คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Season 2 | Painkiller 06 :: Mochi's
? cactus
Chapter 06
Mochi’s
การทำเรื่องย้ายห้องต้องใช้เวลาประมาณสามวัน
เริ่มต้นจากให้ผู้ดูแลหอพักพิจารณาถึงความเหมาะสมไปจนถึงการย้ายของเข้าห้องใหม่
ซึ่งจีซูจำเป็นต้องบากหน้าไปอธิบายเหตุผลโง่ ๆ
ว่าเขาจ่ายค่าห้องเดิมไม่ไหวและได้คุยกับแบคฮยอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะแลกห้องกัน
เรื่องถึงง่ายขึ้นเพราะเจ้าของห้องเก่าเป็นฝ่ายสมัครใจเอง
อันที่จริงจีซูอยากตะโกนดัง ๆ
ว่าคนที่มีปัญหาคือไอ้ฝรั่งนั่น แต่น้ำก็ท่วมปากเพราะคำขู่ของอีกฝ่ายยังคงกึกก้องอยู่ในหัวว่าถ้าไม่ยอมทำตาม
เรื่องค้นกระเป๋าได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ โทษของการขโมยของเป็นอะไรที่ร้ายแรงจนคนบ้านมีเงินอย่างคิมจีซูไม่เข้าใจ
เขาไม่ได้หยิบห่าเหวอะไรติดมือออกมาจากกระเป๋าใบนั้นเลยสักอย่างเดียว แต่ถ้าหมอนั่นอ้างว่าเขายอมรับผิดกลางโรงอาหารต่อหน้าผู้คนครึ่งร้อย
เรื่องนั้นก็สามารถทำบีบให้คิมจีซูกลายเป็นคนผิดได้อีกอยู่ดี ไม่น่าโง่ยอมรับเลย
ให้ตายเหอะว่ะ
ตลอดเวลาที่ต้องทำเรื่องย้ายห้อง เขาก็ต้องระเห็จขอไปนอนกับเพื่อนเพราะไอ้ฝรั่งมันไม่ให้เขากลับเข้าไป!!!
เริ่มต้นเทอมใหม่ได้สองวันอาจารย์ก็สั่งงานให้ทำโดยไม่มีคำว่าหยวนอะไรทั้งนั้น
ในคาบแรกอาจารย์ที่ปรึกษาเข้ามาพูดเกริ่นให้ประธานหอเริ่มเตรียมตัวคิดไอเดียสำหรับงานโรงเรียนที่ใกล้จะมาถึง
พร้อมย้ำว่าขออะไรที่มันสร้างสรรค์บ้าง เพราะหอแรคคูนทำอะไรที่มันดูกะโหลกกะลาเสียจนผู้ใหญ่ท้อใจแทนเหลือเกิน
ไม่มีเด็กหออื่นปะปนอยู่ในห้องนี้
เพราะโรงเรียนแบ่งให้เป็นอย่างดีแล้วว่า...
ปีสามห้องเอ = หอสิงโต
ปีสามห้องบี = หออินทรี
ปีสามห้องซี = หอเสือโคร่ง
ปีสามห้องดี = หอแรคคูน
‘อย่าหวังพึ่งแต่คิมไคคนเดียวสิ พวกนายต้องช่วยกัน’
ตอนนั้นแบคฮยอนถึงรู้ว่ามีเพื่อนหน้าตาดีเป็นนายแบบอยู่ด้วย
จุนมยอนเล่าให้ฟังว่าคิมไคเป็นลูกผู้อำนวยการ แต่กลับเลือกอยู่หอแรคคูนแทนที่จะเป็นหออินทรีซึ่งใคร
ๆ ต่างก็บอกว่าแม่ครัวทำแต่อาหารดี ๆ สะอาด และให้อิสระมากกว่า เพราะหอนั้นชนะการแข่งขันบ่อย
คิมไคไม่เคยกร่าง คน ๆ นั้นทำเงินจากงานโรงเรียนเข้าส่วนกลางให้หอพักได้มากกว่าเด็กผู้ชายในหอทึ่ม
ๆ ที่ไม่รู้วิธีเข้าหาเพศตรงข้าม กลุ่มจองแจวอนก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ เพราะคิดว่า
‘มีแต่เด็กเท่านั้นแหละว่ะที่จะเข้าร่วมงานโรงเรียน’
แต่แบคฮยอนไม่คิดว่าหอแรคคูนจะสิ้นหวังขนาดนั้น
เพราะยังมีมือดีอย่างประธานหอคิมแทอูอยู่ ผู้ชายคนนั้นทั้งเท่ ขาว จมูกโด่ง
เขาเชื่อว่าสาว ๆ ต้องปิ๊งจนยอมซื้อของจากหอแรคคูน แต่จุนมยอนก็ดับฝันด้วยการบอกว่าแทอูต้องแสตนด์บายอยู่หอตลอดวันเพราะต้องคอยต้อนรับผู้ปกครองและบุตรหลานที่เข้าไปดูว่าหอแรคคูนของเราน่าอยู่มากแค่ไหน
การดึงลูกคนรวยเข้าได้มีแต่จะดี เพราะเงินส่วนหนึ่งก็ได้มาจากการเป็นสปอนเซอร์ของผู้ปกครอง
ดังนั้นตัวแทนหอแรคคูนจึงเหลือแต่คิมไค
คนที่เพื่อน ๆ ยกให้เป็นฮีโร่แห่งอาณาจักรแรคคูน
แบคฮยอนกับจีซูทยอยย้ายของสลับห้องกันตั้งแต่เย็นเมื่อวานเพราะผู้ดูแลหอบอกว่าวันรุ่งขึ้นถึงจะย้ายเข้าได้อย่างเป็นทางการ
ซึ่งนั่นหมายความว่าคืนนี้แบคฮยอนจะได้ค้างกับชาร์ลเป็นคืนแรก เขามีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย
หลายวันที่ผ่านมาชาร์ลเอาแต่หลบหน้า จงใจไม่คุยกับเขาแค่เหตุผลว่า
‘ฉันจะยอมคุยด้วยหลังจากที่นายย้ายห้องเสร็จ
ระหว่างนี้ก็ทนคิดถึงฉันไปก่อนแล้วกัน’
คนหลงตัวเอง ไม่เห็นจะคิดถึงเลย ขี้โม้
จุนมยอนเล่าให้ฟังว่าจีซูบ่นตลอดคืนเพราะไม่ชอบนอนเตียงสองชั้น
บ่นถึงความคับแคบของห้องที่เดินไม่กี่ก้าวก็จะชนรูมเมท จีซูไม่ชอบการอาบน้ำพร้อมคนอื่น
ไม่ชอบอะไรสักอย่างที่จุนมยอนบอกว่าดีแล้ว
“นั่งลง” แบคฮยอนเลิกคิ้วมองเพื่อนวัยเด็ก
ก่อนจะลดระดับสายตามองข้อมือตนเองที่ถูกคว้าเอาไว้
คาบว่างในช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาที่เด็กหอแรคคูนต้องปรึกษากันว่างานโรงเรียนปีนี้จะทำอะไรกันบ้าง
ลำพังแค่ขายรูปคิมไคเหมือนทุกปีก็ไม่พอยาไส้รุ่นพี่รุ่นน้องผู้ร่วมชะตากรรม
“แต่เรานั่งกับจุน --”
“นายเป็นเพื่อนใคร?” ชาร์ลเลิกคิ้วมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
อดีตรูมเมทที่มองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย
“เป็นเพื่อนทั้งสองคนเลย”
“แล้วฉันกับหมอนั่น
นายชอบใครมากกว่ากัน?”
เสียงโหวกเหวกของเหล่านักเรียนชายยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
แต่ประโยคเมื่อครู่กลับทำให้แบคฮยอนใจเต้นจนไม่รู้จะต้องตอบอย่างไร
ไม่ถามแปลกไปหน่อยเหรอ เพื่อนที่โรงเรียนเก่าไม่เคยเห็นถามแบบนี้เลยว่าชอบใครมากกว่ากัน
“กระเป๋า”
คนตัวเล็กหันหลังแล้วก็พบว่าจุนมยอนกำลังยื่นกระเป๋ามาให้พร้อมพยักหน้าเหมือนอยากให้เรื่องนี้จบ
ๆ ไป
“ขอโทษนะ”
“แค่ไม่ได้นั่งด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก” พูดจบจุนมยอนก็เดินออกไปด้านนอกเงียบ ๆ จนเกิดคำถามว่าเพื่อนพูดจากใจจริงหรือว่ากำลังน้อยใจอยู่กันแน่
แบคฮยอนมองตามแผ่นหลังอีกคนจนหายลับสายตาไป
ก่อนจะหันกลับมาขมวดคิ้วคาดโทษเพื่อนตัวโต
“ชาร์ลอะ!”
“What?”
“ทำไมเอาแต่ใจแบบนี้! -- โอ๊ะ!” ทั้งที่กำลังทำหน้าโหดให้สำนึกอยู่แท้ ๆ
แต่ชาร์ลกลับดึงแขนเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ จนเสียหลักล้มเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่ดูเหมือนว่าจะตั้งท่ารอรับอยู่แล้ว
“นี่มันนางเอกละครที่ปลอมตัวมาอยู่โรงเรียนชายล้วนชัด
ๆ” แบคฮยอนดิ้นยุกยิกอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตซึ่งกำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องที่ส่งเสียงโห่แซวอย่างนึกสนุก
นี่มันเดจาวูชัด ๆ
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปยืนอยู่กลางโรงอาหารวันนั้นที่ถูกเพื่อนในหอมองเป็นตาเดียวกันเพราะถูกเข้าใจว่าเป็นแฟนกัน
แล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปฏิเสธด้วย
“เราอายเพื่อนเพราะชาร์ลเลยอะ!”
“อายทำไมคนตั้งเยอะ”
“ก็เพราะว่าคนเยอะไง!!”
“โอ๊ย!!!” เด็กหนุ่มนิ่วหน้าแหกปากลั่นห้องเมื่อโมจินุ่มนิ่มงับมือเขาเหมือนหมาฟันน้ำนมที่คิดอยากเป็นนักสู้
ทั้งเจ็บทั้งกลั้นขำกับสีหน้าไม่พอใจที่ให้มองอีกกี่ล้านครั้งก็ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว
“เบื่อผัวเมียสวีทกันโว้ย” <- เพื่อนในห้องที่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร
“ไม่ใช่นะ เราเป็นเพื่อนกัน!”
“ไม่ต้องเขินหรอกนะ ที่นี่มีเพื่อนซี้ประตูหลังอยู่หลายคู่
ชัดเจนกันขนาดนี้ก็ไม่มีใครว่าอะไร” <- คนนี้ก็ยังจำชื่อไม่ได้
“งั้นหมายความว่าฉันจูบกับแบคฮยอนตรงนี้ได้เลยใช่ไหม?”
“ไม่จูบ!” แบคฮยอนถลึงตามองใบหน้าหล่อที่ขมวดคิ้วแกล้งใสซื่อ
“เกินเหตุ... เกินเหตุ”
<- เพื่อนคนเดิม
ชาร์ลยิ้มขำกับสีหน้าไม่พอใจและแก้มแดง ๆ ที่โกหกสายตาคนรอบข้างไม่ได้ว่าโมจินุ่มนิ่มกำลังเขินมากแค่ไหนที่ถูกยัดเยียดความเป็น ‘เมีย’ ให้กับเพื่อนวัยเด็กอย่างเขา แต่เรื่องนี้ใครผิดล่ะ อยู่บ้านกับพ่อแม่และน้องอีกสองคนก็ดีอยู่แล้ว
แค่แบคฮยอนกลับเลือกมาอยู่ในที่ ๆ ชาร์ลี ฮอปส์เอื้อมมือถึงได้ง่ายเอง
ถ้าไม่รู้จักวิธีหยุดน่ารักก็ต้องทนเจออะไรแบบนี้ไปจนกว่าเขาจะพอใจ
ไม่สิ...
ต่อให้พอใจก็ใช่ว่าจะยอมหยุดเสียเมื่อไหร่?
*
“ได้ข้อสรุปกันแล้วนะว่านอกจากขายรูปคิมไคแล้ว
ปีนี้เราจะหารายได้เพิ่มจากการทำขนมขายด้วย”
“ฉันทำไม่เป็นนะโว้ย งานโคตรสาวน้อย”
“จริง ถ้าสาว ๆ เห็นได้อายตายห่า”
“จะไม่ทำก็ได้นะ แต่วันนั้นพวกแกต้องเป็นคนยืนขายจนกว่าขนมจะหมด
ห้ามเสนอหน้าไปเดินอ่อยหญิงเด็ดขาด ปวดขี้ปวดเยี่ยวก็ต้องสลับกันไป
ห้ามเกินสิบนาที”
“เดี๋ยว ๆ มึงใจเย็นก่อนค่ะแทอูโอป้า”
“เราจะเพิ่มความน่าสนใจเข้าไป เช่นให้คนขายใส่ผ้ากันเปื้อนสีพาสเทลลายน่ารัก
ๆ ผู้หญิงชอบอะไรที่มันมุ้งมิ้ง ไม่เชื่อไปถามแม่พวกแกดูได้”
“แทอูมันโกรธใครมาปะวะ
วันนี้เอาตีนยันหน้าพวกเราอย่างรัว”
“ใจคอก็จะดึงแต่เด็กผู้หญิงอย่างเดียวเหรอ
ถ้าเกิดโรงเรียนยอจินแวะมากวนตีน พวกแม่งได้ขำเราตาย” ถึงจองแจวอนจะไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับงานโรงเรียน
แต่เขาก็กระดากอายเหลือเกินถ้าหากพวกโรงเรียนคู่อริเสนอหน้ามาหัวเราะเยาะว่าหอแรคคูนทำอะไรปัญญานิ่มอย่างนี้
“หน้าบางมากก็มุดเข้าไปหลบในกระโปรงแม่ครัวไป”
“เหยด พี่เขาอย่างดุอ่า” กลุ่มแจวอนทำหน้าอ้อร้อ
ส่งเสียงแซวประธานไม่หยุดตามประสาเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่มอต้นปีหนึ่ง
“ตอนนี้มีฉัน แบคฮยอน จุนมยอนที่จะอยู่ทำขนมคืนก่อนวันงาน
มีใครอยากอาสาเป็นลูกมือบ้างไหม ไม่ต้องมีสมองก็ได้
ขอแค่ไม่เป็นง่อยแล้วก็มีจิตสำนึกนิดนึงก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง”
“พูดงี้เอาน้ำล้างตีนสาดใส่หน้าผมเลยดีกว่าครับพี่แทอู”
“ได้ รอนะ เดี๋ยวมา”
“เฮ้ย ๆ ล้อเล่น” เพื่อนร่วมห้องหัวเราะลั่นกับความเด็ดขาดของประธานหอที่ถ้ามองหน้าตอนนี้ก็คงรู้กันเป็นอย่างดีว่าแทอูกำลังจริงจังไปกว่าทุกครั้ง
จากที่คุยกันอยู่นานก็ได้บทสรุปว่าจะทำขนมขาย
แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะเอาเมนูอะไร หลัก ๆ คือต้องอร่อยและใช้งบน้อยเพราะหอแรคคูนไม่มีต้นทุนมากนัก
ครั้นจะให้คิมไคใช้เส้นความเป็นลูกผอ.ก็ไม่ได้อีก ไม่ใช่ว่าพวกเขาหน้าบาง
แต่คิมไคแม่งไม่ยอมทำตามคำขอ!!!
แบคฮยอนส่งข้อความไปปรึกษากับแม่เรื่องนี้ ท่านจึงบอกว่าจะให้น้ามินซอกช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ให้
เพราะเธอทำขนมให้ลูกชายกินบ่อย ดังนั้นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แบคฮยอนกับจุนมยอนจะกลับไปลองทำขนมที่บ้าน
“ฉันช่วยเอง”
“นายไม่ควรนอนดึกว่ะไค มาร์คหน้าให้หล่อ
ๆ แล้วตื่นมาในสภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ดีกว่า”
“ไอ้แทอูสปอยล์ไอ้ไคสุด”
“ก็มันทำเงินให้หอเราได้แต่พวกแกทำไม่ได้
หัดเจียมเนื้อเจียมตัวต่ออัศวินแห่งแรคคูนกันบ้างสิวะพวกต่ำต้อย รากหญ้า
ไร้ประโยชน์ แย่งอากาศมนุษย์โลกหายใจไปวัน ๆ” คนในห้องต่างพร้อมใจกันยกมือขึ้นทาบอกกับคำพูดเสียดแทงหัวใจที่จะว่าเจ็บไหมก็ไม่เจ็บ
“สักเที่ยงคืนเป็นไง?” เจ้าของผิวสีแทนถามประธานแล้วหันไปสบตากับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่กลางห้อง
“รับลูกมือแบบฉันไหมลิตเติ้ลบันนี่?”
“เหยดดดดดดดด ลิตเทิ่ลบันนี่ด้วยนาคาาา
จีบแลงงง” กลุ่มเด็กผู้ชายโห่แซวกันยกใหญ่
ปรบมือรัวพร้อมมองไปยังคนตัวเล็กที่ชี้หน้าตัวเองอย่างงง ๆ
ด้วยความที่เป็นโรงเรียนชายล้วน
การมีเด็กผู้ชายน่ารักเพิ่มเข้ามาสักคนจึงทำให้บรรยากาศครึกครื้นยิ่งขึ้น ทุกวันนี้มนุษย์คล้อยตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนพอสมควร
จากที่เคยกีดกัน ไม่ยอมรับคนข้ามเพศก็เริ่มมองมันเป็นเรื่องปกติได้
แต่ก็ยังมีผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งที่ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ดังกล่าว
คนเหล่านั้นยังต้องการลูกหลานสืบเชื้อสาย แต่เด็กหอแรคคูนก็พังความหวังเหล่านั้นด้วยความรักสนุกมากกว่าจะยึดติดกับความคิดผู้ใหญ่
“เฮ้ย คิมไคจะแย่งเด็กยูว่ะหรั่ง”
ชาร์ลสบตากับดาวเด่นประจำหอเพื่อบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังไม่พอใจที่หมอนั่นกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับคนของเขา
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของเหล่าเด็กผู้ชาย คิมไคไม่ได้แสดงออกถึงความหวาดกลัวเหมือนคนอื่น
ๆ ที่เคยกล้าลองดีกับชาร์ลี ฮอปส์ หนำซ้ำหมอนั่นยังยิ้มให้ตัวนุ่มนิ่มจนเกินเหตุ
“ว่าไงแบคฮยอน?”
“ได้อยู่แล้ว มีคนช่วยเยอะ ๆ
จะได้แพ็คใส่ถุงเร็วขึ้น จะได้มีเวลานอนนานขึ้นด้วย”
มันน่าหงุดหงิดไหม?
อะไรคือการทำปากยื่น ตาใสตอบหมอนั่นหน้าตาเฉย
“I’m in.” (ฉันเอาด้วย)
“แปลว่าไรวะหรั่ง?”
“SHUT – THE – FUCK – UP”
“รู้เรื่องเลย” คนถามหันไปนั่งท่าเดิมอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว เมื่ออยู่ ๆ ไอ้ลูกครึ่งก็กลายเป็นคนไม่ขำขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“งั้นเพิ่มชาร์ลีอีกคนนะ โอเค
น่าจะพอแล้วล่ะ หรือถ้าใครนึกขึ้นได้ว่าอยากช่วยก็ตามมาลงชื่อกับฉันทีหลังได้”
*
“ถ้าสงสัยตรงไหนก็เปิดประตูเข้ามาเลยนะ
ฉันไม่ได้ล็อก”
จุนมยอนเดินมาส่งเพื่อนหน้าลิฟต์ชั้นห้าของหอพัก
หลังจากที่นั่งทำการบ้านด้วยกันอยู่หลายชั่วโมง
แบคฮยอนก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ชาร์ลคงอยู่คนเดียวจึงขอตัวกลับห้องไปอยู่เป็นเพื่อน
เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเหงา เพราะนอกจากแบคฮยอนแล้วชาร์ลก็ไม่สนิทกับคนอื่นเลย
“จีซูจะบ่นไหมอะถ้าเราทะเล่อทะล่าเข้าไป”
“ไม่หรอก เขาอยู่ห้องเพื่อน
กว่าจะกลับก็คงดึก”
“โอเค จุนมยอนก็สู้ ๆ นะ
ถ้าไม่ไหวโทรบอกเลยเดี๋ยวเราขึ้นมาเขียนช่วย”
“ตกลง”
คนผิวขาวยิ้มบาง ๆ พร้อมมองเพื่อนที่กำลังเดินเข้าไปในลิฟต์
แบคฮยอนรู้ว่าจุนมยอนแค่เออออไปอย่างนั้น
จากที่เป็นเพื่อนกันมาหลายวันเขาเริ่มจับทางถูกแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนขี้เกรงใจและคงไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากใครง่าย
ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง
ครอบครัวจุนมยอนค่อนข้างขัดสน
พ่อทำงานขับรถรับจ้างส่วนแม่เป็นชาวประมง มีน้องชายอยู่มอต้นปีสามหนึ่งคน
กับแฝดหญิงอีกคู่หนึ่งที่เรียนอยู่เกรดหก โชคดีที่จุนมยอนได้ทุนเรียนฟรี จึงตัดสินใจย้ายข้ามจังหวัดเพื่อมาเรียนที่นี่ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ
และด้วยความที่มีพ่อกับแม่แค่สองคนที่ต้องหาเงินส่งเสียลูกทั้งสี่คน
จุนมยอนจึงอยากช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากนอกจากรับจ้างทำการบ้านให้เพื่อนในห้อง
หรืออะไรก็ตามที่คนอื่นไม่อยากทำเอง จุนมยอนก็รับทำแทนทั้งหมดถ้ามีค่าตอบแทน
พอกลับมาถึงห้องก็ไม่เจอเพื่อนวัยเด็กที่ควรนั่งอยู่บนเก้าอี้หรือเตียงเดี่ยวที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ
คนตัวเล็กทำปากยื่นพลางชะโงกหน้ามองเผื่อว่าคนขี้แกล้งจะแอบซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วออกมาทำให้เขาตกใจเล่น
ๆ ไม่เอาด้วยหรอก อยู่กับชาร์ลต้องระวังตัวให้มากอะ
“ออกไปข้างนอกเหรอ...” พึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้ววางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะฝั่งของตัวเอง
แอร์ก็เปิดทิ้งไว้นี่นา หรือว่าจะลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทข้างล่างกันนะ?
หยิบผ้าขนหนูสีขาวพาดกับท้องแขนเตรียมตัวอาบน้ำ
แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อพบว่าคนที่ตามหานอนจมอยู่ในอ่างอาบน้ำโดยไม่ขยับตัว
“ชาร์ล!!!”
แบคฮยอนรีบเข้าไปดึงเพื่อนให้ลุกขึ้นเหนือน้ำ
ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหอบหายใจคล้ายจะหมดลมเขาก็ยิ่งใจไม่ดีจนต้องรีบหยิบผ้าขนหนูที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาคลุมไหล่ให้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น
คนตัวเล็กตบแก้มคนตรงหน้าเบา ๆ เพื่อเรียกสติ เสยผมเปียกลู่เข้ากับโครงหน้าขึ้นให้เพื่อมองอาการให้มั่นใจว่าตอนนี้ชาร์ลปลอดภัยแล้ว
ดวงตาสีอ่อนปรือมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางเสียงความหวาดกลัวในใจของแบคฮยอน มือแกร่งยกขึ้นทาบความเย็นเฉียบลงบนแก้มขาว
ความนุ่มนิ่มจึงจับมือเขาไว้พร้อมถูแรง ๆ และพ่นไออุ่นรดลงมา
“เย็นจัง...”
แบคฮยอนร้องไห้งั้นเหรอ?
นั่นคือคำถามที่ลอยอยู่ในความคิด ชาร์ลมองคนตัวเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาพ่นไออุ่นลงบนมือเขาทั้งที่น้ำตาหยดเผาะลงโดยที่ไม่ได้บีบ
มือเล็ก ๆ คู่นั้นถูซ้ำ ๆ จนความเย็นที่เกิดขึ้นจากน้ำในอ่างจางหายไป
“ชาร์ลทำอะไร... เผลอหลับเหรอ...”
“...”
“ถ้าง่วงก็นอนพักบนเตียงสิ...
ไม่ใช่นอนแช่ในน้ำจนเผลอหลับแบบนี้...”
“Don’t cry my little Mochi.”
ชาร์ลลูบแก้มคนตัวเล็กที่ยังคงจับมือเขาไว้
ดวงตาคู่นั้นยังคงคลอไปด้วยหยดน้ำใส ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน ทั้งที่แบคฮยอนไม่ได้พูดว่าเป็นห่วงสักคำแต่เขากลับคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายร้องไห้เพราะความเป็นห่วง
มันไม่ใช่นิสัยของชาร์ลี ฮอปส์เลยสักนิด เขาไม่ชอบคิดอะไรอย่างนั้น แต่ความเป็นปาร์คแบคฮยอนก็ทำให้ร่างกายที่หนาวเหน็บจากการแช่น้ำอบอุ่นขึ้นมาได้ภายในเสี้ยววิ
“ตัวเปียกหมดแล้ว”
“ช่างมัน เดี๋ยวเราก็จะถอดออกแล้ว” แบคฮยอนก้มลงมองชุดนักเรียนที่เปียกไปทั้งท่อนบน
พอเงยหน้าขึ้นก็ชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าชาร์ลยังคงจ้องเขาอยู่
“งั้นลงมาแช่ด้วยกันไหม?”
“ห... หะ?”
“จะเข้ามาอาบน้ำไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่ แต่เรา --”
“Take your clothes off.” (ถอดออก)
คำพูดเหมือนวันแรกที่ชาร์ลขู่จะเอาเสื้อวอร์มของชานอีแต่ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นี่คือคนที่เพิ่งจมน้ำจริงเหรอ ทำไมอยู่ ๆ
สายตาของชาร์ลก็เปลี่ยนไปราวกับว่าการเฉียดตายเมื่อครู่เป็นเรื่องที่ลืมได้ง่าย ๆ
คนตัวเล็กทำตาโตเมื่ออยู่ ๆ
เพื่อนวัยเด็กก็คว้าข้อมือเขาพร้อมออกแรงดึงจนอกติดกับขอบอ่างจนต้องใช้มืออีกข้างยื้อไว้
“ไม่เอา... เราจะอาบคนเดียว” พอทุกอย่างกลับเข้าสู่ปกติ
แบคฮยอนก็ต้องสร้างอาณาเขตให้สายตาตัวเองเพราะหางตาแอบมองเห็นว่าร่างกายของชาร์ลที่แช่อยู่ในน้ำนั้นไม่ได้สวมใส่อะไรเลย
“Come on.”
คนตัวเล็กส่ายหน้า ให้ตายก็ไม่ลงไปหรอก...
แบคฮยอนยังจำเรื่องคืนนั้นได้อยู่เลย ถ้าขืนปล่อยให้เลยเถิดอีกคราวนี้เขาต้องเขินจนไม่กล้ามองหน้าชาร์ลอีกแน่
ทุกวันนี้ต้องล้างสมองว่าที่ทำไปวันนั้นเป็นเรื่องที่เด็กฝรั่งทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา
ในเมื่อชาร์ลไม่รู้สึกอะไร แบคฮยอนก็ไม่ควรคิดมากไปกว่านั้น
“เราจะรอข้างนอก รีบอาบให้เสร็จนะ”
“งั้นฉันจะไม่ออกไป”
“...”
“แค่แช่น้ำในอ่างกับเพื่อน นายคิดเล็กคิดน้อยเหรอ?”
“มันไม่ใช่เรื่องคิดเล็กคิดน้อยนะ
แต่เราไม่ได้อยู่ในวัยที่จะอาบน้ำกับคนอื่นอะ”
“ก่อนหน้านี้นายก็อาบห้องรวมกับคนอื่น
โอเค จะได้เข้าใจว่าความจริงแล้วมีแค่ฉันที่คิดไปเองคนเดียวว่าเราสนิทกัน” ชาร์ลตัดพ้อพลางเบือนสายตาหลบไปอีกทาง จงใจกดดันให้แบคฮยอนรู้สึกผิด
“มันไม่เหมือนกันนะ
เราไม่ได้ไปยืนเบียดใต้ฝักบัวเดียวกับจุนมยอนสักหน่อยอะ”
“เหมือนออนเซ็นไงแบคฮยอน don’t
worry, you know... just a warm bath. แค่นั่งคุยกัน
แช่น้ำอุ่นให้สบายตัว”
ชาร์ลยังคงหว่านล้อมให้คนตัวเล็กคล้อยตาม แบคฮยอนควรลงอ่างด้วยตัวเองตอนที่เขายังพูดดี
ๆ อยู่
“แต่นี่ไม่ใช่ออนเซ็น
เราเป็นคนขี้หนาวด้วย เดี๋ยวเป็นหวัดอะ” เขาส่ายหน้าพรืด
ก่อนจะถลึงตามองทันทีที่เห็นชาร์ลเปิดน้ำร้อนใส่เข้าไป
“?”
“...”
“ให้เวลาสองนาที ถ้าช้ากว่านี้จะลุกไปช่วยถอดให้”
ทำไมต้องยิ้มเวลาพูดอย่างนั้นด้วยนะ... แบคฮยอนกัดปลายนิ้วชี้ระหว่างใช้ความคิด
ถ้าหากไม่ลงไปชาร์ลก็คงทำหน้าเซ็งใส่และหาว่าเขาเป็นคนเอเชียที่คิดเล็กคิดน้อยแน่
ๆ แต่ช่วยทำความเข้าใจกันหน่อยไม่ได้เหรอ... นอกจากพ่อกับชานอีแล้วแบคฮยอนก็ไม่เคยแก้ผ้าอาบน้ำกับใครเลยนะ
“หันไป...”
คนขี้แกล้งอมยิ้มอย่างพอใจก่อนจะทำตามที่คนตัวเล็กขอ
เสียงเนื้อผ้าตอนถูกถอดออกทำให้เลือดในกายสูบฉีดจนความหนาวเหน็บจากการพยายามกลั้นหายใจใต้น้ำหายไปเป็นปลิดทิ้ง
เด็กหนุ่มปรือตาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กกำลังก้าวเข้ามาในอ่างแคบ ๆ
ถ้าเรื่องของเราเป็นนิทาน เสียงน้ำกระเพื่อมในอ่างก็คงเป็นสัญญาณบอกว่าหนูน้อยหมวกแดงกำลังติดกับดักหมาป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ลืมตาได้หรือยัง?”
“อือ”
แบคฮยอนนั่งชันเข่าเพื่อไม่ให้มองเห็นตรงนั้นของอีกฝ่าย
คนตัวเล็กถามตัวเองอยู่ตลอดว่าทำไมต้องเขินทั้งที่มีเหมือนกัน ตอนอยู่ในห้องน้ำรวมกับเพื่อน
ๆ ไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลย
เพราะดวงตาสีน้ำตาลเทาคู่นั้นที่จ้องเขาเหมือนจะกลืนกินงั้นเหรอ
แบคฮยอนทนมองนานไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
“น้ำร้อนไปหรือเปล่า?”
“ไม่... อุ่นแล้วล่ะ”
“เหรอ
เห็นแดงไปทั้งตัวก็เลยเป็นห่วงน่ะ”
ร้ายเกินไปแล้ว...
ชาร์ลคงมองออกจนทะลุปรุโปร่งว่าตอนนี้แบคฮยอนเขินจนตัวแดงไปหมด
ทำไมภาพคืนนั้นต้องย้อนกลับมาให้คิดด้วยนะ เขาอยากนั่งแช่น้ำโดยไม่รู้สึกอะไรและคุยเรื่องวางแผนงานโรงเรียนมากกว่าจะต้องใจเต้นแรงแบบนี้
“ขนของเข้าห้องเหนื่อยไหม?” สิ้นสุดคำถาม คนตัวเล็กก็ส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“เพราะมีจุนมยอนช่วยก็เลยไม่เหนื่อยมากอะ
ขนแป๊บเดียวก็หมดแล้ว”
“ถือของหนักคนเดียวหรือเปล่า?”
“อือ ต้องรีบเพราะเดี๋ยวหมดคาบเที่ยง” จนถึงตอนนี้ชาร์ลก็ยังไม่เลิกมองด้วยสายตาแบบนั้น
แบคฮยอนจึงหลบสายตาเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะกลับไปสู้สายตาเพื่อนวัยเด็กอีกครั้ง
“เพราะชาร์ลไม่ยอมมาช่วยเราอะ”
“อา... ฉันมันแย่จริง ๆ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “มานี่สิ ฉันจะนวดไหล่ให้”
ปาร์คแบคฮยอนไม่ควรโบ้ยความผิดแบบนั้น
เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้ชาร์ลหาเรื่องแกล้งเขาอีกจนได้
“เรา --”
“Come here.”
“...”
“Don't make me say it again.”
ชาร์ลยื่นคำขาดมาพร้อมมือแกร่ง แบคฮยอนส่งสายตาอ้อนวอนขอให้อีกฝ่ายเลิกล้มความคิด
แต่เพื่อนวัยเด็กกลับขมวดคิ้วเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ คนตัวเล็กจึงค่อย ๆ
ขยับตัวเข้าไปและได้มืออุ่น ๆ ของคนขี้แกล้งช่วยประคองให้นั่งหันหลัง
ชาร์ลนวดให้โดยไม่พูดอะไรอีก สองมือค่อย ๆ
บีบเพื่อไถ่โทษที่ไม่ยอมมาช่วยเขาขนของเข้าห้อง แบคฮยอนนั่งกอดเข่าพลางชำเลืองมอง ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชาร์ลกำลังมีสีหน้าแบบไหนและกำลังคิดอะไรอยู่
แรงกดจากนิ้วหัวแม่มือทำให้รู้สึกดีขึ้นตามลำดับ ไม่ยักรู้ว่าคนที่ภายนอกดูเหมือนจะเก่งแต่เรื่องใช้กำลังจะนวดได้ดีขนาดนี้
“รู้สึกดีไหม?” คนตัวเล็กพยักหน้าอย่างไม่โกหก “ที่ร้องไห้น่ะ
กลัวฉันตายเหรอ?”
แบคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามในทันที
เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจเสียขนาดนั้นตอนเห็นว่าอีกฝ่ายจมอยู่ใต้น้ำไม่ขยับตัว
เพราะเอาแต่คิดแทนว่าอีกฝ่ายมีแต่ความเจ็บปวดอยู่ในใจใช่ไหม แบคฮยอนถึงคิดว่าลึก ๆ
ชาร์ลคงอยากตายไปจากโลกนี้
เพราะที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างคุณปู่ก็จากโลกนี้ไปแล้ว
ส่วนคุณลุงอี้ฝานก็ดูเหมือนว่าจะไม่อยากเปิดใจรับฟังสิ่งที่ชาร์ลเป็นเลยสักนิด
ความโดดเดี่ยวทำให้แบคฮยอนเห็นใจจนอยากช่วยให้ชีวิตอีกฝ่ายดีขึ้นกว่านี้
“อย่าทำแบบนั้นอีกนะ...”
เพื่อนวัยเด็กไม่ตอบให้สบายใจ แต่กลับคลายสองมือออกจากไหล่แล้วค่อย
ๆ รวบตัวเขาให้เอนหลังไปซบกับแผงอกแกร่ง แบคฮยอนนั่งห่อไหล่อยู่ในอ้อมกอด
พอช้อนตามองก็ต้องใจสั่นกับรอยยิ้มที่ต่อให้ตายก็คงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“จะหาว่าเราเรื่องมากก็ได้นะ...
แต่เราไม่ถนัดการใช้ชีวิตแบบเด็กต่างชาติเลย
เราพยายามบอกตัวเองแล้วว่าอย่าคิดมากเพราะชาร์ลเป็นเพื่อนเรา แต่พอเป็นแบบนี้ทีไรเราก็รู้สึกแปลก
ๆ ทุกทีเลย” แบคฮยอนพูดความในใจออกมาอย่างซื่อ ๆ คนฟังจึงยิ้มพอใจ
“ยังไง?”
“ก็”
แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก เบือนสายตาหลบไปอีกทางระหว่างใช้ความคิดว่าต้องอธิบายอย่างไร
“ตั้งแต่มีเพื่อนมา... ชาร์ลเป็นคนแรกที่เราอยู่ด้วยแล้วเขิน
เพราะการสกินชิพแบบที่ไม่เคยทำกับคนอื่น”
“แล้วมันไม่ดีเหรอ?”
“ไม่ดีเลย เราเหนื่อย”
“เหนื่อย?”
“อือ เราขอไปอาบฝักบัวนะ หนาวแล้ว
--” แบคฮยอนมีโอกาสขยับตัวแค่นิดเดียวเท่านั้น ร่างของเขาก็ถูกรั้งกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเช่นในทีแรก
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
FANART คิ้ว ๆ จากคุณ @bmcyxx ขอบคุณมากค้า
ความคิดเห็น