คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Season 2 | Painkiller 09 :: Your fault.
? cactus
Chapter 09
Your fault
โบยอนตามติดจุนมยอนแทบจะตลอดทั้งวัน ชวนคุยตามประสาเด็กที่ไม่เคยตกหลุมรักอย่างจังตั้งแต่แรกพบ
แม่จึงดุเพราะกลัวทำให้เพื่อนของเขาอึดอัด แม้จุนมยอนจะยิ้มและบอกว่า ‘ไม่เป็นไรครับ
โบยอนยังเด็กอยู่ อีกสักสองปีเธอคงเข้าใจได้ด้วยตัวเอง’ ส่วนคุณพ่อขี้หวงที่เคยไว้หนวดจนถูกแม่จับโกนไปหลายรอบก็ได้แต่ขมวดคิ้วมองราวกับจะแสกนดูว่าจุนมยอนดีอย่างที่พูดหรือแค่ประดิดประดอยคำให้สวยหรูเท่านั้น
อันที่จริงพ่อเป็นคนใจกว้างและเข้าใจอะไรง่าย
แต่พอเป็นเรื่องลูกสาวคนเล็กทีไรก็กลายเป็นคนไม่อยากเข้าใจโลกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แน่ล่ะ... แบคฮยอนรู้ว่าสมัยเป็นหนุ่มสาวพ่อกับแม่ผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งเรื่องเกือบไม่ได้คบกันเพราะความเข้าใจผิด
หรือวีกรรมที่เขาและชานอีแอบขำอยู่เล็ก ๆ ตอนท่านเล่าให้ฟังพร้อมกำชับว่า
‘ถ้าเป็นไปได้พ่อกับแม่ก็อยากให้ลูกเริ่มต้นกับแฟนจากความชอบมากกว่าเซ็กส์
แต่พ่อไม่ได้หมายความว่าการมีเซ็กส์มันแย่นะ สิ่งสำคัญที่สุดคืออะไรลูกรู้ใช่ไหม?
ความสนุกมันอาจทำลายชีวิตเรากับแฟนได้ถ้าเกิดอีกฝ่ายท้องขึ้นมา’
ตอนนั้นแบคฮยอนแค่พยักหน้าฟังอย่างตั้งใจ
แต่ในวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พ่อกับแม่คงไม่ต้องกังวลว่าลูกชายคนนี้จะไปทำใครท้อง
ไม่ใช่เพราะยังไม่เจอผู้หญิงที่ชอบหรือห่วงเรื่องเรียนมากกว่า
แต่เป็นเพราะปาร์คแบคฮยอนกำลังหวั่นไหวกับเพื่อนวัยเด็กที่เป็นผู้ชายเหมือนกันและทำเรื่องไม่สมควรไปแล้ว
ทั้งที่ใจร้ายและเอาแต่ใจขนาดนั้น แต่ทำไมลึก ๆ
ถึงยังรู้สึกดีก็ไม่รู้
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะนอนน้อยหรือคิดมากเรื่องคำพูดและการกระทำของชาร์ลเกินไปเขาถึงเหม่อลอยจนใส่สูตรขนมผิด
ๆ ถูก ๆ แบคฮยอนรู้สึกผิดที่น้ามินซอกกับจุนมยอนต้องคอยเรียกสติอยู่หลายครั้งจนแม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ไม่ชอบความรู้สึกแบบไหนทั้งนั้น ทั้งการยอมรับความจริงว่ารู้สึกกับอีกฝ่ายมากกว่าเพื่อนเพราะเรื่องเลยเถิดที่เกิดขึ้นในคืนนั้น
ทั้งจูบที่ควรทำกับแฟนแต่เรากลับใช้คำว่าเพื่อนมาเป็นข้ออ้าง
ทุกอย่างมันบีบบังคับให้หัวใจเขาเปิดรับความรู้สึกที่คงเกิดขึ้นฝ่ายเดียว
มันช่างน่าตลกเมื่อความตั้งใจแรกคือการพยายามช่วย
แต่ตอนนี้แบคฮยอนกลับพยายามหาข้อเสียของอีกฝ่ายมากลบความรู้สึกเพื่อที่จะเดินกลับไปหาคำว่า ‘เพื่อน’ คนเอาแต่ใจที่คิดจะทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้นั่นน่ะไม่เห็นจะน่าชอบตรงไหนเลย
ไม่อยากยอมรับหรอกว่าไม่พอใจที่ชาร์ลจะทำแบบนั้นกับใครก็ได้
มันทำให้แบคฮยอนคิดว่าที่อีกฝ่ายพูดหวาน ๆ ก็เพราะความต้องการไม่ได้ใช้ความรู้สึกเข้าร่วม
เขาไม่อยากรู้สึกแบบนี้แต่ก็รู้สึกไปแล้ว มันน่าหงุดหงิดมาก ๆ เลยที่ในหัวมีแต่เรื่องของคนใจร้าย
ชาร์ลกับชานอีออกไปซุปเปอร์กับพ่อเพื่อเลือกซื้อวัตถุดิบมาทำมื้อเย็นซึ่งรับผิดชอบโดยแม่กับน้ามินซอก
คนตัวเล็กแอบได้ยินแม่กับเพื่อนสนิทสมัยเรียนคุยกันเรื่องปัญหาครอบครัวของชาร์ลที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ช่วยกันพยายามแก้ไข
แม้ว่าลุงอี้ฝานจะไม่เห็นด้วยและไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิดก็ตาม
สถานการณ์ที่มินิมาร์ทตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่แบคฮยอนคิดว่าพ่อคงไม่ได้ชวนคุยมากมายเพราะกลัวชาร์ลอึดอัด สำหรับเด็กที่มีกำแพงสูงอย่างชาร์ลคงบุ่มบ่ามยัดเยียดความคิดและคำถามให้มากเกินไปไม่ได้
ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป พ่อบอกอย่างนั้น
การฝึกทำขนมผ่านไปได้ด้วยดีเพราะมีจุนมยอนคอยเก็บรายละเอียดและจดสูตรทุกอย่างไว้ในสมุดเป็นที่เรียบร้อย
เด็กทั้งสามชิมขนมที่ช่วยกันทำยังไม่ทันหมดชิ้นก็ต้องหันไปทางประตูบ้านเมื่อได้ยินเสียงปึงปังจากลูกชายคนกลาง
“ชานอี?”
เจ้าของชื่อไม่แม้แต่จะหยุดตามเสียงเรียกของพี่ชาย
แบคฮยอนมองตามอีกฝ่ายที่รีบเดินขึ้นบันไดบ้านพร้อมสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นจึงตกอยู่ในความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
กระทั่งพ่อกับชาร์ลเดินเข้ามาด้านในเราจึงได้คำตอบเป็นรอยฟกช้ำตรงมุมปากของเด็กหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“เรามีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อยน่ะครับ
ไม่มีอะไร” ลูกชายเพื่อนสนิทชิงตอบก่อนที่ปาร์คชานยอลจะได้ปริปากเสียอีก
แบคฮยอนมองหน้าเพื่อนสนิทวัยเด็กกับพ่อสลับกันพร้อมนึกไปถึงน้องชายซึ่งอยู่บนชั้นสอง
‘เพราะอะไร?’
นั่นคือคำถามที่เขาอยากได้คำตอบ
“แม่จะขึ้นไปดูชานอีหน่อย”
บรรยากาศรอบข้างถูกกลืนกินโดยความเงียบโดยไม่มีใครถามว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร
ชานยอลมองหน้าลูกชายเพื่อนที่ไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดหรือโมโหเลยสักนิดหลังจากเกิดเรื่องกลางซุปเปอร์มาเก็ตขณะที่เขากำลังเลือกวัตถุดิบอยู่
พอหันไปอีกทีก็เห็นชานอีซัดหมัดใส่หน้าชาร์ลีจนล้มลงไปกับพื้นเสียแล้ว
เด็กหนุ่มตัวสูงยืนพิงผนังพร้อมล้วงกระเป๋ากางเกง
ก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟนโดยไม่อธิบายใด ๆ นอกเหนือจากประโยคนั้น
ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร เขายังคงใช้เวลาไปกับความน่าเบื่อหน่ายในบ้านหลังนี้เพื่อข้อแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจของลิตเติ้ลโมจิ
“พี่ชาร์ลีตีพี่หนูเหรอคะ...”
เสียงของโบยอนแผ่วเบาจนคนถูกถามต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อส่งสายตาบอกให้รู้ว่าเขาต้องการฟังทวนอีกครั้ง
แต่เธอกลับหลบอยู่ข้างหลังความนุ่มนิ่มซึ่งมองเขาด้วยแววตาที่เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า
‘ชาร์ลเป็นคนผิดใช่ไหม?’
“ใครจะกล้าหือกับนักกีฬาเทควันโด้กันล่ะ
แบบนั้นฆ่าตัวตายชัด ๆ” แบคฮยอนคงเชื่อถ้าหากสีหน้าอีกฝ่ายส่งไปทางเดียวกับคำพูด
ไม่ใช่การอมยิ้มเล็ก ๆ พร้อมสายตาแบบนั้น “ไม่ไปดูน้องหน่อยเหรอ
บางทีหมอนั่นอาจจะรอคำปลอบใจจากนายอยู่”
“แบคฮยอน ไปเอาน้ำแข็งมาให้เพื่อนประคบ” คนเป็นพ่อตัดบทสนทนานี้ด้วยตัวเอง คนตัวเล็กจึงเข้าไปในห้องครัวพร้อมความอึดอัดในใจที่ไม่สามารถพูดออกมาได้
ในเมื่อพ่อเลือกที่จะเงียบโดยไม่กล่าวถึงเรื่องนี้
แบคฮยอนก็คงไม่สร้างคำถามขึ้นมาให้ชาร์ลตอกกลับด้วยคำพูดที่เขาพอจะรู้ว่ามันไกลจากคำตอบที่ต้องการมากแค่ไหน
เด็กหนุ่มลูกครึ่งไหวไหล่พลางเดินไปนั่งบนโซฟาท่ามกลางสายตาเพื่อนอาแบคฮี จุนมยอน
และลูกสาวคนเล็กของบ้าน
“เดี๋ยวผมผมช่วยล้างผักให้นะครับ”
จุนมยอนช่วยรับถุงจากมือเจ้าของบ้าน
ในเวลาแบบนี้มันคงดีกว่าถ้าหากเขาจะใช้เวลาอยู่ในครัว
“ปะโบยอน ไปช่วยน้าทำซุป”
“ค่ะน้ามินซอก”
พ่อกำลังเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นจึงเหลือชาร์ลอยู่คนเดียว แบคฮยอนยื่นผ้าห่อน้ำแข็งให้เพื่อนวัยเด็กทุเลาความเจ็บ
คนที่กำลังให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือจึงชำเลืองมองด้วยหางตาก่อนจะได้รู้ว่าความนุ่มนิ่มเลือกมองผนังโง่
ๆ มากกว่ารอยแผลตรงมุมปากเขาที่ไอ้เด็กเวรนั่นเป็นคนสร้างเอาไว้
“ไม่คิดจะทำให้กันหน่อยหรือไง?”
“ชาร์ลคงทำเองได้อยู่แล้ว”
“เสียงเขียวเชียว
กำลังคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้สินะ?”
อย่าคิดที่จะทำให้เขาไม่พอใจจะดีกว่าปาร์คแบคฮยอน
ถ้าฉลาดก็ควรคิดให้ได้ว่าต้องทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
“ชานอีเป็นคนขี้โมโหก็จริง
แต่เด็กคนนั้นไม่ใช่คนที่จะลงไม้ลงมือกับใครก็ได้หรอกนะ”
“จริงด้วย งั้นรอยแผลตรงนี้มันคงเกิดขึ้นตอนฉันเดินชนบอลลูนลมหน้าซุปเปอร์ล่ะมั้ง?” ชาร์ลขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นจริงจัง
ชี้รอยบวมช้ำตรงมุมปากเพื่อยืนยันว่าชานอีเป็นเด็กขี้โมโหที่จ้องจะหาโอกาสเอาคืนอริวัยเด็กตลอดเวลา
“ตอบตามความจริงได้ไหมว่าชาร์ลยั่วโมโหน้องเราหรือเปล่า” ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางเสียงก๊อกน้ำในครัวพร้อมความเงียบที่ทิ้งจังหวะไปหลายวินาที
วูบหนึ่งแบคฮยอนรู้สึกว่าแววตาของชาร์ลเปลี่ยนไป
แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นความเจ้าเล่ห์ก็กลับมาสร้างความปวดหัวให้เขาอีกครั้ง
“มีคำตอบในใจอยู่แล้วจะถามไปเพื่ออะไรกันล่ะโมจิ?” เด็กหนุ่มตัวสูงเลื่อนหน้าเข้าใกล้แต่คราวนี้แบคฮยอนไม่ได้เบือนหลบอย่างขลาดอายเช่นทุกครั้ง
“คิดว่าฉันจะสลดจนอยากสารภาพผิดเหรอ บ้าไปแล้ว ถ้าอยากเข้าข้างไอ้เด็กเหลือขอนั่นก็ตามใจเลย”
“อย่าเรียกน้องเราแบบนั้นนะ”
“ทำไม? จะต่อยหน้าฉันอีกคนหรือไง
เอาเลยสิ Do it.” ชาร์ลยิ้มมุมปากอย่างพอใจพร้อมจับมือเล็กนุ่มนิ่มขึ้นมาตบแก้มตัวเองเบา
ๆ
“อธิบายความจริงให้เราฟังไม่ได้เหรอ
เราก็แค่อยากรู้ ถ้าชานอีผิดเราก็จะได้ตักเตือนน้อง...” แบคฮยอนพูดอย่างอ่อนใจ
พยายามยื้อไว้แต่อีกฝ่ายก็บังคับมือเขาให้ตบแก้มตัวเองเบา ๆ ราวกับว่าเรากำลังเล่นกันอยู่
“ตักเตือนงั้นเหรอ
กับเด็กที่ตะคอกนายต่อหน้าพ่อแม่ได้โดยไม่แคร์ว่าใครเกิดก่อนน่ะนะ?” ชาร์ลหัวเราะ
“มันก็แค่ไม่กี่ครั้งเอง
ชานอีไม่ได้โมโหตลอดเวลาสักหน่อย...”
คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากพลางช้อนตามองอีกฝ่าย “เล่าให้เราฟังได้ไหม?”
“ไปถามน้องชายที่รักของนายสิ
หมอนั่นคงพร้อมพ่นความในใจออกมาถ้าเป็นเรื่องความเกลียดที่มีต่อฉัน”
“เมื่อก่อนชานอีก็ไม่ยอมเล่นกับลูกชายน้ามินซอก
แต่พออยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ก็สนิทกันได้นะ เขาไม่ได้เกลียดชาร์ลแน่ ๆ อันที่จริงน้องก็แค่ยังไม่สนิทใจ...”
“ไม่สนิทใจ... รวมถึงนายด้วยหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มยิ้มขำกับความโลกสวยไม่รู้เรื่องของคนตัวเล็ก “เด็กเปรตก็คือเด็กเปรต ชอบสร้างประเด็นเพื่อเรียกร้องความสนใจคงคิดว่าคูลตายห่า”
“...”
“โกรธเหรอ ร้องไห้เลยสิ” แววตาของแบคฮยอนตอนนี้เต็มไปด้วยความตัดพ้อ เขารู้สึกได้เป็นอย่างดี
แต่คำพูดแย่ ๆ ก็ถูกพ่นออกมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จักเหนื่อย
เพียงเพราะเห็นคนตัวเล็กมีท่าทีว่าอยากเข้าข้างน้องชายมากกว่าตน ความน้อยใจจึงถูกแสดงออกมาเป็นความหยาบคายอย่างเช่นเมื่อครู่
“ทั้งที่บอกว่าจะอ่อนโยนกับเราแท้
ๆ ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ...”
“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน
ถ้าอยากให้อ่อนโยนก็แก้ผ้าแล้วทำให้ฉันของขึ้นตอนนี้ซะเลยสิ” ชาร์ลมองความนุ่มนิ่มที่ก้มหน้าหลบตาเขาและพยายามยื้อข้อมือไว้จนข้อมือขาวขึ้นริ้วแดง
“แบคฮยอน!” เด็กหนุ่มปล่อยข้อมือคนตัวเล็กทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก
แบคฮยอนจึงหันไปทางจุนมยอนที่ยืนอยู่หน้าห้องครัว “มาช่วยหาทัปเปอร์แวร์หน่อยสิ
น้ามินซอกหาไม่เจอน่ะ”
“อะ... อ้อ ได้สิ”
กลิ่นหอมอ่อน ๆ
ยังคงลอยอยู่ใต้จมูกแม้เจ้าตัวจะเดินเข้าครัวไปแล้ว ชาร์ลี ฮอปส์มีความสุขในความหัวเสียที่ได้แกล้งแบคฮยอนให้รู้สึกแย่
เขาบอกตัวเองว่าก็สมควรแล้วที่ทำอย่างนั้น คนที่พยายามทำเป็นเข้าใจแต่ไม่เคยเข้าใจอะไรแบบนั้นน่ะน่าหงุดหงิดเป็นบ้า
เด็กหนุ่มลูกครึ่งดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มลิ้มรสคาวเลือดจาง
ๆ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต
หลายหนที่เขามีเรื่องชกต่อยกับเด็กในโรงเรียนเก่า ทั้งเรื่องไร้สาระและเรื่องจริงจังจนเลือดขึ้นหน้า
ดังนั้นการโดนปาร์คชานอีซัดหมัดใส่ปากแค่ครั้งเดียวจึงเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่คิดจะอ้าปากร้องขอความเป็นธรรมจากใคร
ความเย็นจากน้ำแข็งทะลุผ่านผ้าผืนเล็กออกมาเป็นหยด
ซึมลงกางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่าจนรู้สึกชาหน้าขา
ชาร์ลโยนผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งลงบนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปในห้องคนตัวเล็ก
ปล่อยให้ความหวังดีครึ่ง ๆ กลาง ๆ
ของปาร์คแบคฮยอนละลายเลอะเทอะตรงนั้นอย่างไม่ใยดี
*
พ่อกับแม่แค่พยักหน้าตอนเห็นชานอีสะพายกระเป๋าเป้แล้วบอกว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน
แบคฮยอนได้สบตากับน้องแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนอีกฝ่ายจะหันหนี
ชานอีคงอารมณ์ไม่ดีจนทนอยู่บ้านหลังเดียวกับชาร์ลไม่ไหวจึงระเห็จไปนอนบ้านเพื่อน
มันทำให้เขาต้องทบทวนเรื่องนี้ว่าการพาเพื่อนวัยเด็กมาที่นี่มันคุ้มแล้วหรือ?
จริงอยู่ที่บ้านเราต้องการลบช่องว่างที่ชาร์ลมีให้ออกไปทีละนิด
ทุกคนต้องการขัดเกลาเด็กผู้ชายคนหนึ่งให้กลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างสักนิดก็ยังดี
แต่พอเอาเข้าจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องยากจนอยากจับเข่าคุยกับพ่อแม่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ชาร์ลี ฮอปส์ยังคงเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์แย่ นอกจากจะไม่สนใจใครชาร์ลก็ยังพร้อมจะเล่นสงครามประสาทกับอริวัยเด็กอย่างชานอีอีกด้วย
พ่อแม่กับแบคฮยอนรู้ดีว่าเด็กคนนั้นเป็นอย่างไร และก็พอจะรู้ว่าเรื่องนี้ชาร์ลต้องมีส่วนครึ่งหนึ่ง
ไม่อย่างนั้นชานอีคงไม่โมโหจนลงไม้ลงมืออย่างนั้น
แต่การถามเพื่อหาคนผิดคงไม่ได้อะไรขึ้นมา
เพราะเราทุกคนตั้งใจช่วยไม่ใช่ตั้งแง่หาเรื่องดัดนิสัย
แบคฮยอนต้องหาเรื่องโกหกจุนมยอนเพื่อที่จะได้นอนห้องเดียวกับชาร์ลอย่างที่ตกลงกันไว้เมื่อคืน
แต่เพื่อนใหม่ขอไม่นอนห้องชานอีเพราะเกรงใจเจ้าของห้องที่ไปค้างบ้านเพื่อนจึงเลือกนอนโซฟาแทน
คนตัวเล็กเข้านอนตั้งแต่สามทุ่มเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเพื่อนวัยเด็กทั้งที่ยังรู้สึกแย่อย่างนี้
ระหว่างชาร์ลใช้เวลาอาบน้ำเป็นชั่วโมงเขาก็ส่งข้อความและโทรหาชานอี แต่เด็กคนนั้นกลับปิดโทรศัพท์ราวกับว่าไม่ต้องการคุยกับเขา
น่าโมโหชะมัด... ทั้งที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ
แต่กลับช่วยอะไรน้องไม่ได้เลย ถึงชานอีจะเป็นคนผิดแต่แบคฮยอนคิดว่าเรื่องแบบนี้ทั้งคู่สามารถทำความเข้าใจและแก้ไขมันได้
เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ ทำไมชานอีถึงเห็นเพื่อนเป็นความสบายใจมากกว่าเขากันล่ะ
“...”
แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์มาพร้อมข้อความในโปรแกรมแชทจากเพื่อนสุดฮอตประจำหอแรคคูน
ตั้งแต่แลกเบอร์โทรกันไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่คิมไคติดต่อมา
KK.: ฝึกทำขนมเป็นไงบ้าง
ได้เรื่องไหมลิตเติ้ลบันนี่?
Me: ได้ ๆ เรามีรูปด้วยนะ
Me: คุณได้ส่งรูปภาพให้ KK.
KK.: โอ้โห น่ากินกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเลย
ไหนบอกมาซิว่าทำเองหรือฝีมือเพื่อนสนิทคุณแม่ㅋㅋㅋ
Me: อันทางซ้ายฝีมือเรา
มันเบี้ยวนิดนึงเราเลยจำได้
KK.: โธ่
กะจะแซวเล่นดันตอบความจริงซะได้ มีใครเคยบอกไหมว่านายเป็นคนตลก ㅋ
Me: ไม่เลยอะ คิมไคเป็นคนแรก ;_;
KK.: ห่อกลับมาให้ชิมด้วยนะ จะรอ (:
Me: ได้เลย เราทำเยอะมาก ถ้าให้เพื่อน ๆ ที่หอช่วยชิมหลาย ๆ
คนจะได้รู้ว่าควรปรับรสชาติตรงไหนอีกไหม
KK.: ลำบากหน่อยนะ เด็กหอเราไม่ค่อยอินกับงานโรงเรียนสักเท่าไหร่
Me: เป็นเพราะไม่มีแรงจูงใจหรือเปล่า เราเห็นแจวอนบ่น ๆ
ว่ามันน่าเบื่อ เราว่าถ้าลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่ยากเกินไป
แก๊งนั่นอาจจะยอมเข้าร่วมด้วยก็ได้นะ
KK.: อืม... แล้วมันอะไรกันล่ะที่จะกระตุ้นพวกนั้นได้
KK.: ไว้นายกลับหอแล้วเรามาคุยเรื่องนี้กันดีไหม?
Me: ได้เลย แล้วเจอกันเย็นพรุ่งนี้นะ
KK.: ㅇㅋ ฝันดีนะลิตเติ้ลบันนี่ของฉัน
“ขยับเข้าไป”
โทรศัพท์ในมือถูกคว่ำลงกับเตียงพร้อมตาที่รีบปิดลง
ชาร์ลเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แบคฮยอนถูกดันให้ขยับเข้าไปจนปากแทบจูบกับผนัง
เขาดึงผ้าห่มขึ้นถึงคอโดยไม่หันไปต่อล้อต่อเถียงกับอีกคนซึ่งมาพร้อมกลิ่นสบู่ที่ใช้ขวดเดียวกัน
แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ บรรยากาศเดิม ๆ ที่เคยคุ้นควรทำให้แบคฮยอนหลับอย่างสบายใจแต่ตอนนี้เขากำลังกังวลถึงบางอย่าง
กลัวเรื่องอย่างว่าจะเกิดขึ้นขณะอีกใจก็คิดว่าคงไม่มีทางที่ชาร์ลจะคิดเรื่องลามกหลังจากมีปากเสียงกันไปเมื่อตอนเย็น
เรียกว่าทะเลาะได้ไหมนะ หรือควรเรียกว่าเราไม่เข้าใจกัน แบคฮยอนถอนหายใจเบา ๆ กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้
“ยังไม่หลับเหรอ?”
“...”
คนตัวเล็กนอนตัวเกร็งเมื่ออยู่ ๆ
คนที่นอนอยู่ข้างตัวก็ขยับเข้ามากระซิบข้างหูจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ แบคฮยอนรีบหลับตาแน่นแกล้งไม่ได้ยิน
หัวใจเต้นตุบตับแปลก ๆ กับความรู้สึกมากมายที่ประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน
หนึ่งคือความรู้สึกแย่ ๆ ที่ยังไม่ได้รับการไขข้องใจเรื่องทะเลาะกับน้องชายของเขา
สองคือตามข้อตกลงของเราคือเรื่องอย่างว่าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกลับถึงโรงเรียนแล้วเท่านั้น
แต่ตอนนี้มันอะไรกัน... มือเย็น ๆ
ที่กำลังสอดเข้ามาใต้ผ้านวมทำร่างกายของแบคฮยอนเกร็งยิ่งขึ้นไปอีก เขายังทำเป็นหลับเพื่อให้อีกฝ่ายคิดได้ว่าต่อให้พยายามแกล้งไปก็เท่านั้น
แต่แบคฮยอนคิดผิดมหันต์เมื่อเพื่อนวัยเด็กกลับสนุกไปกับมันยิ่งกว่าเดิม
“หลับให้ถึงเช้าล่ะ...
เพราะถ้าตื่นตอนนี้นายเจ็บหนักแน่”
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
เบามาก แต่ลงในนี้ไม่ได้ ชั้นกลัวบทความบิน
ความคิดเห็น