คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : Season 2 | Painkiller 17 :: Friends (100%)
? cactus
Chapter 17
Friends
แม้จะโดนอาจารย์ห้องข้าง ๆ เดินมาดุแล้วถึงสองรอบ
แต่เด็กห้องนี้ก็ยังส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด แบคฮยอนกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับชอล์กซึ่งตวัดเขียนอย่างไม่มีชะงักจนบนกระดานดำเต็มไปด้วยตัวเลขและคำบรรยาย
แต่คนที่พยายามทำให้เพื่อน ๆ
เข้าใจความยากของคณิตศาสตร์นั้นกลับเป็นจุนมยอนเพราะอาจารย์ผู้สอนติดธุระด่วน
คาบนี้จึงถูกปล่อยว่างให้นั่งนอนเล่นได้
ในทีแรกแบคฮยอนกะว่าจะเปิดรูปเพื่อนที่โรงเรียนเก่าให้ชาร์ลดูฆ่าเวลา
แต่อยู่ ๆ จุนมยอนก็เดินออกไปหยุดหน้าห้องแล้วบอกว่าจะสอนบทเรียนก่อนหน้านี้ให้เพื่อน
ๆ เข้าใจง่ายขึ้น จุนมยอนคงรู้ว่าคนส่วนใหญ่เรียนวิชานี้ไม่ค่อยรู้เรื่อง
และแบคฮยอนคิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเสียเวลาว่างไปเฉย ๆ
“ยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว้อยยยย”
“ตรงไหน เดี๋ยวฉันอธิบายอีกรอบ” คนที่ยืนอยู่หน้ากระดานดำไม่ได้แสดงท่าทีว่ารำคาญ หงุดหงิด หัวเสีย
กับสิ่งที่เพื่อนทำให้รู้ว่าไม่ต้องการวิชาคณิตศาสตร์ในชีวิต
กลับกันแล้วจุนมยอนยังดูร่าเริงไปกว่าทุกวัน
สังเกตได้จากแววตาและรอยยิ้มที่เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล
หลายคนทำหน้าเซ็งโลก แต่ก็มีบางคนที่ขมวดคิ้วและพยายามทำความเข้าใจ
ราวกับว่าอยู่ ๆ ก็เริ่มซึมซับความยากได้เสียอย่างนั้นทั้งที่งงกับเลขมาตลอดชีวิต และชาร์ลอยู่ในประเภทแรก
คือเซ็งโลก แต่ก็ไม่อยากเพิกเฉยความตั้งใจของเพื่อนที่ยืนอยู่หน้ากระดาน
“อย่าพยายามเลยเพื่อน
พวกเรามาจนถึงขอบเหวแล้ว หอแรคคูนต้องตายไปกับความโง่ตลอดกาล นั่นคือคำสาป”
“จริง
ต่อให้สอนยังไงพอเข้าห้องสอบก็ลืมอยู่ดี ไม่ดิ แค่กระพริบตาก็หายไปหมดแล้ว”
“ไปล้างมือเหอะจุนมยอน เสียเวลาว่ะ”
เจ้าของชื่อยังไม่ลดละความตั้งใจ จึงหันกลับไปลบกระดานแล้วเริ่มเขียนใหม่แต่คราวนี้จุนมยอนวาดรูปประกอบด้วย
หลายคนส่งเสียงแซวกับความพยายาม และคราวนี้มันดันได้เรื่องตรงที่มีคนโง่ ๆ
เริ่มเข้าใจในบทเรียนขึ้นมา
“กูว่าจุนมยอนมันคงขี้เกียจทำการบ้านให้พวกมึงแล้วถึงได้ทำแบบนั้น
สติแตกสัส ดูความเร็วบนกระดานสิ ยิ่งกว่าอนิเมะกีฬาเรื่องไหนในโลก” เพื่อนร่วมห้องมองอย่างหวาด ๆ กับความน่ากลัวของเด็กเนิร์ดประจำห้อง
ทั้งที่เขียนเร็วขนาดนั้นแท้ ๆ แต่ลายมือของจุนมยอนกลับยังอ่านได้อย่างง่ายดาย
“ลอกการบ้านให้ควายยี่สิบกว่าตัวทุกวันเป็นกูถอดใจไปตั้งแต่วันแรกแล้ว
ให้ไปนั่งหาเห็บหมาหน้าหอเล่น ๆ ยังจะบริหารสุขภาพจิตได้ดีกว่า”
“มันลอกโหดมากจนจำได้หมดแล้วว่าใครลายมือใครเป็นยังไง
ต่อไปในอนาคตถ้าต้องเซ็นสัญญาอะไรสักอย่าง ไอ้จุนมยอนคงไปเซ็นแทนกูได้”
“5555555555555555555555555”
“แต่มันได้เงินค่าจ้างนะเว้ย
ถ้าหลังจากนี้เราทำการบ้านกันเองรายได้มันก็หายอะดิ”
“โถ มันเป็นเด็กทุนเรียนฟรีปะ
ไม่ต้องจ่ายอะไรสักอย่าง กูว่าเงินที่ได้ไปก็เอาไปเลี้ยงสาวแหละ เสาร์โน้นกูเห็นมันไปดูหนังกับเด็กผู้หญิงโรงเรียนอื่น
ตัวเล็ก ๆ ผมสั้น น่ารักฉิบหาย แม่งไปโฉบมาได้ไงวะ อิจฉา – โอ๊ยยย!!!!!!!!!!!!!”
ยังพูดไม่ทันจบหน้าก็แทบฟาดกับโต๊ะเพราะถูกคนที่นั่งอยู่ข้างหลังตบหัวอย่างแรง
“เด็กทุนจะพาสาวไปเลี้ยงหนังบ้างไม่ได้?”
“ก็คงได้แหละ แล้วมึงอินไรวะหรั่ง?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วถามเพื่อนลูกครึ่งที่เลิกคิ้วถามอย่างหาเรื่อง
“เพราะจุนมยอนเป็นคนดี
ก็เลยมีแฟนสวยต่างหาก ใคร ๆ ก็ชอบคนดี คนฉลาด นี่คือเหตุผลที่ชางซูไม่มีแฟน” แบคฮยอนไม่ชอบว่าคนอื่นนะ แต่ชางซูกับเพื่อน ๆ จะนินทาจุนมยอนต่อหน้าต่อตาแบบนี้ไม่ได้อะ
โมโหมากจนอยากต่อยพุง
“ไรหมากระเป๋า
อินเป็นเพื่อนไอ้หรั่งเหรอ”
“ว่าใครหมากระเป๋า?” ชาร์ลกระชากคอเสื้อด้านหลังของคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้า
เพื่อนที่อยู่รอบข้างจึงเข้ามาช่วยห้ามทัพทั้งที่ขำจนไหล่สั่น
“ชาร์ลสู้ ๆ!!!”
“มึงควรห้ามมันปะแบคฮย๊อน!” เด็กหนุ่มพยายามยื้อเสื้อนักเรียนตนเองไว้จากกรงเล็บหมาบ้าชาติเมกัน
พลางมองปาร์คแบคฮยอนที่กำลังเชียร์ไอ้หรั่งให้ขย้ำเขา
“อยากให้ฉันทำอะไรกับมันล่ะโมจิ?” ชาร์ลแค่นหัวเราะก่อนจะตบหัวไอ้คนปากดีไปหนึ่งที
“กูขอย้ายที่ได้ไหม เชี่ยหรั่งรุนแรงกับกูตลอด
เดี๋ยวขาพาดไหล่ เดี๋ยวตบหัวแก้เซ็ง ไอ้ฉิบหาย กูจะเป็นซึมเศร้าเพราะมันแล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างตัดพ้อ แต่กลับไม่มีใครหันไปก่นด่าชาร์ลี
ฮอปส์เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเขาเลยสักคน
“เอาน่า จุนมยอนแค่หวังดี ไม่อยากให้เกรดรวมของพวกแกดิ่งลงเพราะถูกวิชานี้รั้งไว้
หัดรวบรวมสมาธิแล้วตั้งใจเรียนตามที่เพื่อนสอนบ้างสิวะ”
แทอูยืนกอดอกมองกระดาน เขาเริ่มสนุกกับการสอนของเพื่อนและถ้าคนอื่นจะเข้าใจมันไปพร้อม
ๆ กันก็คงดีไม่น้อย เผื่อตอนรวมคะแนนเด็กทั้งหอจะได้ยืดอกภาคภูมิใจกับเขาได้บ้าง
“ได้ข่าวว่าเกรดใครต่ำกว่าเกณฑ์จะถูกปรับให้ซ้ำชั้นด้วย
พอถึงตอนนั้นเราคงกลายเป็นผีเฝ้าโรงเรียนตลอดไป”
“เหวอออ หลอนฉิบหายเลย”
“งั้นแสดงว่าที่จุนมยอนบอกให้ฉันเอาบทสรุปการเรียนแต่ละวิชาไปซีร็อกซ์แจกก็เพราะเรื่องนี้อะดิ?” จีซูขมวดคิ้วเมื่อนึกไปถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อเช้า “มันบอกว่า ‘บทสรุปทุกวิชาวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะของฉันฝั่งขวานะ
เอาไปซีร็อกซ์แจกคนอื่น ๆ ด้วยก็ได้’ นี่ก็งงเลยดิ
เรื่องไรฉันต้องทำอย่างนั้นด้วยวะ ใครสนใจจะอ่านอะ ขี้เกียจ
ใครอยากอ่านก็เอาไปซีร็อกซ์เองแล้วกัน เปลืองเงิน”
“จุนมยอนหวังดีแล้วยังเมินอีกอะ
จีซูใช้ไม่ได้” แบคฮยอนมองคาดโทษ “ถ้าถูกปรับซ้ำชั้นแล้วจะลำบากนะ
คิดเยอะ ๆ สิ”
“ห่วงไอ้ชาร์ลีก่อนเหอะ”
“จะเอา?”
เจ้าของชื่อเลิกคิ้วอย่างเอาเรื่อง จีซูจึงรีบหันหน้าเข้าหากระดานแม้ว่าบนนั้นจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด
“ว่าแต่เด็กผู้หญิงที่มึงเห็นวันนั้นจะใช่แฟนจุนมยอนจริงเหรอวะ
กูว่าอาจารย์อิมยังมีแววมากกว่าอีก พักนี้อยู่ด้วยกันอย่างบ่อย”
พอเป็นเรื่องนี้
ชาร์ลจึงละสายตาจากกระดานมาให้ความสนใจ แบคฮยอนมองคนข้าง ๆ
เพื่อรอดูท่าทีว่าจะเป็นอย่างไร
เมื่อหัวข้อสนทนาตอนนี้เป็นเรื่องของอาจารย์ห้องพยาบาลและเพื่อนสนิทของทั้งคู่
“แต่อาจารย์อิมมีผัวแล้วไม่ใช่ไง
เค้าไม่น่าจะเล่นกับเด็กหรอกมั้ง?”
“เลิกกันแล้วเว้ย”
“ที่เลิกก็เพราะผัวแกจับได้ว่าแกแอบเลี้ยงต้อยเด็ก...
เด็กหอสิงโตเล่าให้ฟัง”
“จุนมยอนไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก
เข้าใจผิดแล้ว จุนมยอนเป็นแฟนคยองมินต่างหาก”
เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนออกปากปกป้องเพื่อน
คนที่กำลังสนุกไปกับการพูดถึงข่าวลือจึงไหวไหล่แล้วหันไปสนใจกับกระดานต่อ
ก่อนที่ชาร์ลจะเดินออกไปข้างนอก
เด็กหนุ่มตัวสูงถอนหายใจเบา ๆ
ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาเคยห้ามไม่ให้จุนมยอนไปเจออาจารย์อิมยุนอาคงเป็นเรื่องที่ขอกันไม่ได้
ชาร์ลรู้สึกแย่อยู่ลึก ๆ ที่เขาเริ่มจะก้าวก่ายมากเกินไป
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อนและเด็กหนุ่มตั้งกฎให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่วุ่นวายเรื่องคนอื่น
“ผมรู้ว่าพ่อจะทำตามที่ผมขอ
แต่พ่อช่วยจัดการให้มันเรียบร้อยไว ๆ หน่อยได้ไหม พ่อครับ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้พูดอะไรแบบนี้บ่อย
ๆ จัดการให้ผมทีเถอะ”
ขายาวหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องทันทีที่เห็นคิมไคยืนคุยโทรศัพท์อยู่ห่างจากตรงนี้ไม่มากนัก
ทันทีที่คนผิวแทนเห็นว่าเขากำลังก้าวขาเข้าไปรับรู้บทสนทนา
เจ้าตัวจึงหันหลังให้และพูดเบาลงราวกับว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน
“ครับ ผมเข้าใจ ครับ” คิมไควางสายแล้วเก็บมือถือใส่ในกระเป๋า
ก่อนจะหันหลังมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่าซึ่งยังคงยืนอยู่จุดเดิม
“งอแงขอให้พ่อซื้อของเล่นให้หรือไง?”
“แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์แบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะชาร์ลี” เด็กหนุ่มผิวแทนแค่นยิ้มพลางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
แม้ว่าบทสนทนาเมื่อครู่จะเป็นเรื่องการยุ่งเรื่องส่วนตัวอย่างตั้งใจ
แต่เหตุผลโดยแท้จริงแล้วก็คงไม่พ้นเรื่องแบคฮยอน
ชาร์ลี ฮอปส์หึงทุกครั้งที่เห็นหน้าไอ้หมอนี่
“แอบยุ่งกับแฟนคนอื่นตอนทีเผลอก็ไม่มีมารยาทเหมือนกัน” รอยยิ้มไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าคิมไคเลยแม้แต่นิดแม้ว่าจะได้ยินประโยคฮุคเข้าไป
เด็กหนุ่มผิวแทนหัวเราะในลำคอเบา ๆ จนคนตัวสูงขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “ขำอะไร?”
“บางทีนายอาจจะชินกับภาษาอังกฤษมากกว่าถึงได้ใช้คำผิด
เพราะคำว่า ‘ทีเผลอ’ มันคงไกลเกินไปสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแบคฮยอน”
“ความสัมพันธ์อะไร?” ชาร์ลี ฮอปส์กำลังหลุดฟอร์มเข้าไปทุกที เพราะถูกความหึงหวงเล่นงานเข้าให้
ยิ่งคิมไคเอาแต่ยิ้มและไม่ยอมตอบ เขาก็ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่ “แบคฮยอนเป็นแฟนฉัน
บอกให้รู้ไว้ตรงนี้จะได้ไม่ต้องพยายามเอาเรื่องเพ้อเจ้อมาปั่นหัวฉัน”
“ลิตเติ้ลบันนี่เล่าให้ฉันฟังแล้วล่ะ” ลิตเติ้ลบันนี่ห่าเหวอะไรของมันวะ เขาชักจะหัวร้อนจริง ๆ แล้วนะโว้ย “ถึงเราจะไม่ใช่แฟนกัน
แต่ฉันก็อยู่ในสถานะที่ให้ความสบายใจกับลิตเติ้ลบันนี่ได้ตลอด ฟังแล้วน่าต่อยจริง
ๆ เลยนะนายว่างั้นไหม?” คิมไคขมวดคิ้ว
ปั้นหน้าปั้นตาชวนเตะปากแตกและเขาเริ่มจะยั้งตีนไว้ไม่ได้แล้ว
“สงสัยอยากนอนหยอดน้ำเกลือ
คราวนี้ได้งอแงกับพ่อสมใจแน่”
“นายไม่กล้าหรอกชาร์ลี
เพราะถ้านายทำ...” เด็กหนุ่มผิวแทนเลื่อนใบหน้าเข้าไปสบตากับอีกคนใกล้
ๆ “ลิตเติ้ลบันนี่ต้องโกรธนายแน่
ๆ”
“...”
ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง และผู้แพ้ในยกนี้คงไม่พ้นผู้ชายถ่อย
ๆ ที่แคร์ความรู้สึกน้องน้อยเสียยิ่งกว่าอะไร คิมไคยังคงยิ้มหลังจากปั่นหัวชาร์ลี
ฮอปส์ได้ ท่ามกลางสายตาของเด็กสามคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ในห้องมาตลอดหลายนาที
“มันกำลังจะจูบกัน แบคฮยอน”
“จริงอะ”
“ใช่ เมื่อกี้ฉันอ่านปากไอ้คิมไค
มันพูดว่า ‘ระวังตัวไว้เถอะ คืนนี้ฉันจะจัดหนักจนพรุ่งนี้นายลุกจากเตียงไม่ได้แน่’
แล้วไอ้ชาร์ลีก็เขิน”
“หูย
นั่นต้องเป็นเหตุผลที่ชาร์ลหน้าแดงแน่ ๆ” คนตัวเล็กทำตาโต
หันขวับสลับซ้ายขวาฟังจินตนาการสุดตลกของแจวอนและเพื่อน ๆ
“อยู่ห้องเดียวกันก็ช่วยหายามาทาตูดให้มันด้วยนะ
ของไอ้คิมไคใหญ่มาก ฉันกลัวมันเดินไม่ไหว” แจวอนแบมือออก
ก่อนจะงอนิ้วทั้งห้าลงเล็กน้อยจนสื่อไปในทางลามก
“เราจะดูแลก้นชาร์ลอย่างดีเลย
เราสัญญา”
“ได้ยินอย่างนี้ก็วางใจ”
“ไอ้ชาร์ลีป้อมแตกแล้ว ชักธงลงครึ่งเสาได้”
“เฮ้อ หน้าก็หล่อ หุ่นก็ดี ไม่น่าแดกกันเองเลย”
แบคฮยอนเม้มปากแน่น
พยายามกลั้นขำอย่างสุดความสามารถกระทั่งแจวอนกับเพื่อน ๆ เดินหายไปนั่งที่
คนตัวเล็กหันไปทางสองคนที่ยังคงยืนหยั่งเชิงกันอยู่หน้าห้องอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าคืนนี้เขาคงโดนชาร์ลงอนอีกแน่ ๆ จะง้อยังไงดีอะ คิดไม่ออกเลย
50%
“เพื่อนเลิกหมดแล้ว
แต่ทำไมชาร์ลยังเล่นอยู่อีกอะ” คนตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ใต้แป้นบาส
ก่อนจะรีบกระโดดออกจากตรงนั้นเมื่อชาร์ลชู้ตลูกสีดำลงห่วงโดยไม่สนใจว่าเขาอยู่ตรงนี้
แบคฮยอนทำปากจู๋ หรี่ตามองแฟนที่ทำเหมือนไม่รู้การมาของเขา
คนตัวเล็กพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก
พรูลมหายใจทางริมฝีปากแล้วเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายพร้อมกางแขนออก
ใบหน้าหล่อได้รูปเคี้ยวหมากฝรั่งพลางเลี้ยงลูกบาสขณะสบตากับเขา
แบคฮยอนหลุบสายตามองลูกกลม ๆ เป็นระยะ
ก่อนจะก้าวถอยหลังจนเปลี่ยนเป็นวิ่งเมื่อแฟนจ๋าคิดจะทำคะแนน
แล้วก็ได้ผลเสียด้วย
ชาร์ลทำมือปาดคอราวกับจะบอกว่าปาร์คแบคฮยอนน่ะเป็นแค่ด่านอ่อนด๋อยที่คนทั้งโลกสามารถฝ่าไปได้อย่างง่ายดาย
คนตัวเล็กหายใจเข้าลึก ๆ แล้วอ้าแขนออกอีกครั้ง
คราวนี้ชาร์ลเลี้ยงบาสรอบตัวเขาเหมือนจงใจกวนประสาท
คนที่ไม่ถนัดเรื่องกีฬาจึงพยายามหาจังหวะแย่งบอลมาแต่ไหวพริบคนตัวโตกลับมีมากกว่า
“ฮึ่ย”
โมโหแล้วนะ ถ้าเป็นพ่อต้องแย่งบอลจากชาร์ลได้ง่าย ๆ แน่เลยอะ
คนตัวเล็กพยายามจะแย่งบาสจากคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ
หากแต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่วก่อนจะชู้ตสองแต้มลงไปได้อย่างสวยงาม
แบคฮยอนหอบหายใจทั้งที่ลงสนามไม่ถึงห้านาที
ริมฝีปากสีเชอร์รี่เบะลงเพื่อบอกให้รู้ว่าเขากำลังงอนแล้ว แต่ชาร์ลก็ไม่สนใจอยู่ดี
ทำไมอะ ตั้งแต่ไปคุยกับคิมไคก็กลายเป็นแบบนี้จนเลิกเรียนเลย
จะบอกว่าไม่มีอะไรก็คงไม่ได้
แบคฮยอนเริ่มฉลาดขึ้นที่พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ไม่ว่าจะอารมณ์ดี โกรธ หิว
หรือปวดหัว
“หายงอนนะ”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าทำให้ฉันงอน”
“แล้วเราทำอะไรอะ” เขาขมวดคิ้วอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาง้ออย่างไร้เหตุผลเพราะคิดจะเป็นฝ่ายยอมก่อน
แต่พอได้ยินอย่างนี้ชาร์ลก็ดูเหมือนคนเมนส์มามาก ๆ อะ
“ยังจะถามอีกเหรอ?!”
“ก็เราไม่รู้นี่!”
“ไม่รู้ก็รีบง้อดิ!”
“เรากำลังง้อชาร์ลอยู่!” แบคฮยอนตะโกนแข่งคนขี้งอน จะสู้จนเจ็บคอก็ได้ถ้าชาร์ลยังไหว
แต่เขาต้องทำให้อีกฝ่ายเข้าใจให้ได้ว่าปาร์คแบคฮยอนจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออารมณ์ของชาร์ลเด็ดขาดอะ
“แล้วเราทำอะไรผิด”
“ผิดที่ปล่อยให้ไอ้คิมไคมาพูดจาน่าโมโหกับฉัน”
“ต่อให้เราเดินเข้าไปแทรกกลางชาร์ลก็งอนเราอยู่ดีไม่ใช่ไงอะ”
“มันก็จริง แต่นายก็ควรหาทางแก้ปัญหานี้ไม่ใช่ไงวะ”
“ได้เหรอชาร์ล” น้องน้อยหรี่ตามองมา สายตาคู่นั้นเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘ทำไมเอาแต่ใจจัง
เรารู้สึกผิดกับตัวเองแล้วที่หลงผิดมาคบกับคนเหี้ยแบบชาร์ล’
“ไม่รู้ล่ะ ฉันหงุดหงิด
มันบอกว่ามันเป็นคนทำให้นายสบายใจได้แต่ฉันไม่”
“หูย คิมไคจะรู้ดีไปกว่าเราได้ไงอะคิมไคไม่ใช่คนทรงสักหน่อย
ถามเราสิชาร์ล ถามเรา” แบคฮยอนทำปากจู๋
เดินตามแฟนจ๋าที่กำลังเลี้ยงลูกบาสอย่างไร้อารมณ์
“จะลองคิดดูก็ได้ถ้านายทำให้ฉันชู้ตลูกนี้ไม่ลง” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ ชาตินี้ทั้งชาติน้องน้อยก็ขวางความแม่นของชาร์ลี
ฮอปส์ไม่ได้หรอก เขามันเซียนสามแต้ม พอสองแต้มยิ่งโคตรเซียน
สองมือคว้าลูกบาสขึ้นเหนือศีรษะ เตรียมทำคะแนนสวย
ๆ ให้คนแถวนี้ทำหน้าหงอยเล่นเพราะขัดขวางไม่ได้ คนตัวเล็กเขย่งขากระโดดเหยง ๆ
พยายามแย่งลูกบาสอย่างสุดความสามารถและเขาสนุกที่จะแกล้งแฟน
ก่อนจะหักหน้าด้วยการตั้งท่าทำคะแนน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นที่เรื่องมันเกิดขึ้น
ลูกกลม ๆ สีดำที่คิดว่าต้องลงห่วงก็ลอยเสียหลักกลางอากาศ เพราะถูกขัดขวางโดยอ้อมกอดนุ่มนิ่มจากด้านหลัง
“...”
“พี่จ๋า แบคฮยอนขอโทษ”
ถ้าเป็นเกมตู้
ตอนนี้หน้าจอคงขึ้นคำว่า GAME OVER ไปแล้วแน่ ๆ
ลูกบาสสีดำตกลงพื้นเด้งเป็นจังหวะก่อนจะกลิ้งไปหยุดอยู่ขอบสนามหญ้า
เด็กหนุ่มลูกครึ่งอยู่ในท่าสองมือค้างอยู่กลางอากาศหลายวินาทีก่อนจะก้มลงมองวงแขนของคนตัวเล็กที่ยังไม่ยอมปล่อยอีกทั้งยังกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้นพร้อมงึมงำพูดจาน่ารักไม่หยุด
“เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก ไม่อายไง?” จากเสียงแข็ง ๆ กลายเป็นทุ้มนุ่มจนอยากต่อยหน้าตัวเอง
ชาร์ลรู้ตัวว่ากำลังยิ้มและเขาจะไม่พยายามห้ามมัน
ก็ในเมื่อความนุ่มนิ่มน่ารักขนาดนั้น จะเสียฟอร์มอีกสักครั้งบ้างก็คงไม่เป็นไร
“อาย
แต่อยากให้ชาร์ลหายหงุดหงิดก่อน”
“คงไม่หายเดี๋ยวนี้หรอกนะ
คำพูดคิมไคมันบาดใจฉันมาก”
“บาดมากเลยเหรอ ไหนขอเราดูหน่อย”
แบคฮยอนคลายอ้อมกอดออกแล้วจับคนตัวโตพลิกให้หันมาเผชิญหน้ากันก่อนจะใช้สองมือโอบแก้มอีกคนไว้
และชาร์ลี ฮอปส์ก็หุบยิ้มได้ทัน “หงอยมากเลยอะ อย่างอนเลยนะ
เราจะแปะพลาสเตอร์ให้หัวใจชาร์ลเอง”
“อย่าปล่อยให้มันมาทำร้ายหัวใจฉันอีกนะ
นายเป็นหมีถือดาบของฉัน”
เห็นชาร์ลทำปากยื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนง้อจึงเลียนแบบแล้วหลุดหัวเราะออกมา
สุดท้ายรอยยิ้มก็เกิดขึ้นได้กับการง้องอนแบบเด็ก
ๆ เด็กหนุ่มตัวสูงกอดคอน้องน้อยออกจากสนามบาสไปพร้อมความรู้สึกอิ่มเอมใจเต็มร้อยสุด
ๆ การโดนง้ออย่างไร้เหตุผลมันทำให้เขารู้สึกสำคัญขึ้นมา
แม้ว่าจะไม่เคยทำแบบนี้กับใครเพราะคิดว่ามันน่าสมเพช
แต่พอเป็นกับลิตเติ้ลโมจิแล้วชาร์ลี ฮอปส์กลับรู้สึกดีแปลก ๆ
*
นักเรียนชายวิ่งรอบสนามเพื่อวอร์มร่างกายในคาบพละ
เด็กหอแรคคูนที่ได้คะแนนต่ำเรื่องกีฬาแบ่งแยกได้เป็นสามกลุ่ม
หนึ่งคือพวกวิ่งเร็วอย่างกับลมกรด สองคือพวกวิ่งได้กลาง ๆ
ที่หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องวิ่งเร็ว สามคือพวกเหลาะแหละ วิ่งช้า
หอบเหนื่อยและทิ้งตัวนอนแห้งตายระหว่างทาง ซึ่งประเภทหลังมีเกินไปแล้วครึ่งห้อง
“ชาร์ลรอเราด้วย!” เจ้าของชื่อหันไปมองคนเรียกอย่างเนือย ๆ ความนุ่มนิ่มที่อ่อนด๋อยเรื่องกีฬากำลังหอบหายใจอย่างหนักในระยะที่ห่างจากตรงนี้พอสมควร
พ่วงด้วยเด็กเนิร์ดอย่างจุนมยอนที่มีสภาพไม่ต่างกัน
“วิ่งช้าขนาดนั้นคลานเอาเลยก็ได้นะโมจิ”
“รอเราน้า”
แบคฮยอนไม่เถียง แต่ทำตาปริบ ๆ ออดอ้อนขอความเห็นใจซึ่งมันได้ผลอย่างทันตาเห็น
เมื่อคนที่อยู่ฝั่งนั้นกำลังวิ่งกลับมาก่อนจะกระตุกปอยผมจนเขาหน้าเกือบทิ่ม
“โอ๊ะ เจ็บอะ”
“สำออย”
“จุนมยอนก็สำออย
ไม่เห็นชาร์ลว่าอะไรเลย”
น้องน้อยขยับปากเถียงและปล่อยให้แฟนตัวโตเช็ดเหงื่อให้
“ก็สำออยทั้งคู่ ไหวไหมนั่น?” เด็กหนุ่มตัวสูงชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่เหมือนจะตายให้ได้
บอกแล้วว่าให้รีบนอนไว ๆ แต่เจ้าตัวก็บอกว่าต้องทำการบ้านล็อตสุดท้ายให้เพื่อนก่อน
เป็นไงล่ะ นอนไม่พอก็เป็นแบบนี้แหละ
“นายสองคนวิ่งไปก่อนเลย”
“แล้วนายจะคลานเป็นเต่าไปคนเดียวน่ะเหรอ
ไปพร้อมกันนี่แหละ” ชาร์ลปรายตามองเพื่อนพลางส่ายศีรษะหน่าย
ๆ เขาปล่อยให้จุนมยอนได้ยืนหอบหายใจตั้งหลักอยู่เกือบนาที
พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าพร้อมแล้วจึงเริ่มวิ่งต่อ
หลังจากวอร์มร่างกายเสร็จอาจารย์ก็แบ่งเด็กเป็นกลุ่มละห้าคน
ล้อมวงเตะบอลส่งกันฆ่าเวลาขณะอาจารย์นั่งเล่นแท็ปเล็ต บางคนเดินออกไปนั่งหายใจทิ้งขอบสนาม
บางคนหายไปโดยที่ไม่มีใครสนใจ รวมถึงคู่รักประหลาดที่ไปซื้อน้ำจากมินิมาร์ทเล็ก ๆ
ใต้หอ
ชาร์ลเป็นฝ่ายชิงดื่มก่อนและปล่อยให้น้องน้อยเขย่งขาออดอ้อนขอบ้าง
เขาเหล่มองอย่างชอบใจ เบี่ยงตัวหลบความนุ่มนิ่มที่ทุบแขนอย่างเหลืออดที่ไม่ยอมให้ดื่มน้ำสักที
ก่อนที่เขาจะตวัดกอดเอวคอดให้เขามาชิดกัน
“เราคอแห้งจะตายอยู่แล้ว ขอมั่งสิ”
“เวลาขอคนอื่นใช้คำพูดแบบนี้เหรอ
อาชานยอลสอนนายมายังไงปาร์คแบคฮยอน?”
“ขอน้ำหน่อยคับ!” น้องน้อยตะเบ็งเสียง ช้อนมองตาแป๋วจนคนขี้แกล้งจำต้องยื่นขวดน้ำให้
“แสนรู้”
“ชาร์ลไม่ต้องเลี้ยงหมาแล้ว
เราบอกแล้วว่าเราเชื่อง” มันเขี้ยว อยากบีบ อยากกัด
แล้วกลืนเอาความน่ารักลงไปในท้อง เด็กหนุ่มเดินกอดคอความนุ่มนิ่มไปด้วยกันตามทางเดิน
ก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นเด็กหนุ่มผิวแทนในชุดพละยืนอยู่กับอาจารย์ห้องพยาบาล
“นั่นคิมไคกับอาจารย์ยุนอานี่นา”
สีหน้าทั้งคู่ไม่สู้ดีนักคล้ายว่าบทสนทนาคงอยู่ในความตึงเครียด
อาจารย์วัยกลางคนหลุบสายตาลงพลางถอนหายใจ
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับนักเรียนอีกครั้ง เธอพูดอะไรสักอย่าง
และคราวนี้เป็นฝ่ายคิมไคที่ถอนหายใจบ้าง
อาจารย์อิมจับท่อนแขนอีกคนไว้ สำหรับคนขี้สงสัยกำลังคิดว่าบางทีเธออาจจะขออะไรสักอย่างกับหมอนั่นหากดูจากท่าทางและสีหน้า
ชาร์ลเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว อยู่ ๆ
เรื่องข่าวลือระหว่างจุนมยอนกับอาจารย์อิมก็ผุดขึ้นมาให้ได้คิด
และยิ่งคิมไคยืนอยู่ตรงนั้น...
‘ผมรู้ว่าพ่อจะทำตามที่ผมขอ แต่พ่อช่วยจัดการให้มันเรียบร้อยไว
ๆ หน่อยได้ไหม พ่อครับ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้พูดอะไรแบบนี้บ่อย ๆ จัดการให้ผมทีเถอะ’
“...”
แบคฮยอนช้อนตามองคนรักก่อนจะหันไปทางสองคนนั้นอีกครั้ง
อาจารย์อิมทาบมือกับหน้าผากตนเองพลางก้มลงอย่างคนคิดไม่ตก
ก่อนเด็กหนุ่มผิวแทนจะปิดบทสนทนาด้วยการโค้งศีรษะแล้วเดินจากไป
“ชาร์ล”
“ไปหาจุนมยอนกัน”
*
“จีซู ส่งมา ๆ!!”
“เร็วดิวะ!”
“กำลังหาช่องทางอยู่ เวรเอ๊ย
ทำไมวิ่งเร็วแบบนี้เนี่ย?!!”
“อ้าว! ควาย! ลื่นอีก! 55555555555555”
“55555555555555555555555555”
เสียงจากเพื่อนในสนามเรียกรอยยิ้มจากคนที่นั่งดูเป็นอย่างดี
จุนมยอนเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีใครมายืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ได้พบว่าคน ๆ
นั้นคือชาร์ลีกับแบคฮยอน
“น้ำ”
“ขอบใจ”
เด็กหนุ่มผิวขาวรับขวดน้ำมาจิบ ก่อนทั้งคู่จะนั่งลงประกบข้าง
“หน้าจุนมยอนซีด ๆ นะ
ไม่สบายหรือเปล่า?”
“อืม วันนี้ฉันเวียนหัวมากเลย
คงเป็นเพราะนอนไปแค่ชั่วโมงเดียว” จุนมยอนตอบอย่างไม่โกหก
ท่ามกลางสายตาของเพื่อนทั้งสองที่มองเขาอย่างเป็นห่วง
“ไปนอนห้องพยาบาลไหม -- โอ๊ะ
ไม่ได้” แบคฮยอนรีบตะปบปากตนเอง
พลางมองสายตาคาดโทษของแฟนจ๋าที่กำลังสื่อว่า ‘ไม่ใช่ห้องพยาบาลเด็ดขาด’
ระหว่างทางมาตรงนี้ชาร์ลก็เอาแต่ขมวดคิ้วหงุดหงิด
เพราะเริ่มจับต้นชนปลายได้ด้วยตัวเองว่าคนอย่างคิมไคคงแอบหาเรื่องให้จุนมยอนด้วยการโทรไปฟ้องพ่อเรื่องความสัมพันธ์จากข่าวลือนั่นแน่
ๆ และถ้าใช่จริง ๆ การทำให้เด็กทุนจน ๆ มีปัญหาก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้จุนมยอนไปห้องพยาบาลเพื่อเจอกับเธออีก
“นี่” ชาร์ลชูกล่องนมกล้วยขึ้นมาล่อตาจุนมยอน
“มาพนันกันดีกว่าว่าใครจะทำแต้มได้ก่อน ฉันขอเดาว่าแจวอน”
“ถ้าใครชนะได้นมกล้วยไป” แบคฮยอนเสริมพลางยักคิ้ว
หลังจากชาร์ลเล่าให้ฟังว่าทั้งคู่เคยทายผลกันเรื่องใครจะทำแต้มได้
เขาก็อยากจะมีส่วนร่วมด้วย มันต้องน่าสนุกแน่ ๆ
“ไม่ใช่แจวอนหรอก” จุนมยอนอมยิ้มพลางทอดสายตาไปยังสนามฟุตบอล “ดูจากหน่วยก้านแล้ว
ยังไงก็ต้องเป็นชางซู”
“ไอ้ขี้กากนั่นน่ะนะจะทำแต้มได้” ชาร์ลหรี่ตามองพลางเบ้ปาก นอกจากเป็นที่วางขาให้เขาแล้ว
ไอ้หมอนั่นไม่น่าจะทำอะไรได้อีก
“เพราะไม่มีคนสนใจ ฉันก็เลยคิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นม้ามืด”
“ไม่มีทาง เราลงแทอู
เราเชื่อมั่นในประธาน”
แบคฮยอนมองไปยังคนตัวสูงที่ส่องประกายผู้ชนะอยู่กลางสนาม
วิ่งเลี้ยงบอลสับขาหลอกเพื่อนอย่างลื่นไหลก่อนจะส่งบอลให้
และชางซูก็อัดเข้าโกลจนทุกคนอ้าปากค้าง
“เข้!!!!”
“เดี๋ยว ๆ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะ?”
“เจอลูกเตะล่องหนเข้าไปถึงกับงงเลยค้า”
“มีใครถ่ายคลิปไว้ปะวะ มึง ๆ
ถ่ายตอนกูเตะเข้าโกลไว้ได้เปล่า?!!!”
“5555555555555555555555555555555555”
เสียงหัวเราะลั่นสนามจนอาจารย์เป่านกหวีดเป็นเชิงปรามให้เบาเสียงลงบ้าง
ชาร์ลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจุนมยอนแย่งกล่องนมกล้วยในมือไป
ก่อนจะเอาหลอดเจาะแล้วดื่มอย่างสบายใจจนคนมองอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ก็แค่ฟลุ๊กเท่านั้นแหละน่า
เอามาดื่มบ้าง” เด็กหนุ่มตัวสูงคว้ามือคนข้าง ๆ
แต่ยังไม่ทันได้ดื่มจุนมยอนก็สำลักออกมาจนแบคฮยอนต้องรีบประคอง
“โหย ชาร์ลอย่าแย่งสิ
เห็นไหมเพื่อนสำลักเลยอะ!”
“ขอโทษได้ไหมล่ะ?” เจ้าของชื่อถึงกับหน้าเสีย ก้ม ๆ เงย ๆ ดูสภาพคนข้าง ๆ ที่สำลักนมออกมาจนหญ้าเปรอะเปื้อน
“โอเคเปล่า?”
“ทีหลังขอดี ๆ ฉันก็ให้นะ”
“ขอดี ๆ ก็ไม่ได้แกล้งดิ” ชาร์ลไหวไหล่ ก่อนจะสบตากับแฟนจ๋าที่มองมาอย่างคาดโทษ อะไรวะ
พอเป็นเรื่องจุนมยอนเขาเป็นหมาเลยดิ
“เฮ้ย! สามคนนั้นเตะบอลเปล่า?!” แทอูตะโกนถาม เมื่อเพื่อนหลายคนเริ่มทยอยออกไปนั่งพักบ้างแล้ว
“ลุยเปล่าหนู?” ชาร์ลกอดคอคนที่สภาพเหมือนพร้อมจะหลับตลอดเวลา
และจุนมยอนก็ส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ฉันนั่งดูเฉย ๆ ดีกว่า”
“ทำไมล่ะจุนมยอน
เราก็เตะบอลไม่เก่ง คิดซะว่าลงไปเล่นกับเพื่อนหนุก ๆ ไง นะ ๆ”
“ไม่ไหวหรอก
ฉันลงไปคงเป็นตัวถ่วงทีมเสียมากกว่า ช่วยอะไรใครก็ไม่ได้”
จุนมยอนยังคงปฏิเสธท่าเดียว เขาชอบกีฬาก็จริง แต่ให้ดูคงดีกว่าลงสนาม
“โมจิ จัดการ”
“เดี๋ยวสิ!”
“ส่งบอลมาทางนี้ ๆ” คนตัวเล็กตะโกนเข้าไปในสนามขณะช่วยชาร์ลลากจุนมยอนไปเตะบอลด้วยกัน
เด็กเรียนดีแต่ที่ไม่ถนัดเรื่องกีฬาจึงหันซ้ายขวาอย่างประหม่า
เป็นครั้งแรกที่เขาได้มายืนอยู่ตรงนี้หลังจากยืนดูเพื่อน ๆ
เล่นอย่างสนุกสนานมาหลายปี เด็กหนุ่มผิวขาวเลิ่กลั่กอยู่ในที ก่อนจะกางขาออกแล้วก้มเล็กน้อยเพื่อเตรียมพร้อมถ้าหากว่ามีลูกบอลส่งมาให้
“จุนมยอนนา!!!”
“...!!”
“วี๊ดวิ๊ววว”
เจ้าของชื่อเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อถูกตีก้นโดยคนที่วิ่งมาจากด้านหลังก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้น
คนถูกแกล้งเป็นประจำได้แค่ขยับปากบ่นว่า ‘อา... ให้ตาย...’ พลางมองความทะเล้นของเพื่อนร่วมชั้นบ้า ๆ ที่ดูร้ายสำหรับคนแปลกหน้า
แต่กลับไม่มีพิษไม่มีภัยกับเพื่อนร่วมหอ
ชาร์ลีกำลังหัวเราะอย่างชอบใจหลังจากแย่งบอลจากแบคฮยอนได้
เพื่อนตัวเล็กดูเหมือนว่าจะหงุดหงิดแทบบ้าเพราะแทอูเพิ่งส่งลูกให้แต่เจ้าตัวกลับเลี้ยงมันไว้ได้ไม่ถึงสองวินาที
ชาร์ลีทำแต้มได้แล้ว ทีมของเขาจึงส่งเสียงโห่และก่นด่าหมอนั่นอย่างไร้เหตุผล
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหล่อ ความฝรั่ง หรือความขายาว
แต้มใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น จุนมยอนหันซ้ายขวา
หัวใจสูบฉีดอย่างหนักเมื่อคราวนี้แทอูเลือกส่งบอลมาให้
และเขาจะต้องเลี้ยงมันอย่างไร เด็กหนุ่มผิวขาวถามตัวเองในใจโดยไม่สามารถหาคำตอบได้
จุนมยอนกำลังสนุกทั้งที่หน้าตึงเครียด
เขาก้มลงมองบอลที่อยู่ปลายเท้าเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะขมวดคิ้วส่ายศีรษะไล่อาการมึนงง
“จุนมยอน!!” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียง
ก่อนจะเตะบอลไปทางนั้นซึ่งมันเฉียงไปอีกทางเพราะอัตราความแม่นซึ่งมีเพียงให้แค่สิบเปอร์เซ็นต์
จีซูพยายามเลี้ยงลูกหนีทีมชาร์ลี
สับขาหลอกครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่งเจ้าตัวเป็นฝ่ายล้มไปเองเพราะสะดุดขาขาว ๆ
ของเด็กลูกครึ่ง “ไอ้!!!”
“แบคฮยอนอย่าพึ่งหอบ วิ่งไปเตะก้นมันก่อน!”
“ได้เลยแทอู เราจะเป็นคนเตะก้นชาร์ลเอง!” คนตัวเล็กขมวดคิ้วกัดฟันแน่น ตะโกน ‘ย๊าาาา!!!’ ลั่นสนามขณะวิ่งไล่ตามคนตัวสูงซึ่งกำลังเลี้ยงบอลไปยังโกลทีมเขา ชาร์ลี
ฮอปส์เบิกตากว้างอย่างตกใจ
มองน้องน้อยที่วิ่งเข้ามาเหมือนจะฆ่าใครให้ตายด้วยความน่ารัก ก่อนจะล้มตึงลงไปทั้งคู่เพราะโดนพุ่งใส่
“เสร็จเราล่ะ!”
“ทำดีมากแบคฮยอน!”
“โมจิ!!!
นี่มันผิดกติกาแล้วนะโว้ย!!!”
ความนุ่มนิ่มไม่ฟังเสียงเขาเลยสักนิด เราทั้งคู่กอดรัดนัวเนียคลุกฝุ่นกันท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนในสนาม
ก่อนแทอูจะตัดสินใจส่งบอลให้จุนมยอนอีกครั้ง
“เอาเลย!”
“...!!!”
เด็กหนุ่มผิวขาวกำลังตื่นตูมจนไม่สามารถควบคุมสติได้ ทีมฝั่งตรงข้ามกำลังวิ่งมาทางนี้และถ้าเขายังไม่เตะล่ะก็คงได้เสียบอลให้แน่
ๆ
จุนมยอนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
เขารวบรวมความมั่นใจที่มีอยู่น้อยนิดเตะไปทางโกลฝั่งตรงข้าม
และมันน่าประหลาดใจเหลือเกินที่คนรักษาประตูกลับรับลูกเตะงั่ง ๆ
ของคิมจุนมยอนไว้ไม่ได้จนมันกลิ้งเข้าไปชนกับตาข่ายสีขาว
“...”
“เย้!!!!!”
เพื่อนทั้งทีมกระโดดโลดเต้นตะโกนกันอย่างสะใจ
รวมถึงแบคฮยอนกับแทอูที่แท็กมือกันก่อนจะหันไปทางจุนมยอนที่เป็นคนทำแต้มได้
ชาร์ลลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากกางเกง เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางมองเพื่อนไร้สติทั้งหลายที่ดีใจกับเรื่องไร้สาระ
ซึ่งเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไปกระซิบบอกให้แทอูช่วยวางแผนทำให้หมอนั่นเตะเข้าสักลูก
เด็กหนุ่มตัวสูงอมยิ้ม มองความสับสนบนใบหน้าของคิมจุนมยอนก่อนรอยยิ้มจะเกิดขึ้นกับเด็กเนิร์ด ๆ คนนั้น ใช่... มันเป็นแค่การทำประตูที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่สำหรับคนที่นั่งทายผลว่าใครจะได้แต้ม นั่งดูเพื่อนเล่นกันอย่างสนุกสนานมาตลอดเพราะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง การทำประตูได้ครั้งแรกในชีวิตก็คงมีค่าสำหรับจุนมยอนเหมือนกัน
สำหรับคนอย่างชาร์ลี ฮอปส์ที่ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าใคร สิ่งที่เขาอยากทำให้เพื่อนคนหนึ่งได้ ก็คือการยิ้มออกมาอย่างมีความสุขบ้าง
“ห้ามงอนที่เราพุ่งท่าสเปียร์ใส่นะ”
“เรื่องนั้นไว้ฉันจะคิดทบต้นทบดอกทีหลัง” ชาร์ลพูดทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากแมนออฟเดอะแมชซึ่งยังคงยิ้มไม่หุบ “หมอนั่นควรพักการใช้ชีวิตอย่างหนักบ้าง นายคิดอย่างนั้นหรือเปล่าโมจิ?”
“อื้อ”
คนตัวเล็กขานตอบ แบคฮยอนรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งกับรอยยิ้มนั้น และเขาอยากให้จุนมยอนเหนื่อยน้อยลงโดยไม่ต้องกดดันว่าจะต้องเป็นความหวังของครอบครัวจนต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้
แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นที่รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า
เมื่ออยู่ ๆ จุนมยอนก็ทรุดตัวลงไปกับพื้นดิน
“...”
“...”
“...”
“จุนมยอน?”
เด็กในสนามรีบเข้าไปมุงดูจนแทอูต้องอ้าแขนออกขวางไว้เพื่อไม่ให้เพื่อนรุม
ชาร์ลฝ่าฝูงคนเข้าไปแล้วรีบประคองร่างเพื่อนสนิทขึ้นมาในอ้อมแขน ตบแก้มเบา ๆ
เพื่อเรียกสติแต่อีกฝ่ายกลับแน่นิ่งไม่ขยับตัว
แบคฮยอนยืนอยู่วงนอกเพราะทำตัวไม่ถูก
ได้ยินเสียงจีซูบอกว่าเมื่อคืนจุนมยอนแทบไม่ได้นอนจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้วูบหมดสติไป
แต่ถึงอย่างนั้นการที่อีกฝ่ายยังแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นก็ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่ดี
“พักหลังเห็นมันอาเจียนบ่อยด้วย มันจะเกี่ยวกับเรื่องนอนไม่พอปะวะ ที่บ่นว่ารำคาญก็เพราะมันชอบลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกอะ”
“พวกมึงถอยไปก่อน เดี๋ยวจุนมยอนหายใจไม่ออก”
“พาเขาไปห้องพยาบาล” ชาร์ลหันหลังและแทอูก็ช่วยประคองร่างจุนมยอนให้ขึ้นขี่หลัง
แต่ยังไม่ทันเดินไปไหนก็ต้องหยุดฝีเท้าเพราะใครคนหนึ่งยืนขวางทางไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“มายืนบ้าอะไรตรงนี้ ถอยไป”
“ไม่ใช่ห้องพยาบาล ชาร์ลี”
“อะไรของ --”
“เราต้องพาเขาไปโรงพยาบาล
เดี๋ยวนี้”
“...”
ทุกคนกำลังสับสนและไม่เข้าใจในคำพูดของคิมไค
คนที่ยืนขวางทางชาร์ลี ฮอปส์ไว้ไม่ให้พาอีกฝ่ายไปห้องพยาบาล เสียงนกหวีดจากอาจารย์พละดังขึ้นจากด้านหลัง
แต่กลับไม่มีใครหันไปให้ความสนใจแม้แต่นิด ทุกคนยังตกอยู่กับความเงียบ
ราวกับว่ารอให้คิมไคเป็นฝ่ายเฉลยความคาใจทั้งหมด
“จุนมยอนเป็นเนื้องอกในสมอง เขาต้องไปโรงพยาบาล”
“...”
“ว่าไงนะ?”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมานั่งล้อมวงเล่าที่มาที่ไปนะ จุนมยอนรอมานานเกินไปแล้วและคงรอต่อไม่ได้อีก เราต้องพาเขาไปโรงพยาบาล... เดี๋ยวนี้”
เด็กหนุ่มตัวสูงรู้สึกเหมือนถูกทุบหัวอย่างแรง
เขายืนนิ่งไปเพื่อให้สมองได้ทบทวนกับประโยคเมื่อครู่ บ้าน่า...
คิมจุนมยอนจะเป็นเนื้องอกในสมองได้อย่างไรกัน?
“คิมไครู้ได้ยังไง?” แบคฮยอนถามอย่างใคร่รู้
ก่อนจะหันไปทางใครอีกคนที่อยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มผิวแทน
“เพราะครูเป็นคนพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาล
เอาล่ะทุกคน หลีกทางหน่อย ชาร์ลี พาจุนมยอนไปขึ้นรถครู”
นอกจากอาจารย์อิมกับคิมไคแล้ว ตอนนี้คงไม่มีใครเรียบเรียงเรื่องราวได้ด้วยสติ
ชาร์ลยังคงสับสน
เขาหันไปมองใบหน้าซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อบนไหล่ตนเองพร้อมคำถามมากมายที่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาหาคำตอบ
“ไปเร็วชาร์ลี!” เสียงของแทอูกึกก้องอยู่ในหู เจ้าของชื่อจึงรีบพาจุนมยอนไปยังรถอาจารย์อิมด้วยความเร็วกว่าในทีแรกที่ตั้งใจไว้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างถึงประเดประดังเข้ามาในครั้งเดียวโดยที่ไม่มีใครได้โอกาสตั้งหลักรับมือกับมัน
เนื้องอกบ้านั่นมาจากไหน ทำไมอาจารย์อิมกับคิมไคถึง...
‘ยุ่งอยู่หรือเปล่า?’
‘ไปหาที่นั่งกินนี่ไหม ครูให้ฉันมา’
ภาพตอนจุนมยอนยื่นนมกล้วยให้เขาหลังจากคุยกับอาจารย์อิมในวันนั้น...
ข่าวลือที่ใคร ๆ
ต่างเข้าใจว่าศิษย์กับอาจารย์แอบพบรักกัน
ทุกอย่าง... มันมีเบื้องหลังที่เขาไม่รู้
“บ้าเอ๊ย...”
TBC
น้องต่อมีอินสตาแกรมแล้ว
ความคิดเห็น