ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MIDNIGHT FIEND #มิดไนท์ฟีนด์ | KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 19 :: Sanguinity (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.46K
      62
      19 มิ.ย. 60

    (c)              Chess theme
      




     

    CHAPTER 19

    Sanguinity

     




     

    เราเหมือนคนโง่ที่ดื่มเหล้าไปหกสิบขวดแล้วยังนั่งยืดหลังตรงให้คนรอบข้างมองเล่น ๆ

    แต่อย่างน้อยฉันกับนายก็ผลัดกันไปเข้าห้องน้ำอยู่นะ

    เมื่อกี้มีช่างภาพแอบถ่ายรูปพี่จากตรงนั้นด้วย

    ข่าวฉันมันขายได้ ถึงจะเป็นคอลัมน์โง่ ๆ ชวนให้ตั้งคำถามเล่น ๆ ว่าซีอีโอบริษัทน้ำหอมนั่งดื่มเหล้าข้างทางแล้วมันน่าตื่นเต้นตรงไหน?ก็เถอะ

    กลายเป็นเจ้าชายติดดินไปแล้ว รู้สึกยังไงกับข่าวนี้ครับท่านประธาน?

    รู้สึกว่าเราควรจะแกล้งเมากันบ้าง สักนิดก็ยังดี ว่าไงล่ะคยองซู?

    เจ้าของชื่อหลุดขำหลังจากได้ยินพี่ชายพูดเรื่องตลกออกมาอย่างหน้าตาเฉย ท่ามกลางความหนาวเหน็บยามค่ำคืนที่มนุษย์ยังคงเดินผ่าน รอบข้างมองอย่างประหลาดใจว่าทำไมชายหนุ่มทั้งสองถึงได้คอแข็งนัก คยองซูเพียงยกยิ้มและชนแก้วกับพี่ชายอีกครั้ง ทั้งคู่เหมือนกำลังดื่มย้อมใจเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะตัดสินชะตาชีวิตวันพรุ่งนี้ แต่ดื่มไปเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเมาเพราะหมาป่าฟื้นตัวได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่าตัวนัก

    พ่อกับแม่ไม่ชอบใจเรื่องเซฮุน

    ฉันรู้

    ผมว่าพ่อยังพอเข้าใจได้ แต่กับแม่คงยากหน่อย เธอคลั่งตำแหน่งจ่าฝูงมากแค่ไหนพี่น่าจะเข้าใจดี คยองซูย้ำให้พี่ชายนึกภาพออกว่าด่านอุปสรรคของคิมจงอินมันสูงติดฟ้าจนการปีนข้ามไปอีกฝั่งมันค่อนข้างยากแม้จะเป็นความสามารถระดับจ่าฝูงผมรู้ว่าพี่ชอบเซฮุนมาก แต่อย่าให้เขากลายเป็นเหตุผลทุกข้อของพี่ไปล่ะ

    มันแย่หรือไงถ้าหากฉันจะให้ใครสักคนกลายเป็นเหตุผลอันดับต้น ๆ ที่ฉันอยากสนใจก่อน?

    แน่นอนว่าดีถ้าพี่ไม่ต้องแบกรับภาระโลกแตกไว้อยู่ คยองซูยกจอกเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะวางลงลำพังผมไม่กลัวตายอยู่แล้ว แต่ฝูงของเราต้องการผู้นำ ถ้าเกิดพี่ไขว้เขวจนเลือกทางผิด พอถึงตอนนั้นคงเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    นายคงไม่ได้หมายความว่าฉันจะตายเพราะหลงเซฮุนจนโงหัวไม่ขึ้นใช่ไหม? จงอินหัวเราะ

    ใจคอก็จะมองแต่ในแง่ร้ายตลอดเลยหรือไง? คยองซูเลิกคิ้วถามอย่างอ่อนใจ ทั้งที่วันนี้เขาเคลียร์งานทุกอย่างเพื่อตั้งใจมานั่งดื่มเป็นเพื่อน แต่อีกฝ่ายกลับพูดจาไม่รื่นหูเสียอย่างนั้น

    ฉันแค่ยังมองหาแง่ดีจากคำพูดของนายไม่ได้

    ก็หาจากตัวเองซะสิ พี่ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องแบบนั้นจากผม

    ถ้าเกิดฉันแพ้ รยูชินจะได้เป็นผู้นำจ่าฝูงคนต่อไป คยองซู จงอินดื่มอีกแก้วแต่นายไม่ควรวางใจง่าย ๆ รู้ใช่ไหม?

    เลิกพูดจาเลอะเทอะสักทีเถอะ มันไม่ใช่พี่เลยสักนิดคยองซูแย่งขวดโซจูจากมืออีกคน จ้องมองใบหน้าคมที่ซ่อนความกังวลได้ไม่เก่งเท่าที่ผ่านมาผมจะไม่พูดในฐานะหมาป่าในฝูง แต่ผมจะพูดในฐานะน้องชายของพี่ คนฟังหัวเราะในลำคอเบา ๆ ขณะคยองซูเงียบไปครู่หนึ่ง อย่าถอดใจ จงอิน

    อันที่จริงมันค่อนข้างกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกครั้งที่หันหน้าเข้าหากัน บทสนทนาเหล่านั้นมักจะเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงเรื่องโลกแตก แต่คราวนี้มันต่างออกไป ตรงที่มีคำฝากฝังหลุดออกมาจากปากชายหนุ่มที่มักจะมีความมั่นใจเกินร้อยอยู่เสมอ

    คำทำนายทำให้พี่ไขว้เขวมันจะส่งผลเวลาต่อสู้ พอถึงตอนนั้นพี่จะแพ้เพราะสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป คยองซูมองอีกคนที่ยึดสายตาอยู่กับจอกเหล้าในมืออย่าให้ใครเอาอนาคตมาตัดสินสิ่งที่พี่เป็น

    สิ่งที่ผู้หยั่งรู้พูดมันเกิดขึ้นเสมอ นายก็รู้

    แล้วไงเหรอ? คำทำนายที่ว่ามันไม่ชัดเจนมากพอที่จะระบุได้ว่าใครที่จะเป็นฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ ที่พี่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็โดดเดี่ยวไม่ต่างจากไคเหมือนกัน

    นายกำลังหลอกตัวเอง คยองซู

    ...

    เราต่างรู้คำตอบอยู่แล้ว อย่าฝืนมันเพียงเพราะว่าฉันเป็นพี่ชายของนายเลย ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง แน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่น้องชายคนสนิท เขาคงไม่มีวันพูดโง่ ๆ อย่างหมาขี้แพ้ออกมาอย่างนี้

    เพราะผมไม่อยากเสียพี่ไป

    ...

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่สู้อย่างเต็มที่ คยองซูเองก็คงอึดอัดใจเหมือนกัน กับชะตาชีวิตตระกูลคิมที่อาจพังไม่มีเหลือถ้าหากจ่าฝูงหมาป่าพ่ายแพ้แวมไพร์ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การสูญเสียพี่ชายคนนี้ไป คนที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก นึกถึงครอบครัวของเรา นึกถึงเซฮุนที่อยากใช้ชีวิตอยู่กับพี่ นึกถึงความสุขที่พี่ควรจะมีสักครั้งหนึ่งในชีวิต

    ...

    ถ้าพี่เป็นอะไรไป เซฮุนจะอยู่ยังไง?

     

    ผมที่เป็นผู้ชาย คนธรรมดาไม่มีพลังวิเศษ ผมอยู่กับคุณได้ใช่หรือเปล่า?

     

    ไคคงไม่ปล่อยเซฮุนไปเฉย ๆ แน่

    ชายหนุ่มผิวแทนเผลอกำมือจนจอกเหล้าแตกคามือก่อนเลือดสีสดจะซึมออกมาจากซอกนิ้วกับภาพที่คิมจงสามารถจินตนาการได้เป็นฉาก ๆ เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเขาได้รับความพ่ายแพ้ เสียงตะโกนเรียก เจ้านาย ขณะถูกฝั่งแวมไพร์เอาตัวไป กับอาการบาดเจ็บเจียนตายแต่กลับทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนมองนิ่ง ๆ

    ไม่มีทาง... คิมจงอินจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด

     

     

     

    *

     

     

     

    คุณส่งข้อความถึง...

    เจ้านาย

    [ ผมชงกาแฟสองแก้วเพราะคิดว่าคุณอยู่ตรงนี้ด้วย

    ตลกจังครับ แค่คิดถึงคุณ ผมก็ทำเรื่องโง่ ๆ ได้แล้ว ]

     

    ป่านนี้เจ้านายอาจจะนอนหลับอยู่ หรือไม่ก็วิ่งด้วยสี่เท้าในป่าเพื่อเตรียมพร้อมรับมือไคในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และสิ่งที่โอเซฮุนทำได้คือนั่งโง่ ๆ อยู่ที่บ้าน รอฟังผลจากทนายความอย่างโดคยองซูซึ่งไม่รู้ว่าจะมาให้คำตอบเมื่อไหร่

    ใจหนึ่งอยากให้สู้กันไปให้มันจบ ๆ แต่อีกใจก็กลัวผลลัพธ์ที่พระเจ้ามักจะไม่เข้าข้างคนคาดหวัง เหมือนตอนแม่จะจากไป โอเซฮุนพร่ำวอนขอต่อพระเจ้าว่าอย่าพรากเธอไปแต่ท่านก็เพิกเฉยกับคำขอของเขา

    ไม่มีกระจิตกระใจจะเปิดดูดวงรายวันอย่างที่ชอบ ชายหนุ่มตัวผอมทำได้แค่ถือแก้วกาแฟร้อนในครัว และให้แขนเสื้อที่กินมือไปครึ่งหนึ่งช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายในวันเหน็บหนาว เขาอยากไปยืนอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าโอเซฮุนสำคัญมากพอที่จะเป็นกำลังใจให้จ่าฝูงหมาป่าได้หรือเปล่า

    ไม่อยากเข้าข้างตัวเองเกินไปกว่านี้ เขาเป็นแค่คนที่เจ้านายชอบ ไม่ได้สำคัญถึงขั้นมีผลต่อจิตใจและชีวิตถึงขนาดนั้น บ้าเหลือเกิน แค่คิดก็น้อยใจขึ้นมาทั้งที่มันไม่ใช่เวลาเลยสักนิด โอเซฮุนควรกังวลว่าเจ้านายจะเจ็บตรงไหนมากกว่าจะคิดเรื่องโง่ ๆ

    รู้ไหมว่ากลิ่นความเศร้าของคุณมันคลุ้งไปจนถึงหน้าบ้าน

    ...

    อ้อมกอดจากด้านหลังทำให้ใจหายและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เซฮุนเอี้ยวหน้าหันไปมองเจ้าของรอยยิ้มที่เหมือนหลุดออกมาจากความคิดได้ หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉา กระวนกระวาย กำลังได้รับการเยียวยาจากริมฝีปากที่ประทับจูบลงมาปลอบประโลมคนคิดมาก

    น้ำตาคลอแล้ว ถ้าคุณจะร้องไห้ เหตุผลเดียวที่ผมจะอนุญาตก็คือคุณดีใจที่ได้เจอผมจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวนะจงอินมองจมูกสีระเรื่อกับริมฝีปากที่เม้มจนเป็นเส้นตรง พร้อมกลิ่นความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และนั่นคือกลิ่นของความดีใจที่ทำให้เขารู้สึกดี

    เซฮุนวางแก้วกาแฟลงแล้วโผเข้ากอดคนตรงหน้าแน่น ๆ ราวกับกลัวว่าจะหายไป และการที่เจ้านายกอดตอบและจูบซอกคอเบา ๆ มันก็ทำให้เขาหลุดพ้นจากความกังวลไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

    ได้นอนบ้างหรือเปล่า คุณต้องไปเจอไคกี่โมง กินเนื้ออร่อย ๆ แล้วใช่ไหม คุณมาที่นี่ได้ยังไง ไม่ต้องเตรียมตัวเหรอครับ?

    ผมควรตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ? จงอินกระชับกอด ถ้าหากคุณยายจองหรือสองพี่สาวเดินมาเห็นเราคงต้องอธิบายกันยกใหญ่ ซึ่งเขามีเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ไว้อ้างแล้วว่า ผมขึ้นเงินเดือนให้ เซฮุนก็เลยดีใจเกินไปหน่อยน่ะครับ

    อันไหนก็ได้ ผมมีเวลาฟังคุณทั้งวัน

    จริง ๆ เลยนะ... ชายหนุ่มผิวแทนลูบศีรษะคนในอ้อมกอด กลิ่นของความกังวลยังคงอยู่ แต่ที่ทำให้คิมจงอินกลั้นยิ้มไม่ได้คือกลิ่นความคิดถึง โหยหา ที่มันฟุ้งกระจายไปทั่วห้องครัว ผมนอนแล้ว ส่วนเวลานัดเป็นช่วงสาย ผมยังไม่ได้กินอะไร แต่ผมเริ่มสนใจกาแฟแก้วที่สองที่มีคนชงเผื่อไว้ซะแล้วสิ

    มันคงเย็นแล้ว เดี๋ยวผมชงให้คุณใหม่นะ

    ไม่เป็นไร ตัวผมร้อนเหมือนไฟตลอดเวลาแบบนี้ได้ดื่มอะไรเย็น ๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน

    คุณมาหลังจากที่ผมส่งข้อความไปแค่ไม่กี่นาทีได้ยังไง คงไม่ได้วิ่งสี่เท้าฝ่าไฟแดงหรอกใช่ไหม? เซฮุนไม่ยอมผละตัวออก เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพราะถูกความกลัวเล่นงาน อยากจะเอาแต่ใจทั้งที่รู้ว่าไม่ควร

    อาจจะ

    เจ้านาย... คนถูกเรียกหัวเราะในลำคอ ก่อนจะจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายแล้วสบตากัน

    ผมชอบเวลาคุณเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนี้นะ เหมือนจะอ้อนแต่ก็แอบดุในเวลาเดียวกัน

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?

    ...

    คุณน่ะ... มาอยู่แถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คนตัวผอมมองอย่างคาดหวังคำตอบ เขาไม่ใช่แวมไพร์ที่จะอ่านใจใครออก ไม่ใช่หมาป่าที่จะอ่านความรู้สึกได้ เขาไม่มีความสามารถพิเศษอะไรสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นโอเซฮุนก็ยังอยากคาดเดาอย่างเข้าข้างตัวเองว่าเจ้านายไม่ได้มาไกลจากบ้านเพราะข้อความเมื่อครู่แน่ ๆ

    ตีสาม

    ...

    ผมคิดถึงคุณ แต่ก็ไม่อยากโผล่มาให้เห็นเพราะกลัวคุณจะคิดมากไปกว่าเดิม แต่สุดท้ายผมก็แพ้กลิ่นกาแฟแก้วที่สองซะได้ ชายหนุ่มยิ้มขำ

    คุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดมากได้แค่ไหน ห้ามคิดแทนผม

    แต่ผมทำไปแล้ว จะมีบทลงโทษให้จ่าฝูงที่ทำผิดหรือเปล่าครับคุณเลขา? จงอินโอบแก้มเย็นเฉียบของคนตรงหน้าเอาไว้ และเซฮุนก็เอามือเย็น ๆ ของตนทาบลงกับมือเขาอีกที

    รู้ไหมว่าตอนตีสามผมยังนอนไม่หลับเลย... คนตัวผอมถูแก้มตนเองกับมือจ่าฝูงเบา ๆ อย่างใคร่รัก ถ้าจงอินมาหาตอนนั้น โอเซฮุนสัญญาว่าจะอยู่นอนจ้องหน้าอีกฝ่ายจนกว่าจะหลับไป เขาจะไม่ปล่อยให้จงอินต้องอยู่กับความกังวลในคืนก่อนวันตัดสินตามลำพังเด็ดขาด

    คิดถึงผมมากเกินไปก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ผมจะไม่บอกวิธีทำให้เลิกคิดถึงหรอกนะ

    คุณนี่... เซฮุนถอนหายใจ เวลาแบบนี้ยังจะพูดเล่นอีก

    คุณไม่ใช่ผม คุณคงไม่เข้าใจ จงอินเลื่อนมือลงบนเอวกอด ตวัดกอดพร้อมยิ้มบาง ๆ ขณะสบตากับเจ้าของหัวใจของตน อยู่กับคุณแล้วมีความสุขแบบนี้ ใครเครียดออกก็บ้าแล้ว

    ...

    อา... ชักจะแสบจมูกเพราะกลิ่นเขินของคนแถวนี้ซะแล้วสิ

    เจ้านาย... คนเป็นเลขากดเสียงต่ำ มองคาดโทษคนตรงหน้าที่ยังคงเอาแต่พูดเล่นไม่หยุด

    ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเซฮุนก็ใช้ความกังวลของตนเองเอาชนะการกลบเกลื่อนของอีกฝ่ายได้ในที่สุด เมื่อรอยยิ้มบนใบหน้าคมค่อย ๆ จางหายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงถอนหายใจเบา ๆ ซึ่งเจ้านายคงไม่รู้ตัว

    ผมให้คนตัวผอมก้มลงมองล็อกเก็ตเก่า ๆ ในมือแกร่ง จดจ้องอย่างประหลาดใจก่อนจะพบว่ามันคือล็อกเก็ตนาฬิกาโบราณซึ่งคงมีอายุนานมากกว่าเขาหลายรอบ ดูแลมันให้ดีนะ มันสำคัญสำหรับผมมาก

    ถ้ามันสำคัญ... แล้วทำไมถึงฝากไว้กับผมล่ะครับ?

    เพราะคุณสำคัญของผม เซฮุน

    ...

    และของสำคัญก็ควรอยู่กับคนสำคัญ ผมคิดเรื่องนี้มาดีแล้วจงอินคล้องล็อกเก็ตกับคอคนตรงหน้าพร้อมจัดแจงให้อยู่ตรงกลางอก เซฮุนกำลังก้มลงมองมันอย่างสนใจ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถามและความแน่ใจว่าตนเองเหมาะสมกับของสำคัญชิ้นนั้นจริง ๆ หรือ? รู้ไหมว่ามันมีอำนาจมากกว่าจ่าฝูงเสียอีก

    ยังไงครับ?

    มันสั่งผมได้

    สั่งคุณ? เซฮุนเลิกคิ้วมองอย่างสนใจ ก่อนจะมองมือแกร่งที่กำลังประคองมือเขาให้บีบปุ่มสีทองเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างหลังล็อกเก็ต

    ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แค่กดมันครั้งเดียว ชายหนุ่มผิวแทนก้าวเข้าหาจนประชิดตัวกับอีกฝ่ายจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้อากาศวิ่งผ่าน ทั้งคู่สบตากัน และหัวใจของโอเซฮุนกำลังเต้นเร็วแรงเข้าไปทุกที ผมจะมาหาคุณทันที

    ...

    และต่อให้คุณจะอยู่อีกฝั่งของโลก ผมก็จะตามหาคุณให้เจอ

    เจ้านายไม่ได้ให้คำสัญญาว่าจะไม่มีทางแพ้แวมไพร์อย่างไค แต่ผู้ชายคนนี้กำลังทำให้โอเซฮุนเชื่อเรื่องของความรักมากกว่าเรื่องของชัยชนะที่บั่นทอนจิตใจมาตลอดทั้งคืน หลังจากยืนมองอีกฝ่ายยิ้มมานาน สุดท้ายคนเป็นเลขาก็หลุดขำออกมาทั้งน้ำตากับสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ว่าจะความกังวล ความไม่แน่ใจ ความหวาดกลัวทั้งหมด

     

    มันถูกทำลายด้วยคำพูดของเจ้านายไปในครั้งเดียว

     


     

    50%

     



    แม่เชื่อในตัวลูก ลูกคือจ่าฝูงผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนมันก็แค่แวมไพร์เศษสวะที่ --

    พอเถอะครับ

    ...

    ผมอยากอยู่เงียบ ๆ พักสมองหน่อย

    คุณหญิงมองหน้าลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์นักหลังจากถูกขัดใจกับการว่าร้ายศัตรูคู่แค้นที่รายนี้มีส่วนเกี่ยวพันกันทางสายเลือด แม้จะไม่ใช่โดยตรง แต่คุณหญิงก็ต้องทนหัวเสียกับความจริงอยู่ทุกวี่วันว่าแวมไพร์อย่างไคนั้นมีเลือดเนื้อของสามีเธออยู่ครึ่งหนึ่ง

    เอามันให้ตาย จำคำที่แม่พูดไว้ ทั้งเสียงและแววตา จงอินรู้สึกได้ดีทีเดียวว่าแม่คงห่วงเรื่องชัยชนะมากกว่าความเป็นความตายของลูกคนนี้ ชายหนุ่มไม่ได้ยิ้มและขอกอดเอากำลังใจอย่างที่พี่ชายคนโตทำเป็นประจำ จงอินเพียงสบตากับเธอเพื่อขอให้หยุดสั่งเขาเป็นหุ่นเชิดเสียที

    คยองซูกับไอรีนรออยู่หน้าบ้าน ในห้องโถงกว้างจึงเหลือเพียงอดีตจ่าฝูงกับลู่หานเท่านั้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่จงอินจะออกไปสู้เพื่อครอบครัว ได้ชัยชนะมาก็เพราะความสามารถทั้งนั้นไม่ใช่เพราะการขอกำลังใจจากใครที่ไหน แต่คราวนี้มันต่างออกไป เมื่อสิ่งที่คิมจงอินควรทำไม่ใช่การเดินไปขึ้นรถ แต่เขากำลังหันหน้าเข้าหาพ่อตนเอง

    พ่ออยากพูดอะไรกับผมไหม?

    ทั้งคู่ต่างทิฐิกันมานาน และจงอินไม่เคยคาดหวังว่าพ่อจะเป็นฝ่ายยอมก่อน ลู่หานมองสองพ่อลูกที่ไม่สนิทกันนัก แอนิเมจัสหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างเนือย ๆ กับความสัมพันธ์ที่เขาเห็นมาตลอดเจ็ดสิบกว่าปี อาจเป็นเพราะคำทำนายจากผู้หยั่งรู้จงอินถึงได้ยอมถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างคนยอมจำนนกับดวงชะตา และหันหน้าเข้าคนเป็นพ่อเพื่อวอนขอกำลังใจ

    คิมแรวอนยังคงนิ่งจนเขาอยากตะโกนด่าว่า ไอ้คนนิสัยเสีย เหมือนอย่างเช่นตอนอีกฝ่ายเป็นเด็กที่ยังไม่ประสีประสานัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปร้อยปี ความเจนโลก บาดแผล และภาระหน้าที่จึงทำให้หัวใจที่เคยบอบบางแข็งกระด้างไปในบัดดล

    ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถ้าหากจงอินยังต้องแบกรับภาระใหญ่หลวงไว้อย่างนี้ ลู่หานเชื่อว่าสักวันหนึ่งหมอนี่คงกลายเป็นเหมือนพ่อของตัวเอง เป็นจ่าฝูงที่ไร้ความรู้สึก เย็นชาต่อทุกสิ่ง เพียงเพราะยึดติดอยู่กับความอยู่รอดและการฆ่าแวมไพร์

    ลู่หานเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาอยากให้จงอินรอดพ้นจากวันนี้จริง ๆ หรือไม่... ถ้าหากต้องอยู่อย่างจ่าฝูงที่ต้องเก็บความทรมานไว้ในใจ บางทีการตาย... ก็อาจจะเป็นการปลอบประโลมหมอนั่นได้ดีที่สุด

     

     

     

    *

     

     


    ถ้ามาเพื่อโน้มน้าวไม่ให้ผมไปล่ะก็... น้ากลับไปนั่งทำหน้าหล่อ ๆ ในหอสมุดเหมือนเดิมดีกว่า

    ไคสบตากับน้าชายที่ยืนอยู่หน้าประตู ก่อนแวมไพร์อีกสามตนอย่างมินโฮ แทฮยอน และซอกจินจะลุกขึ้นโค้งศีรษะทำความเคารพแวมไพร์ที่สูงศักดิ์กว่า

    ออกมาคุยกับน้าหน่อยคนผิวแทนกลอกตาพลางถอนหายใจแรง ๆ เพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาเดินตามน้าอี้ชิงออกไป เขาจึงโยนรูปถ่ายประธานบริษัทมิดไนท์แกรนด์เพอร์ฟูมส์ที่ถูกแอบถ่ายตอนกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะกับเลขาทิ้งลงบนโต๊ะ

    จริง ๆ เล้ย... มินโฮยิ้มขำพลางส่ายศีรษะ คงมีแค่จางอี้ชิงเท่านั้นที่ทำให้ไคกลายเป็นเด็กได้ และมันทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ขึ้นมา

    เอาไงพี่ ผมคันมือจะแย่แล้ว อยากฆ่าหมา แวมไพร์เด็กเห่อวิชาดูจะตื่นเต้นไปกว่าใคร แทฮยอนจึงกดไหล่อีกฝ่ายให้นั่งลงกับที่

    มันไม่ใช่เรื่องของแก อยู่ที่นี่ดีที่สุด

    ได้ไงกัน พี่ไคก็ดูชอบผมออก

    มันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นหรอก เชื่อฉัน มินโฮยีผมอีกฝ่ายที่หน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงออกถึงความไม่พอใจ มีอีกหลายวิธีที่เอาใจไอ้ไคได้ แกไม่ต้องรีบหรอก

    แต่พวกพี่บอกว่ามันต้องหมาหมู่แน่ ๆ ไม่ใช่เหรอ ขาดผมไปคนนึงแล้วจะแย่นะ อย่างน้อยผมก็รับมือรับตีนแทนได้

    นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่ให้แกไปด้วย พวกมันคงไม่ได้มีแค่นักรบ ระดับจ่าฝูงแค่ข่วนทีเดียวก็ส่งแกไปหาพ่อแม่ในยมโลกได้แล้ว หัดเจียมกะลาหัวบ้างเถอะ

    พี่แทฮยอนก็พูดงี้ตลอด โด่ เด็กหนุ่มถอนหายใจ พลางมองรูปถ่ายบนโต๊ะอย่างอาฆาตแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องของตนเองพี่ว่าเลขาไรนี่จะไปด้วยไหม?

    ไม่น่ามั้ง ปกป้องกันซะขนาดนั้นคงไม่ยอมให้ไปเสี่ยงขอบสนามหรอก อยากคิดว่าคงเป็นเพราะเลขาคนก่อน ๆ ถูกไคหลอกไปฆ่าหลายคน คราวนี้คิมจงอินจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่มันก็ผิดปกติเกินไปทั้งฝั่งนั้นและเพื่อนสนิทอย่างไค ซงมินโฮจึงตามสืบเองจนได้เรื่องว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

    ไคคิดว่าโอเซฮุนเป็นคู่ชีวิต ส่วนคิมจงอินก็ตกหลุมรักเลขาของตนเอง และเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าที่ไคอยากเอาชนะน้องชายมากขนาดนี้เป็นเพราะต้องการยืนยันตัวตนกับเหล่าแวมไพร์ หรือแค่ต้องการโอเซฮุนมาครอบครองกันแน่?

    แต่ในฐานะเพื่อน ซงมินโฮก็อยากให้ไคเป็นฝ่ายชนะแม้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม

    ตัวปัญหาจริง ๆ เขาพึมพำกับรูปถ่ายในมือซอกจิน พลางทอดสายตาไปยังผนังไม้ระหว่างรอเพื่อนสนิทคุยธุระกับน้าชาย เด็กหนุ่มยังไม่ละสายตาจากภาพถ่าย เขามองเจ้าของรอยยิ้มพร้อมนึกถึงคำพูดของไคและแวมไพร์รุ่นพี่อีกสองคน

     

    ตัวปัญหาจริง ๆ

    ฆ่ามันให้หมดนั่นแหละ

     

     

    *

     

     

    อยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก... โอเซฮุนทำอย่างนั้นไม่ได้


    คาดว่านักข่าวคงเคยมายืนอยู่หน้าบ้านประธานบริษัทน้ำหอมชื่อดังแล้วมากหลายสำนัก และคงมีแค่วันแรกในการทำงานที่เซฮุนมีความคิดอยากมาที่นี่ ไม่จำเป็นต้องโลกสวยคิดว่าคนบ้านหลังนี้จะต้อนรับเป็นอย่างดี หลังจากฟื้นตัวกลางห้องโถงกว้างในบ้านตระกูลคิมวันนั้น โอเซฮุนก็รู้ตัวแล้วว่าฝูงหมาป่าของเจ้านายไม่ได้มีใครยินดียินร้ายกับการมีตัวตนของเลขาคนนี้


    เว้นแต่ลู่หาน คยองซู จุนมยอนและไอรีน


    แต่เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านแล้ว อีกแค่เมตรเดียวมือของโอเซฮุนก็สามารถยื่นไปกดกริ่งได้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มทำได้แค่ยืนบีบมือตนเองจนขึ้นข้อขาว ใจหนึ่งบอกให้เดินไปขึ้นรถแล้วกลับบ้านไปเสีย แต่อีกใจก็อยากสู้เพื่อความรู้สึกของตนเอง และเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เกิดความชั่ววูบ รู้ตัวอีกทีเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังและมันเกิดขึ้นจากปลายนิ้วของเขา

    ไม่รู้จะอ้างเหตุผลไหน อันที่จริงมีคำพูดดี ๆ มากมายที่เตรียมมาด้วยแต่โอเซฮุนกลับลืมไปจนหมดสิ้นเพราะในหัวมีแต่ความกังวล ชายหนุ่มตัวผอมยืนอยู่กับความหนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาวแต่ภายใต้เสื้อกลับชุ่มฉ่ำไปด้วยเหงื่อ ควรกดซ้ำดีไหมหรือว่าควรถอดใจ ตอนนี้จะมีใครอยู่บ้านอีก... ทุกคนน่าจะไปให้กำลังใจเจ้านายไม่ใช่หรือไง

     

    โอเซฮุนช่างโง่เขลาเหลือเกิน

     

    ( ไงหนู? )

    ...ลู่หาน?คนตัวผอมมองหน้าจอวิดีโอกริ่งหน้าบ้าน เพียงครู่เดียวประตูก็เปิดออกโดยเจ้าของชื่อ แอนิเมจัสในชุดเสื้อยืดแขนยาวสบาย ๆ ขัดกับอากาศในช่วงสายวันนี้ที่มันหนาวจนมนุษย์อย่างเขาต้องสวมเสื้อถึงสองชั้น

    กะแล้วว่าต้องมีคนทนไม่ไหว

    ผมทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า?

    ตอนนี้ไม่ แต่อีกหกสิบวินาทีข้างหน้าก็ไม่แน่ ลู่หานเหมือนเข้ามานั่งในใจเขาอย่างไรอย่างนั้น เซฮุนเม้มริมฝีปากพลางชะโงกหน้าเข้าไปในบ้านเล็กน้อย แอนิเมจัสหนุ่มจึงเลียนแบบด้วยท่าเดียวกันไม่มีใครอยู่หรอก ยัยคุณหญิงออกไปงานสังคม ส่วนไอ้คุณผู้ชายฝังรากอยู่ในห้องเครื่องปั้น กลิ่นดินเปียก ๆ คงกลบกลิ่นการมาของนายได้อยู่

    แล้วเจ้านาย... ออกไปนานหรือยังครับ?

    ก่อนนายมาประมาณครึ่งชั่วโมง กับคยองซู ไอรีน เป็นอีกครั้งที่ลู่หานรวบคำตอบให้ในครั้งเดียวราวกับรู้ว่าจะเกิดคำถามถัดมาอีก

    ทำไมคุณไม่ไปกับเขาล่ะ ถ้าเป็นแอนิเมจัสที่อยู่กับครอบครัวคิมมานาน แล้วทำไมลู่หานถึงยังอยู่ที่นี่?

    มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่างจ่าฝูงตระกูลคิมกับไอ้หน้าหยวกที่ต้องการยืนยันจุดยืนของตัวเองว่ามันเลือกเลือดเนื้อฝั่งแวมไพร์มากกว่าฝั่งหมาป่า ฉันก็เลยเข้าไปเผือกไม่ได้ไง

    แต่คุณคอยดูแลครอบครัวนี้มานานเป็นร้อย ๆ ปี... คุณยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้เลยเหรอครับ? เขาไม่เคยคิดจะโกงใคร และมันเป็นครั้งแรกที่เซฮุนมีความคิดอยากให้ลู่หานเล่นตุกติก

    ได้ยินนายพูดแบบนี้แล้วเสียความรู้สึกแปลก ๆ แอนิเมจัสหนุ่มแค่นหัวเราะขณะมองหน้าอีกฝ่าย เขาเท้าแขนกับขอบประตูบ้าน ถอนหายใจใส่แรง ๆ เพื่อให้มนุษย์ตรงหน้ารับรู้ ถึงไคมันจะนิสัยเสีย แต่มันก็ควรได้รับผลแพ้ชนะตามความสามารถของมันไม่ใช่หรือไง?

    ...

    กลับบ้านเถอะ ถ้าผลออกมาแบบไหนเดี๋ยวคงมีคนไปบอกนายถึงที่เอง

    เดี๋ยว!” คนที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านถูกรั้งเอาไว้ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นเซฮุนก็ค่อย ๆ คลายมือออก ก่อนลู่หานจะหันไปมองด้วยแววตาเรียบเฉยผมขอโทษที่พูดจาเห็นแก่ตัวอย่างนั้น

    คนตัวผอมคุกเข่าลงบนพื้นซีเมนต์เย็นเฉียบ เซฮุนรู้สึกผิดกับไคจับใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทนแบกรับความรู้สึกนี้ไว้ไม่ไหวเหมือนกัน แม้จะแสดงออกว่าไม่กลัวและให้กำลังใจเจ้านายไปอย่างเต็มที่ แต่โอเซฮุนรู้ตัวดีว่าเขาเชื่อเรื่องดวงมากกว่าใครที่ไหนในโลก

    ผมทนรอไม่ได้จริง ๆ หนึ่งนาทีที่มีหกสิบวิ... ผมเอาแต่คิดว่าตอนนี้เจ้านายกำลังจะเป็นยังไง ถูกกัดไปกี่แผลแล้ว เขาจะเจ็บมากแค่ไหน...

    ...

    ถึงผมจะมั่นใจในตัวเจ้านาย... แต่ผมก็ข่มความกลัวไม่ได้เลย ลู่หานสัมผัสได้ถึงความกลัวของมนุษย์ผ่านน้ำเสียงซึ่งกำลังสั่นจนแทบจับใจความไม่ได้ เพราะฉะนั้น... ผมขอร้องคุณอย่างนึงได้ไหมครับ?

    ไม่เอาน่าเซฮุน นายกำลังทำฉันลำบากใจนะ เขาพูดอย่างอ่อนใจ ทั้งที่รู้ว่าถ้าเปิดประตู เลขาโอก็คงมอบความหรรษาให้แต่ก็ยังเลือกที่จะเปิด

    บอกผมเถอะว่าตอนนี้เจ้านายอยู่ที่ไหน ผมสัญญาว่าจะดูอยู่ห่าง ๆ ไม่เข้าไปสร้างความวุ่นวายให้เด็ดขาด

     

    อย่าให้เซฮุนเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้

     

    เสียงของจงอินยังคงก้องอยู่ในความคิด แอนิเมจัสหนุ่มมองแววตาเว้าวอนของอีกฝ่ายก่อนจะเบือนหลบไปเพื่อหลีกหนีความเห็นใจ ซีเมนต์นั้นเย็นแค่ไหน คงมีแค่มนุษย์ที่รู้สึกถึงมันได้มากกว่าแอนิเมจัสอย่างเขา และเซฮุนยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นเพื่อวอนขอให้ผู้ชายคนนี้แหกกฎตนเอง

    มันคงเป็นความผิดของจงอินที่ทำให้มนุษย์อย่างนายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

    ...

    กลับไปเถอะเซฮุน อย่าบังคับให้ฉันต้องพูดในสิ่งที่ฉันเองก็ไม่อยากฟังเลย 

    ลู่หานตัดบทสนทนาด้วยประตูบ้านที่ถูกปิดลง คนตัวผอมเงยหน้าขึ้นมองอย่างสิ้นหวัง หัวใจชาวาบขึ้นมากับหนทางมืดมิดที่เขาไม่มีทางรู้เลยว่าจะต้องเดินไปทางไหน ความกังวลไม่ได้คลายตัวจางหายไปเลยสักนิด แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าลู่หานแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าเขาโผล่หน้าไปที่นั่น เจ้านายอาจจะพ่ายแพ้เพราะไขว้เขว แต่ถึงอย่างนั้น... เซฮุนก็ยังดึงดันที่จะสร้างปัญหาอยู่ได้

     

     

     

    *

     

     


    ในโกดังร้างอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ ฝ่ายหมาป่ามาถึงก่อนจึงมีโอกาสได้มองแวมไพร์ทั้งสามเดินลงจากรถ ไคไม่มีท่าทีตื่นกลัว ตึงเครียด หรือกังวลใด ๆ กลับกันแล้วเขายังยิ้มอย่างสบายใจหลังจากรอวันนี้มานาน

    สีหน้าจ่าฝูงตอนนี้เหมือนลูกหมาอมทุกข์ นึกขำจนกลั้นไว้ไม่ไหวแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายรับรู้จึงหลุดยิ้มออกมาให้เห็นว่าตอนนี้เขาเอ็นดูฝั่งตรงข้ามมากแค่ไหน คิมจงอินคงรู้ตัวแล้วว่าต่อให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะแวมไพร์อย่างไคได้ และมันคงไม่แย่นักถ้าหากเขาจะสละเวลาไปกับความสงสารสักสองสามวินาที

    โทษที พอดีแวะหาของอร่อยกินก่อนก็เลยมาสายไปหน่อย

    ไม่เป็นไร ก่อนตายแกก็ควรได้กินให้อิ่มท้อง

    อา... เป็นหมาก็เลยต้องพูดจาหมา ๆ สินะ แกนี่มันจริง ๆ เลยจงอิน แวมไพร์หนุ่มแค่นหัวเราะ มองคนที่ไม่อยากยอมรับว่าเป็นน้องชายทุกฝีก้าว

    จงอินกำลังพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนถึงข้อศอกพร้อมตรงมาทางนี้ ไคจึงถอดแจ็คเก็ตออกจนเหลือเพียงเสื้อยืดสีดำ เผยให้เห็นมัดกล้ามและแผงอกแน่นไม่ต่างจากคนตรงหน้า

    อย่าแพ้ล่ะ เพราะถ้าแกนอนจมกองเลือดเมื่อไหร่ น้องชายผู้เป็นที่รักกับเพื่อนจ่าฝูงของมันจะเป็นศพต่อไป... คนถูกยั่วโมโหเพียงยืนนิ่ง ไม่แสดงท่าทีอย่างที่อีกฝ่ายต้องการเห็น

    ฉันก็หวังว่าเพื่อนซากศพที่อยู่ข้างหลังจะไม่วิ่งหนีกลับไปนอนตัวสั่นในโลงเพราะเห็นแกตายเหมือนกัน

    อ๊า ให้ตายเถอะว่ะ ลับฝีปากกับหมานี่เสียเวลาชะมัด ไคแค่นหัวเราะก่อนจะเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หลังจากต่อปากต่อคำกับคนหน้าเหมือนแล้วปรากฏว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้เพราะหัวร้อนกับคำพูดของมัน

    ปัญหาทุกอย่างมันไม่ได้จบแค่วันนี้หรอก

    แหงล่ะ เพราะฉันจะตามเชือดคอครอบครัวแกทีละคนแล้วตัดหัวออกไปเสียบประจานก่อนจะจุดไฟเผาให้เหลือแค่กะโหลกไหม้ ๆ

    ต่อให้พยายามแค่ไหน แกก็ไม่มีวันหลอกตัวเองได้ จ่าฝูงหมาป่ากดเสียงลงต่ำว่าส่วนหนึ่งของแกมีเลือดหมาป่าอยู่

    หุบปาก!!!” ไคกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย เป็นจังหวะเดียวกับที่กรงเล็บของคนตรงหน้ากางออก แวมไพร์หนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะโชว์คมเขี้ยวที่คร่าชีวิตใครมานักต่อนัก และหมาป่าโง่ ๆ อย่างคิมจงอินจะเป็นรายต่อไป

    สักวันแกจะต้องเสียใจ

    ไม่มีอะไรทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นได้ อย่ามาทำเป็นรู้มากไปหน่อยเลย แกมันก็แค่ลูกหมาเพิ่งหัดเดิน เห่าไปวัน ๆ โดยที่ยังไม่รู้จักโลกดี ทันทีที่พูดจบ จงอินก็แค่นหัวเราะแล้วปัดมืออีกคนออกจากคอเสื้อตนเอง

    แกแพ้ตั้งแต่ไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น ต่อให้ฆ่าทุกคนบนโลกแกก็ยังต้องสู้กับคืนวันพระจันทร์เต็มดวงไปจนตาย ไม่มีรอยยิ้มขี้เล่นอย่างตอนลงจากรถอีก เจตนาของจงอินไม่ใช่การยั่วโมโห แต่เป็นการเตือนสติแม้จะรู้ดีว่าไคคงไม่อยากทำความเข้าใจ

    แวมไพร์หนุ่มขบกรามแน่นขณะสบตากับน้องชายต่างเผ่าพันธุ์ เขาไม่อยากยอมแพ้หมาป่าไม่ว่าจะด้วยทางกายหรือคำพูด ดังนั้นไคจึงต้องใช้เวลาตั้งสติเกือบครึ่งนาทีก่อนจะเรียกรอยยิ้มกลับมาได้

    ใช่ ฉันอาจจะต้องทนทรมานกับคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน อีกอย่าง... ตอนนั้นฉันคงเสพสุขกับเซฮุนจนแทบลืมไปแล้วว่าต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น ชายหนุ่มเว้นจังหวะเพื่อให้จงอินคิดตามสิ่งที่เขาพูดอ่า ฉันจะลืมเรื่องนี้ไปไม่ได้

    ไคเดินวนรอบตัวน้องชายพลางยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างหลังอีกฝ่ายแล้วกระซิบข้างหู

    เมื่อคืนเซฮุนมาหาฉันถึงบ้าน เรากอดจูบกันบนโซฟา เขาครางเรียกชื่อฉันจนแทบทนไม่ไหว ถ้าไม่เห็นแก่หน้าแกฉันคงใส่เข้าไปแล้ว... พนันได้เลยว่าข้างในมันคงฟิตแล้วก็รัดแน่นจนแทบเสร็จทั้งที่ยังไม่ได้ขยับ... ใช่ไหมจงอิน?

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรรซ์!!!!”

    เชิ้ตสีเทาฉีกขาดเป็นริ้วทันทีที่จ่าฝูงกลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งหมาป่า ไคถอยหลังออกจากจุดนั้นด้วยความเร็วจนคยองซูและไอรีนแทบมองไม่ทัน แวมไพร์หนุ่มมองดวงตาสีแดงของจ่าฝูงกับกรงเล็บแหลมคมที่เคยสร้างบาดแผลให้เขา

    ฮ่า ๆ มันต้องอย่างนี้สิ

     


    สองพี่น้องที่ฟาดฟันกันด้วยคำพูดกำลังจะเริ่มต้นการต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว

     

     

     

    *

     

    ...!!!”

    อย่า... อย่าทำหลานฉัน... โอ๊ย

     

    เจ็บ... เจ็บจนแทบขยับตัวไม่ได้

     

    เซฮุนไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะปกป้องยายจากคนแปลกหน้าซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เขากำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้ให้ยายกินอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้วอยู่ ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู เป็นชายคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันหรืออาจจะน้อยกว่าเขา

    โจรงั้นเหรอ? เซฮุนถามตัวเองในใจ... ขนาดมือของอีกฝ่ายไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเขาเลยสักนิด แต่แรงบีบที่คอกลับให้ความรู้สึกมากกว่าขนาดตัวเสียอีก เซฮุนหายใจไม่ออก ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายพร้อมขาทั้งสองข้างที่กำลังลอยขึ้นเหนือพื้น ก่อนจะเขวี้ยงเขาอัดกำแพงอย่างแรง

    พอยายจะเข้าไปห้าม ผู้ชายคนนั้นก็ผลักเธอชนกับขอบโต๊ะ ร่างของหญิงชราจุกจนทรุดลงไปกับพื้นและนั่นทำให้เซฮุนแทบบ้า ชายหนุ่มตัวผอมรีบประคองร่างตนเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ตรงดิ่งไปยังแผ่นหลังของคนส่วนสูงพอ ๆ กันก่อนจะคว้าไหล่ให้หันมาพร้อมซัดหมัดใส่หน้าไปแรง ๆ หนึ่งที

     

    ไม่ได้ผล...

     

    เซฮุนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อคนตรงหน้ายังคงยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะไร้ความเจ็บปวดใด ๆ จากหมัดของเขา

    กล้าดีนี่ ฉันชอบว่ะ คนแปลกหน้ามองมาราวกับว่าเห็นของเล่นชิ้นใหม่ เซฮุนลอบมองไปยังหญิงชราที่กำลังคลานบนพื้นอย่างน่าสงสาร ก่อนภาพเหล่านั้นจะพร่ามัวเมื่อเขาถูกชกหน้าแล้วเซไปชนกับชั้นไม้จนกระจกแตกกระจายไปกับพื้น

    อ... อา...

    เซฮุนนอนขดตัวบนพื้น สำหรับคนที่ไม่ชอบเรื่องชกต่อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้โอเซฮุนกำลังสัมผัสเพื่อรับรู้ว่ามันเป็นอย่างไร เขาทั้งเจ็บและชาในเวลาเดียวกัน ใบหน้าขาวเกิดรอยขีดข่วนจากเศษกระจกจนเลือดออก สายตาของหลานชายทอดมองไปยังหญิงชราซึ่งน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก

    ...

    เสียงชัตเตอร์จากกล้องมือถือดังขึ้นราว ๆ ห้า-หกครั้ง เซฮุนปรือตามองก่อนจะถูกกระชากคอเสื้อขึ้น ร่างกายของเขาในเวลานี้ไม่ต่างจากตุ๊กตาเลยสักนิด มันขยับและเคลื่อนไหวไปตามแรงที่อีกฝ่ายชักนำ ทั้งโดนชกหน้าซ้ำ กระชากให้ลุกขึ้นแล้วต่อยท้องจนตัวงอ

    อย่า... อย่าทำหลานฉัน... ได้โปรด...

    น้ำลายเคล้าเลือดหยดลงบนพื้นบ้าน... เสียงร้องไห้ปนคำขอร้องของยายไม่ได้ช่วยทำให้ผู้ชายคนนี้หยุดทำร้ายเขา คนแปลกหน้ายังคงเตะท้องคนเจ็บอย่างนึกสนุก จนเจตนาไปไกลมากเกินกว่าโจรอย่างที่คาดเดาไว้

     

    เจ้านาย... คุณอยู่ไหน...

     

    เซฮุนได้แต่พร่ำเรียกหาคน ๆ หนึ่งในความคิด และพอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพบเจอกับอะไร กำลังลำบากมากกว่านี้แค่ไหน น้ำตามันก็พาลไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

    ร้องไห้เหรอ อย่าสำออยสิวะ แบบนี้มันจะทำให้ฉันเบื่อแก

    คุณ... คุณต้องการ... อะไร... เสียงแหบพร่าเอ่ยถามพร้อมกำเศษกระจกไว้ในมือ

    บอกดีไหมนะ... ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ล้อเล่นกับเหยื่อไปจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายนั่นคือสิ่งที่คิด ต่อให้ไม่ได้ไปแสดงฝีมือให้เห็น แต่เขาก็ทำให้พี่ไคพอใจได้ด้วยการตัดตัวปัญหาทิ้งไป

     

    พี่ไคฆ่าคิมจงอิน ส่วนเขาฆ่าคนของมัน คิดอย่างนั้นก็สะใจฉิบหาย

     

    อ๊า!!!!”

    เซฮุนผลักร่างอีกฝ่ายออกหลังจากแทงเศษกระจกเข้าตรงซอกคออย่างแรง เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพื่อตรงไปประคองร่างของหญิงชรา ยายคงเจ็บมากเธอถึงทำท่าว่าจะทรุดอยู่ทุกขณะ ระหว่างนั้นก็หันไปมองคนร้ายเป็นระยะ ร่างที่ถูกแทงคอกำลังพยายามดึงเศษกระจกออกพร้อมตะโกนอย่างหัวเสีย

    ไอ้เวรเอ๊ย!!!!!!!!!!!”

    ยายโทรหาตำรวจนะ... แล้วก็อย่าออกมาเด็ดขาด

    เข้ามากับยายสิลูก อย่าไปสู้กับเขาเลย... สองยายหลานร้องไห้ หัวใจของจองแฮบาแทบแหลกสลายตอนเห็นใบหน้าที่เธอทะนุถนอมมาตลอดยี่สิบกว่าปีเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เซฮุน! อย่าทำแบบนี้ลูก! เซฮุน!”

    เจ้าของชื่อล็อกกลอนแล้วยืนพิงประตู ร่างกายสั่นเทายืนตั้งสติอยู่ตรงนั้นขณะเดียวกันที่คนร้ายลุกขึ้นยืนพร้อมบิดคอจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น เลือดสีสดยังคงไหลอาบแจ็คเก็ตยีนส์สีอ่อน แต่ชายคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะเจ็บปวดกับมันแม้แต่นิด

    ฉันว่าฉันเริ่มจะรำคาญแกแล้วว่ะ

    คุณ... ไม่ใช่คน คนแปลกหน้ายกยิ้มพอใจกับประโยคเมื่อครู่ก่อนจะหันมาสบตากัน รองเท้าผ้าใบเยิน ๆ ก้าวเข้าหาเหยื่ออย่างใจเย็นก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าของกลิ่นเลือดหอม ๆ ที่ทำให้หิวขึ้นมา คุณ... เป็น

    แวมไพร์ไง แวมไพร์ที่พวกแกจงเกลียดจงชังนักหนา

    ...

    ตกใจเลยล่ะสิ เขาหัวเราะฉันอยากให้พี่ไคเห็นหน้าแกตอนนี้จริง ๆ

    ไค...?

    ใช่ ฉันเป็นน้องของพี่ไค คนฟังรู้สึกเหมือนถูกชกหน้าอีกครั้ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหัวใจข้างซ้ายมันวูบไปเพียงเพราะรู้ว่าคนที่กำลังทำร้ายตนเป็นคนของไค คนที่พร่ำบอกว่าต้องการความรักจากเขา

    ไค... สั่งให้คุณมาฆ่าผมเหรอ? อีกฝ่ายไม่ได้ให้คำตอบ แต่มันก็ไม่ได้ยากถึงขนาดนั้น ไคคงโมโหเรื่องเมื่อคืนที่เขาไปขอให้เปลี่ยนใจถึงบ้าน ดังนั้นมันคงไม่แปลกถ้าหากผู้ชายคนนั้นอยากฆ่าเขา

    มีอะไรอยากพูดก่อนตายไหม? แวมไพร์หนุ่มมองอีกฝ่ายพร้อมบีบคอไว้เพื่อตรึงให้เหยื่อยืนอยู่กับที่

    มี... เซฮุนกลืนน้ำลายพลางหลับตาลง เพียงเสี้ยววินาทีสั้น ๆ ที่เขาอยู่ในความมืด รอยยิ้มเล็ก ๆ ของใครคนหนึ่งก็ลอยเข้ามา

     

    คนที่เข้ามาช่วยเขาจากหมาป่าสามตัวในป่า

    คนที่กระโดดรับลูกบอลด้วยปากเหมือนลูกหมาตัวเล็ก ๆ

    คนที่ให้ความอบอุ่นแก่เขาในค่ำคืนหนาวเหน็บ

    คน ๆ นั้นคือเจ้านายที่โอเซฮุนรัก

     

    เศษสวะอย่างคุณจะต้องตายอย่างน่าสมเพชด้วยกรงเล็บของคิมจงอิน...

    คนถูกยั่วโมโหออกแรงบีบคออีกฝ่ายแน่นก่อนฟางเส้นสุดท้ายจะขาดไป คนเป็นแวมไพร์อ้าปากฝังคมเขี้ยวลงบนซอกคอเหยื่อตรงหน้าจนเลือดไหลอาบเสื้อแขนยาวสีขาวแล้วดื่มเลือดอย่างใจเย็น

    ภาพความทรงจำตั้งแต่วัยเด็กฉายขึ้นมาราวกับม้วนหนัง รอยยิ้มของแม่ ความใจดีของยาย เสียงหัวเราะของพี่สาวทั้งสองคน และช่วงเวลาดี ๆ จากผู้ชายที่ชื่อคิมจงอิน มันพรั่งพรูไหลออกมาเหมือนกับเลือดของเขาในตอนนี้

    ...!!!” ร่างกายแข็งเกร็งจนเหมือนจะขาดใจ เซฮุนกุมล็อกเก็ตแทนใจเอาไว้ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงสุดท้ายกดปุ่มลงไป

     

     


    *

     


     

    เลือดสีเข้มหยดจากคมเขี้ยวลงพื้นเป็นดวง สองพี่น้องยังคงต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครแม้ว่าพิษจากบาดแผลจะสร้างความเจ็บปวดให้จนกระอักออกมาเป็นเลือด ไคเช็ดปากด้วยนิ้วหัวแม่มือ หอบหายใจอย่างหนักขณะที่จงอินก็มีสภาพไม่ต่างกัน เชิ้ตสีอ่อนของอีกฝ่ายถูกกระชากจนขาดวิ่นเผยให้เห็นรอยคมเขี้ยวกับเลือดที่ไหลอาบมัดกล้ามสีแทน

    เราต่างกำลังจะตายเพราะพิษของกันและกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครออกปากยอมแพ้เมื่อความตายคือสิ่งสุดท้ายที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องได้รับ

    กรรรรรรรรรรซ์!!!”

    หมาป่าและแวมไพร์พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็ว แลกหมัดกันก่อนคนน้องจะถูกล็อกคอเมื่อไคได้เปรียบเรื่องความรวดเร็วมากกว่า แต่จ่าฝูงก็ม้วนตัวตีลังกากลับหลังได้จนแวมไพร์เกือบพลาดท่าจึงต้องถอยไปตั้งหลัก แต่ยังไม่ทันได้พุ่งเข้าหากันอีกครั้ง ทั้งหมาป่าและแวมไพร์จำต้องหยุดชะงักเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอง

    จงอินล้วงเอานาฬิกาข้อมือในกระเป๋ากางเกงที่กำลังส่งเสียงดังไม่หยุดเนื่องจากมันเชื่อมต่อกับล็อกเก็ตของเซฮุน แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลาคิดกับมันมากนักในช่วงเวลาที่พลาดท่าโดนฆ่าได้ทุกวินาที ไม่อยากคิดว่าเซฮุนกำลังกลัวจนเผลอกดมันเพื่อเรียกหาเขา เพราะตอนนี้คิมจงอินก็พยายามเป็นอย่างหนักเพื่อเอาชนะไคให้ได้

    จ่าฝูงชะงักไปเมื่อพบว่าพี่ชายต่างสายพันธุ์กำลังมีท่าทีแปลก ๆ ทั้งคนฝั่งหมาป่าและแวมไพร์ต่างหันไปมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจเมื่ออยู่ ๆ ไคก็ทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้นพร้อมกุมศีรษะตนเอง แต่จงอินก็ไม่ได้ใช้จังหวะนั้นจัดการกับไค

    เซ...

    ...

    เซฮุน...

    ...

    ทุกคนมองแวมไพร์หนุ่มที่รีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ไคกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอพลางเสยผมขึ้นค้างไว้กลางศีรษะ เดินวนไปวนมาอยู่กับที่ราวกับคิดไม่ตกก่อนจะหันไปทางจงอิน

    ไค?

    เซฮุน... เซฮุนกำลังจะตายงั้นเหรอ? ไม่... มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ไคส่ายศีรษะพลางเดินถอยหลังอย่างคนสติหลุดไปแล้วหลังจากเหตุการณ์ในอนาคตฉายเข้ามาในความคิดอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ภาพเซฮุนตอนนอนอยู่บนพื้นเต็มไปด้วยเศษแก้ว... ภาพตอนถูกกัดคอจนเลือดโชก

     

    หัวใจเขากำลังชาวาบไปกับภาพเหล่านั้น

     

    เซฮุนเป็นอะไร?! จงอินกระโดดข้ามศีรษะอีกฝ่ายพร้อมยืนขวางไว้จนกว่าจะได้คำตอบ และไคไม่มีเวลามากพอที่จะเสียเวลามากไปกับเรื่องเหล่านั้น

    การต่อสู้สิ้นสุดลง คยองซูกับไอรีนรีบวิ่งมาหาจ่าฝูงที่กลายร่างกลับไปเป็นมนุษย์แล้วหลังจากเห็นไควิ่งด้วยเท้าไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งรถและเพื่อนแวมไพร์อีกสองตนไว้ที่นี่

    เกิดอะไรขึ้น?

    ฉันไม่รู้ แต่... จงอินมองนาฬิกาที่ยังคงส่งเสียงพร้อมบอกพิกัดว่าตอนนี้เจ้าของล็อกเก็ตอยู่ที่ไหน ผ่านหน้าปัดซึ่งเปลี่ยนไปเป็นระบบแผนที่โลก เขานึกถึงใครอีกคนที่เป็นฝ่ายกดมัน ใครอีกคนที่เป็นเจ้าของชื่อซึ่งหลุดออกมาจากปากไคเมื่อครู่นี้

     

    เซฮุนกำลังจะตาย

     

    โทรหาลู่หาน บอกให้เขาพาจุนมยอนไปบ้านเซฮุนเดี๋ยวนี้  

     

     

     

    *

     

     

     

    รอตรงนี้ก่อน มีแวมไพร์อยู่ที่นี่

    ลู่หานหันไปบอกคนที่มาด้วยกัน ซึ่งจุนมยอนก็พยักหน้าแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ บ้านหลังเล็ก แอนิเมจัสหนุ่มหลุบสายตามองเศษกระจกกับคราบเลือดที่กระจายอยู่บนพื้น ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบทันทีที่มีบางสิ่งกระโดดเข้ามา

    ชายหนุ่มหน้าตี๋ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ สบตากับเจ้าของคมเขี้ยวที่ปากเลอะไปด้วยเลือดพร้อมถลกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยก่อนแวมไพร์กระจอกจะถูกมีดเงินเล่มเล็กแทงเข้ากลางคอจนร่างสลายไปเป็นเถ้าธุลีในวินาทีถัดมา

    เวรแล้วไง... จุนมยอน!!!” ลู่หานตะโกนเรียกคนที่อยู่ด้านนอกหลังจากเห็นร่างขาวซีดราวกับไม่มีเลือดไหลเวียนในร่างกายนอนสะอึกอยู่บนพื้น เซฮุนปรือตามองเจ้าของเสียง ริมฝีปากแห้งผากพยายามจะขยับพูดแต่เสียงทั้งหมดเหมือนถูกกลืนหายไปกับเลือดที่แวมไพร์ดื่มด่ำไป

    หายใจเข้าลึก ๆ มองหน้าผมเอาไว้ ลู่หาน ประคองศีรษะเขา อย่าปล่อยให้เซฮุนหลับเด็ดขาด มนุษย์ที่โลกเหนือธรรมชาติเรียกว่าผู้รักษากำลังคิดหนักขณะมองกล่องปฐมพยาบาล ผมไม่คิดว่าจะได้ใช้มัน ให้ตายสิ

    สำหรับคนถูกโทรเรียกให้มาบ้านหลังนี้ในกรณีเผื่อไว้ เพียงเพราะโดคยองซูกังวลว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโอเซฮุน  และมันก็ดันเกิดขึ้นจริงเสียอย่างนั้น

    บ้าเอ๊ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้? แอนิเมจัสหนุ่มมองคนในอ้อมกอดอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้ไล่โอเซฮุนกลับบ้านมาเพื่อเจอเรื่องแบบนี้ อย่าหลับเซฮุน อยู่กับเราก่อน จุนมยอน เร่งมือหน่อยได้ไหม?

    ลู่หานมองเข็มฉีดยาที่กำลังไล่น้ำสีฟ้าเข้าสู่กระแสเลือดคนในอ้อมกอด เซฮุนยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นหลังจากได้ยาต้านพิษแวมไพร์ จุนมยอนจึงฉีดยาอีกตัวที่เข้าไปทดแทนเลือดที่สูญเสียไปได้ แต่เป็นเพราะทั้งคู่มาช้าเกินกว่าที่ควร สถานการณ์ตอนนี้จึงแขวนอยู่บนเส้นด้าย โอเซฮุนยืนอยู่ตรงกลางความเป็นกับความตาย ซึ่งลู่หานกับจุนมยอนกำลังพยายามอย่างเต็มที่

    เซฮุน!!!”

    ...

    ลู่หานประคองร่างไร้เรี่ยวแรงให้นอนลงพร้อมดันเก้าอี้ไม้บังจุนมยอนไว้หลังจากได้ยินเสียงผู้มาใหม่ แอนิเมจัสหนุ่มกลายร่างเป็นหมาดำตัวใหญ่ โชว์คมเขี้ยวขู่แวมไพร์ตรงหน้าผู้ซึ่งประกาศกร้าวว่าจะโค่นหมาป่าตระกูลคิมให้สิ้นซาก

    ถอยออกไป ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแกตอนนี้

    ก็ว่ามา เสียงทุ้มซ้อนสองเสียงของหมาดำกล่าวอย่างหนักแน่น แวมไพร์หนุ่มที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลแยกคมเขี้ยวตอบโต้ ตั้งท่าจะฆ่าแอนิเมจัสประจำตระกูลคิมเพียงเพราะถูกขวางทางไม่ให้เข้าไปเจอเซฮุน

    กลับไปก่อนเถอะไคเจ้าของชื่อเบนสายตาไปทางใครอีกคนที่ลุกขึ้นยืนต่อให้คุณเข้ามาตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เซฮุนโดนพิษจากเขี้ยวแวมไพร์ ถูกดูดเลือดจนเกือบหมดตัว ไม่มีทางไหนเลยที่คุณจะช่วยเขาได้

    ฉันเปลี่ยนเขาได้

    มันเสี่ยง คุณเองก็รู้ ไคนิ่งไปขณะสบตากับผู้รักษา มันเป็นเรื่องที่เขารู้ดีแก่ใจว่าการเปลี่ยนขณะอยู่ในอาการโคม่านั้นเสี่ยงตายมากแค่ไหน ดังนั้นคำพูดของอีกฝ่ายจึงทำให้เขาลังเล ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้เซฮุนต้องตายแน่ ได้โปรด ปล่อยให้ผมรักษาเขา

    ไคยืนหอบหายใจพลางมองเท้าซีดเผือดของคนตัวผอมที่โผล่พ้นออกมาให้เห็นเพียงเท่านั้น หัวใจของเขากำลังบอบช้ำเหมือนจะแหลกสลายไป ก่อนจะหันไปเห็นซากเถ้าธุลีของแวมไพร์บนพื้น

    ดูสิว่าคนของแกสร้างเรื่องอะไรเอาไว้?

     

    ไอ้เด็กเวรนั่น...

     

    ได้โปรด จุนมยอนขับไล่แวมไพร์ออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ด้วยพลังวิเศษ ดังนั้นเขาจึงดึงจุดอ่อนของอีกฝ่ายออกมาใช้เพื่อเกลี้ยกล่อม ซึ่งมันได้ผล... เมื่อคนผิวแทนค่อย ๆ เดินถอยหลังออกไป แม้ว่าแววตาคู่นั้นจะมองหาเซฮุนจนวินาทีสุดท้ายก็ตาม

     

     

     

    *

     

     

    ร่างเต็มไปด้วยบาดแผลวิ่งเข้าไปในบ้านหลังเล็กทันทีที่น้องชายจอดรถ คยองซูและไอรีนต่างมองตามจ่าฝูงด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้รับโทรศัพท์ลู่หานเมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซฮุน ทนายหนุ่มหยุดสายตาอยู่กับแวมไพร์ซึ่งนั่งพิงอยู่กับกำแพงอย่างคนสิ้นหวัง กระอักเลือดซึ่งเกิดจากพิษของกรงเล็บหมาป่าออกมาจนเลอะเสื้อ หากแต่สายตายังคงเหม่อลอย ทอดมองไปอย่างไร้จุดหมาย

    ไอ้ลูกหมาเข้าไปได้ แต่ฉันกลับถูกไล่ออกมาแบบนี้ ทั้งแค้นและเจ็บใจในเวลาเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเซฮุนจนไม่มีเรี่ยวแรงพาลใส่ใครที่ไหน

    ฉันจะส่งคนไปบอก ถ้าเขาปลอดภัย

    ขอบใจ แต่ฉันจะรอดูผลอยู่ตรงนี้จนกว่าจะเห็นว่าเซฮุนเดินได้

    แกควรกลับไปรักษาตัวคยองซูมองพี่ชายต่างสายพันธุ์ที่กำลังแค่นหัวเราะ มีอะไรค่อยว่ากันทีหลัง

    ไม่ต้องมาแสดงความหวังดีทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนแกยังยืนลุ้นให้จ่าฝูงเชือดคอฉัน

    สุดแต่แกจะเข้าใจเองแล้วกัน ไม่มีใครห้ามความคิดแกได้อยู่แล้ว

    หึ

    เสียงหวอรถตำรวจดังมาจากระยะไกล ไคจึงลุกขึ้นหลบหลังเสาพร้อมชะโงกมองไปยังตำรวจที่ก้าวลงจากรถไปหาสองคนนั้น

    มีผู้หญิงแก่โทรแจ้งมาว่ามีคนร้ายเข้าบ้าน คุณเกี่ยวข้องกับคนบ้านหลังนี้หรือเปล่าครับ?

    ครับ ผมเป็นเพื่อนร่วมงานของหลานชายของเธอเอง ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีแล้วครับ ขอบคุณคุณตำรวจที่เป็นธุระให้

    อ่า อย่างนั้นเหรอครับ? ตำรวจชะโงกหน้าเข้าไปด้านใน แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากประตูที่เปิดออกเพียงเล็กน้อยกับดอกทานตะวันซึ่งปลูกประดับหน้าบ้าน

    ไอรีนคว้าแขนเพื่อนสนิทให้เดินเข้าไปด้วยกันหลังจากคุยกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่หยุดยืนมองซากข้าวของที่กระจัดกระจายเละเทะไม่เหลือชิ้นดีก่อนจะหยุดสายตาอยู่กับจ่าฝูงซึ่งคงถูกห้ามไม่ให้เข้าไปเช่นกัน

    ไอ้เด็กเวรนี่ หัดฟังกันหน่อยได้ไหมวะ? ลู่หานเริ่มหัวเสีย เขาพยายามให้ยาสมานแผลพิษแวมไพร์กับไอ้จ่าฝูงหน้าโง่ แต่อีกฝ่ายกลับยื้อดึงจะเข้าไปดูอาการเซฮุนให้ได้

    ใครทำแบบนี้... มันเป็นใคร? คยองซูมองพี่ชายที่ดวงตากลายเป็นสีแดงเพราะโทสะ และตอนนี้จงอินคงเจ็บใจที่มาช้ากว่าไค แวมไพร์ที่มีความสามารถเด่นชัดมากกว่าหมาป่าอย่างหนึ่งคือเรื่องความเร็ว

    อยู่กับพวกเราก่อนเซฮุน จุนมยอนพยายามประคองลมหายใจอีกฝ่ายเอาไว้ แต่ชีพจรคนตัวผอมก็แผ่วลงเรื่อย ๆ ไปพร้อมอัตราการเต้นของหัวใจ

    เร่งมือหน่อยจุนมยอน

    ผมกำลังพยายามอยู่

    สิ้นสุดความอดทนแล้ว จงอินสะบัดแขนลู่หานออกก่อนจะตรงเข้าไปประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของคนรักขึ้นแนบอก แม้ว่าตนเองจะเจ็บสาหัสมากเพียงใด แต่วินาทีนี้เซฮุนสำคัญมากกว่าสิ่งไหนและจงอินจะไม่ยอมปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายเด็ดขาด

    ไม่มีใครห้ามอีกเมื่อจ่าฝูงกำลังช่วยเซฮุนด้วยการแบ่งความเจ็บมาไว้กับตน ชายหนุ่มผิวแทนหลับตาลงพลางขบกรามแน่น มือข้างหนึ่งโอบศีรษะคนรักไว้ ส่วนอีกข้างกำลังไร้ความรู้สึกไปเพราะพิษเดิมจากคมเขี้ยวแวมไพร์และพิษใหม่ที่ดูดมาจากร่างกายเซฮุน

    คยองซูกับไอรีนตามมาสมทบ ทั้งสามคนช่วยกันแบ่งความเจ็บปวดจนเส้นเลือดขึ้นเป็นสีดำแต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก เมื่อเหตุผลหลักที่ทำให้เซฮุนกำลังจะตายคือการเสียเลือด

    จุนมยอน... เขาเป็นยังไงบ้าง

    ...

    บอกผม เสียงของจงอินแหบพร่า เขาสบตาผ่านเลนส์แว่นของผู้รักษาซึ่งดูเหมือนว่าจะให้คำตอบที่ไม่ต้องการ

    เรา... คงยื้อเขาไม่ได้แล้วจงอิน

    ...

    เซฮุนเสียเลือดมากเกินไป และการให้เลือดทางการแพทย์ก็คงช่วยเขาไม่ได้ ผม...

    ไม่...เขาไม่ได้ออกไปสู้กับไคเพื่อเจอเรื่องแบบนี้ จงอินรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแหลกเป็นผุยผงกับคำตอบที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับเขา

    ผมพยายามแล้ว แต่มันสายเกิน --

    ไม่... มันจะไม่มีคำว่าสายเกินไปเด็ดขาด

    ทุกสายตาหยุดที่ชายหนุ่มผิวแทน จงอินเงียบไปครู่หนึ่งพลางก้มลงมองร่างไร้เรี่ยวแรงของเลขาที่มักจะพูดให้เขายิ้มได้เสมอ คนที่ทำให้โลกของหมาป่าโง่ ๆ มีสีสันขึ้นมาหลังจากจมอยู่ในความมืดมานานเกินเจ็ดสิบปี...

     

    ดังนั้น... คิมจงอินจะไม่ยอมสูญเสียโอเซฮุนไปโดยเด็ดขาด

     

    ...!!!”

    ทุกคนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อตัวเองกับทางเลือกสุดท้ายที่คิมจงอินใช้กับโอเซฮุน โดยการฝังคมเขี้ยวลงบนข้อมือขาวซีด ลู่หานกำมือขึ้นป้องปาก สบถคำหยาบออกมาอย่างคนรู้ชะตากรรมในอีกไม่ช้าว่าจะต้องเกิดหายนะขึ้นอย่างเป็นแน่แท้

    ชายหนุ่มผละออกมาทั้งที่ริมฝีปากยังเปรอะไปด้วยเลือดคนรัก เขาหอบหายใจหนักกับพิษบาดแผลที่เริ่มหนักขึ้นเพราะไม่ได้รับการรักษา แต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็ยังตระกองกอดร่างเซฮุนไว้แนบอกและจูบลงบนศีรษะอย่างใคร่รัก

    โอเคจงอิน จุนมยอนเลียริมฝีปากพลางถอนหายใจหนัก ๆ เขาเลือกเข็มฉีดยาที่เตรียมไว้ทุกสถานการณ์เพื่อหมาป่าตระกูลคิม ก่อนจะมองไปทางจ่าฝูงที่นั่งพิงศีรษะกับผนังอย่างหมดแรง ผมจะฉีดยาให้ เพราะฉะนั้นคุณนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วหายใจลึก ๆ นะ ตกลงไหม?

    ...

    ดี... คุณจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้งเพื่อนั่งเฝ้าดูการอาการเซฮุน ผู้รักษาพยายามเกลี้ยกล่อมจ่าฝูงหมาป่าที่กำลังถูกความกลัวการสูญเสียเล่นงานจนเสียความเป็นตัวเองไป จงอินปรือตาช้า ๆ ทั้งที่ยังกอดคนรักเอาไว้

     

    และมือที่เซฮุนเคยบอกว่าอบอุ่นจับใจ... ยังคงแบ่งรับความเจ็บเข้าสู่ร่างกายจนถึงวินาทีนี้

     

     

     

    *

     

     

    “แกคิดจะทำบ้าอะไรฮะคิมจงอิน? เรียกว่าคลั่งไปแล้วก็คงได้สำหรับสิ่งที่ลู่หานเป็นตอนนี้ เขานึกสีหน้ายัยคุณหญิงบ้านั่นออกเลยว่าหล่อนจะเป็นอย่างไรหลังจากรู้ว่าคิมจงอินช่วยชีวิตโอเซฮุนด้วยการพยายามเปลี่ยนให้เป็นหมาป่า

    ใจเย็นก่อนได้ไหม เรายังไม่รู้เลยว่าจะได้ผลหรือเปล่า ไอรีนมองสีหน้าซีดเผือดของคนตัวผอมโดยไม่หันไปต่อล้อต่อเถียงกับแอนิเมจัสประจำตระกูลคิม

    ก่อนหน้านี้ยายแก่ ๆ ก็เดินออกมาจากห้องแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยโปรยผงผีเสื้อใส่เพื่อให้หล่อนหลับไปสักสาม-สี่ชั่วโมง ลองจินตนาการตอนหล่อนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าหลานชายนอนตายตัวซีดอยู่ตรงนั้น หรือไม่ก็กลายเป็นหมาป่า ไม่สิ -- ถ้าเขาเปลี่ยน เขาจะกลายร่างในวันพระจันทร์เต็มดวงไม่ใช่ตอนนี้ แล้วคืนแบบนั้นใครจะเอาอยู่ เซฮุนไม่ได้เป็นหมาป่ามาตั้งแต่เกิดเหมือนพวกแกสามคน เขาต้องคลั่งจนได้ลงข่าวหน้าหนึ่งแน่ว่ามีสัตว์ประหลาดบุกใจกลางกรุงโซล

    ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนายก็รู้ จงอินถอนหายใจพลางมองร่างที่ถูกพามานอนบนเตียง ผ่านไปแล้วสี่ชั่วโมงแต่เซฮุนก็ยังไม่ได้สติ เขายังไม่ได้รับข่าวดี แต่ข่าวร้ายก็ยังไม่มาถึงเช่นกันเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายยังคงอยู่

    แล้วเรื่องสู้กับไคว่าไง?

    ฉันไม่รู้

    ไม่รู้? ดูเป็นคำตอบที่โง่ดีนะแกว่าไงวะเพื่อนยาก? ลู่หานแค่นหัวเราะ แต่จงอินก็ยังเลือกนั่งก้มหน้าอมทุกข์เหมือนสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ไอ้หมอนั่นก็ดูจะเป็นจะตายตอนมาถึง แต่คนที่ทำให้เซฮุนเป็นคนแบบนี้ก็พวกเดียวกับมัน โทษทีนะ เป็นบ้าอะไรกันไปหมด?  

    เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้เราควรห่วงว่าเซฮุนจะรอด --

    ...!!!”

    คำพูดทุกอย่างถูกกลืนลงคอไปหมดเมื่ออยู่ ๆ ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงก็ดีดตัวลุกขึ้นมากลางวงสนทนา ลู่หานกำมือป้องปากอีกครั้งเมื่อคนที่มีทีท่าว่าจะตายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนกำลังกำคอเสื้อซึ่งเลอะไปด้วยคราบเลือดพร้อมหอบหายใจเสียงดังจนจงอินต้องเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง

    ขอน้ำหน่อยคยองซูรีบรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้พี่ชาย ซึ่งเซฮุนก็รับไปดื่มอย่างกระหายก่อนจะเข้าสู่สภาพปกติในเวลาถัดมา

    ยาย!”

    เธอปลอดภัย ทนายหนุ่มเป็นฝ่ายให้ความสบายใจ เซฮุนถึงได้สงบลง

    พวกคุณ... ผิวที่เคยซีดเผือดเริ่มมีสีสันตามส่วนที่ควรมี คนตัวผอมกวาดสายตามองครอบครัวตระกูลคิมซึ่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก่อนจะหยุดสายตากับคนผิวแทนเจ้านาย...

    ทั้งคู่สวมกอดกันโดยไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน จงอินจูบขมับชื้นพร้อมลูบศีรษะปลอบประโลมคนรักที่เพิ่งผ่านเรื่องโหดร้ายมาได้ เซฮุนซบหน้าลงกับไหล่ซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือด กระชับกอดแน่นราวกับว่าเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตหลังจากรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด

    ผมขอโทษเซฮุน ผมขอโทษ เจ้าของชื่อส่ายศีรษะพรืด มันไม่ใช่ความผิดของเจ้านายเลยสักนิดที่เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้

    ผมจะไปดูอาการคุณยายหน่อย ผู้รักษาพูดทำลายความเงียบพร้อมหยิบกล่องอุปกรณ์

    คุณจุนมยอน เจ้าของชื่อหยุดฝีเท้าหน้าประตู ก่อนจะหันไปสบตากับคนบนเตียงที่กำลังยิ้มให้เขา ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับ ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นจนแทบสำลัก จุนมยอนเลียริมฝีปากและเลือกที่จะฝืนยิ้มก่อนจะหันไปสบตากับจงอิน

    ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก

    ขอบคุณทุกคนเลย ขอบคุณที่มาช่วยผมนะครับ คยองซูกับไอรีนมองหน้ากัน และคงมีเพียงจ่าฝูงสาวเท่านั้นที่ยิ้มตามมารยาทอย่างเช่นที่จุนมยอนทำเมื่อครู่

    ช่วยงั้นเหรอ... ถ้าเซฮุนรู้ว่าที่รอดมาได้เป็นเพราะถูกจงอินเปลี่ยน... เขาจะรู้สึกยังไง? ไอรีนกระซิบเพื่อนสนิท และคยองซูก็ปรามเธอด้วยการส่ายศีรษะ

    ไว้ค่อยคุยกันข้างนอก

    จงอินเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าขาวที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เซฮุนคงคิดว่าเขาชนะถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน คิมจงอินโกรธตัวเองเหลือเกิน โกรธที่มาถึงที่นี่ได้ช้ากว่าแวมไพร์ โกรธที่ปกป้องเซฮุนไว้ไม่ได้ โกรธที่ไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะทำอะไร ๆ ให้มันเป็นเรื่องง่ายกว่านี้

     

     

    โกรธตัวเองที่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนให้เซฮุนเป็นหมาป่าเหมือนกัน

     

     

     

     

    TBC

     

     

    ผ่ามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

    ไปตามท่านไคก่อนนะคะ เสื้อผ้าขาด ๆ เปื้อนเลือดอยู่หน้าบ้านแบบนั้น

    เด่วโดนตำรวจซิวเพราะคิดว่าเปนคนร้ายที่บุกขึ้นบ้านคุณยายจอง






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×