คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : #SFเซมที่รัก | ตอนที่ 08
(8)
“หน้าบึ้งแต่เซมไปรับที่โรงเรียนแล้วนะหนูอะ เบื่อที่อยู่กับเซมหรือไง?”
ชานยอลถามพลางมองงเด็กแปดขวบที่นั่งเบ้ปากเขี่ย ๆ ชุดแฮปปี้มีลตรงหน้า แอบประชดไปนิดนึงเพราะไม่ว่าจะอยู่ในร่างก้อนตัวน้อยหรือร่างเด็กขี้ยั่วบยอนแบคฮยอนก็แสดงออกอย่างชัดเจนทุกครั้งว่าอยากอยู่กับเขา แล้วนี่อะไร ทำหน้าเหมือนถูกกูบังคับพามาแดกแมคโดนัล
“ไม่ได้เบื่อฮะ”
“แล้วเป็นอะไร”
“ก็หม่าม๊าไม่ยอมให้เค้าไปหาปะป๊าด้วย” เด็กน้อยเบ้ปาก ช้อนตากลม ๆ มองชายหนุ่มตัวสูงที่เท้าคางมองอยู่ฝั่งตรงข้าม “ปะป๊าไม่สบาย เค้าได้ยินหม่าม๊าคุยทอยะฉับ”
“แต่หม่าม๊าก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไว้จะหนูพาไปวันหลัง ไม่งอแงดิ ขี้เหร่เลยเนี่ย” ชานยอลยีหัวทุยของเด็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะไม่อยากเข้าใจ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายแล้วอุ้มขึ้นมา เห็นทีว่าต้องพากลับบ้านไปหาเรื่องสอนเลขหรือไม่ก็วาดรูป เผื่อจะทำให้เด็กมันลืมเรื่องน้อยใจไปได้บ้าง
แบคฮยอนกอดคอพี่ชายตัวโตพร้อมซบแก้มกลม ๆ ลงบนบ่ากว้างหวังจะทุเลาความหงอยเหงา เด็กน้อยไม่เข้าใจ ทำไมหม่าม๊าถึงไม่เคยพาแบคฮยอนไปหาปะป๊าเลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่เด็กแปดขวบทำได้คือรอปะป๊ามาหา มาค้างด้วยคืนเดียวแล้วก็ออกไปทำงานไกล ๆ
“เค้าอยากอวดปะป๊าว่าเค้าได้วิชาคะนิดเต็มฉิบคะแนน ถ้าปะป๊ารู้ปะป๊าจะหายไหมฮะ?”
“ตอนนี้ปะป๊าคงหลับอยู่ ถ้าหนูเป็นเด็กดีปะป๊าจะหายป่วยแล้วมาอวยความเก่งสะเดิดของหนูแน่ ๆ เชื่อเซม”
“เก่งสะเดิดคือไรฮะ” แบคฮยอนผละตัวออกมาจ้องตาพี่ชายตัวโต ซึ่งไอ้คนช่างเล่นคำได้แต่กลอกตาลอกแลกแล้วส่ายหน้าแบบขอไปที
มอเตอร์ไซค์คันคู่ใจขับจอดหน้าบ้านพร้อมถอดหมวกกันน็อกออกเพื่อเพ่งมองพวกโฮมเลสทั้งสามที่นั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น โดยมีโอเซฮุนที่ดูกุ๊ยสุดตอนปรือตาพ่นควันบุหรี่แสดงความ SWAG ในขณะที่ไอ้จงอินเลือกไปนั่งห่าง ๆ แล้วใช้มือป้องกันมะเร็งทางจมูกอย่างรังเกียจ ตามด้วยหลวงพ่อที่นั่งข้าง ๆ น้องเล็ก สูดควันที่ลอยอยู่บนอากาศเข้าปอดตัวเองอีกทีทั้งที่ใจอยากยื่นมือออกไปขอสูบสักตัว แต่คิมจุนมยอนจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาคือคนของพระเจ้าที่ปฏิญาณอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะเลิกบุหรี่ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ดมต่อจากเซฮุน
“มาทำเชี่ยไรกัน”
“กูทนรอถึงอาทิตย์หน้าไม่ไหวแล้ว นี่กูก็ซื้อของดี ๆ มาให้มึงแดกมากพอที่จะเป็นข้ออ้างงัดความลับจากปากแบคฮยอนตามสัญญาด้วยนะ เพราะงั้นมึง” จงอินหยัดตัวลุกขึ้นเดินไปเปิดท้ายรถคันหรู คว้าสารพัดถุงออกมาแล้วชี้หน้าเพื่อนสนิท “เอาโดเรแบคออกมาซะ”
“เหยด มีตั้งชื่อสเตจเนมให้ด้วย” เซฮุนทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วเหยียบด้วยรองเท้าแรปเปอร์ของมัน
ชานยอลอุ้มเด็กแปดขวบที่อมลูกอมหลอกเด็กไว้ในปาก และมองมารสังคมทั้งสามตาแป๋ว “ถ้าเด็กมันกลายร่างแล้วแต่ไม่ยอมพูด กูช่วยไม่ได้นะบอกก่อน”
คนตัวสูงปั้นหน้าปั้นตา เพราะเชื่อว่าแบคฮยอนในร่างสิบแปดคงไม่อยากให้พวกสามตัวนี่เข้ามาขัดจังหวะเวลาอยู่ด้วยกันแน่
“เรื่องนั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง มึงมีหน้าที่เงียบปากไว้ก็พอ ปาร์คชานยอล” จงอินแค่นหัวเราะ ชายหนุ่มผิวแทนเป็นถึงตำรวจระดับแนวหน้าที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงขาม วันนี้ล่ะ เขาจะงัดทักษะที่เคยคาดคั้นผู้ต้องหาทั้งหมดมาใช้กับเด็กนั่น
“ไม่ต้องห่วงเลย เดี๋ยวกูจะแดกของที่มึงซื้อมาแล้วนอนโง่ ๆ ไปจนถึงปีหน้าให้ก็ยังได้” ชานยอลยื่นมือออกไปด้านหน้า ก่อนจะค้างอยู่ท่านั้นเมื่ออยู่ ๆ ก็มีมือปริศนามาคว้าถุงตัดหน้าไป
ทุกคนเงยหน้ามองไปยังเจ้าของมือนั้น ก่อนที่นักวาดหนุ่มต๊อกต๋อยจะเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เห็นใบหน้าอันคุ้นตาแต่กูไม่ปารถนาที่จะเจอ
“ก่อนจะนั่งกินนอนกินไปจนถึงปีหน้า มึงก็ต้องส่งพล็อตกับคาแรกเตอร์การ์ตูนเรื่องใหม่ให้กูก่อนถูกไหมชานยอล?”
รอยยิ้มของชายหนุ่มเสียงเย็น ๆ นั่นทำเอาคนถูกทวงต้นฉบับหายใจไม่ทั่วท้อง จุนมยอนเห็นท่าไม่ดีจึงรับเด็กแปดขวบมาอุ้มไว้ให้ ก่อนที่รุ่นน้องตัวผอมสูงผู้เป็นนักวาดเส็งเคร็งจะถูกล็อกคอลงไปจนหัวเกือบติดขลั่ยด้วยฝีมือคนเป็นบก.
“อ้าวพี่จงแด หวัดดีพี่” เซฮุนยกมือขึ้นทักทายผู้มาใหม่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะสนใจการทวงต้นฉบับจากนักวาดมากกว่าหันไปทักทายใครในโลกใบนี้
“เฮ้ยพี่ใจเย็นก่อน มีอะไรค่อย ๆ คุยกันนะ เดี๋ยวนี้สังคมกำลังรณรงค์ลดการใช้กำลัง -- โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” ชานยอลหวีดร้องลั่นหน้าบ้านเพราะคนเป็นบก.ออกแรงบีบคอจนหลังแทบแอ่น
“มึงจะให้กูรอไปจนถึงเมื่อไหร่ หือ... คาแรกเตอร์พระเอกน่ะได้เงาบ้างหรือยัง นางเอกล่ะ ไหนมึงบอกว่าสองอาทิตย์ก็ได้เรื่องแล้ว” จงแดพูดเสียงลอดไรฟัน โดยไม่สนใจว่าไอ้นักวาดเหลาเหย่จะอับอายเพื่อนฝูงสักแค่ไหน ในเมื่อมันกำลังทำให้เขาหัวร้อน มันก็ต้องร้อนไปกับเขา!
“ผมวาดแล้วจริง ๆ นะพี่ แต่มันยังไม่ได้ดั่งใจจะให้ส่งไปได้ไงวะ” ชานยอลพยายามแกะมือบก.ออก แต่ก็ไม่เป็นผล เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็แล้ว แต่มันเสือกยิ้มอ่อนราวกับจะสื่อว่าปาร์คชานยอลนั้นสมควรตายที่สุด
“อย่าทำเซมของเค้านะ!” แบคฮยอนเบะปากน้ำตาคลอ ยื่นมืออันไร้เดียงสาออกไปข้างหน้าหวังจะช่วยเหลือพี่ชายตัวโต แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อคนเป็นบก.มองเห็นเพียงหายนะเท่านั้น
“พล็อตล่ะพล็อต กูต้องการเห็นชื่อนักวาดปาร์คชานยอลลงเว็บตูน มึงเข้าใจความรู้สึกกูไหม”
“เข้าใจครับพี่ โอ๊ยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“เซมฮะ... ฮึก”
“เดี๋ยวนะ ไอ้ก้อน ๆ นั่นที่เอาแต่เรียกเซมฮะ ๆ คืออะไร?” จงแดขมวดคิ้ว ละสายตาจากนักวาดเหลาเหย่พลางหันไปทางเด็กน้อยที่กำลังเบะปากโซโล่น้ำตา “เท่าที่จำได้มึงยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนไม่ใช่เหรอวะ หรือว่าไปไข่ไว้แล้วโดนผู้หญิงโบ้ยให้เลี้ยงลูก”
“พ่อว่ามันยิ่งกว่านั้นอีก” จุนมยอนตอบเสียงแผ่วตามประสาคนอยากมีส่วนร่วมแต่พูดมากไม่ได้
“พี่จงแดไม่ต้องมองมาที่ผมเลย ผมพูดไม่ได้เว้ยพี่ ยังไงก็ไม่ได้ คือผมสัญญากับพี่ชานยอลไว้แล้วไง NO NO NO” เซฮุนส่ายหน้าจิ๊ปากรัว ๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการพยักหน้าให้ชานยอลเห็นถึงความซื่อสัตย์แบบโง่ ๆ แม้ว่าจงแดจะไม่ได้หันไปมองเงาหัวมันเลยก็ตาม
“ถ้าพี่อยากรู้ก็เข้าไปข้างในด้วยกันสิ ไหน ๆ ก็มาทวงต้นฉบับทั้งทีแล้วก็น่าจะได้รู้อะไรเด็ด ๆ ด้วย... ดีไหมเพื่อน?” จงอินยิ้มอย่างผู้ชนะ พลางเหลือกตาขู่ไอ้เพื่อนชั่วเมื่อพูดประโยคหลัง ดีเลย... พี่จงแดนี่แหละคือตัวแยกมารหัวขนออกไป พอถึงตอนนั้นคิมจงอินก็จะได้คาดคั้นแบคฮยอนสะดวกหน่อย
“เซมล่ะฮะ”
“ชานยอลทำงานอยู่น่ะลูก เดี๋ยวพ่อจะสอนทำการบ้านเองนะ ข้อนี้ --”
“ไม่ใช่เซมแล้วมาสอนเค้าได้ไงอะ”
“...”
คนเป็นบาทหลวงรู้สึกเหมือนถูกเด็กแปดขวบตบหน้าฉาดใหญ่ทั้งที่มือน้อย ๆ นั้นกำแค่ดินสอเอาไว้ คนของศาสนาหันไปขอความเห็นใจจากรุ่นน้องทั้งสองที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะพบว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้นไม่มีท่าทีว่าจะสงสารหรือหยิบยื่นสิ่งดี ๆ มาให้เขาเลย และคงไม่ต้องถามถึงโอเซฮุน เพราะความดีของมันคงถูกดูดออกจากสมองผ่านทางหูฟังที่เสียบคาหูทั้งสองข้างไปแล้ว
“นี่แบคฮยอน”
“ฮะ”
“ตอนดึก ๆ เป็นไงบ้าง แบบว่า... จำอะไรได้บ้างไหม?” จงอินนั่งยืดหลังตรงพลางหรี่ตามองไปยังคนของศาสนาที่กำลังหลอกถามเด็กแปดขวบ ให้ตายเถอะ... เขาไม่เคยคิดเลยว่าพี่จุนมันจะมีความฉลาดหลงเหลืออยู่
“ฮะ?”
“อย่างเช่นลุกไปฉี่ตอนกลางคืนอะไรเทือก ๆ นั้นน่ะ... อ่า แล้วได้นอนกับแม่หรือเปล่า?”
จงอินสะกิดแขนเซฮุนพร้อมส่งซิกให้ลุกมานั่งโต๊ะอาหารที่มีเก้าอี้หกตัวตั้งอยู่รอบโต๊ะ ชายหนุ่มผิวแทนเท้าศอกพร้อมขมวดคิ้วมองไปยังเด็กน้อยที่ยังคงถือดินสอค้างไว้อยู่ท่านั้น เจ้าตัวก้อนทำตาปริบ ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“จำไม่ได้ฮะ”
“ทำไมจำไม่ได้!” จงอินเผลอทุบโต๊ะเสียงดังจนรู้สึกชาวาบไปทั้งฝ่ามือ
“ตาเถรหัวโปกกะโหลกไขว้...” จุนมยอนนั่งหลังตรงยกมือขึ้นทาบอก ก่อนจะมองไปยังเด็กน้อยที่คงตกใจไม่แพ้กันที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เลือกแสดงความใจหยาบออกมาแทนที่จะหลอกถามอย่างชาญฉลาดอย่างที่เขาเพิ่งทำไป
“เหย... ใจเย็นซี้วัยรุ่น” เซฮุนตบหลังรุ่นพี่ปั่ก ๆ พลางหันไปสบตากับเด็กน้อยตาใสที่ยังคงงงจนถึงวินาทีนี้ว่าไอ้พวกเชี่ยสามตัวนี้มาทำอะไรกัน ระหว่างที่ชานยอลมันคุยงานกับพี่จงแดอยู่บนห้อง
“นี่ไงขนมที่หนูชอบ กินไหมจ๊ะ” จงอินแสร้งยิ้ม พร้อมฉีกซองขนมให้เสร็จสรรพ สมัยเด็กเขาก็ถูกหลอกล่อด้วยของพรรค์นี้ เพราะฉะนั้นคิมจงอินก็จะใช้มันกับแบคฮยอน
“เค้าจำไม่ได้”
“ไม่เป็นไร” การกดดันจะทำให้เด็กกลัวไม่ใช่ทางที่ดีแน่จงอินคิดในใจ... ชายหนุ่มผิวแทนหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมยิ้มอย่างคนใจดี “แล้วได้นอนห้องเดียวกับแม่หรือเปล่าหืม?”
“ไม่ฮะ นอนคนละห้อง หม่าม๊าบอกว่าถ้านอนคนเดียวได้แบคฮยอนจะเก่ง”
“เก่งจ้าเก่ง ฮะ ๆๆ น้องเก่งเนอะพวกมึงว่าไหม?” จงอินปั้นหน้ายิ้มร่า ปรบมือรัวพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้ไอ้แรปเปอร์ขี้กากกับบาทหลวงทำด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย เริ่มต้นจากปรบมือแปะ ๆ จนเล่นใหญ่คล้ายลิงตีฉาบ เหลือกตายิ้มและถามตัวเองว่ากูกำลังขำอะไรอยู่
“ใช่ ๆ แบคฮยอนโคตรเก่ง รู้ไหมว่าตอนเป็นเด็กพี่นอนคนเดียวไม่ได้เลยนะ ต้องชวนทุกคนมานอนด้วยกันประกบข้างซ้ายขวาหน้าหลังยันปลายตีนอะ คือกลัวผีมาก กลัวจ้น”
“มึงเวอร์ละเซฮุน” ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์พูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะตบหัวรุ่นน้องไปทีนึง
“หม่าม๊าบอกว่าถ้าเปิดไฟนอนผีจะมาหลอก”
“ไม่หรอกลูก มันเปลืองไฟ” จุนมยอนตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ดับฝันเด็กแปดขวบที่เชื่อว่าเป็นความจริงมาตลอด
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ว่าแต่หนูไม่ฝันอะไรเลยเหรอ อย่างพี่เนี่ยเคยฝันถึงโงกุนด้วยนะ อ๊ะอ๊ะ... ไม่เคยดูดราก้อนบอลล่ะซี่” เซฮุนกับจุนมยอนมองผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ทุ่มทุนสร้างทำตัวปัญญาอ่อนเพื่อแลกความลับของความตายในอนาคตข้างหน้า
“ไม่ฮะ เซมบอกว่าถ้าฝันแสดงว่าเค้าหลับไม่สนิท”
“ค่อย ๆ นอนสิ พอนอนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เริ่มสนิทเองแหละ”
“ลูกโตมาโดยไม่โดนรุมประชุมตีนได้ยังไงกันนะเซฮุน” ทั้งจุนมยอนและจงอินต่างมองรุ่นน้องอย่างเอือมระอาถ้าไม่ติดว่าเป็นคนของศาสนาจุนมยอนจะกระโดดถีบยอดหน้ามันให้ดู
“SWAG”
เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำบันไดเรียกความสนใจจากสามหนุ่มและเด็กแปดขวบให้หันไปมอง ก่อนจะพบสภาพซากกายหยาบของปาร์คชานยอลและสีหน้ามึนตึงของบก.อย่างคิมจงแดที่คาดว่ายังไงวันนี้ก็จะเอาพล็อตการ์ตูนเรื่องใหม่จากนักวาดให้ได้
“เซมฮะ” <- แบคฮยอน
“จ้า” <- ขานตอบเสียงอ่อน
“อย่าหาว่างู้นงี้เลยนะ คือกูรู้ว่าพวกมึง -- ไม่สิ ไอ้จงอิน มึงคนเดียว กูรู้ว่ามึงมีงานทำ แล้วงานที่มึงทำก็ค่อนข้างยุ่งเหมือนกัน แต่กูเนี่ยยุ่งแบบไฟเผาก้นชนิดว่าถ้าไม่เคลียร์วันนี้คอกูโดนตัดขาดเป็นคุณอุบลแน่ แล้วกูก็ไม่ได้มีเวลามาตามจิกหัวเอางานการกับไอ้เชี่ยนี่ทุกวัน เพราะงั้นพวกมึงช่วยเข้าใจกูด้วย ถือว่าวันนี้พี่ขอ”
“ขอไรพี่ เงินหรือ ‘ไม่อยากจะขอให้เวลานี้เป็นของเรา...’” เซฮุนปรือตาพลางควบคุมโทนเสียงอันแข็งแกร่งของตน
“ขอเตะปากมึงเนี่ย” <- จงแด
“โหดสุด” <- เซฮุน
“เอ้าแดก!” จงอินโยนถุงขนมที่แกะไว้หลอกเด็กลงตรงหน้ารุ่นน้องเพื่อให้มันยัดเข้าไปในปากเผื่อจะหยุดเล่นมุกห้าบาทสิบบาทสักที
“ตามที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้แหละ อืม” จงแดผลักไหล่ซากกายหยาบของนักวาดออกไป ก่อนมันจะล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง แต่โชคดีที่ได้เซฮุนใช้ขาหน้าทั้งสองข้างช่วยประคองไว้ทัน
“พูดแบบนั้นก็ไม่ได้หรอกพี่ ผมมาก่อน หวังว่าคนเริ่มมีอายุอย่างพี่คงลำดับเรื่องนี้ได้นะ” จงอินใช้ความชาญฉลาดของตนข่ม บ่ได้ดอก... มาทีหลังแล้วจะมาแซงคิวได้ไง เขาเป็นคนมีงานมีการทำ ไม่ได้เตร็ดเตร่หาเวทีแรปเพื่อหมาอย่างไร้จุดหมายอย่างไอ้เซฮุนหรือนั่งเฝ้าโบสถ์สวดมนตร์ขอพรจากพระเจ้าอย่างไอ้พี่จุนนะ
“แต่วันนี้ไอ้ชานยอลต้องร่างคาแรกเตอร์กับพล็อตการ์ตูนเรื่องใหม่ให้เสร็จ”
“แต่วันนี้ผมมีเรื่องต้องคุยกับแบคฮยอน”
“อ้าว คุยกับเด็กแล้วเกี่ยวเชี่ยไรกับบักหรรมแหล่นี่” จงแดขมวดคิ้วพลางชี้ไปยังไอ้คนเป็นนักวาดที่นั่งทำหน้าอึนอยู่
“นั่นสิ แต่ผมไม่ได้มาหาไอ้ชานยอล”
“กูก็ไม่ได้มาหาไอ้เด็กนี่เหมือนกัน” บก.หนุ่มชี้ไปยังเด็กแปดขวบ
“อ้าว งั้นเราก็ไม่ต้องแย่งกันอะดิ” คำพูดของตำรวจผู้ชาญฉลาดทำเอาบาทหลวงขมวดคิ้วเอนตัวไปข้างหลัง นี่พวกมึงคุยกันมาตั้งนานคือเพิ่งรู้เหรอว่ากำลังแย่งในสิ่งที่ไม่ต้องแย่งกันอยู่
“เออว่ะ” จงแดขมวดคิ้วพลางกัดปลายนิ้วหัวแม่มือขณะใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าส่ง ๆ ไปทางเด็กแปดขวบ “งั้นมึงเอาเด็กไป ส่วนกูจะนั่งเฝ้ามันทำงานที่นี่” จงแดโยนกองกระดาษที่เต็มไปด้วยรูปการ์ตูนซึ่งถูกร่างเอาไว้มากมายลงบนโต๊ะอาหาร
“ได้ งั้นกูพาแบคฮยอนไปเลยนะชานยอล เฮ้ยพี่จุน จัดการ!” ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หันไปสั่งคนของศาสนา ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบอุ้มเด็กขึ้นแม้ว่าเจ้าตัวน้อยจะดูงง ๆ
“พวกมึงจะพาแบคฮยอนออกไปไม่ได้!!!!” นักวาดหนุ่มใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายตวาดลั่น แต่ดูเหมือนว่าไอ้เพื่อนชั่วจะไม่ยอมฟังและพร้อมจะหิ้วเด็กแปดขวบออกไปจากที่นี่
เพียงเสี้ยววินาทีที่ชายหนุ่มได้มีโอกาสสบตากับแบคฮยอน เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าอย่างสโลว์โมชั่วหวังจะขัดขวาง ก่อนจะถูกพี่จงแดกดหัวให้แนบแก้มลงกับโต๊ะประหนึ่งหนังเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตอนนางเอกกำลังถูกลักพาตัวไป และพระเอกก็โดนซ้อมจนกระอักเลือดดำ
ป๊อง!!!
“เชี้ย!!!!!!!” ทั้งสามหนุ่มสบถออกมาพร้อมกันยกเว้นชานยอลเจอภาพตรงหน้าจนเป็นเรื่องปกติ กับบาทหลวงหนุ่มที่คล้ายว่าจะช็อกไปเมื่ออยู่ ๆ เด็กที่เขาอุ้มไว้แนบอกกลายเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่อยู่ในร่างเปลือยเปล่า
และตอนนี้... ตูดขาว ๆ นั้นกำลังแนบอยู่กับแก้มจุนมยอน...
“แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
คนเป็นบาทหลวงร้องไห้น้ำตาแห้ง เบะปากค้างอยู่ท่านั้นและปล่อยให้ร่างกายรับรู้ถึงน้ำหนักของคนตัวเล็กพาดอยู่กับไหล่ตน จงแดตาเหลือกอ้าปากค้าง สะบัดหัวเรียกสติพลางกลืนน้ำลายเอื้อกแต่ภาพที่คิดว่าเป็นสิ่งลวงตากลับไม่จางหายไป
“แถถถถถถถถถถถถบั๊ก...” เซฮุนสบถเสียงต่ำ พลางหรี่ตามองความขาวตรงหน้า
“มาแบบนี้พี่ใจคอไม่ดีเลย” พูดจบจงอินก็ยกขวดน้ำเป็นลิตรขึ้นกระดกอึก ๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากร่างขาว ๆ ของเด็กอายุสิบแปด
คนที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าดีดตัวขึ้นโดยการใช้มือขวาค้ำหัวบาทหลวงไว้ ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองชายหนุ่มอีกสี่คนที่มองมาที่เขา แบคฮยอนยิ้มร่า ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นตระหนกที่คนแปลกหน้าเห็นตนเองโป๊
“ทำอะไรกันอยู่เหรอ น่าสนุกจัง”
“เดี๋ยวนะ... น่ะ... นั่น...” บก.หนุ่มชี้นิ้วอันสั่นเป็นต้นกล้วย (สั่นเครือ) ไปข้างหน้า ก่อนจะกลอกตามองหาเด็กแปดขวบเมื่อครู่ที่ถูกบาทหลวงอุ้มเอาไว้ แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยหรือซากกายหยาบใด ๆ
ชานยอลลุกขึ้นยืนโอบไหล่รุ่นพี่ก่อนจะกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ โดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมละสายตาจากเด็กอายุแปดขวบที่อยู่ ๆ ก็โตขึ้นและอยู่ในสภาพไม่ใส่เสื้อผ้าอย่างนั้น โอ้พระสงฆ์ ว้อทแฮปเพ่น
คนตัวสูงหันไปทางเด็กตัวแสบที่หลุบตามองกองกระดาษซึ่งเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์การ์ตูนเรื่องใหม่ที่วาดเท่าไหร่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ เขาและแบคฮยอนสบตากันเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนคนในร่างเปลือยเปล่าจะพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความหมาย แต่ที่บ้ากว่านั้นคือปาร์คชานยอลกลับเข้าใจได้อย่างง่ายดาย เมื่ออยู่ดี ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่เขาและแบคฮยอนเคยคุยกันอยู่บ่อย ๆ แต่เขาไม่เห็นด้วย ซึ่งนั่นก็คือพล็อตการ์ตูนที่อีกฝ่ายช่วยคิดให้
“ผมว่าผมได้พล็อตการ์ตูนเรื่องใหม่แล้วว่ะ”
TBC
ความคิดเห็น