คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : Season 2 | Painkiller 03 :: Deeper.
? cactus
Chapter 03
Deeper
“คุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน”
“ชาร์ลเป็นคนให้เราเอง ลืมแล้วสินะ”
เด็กสองคนนั่งพิงกับผนังบนเตียงห้าฟุต ทำตาปริบ ๆ
ขณะสบตากันก่อนจะมองสโนว์บอลโดเรม่อนที่มีกลิตเตอร์ลอยฟุ้งอยู่ในแก้วกลม ๆ ชาร์ลเพียงยิ้มกลบเกลื่อน
ผ่านไปครึ่งนาทีสีหน้าคนตัวโตก็ยังไม่ต่างไปจากเดิม แบคฮยอนจึงเบะปากที่เขารักษาของชิ้นนี้เป็นอย่างดีตั้งแต่อายุแปดขวบแต่คนให้กลับจำไม่ได้
“อะไร?”
เด็กหนุ่มมองมือเล็กที่แบออกมา เขาจึงฟาดลงไปเบา ๆ จนแบคฮยอนชักมือกลับ
“อะไรอะ อยู่ดี ๆ ก็ตีเราเฉยเลย
เอาสโนว์บอลคืนมานะ”
“ไม่ให้ มีไรไหม?” ชาร์ลถลึงตามองคนข้าง ๆ ที่ทำจมูกกับปากเหมือนหมูใส่เขา
“จำไม่ได้แล้วจะดูทำไมอะ”
“ตอนนั้นฉันอายุเท่าไหร่
มันก็ต้องมีลืมกันบ้างดิ” คำอธิบายช่างเปล่าประโยชน์
เมื่อคนตัวเล็กหรี่ตามองพร้อมเบ้ปากลงเหมือนว่าชาร์ลี
ฮอปส์มันเลวมากที่จำความทรงจำดี ๆ เมื่อตอนนั้นไม่ได้ “มันติดอยู่ตรงนี้
คิดไม่ออก”
“ช่างเถอะ เรามันคนไม่สำคัญ ถูกลืมบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
“Sulk like a lil baby.” (งอนเป็นเด็กไปได้)
“อะไรอะ หลอกด่าเราเหรอ?”
“ฉันบอกว่าเบบี้อย่างฉันต้องขอโทษจริง
ๆ” ชาร์ลเอาสโนว์บอลโดเรม่อนมาทาบอกพร้อมทำตาปริบ ๆ เลียนแบบคนข้าง
ๆ คนซื่อบื้อถึงได้ยอมยิ้มเพราะจับทางไม่ถูกว่าเขากำลังตอแหล
“พรุ่งนี้เราจะทำข้าวกล่อง
เอาไปนั่งกินในสวนสาธารณะกันนะ เพราะถ้าเอาข้าวมากินในห้องพ่อกับน้องต้องสงสัยแน่” แบคฮยอนเอาคางเกยหัวเข่าตนเองขณะมองเพื่อนตัวโตเล่นโน้ตบุ๊กบนตัก
“กับเพื่อนที่โรงเรียนนายทุ่มเทขนาดนี้หรือเปล่า?” อดสงสัยไม่ได้
หมอนี่จะรู้ตัวบ้างไหมว่าหัวอ่อนมากพอที่จะโดนคนแปลกหน้าหลอกใช้
“ไม่หรอก
เพราะเพื่อนเรากินข้าวก่อนไปโรงเรียนอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องข้าวไหมล่ะ
หมายถึงเรื่องช่วยฉัน”
“อ๋อออออ” ดูปากสีเชอร์รี่นั่นสิ...
น่าบีบน้อยเสียที่ไหน “นอกจากเรื่องลอกการบ้านก็ไม่มีอะไรต้องช่วยแล้วอะ”
“ดูง่ายดีนะ
ชีวิตที่โรงเรียนของนายเป็นไง เล่าให้ฟังบ้างสิ”
“สนุกมาก
โรงเรียนเรามีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ตลอดเลยอะ ทั้งในห้อง ทั้งนอกห้อง
ผู้หญิงกับผู้ชายเลยไม่แบ่งกลุ่มแบ่งพวก คุยเล่นกันได้แบบสนิทใจมาก ๆ”
“พ่อแม่นายคงวางแผนมาดีแล้วว่าจะให้ลูกอยู่ในสังคมแบบไหน”
“อือ แม่บอกว่าถึงค่าเทอมจะแพง
แต่ถ้าซื้อสังคมดี ๆ ให้ลูกได้มันก็คุ้ม”
แม่มักจะพูดเสมอว่าที่ทำงานเหนื่อย ๆ ก็เพราะอยากให้ลูกทั้งสามคนได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนดี
ๆ มีสังคมที่น่าอยู่ เพื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่านที่ดี ถึงพ่อจะบอกว่ามันเป็นดาบสองคมเพราะอาจทำให้แบคฮยอนอ่อนต่อโลกจนใช้ชีวิตข้างนอกลำบาก
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสายงานในอนาคตของลูกชายคนนี้ด้วย
แม่ก็ดูเป็นกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ท่านก็เพิ่งเคยเป็นพ่อแม่คนครั้งแรกในชีวิต
ดังนั้นแบคฮยอนจึงไม่โกรธเลยสักนิด พ่อกับแม่มีแต่จะมอบสิ่งดี ๆ ให้ แล้วแบคฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับสังคมที่อยู่ในทุกวันนี้ด้วย
มีบ้านที่อบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีโรงเรียนที่ดี แค่นั้นชีวิตก็มีความสุขแล้ว
ชานอีถูกตามใจและปล่อยให้ใช้ชีวิตตามต้องการมากกว่าแบคฮยอน
เป็นเพราะพ่อกับแม่ได้เรียนรู้การเลี้ยงลูกคนแรกมาแล้วว่าเป็นอย่างไร
ถึงน้องจะหัวรั้นและเกเรไปบ้าง
แต่อย่างน้อยชานอีก็สร้างความภูมิใจให้ครอบครัวได้ด้วยเหรียญทองจากกีฬาที่น้องชอบ
พอเห็นว่าพ่อแม่เป็นห่วงแบคฮยอนมากที่สุด เขาจึงไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ
“แล้วนายคิดว่ายังไง?”
“เราคิดว่าเรียนไหนก็เหมือนกัน
แต่แม่บอกว่าไม่เหมือนหรอก ต่อให้โรงเรียนเราจะมีคนนิสัยไม่ดีอยู่บ้าง
แต่เชื่อว่าอย่างน้อยคนเหล่านั้นก็ยังอยู่ในกฎในเกณฑ์
ไม่ใช้วิธีรุนแรงแบบโรงเรียนที่แม่เคยอยู่”
“แม่นายนี่นะ...
ฉันไม่สงสัยแล้วว่าทำไมนายถึงนุ่มนิ่มแบบนี้”
ชาร์ลหรี่ตามองคนข้าง ๆ ที่ทำตาใสใส่เขา
“มันไม่เท่ใช่ไหมล่ะ
เรื่องนี้ชานอีพูดมาตั้งแปดแสนล้านครั้งแล้ว”
“อยากเท่ก็ลองยกเวทเล่นกล้ามดูสิ พ่อฉันเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อนายก็เล่นไม่ใช่หรือไง?”
“ไม่เอาอะ มันหนัก”
“วิ่งล่ะ?”
“เราเหนื่อย”
“ชกมวย?”
“เจ็บมือ”
“งั้นก็เชิญนุ่มนิ่มเป็นโมจิแบบนี้ไปตลอดชีวิตเถอะ” ชาร์ลยีผมคนตัวเล็กซึ่งหัวเราะคิกคักราวกับว่าเรื่องที่พูดถึงเป็นเรื่องตลก
“แล้วที่โรงเรียนชาร์ลเป็นยังไง
สนุกไหม?”
“ป่าเถื่อน จบ”
“โห ทำไมสั้นจังอะ เราเล่าให้ฟังจนโดนว่าเป็นตัวนุ่มนิ่มไม่แมนแต่ชาร์ลกลับตอบแค่เนี้ย” แบคฮยอนจีบมือเป็นท่าประกอบ คนตัวโตจึงชำเลืองมองแล้วหันไปสนใจโน้ตบุ๊กที่อยู่บนตัก
“ก็มันไม่มีอะไรน่าสนใจ
โรงเรียนคือสถานที่จำลองให้ดูเป็นตัวอย่างว่านรกหลังความตายเป็นยังไงก็เท่านั้น”
“มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“มากจนคนแบบนายทนอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
“หูย ดูถูก!”
เห็นสีหน้าขึงขังเหมือนจะโหดแต่กลับเหมือนหมาคอร์กี้ขาสั้นพยายามเห่าขู่คนแปลกหน้าเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ
ชาร์ลเปิดเข้าบล็อกส่วนตัวเพื่อเปิดรูปที่ถ่ายไว้เล่น ๆ
ให้แบคฮยอนดูว่าโรงเรียนในไมอามี่มันก็ไม่ได้ต่างจากสังคมข้างนอกสักเท่าไหร่
“อือ
ชาร์ลคิดถูกแล้วล่ะที่ดูถูกเรา” คนตัวเล็กเม้มปาก
จิ้มนิ้วลงบนแป้นสี่เหลี่ยมเพื่อกดปุ่มกากบาทออกเพราะรับความป่าเถื่อนในโรงเรียนเพื่อนวัยเด็กไม่ไหว
ทำไมโหดร้ายกันอย่างนั้นอะ
สิ่งที่อาบหน้าควรจะเป็นน้ำเปล่าตอนเช้ากับตอนก่อนนอนมากกว่าจะเป็นเลือดนะ
“นายมีแฟนไหม?” แบคฮยอนเลิกคิ้วกับคำถามของคนที่ให้ความสนในหน้าจอโน้ตบุ๊กมากกว่าหน้าเขา
“ไม่มีหรอก ทำไมเหรอ?”
“เพิ่งเลิกหรือว่าไม่มีใครเอา?”
“เรามีแต่เพื่อน พอเป็นเพื่อนกันแล้วก็เลยเป็นแฟนไม่ได้อะ
มันน่าขนลุก” พอได้ฟังคำตอบ
ชาร์ลก็ละความสนใจจากหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วหันไปสบตากับคนตัวเล็ก
“ที่นี่ถือกฎห้ามเอาเพื่อนทำเมียหรือไง?”
“หูย ดูใช้คำเข้าสิ แค่แฟนก็พอ” คนซื่อบื้อรีบโบกมือปัด ๆ คำนั้นทำเขาหูแดงเฉยเลย “มันก็ได้นะ
แต่เรายังไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับเพื่อน”
“แล้วถ้าเป็นเพื่อนเก่าอย่างฉันล่ะ?”
“หะ?”
“ถ้าเป็นฉันกับนาย” แบคฮยอนถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรกับฮุคหมัดตรงของชาร์ลซึ่งมาพร้อมแววตาเรียบเฉยโดยที่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“กับชาร์ลที่เป็นผู้ชายเหมือนเราน่ะเหรอ?”
“อ่าฮะ”
“ฮั่นแน่ รู้หรอกว่าที่โรงเรียนคงมีสาวมาติดตรึมเลย
จะแกล้งให้เราหน้าเสียแล้วหัวเราะทีหลังล่ะสิ ไม่ไหวเลยนะ”
แบคฮยอนยิ้มล้อก่อนจะหุบยิ้มเพราะถูกอีกคนคว้านิ้วมือเอาไว้
“ที่นั่นเหยียดพวกลูกครึ่งเอเชีย เพราะฉะนั้นฉันคงไม่ได้ฮอตบ้านแตกอย่างที่นายคิดหรอก
และอีกอย่าง” ชาร์ลเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกชนกับคนซื่อบื้อ
“ฉันสนใจสรีระของผู้ชายด้วยกันมากกว่าผู้หญิง”
“...”
“โดยเฉพาะผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่จับกดลงเตียงได้ด้วยมือเดียว”
อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหน้ามืดเพราะคำพูดที่แบคฮยอนคิดว่าคงแฝงไปด้วยนัยยะ
จู่ ๆ ทำไมชาร์ลถึงพูดอะไรแบบนั้นล่ะ ก็จริงอยู่ที่โลกตอนนี้เปิดรับเพศเดียวกันแล้วแต่เราเป็นเพื่อนกันนะ
เพื่อนไม่น่าจะคุยกันแบบนี้ หรือมันเป็นเรื่องปกติในอเมริกา?
“ชาร์ลเป็นเกย์เหรอ...” คนตัวโตพยักหน้าเป็นคำตอบ “เป็นรุกหรือเป็นรับอะ...” แบคฮยอนถามด้วยความสนใจ นึกภาพชาร์ลตอนเป็นรับไม่ออกเลย เวลาจะสวีทกันทีจะต่อยแฟนปากแตกก่อนจุ๊บกันไหมอะ
“รุก”
“...”
“แรงด้วย”
“...”
“ล้อเล่นน่า”
ชาร์ลยิ้มขำ คนถูกแกล้งจึงเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเพราะเผลอเชื่อไปแล้ว
“โห เปิดอะไรค้างไว้อะ เราดูด้วย” แบคฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการหันไปโฟกัสหน้าจอโน้ตบุ๊ก และก็พบว่าชาร์ลเปิดหนังโป๊เกย์ค้างไว้แต่ยังไม่ได้กดเล่น...
ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง!
“ขยับเข้ามาสิ จะได้มองเห็นถนัดหน่อย”
อยากร้องไห้แล้วอะ ;_;
“อยู่ดี ๆ ก็ง่วงเฉยเลย
คงเป็นเพราะตื่น --”
ยังเฉไฉไม่จบประโยคร่างของคนตัวเล็กก็ถูกโอบไหล่ให้เข้ามาแนบอกเพื่อนวัยเด็ก
กลิ่นแชมพูก็ขวดเดียวกัน... ชุดก็ชุดของตัวเอง...
แต่ทำไมถึงใจเต้นแรงแบบนี้ก็ไม่รู้
“คิดว่าฉันเป็นเกย์จริง ๆ เหรอ?”
“ไม่รู้หรอก
เรารู้แค่ว่าถ้าชาร์ลพูดอะไรเราก็พร้อมที่จะเชื่อ”
“ถึงฉันจะโกหก?”
เด็กหนุ่มกำลังรอคำตอบจากโมจินุ่มนิ่มที่ดิ้นยุกยิกเหมือนอยากออกจากอ้อมกอดเขาเต็มแก่
“อือ”
“ทำไม?”
“เพราะเราคิดว่าชาร์ลคงไม่โกหก”
เสียงของคนซื่อบื้อเบาจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนี้
หรือเป็นเพราะแบคฮยอนรู้สึกแย่อยู่ลึก ๆ ที่คิดว่าเพื่อนอย่างเขาจะโกหกได้ลงคอ
“Sounds good, I like it.” (เป็นคำตอบรื่นหูดี
ฉันชอบ)
“ลองใจเราเหรอ?” ชาร์ลคิดว่าเขาเริ่มจะจำน้องน้อยวัยแปดขวบเมื่อตอนนั้นได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะดวงตาแป๋ว
ๆ ที่กำลังฉายไปด้วยความสงสัย
“เวลาโดนชานอีล้อเจ็บใจหรือเปล่า?”
“นิดนึง...
แต่ที่ชานอีพูดก็ความจริงทั้งนั้น เรามันไม่แมน ไม่เท่สมเป็นลูกผู้ชายเหมือนน้อง”
แบคฮยอนชื่นชมชานอีเสมอเลย น้องชายตัวโต ๆ ที่ทำอะไรก็ดูดีไปหมด
“อยากรู้ไหมว่าต้องทำยังไงถึงจะเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว?”
“เล่นกีฬาน่ะเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก
ออลจังหลายคนไม่เล่นกีฬายังเท่ได้เลยอะ” คนตัวเล็กเบะปาก
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อถูกคนตัวโตเชยคางขึ้นให้สบตากันในระยะใกล้
“มันเสียเหงื่อแล้วก็เหนื่อยเหมือนเล่นกีฬาแต่ว่าสนุกกว่า”
“...”
“เป็นเรื่องที่ให้ทำเป็นชั่วโมงก็ไม่เบื่อ
จะทำคนเดียวก็ได้ แต่ถ้าทำสองคนล่ะก็...”
บรรยากาศแปลก ๆ แบบนี้คืออะไร
เขารู้สึกว่ามันคุ้นเหมือนเคยดูในหนังผู้ใหญ่สักเรื่อง คนตัวเล็กนั่งห่อไหล่พลางหลับตาแน่นเมื่ออีกคนโน้มใบหน้าลงมากระซิบว่า ‘นายจะได้รู้ว่าสวรรค์บนดินเป็นยังไง’
พร้อมเป่าลมหายใจรดแก้มและต้นคอของเขา
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่ค่อยปฏิเสธคนหรือลึก ๆ แบคฮยอนก็อยากเอาชนะคำสบประมาทของน้องชาย
เขาถึงคิดว่าเรื่องที่ชาร์ลพูดมันน่าสนใจขึ้นมา
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
วันพระไม่ได้มีหนเดียวฉันใด มรินเวิวก็ไม่ได้พาลงคุกครั้งเดียวฉันนั้น
ความคิดเห็น