ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic G Seed&Destiny]เทพีแห่งความรักผู้โดดเดี่ยว

    ลำดับตอนที่ #11 : บุปผาผู้อ่อนแอและเข้มแข็งกับใจจริงของเขาคนนั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 155
      0
      19 เม.ย. 49

    Phase 11 บุปผาผู้อ่อนแอและเข้มแข็งกับใจจริงของเขาคนนั้น

    ที่โต๊ะอาหารยามเช้าที่ ณ ห้องอาหารของคฤหาสน์โต๊ะใหญ่ยาวถูกวางตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องจานกระเบื้องสวยถูกวางบนผ้าปูโต๊ะสีขาวลายดอกลาเวนเดอร์ ที่โต๊ะนั้นเกือบทุกคนได้มานั่งประจำที่เรียบร้อยเจ้าของผมยาวสีช็อกโกแลตหันไปมองคู่พี่น้องที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานซึ่งเธอจะได้ยินชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่ออัสรันอยู่บ่อยครั้งแต่บางทีคนน้องก็พูดถึงน้องชายของเธอเหมือนกัน  พอพูดถึงน้องชายแล้วเหตุการณ์เมื่อวานก็ย้อนมา

    "พี่ชิโฮะครับ ผมชอบพี่"คำสารภาพนั้นถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผมสีหยก ดวงตาสีคาราเมลนั้นมองลึกเข้าไปยังดวงตาของเธอจนทำให้เธอต้องหลบตา รู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงหน้านวลเริ่มแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้

    "นิโคล...แบบว่าพี่.."สุ้มเสียงที่เอ่ยออกมาฉายแววตื่นตระหนกระคนสับสน โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังพยายามหลบนัยน์ตาอ่อนโยนของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้คลี่ยิ้มบาง

    "ครับ ผมรู้ว่าเราเปรียบเสมือนพี่น้องกัน รวมทั้งคุณอิซ้าค คุณดิอัคก้า คุณเมย์รินคนอื่นๆ รวมทั้งท่านผู้นั้นด้วย เพราะว่าเรามีผู้ให้กำเนิดคนเดียวกันแต่ว่าเราก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆไม่ใช่เหรอครับ ผมและพี่ก็แค่เกิดมาในฐานะที่ใกล้เคียงกันผมเป็นเทพแห่งพฤกษาและพี่เป็นเทพีแห่งบุปผา..เพราะงั้นเราสองคนเป็นมากกว่าพี่น้องไม่ได้เหรอครับ"คำขอที่ยากเกินกว่าจะตัดสินใจในทันทีถูกเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าแสดงถึงความเว้าวอนจากเธอ เขารักเธอแบบหญิงสาวและเขาก็พร้อมที่จะทำให้เธอมีความสุข แล้วเธอล่ะจะตัดสินใจเช่นไร เธอจะตอบรับเขาหรือว่าจะปฏิเสธ...เธอรักเขาแบบใดกันนะ แบบพี่น้อง..แบบเพื่อน...หรือว่าแท้จริงแล้วเธอจะ...

    แล้วเธอก็สะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป แค่อกหักเท่านั้นก็ทำให้คิดไปไกลขนาดนั้นเชียวหรือ เธอไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อย เธอไม่ใช่ดอกไม้ที่อ่อนแอแบบที่เขาคนนั้นพูด แต่จะรู้ตัวมั้ยนะว่าใจของเธอนั้นบอบช้ำเพียงไรกับคำปฏิเสธของเขาคนนั้น...เธอร้องไห้ราวกับว่าไม่ว่าสิ่งใดอีกแล้วลืมเลือนทุกอย่างแล้วเอาแต่ร่ำไห้...เธอจะรู้มั้ยนะว่านั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าความอ่อนแอ...

    "นิโคล..แต่ว่าพี่รักอิซ้าคนะ"ถ้อยคำสั้นๆแต่เน้นย้ำถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาคนนั้น

    "ครับ ผมรู้ว่าพี่รักคุณอิซ้าคแต่ว่าคุณอิซ้าคเค้าก็....แล้วอย่างนี้พี่ยังจะรักเขาเพื่อเจ็บปวดอีกเหรอครับ"คำบางคำถูกเว้นไว้เพื่อไม่เป็นการตอกย้ำความเศร้าของเธอ เขาก็สูดลมหายใจลึกแล้วค่อยๆผ่อนออกเงยหน้ามองเธอแล้วพูดต่อ

    "พี่ครับ ผมน่ะอยากให้พี่มีความสุขนะครับ เพราะผมชอบพี่"เด็กหนุ่มเอ่ยคำว่า"ชอบ"กับเธออีกครั้งทำให้ใจเธอเริ่มหวั่นไหวหัวใจที่เริ่มเต้นเข้าจังหวะก็กลับผิดจังหวะเอาดื้อๆ

    "พี่ยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ครับผมรอได้ครับพี่ชิโฮะ"สิ้นเสียงเขาก็เดินไปบิดลูกบิดประตูแล้วออกจากห้องนั้นไป เธอมองตามไปด้วยแววตาที่ยังคงความสับสน มือที่เรียวบางหยิบยกขึ้นมาแกะสร้อยคอออกจากคอขาวๆแล้วมองดู

    "ดอกกุหลาบแดง ความรักที่ต้องการการเอาใจใส่ รักที่ต้องการคนเข้าใจแล้วตอนนี้ตัวเรากำลังปราถนาในความรักแบบใดกันนะ"เธอเปรยเสียงเบากับตนเองแล้วกลีบกุหลาบกลีบหนึ่งก็หลุดร่วงจากสร้อยคอของเธอ สิ่งนี้ต้องการจะบอกอะไรกับเธอกันแน่นะ

    'คำว่ารักหรือชอบนั้นสามารถพูดออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือแล้วสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นจะคุ้มกับสิ่งที่พูดไปแน่หรือ ถ้าหากว่าสิ่งนั้นไม่ใช้คำตอบรับ นิโคลเธออยากจะรู้สึกแบบเดียวกับชั้นงั้นหรือ..'

    "อรุณสวัสดิ์ครับ พี่ชิโฮะ"เสียงหนึ่งเอ่ยทักทายเธอดึงเธอออกจากห้วงความคิดของตนเองคนที่ทักเธอค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดอยู่ข้างกัน

    "จ..จ้ะ อรุณสวัสดิ์นิโคล"หลังจากทักทายกันแล้วเธอกับเด็กหนุ่มก็คุยกันอีกเล็กน้อย ระหว่างที่คุยในบางครั้งสายตาของเธอก็เหลือบไปมองชายผมเงินอยู่หลายครั้ง จากนั้นไม่นานท่านหญิงผมสีซากุระก็เยื้องกายมาสู่ห้องอาหารพร้อมกับมิลิอาเลีย

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะ"เสียงหวานใสเอ่ยทักทายยามเช้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วจึงใช้เนตรฟ้าครามมองไล่เลียงสำรวจผู้ร่วมโต๊ะอาหารซึ่งมีเก้าอี้ตัวหนึ่งยังว่างอยู่คนที่ขาดไปก็คือผู้ที่มีใบหน้าและผมสีเดียวกับเธอ มีอา แคมป์เบลล์ ท่านหญิงลอบถอนหายใจเบาๆก่อนหันไปสั่งมิลิอาเลีย

    "มิลิอาเลียเดี๋ยวบอกให้เจสสิก้านำอาหารไปให้ท่านมีอาด้วยนะ"คำขอแกมเบื่อกับความเอาแต่ใจของมีอาที่ไม่ยอมมาร่วมโต๊ะอาหารยามเช้าทำให้เธอรู้สึกหน่ายนิดๆ

    "ค่ะ ท่านลักซ์"คำตอบรับสั้นๆพร้อมกับร่างเพรียวที่เดินจากไปแล้วท่านหญิงจึงหย่อนกายบนเก้าอี้ช้าๆ เธอหันไปให้สัญญาณสาวใช้เล็กน้อยอาหารเช้าก็ถูกนำมาเสิรฟ์ ประกอบด้วยซุปสีนวลข้นมีควันฉุยและขนมปังสีน้ำตาลเงามีเครื่องดื่มคือน้ำชาและกาแฟ

    หลังเริ่มต้นทานอาหารเช้าไปได้ครู่หนึ่งสายตาของท่านหญิงก็ได้สังเกตว่ามีคนๆหนึ่งแทบจะไม่ได้แตะต้องอาหารเช้าชุดนี้เลย ท่านหญิงนึกฉงนเล็กน้อยจึงได้เอ่ยถามเธอ

    "ท่านชิโฮะท่านไม่สบายงั้นหรือ"คำถามของท่านลักซ์เป็นห่วงทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย

    "!..เปล่าค่ะ ท่านลักซ์ข้าแค่ไม่ค่อยอยากอาหารเท่านั้นเอง..คือขอตัวก่อนนะคะ"หญิงสาวรีบบอกปัดแล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งข้างกันลุกตามเธอไปด้วย

    "ขออภัยด้วยครับ ขอตัวก่อน"เนตรสีน้ำเงินมองดูท่าทางขอทั้งคู่แล้วหันกลับมาที่โต๊ะอาหารพบว่าท่านอิซ้าคเองก็มีอาการชะงักไปเช่นกันเธอจึงได้เอ่ยถาม

    "พวกท่านมีเรื่องอันใดหรือคะ ท่านอิซ้าค"

    "...ไม่ครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้น..ไม่มี"ชายหนุ่มตอบอย่างเรียบๆแต่ว่าน้ำเสียงนั้นกลับมีความรู้สึกที่ขมขื่นซึ่งคนถามนั้นย่อมรู้ดี

    "ท่านอิซ้าคคะมันอาจจะไม่เหมาะที่ข้าเป็นคนพูด แต่ว่าข้าขอบอกอะไรไว้อย่างหนึ่งได้ไหมคะ"

    "...ครับ"

    "การที่บางทีเราตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อไม่ให้คนๆนั้นต้องเสียใจอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ว่าบางทีสิ่งที่เราทำไปนั้นอาจทำให้คนๆนั้นเสียใจที่สุดก็เป็นได้ เพราะงั้นก่อนที่จะทำการใดก็จงใคร่ครวญให้ดีเพื่อไม่ให้มีใครต้องหลั่งน้ำตา"คำกล่าวนั้นทำให้ชายหนุ่มที่ได้รับฟังคลี่ยิ้มเศร้าก่อนเอ่ยปากว่า

    "แต่ว่า..บางทีมันคงจะสายเกินไปแล้ว"

    "ไม่มีสิ่งใดสายเกินแก้หากเรายังไม่ได้ตัดใจจากสิ่งนั้น"สิ้นเสียงนั้นชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอ สายตาที่เคยอ่อนโยนฉายแววจริงจังอย่างที่แทบจะไม่เคยได้รับจากเธอผู้นี้

    ".....ไม่มีสิ่งใดสายเกินแก้หากเรายังไม่ได้ตัดใจจากสิ่งนั้นงั้นเหรอ"เขายิ้มออกมาอีกครั้งแม้มันจะมีความรู้สึกเดิมเจืออยู่ก็ตาม

    ---------------------------

    ช่วงเย็นของวันนั้นชายหนุ่มผมเงินเดินอยู่ตามทางเดินคนเดียวด้วยเหตุที่ว่าเพื่อนผิวเข้มนั้นได้ขอแว่บไปหาหวานใจของตัวเองซะแล้ว คิดไปคิดมาไม่รู้จะไปไหนจึงตั้งใจจะเดินกลับห้องแต่ว่าขณะนั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งลอยมากระทบหูเขา

    "เสียงไวโอลิน..ชิโฮะงั้นเหรอ"แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้รักไม่ได้สนใจแต่ขาเจ้ากรรมกลับพาเจ้านายของมันมาที่ห้องดนตซึ่งประตูนั้นได้เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย เสียงเพลงนั้นลอยมาจากห้องนั้นแน่ๆคิดด้เช่นนั้นก็ลอบมองเข้าไปข้างในพบว่า เธอกำลังเล่นเครื่องสายสีน้ำตาลเงางามเฉกเช่นสีผมของเธออยู่ ดวงหน้านั้นดูสงบและสง่างามแต่เมื่อดวงตานั้นปรือขึ้นมันก็ต่างออกไปทันทีดวงตานั้นฉายแต่ความเศร้า บทเพลงที่ถูกบรรเลงนั้นก็มีแต่ความรู้สึกที่เศร้าสร้อยแฝงอยู่แม้มันจะไพเราะเพียงใดก็ตาม...

    เมื่อมือนั้นได้หยุดลงหยดน้ำตาได้พร่างพรูออกมามากมายพร้อมเสียงสะอื้นเล็กๆ มือบางที่เคยจับไวโอลินไว้ได้ปล่อยให้มันร่วงหล่นสู่พื้นพรมอ่อนนุ่ม หากเขาไม่ได้คิดไปเองเขารู้สึกเหมือนได้ยินชื่อของเขาปนออกมากับเสียงสะอื้นนั้น ใบหน้างามตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาจนทำให้เขาเกือบจะเดินเข้าไปเช็ดน้ำตาให้เธอหากแต่ว่าได้มีคนๆหนึ่งทำสิ่งนั้นแทนเขาแล้ว

    "พี่ชิโฮะอย่าร้องไห้สิครับ..."เสียงของเด็กหนุ่มผมสีหยกกล่าวปลอบผู้ที่เขาเรียกว่าพี่พร้อมกับมือที่หยิบยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาเธอ

    "แต่ว่า..แต่ว่าพี่น่ะ.."เสียงนั้นสะอึกสะอื้นและขาดห้วงเพราะเธอกำลังร้องไห้อยู่และยังหนักขึ้นไปอีก

    "ชิโฮะ..."นามของเธอถูกเขาเอ่ยออกมาเบาๆแต่แล้วก็มีคนได้ยินซึ่งคือเด็กหนุ่มนาม นิโคลนั่นเองแต่เขาก็ไม่ได้บอกให้หญิงสาวข้างกายรู้

    "แต่ว่าเขาน่ะ..เขาน่ะ..."ชายหนุ่มเมื่อได้ยินถึงกับรู้สึกผิด'เขา'ที่เธอพูดถึงนั้นไม่ใช่ใครอื่นก็คือตัวเขาเอง ตัวเขาที่ทำให้เธอร้องไห้

    'ชิโฮะขอโทษนะ แต่ฉันน่ะ..'เขาไม่กล้านึกถึงเหตุผลที่ต้องพูดจาเย็นชากับเธอแต่สิ่งที่เขาทำน่ะก็เพื่อเธอและยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เพราะเด็กหนุ่มได้พูดขึ้น

    "แต่พี่ยังมีผมอยู่นะครับ"เธอชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของคนที่อายุน้อยกว่า

    "พี่ครับเป็นผมไม่ได้งั้นเหรอ ผมแทนที่คุณอิซ้าคไม่ได้เหรอครับ"น้ำเสียงและสายตานั้นแสดงความเว้าวอนต่อคนตรงหน้าเธอส่ายหน้าช้าๆแล้วตอบกลับ

    "นิโคล..มันไม่ได้เกี่ยวว่าได้หรือไม่ได้หรอกนะแต่มันเกี่ยวกับพี่ต่างหากเพราะพี่น่ะ.."

    "ยังรักเขาอยู่"คำตอบนั้นไม่ต้องรอให้เธอตอบเด็กหนุ่มก็เป็นคนตอบออกมาแทนใบหน้างามพยักลงเป็นเชิงตอบว่าใช่

    ยิ่งได้ยินว่าเธอรักเขาเท่าไหร่ใจมันก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ทำไมกันทั้งที่เขาปฏิเสธไปแล้ว บอกว่าไม่ได้รักแล้วทำไมกัน ทำไมถึงยังรักคนแบบเขาอีก นัยน์ตาสีน้ำเงินที่เคยเข้มงวดตอนนี้ไม่มีเค้าเดิมเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

    "แม้เค้าจะไม่รักพี่งั้นเหรอครับ"เสียงเด็กหนุ่มได้ทำลายความเงียบลงแม้คำนั้นจะเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจเธอก็ตามแต่เขาก็ต้องพูด คำพูดของเขาทำให้เธอนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรเพราะตอนนี้เธอก็ยังไม่อาจให้คำตอบกับตนเองในตอนนี้ได้แล้วใยเล่าที่จะมีคำตอบนี้ให้กับเด็กหนุ่ม

    "แล้วพี่ก็จะเศร้าอยู่อย่างนี้ คอยตอกย้ำตัวเองด้วยเรื่องของที่ไม่ได้รักพี่...แล้วต่อไปพี่จะมีความสุขได้ยังไง"

    "พี่..พี่..พี่ไม่รู้..ไม่รู้จริงๆ..."เนตรสีองุ่นหลบสายตาเด็กหนุ่มร่างบางในชุดสวยทรุดกายลงบนเก้าอี้ราวกับสิ้นเรี่ยวแรง เจ้าของดวงตาสีคาราเมลลอบมองประตูอย่างมีความหมาย

    "พี่ครับ ผมอยากให้พี่มีความสุข..ผมชอบพี่นะครับ เพราะงั้น...."นัยน์ตาสีครามเบิกกว้างกับคำรักของเด็กหนุ่มเอื้อนเอ่ยออกมา นัยน์ตาสีคาราเมลปรือลงเรื่อยๆพร้อมกับใบหน้าที่โน้มเข้าหาเธอ เธอที่กำลังสับสนมีท่าทางลังเลใจหากแต่เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจใบหน้านั้นชิดใกล้เธอจนริมฝีปากทั้งคู่เกือบจะประสานกัน แต่ว่า...

    "หยุดนะ!"การกระทำของเด็กหนุ่มหยุดชะงักพร้อมกับดวงตาสองคู่ที่หันไปมองต้นเสียงพบว่า'เขาคนนั้น'ได้ยืนอยู่ใบหน้าเขาฉายแววเจ็บปวดไม่น้อย

    "อิซ้าค..."เสียงหวานเอ่ยนามเขาเบาๆ เขาไม่ได้สบตาเธอแม้แต่น้อยแล้วหันไปพูดกับเจ้าของผมสีหยก

    "นิโคล..นายคิดจะทำอะไร"ตอนนี้เขาไม่สามารถอดกลั้นความโกรธที่ประทุออกมาได้ เด็กหนุ่มยักไหล่เล็กน้อยคำถามของเขาแล้วถามกลับไป

    "แล้วคุณอิซ้าคคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะครับ"คำถามที่ถามกลับมาอย่างไร้ความเกรงกลัวเขาและมันยังยั่วโมโหเขาไม่น้อยเลยทีเดียวกัน ใบหน้านั้นเริ่มฉายความโกรธมากขึ้น

    "นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นกับชิโฮะนะ"รอยยิ้มกริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่มพร้อมกับก้าวเข้ามาหาเขา

    "แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามผมงั้นเหรอครับ คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้รักพี่ชิโฮะ ถ้าอย่างนั้นคุณมีเหตุผลอะไรมาห้ามไม่ให้ผมทำแบบนั้นกับพี่ชิโฮะ"

    "ไม่ใช่ฉันน่ะ.."แล้วคำพูดของเขาก็หายไป เขาพูดไม่ได้..เขาพูดออกไปไม่ได้..เขาไม่สามารถทำตามที่ใจปราถนาได้...เพราะมันจะทำให้เธอต้องเสียใจมากกว่านี้แน่

    "คุณทำไมเหรอครับ จะบอกว่าคุณรักพี่งั้นเหรอครับ..พี่ชิโฮะไม่ใช่ตุ๊กตานะครับที่คุณจะทำยังไงก็ได้ พอพี่บอกรักคุณ คุณก็ปฏิเสธแต่พอผมบอกว่ารักพี่คุณก็ร้อนรนนี่มันหมายความว่ายังไงครับ"สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดออกมานั้นเสียดแทงใจของเขาอย่างสุดซึ้ง ทุกอย่างที่พูดออกมาล้วนเป็นสิ่งที่ทำเขาไม่สามรถตอบกลับไปได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้ทั้งห้องนิ่งเงียบจนกระทั่งเธอได้พูดออกมา

    "พอ..พอได้แล้ว.."สุรเสียงนั้นช่างแสดงถึงความรู้สึกเศร้าที่มากกว่าเดิมหยดน้ำใสไหลร่วงจากแก้วตาลงสู้พื้นพรมแล้วซึมหายไปโดยที่เธอยังไม่เงยหน้ามองเขา

    "มันสายไปแล้วล่ะครับคุณอิซ้าคมันจบลงแล้วและคนที่ทำให้มันจบลงก็คือคุณ"เด็กหนุ่มตีหน้าเคร่งก่อนจะเดินก้าวผ่านเขาไปพร้อมทั้งพูดทิ้งท้ายไว้ให้เขา

    ใช่แล้ว..มันสายเกินไป กว่าเขาจะรู้ตัวทุกสิ่งทุกอย่างมันก็พังทลายลงแล้วด้วยฝีมือของเขาทุกอย่างมันสายเกินไป...
    เขารู้ตัวช้าเกินไป ตอนนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว มันจบลงแล้วเรื่องของเขาและเธอ...
    ตอนนี้เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ไม่สามารเอื้อนเอ่ยคำปลอบใจหรือแม้แต่คำขอโทษ...
    สิ่งที่ทำได้คือยืนมองเธอที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มเท่านั้น...

    ในห้วงคำนึงเขาได้แต่โทษตนเองและเจ็บใจที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้วแต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นในห้วงคิดที่ไร้ซึ่งหนทางใดๆ

    ..................."ไม่มีสิ่งใดสายเกินแก้หากเรายังไม่ได้ตัดใจจากสิ่งนั้น"...................

    "ชิโฮะ.."เสียงของเขาที่เรียกเธอทำให้เธอนิ่งไปเล็กน้อยก่อนพูดออกมา

    "พอได้แล้วอิซ้าค พอกันทีทุกอย่างมันจบแล้ว ชั้นไม่อยาก..เจ็บปวดอีกแล้ว"น้ำเสียงนั้นตัดพ้อเขาที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอ

    "ไม่..ชิโฮะฉันน่ะ.."แต่แล้วยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบเสียงของเธอแผดเสียงร้องออกมา

    "บอกว่าพอได้แล้ว! เธอจะมาทำให้ชั้นโดดเดี่ยวงั้นเหรอ"

    "ไม่ใช่นะ!"

    "ใช่สิ ก็เธอน่ะไม่เคยรักชั้นแล้วเมื่อเธอทำแบบนี้ก็เพราะว่าเธอเกลียดชั้นไม่อยากให้ชั้นมีความสุขเพราะงั้น..."แต่แล้วคำพูดของเธอก็หยุดลงเพียงแค่นั้นเพราะร่างที่ใหญ่กว่าได้โอบกอดเธอพร้อมรสสัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปากนัยน์ตาสีองุ่นเบิกกว้างกับการกระทำของอันอุกอาจของคนที่เธอรัก แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนการกระทำนั้นแม้แต่น้อย แล้วเมื่อชายหนุ่มคลายอ้อมกอดและริมฝีปากออกเขาก็กล่าวกับเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยน

    "ไม่ใช่นะชิโฮะ มันไม่ใช่แบบนั้น..ฉันน่ะ..ความจริงแล้ว..ฉันรักเธอ.."ตอนนี้ความรู้สึกของเขาที่เคยห้ามตนเองไว้ได้ละลายหายไป เขาไม่อาจห้ามใจไม่ให้บอกเธอไม่ได้อีกแล้ว เขาไม่อยากจะ..สูญเสียเธอไป

    "ถ้าอย่างนั้นทำไม..."คำถามสั้นๆถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบาง ชายหนุ่มหลุบตาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอกเธอ

    "ชิโฮะฉันน่ะ..เป็นเทพที่ถือกำเนิดในช่วงเวลาเดียวกับท่านเทพแห่งตะวันเพราะงั้นเวลาดับสลายของฉันย่อมเร็วกว่าเธอ การดับสลายของฉันมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้และฉันก็คือเทพแห่งเปลวเพลิง ฉันกลัวเปลวเพลิงในจิตใจของฉันแผดเผาเธอและจิตใจที่งดงามของเธอ ชะตากรรมของบุปผาและเปลวเพลิงไม่อาจอยู่ด้วยกันได้เธอก็น่าจะรู้เพราะงั้นฉันจึงตีตนออกห่าง พยายามไม่ให้รักเธอแต่มันก็..ทำไม่ได้ ขอโทษนะ ชิโฮะ"

    "บ้าที่สุด!"เสียงเธอกล่าวต่อว่าเขาทำให้เขาตกใจไม่น้อยทีเดียว

    "ชิโฮะ.."เธอมองเข้าไปในดวงตาเขาด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยว

    "อิซ้าคเธอน่ะบ้าที่สุด เธอเห็นชั้นเป็นคนอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ จริงอยู่ที่ดอกไม้นั้นอ่อนแอเมื่อโดนไฟแผดเผาก็จะมอดไหม้หายไปแต่เรื่องแบบนั้นน่ะชั้นก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่เมื่อตอนที่ฉันบอกรักเธอไปแล้ว ขอให้ได้อยู่ข้างๆเธอต่อให้ต้องเจ็บปวดแค่ไหนฉันก็ไม่เป็นไรเพราะมันเป็นสิ่งที่ชั้นเลือกเอง"

    "ชิโฮะ..นี่เธอ.."คราวนี้เธอคลี่ยิ้มบางแววตาที่โกรธเกรี้ยวแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและอบอุ่น

    "ชั้นจะไม่ยอมให้เธอดับสลายแน่"

    "แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ เธอก็รู้"

    "ใช่ชั้นรู้แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงชั้นก็จะไปพร้อมกับเธอ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป"คำกล่าวที่แสดงถึงความรักอันมากมายที่เธอมอบให้เขาทำให้จิตใจนั้นโอนอ่อนเขากระชับเธอในอ้อมกอดแล้วประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง เหมือนกับความสุขนั้นจะอยู่เนิ่นนานแต่ว่า...

    แอ๊ด...

    "เฮ้อ..ในที่สุดก็ลงเอยกันได้ซะทีนะครับ"

    เสียงประตูเปิดขึ้นพร้อมเสียงของใครบางคนซึ่งไม่ใช่ใครอื่นก็คือคนที่เดินออกจากห้องไปเมื่อไม่นานมานี้เอง

    "น..น..น..นิโคล นายมาได้ยังไง"เขากับเธอผละออกจากกันอย่างรวดเร็วใบหน้านั้นขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด

    "มาได้ยังไง? ผมยังไม่ได้ไปไหนด้วยซ้ำก็ผมน่ะแอบอยู่หลังประตูนี่นา ว่าแต่พวกพี่นี่เล่นเอาผมเหนื่อยจริงๆ"เด็กหนุ่มตีหน้าซื่อแล้วพูดด้วยเสียงแสดงความเนื่อยพร้อมกับการถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้เขาและเธอเริ่มสังหรณ์ใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซะแล้ว

    "เหนื่อย...หมายความว่า.."ทั้งสองพูดออกมาแทบจะพร้อมกันทำให้เด็กหนุ่มขำเล็กน้อยก่อนจะตอบ

    "อย่างที่คิดล่ะครับทั้งหมดเป็นแผนที่ผมคิดขึ้นมา"

    "ว่าไงนะ!"แล้วทั้งสองก็ประสานเสียงกันอีกรอบพร้อมทั้งรู้สึกละอายใจที่โดนเจ้าตัวแสบหลอกเอา

    "แล้วที่เธอบอกว่าชอบพี่ล่ะโกหกเหรอ"เธอเริ่มตั้งคำถามขึ้นทันที

    "เปล่าครับผมพูดจริง แต่ผมน่ะ..ชอบพี่แบบพี่สาวนะครับก็ผมน่ะไม่ชอบคนอายุมากกว่าหรอกครับ"

    "แล้วที่นายจะจูบชิโฮะล่ะ"คราวนี้อิซ้าคถามอย่างร้อนรนมากขึ้น

    "อันนั้นรู้อยู่แล้วว่าคุณอิซ้าคต้องออกมาห้ามแน่ๆเพราะผมเห็นคุณยืนอยู่ข้างนอกอยู่แล้วแต่ถ้าคุณไม่ออกมาผมอาจจะจูบจริงก็ได้นะ"คำหยอกเย้าทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าแดงนี่เธอหลงกลน้องชายตัวแสบขนาดนี้เลยเหรอ ขณะที่เธอกำลังจะหันไปเล่นงานน้องชายตัวแสบก็แว่บออกจากห้องไปแล้วเธอจึงรีบออกมาพบว่าเขากำลังยืนคุยกับเด็กผู้หยิงผมคู่สีบานเย็นอยู่แถมยังหน้าชื่นตาบานอีกหรือว่าที่รีบออกมาจากห้องเร็วนี่จะมาหาสาว!

    "นิโคลหรือว่านาย.."อิซ้าคเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทพูดก่อนทำเอาเจ้าของชื่อหันควั่บ

    "อ้าวคุณอิซ้าคมีอะไรเหรอครับ"เจ้าตัวทำหน้าไม่รู้เรื่องเหมือนเพิ่งเจอกันตั้งแต่หลังอาหารเช้า คราวนี้ชายหนุ่มและหญิงสาวเริ่มแผ่รังสีอำมหิตซะแล้ว

    "นิโคล...."เสียงเย็นๆเอ่ยออกมาคราวนี้เจ้าตัวเสียวสันหลังวาบ

    "อะคือ ผมไปก่อนนะเมย์ริน ไว้เจอกันนะ"

    "ค่ะ นิโคล"เจ้าตัวพยักหน้าแล้วก็..เผ่น!

    ในวันนั้นทุกคนแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นนายผมเงินสุดเย็นชากับหญิงสาวที่ไม่เคยทะเลาะกับน้องชายกำลังวิ่งไล่เจ้าตัวแสบที่ทำเป็นเรียบร้อยอยู่ตั้งนาน

    ที่แท้นิโคลนี่มันก็สุนัขจิ้งจอกชัดๆ!

    แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้นะที่ทำให้เรื่องราวของบุปผาและเปลวเพลิงลงเอยด้วยดี

    #############################
    ถ้ามีคนอ่านเม้นต์กันซักนิดเต้อะT_T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×