ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic G Seed&Destiny]เทพีแห่งความรักผู้โดดเดี่ยว

    ลำดับตอนที่ #7 : สร้อยสายฟ้าแห่งความหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 179
      0
      20 ก.พ. 49

    Phase 7 สร้อยสายฟ้าแห่งความหลัง

    แสงแดดอ่อนๆที่ฉาบฉายไปบนพื้นถนนหินอ่อนนั้นมีคู่หนุ่มสาวผิวต่างสีกันเดินเคียงคู่อยู่ ชายผิวเข้มนั้นกุมมือของสาวน้อยผมสั้นน่ารักไว้ด้วยใบหน้าที่มีความสุข

    "อากาศดีจังเลยนะ ว่ามั้ย"เขากล่าวหลังจากที่เดินมาได้พอสมควร เธอเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยเนตรสีฟ้าใสก่อนจะตอบว่า

    "จริงด้วยนะคะ"

    "เออ นี่มิลี่จะว่าไปที่นี่ก็เปลี่ยนไปมากเลยนะ"

    "ยังไงเหรอคะ"เธอถามกลับ

    "ก็...มันดูเงียบเหงามากเลยจนแทบจะเป็นเมืองร้างอยู่แล้ว"ดวงตาสีองุ่นเงยขึ้นมองรอบๆที่เงียบสงัด

    "เวลามันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปน่ะค่ะ"เธอตอบอย่างเศร้าๆ

    "เหรอ"ชายหนุ่มเปรยออกมาหลังจากที่ได้ฟัง

    "แต่ว่านะ..."เจ้าของตาสีองุ่นก้มมองสาวน้อยที่อยู่ข้างๆทันทีเมื่อเธอได้พูดขึ้นมา

    "ความรู้สึกของข้าที่มีต่อท่านนั้นไม่มีวันเปลี่ยนอย่างแน่นอน"รอยยิ้มสดใสฉายอยู่บนใบหน้าน่ารักของเธอ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกทำให้ตัวเขาเองก็ยิ้มออกมาด้วย

    "นี่มิลี่เราไปตรงนั้นกันเถอะ"เขาบอกพลางชี้ไปใต้ต้นเมเปิ้ลที่มีใบสีเขียวสด

    "ค่ะ"แล้วทั้งคู่ก็เดินไปข้างใต้ต้นเมเปิ้ลใหญ่ ชายหนุ่มแกะผ้าคลุมสีดำออกมาปูไว้ให้เธอพร้อมกล่าวว่า

    "เชิญนั่งครับ คุณผู้หญิง"เธอนึกขำกับท่าทางของเขาเล็กน้อยเพราะดูท่าทางชายหนุ่มจะเหมาะกับท่าทางที่ขี้เล่นมากกว่า

    "ขอบคุณค่ะ ท่านดิอัคก้า"เธอพูดพร้อมค่อยๆนั่งพับเพียบลงบนผ้าคลุมนั้นอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มก็นั่งลงข้างซ้ายของเธอพร้อมชันเข่าซ้ายขึ้น ดวงตาของทั้งคู่ต่างมองไปในเมืองที่เงียบเชียบจนกระทั่งสาวน้อยได้เอ่ยถามขึ้น

    "ท่านดิอัคก้าหลังจากที่ท่านไปจากที่นี่แล้ว ท่านได้ทำอะไรบ้างหรือคะ"

    "อืม ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกนะ นอกจากเดินทางไปเรื่อยๆแล้วก็..คิดถึงเจ้า"คำสุดท้ายที่เขาพูดทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย

    "ข้าเองก็คอยปรนนิบัติท่านลักซ์และคอยดูแลคฤหาสน์เหมือนกับคนอื่นๆ....พวกเรานี่เหมือนกับปล่อยเวลาไปกับความว่างเปล่าเลยนะคะ"เธอหันหน้าไปหาเขาด้วยดวงตาที่เศร้าศร้อย ชายหนุ่มจึงโอบไหล่หญิงสาวเบาๆ

    "ถึงที่ผ่านมาจะมีแต่ความว่างเปล่า แต่ว่าตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้วไม่ใช่เหรอ"คำพูดของชายหนุ่มสามารถเรียกรอยยิ้มของเธออกมาได้อีกครั้งหนึ่ง

    "นั่นสิคะ"ร่างบางเอนไปพิงแผงอกของชายหนุ่มด้วยความสบายใจ ความสงบเช่นนี้ผ่านไปได้ไม่นานเธอก็ต้องบอกกับเขาว่า

    "ท่านดิอัคก้าคะ ข้ามีงานที่ต้องทำอยู่น่ะค่ะคือว่าข้าต้องขอตัวก่อนน่ะค่ะ"สิ่งที่เธอกล่าวออกมาทำให้ชายหนุ่มหงอยไปนิดหน่อยเพราะเขาอยากจะอยู่กับเธอให้นานกว่านี้ แต่ก็คงไม่ได้เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาให้เธอจับ

    "ขอบคุณค่ะ"มือบางยื่นไปจับมือเขาพร้อมลุกขึ้นยืนแล้วเก็บผ้าคลุมขึ้นมา จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับคฤหาสน์กัน

    -----------------------------

    ช่วงเวลาเย็นขณะที่เธอเดินไปตามทางสายสร้อยของเธอก็หลุดออกจากคอของเธอโดยที่เจ้าของสร้อยนั้นไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เธอกำลังง่วนอยู่กับการรับใช้ผู้มาใหม่ทั้ง 3 คือลูน่าเมริน และมีอา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมีอา

    "คุ้กกี้กับชาฝรั่งได้แล้วค่ะ ท่านมีอา"เธอเดินเอาชาหอมกรุ่นไปวางที่โต๊ะพร้อมด้วยคุ้กกี้สีน้ำตาลสวย

    "อืม เออนี่มิลี่ห้องนี้มันโล่งไปหน่อยนะเดี๋ยวหาดอกไม้มาจัดให้ด้วยนะแล้วก็...."สาวน้อยผมสั้นฟังคำสั่งที่ยาวเหยียดอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาทำตามที่มีอาสั่ง

    'เฮ้อ...ถึงจะมีใบหน้าคล้ายท่านลักซ์แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามกันเหลือเกิน'เธอลอบบ่นในใจขณะเรียงของที่มีอาสั่งหลังจากที่เดินไปเอามาแล้วอีกรอบ

    "พอแล้วจะไปไหนก็ตามใจ"เมื่อได้ยินคำๆนี้เธอแทบยิ้มแก้มปริแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้มิเช่นนั้นคุณเธอตรงหน้าอาจจะสั่งงานเธอหนักกว่านี้ก็ได้

    "ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อนนะคะ"เธอโค้งให้หนึ่งครั้งตามมารยาทก่อนจะเดินออกไป   ร่างบางรีบเดินกลับไปที่ห้องของตนเองเพื่อพักผ่อน

    "เฮ้อ เหนื่อยยิ่งกว่ารับใช้ท่านลักซ์กับท่านคางาริอีกนะเนี่ย"เธอบ่นขณะที่นั่งลงบนเตียง

    "ไปอาบน้ำดีกว่า"เจ้าของร่างเล็กลุกขึ้นเดินไปที่หน้ากระจกเพื่อแกะเครื่องแต่งตัวออกแต่พอเธอได้เห็นภาพที่ฉายอยู่บนกระจก ดวงเนตรสีฟ้าก็ต้องรู้สึกตื่นตกใจเพราะสร้อยของเธอนั้นได้หายไปแล้ว  ร่างเล็กรีบไปดูที่เตียงซึ่งว่างเปล่าไม่มีสร้อยเส้นงามของเธอทำให้เธอต้องรีบออกจากห้องไปเพื่อตามหามันทันที  เท้าเล็กๆเดินกึ่งวิ่งไปตามทางในคฤหาสน์อย่างกระวนกระวายเนตรฟ้าใสเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความร้อนรน

    "ถ้ามันหายไปชั้น...ชั้นคง...."เธอรำพึงออกมาเมื่อมองเท่าไหร่ก็ไม่พบสร้อยของเธอและในขณะนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    "มิลี่!"เมื่อเธอหันกลับไปเธอก็พบกับ....

    --------------------------

    ที่เก้าอี้ไม้สลักสีน้ำตาลเข้มชายหนุ่มผิวสีเดียวกับเก้าอี้กำลังนั่งมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างสบายใจแต่แล้วจู่ๆเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย

    "จะว่าไปตั้งแต่บ่ายเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา"ร่างสูงโปร่งลุกจากเก้าอี้แล้วออกไปข้างนอกห้อง

    ชายหนุ่มเดินไปตามทางเดินสีขาวซึ่งตอนนี้เป็นสีส้มเพราะดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลง แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับภาพบางอย่าง

    -------------------------

    "ท่านคิระ!"ริมฝีปากบางเรียกชื่อชายตรงหน้า

    "เจอซะที นี่ครับ"เขาหยิบยื่นสิ่งหนึ่งให้

    "นี่มัน...."เธอมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองน้ำตาใสปรึ่มขึ้นมารอบดวงตาเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มยื่นมาให้คือสร้อยที่ทำจากผ้าสีครีมนวลที่เธอกำลังตามหาอยู่

    "ผมเห็นมันหล่นอยู่ตรงทางเดินแล้วผมจำได้ว่ามันคือของคุณ ผมเลยรีบเดินหาคุณน่ะครับ"

    "ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมาก"เธอรับสร้อยเส้นนั้นออกมาพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ เธอกอดสร้อยเส้นนั้นอย่างหวงแหน ชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น

    "คงเป็นของสำคัญมากสินะครับ"

    "ค่ะ มันเป็นของที่สำคัญที่สุดของข้าเลยค่ะ"พูดจบเธอก็พยายามจะติดมันกลับเข้าไปบนคอของเธอ แต่มันก็ไม่เข้าซะที ชายหนุ่มตรงหน้าจึงเสนอตัวว่าจะช่วย

    "ผมช่วยนะครับ"เขาเดินอ้อมไปข้างหลังเธอแล้วติดสร้อยให้เข้าที่

    "ขอบคุณค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่ากลับมีเสียงที่เดือดดาลดังออกมา

    "นี่อย่ามายุ่งกับมิลี่นะ!"เธอและเขาหันไปที่ต้นเสียง

    "ท่านดิอัคก้า!"เธออุทานออกมาโดยที่คิระยังคงยืนงงอยู่ เจ้าของชื่อที่มิลี่เรียกเดินย่างสุขุมมาหาทั้งสองด้วยใบหน้าที่โกรธจัด

    "ถอยไปเลยไอหน้าจืด!"

    "!...ไอหน้าจืดงั้นเหรอ"คิระยิ่งงงมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่เรียกว่าคำด่าของชายผิวเข้ม

    "แกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับมิลี่ หา!"คนที่มีดวงตาสีคล้ายกับคิระพูดต่ออย่างหงุดหงิด

    "ท่านดิอัคก้าคะ มันไม่ใช่แบบนั้นท่านคิระน่ะ..."

    "อ๋อ นี่ขนาดปกป้องมันเลยเหรอ งั้นฉันก็ไม่สำคัญแล้วงั้นสิ"เขาไม่รอให้เธอพูดจบ ตอนนี้เขาโกรธจนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

    "แล้วไอสร้อยห่วยๆนั่นมันสำคัญมากนักรึไง!"

    เพี๊ยะ!

    พลันนั้นสติของสาวน้อยผมสั้นก็ขาดผึง มือบอบบางได้เหวี่ยงไปกระทบกับใบหน้าของชายผิวเข้มอย่างสุดแรงจนกระทั่งมือของเธอเองก็เป็นรอยแดงเหมือนใบหน้าของชายหนุ่ม

    "มิลี่..."เขาเรียกชื่อสาวน้อยตรงหน้า แต่เธอก็พูดว่า

    "ท่านดิอัคก้า...นี่ท่าน..ท่านจำไม่ได้เลยงั้นเหรอ...บ้าที่สุด!"สิ้นเสียงที่ตะโกนก้องของหญิงสาวร่างบางก็วิ่งหนีไปทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ชายผิมเข้มรีบตามเธอไปโดยปล่อยให้ชายที่ถูกด่าอย่างไร้สาเหตุยืนนิ่งอยู่คนเดียว

    "นี่เรา..ทำอะไรผิดไปรึเปล่าเนี่ย"เขาเปรยออกมาขณะที่ทั้งสองคนได้หายไปแล้ว

    --------------------------

    "มิลี่!"เสียงห้าวเรียกเธอซึ่งตอนนี้อยู่ในห้องแล้ว

    "มิลี่! เปิดสิมิลี่!"เขาเรียกเธออีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีเสียงใดตอบกลับมาจนเขาต้องล้มเลิกไปและยืนคอยอยู่ที่หน้าปะตูเท่านั้น

    --------------------------

    หญิงสาวภายในห้องทิ้งตัวลงบนที่ต้องอย่างอ่อนแรงน้ำอุ่นๆรอบดวงตาไหลอาบแก้มและเปรอะบนที่นอนอย่างไม่ขาดสาย เธอไม่สนแม้แต่เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เรียกเธอ ภายในใจของเธอนั้นเต้มไปด้วยความรู้สึกเศร้าและเสียใจ หากแต่ที่เธอเสียใจนั้นมิใช่เรื่องที่เขาเข้าใจเธอผิดสิ่งที่ทำให้เธอต้องเศร้าขนาดนี้เพราะว่าเขาซึ่งเป็นคนที่เธอรักกลับจำสร้อยเส้นสำคัญนี้ไม่ได้

    "ท่านดิอัคก้า..."เธอเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาก่อนที่อดีตจะหวนกลับมา

    ............
    ................
    .....................

    "มิลิอาเลีย"เสียงหวานใสปานน้ำผึ้งเรียกชั้นเหมือนทุกวัน ชั้นหันไปหาท่านหญิงก่อนที่จะตอบรับเธอ

    "คะ ท่านลักซ์"สำหรับพวกเราแล้วท่านลักซ์คือท่านหญิงคนสำคัญท่านเป็นผู้ที่มีรอยยิ้มที่งดงาม เส้นผมสีซากุระดูอ่อนโยนและนุ่มนวลยาวสลวยถึงเอวบาง ดวงตาสีครามราวกับท้องทะเลที่สะท้อนสีครามของท้องฟ้าเป็นประกายงาม ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความใจดีและอ่อนโยนของท่านจนไม่มีใครอาจเทียบได้  แม้ข้าจะมีดวงตาสีฟ้าคล้ายกับท่านลักซ์แต่ข้าก็คงเป็นเพียงหยดน้ำค้างหยดหนึ่งของสายฝนทั้งปวงไม่ได้มีความสำคัญไปมากกว่านี้ใช่...ไม่มีความสำคัญใจชั้นลอบคิดอย่างเศร้าๆก่อนจะถามถึงสาเหตุที่เรียก

    "ท่านมีเหตุอันใดหรือคะ"

    "วันนี้ท่านดิอัคก้ากับท่านอิซ้าคจะมาเจ้าช่วยไปต้อนรับแทนข้าหน่อยได้ไหม"

    'ท่านดิอัคก้ากับท่านอิซ้าคงั้นหรือ'ชั้นทวนนามของท่านทั้งสองที่ได้ยินมาในใจและเมื่อคิดถึงเหตุผลที่ท่านลักซ์เรียกใช้ข้าก็ตอบว่า

    "ค่ะท่านลักซ์"ว่าแล้วชั้นก็เดินไปที่หน้าคฤหาสน์หลังงามเพื่อรอต้อนรับผู้มาใหม่ทั้งสองที่กำลังจะมาเยือนที่แห่งนี้ ไม่นานชั้นก็ได้เห็นชายหนุ่มสองคนเดินมา ชายคนหนึ่งผิวขาวผมสีเงินแต่อีกคนเป็นชายผิวเข้มผมสีทองทำให้ชั้นอดขำไม่ได้กับความแตกต่างของทั้งคู่ แต่ก็ต้องพยายามกลั้นเอาไว้เพราะมันจะเสียมารยาทหากหัวเราะออกไป

    "ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านทั้งสองข้าเป็นข้ารับใช้ของท่านลักซ์ชื่อมิลิอาเลีย ฮาวล์ค่ะ"

    "อืม ข้าอิซ้าค จูล"ชายผิวขาวกล่าวกับชั้นอย่างเป็นทางการโดยที่ชายอีกคนกลับกล่าวอีกแบบหนึ่ง

    "ข้าดิอัคก้า เอลท์แมนยินดีที่ได้รู้จักนะมิลิอาเลีย"ท่าทางของท่านดิอัคก้าทำให้ชั้นยิ้มน้อยๆ

    "แล้วท่านลักซ์ล่ะ"ชายผมเงินถามชั้นด้วยใบหน้าที่สงสัย

    "เนื่องจากท่านลักซ์มีเหตุจำเป็นบางประการทำให้ไม่อาจมาต้อนรับพวกท่านด้วยตนเองได้ซึ่งต้องขออภัยด้วยค่ะ"เหตุผลที่ท่านลักซ์ไม่อาจมาได้นั้นชั้นรู้อยู่แล้วแต่ก็ไม่อาจบอกได้ ท่านลักซ์นั้นคงไปที่ยังที่แห่งความทรงจำของท่านซึ่งดูแล้วท่านอิซ้าคเองก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไรจึงมิได้ถามต่อ

    "ไม่เป็นไร  ยังไงก็มีสาวน้อยน่ารักมาต้อนรับแล้วนี่นา"ชายผิวเข้มที่มีนามว่าท่านดิอัคก้ากล่าวชมชั้น ตอนนั้นชั้นรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมานิดๆ

    "ขอบพระคุณมากค่ะ ท่านดิอัดก้า ข้าขอเชิญท่านทั้งสองไปพักนะคะโปรดตามข้ามาค่ะ"ชั้นรีบหันหลังไปก่อนที่ท่านดิอัคก้าจะเห็นใบหน้าของชั้น เดินไปได้ซักพักชั้นก็หันกลับไปบอกท่านอิซ้าคกับท่านดิอัคก้าว่า

    "ห้องของท่านอซ้าคจะอยู่ทางขวาส่วนห้องของท่านดิอัคก้าจะอยู่ทางซ้ายนะคะ"

    "อืม"ท่านอิซ้าคพูดคำเดียวแล้วก็เดินเข้าห้องไป แต่พอชั้นหันกลับไปทำให้ชั้นรู้ว่าท่านดิอัคก้ายังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับจ้องใบหน้าของชั้นด้วย

    "มีอะไรหรือคะ ท่านดิอัคก้า"ชั้นถามออกไปอย่างนึกสงสัยเล็กน้อย

    "เปล่าหรอก ข้าแค่อยากดูเจ้านานๆเพราะเจ้าน่ารักดีน่ะ"คำพูดของท่านดิอัคก้าทำให้ชั้นเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

    "เอ่อ..ขอตัวก่อนนะคะ"ร่างกายและริมฝีปากของชั้นขยับไปเองโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว เท้าของชั้นรีบพาชั้นเดินออกมาก่อนที่ท่านดิอัคก้าจะทำให้ชั้นใจเต้นแรงไปมากกว่านี้

    "เดี่ยวสิ มิลิอาเลีย"ท่านดิอัคก้าเรียกชั้นไว้....การที่ท่านดิอัคก้ารั้งชั้นไว้ใจของชั้นก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น

    "เรียกข้าว่ามิลี่ก็ได้ค่ะ"ชื่อเล่นที่เพื่อนๆชอบเรียกชั้นถูกกล่าวออกไป ท่านดิอัคก้าจึงได้พูดต่อว่า

    "งั้นมิลี่ เราต้องได้เจอกันอีกใช่มั้ย"สิ้นเสียงคำถามนั้นทำให้ใจชั้นพองโต เจอกันอีก......คำเพียงคำเดียวเหมือนกับแฝงไปด้วยความหายที่มากมาย ชั้นพยักหน้าแทนคำตอบเพราะหากตอบไปด้วยเสียงแล้ว ท่านดิอัคก้าจะรู้ว่าเสียงของชั้นตะกุกตะกักไปด้วยความตื่นเต้นแล้วชั้นก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองขณะนั้นชั้นคิดว่ามันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักก็ได้....

    จากนั้นชั้นก็ได้พบกับท่านดิอัคก้าหลายครั้ง ทุกครั้งที่พบกันท่านจะชมว่าชั้นน่ารักเสมอ ยิ่งได้ยินคำนั้นมากเท่าไรชั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้นเท่านั้นชั้นสามารถยิ้มอย่างสดใสได้ก็เพราะท่านดิอัคก้า ชั้นฝันขอให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป แต่ว่า...ความฝันก็คือความฝันเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมันก็จะจางหายไป เพราะในวันหนึ่งขณะที่ชั้นถือถาดน้ำชากับขนมมัฟฟินของว่างยามบ่ายไปให้ท่านดิอัคก้านั้น สายตาของชั้นได้เหลือบเห็นท่านดิอัคก้ากำลังคุยกับท่านอิซ้าคด้วยสีหน้าเครียด ไม่รู้ทำไมชั้นแอบหลบอยู่ข้างหลังเสาทันทีและอยู่ในระยะที่พอจะได้ยินท่านทั้งสองสนทนากัน

    "ดิอัคก้าตอนนี้ได้เวลาแล้วล่ะ ท่านผู้นั้นไม่อยู่อย่างที่ท่านลักซ์กล่าวไว้จริงๆด้วย"ท่านอิซ้าคพูดถึงท่านผู้นั้น ชั้นเองก็พอรู้ว่าหมายถึงใครหากแต่ชั้นกลับนึกใบหน้าของท่านผู้นั้นไม่ออก

    "แล้วนครแพลนท์ล่ะ"คราวนี้ท่านดิอัคก้าได้ถามถึงที่นี่ชั้นเองก็ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรเหมือนกัน

    "ท่านลักซ์คงพอค้ำจุนได้ซักพักน่ะ แถมพวกเราเองอยู่ไปก็ไม่สามารถช่วยอะไรท่านลักซ์ได้เพราะงั้นควรไปได้แล้ว....มีคนที่อยากลารึเปล่า"คำถามที่ท่านอิซ้าคกล่าวออกมา ทำให้ชั้นสนใจในคำตอบของท่านดิอัคก้าขึ้นมาทันทีมือชั้นสั่นเล็กน้อยเพราะเกรงกลัวในคำตอบ หากมันไม่ใช่อย่างที่ชั้นคิดละก็ ชั้น...ชั้นคง...

    "......ไม่มี"ราวกับมีสาฟฟ้าฟาดมากลางใจของชั้น มือของชั้นอ่อนแรงลงจนทำให้ชุดน้ำชาในมือหล่นสู่เบื้องล่างทันที ชุดถ้วยชาแตกกระจายพร้อมกับเสียงอันดังออกมาเรียกความสนใจจากท่านทั้งสองทันที

    "มิลี่.."ท่านดิอัคก้ารียกชื่อชั้นแต่ชั้นก็พูดไม่ออก เสียงของชั้นเหมือนกับขาดหายไปและรู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นๆไหลปริ่มอยู่รอบตาของชั้น

    "อิซ้าคนายช่วยไปก่อนได้มั้ย"คำขอนั้นหลุดมาจากปากของท่านดิอัคก้าซึ่งท่านอิซ้าคพยักหน้าเป็นเชิงรับและเดินจากไปเหลือแต่ท่านดิอัคก้ากับชั้นอยู่เพียงสองคน

    "มิลี่..."ท่านดิอัคก้าเรียกชั้นอีกครั้ง คราวนี้ชั้นจึงต้องพยายามตอบออกไป

    "....ไม่ต้องมาลาข้าหรอกค่ะ ข้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ท่านลักซ์ ไม่มีความสำคัญอะไรหรอกค่ะ"เสียงชั้นสั่นและตัดพ้อออกไปอย่างไม่รู้ตัว นี่ชั้นตอบอะไรออกไป...นี่ชั้นทำไมถึงพูดแบบนี้ ชั้นหลบสายตาของท่านดิอัคก้าและมองลงไปบนพื้นที่ตอนนี้น้ำชาสีน้ำตาลใสสะท้อนใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของชั้นไว้และแล้วที่ชั้นเห็นมากกว่านั้นคือท่านดิอัคก้าเดินเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ชั้นอย่างนุ่มนวลเหมือนกับที่ตอนนี้ท่านกำลังทำอยู่

    "ข้าจะไม่เอ่ยคำว่า..ลาก่อนหรอกนะ เพราะมันเหมือนกับว่าข้ากับเจ้าจะไม่ได้พบกันอีก ข้าก็เลย..."ชั้นรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาคล้องที่คอของชั้นซึ่งมันคือสายสร้อยที่ทำจากผ้าสีครีมแบบเดียวกับชุดของชั้นและมีจี้รูปสายฟ้าสีทองซึ่งมันคือสัญลักษณ์ของท่านดิอัคก้า

    "สร้อยเส้นนี้จะเป็นเสมือนตัวแทนข้าและความผูกพันของข้ากับเจ้า ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเลยคนสำคัญของข้า"จากนั้นสิ่งที่ชั้นจำได้ก็คือความอบอุ่นที่ท่านดิอัคก้าสวมกอดชั้นก่อนจะจากไป  แต่ว่าชั้นไม่เชื่อหรอกว่านั่นคือการลาจากก็ท่านดิอัคก้าบอกว่าเราต้องไปพบกันอีกชั้นก็เชื่อมั่นอย่างนั้นมาโดยตลอด เชื่อว่าข้าจะต้องได้พบกับท่านดิอัคก้าอีกครั้งแน่นอน....

    #############################
    อัพอีกครั้งเมื่อสิ้นเดือนเจ้าค่ะ(สอบเสร็จพอดี)แล้วคอมเม้นต์ให้เป็นกำลังใจต่อคนเขียนหน่อยเถอะค่ะไม่งั้นมันหมดกำลังใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×