ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Memories & Emotion

    ลำดับตอนที่ #1 : เพื่อนสนิท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 117
      0
      21 เม.ย. 49

    สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่านก่อนอื่นก็ขอขอบคุณที่เข้ามาชมนะคะ ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้วค่ะ อ่านแล้วอาจจะหดหู่ไปบ้างแต่คนเขียนขอชี้แจงก่อนนะคะว่านี่คือเรื่องแต่งค่ะมิได้มาจากชีวิตจริงของใคร(แต่อาจมีของคนเขียนเติมๆไปบ้างเพราะตอนนี้เริ่มมีอาการน่าเป็นห่วง ฮือๆจะต้องเอนท์ปีนี้แล้วง่าทำไงดี)
    เอาล่ะค่ะขอให้อ่านแล้วคิดตามนะคะและแน่นอนขอคอมเม้นต์ด้วยค่ะไม่งั้นคนเขียนหมดกำลังใจแล้วว่างๆก็ลองไปหาเรื่องอื่นๆของเราในเว็บนี้ได้เลยนะคะSearchชื่อนักเขียนmeiarไปได้เลยค่ะรับรองเจอ

    Memories 1 : เพื่อนสนิท

    คุณมีเพื่อนสนิทมั้ย.....

    ชื่อของฉันคือลิน เรื่องในชีวิตของฉันเกี่ยวกับคำว่าเพื่อนสนิทนั้นเป็นยังไงเดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังนะคะ

    จุดเริ่มต้นของเพื่อนสนิทก็คงมาจากคำว่าคนรู้จักที่กลายเป็นเพื่อนธรรมดาๆและสุดท้ายก็จะกลายเป็นเพื่อนสนิทของเรา ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติใช่มั้ย แต่สำหรับฉันแล้ว ในสมัยเด็กฉันกลับแทบจะไม่ได้สัมผัสกับคำว่าเพื่อนเลยสิ่งที่ฉันจำได้ในตอนอยู่อนุบาลและจนจบม.ต้นมันคือสิ่งที่เรียกว่า ความเหงา

    ตอนที่ฉันอยู่อนุบาลในบางครั้งฉันก็จำเรื่องบางอย่างได้อย่างแม่นยำก็คือ ฉันแทบจะไม่ได้คุยกับใครเท่าไหร่นักไม่รู้เพราะทำไมแต่ตอนนั้นเพราะฉันยังเด็กจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อขึ้นชั้นประถมทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิม ฉันจำได้เสมอว่าเมื่อครั้งที่ฉันเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนประถมฉันมักจะเดินคนเดียวเสมอ

    แปลกนะ...ฉันคิดแบบนั้นเพราะทั้งที่มองไปรอบข้างทุกคนต่างก็เดินคุยกันเป็นคู่เป็นหมู่แต่ว่าทำไมเราถึงเดินคนเดียวล่ะ

    ฉันคิดแบบนั้นจริงๆแต่ก็ไม่ใส่ใจนัก แล้วเมื่อผ่านไปจนถึงชั้นประมาณป.2 ความเลวร้ายก็เพิ่มขึ้น ตอนนั้นคนในห้องบางคนทำท่าทางไม่ค่อยดีกับฉันแต่ฉันก็ไม่สนใจเท่าไหร่แต่ว่าเริ่มมีพวกผู้ชายเรียกฉันว่า"ตัวเสนียด"นั่นเป็นคำพูดที่เหมาะกับฉันงั้นเหรอ ฉันจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรให้พวกเขา ฉันไม่เคยแกล้งไม่เคยคิดร้ายต่ะพวกเขา แล้วมันอะไรกันล่ะ

    ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอถึงได้มากล่าวว่าร้ายกันแบบนี้ สนุกนักเหรอที่ได้หัวเราะเยาะฉันแล้วทำไมเพียงแค่ถูกเรียกว่าตัวเสนียดทั้งที่มันไม่จริงแล้วทำไมถึงต้องทำท่ารังเกียจฉันกันล่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะถ้าพวกเธอรังเกียจฉันแล้วทำไมไม่รังเกียจพวกคนที่เรียกฉันแบบนั้น

    ทำไมต้องไปหัวเราะกับพวกเขาด้วยล่ะหรือเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนพวกเธอแต่ฉันไม่ใช่ล่ะ ในตอนนั้นฉันรู้สึกเสียใจและเกลียดพวกเขามาก ทั้งที่ฉันเพียงแค่อยู่นิ่งๆเฉยๆแล้วถูกเรียกว่าตัวเสนียดถูกรังเกียจแล้วถามหน่อยคนที่แกล้งฉันที่ไม่ผิดล่ะ จะเรียกว่าอะไร!

    แต่ฉันกลับทำได้แค่ร่ำร้องอยู่ในใจเท่านั้นเพราะพวกเขาจะสนใจฉันทำไมกันล่ะก็ฉันไม่ใช่เพื่อนของพวกเขานี่ แม้ว่าจะมีคนที่ทำดีกับฉันแต่มันก็ยังไม่อาจทำให้ฉันหายเศร้าได้ จริงอยู่ที่รู้สึกขอบคุณหลายคนที่ทำดีกับฉันแต่ว่า...คนหลายคนนั้นเห็นฉันเป็นเพื่อนรึเปล่านะหรือว่าแค่สงสารกันแน่

    เมื่อขึ้นป.3แม้จะมีคนเรียกฉันว่าตัวเสนียดน้อยลงแล้วก็ตาม แต่ตอนนั้นฉันก็คิดว่าเพราะพวกเขาไม่สนุกแล้วรึเปล่านะเลยเลิกเรียกแบบนั้น... แต่เรื่องของฉันมันไม่ได้มีเพียงแค่คำพูดเท่านั้นฉันได้พบกับคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงสามคนที่ชอบมาแกล้งฉันเสมอ

    คราวนี้ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะ...ฉันคิดในใจ พวกผู้ใหญ่อาจเห็นแค่เป็นการทะเลาะของเด็กแต่สำหรับฉันมันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด สามคนนั้นแกล้งฉันทุกวันและแทบจะทุกเวลาหากมีโอกาส แม้ตอนนี้ฉันจะเป็นเพื่อนกับทุกคนในห้องแล้วแต่ว่า...

    ฉันก็ไม่อยากจะถูกแกล้งหรอกนะ แน่นอนสิใครจะอยากล่ะ ไม่เคยถามเหตุผลด้วยว่าทำไมต้องแกล้งเรา...หน้าตาเราก็ไม่ได้ดีอะไร เรียนก็กลางค่อนแย่ แล้วเรามีอะไรให้อิจฉาล่ะถึงต้องแกล้ง เรื่องการถูกแกล้งก็ไม่เคยบอกให้พ่อและแม่รู้จะว่าไปมันเพราะอะไรนะ..กลัวถูกหาว่าเป็นเด็กขี้ฟ้องเหรอ...กลัวพ่อแม่ลำบากเหรอ...จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้เลย

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจกานั้นฉันก็จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ยังดีที่ทุกอย่างดีขึ้นเมื่อฉันได้ขึ้นประถม3 ในตอนนั้นฉันได้เจอคนๆหนึ่งเธอชื่อ เอม พวกคุณคงจะคิดล่ะสิว่าเราต้องสนิทกับเธออย่างรวดเร็วแต่ ฮ่าๆ ท่าทางพวกคุณจะคิดผิดซะแล้วในตอนแรกฉันกับเอมน่ะไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่

    เอมก็ไม่ใช่คนเลวร้ายเท่าไหร่หรอกนะเธอเองก็ใจดี มีน้ำใจแต่ติดจะขี้ใจน้อย ใจร้อนแล้วก็ขี้งกไปนิด เอ...นี่เรากำลังนินทาเค้าอยู่รึเปล่านะ แต่บางทีอย่างว่าแหละนะยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นๆอย่างไม่รู้ตัว

    เพราะยิ่งทะเลาะเลยกลายเป็นทำให้รู้ไปเลยว่าเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไรและเราเองก็ไม่ใช่พวกที่ชอบหาเรื่องทะเลาะด้วย หลังจากนั้นเราก็เริ่มสนิทกันเรื่อยๆจนในที่สุดเราก็เป็น"เพื่อนสนิท"กัน

    เรากับเอมสนิทกันชนิดไปไหนไปด้วย(แต่ส่วนใหญ่เอมนั่นแหละที่ลากเราไปด้วยเสมอ)เวลาทำงานก็จะเป็นคู่หูกันไปเลยแต่ก็บ่อยครั้งที่ยังกัดกันอยู่บ้าง แถมเจ้าตัวยังชอบงอนแล้วไม่กล้ามาง้ออีกต่างหาก(อันนี้ยังสงสัยอยู่ว่ากลัวเสียฟอร์มรึเปล่า)จนสุดท้ายเราก็ต้องยอมไปง้อให้ทั้งที่เจ้าตัวน่ะอยากง้อจะแย่อยู่แล้ว

    ตามความคิดของเรานะเราว่าเอมน่ะหวงเรามากเลย(แบบว่าอยากให้สนิทกับเจ้าตัวมากกว่าคนอื่นน่ะ)นั่นก็เป็นส่วนที่น่ารักเหมือนกันนะมานึกดูตอนนี้ก็อดขำไม่ได้และเมื่อเวลาผ่านไปเราสองคนก็ขึ้นชั้นป.5เค้ามีการจัดห้องใหม่แล้วก็เลยมีนักเรียนที่ไม่คุ้นหน้าเยอะเหมือนกันและที่นั่นเราได้รู้จักคนๆหนึ่งเธอชื่อ ทาย

    ทายเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเมื่อมองเธอแล้วก็เหมือนมองตัวเราเมื่อก่อนนี้เธอมักจะนั่งเงียบๆคนเดียวอยู่เสมอไม่พูดกับใครและไม่สนใจใคร มันทำให้รู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้ เราจึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปคุยกับเธอ

    แน่นอนแรกๆเธอก็ไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไหร่หรอกก็นั่นนะสินะอยู่ๆมีคนมาตีสนิทใครมันจะไปสนิทเร็วนักล่ะ แต่แล้ววันหนึ่งในห้องเรียนก็มีการย้ายที่นั่งกันเล็กน้อยแล้วเราก้ถูกจัดไปนั่งที่ข้างๆทาย เพราะทุกคนบอกว่าทายเค้าพูดกับเราบ่อยที่สุด

    แล้วสุดท้ายทายก็เริ่มคุยกับเรามากขึ้นเรื่อยๆแต่เอมนี่สิดันหวงเราก็เลยไม่ค่อยชอบทายในตอนแรก แต่ตอนนี้ก็เลิกไปแล้วล่ะถึงจะไม่ได้สนิทกันมากก็เถอะ

    แล้วนับจากวันนั้นเรามั้งสามคนก็กลายเป็นเพื่อนซี้กันจวบจนกระทั่งวันนั้นก็มาถึงวันจบการศึกษาของป.6 พวกเราต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปเรียนคนละที่กันแม้จะได้พูดคุยทางจดหมายและโทรศัทพ์แต่มันก็ยังเรียกว่าเหงา

    แม่ของเราบอกว่าเพื่อนน่ะไม่ได้มีกันแค่นี้หรอกนะซึ่งฉันก็เชื่อว่าจะได้พบเพื่อนใหม่ๆที่ดีแต่ฝันก็คือฝันล่ะนะ

    เราได้ห้องเรียนค่อนข้างบ๊วยพอควรและคงไม่ต้องสาธยายกันเท่าไหร่ว่าสรรพคุณเป็นยังไง ทุกคนในห้องนั้นแสบสันกันทุกคนเลยมีไม่กี่คนที่หลุดโผไปกับเรา

    ทุกอย่างเมื่อตอนชั้นประถมดูจะย้อนกลับมาอีก เรายังคงหาเพื่อนเป็นกลุ่มอยู่ไม่ได้และมีคนมารุมแกล้งเราอีก ทำไมกัน...

    พวกผู้ชาย3-4คนในห้องชอบแกล้งฉันมากๆและมันหนักยิ่งกว่าตอนประถมเสียอีก ฉันเกลียดพวกเขาจริงๆเกลียดมาก

    ชั้นไม่ใช่ตุ๊กตาหรือที่ระบายอารมณ์นะ!

    ชั้นเป็นมนุษย์เหมือนพวกนายนะ!

    ถ้อยคำที่ได้แต่พูดอยู่ในใจเพราะกล่าวออกไปพวกมันก็ไม่เลิกหรอก หึ สนุกกันนักนี่ที่ได้ทำตัว"เลว"น่ะ ที่ไม่พูดเพราะไม่อยากมีเรื่องที่ไม่ตอบโต้เพราะไม่อยากให้เรื่องยาว

    ชั้นกลุ้มใจมากๆแต่ก็บอกใครไม่ได้ คราวนี้ก็เหมือนตอนนั้นไม่อยากบอกใครเพราะไม่อยากให้ถูกหาว่าเป็นคนขี้ฟ้อง เพราะแค่นี้มันก็เกินพอแล้ว

    ชั้นยอมถูกแกล้งแล้วปล่อยให้เรื่องมันผ่านเลยไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีครั้งหนึ่งที่ชั้นทนไม่ไหว งานสีที่อาจารย์คนหนึ่งสั่งให้พวกเราทำส่งคนละชิ้น งานชิ้นนั้นชั้นนั่งทำจนเสร็จแล้วแต่พอวันไปส่งเพียงแค่ชั้นเผลอพวกมันก็เอาไปแค่นั้นยังไม่พอ มันทำลายงานของชั้นที่ต้องส่งครูในวันนั้นทิ้งแล้วยังยิ้มระรื่นเหมือนเพิ่งจะกู้โลกได้เหมือนเป็นพระเอก

    ทั้งที่พวกมันคือปีศาจ!

    คำที่ร่ำร้องในใจตอนนั้นชั้นไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจเรียกแม่ไปที่โรงเรียนแต่สุดท้ายชั้นก็ไม่รู้ว่าใครทำลายงานของชั้นเพราะตอนที่ชั้นเห็นก็คืองานของชั้นมันถูกทำลายไปแล้วและซากของมันกำลังถูกเอาไปเล่นอยู่ ความรู้สึกที่พวยพุ่งออกมาตอนนั้น

    เกลียด

    เกลียดที่สุด

    ชั้นเกลียดพวกแกได้ยินมั้ย!

    อีกถ้อยคำที่ได้แค่คิดเท่านั้น ชั้นรู้สึกสิ้นหวังและหมดกำลังใจแต่ก็ไม่อยากจะยอมแพ้ เพราะเมื่อยอมแพ้นั่นแหละคือจุดจบของชั้น ชั้นจะต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้

    หลังจากนั้นชั้นก็เริ่มมีอาการต่อต้านพวกมันมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่เคยโกรธจริงจังเพราะเมื่อเทียบกับตอนนั้นมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง จะว่าไปก็มีครั้งหนึ่งที่ชั้นเคยตวาดพวกมันไปจำไม่ได้ว่าตอนนั้นชั้นโกรธอะไรแต่จำได้ว่า1ในพวกมันเข้ามายั่วโมโหชั้นเหมือนเคย ในตอนนั้นแหละสติก็ขาดผึงชั้นหันกลับไปกราดด่าและตวาดมันจนยอมถอยห่าง ในห้องเงียบสนิท ทุกคนหันมามองชั้นและหลังจากนั้นพวกมันก็เลิกมายุ่งกับชั้นไปพักหนึ่ง

    หึ...สุดท้ายพวกมันก็ดีแต่เห่าพอเจอจริงๆก็วิ่งหนีหางจุกก้น

    ชั้นคิดอย่างสะใจ แต่มันก็ไม่นานนักเพราะวันรุ่งขึ้นพวกมันก็ยังคงมาแกล้งชั้นเหมือนเดิมและหลังจากนั้นชั้นก็อดทนมาตลอดจนกระทั่งจบม.3มาได้และขึ้นม.4

    นั่นแหละคือสิ่งที่ชั้นเฝ้ารอคอย เพื่อนๆที่พูดคุยได้อย่างสนิทใจที่หาได้น้อยเมื่อเทียบกับตอนม.3

    เกือบทุกคนเป็นคนดี(มีคนเดียวที่เราเกลียดมัน)เพื่อนๆยิ้มให้เราทุกคนเป็นมิตร เราไม่ต้องเป็นเหยื่อใครอีกแล้วใช่ไหม...

    แต่ว่าชั้นก็ยังอยากได้อยู่ดี เพื่อนสนิทของชั้นที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน

    แม้จะมีเพื่อนแต่ก็ไม่มีคนที่เรียกว่า"เพื่อนสนิท"บอกว่าไม่เหงาคงโกหกสินะแต่มันไม่เป็นไรหรอกเพราะหากว่าเราไปสนิทกับใครคนหนึ่งก็ต้องมีใครคนหนึ่งที่ต้องเดียวดายน่ะสิ

    หากถามว่าเหงาไหมก็เหงาแต่ทุกคนต่างมีเส้นทางของตนเอง เราก็มีเส้นทางของเรา ทุกคนต่างมีเส้นทางของตนเองเพราะงั้นจะไม่เสียใจเลยที่เลือกจะจากกัน

    อาจต้องทนเหงาแต่ก็ไม่ได้โดดเดี่ยว เรา เอมและทายยังคงติดต่อกัน เราสามคนยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่นะ

    เอมกับทาย ผู้ที่ทำให้เรารู้จักคำว่าเพื่อนสนิท...

    #####################################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×