ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KnB Fanfic] Poltergeist (AoKaga)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 260
      4
      16 มิ.ย. 58

    ขณะนี้ เวลาห้าทุ่มสี่สิบหกนาที อาโอมิเนะกับคางามิกำลังนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่เคียงข้างกันบนอัฒจันทร์ ณ สนามสตรีทบาสในสวนสาธารณะใกล้ๆที่พัก ทั้งคู่ดวงตาดูว่างเปล่า ใบหน้าดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด...

    ทำไมเขาทั้งคู่ถึงมาอยู่ด้วยกันแบบนี้น่ะเหรอ ถ้าจะให้เล่าก็เท้าความกันยาว...

    คางามิ ไทกะ ย้ายมาจากอเมริกาตอนกลางเทอมของชั้นมัธยมต้นปีที่สาม ในขณะที่กำลังเบื่อหน่ายกับบาสเก็ตบอลจนถึงขีดสุดก็จบชั้นมัธยมต้นพอดี ชายหนุ่มผิวสีแทนที่มีคิ้วสองแฉก ดวงตาสีแดงเข้มและผมสีแดงเหลือบดำเลือกสอบเข้ามัธยมปลายแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่นัก มัธยมปลายโทโอ...ที่ซึ่งเขาได้พบกับอาโอมิเนะ ไดกิ ชายผู้ทำให้เขารูสึกมีชีวิตชีวากับบาสเก็ตบอลของญี่ปุ่นมากขึ้น...

    อาโอมิเนะเรียกว่าเป็นคนประเภทที่ใครๆต่างก็ไม่อยากเข้าใกล้ เก่งจนน่าอิจฉา เอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้ ความมั่นใจในตัวเองและไอ้นิสัยขี้โม้ คุยโว โอ้อวด ไม่เป็นที่น่าพิศมัยของใครต่อใครเท่าไรนัก รวมถึงตัวเขาด้วย ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรผู้ชายคนนั้นได้อยู่ดี เพราะสุดท้ายถึงจะอวดอ้างสรรพคุณเหนือมนุษย์แค่ไหน แต่อาโอมิเนะ ไดกิก็ทำสิ่งเหล่านั้นได้ตามคำอ้างไปเสียหมดจนน่ารังเกียจ

    ใบหน้าคมของชายเจ้าของผิวสีเข้มคล้ำแดดมักเรียบนิ่งเหมือนคนเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา นิ่งเป็นหลับ ขยับ...อย่าคิดจะให้ผู้ชายคนนี้ขยับไปไหนเลย...มันยากยิ่งกว่าความคิดที่ว่าจะเป็นนักบาสเก็ตบอลระดับโลกในสามวันเสียอีก! ยามที่เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเหยียดยิ้ม รอยยิ้มก็มักจะไม่ใช่รอยยิ้มสดใสอย่างคนมีความสุขเหมือนที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นรอยยิ้มเหยียดๆที่มองๆแล้วน่าชู้ตลูกบาสกระแทกหน้าเสียเหลือเกิน สรุปโดยรวมแล้ว สำหรับคางามิ ไทกะ อาโอมิเนะ ไดกิคนนี้ ไม่มีอะไรดีสำหรับเขาสักอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว...บาสเก็ตบอล...

    อาโอมิเนะขี้โม้...แต่ชายหนุ่มผิวเข้มก็เก่งสมราคาคุย ถึงแม้ว่าการจะแซะผู้ชายขี้เกียจคนนี้ออกจากเหนือแท้งค์น้ำบนดาดฟ้ายามที่แอบอู้การซ้อมขึ้นไปนอนหลับเอื่อยเฉื่อยพร้อมนิตยสารกราเวียร์ฉบับพิเศษ รวมรูปของโฮริคิตะ ไมจังมันจะยากพอๆกับการทายผลหวยก็เถอะ แต่ผลสืบเนื่องมาจากการพนันของเขาเมื่อครั้งแรกสุดที่ได้แข่งบาสแบบตัวต่อตัวกับอาโอมิเนะ ด้วยเงื่อนไขที่ว่า หากใครก็ตามชู้ตลงหนึ่งแต้มจะสามารถขออะไรจากคู่ต่อสู้ก็ได้ คางามิได้มาหนึ่งแต้ม แน่นอนว่าเขาไม่ได้ชนะ...แต่ก็ตามที่ตกลงกันไว้นั่นล่ะ สิ่งที่คางามิขอจากอาโอมิเนะแบบไม่ลังเลเลยก็คือ การแข่งวันออนวัน ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ อาโอมิเนะไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ จึงกลายเป็นเงื่อนไขให้คางามิคอยแซะคนขี้เกียจคนนี้ให้มาแข่งตัวต่อตัวด้วยกันได้เสมอถึงสุดท้ายจะแค่มาแข่งแล้วก็หายหัว อู้ไม่ยอมซ้อมเหมือนเดิมก็เถอะ

    บาสเก็ตบอลของอาโอมิเนะทำให้คางามิพัฒนา เช่นเดียวกับที่บาสเก็ตบอลของคางามิที่ทำให้อาโอมิเนะพัฒนาด้วย ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ถึงจะกัดกัน ทะเลาะกันบ้างแต่ก็กลับสนิทกันมากขึ้น จนเมื่อมันผ่านมาถึงปลายๆปีสอง อาโอมิเนะก็ทำสิ่งหนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่คาดคิดมาก่อน...สารภาพรัก...

    "คางามิ ไทกะ ฉันคิดว่าฉันชอบนาย" อาโอมิเนะพูดออกมาหน้าตาเฉยในวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ ช่วงที่ใกล้จะจบปีสองในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเอื่อยๆจากโรงเรียนตรงไปสนามสตรีทบาสใกล้อพาร์ทเมนต์ของคางามิ

    สิ่งที่คางามิทำคือหัวเราะออกมาแล้วบอกว่าเขาเองก็ชอบอาโอมิเนะเหมือนกัน อาโอมิเนะหน้านิ่ว ก่อนจะหยุดยืนอยู่บนทางเท้าแล้วหันหน้าเผชิญกับอีกฝ่ายตรงๆ คางามิมองกลับไปด้วยสีหน้าสงสัย

    "นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ยคางามิ ฉันชอบนาย"

    "เออ ก็รู้แล้วไง" คนถูกถามตอบส่งๆแบบไม่ใส่ใจ ทำเอาคนฟังแบบเขาเดือดไปเหมือนกัน

    "นายเขาใจคำว่าชอบแบบไหนกันแน่วะ" อาโอมิเนะพูดเพียงแค่นั้นแล้วกระชากตัวคางามิเข้ามาหาตัวเองก่อนที่จะรวบเอวอีกฝ่ายแน่น ริมฝีปากบางซ้อนทับริมฝีปากของชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

    แน่นอนว่าหลังจากนั้นอาโอมิเนะก็ถูกหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่เสี้ยวหน้าด้านขวาเข้าอย่างจังๆ นี่ขนาดคางามิเป็นคนถนัดขวานะ เขายังแทบอ้าปากกินข้าวไม่ได้ไปหลายวัน ถึงจะเริ่มต้นกันไม่สวยเท่าไหร่ แต่เพียงแค่ไม่กี่วันให้หลังก็กลายเป็นว่าเขาทั้งคู่ก็ได้เป็นแฟนกันจริงๆ

    ก็นั่นล่ะ...ความสัมพันธ์ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่สอง...ปัจจุบัน คางามิกับอาโอมิเนะเป็นนักศึกษาของมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง น่าแปลกใจที่คนไม่ชอบเรียนหนังสืออย่างทั้งคู่กลับเลือกเรียนกฎหมายในมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องเรียนให้มันมาคอยขัดแข้งขัดขากันเอง หรือเลือกอะไรเพราะต้องการจะทำตามอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่าทั้งคู่ก็ยังต้องผูกติดกันอยู่ดี

    "แกเลือกกฎหมายของมหาลัยเอส!!" คางามิมองใบประเมินในมือของอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ

    "เออ" อาโอมิเนะตอบ

    "แกเลือกกฎหมาย!!"

    "แล้วยังไงวะ!" อาโอมิเนะถึงกับคิ้วขมวดเมื่อน้ำเสียงของอีกฝ่ายแลดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก

    "ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ"

    "อะไรของแกเล่า" ชายหนุ่มผิวเข้มถอนหายใจ "ถ้าฉันไม่ได้เป็นนักบาสเก็ตบอล ฉันก็อยากทำงานด้านกฎหมายนี่หว่า มันแปลกตรงไหนวะ"

    "แปลกสิวะ...ในเมื่อฉันเลือกกฎหมายของมหาลัยเอสเหมือนกัน"

    ก็นั่นล่ะนะ...ดูเหมือนว่าเขาทั้งคู่จะตัดกันไม่ขาดไปเสียแล้ว สุดท้ายคางามิกับอาโอมิเนะก็ติดมหาวิทยาลัยและคณะที่ต้องการกันทั้งคู่ราวกับปาฏิหารย์ โมโมอิถึงกับน้ำตาไหลตอนที่รู้ว่าทั้งสองคนสามารถเข้าคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอสได้ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิด

    เมื่อต่างฝ่ายต่างก็เลือกมหาวิทยาลัยเดียวกัน คางามิที่ต้องย้ายที่พักจากที่เดิมเพื่อให้มาอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากขึ้น อาโอมิเนะเมื่อเห็นแบบนั้นก็ดื้อจะขอออกมาอยู่ข้างนอกกับคางามิด้วย แน่นอนว่าชายหนุ่มผมแดงไม่ได้ยินดีเท่าไรนัก แต่เมื่อทนลูกดื้อกับนิสัยเอาแต่ใจไม่ฟังใครของอาโอมิเนะไม่ได้ก็เลยได้แต่เลยตามเลย

    วันแรกที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันมันน่าตื่นเต้น ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่อาโอมิเนะได้มาอาศัยอยู่ร่วมกับคางามิก็เถอะ สมัยมัธยมปลายชายหนุ่มจอมเอาแต่ใจมักจะมาเอกเขนกรวมทั้งใช้เวลาวันหยุดเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ห้องของชายหนุ่มผมแดงประจำ หลังจากที่ในครั้งแรกได้รับการเชื้อเชิญเพราะเขาขอให้คางามิเลี้ยงมื้อเย็นมื้อใหญ่ที่มีเงื่อนไขว่ามันต้องอร่อยด้วย คางามิเลยตัดสินใจที่จะชวนอาโอมิเนะมาที่ห้องเพื่อมื้อเย็นฝีมือของเขาเอง และดูเหมือนว่าชายหนุ่มผิวเข้มจะติดใจ มักจะอัญเชิญตัวเองมาบ่อยๆถึงแม้คางามิจะไม่เต็มใจที่จะต้อนรับก็เถอะ

    หลังจากจัดแจงเก็บข้าวของเรียบร้อย คางามิก็พบว่ามันเป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆแล้ว เขาใช้เวลาตลอดวันในการจัดของให้เข้าที่เข้าทางจนละเลยมื้อกลางวัน และท้องของเขาก็กำลังประท้วงเสียงดังสนั่นจนอาโอมิเนะหลุดหัวเราะพรืด

    "ขำอะไรของแก"

    "เปล๊า!"

    "ตอแหล" คางามิมองค้อน "ข้าวเย็นจะกินไม่กิน!"

    "กินสิวะ ยังจะถามอีก!!"

    กับข้าวฝีมือของคางามิเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด คางามิใช้เวลาเกือบๆสองชั่วโมงในการเตรียมอาหารเย็น ในขณะที่อาโอมิเนะก็ได้แต่นั่งแหกปากบ่นแล้วบ่นอีกว่าหิวข้าวจนชายหนุ่มผมแดงในครัวหงุดหงิดถึงกับปาถุงมือหยิบจับของร้อนใส่อีกฝ่ายทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่ามันไปไม่ถึงห้องนั่งเล่นที่คนนั่งบ่นกำลังนั่งขยับปากพูดอยู่ แต่เขาก็อยากจะระบายอารมณ์ใส่อะไรสักอย่างใกล้ๆมือ ในขณะที่เขาหันไปสนใจหม้อซุปบนเตา ถุงมือถูกปากลับมาใส่ท้ายทอยของเขาพอดี

    "เล่นบ้าอะไรวะไดกิ!! จะหาเรื่องกันหรือไง!"

    "อะไรของแกวะ"

    "แกปาถุงมือใส่ฉัน!!"

    "ฉันทำที่ไหนล่ะ นั่งอยู่หน้าทีวีเนี่ย บ้ารึไงวะบากะงามิ"

    คางามิได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการกระแทกถ้วยชามรามไห หม้อ ตะหลิว กระทะใส่ในอ่างล้างจานก่อนจะถือจานกับข้าวอย่างสุดท้ายแล้วเดินกระแทกเท้าออกมาจากในครัวด้วยความหงุดหงิด

    "กินข้าว" เขาพูดเพียงสั้นๆแต่อีกฝ่ายไม่ตอบ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ถ้าไม่อยากกิน ไอ้กับข้าวกองพะเนินตรงหน้ามันไม่ได้หนักหนาสาหัสสำหรับเขาหรอกที่จะต้องจัดการให้หมด กวนประสาทนักไม่ต้องกินมันเลยแล้วกัน!

    "โอ๊ย!!" ขณะที่คางามิกำลังโมโหโทโสอยู่กับตัวเอง อาโอมิเนะก็อุทานเสียงดังออกมาจนเขาต้องหันไปมอง อาโอมิเนะหันมองมาที่เขาตาเขียวปั้ด

    "แกหาเรื่องฉันหรือไงกันวะคางามิ ไทกะ!"

    "พูดบ้าอะไรของแกวะ"

    "แกปากล่องทิชชูใส่ฉันทำไม!"

    "ฉันเปล่าโว้ย นั่งโซ้ยข้าวเย็นอยู่เต็มมือเต็มปากเนี่ยเห็นมั้ย แหกตาดูสิวะ!"

    "แกนั่นแหละแหกตาดูสิวะ!! ทิชชูมันอยู่บนโต๊ะกินข้าว ถ้าแกไม่ปาใส่ฉันมันจะลอยมาจากนั่นกระแทกหัวฉันเหรอ อย่ามาตลก!"

    "แกสิอย่ามาตลก แกหยิบไปใช้แล้วลืมหยิบมาวางที่เดิมเองรึเปล่าเหอะ อย่ามามั่ว"

    "จะเอาเหรอ!!" อาโอมิเนะลุกขึ้นยืน เขาก้าวอาดๆตรงมาที่อีกฝ่ายด้วยทีท่าเอาเรื่อง

    "ก็เอาสิวะ!!" คางามิที่รู้ตัวว่ากำลังโดนหาเรื่องกระแทกถ้วยข้าวกับตะเกียบลงบนโต๊ะกินข้าว เก้าอี้ถูกขาของเขาดันเลื่อนออกไปจนเกิดเสียงดังครืด

    ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็จ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ท้ายทอยของคางามิก็ถูกตบอีกครั้งด้วยถุงมือหยิบจับของร้อนอันเดิม ส่วนอาโอมิเนะก็กำลังถูกบรรดาหมอนอิงและกล่องทิชชูปากระแทกเข้าที่ศีรษะเช่นกัน

    "มันบ้าอะไรวะ!!" ทั้งคู่โวยวายออกมาเสียดังก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็หันมองที่ด้านหลังของตัวเอง

    ข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยอยู่บนอากาศ คราวนี้เป็นตะเกียบที่กระแทกเข้าที่หน้าผากของชายหนุ่มผมแดงเข้าอย่างจัง ในขณะที่รีโมทโทรทัศน์ก็กระแทกเข้าที่หน้าผากของชายหนุ่มผิวเข้ม ทั้งคู่หันมองหน้ากันอีกครั้ง

    "คางามิ..."

    "ไม่ต้องพูดอะไรออกมาทั้งนั้นเลยนะไอ้บ้า...โอ๊ย!!" คางามิอุทานอีกเมื่อเขากำลังถูกตีหัวด้วยทัพพีตักข้าว

    "แกแน่ใจนะ...โอ๊ย!!" ส่วนอาโอมิเนะเองก็ถูกนิตยสารการเวียร์สุดรักสุดหวงตบเข้าที่ท้ายทอยเต็มๆเหมือนกัน "คางามิ..."

    "ก็บอกว่าอย่าพูดอะไรไงวะ..." ชายหนุ่มผมแดงหน้าเริ่มถอดสี อาโอมิเนะกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

    "จะไม่พูดก็คงไม่ได้...ตอนนี้เก้าอี้กับโต๊ะกินข้าวมันเริ่มลอยสูงขึ้นแล้วโว้ย!!" อาโอมิเนะวิ่งพรวดออกจากห้องทันทีโดยที่คว้าของมือของชายหนุ่มผมแดงตรงหน้าให้วิ่งตามออกมาด้วย

    ห้าทุ่ม สี่สิบหกนาที ผ่านมาราวๆครึ่งชั่วโมงได้แล้วตั้งแต่ที่พวกเขาวิ่งออกมาจากห้องของตัวเอง นั่นล่ะสาเหตุ ว่าทำไมทั้งคู่ถึงได้มานั่งปั้นจิ้มปั่นเจ๋ออยู่ที่สนามสตรีทบาสตอนกลางดึกแบบนี้...

    "นั่นมันอะไรวะ..." คางามิที่เริ่มได้สติพูดขึ้น ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวไม่ต่างกับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

    "ฉันจะไปรู้เหรอ"

    "เอาไงดีวะ..."

    "อย่าเพิ่งถามได้มั้ย ฉันไม่รู้โว้ย!" อาโอมิเนะขยี้หัวตัวเองแรงๆ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "กลับไปดูที่ห้องมั้ย"

    "แกคิดว่าที่ฉันบอกว่าฉันกลัวผีมันเรื่องล้อเล่นหรือไงกันวะอาโอมิเนะ ไดกิ!!"

    "แล้วแกไม่คิดว่าฉันรู้สึกอะไรมั่งหรือไงวะคางามิ ไทกะ!!"

    "นายไม่เห็นเหรอว่าของมันลอยขึ้นมาเองเลยนะเว้ย"

    "แล้วแกคิดว่าฉันพูดเล่นหรือไงวะตอนที่ฉันบอกแกว่าโต๊ะกับเก้าอี้มันกำลังลอยอยู่น่ะ บ้าเอ๊ย!"

    "มันบ้าอะไรกันวะ!!" ชายหนุ่มผมแดงทึ้งผมตัวเองแรงๆจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดติดมือออกมาเป็นกระจุกๆ ชายหนุ่มผิวเข้มสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วลุกขึ้นยืน เขาหันมองอีกฝ่ายที่เงยหน้ามองมาที่เขาเช่นกัน

    "กลับห้องกัน" อาโอมิเนะพูด

    "แต่..."

    "มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้" อาโอมิเนะดึงมือของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนตาม คางามิเดินตามหลังอาโอมิเนะไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

     

    ประตูห้องถูกแง้มเอาไว้ ตอนที่ทั้งคู่วิ่งเตลิดออกไปต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครใส่ใจว่าประตูมันจะปิดเรียบร้อยดีหรือเปล่า สนใจเพียงแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้ออกไปจากที่นี่ได้เร็วที่สุด

    อาโอมิเนะชะเง้อมองผ่านบานประตู ทุกอย่างดูสงบจนน่าแปลกใจว่าเมื่อราวๆครึ่งชั่วโมงก่อนมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นจริงๆ เขาค่อยๆแง้มบานประตูออกแล้วเดินเข้าไปช้าๆโดยมีชายหนุ่มผมแดงเกาะชายเสื้อเอาไว้แน่น อาโอมิเนะทำใจดีสู้เสือ ก้าวอาดๆตรงไปที่โต๊ะกินข้าวที่เขาสาบานได้ว่าก่อนหน้านี้มันลอยขึ้นมาเองจริงๆก่อนจะถอนหายใจ ทุกอย่างดูปรกติดี อาหารบนโต๊ะก็ยังอยู่ตรงที่เดิมที่มันเคยอยู่ รวมทั้งถ้วยข้าวของคางามิที่แทบจะยังไม่พร่องลงไปเลยก็ถูกวางคู่กันกับตะเกียบที่รวบเอาไว้เรียบร้อย

    "แกปล่อยเสื้อฉันได้แล้วไทกะ ดึงจนจะขาดอยู่ละ"

    "แล้วมันโอเคหรือยังล่ะวะ" คางามิถามด้วยคามไม่แน่ใจ

    "โอเคแล้ว"

    แล้วทุกอย่างก็ดูจะโอเคเหมือนที่อาโอมิเนะพูดจริงๆ เขาช่วยคางามิที่ยังคงตัวสั่นยกกับข้าวที่เย็นชืดหมดแล้วเข้าไปอุ่นในครัว ทั้งคู่นั่งจัดการกับมื้อเย็นที่เลยมาจนกลายเป็นมื้อดึกจนเสร็จเรียบร้อย คางามิที่ดื้อไม่ยอมอาบน้ำเพราะกลัวว่าจะเจออะไรประหลาดๆในขณะที่อาโอมิเนะอยากจะอาบน้ำใจจะขาดแต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงไว้ไม่ยอมให้ไปไหนเลยได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย นั่งดูโทรทัศน์กันเงียบๆอยู่พักใหญ่ๆ คางามิที่ดูท่าจะเริ่มง่วงนอนแล้วก็ดึงแขนอาโอมิเนะให้ตามไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำด้วยกันเพราะไม่กล้าไปคนเดียว อาโอมิเนะถอนหายใจเฮือกแต่ไม่อยากขัด เพราะให้พูดตามตรงเขาเองก็กลัวไม่น้อยเหมือนกันนั่นล่ะ...

    ทั้งคู่เข้านอนกันปรกติ แต่สิ่งที่ไม่ปรกติสำหรับวันแรกในที่พักใหม่แห่งนี้ก็คือ คางามิที่นอนซุกอาโอมิเนะไม่ยอมขยับห่างไปไหน คนถูกซุกดูจะแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็อีกนั่นล่ะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะต่อให้คางามิไม่มานอนซุกเขา เขาก็คงพยายามเอาอีกฝ่ายมาซุกเองอยู่ดี ก็บอกแล้วไง...ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่แค่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนเหมือนคางามิก็เท่านั้นเอง...

     

    ----------------------------------------------------------------------

     

    เอาไว้เขียนแก้เครียดค่ะ ฟิคเรื่องอื่นเราเขียนแล้วเครียดมากจริงๆนะคะ 555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×