ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GUESS WHO? #คนไหนแฟนเรา | CHANBAEK & HUNBAEK

    ลำดับตอนที่ #13 : CHAPTER 12 :: ซวยแบบเย็นหน้านิด ๆ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.17K
      41
      30 มี.ค. 59

    (c) Chess theme

     

     

     

    CHAPTER 12

    ซวยแบบเย็นหน้านิด ๆ

     

     

     

     ภายในรถนั้นเงียบสงบ ไม่มีแม้เสียงเพลงโปรดที่เคยเปิดคลอเบา ๆ เมื่อเขาต้องใช้เวลาอยู่กับมัน สายตาจับจ้องไปยังคนคุ้นเคยที่กำลังวิ่งตรงมายังตึกวิศวะ หอบหายใจพลางกวาดสายตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจัดเผ้าผมให้เข้าที่

     

    คนตัวเล็กในเชิ้ตขาวกางเกงขายาวยังคงน่ารักเหมือนทุกครั้งที่เจอ รวมถึงเมื่อยี่สิบนาทีก่อนที่เห็นขึ้นรถไปกับโอเซฮุน ปาร์คชานยอลไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามโง่ ๆ ว่าเสื้อช็อปของป๋ายเซียนหายไปไหน และทำไมผู้ชายที่เคยหยอกล้อกันอย่างมีความสุขถึงไม่ได้มาด้วยกัน

     

    นิ้วชี้เรียวเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะเข็มนาฬิกา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไปพร้อม ๆ ใครอีกคนที่กำลังชะโงกหน้ามองหาเขาอยู่ทุกวินาที ราว ๆ สามครั้งที่ป๋ายเซียนก้มลงมองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือ ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มในชุดเสื้อช็อปทั้งสาม พูดคุยกันผ่าน ๆ กแล้วปิดท้ายด้วยรอยยิ้มแห้ง ราวกับว่าเป็นการทักทายครั้งแรกทั้งที่เรียนอยู่ในคณะเดียวกัน

     

    มีเรื่องราวมากมายที่กำลังวิ่งวนอยู่ในหัว ชานยอลให้สายตามองภาพตรงหน้าและถามตัวเองว่า อะไรคือความจริง?

     

    คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นยังคงเป็นป๋ายเซียนที่เขารู้จัก คนที่ดูไม่มีพิษมีภัย และทำให้ปาร์คชานยอลเกิดความรู้สึกอยากดูแลใครสักคนอย่างจริงจังสักครั้งหลังจากไม่เคยทำมันได้ แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเอง และกล้าคิดกล้าแสดงออกกับสิ่งที่รู้สึก

     

    แต่ตอนนี้ปาร์คชานยอลเพียงแค่นั่งเฉย ๆ ราวกับคนโง่ พร้อมปล่อยให้ความคิดและความจริงที่น่ากลัวไล่ต้อนอยู่กับที่แคบภายในรถ เสียงสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งเดียวที่ดึงสติเขากลับมา ชานยอลหยุดสายตาที่หน้าจอซึ่งกำลังฉายภาพคนตัวเล็ก เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกดรับ

     

    ครับ

     

    ( เราเรียนเสร็จแล้วนะ ชานยอลอยู่ไหนเหรอ? )

     

    เสียงของป๋ายเซียนยังคงอยู่ในโทนปกติ ไม่ตะคอกหรือแสดงอาการหัวเสียหลังจากถูกปล่อยลอยแพให้ยืนรอตรงนั้นอยู่นาน คนตัวเล็กชะโงกหน้ามองอย่างมีความหวัง โดยไม่ระแคะระคายใจใด ๆ ว่าทำไมปาร์คชานยอลถึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานเกินกว่าที่เคย

     

    อ๋อ ตอนนี้ ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง กระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแม้ว่าคนในสายจะไม่เห็นเราอยู่ลานจอดรถหน้าตึกป๋ายน่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง

     

    เพียงครู่เดียวดวงตาเรียวรีที่มักจะหยีลงตอนยิ้มก็หันมาทางนี้ ชานยอลรู้ว่าคนตัวเล็กไม่มีทางเห็นว่าเขากำลังทำหน้ายังไง และกำลังรู้สึกแบบไหน แต่เจ้าตัวก็ยิ้มกว้างพร้อมโบกมือให้ ก่อนจะวิ่งมาหา

     

    ชายหนุ่มพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นและไม่ควรพูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะได้คำตอบว่าคนตัวเล็กที่อยู่กับโอเซฮุนเมื่อครู่นี้คืออะไรกันแน่ ถ้าหากเขาไม่ได้โทรหาป๋ายเซียนเพื่อเห็นว่าคนที่เห็นคาตากับคนที่กดรับสายไม่ใช่คนเดียวกัน ความสงสัยเหล่านี้อาจจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และคิดไปอย่างสบายใจว่าโอเซฮุนคงขับรถมาส่งคนตัวเล็กหน้าตึก

     

     

    แต่คนที่ใส่เสื้อช็อปตัวนั้น...

     

     

    เรานึกว่าชานยอลยังอยู่ตึกคณะซะอีก

     

    ป๋ายเซียนแทรกตัวเข้ามาในรถพร้อมรอยยิ้ม ชายหนุ่มสบตากับคนตัวเล็กระหว่างสมองย้ำบอกให้รีบแสดงความเสแสร้งออกมา เพราะมันคงดีกว่าการปั้นหน้านิ่ง จนกระทั่งอีกฝ่ายจับผิดได้

     

    วันนี้ไม่ได้ใส่ช็อปมาเหรอ? ชานยอลลูบศีรษะทุย คนถูกถามยิ้มเก้อไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

     

    ซักน่ะ

     

    ...อ้อ ชายหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ แล้วปล่อยให้ความเงียบทำงาน ป๋ายเซียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับความรู้สึกผิดปกติซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จึงเอื้อมมือไปสะกิดให้อีกฝ่ายหันมามองหน้ากัน

     

    ชานยอลเป็นอะไรหรือเปล่า เจ้าของชื่อทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ก่อนจะหันมาแค่นยิ้มอย่างหน่าย ๆ กับเรื่องที่กำลังจะพูดถึง

     

    นิดหน่อยน่ะ เมื่อกลางวันทะเลาะกับเซฮุนมา

     

    ไอ้บ้านั่นน่ะเหรอ มันทำไรชานยอลอะ คนตัวเล็กขมวดคิ้ว หลังจากเอ่ยความสนิทสนมถึงบุคคลที่สามโดยไม่รู้ตัว

     

    มันไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ ว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องกัน พอมาวันนี้ก็... ชานยอลขมวดคิ้ว แกล้งถอนหายใจแรง ๆ ราวกับไม่อยากพูดถึง แสร้งปั้นหน้าจริงจังระหว่างดูท่าทีว่าคนตัวเล็กจะเผยไต๋อะไรออกมาหรือไม่

     

     

    ซึ่งป๋ายเซียนก็ส่ายหน้าพรืดเป็นคำตอบ และนั่นทำให้เขารู้สึกชาวาบอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    เซฮุนไม่เคยเล่าอะไรให้เราฟังหรอก หวังว่าเขาคงคิดไปเองว่าน้ำเสียงนั้นกำลังตัดพ้อ ชานยอลมองสีหน้าหงอย ๆ ของอีกฝ่ายแล้วยิ้ม

     

    นึกว่าจะเล่าซะอีก เราเห็นว่าป๋ายเซียนก็สนิทกับมันพอสมควร ชานยอลเลื่อนมือลงไปกุมมือคนตัวเล็ก เพื่อจับพิรุธว่ากำลังโกหกหรือไม่ และคำตอบก็คือ... ไม่

     

     

    ป๋ายเซียนไม่ได้โกหก

     

     

    สนิทแบบไม่สนิท คนตัวเล็กยิ้มเจื่อน และเลือกที่จะมองไปทางอื่นมากกว่าสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

     

    ยังไงนะ?ชานยอลดึงความสนใจจากป๋ายเซียนกลับมาด้วยการสอดประสานเรียวนิ้ว กระชับจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้อากาศวิ่งผ่านพร้อมประคองสถานการณ์ด้วยรอยยิ้ม

     

    คนตัวเล็กส่ายหน้า ซึ่งชานยอลคิดว่าป๋ายเซียนคงไม่อยากอธิบายมากกว่าการบอกว่าไม่รู้ ก็เหมือนจะสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทหรอก

     

    เพื่อนฝ่ายเดียวเหรอ ป๋ายเซียนของเราจะน่าสงสารเกินไปแล้ว คนตัวเล็กมองผู้ชายตลกที่อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนอบอุ่นในทะเลน้ำแข็ง ป๋ายเซียนรู้สึกแปลก ๆ เข้าไปทุกที แต่ก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไร

     

    เอาเป็นว่าเราไม่ค่อยได้คุยกับเซฮุนนานแล้ว แต่ถ้าคุย เราก็ไม่เข้าข้างมันหรอก วางใจได้เลย คนตัวเล็กยิ้มตาหยี เอียงศีรษะให้อีกคนยีผมอย่างเอ็นดูเพื่อคลายบรรยากาศกดดัน ซึ่งเหมือนว่าเขาจะรู้สึกเองคนเดียว

     

    เราไม่อยากให้มันมายุ่งกับป๋าย

     

    ชานยอลวางใจได้ ยังไงเซฮุนก็ไม่ยุ่งกับเราอยู่แล้วอะ คนตัวเล็กยืนยันอย่างไม่ลังเล และตอนนี้ชานยอลกำลังสับสนว่ามันยังไงกันแน่

     

    อะไรที่ทำให้มั่นใจขนาดนั้น? คนตัวสูงยังคงไม่หยุดเก็บรายละเอียด เขาควรถามไปตรง ๆ เลยไหมว่าที่โอเซฮุนไม่ยุ่งก็เพราะมันไปกับใครอีกคนซึ่งหน้าเหมือนป๋ายเซียน และเสื้อช็อปที่บอกว่าส่งซักก็ถูกคนหน้าเหมือนเอาไปใส่

     

     

    ให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลควรถามออกไปตรง ๆ เลยหรือไม่ ว่าคนตรงหน้ามีฝาแฝดหรือเปล่า?

    และถ้าใช่... เขาก็มั่นใจว่ากับคนตัวเล็กที่ใส่เสื้อช็อปวันนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เจอกัน

     

     

     

    เราเดาเองน่ะ ทุกคนน่าจะมีเซนส์อะไรแบบนี้ ชานยอลว่าจริงไหม?

     

    ป๋ายเซียนเป็นคนโกหกไม่เก่งเลยสักนิดเดียว รอยยิ้มเจื่อน ๆ ที่มาพร้อมดวงตาคู่นั้น มันลอกแลกราวกับกลัวถูกจับผิด ซึ่งถ้าอีกฝ่ายให้คำตอบที่ดีกว่านี้ ปาร์คชานยอลก็อาจยอมหยุดความสงสัยไปเฉย ๆ อย่างไร้เหตุผลก็ได้

     

     

    ชานยอลถนัดการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ใช่ เขาทำอย่างนี้มาตลอด

     

     

    ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ก่อนจะจูบหลังมือที่สอดประสานกันขณะที่ยังไม่ละสายตาออกห่างจากใบหน้าขาว สีหน้าของป๋ายเซียนต่างไปจากตอนแรกที่ขึ้นมาบนรถ แต่ก็ไม่แย่จนน้ำหนักเทไปทางชวนน่าสงสัยไปกว่าเกิม

     

     

    คนโกหกไม่เก่ง แต่ก็ไม่ยอมพูดความจริงออกมาทั้งหมดแบบนี้น่ะ...

     

     

    นั่นสิ ทุกคนมีเซนส์ แล้วเราก็เดาแม่นทุกครั้งซะด้วย

     

     



     

     


     

    อะไร

     

    ทำไมนิสัยไม่ดีแบบนี้อะ พูดจบก็ผลักอกคนตัวโตกว่า แต่เซฮุนก็ยังคงยืนนิ่งแม้ว่าจะเซเล็กน้อย

     

    ชายหนุ่มตัวผอมเลิกคิ้วมองไอ้เตี้ยเบอร์สองที่อยู่ ๆ ก็โผล่มายืนจังก้าอยู่หน้ารถซึ่งจอดอยู่หน้าคณะในเวลาเช้าตรู่เหมือนอย่างเคย อีกทั้งยังส่งสายตาเป็นเชิงขู่ กดดันให้เขาเดินลงไป ก่อนจะมาปั้นหน้ามึนใส่

     

    ถ้ามึงอธิบายไม่จบภายในประโยคเดียว กูจะตบหัวคืน เอาให้แรงกว่าที่มึงผลักเมื่อกี้ด้วย

     

    ก็เอาซี้ จะได้รู้กันไปเลยว่ามึงเป็นคนถ่อย ชอบหาเรื่องคนอื่นไม่เลือกหน้า

     

    ชายหนุ่มหลุบตามองใบหน้าซน ๆ ของอีกฝ่ายที่เชิดขึ้นเถียงคอเป็นเอ็น เท่าที่จำได้ เขาก็ไม่เคยไปเหยียบหางใครในรอบหลายวันนี้ ถ้าจะเหยีบบ ก็มีแต่ความรู้สึกตัวเองที่เทให้บยอนแบคฮยอนไปเต็มที่ แต่มันเสือกแกล้งตายใส่หน้าด้าน ๆ แล้วไปเที่ยวกันได้อย่างหน้าตาเฉยตลอดทั้งวัน

     

    เมื่อวานกูไปกับพี่มึงแน่ ๆ อย่ามาละคร ถ้าไอ้เตี้ยเบอร์สองอ้าปากบอกว่า โป๊ะแล้ว! เมื่อวานที่มึงสารภาพรักอะ คือกูเอง!’ จะกลายร่างเป็นเดอะฮัลค์ให้ดู

     

    เซฮุนเอามือดันหน้าอีกฝ่ายออกให้พ้นทาง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่หยุดแค่นั้น ป๋ายเซียนวิ่งตามมาติด ๆ แล้วแย่งกล่องอุปกรณ์ไปกอดไว้แนบอก เบะปากทำตาโตกึ่งหาเรื่องและคิดว่ามันต้องสมหวังแน่ ๆ ถ้าหากทำของรักของหวงของเขาตกพื้นจนเสียหาย

     

    อยากตายเหรอ เอาคืนมา

     

    ไม่

     

    กูมีเรียนแปดโมงครึ่ง แล้วตอนนี้ก็แปดโมงสิบห้า ดูเวลาเป็นใช่ไหม? ชายหนุ่มชี้นาฬิกาข้อมือให้ดู ซึ่งป๋ายเซียนไม่รู้หรอกว่าราคามันจะแหกแค่ไหน

     

    มึงก็เป็นอย่างนี้ไง ชอบขู่คนอื่น

     

    มันใช่เวลาที่มึงจะมาพูดถึงข้อเสียที่กูไม่ได้เป็นเหรอวะ เอาคืนมานี่ เซฮุนพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว ป๋ายเซียนจึงยืนห่อไหล่ หลับตาปี๋กอดกล่องอุปกรณ์ไว้แน่น

     

    ชายหนุ่มหลุบตามองไอ้เตี้ยเบอร์สองที่อวดเก่งได้ไม่สุดทาง อีกทั้งยังช้อนตามองปริบ ๆ เหมือนจะบอกว่า แน่จริงก็ต่อยเลยฉิ แต่กูร้องไห้แน่ ตรงนี้ด้วย คนเริ่มเยอะแล้ว มึงได้อับอายแน่เซฮุน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     

     

    หึ... อยากเขกกะโหลกจริง ๆ ดื้อดีนัก -_-

     

     

    ห้านาที เล่ามาให้หมดว่าอะไรที่ทำให้มึงคลานมาหากูถึงหน้าตึกแฟชั่นได้

     

    หูย กูไม่ใช่หมานะ

     

    มึงเป็นหมา

     

    ป๋ายเซียนบึนปาก ตัวโยกไปข้างหน้าจนเกือบล้มเพราะถูกอีกฝ่ายแย่งกระเป๋าอุปกรณ์ไป คนตัวเล็กปัดเชิ้ตขาวของตนเองอยู่สองสามที ก่อนจะมองสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความรำคาญของเซฮุนที่มีให้เขาแบบนี้อยู่เสมอ

     

    กูรู้ว่ามึงไม่ชอบชานยอล แต่ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอ คำถามของคนตัวเล็กทำเอาคิ้วคนฟังกระตุก แววตาของโอเซฮุนไม่ได้มองมาอย่างคาดโทษ หรือสวนกลับมาด้วยคำพูดแสบ ๆ คัน ๆ อย่างที่ใจคิด

     

    ตอนนี้คล้ายว่าคนตัวผอมกำลังไม่เข้าใจ ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าเขายังไม่พูดเข้าประเด็นก็ได้ ดังนั้น... พูดบ้าไร

     

    งั้นตรง ๆ เลยแล้วกัน มึงเลิกหาเรื่องชานยอลได้แล้ว ต่างคนต่างอยู่ไป ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน กูเข้าใจว่าเสือมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้อะ แต่กูก็ไม่อยากให้ชานยอลอารมณ์-- โอ๊ะ!”

     

    ป๋ายเซียนยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อย ๆ กับความแสบร้อนเพราะถูกอีกคนดีดเข้ามาซะเต็มแรง สายตาของเซฮุนตอนนี้กำลังไม่พอใจ ใช่ ไม่พอใจมาก ๆ ด้วย แต่มันยังเก็บอาการไว้ได้ หูย ถ้าพีคกว่านี้อีกนิดแม่งแปลงร่างมาฆ่าเขาแน่ ๆ

     

    ถ้ายังเลอะเทอะอีกแค่ประโยคเดียว กูจะตบหัวมึงตามจำนวนคำ

     

    อะไรอะ มันเป็นเรื่องที่มึงควรปรับปรุงตัวเองไหม ไม่ใช่เอะอะทำร้ายร่างกายคนที่หวังดีด้วย ป๋ายเซียนสุดจะทน จึงฟาดแขนไอ้คนเย็นชาไปทีนึงแต่ก็เจ็บเอง ทำไมแขนมันแน่นขนาดนี้เนี่ย เล่นกีฬาเหรอ หรือฟิตเนส

     

    หนึ่ง กูอาจจะเคยมีปากเสียงกับมัน แต่นั่นก็เป็นเพราะปาร์คชานยอลเริ่มก่อน

     

    อ่อย! (ปล่อย!)คนตัวเล็กดิ้นพล่าน เมื่ออีกฝ่ายบีบกรามเขาเอาไว้ด้วยมือเดียว ป๋ายเซียนมองนิ้วชี้เรียวยาวที่ชูขึ้นมาตรงระดับจมูก ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างกันแค่คืบเดียว

     

    สอง กูกับมันลาขาดกันตั้งแต่จบงานคู่ และถ้ามันเพิ่งระลึกชาติได้ตอนนี้ว่าควรขึ้น ก็บอกมันกัดลิ้นตัวเองตายไปซะ เพราะกูคงไม่มีเวลาไปเถียงเรื่องไร้สาระกับมันเหมือนพวกรุ่นพี่ปีสอง

     

    ปีสองไหนอะ? คนตัวเล็กทำตาโต จับข้อมือแกร่งไว้พร้อมฉายแววสงสัย เซฮุนยังไม่ยอมปล่อยมือออกขณะมองใบหน้าดื้อ ๆ ที่อยากบีบให้เป็นก้อนเพราะความมันเขี้ยว

     

    ทีงี้มันไม่เล่าให้มึงฟังสิ ให้ตาย... ผู้ชายของมึงนี่โคตรอินซีเดียส วิญญาณยังตามติดกูชัด ๆ ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ ขนาดไม่ค่อยมองหน้ากันยังเฮี้ยนขนาดนี้

     

    มึงก็เล่าให้กูฟังสิ... นะเซฮุนนะ ป๋ายเซียนเอารอยยิ้มเข้าสู้ ซึ่งมันไม่เคยใช้ได้ผลกับโอเซฮุนเลยสักครั้ง

     

    กูไม่เล่า ชายหนุ่มแค่นหัวเราะแล้วปล่อยมือออก มองรอยแดงจาง ๆ บนแก้มขาวอย่างรู้สึกผิดลึก ๆ ที่มันเกิดขึ้นเพราะเขาเผลอออกแรงบีบมากเกินไป

     

    ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างคาดหวังว่าจะได้คำตอบดี ๆ จากผู้ชายคนนี้ ซึ่งเขาคงไม่มีให้ ขึ้นไปเรียนวิชาเดียวกันไม่เดินไปกระชากคอเสื้อมันมาถามว่าไปตอแหลอะไรให้ไอ้เตี้ยเบอร์สองฟังก็ดีแค่ไหนแล้ว

     

    ถ้าปาร์คชานยอลแคร์ความรู้สึกมึงจริง ๆ มันจะพูดทุกอย่างเอง ไม่ใช่ให้มึงวิ่งไล่หาคำตอบกับคนอื่นอย่างนี้

     

    ทั้งคู่สบตากัน และเป็นอีกครั้งที่บยอนป๋ายเซียนทำให้รู้สึกผิดได้ด้วยสีหน้าหงอย ๆ เหมือนคนต้องการความเห็นใจ ซึ่งโอเซฮุนไม่อยากมีให้แล้ว เขาอยากจะชัดเจนกับบยอนแบคฮยอน แล้วเห็นอีกฝ่ายเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่มีผลกระทบทางความรู้สึก

     

    แต่ในขณะเดียวกัน... ไอ้เตี้ยนี่ก็เอาแต่ปกป้องปาร์คชานยอล แล้วยัดเยียดให้เขาเป็นคนเลวอยู่ได้

     

    อ้อ ถ้ายังเลือกที่จะเชื่อแบบนี้อยู่ล่ะก็ กูจะบอกอะไรให้ ทั้งคู่สบตากัน ซึ่งดูเหมือนว่าป๋ายเซียนจะอยากฟังเขาพูดต่อมากกว่าการอ้าปากเถียง กูไม่ได้ทำตัวแย่ ๆ ใส่ทุกคน

     

    ...

     

    ซึ่งถ้ากูจะทำแบบนั้นก็เพราะกูมีเหตุผล อย่างเช่นมึง

     

    เซฮุนเริ่มรำคาญสายตาของป๋ายเซียนแล้ว ทำไมมันต้องมองมาเหมือนคาดหวังว่าคำตอบของเขามันจะส่งไปในทางที่ดีด้วย?

     

    มึงมันคนสองมาตรฐานนี่” 

     

    ใช่ แล้วกูก็จะทำแบบนี้กับมึงไปเรื่อย ๆ ด้วย เขารู้สึกเป็นคนไร้เหตุผล มากกว่าตอนที่พ่นความในใจให้แบคฮยอนรู้เสียอีก อย่างน้อยตอนที่อยู่กับแบคฮยอน โอเซฮุนก็ยังพูดอย่างฉะฉานได้โดยไม่ต้องห่วงว่ามันจะเจ็บปวด

     



    แต่พอเป็นคนตรงหน้า มันกลับมีความรู้สึกผิดไล่ตามมาทุกครั้งหลังจากพูดออกไป

     



    เชิญไปเอาใจปาร์คชานยอลให้พอ

     

    ผู้ชายเย็นชาที่เอะอะเป็นด่าเดินหนีไปแล้ว ป๋ายเซียนทำได้แค่ยื่นมือออกไปข้างหน้า อ้าปากเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่มีเสียงออกมาสักแอะ เขาเพียงยืนโง่อยู่ตรงนี้แล้วมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายจนกระทั่งหายเข้าไปในตึกแฟชั่นดีไซน์ พร้อมคำถามมากมายที่ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบได้จากไหน

     

    ป๋ายเซียนเบะปากพลางเกาหัว เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บกับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่อยากให้ไอ้บ้านั่นเดินหนีไปเฉย ๆ อะ โอเซฮุนเป็นคนนิสัยไม่ดีที่ชอบขึ้นเสียง ทำหน้าเหมือนว่ารำคาญเขาอยู่ตลอดเวลา แต่จากแววตาและคำพูดทั้งหมดนั้น คนตัวเล็กคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้โกหก และผู้ชายที่เขาชอบก็คงเหมือนกัน มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ชานยอลจะสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อบลั๊ฟเซฮุน

     

    คนตัวเล็กยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อใช้ความคิดอยู่นานสองนาน เงยหน้าขึ้นมองตึกหรูเบื้องหน้าแล้วนึกไปถึงใครอีกคนที่เพิ่งลับริมฝีปากกันไปเมื่อครู่ ซึ่งดูเหมือนว่าปัญหาในตอนนี้จะไม่ใช่เรื่องการหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่พูดความจริง

     

     

    แต่มันคือเรื่องบ้า ๆ ที่บยอนป๋ายเซียนเป็นกังวลเพราะคิดไปเองว่าเซฮุนคงกำลังรู้สึกไม่ดีเพราะคำพูดของเขา

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง...

    ห้ามโทรหา

    [ กูขอโทษอะ ( '')๗ ]

     

     



    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×