสวัสดิ์ มาถูกด้วยแฮะ

     

    ที่จริงตอนนี้เที่ยงครึ่งแล้วล่ะครับ

     

    เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อน มองเจ้าของใบหน้าง่วง ๆ ที่ดูก็รู้ว่าเพิ่งลุกจากเตียงมาเปิดประตูให้เขา คุณแบคฮยอนยิ้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา ใช่... คนตัวเล็กไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าวันนี้เด็กอายุสิบเก้าอย่างเขาเซ็ทผมมาด้วย

     

    ตามสบายเลยนะ ครัวอยู่ทางนั้น ถัดไปเป็นห้องน้ำ แบคฮยอนหลับตา ทิ้งตัวลงนอนคว่ำกับโซฟาพลางชี้ไปยังประตูสีกรมท่าอย่างแม่นยำส่วนตรงนั้น ห้องนอน

     

    อ๋อ... ครับ ชานยอลกลอกตา ไม่รู้ว่าตกใจอะไรกะอีแค่คุณแบคฮยอนชี้ห้องนอนให้ดู นั่นคือการแนะนำสถานที่เท่านั้นแหละ แล้วมันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับความคิดในหัวของเขากันล่ะ ให้ตายสิ

     

    เร็ว ๆ นะชานยอล ฉันหิวแล้ว

     

    เด็กหนุ่มหลุดยิ้ม พร้อมพยักหน้าแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ลืมตาขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ เด็กตัวสูงเดินเข้าไปในครัว กวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อให้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ก่อนจะคว้าเอาผ้ากันเปื้อนสีเข้มที่ห้อยอยู่ด้านข้างมาสวม

     

    ถึงคุณแบคฮยอนจะดูเหมือนคนไม่ชอบทำอาหาร แต่จากเนื้อผ้ากันเปื้อนที่บ่งบอกว่าไม่ได้ใส่แค่ครั้งสองครั้ง ก็ทำให้เด็กหนุ่มจินตนาการไปว่ามันต้องมีสักวันหยุดที่ผู้ชายคนนี้ลุกขึ้นมาทำอาหารกินเองบ้าง

     

    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตั้งใจทำอาหารถึงขนาดนี้ เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการทำกับข้าวสามอย่างตามสูตรที่จำใส่สมอง แน่นอนว่าไม่มีการจดใส่โพยเด็ดขาด ถ้าคุณแบคฮยอนเห็น เด็กที่คุยอวดว่าทำอาหารเป็นมีโพย ปาร์คชานยอลก็คงดูกระจอกไปในพริบตา

     

    เด็กหนุ่มจัดโต๊ะอย่างสวยงาม ถ้าพวกไอ้มินโฮมาเห็น คงโดนแซวยันชาติหน้าแน่ ๆ กับการที่ทุกอย่างมันดูดีจนไม่อยากเชื่อว่าปาร์คชานยอลตั้งใจทำให้ผู้มีพระคุณ

     

    หันไปทางคนที่ยังหลับอยู่ ตอนนี้คงปลุกได้โดยไม่ต้องกลัวโดนดุแล้ว ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ข้างโซฟา ก่อนจะนั่งลงยอง ๆ คุณแบคฮยอนครับ

     

    ...

     

    คุณ...

     

    แพรขนตาของอีกฝ่ายไม่ได้ยาวเหมือนผู้หญิง แต่ก็เข้ากับใบหน้าขาวยามหลับจนไม่อยากละสายตาไปไหน ชานยอลเหมือนเป็นคนใบ้ ที่ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ยังหลับลึกแม้ว่าจะมีเด็กอย่างเขาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตน

     

     

    อายุสามสิบสี่จริง ๆ เหรอ?

     

     

    คุณแบคฮยอนดูเหมือนคนอายุยี่สิบกลาง ๆ มากกว่าคนจะเข้าใกล้เลขสี่ ถ้าบอกว่าเป็นเพราะตัวเล็กก็อาจจะมีส่วน แต่ยังไงก็ยังหน้าเด็กอยู่ดี

     

    เมื่อคืนอยู่ทำงานจนดึกเลยสินะ เห็นอย่างนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ คุณแบคฮยอนคงเหนื่อย ไหนจะมีเขากับน้องสาวเป็นภาระอีก

     

    เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวว่ากำลังยื่นนิ้วชี้ออกไปใกล้แก้มขาวเข้าไปทุกที สายตาของเขายังไม่ละออกห่างเปลือกตาที่ปิดสนิท ก่อนจะสะดุ้งจนแทบหงายหลังทันทีที่นิ้วชี้ถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือเดียว

     

    คนตัวเล็กลืมตาขึ้น ในขณะที่ปาร์คชานยอลได้แข็งทื่อเป็นก้อนหินไปแล้ว เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเอื้อก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้นิ้วนรกนั่นมันยื่นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่!

     

    เด็กตัวสูงหัวใจเต้นตึกตัก เมื่อตอนนี้เขากำลังสบตากับอีกคนซึ่งใบหน้าอยู่ไม่ห่างกันมากนัก คำต่อว่ากลายเป็นบอลลูนสีขาว มันวิ่งวนอยู่ในหัวเขาเต็มไปหมดเมื่อความเงียบเกิดขึ้น

     

    อายุก็แค่นี้ แต่ข้อนิ้วใหญ่ชะมัด

     

    ...

     

    ถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายจะหยุดสูงตอนอายุยี่สิบหรือเปล่านะ? เสียงงัวเงียทำให้คนอายุมากกว่าน่าเอ็นดูขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ชานยอลอยากเขกหัวตัวเองสักสิบครั้ง ให้สมกับความคิดบ้า ๆ ที่เกิดขึ้นในวินาทีนี้

     

    บางคนก็... สิบแปดมั้งครับ

     

    นั่นแหละฉันเลย คนตัวเล็กยิ้มขำ ก่อนจะจ้องใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่มที่กำลังมองมาอย่างประหม่าไม่ต่างจากวันแรก

     

    ความเงียบกลับมาทักทายปาร์คชานยอลอีกครั้ง แถมยังกอดคอความกระอักกระอ่วนมาเป็นเพื่อนอีกด้วย เด็กหนุ่มไม่กล้าชักมือกลับ เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลัวหรือกำลังรู้สึกดีอยู่กันแน่?

     

    แต่แล้วคุณแบคฮยอนก็ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขาทำงานหนักอีกครั้ง เมื่ออยู่ ๆ มือที่เคยจับนิ้วชี้เขาไว้เริ่มคลายออก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทาบฝ่ามือกันและกันในที่สุด...

     

    เธอต้องเป็นลูกยักษ์แน่ ๆ สายตาของอีกฝ่ายตอนมองมือของเรานั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู หากว่าเขาไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป

     

    ชานยอลกำลังจะตายอยู่แล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตเข้าอย่างจัง แต่เด็กหนุ่มก็รักที่จะรู้สึกแบบนี้จนไม่อยากชักมือกลับ ไม่เลยสักนิดเดียว

     

    เขาพยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก สักวันหนึ่งปาร์คชานยอลจะชินกับความประหม่าบ้า ๆ นี้ได้ใช่ไหม สักวันเขาจะยิ้มและหัวเราะได้โดยไม่รู้สึกอะไร...

     

     

    ได้จริง ๆ เหรอ?

     

     

    อา หอมชะมัด

     

    ...

     

    แปรงฟันก่อนนะ เดี๋ยวจะฟาดให้เรียบเลย

     

    เสียงคนตัวเล็กไกลออกไปแล้ว และแค่ครู่เดียวเสียงน้ำจากก๊อกก็ดังขึ้น ชานยอลทิ้งตัวนั่งลงไปกับพื้นพรมสีกรมท่าอย่างคนหมดแรง ทาบมือกับหน้าผากตนเองพร้อมมืออีกข้างที่วางอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้าย

     

     

    คุณแบคฮยอนทำอย่างนั้นได้ยังไง?

    ไม่สิ... คุณแบคฮยอนทำอย่างนั้นกับเขาโดยไม่รู้สึกประหม่าเลยได้ยังไงกัน?

     

     

    ชานยอลกำลังฟุ้งซ่าน เขาต้องเรียกสติกลับมาให้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ แต่ทำไมมันถึงยากอย่างนี้นะ หัวใจนี่ก็เต้นแรงไม่หยุดเลย

     

     

    .

    .

     

     

    อร่อย

     

    ...ชอบไหมครับ

     

    ชอบจนอยากกินแบบนี้ทุกวันเลยล่ะ

     

    ใจคอจะไม่ปรานีกันเลยใช่ไหม คุณแบคฮยอนเล่นฮุคหมัดตรงพร้อมรอยยิ้มมาอย่างนั้นได้ยังไงกัน ชานยอลคนหน้าโง่แค่ถือตะเกียบค้างไว้ เขาเอาแต่มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่แสดงสีหน้าเหยเกให้รู้ว่ากับข้าววันนี้มันห่วยแตกจนอยากเททิ้ง

     

    ผมทำได้นะ เอ่อ ผมหมายความว่าถ้าคุณอยากกินเมื่อไหร่ก็โทรเรียกใช้ผมได้เลยแบคฮยอนยิ้มขำ คีบหมูชุบแป้งทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วเอาตะเกียบชี้หน้าเด็กหนุ่มที่พูดจาไม่น่ารักอีกแล้ว

     

    ที่ฉันบอกให้เธอมาทำกับข้าวให้กินนี่คิดว่าใช้เหรอ?

     

    เอ่อ... เปล่านะครับ... คือ...

     

    ตีมือหักเลยดีไหม ตบปากตัวเองสามทีเลย คนอายุมากกว่าเลิกคิ้วมองหาเรื่อง ซึ่งชานยอลก็ทำตามอย่างว่าง่าย เห็นอย่างนั้นก็นึกขำอยู่ในใจ แต่ก็กลั้นยิ้มเอาไว้แล้วมองคาดโทษ

     

    ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นครับ... เห็นไหมว่าผมชอบพูดอะไรโง่ ๆ

     

    ตบอีกสามครั้ง

     

    ...

     

    สายตาเด็กตัวสูงหงอยเหมือนกำลังจะบอกเขาว่ารู้สึกผิดแล้ว ชานยอลตบปากตัวเองสามครั้งพร้อมโค้งศีรษะปิดท้ายเป็นการขอโทษ

     

    ที่ฉันบอกให้เธอมา ก็เพราะว่าอยากให้มา เด็กหนุ่มกำลังโดนดุ เขาจึงทำได้แค่นั่งหลังตรง พยักหน้ายอมรับความโง่ของตนเองเท่านั้นเพราะถ้าหิวจริง ๆ สู้ขับรถไปรับเธอออกไปกินด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ

     

    ดีครับ...

     

    เพราะงั้นเลิกคิดได้แล้ว เดี๋ยวบอกให้มาทำทุกวันอย่างที่พูดจริง ๆ ซะเลย แบคฮยอนหลุดยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าอีกคนก้มหน้าลูบศีรษะป้อย ๆ หลังจากถูกเขาเคาะด้วยตะเกียบไปเบา ๆ

     

    ถ้าผมมาจริง ๆ คุณอย่าบ่นนะ

     

    เว้นแต่ว่ากับข้าวมื้อนั้นไม่อร่อย

     

    เรื่องนั้นบ่นจนผมหูชาได้เลยครับ ชานยอลรีบตอบ ถ้าเป็นเรื่องกับข้าวเขายอมให้ว่าเท่าไหร่ก็ได้เลย

     

     

    แต่เดี๋ยวนะ...

     

     

    หมายความว่า...

     

     

    คุณแบคฮยอนกำลังยิ้ม

     

     

    ผมมาหาคุณ... วันไหนก็ได้เหรอครับ? ไม่ถึงสามวินาทีเลยด้วยซ้ำ ชานยอลก็ยิ้มออกมาอย่างขลาดอายหลังจากเห็นว่าคุณแบคฮยอนพยักหน้าเป็นคำตอบ

     

    แต่ต้องนัดก่อนนะ เพราะถ้าฉันออกไซต์งานก็อาจจะกลับดึก เดี๋ยวกับข้าวของเธอจะรอเก้อ

     

    ครับ ชานยอลกำลังมีความสุข สุขมากจนไม่สามารถกลั้นยิ้มเอาไว้ได้ถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกผมนะ

     

    ตกลงครับเชฟ แบคฮยอนโค้งศีรษะเล็กน้อย เรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี

     

     

    .

    .

     

     

    ทีวีคือสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบในโถงกว้าง เวลาบ่ายสองครึ่ง ชานยอลกำลังนั่งรอคุณแบคฮยอนอาบน้ำ ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีอีกฝ่ายก็ออกมาในชุดเตรียมพร้อมเหมือนคนกำลังจะออกไปข้างนอก

     

    ครับแม่

     

    ...

     

    ผมอาบน้ำแล้ว กำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย

     

    เด็กตัวสูงไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่ก็แกล้งทำเป็นหูหนวกไม่ได้ คุณแบคฮยอนเอาสมาร์ทโฟนแนบหูกับไหล่ เดินคุยโทรศัพท์ไป ใส่นาฬิกาข้อมือไป ก่อนจะหมุนตัวหันกลับมามองเขา

     

    ผมจะพาชานยอลไปด้วย

     

     

    เดี๋ยวนะ...?

     

     

    ครับ เขาอยู่กับผม เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หลุบสายตาลงมองคนตัวเล็กตรงหน้า ในชุดเชิ้ตลายทาง ข้างในเป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดสปีกเกอร์โฟน พูดสิ

     

    อะ... สวัสดีครับ เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มกรอกเข้าไปในสาย มันเบามาก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาความมั่นใจจากไหนกล่าวทักทายคนในสาย ชานยอลยังคงงุนงงกับชื่อตัวเองที่เข้าไปอยู่ในบทสนทนาของคุณแบคฮยอน

     

    ( สวัสดีจ้ะ ชานยอลใช่ไหม? )

     

    ครับ... ผมเอง เด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูก ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มขณะยืนถือโทรศัพท์ไว้ใกล้ริมฝีปากของเขา

     

    ( เป็นยังไงบ้างลูก สบายดีนะ? )

     

    ครับ ผมสบายดี...

     

    ไว้ค่อยถามตอนเราไปถึงแล้วกันครับแม่ แล้วเจอกันนะ

     

    ( โอเคจ้ะ ขับรถดี ๆ นะลูก )

     

    ครับคนตัวเล็กวางสายไปแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาที่ชานยอลจะได้แสดงความสงสัยผ่านทางสีหน้าสักที

     

    แม่คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ? เด็กหนุ่มมองตามแผ่นหลังคนอายุมากกว่าที่กำลังเดินไปคว้ากุญแจรถและกระเป๋าเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ

     

    ฉันกับแม่สนิทกันมาก เราคุยกันแทบจะทุกเรื่องเลย คุณแบคฮยอนหันมายิ้มอย่าคิดมาก พ่อกับแม่ฉันเป็นคนดี

     

    ...

     

    มันเกินกว่าที่คิดไปนิด ตอนนี้ชานยอลได้รู้อีกอย่างว่าโลกใบเล็กของเขามันเริ่มกว้างขึ้น เมื่อหันไปเห็นคนอื่นที่ไม่ได้มีแค่คุณแบคฮยอน

     

    ท่านไม่ได้คิดว่าผมเป็นภาระให้คุณ... ใช่ไหมครับ?

     

    ถ้าคิดอย่างนั้น ฉันก็คงไม่ได้เลี้ยงดูเธอกับซูยองมาจนถึงทุกวันนี้หรอก วางใจเถอะ ท่านจะรักเธอเหมือนที่ฉันรัก

     

    จู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาเสียอย่างนั้น ชานยอลไม่สามารถพ่นความกลัวออกไปได้อีก เมื่ออีกฝ่ายจงใจหยุดความกังวลเหล่านั้นเอาไว้ด้วยประโยคเมื่อครู่

     

    ตอนนี้เด็กชายชานยอลมีสองทางเลือก หนึ่ง คือให้ฉันไปส่งที่บ้าน หรือ--” เจ้าของชื่อมองเรียวนิ้วทั้งสองที่ชูขึ้นระดับปลายคางตนเอง ไปบ้านพ่อกับแม่ฉันที่ซูวอน

     

    ...

     

    มีเวลาสิบวินาที ตอนนี้เหลืออีกแค่ห้าวิ ติ๊กต่อก ติ๊ก--

     

    ผมจะไปกับคุณครับ!”

     

    เรื่องอะไรจะปฏิเสธ ต่อให้จะประหม่ากับการไปเจอคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณแบคฮยอนก็ตามที แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนี้ เขาก็จะเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี

     

     

    ชานยอลเชื่อ... ขอแค่คำพูดนั้นออกมาจากปากคุณแบคฮยอน

     

     

     

     

    TBC

     

     
     

    ไขคดีบ้านสามหลังเนาะ โอ้ย อ่านเมนท์แล้วขำแรงมาก คือพากันคิดไกลไปไหนนนนนนนนนนน คือตอนเขียนเราไม่ได้คิดไรเลยเว้ยคุณ 5555555555555555

    แบบ บ้านพ่อแม่ก็บ้านหลังแรก คอนโดก็บ้านหลังที่สอง และที่บอกว่าบ้านชานยอลเป็นหลังที่สามก็เพราะว่าชานยอลเพิ่งให้กุญแจบ้านตัวเองกับแบคฮยอน ตอนนั้นแบคฮยอนเลยรู้สึกแบบ รู้สึกดีอะ ที่น้องมันเปิดใจรับเราเป็นส่วนนึงในครอบครัวนะไรงี้

     

    5555555555 บางคนบอก ก็ออนนี่เน้นตัวหนานี่คะ หนูเลยคิดเยอะ!!!

    เออ อันนี้ยอมรับผิดก็ได้ เพราะทำจริง แต่ทำแบบนี้ทุกเรื่อง ทุกตอนเลย ตัวหนาท้ายตอนตลอดดดด 55555555555555555555555555

     

    ตอนหน้าไปเจอพ่อแม่เค้าน้า อิอิ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×