ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER x iKON] Boy Youngest [MINBIN]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 เอาใจเด็กขี้งอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.65K
      10
      9 พ.ค. 59

      SQWEEZ

     




    Minho's           
               ผมกลับมาห้องของตัวเองหลังจากส่งฮันบินไปโรงเรียนมันเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำแบบนี้ทุกวันทั้งที่ไม่ใช่คนตื่นเช้าแต่ก็ต้องฝืนตื่นบางครั้งก็ไปทั้งชุดนอนนั่นแหละกลับมาห้องก็ค่อยนอนต่อ ทำไงได้มันเป็นคำสั่งของแม่ฮันบินในเมื่อเอาลูกเขามาอยู่ด้วยก็ต้องดูแลให้ดี แปลกใช่ไหมละที่ผมพูดอย่างนั้น
             ฮันบินไม่ใช่น้องชายผมจริงๆหรอกนะแค่สกุลเราก็ต่างกันแล้ว
    'ซง มิน โฮ' 'คิม ฮัน บิน' เราเป็นมากกว่าพี่น้องกันอีกผมจับไอ้เด็กนั่นเป็นแฟนตั้งแต่ฮันบินอายุ15 มันเป็นเด็กกวนตีนที่สะดุดตาคนนึงอาศัยอยู่ข้างบ้านของแม่ผมเองตอนนั้นผมอกหักจากผู้หญิงก็เลยกลับไปหาแม่แต่ดันเจอเด็กกวนตีนมันชอบมาเล่นกับผมและกวนประสาทบวกกับความซื่อบื้ออีกผมเลยหลงเด็กซะอย่างนั้น แล้วผมก็ค่อยๆจีบมันจนติดโดยที่อยู่ในสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายอย่างไม่มีอุปสรรค

    ฮันบินจะเข้ามาเรียนต่อม.ปลายในโซลพอดีกับที่ผมก็เรียนอยู่โซลเลยไปขอแม่ฮันบินว่าจะเอาน้องมาอยู่ด้วยจะดูแลให้อย่างดีและเหมือนครอบครัวของฮันบินก็ยอม อีกอย่างช่วงที่มาอยู่กับผมฮันบินก็ติดต่อกับครอบครัวแทบทุกวันนั่นจึงทำให้ผมกับฮันบินกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเราที่คนอื่นๆเข้าใจคือลูกพี่ลูกน้องกันฮันบินน้องที่ย้ายมาอยู่ด้วยเพราะเรื่องเรียน ผมไม่คิดจะเปิดเผยนะเพราะไอ้เด็กนั่นขอไว้อีกอย่างมันยังเด็กด้วยแหละก็เลยเข้าใจและยอมปิดบังให้ และสาบานได้เลยว่าอยู่กันมาจนฮันบินอยู่ม.ปลายปีสุดท้ายแล้วเราไม่เคยมีอะไรกันเพราะชีวิตผมเหมือนก้าวพลาดนิดเดียว กูได้นอนคุกแน่ๆฮันบินพึ่งจะ17เองส่วนผม22แล้วนะน้องมันยังผู้เยาว์อยู่เลยอีกอย่างผมไม่คิดเรื่องนั้นด้วย
             หล่อมากเถอะชงมินโฮ

    ผมทิ้งตัวลงกับที่นอนคิงไซต์ก็นอนเตียงเดียวกันกับฮันบินนี่ครับไอ้เด็กนั่นนอนดิ้นจะตายคืนแรกมันดิ้นหนักมากผมจำได้ว่าตอนตื่นเท้ามันวางอยู่หน้าอกพอดีกับระดับสายตาเป๊ะตื่นเช้ารับฝ่าตีนแต่หัวมันหนุนอยู่ขาผม ชีวิตมันไม่ไดัน่ารักพอที่จะกลิ้งมากอดกันหรอก

    สายตาผมเหลือบไปเห็นโพสต์อิสสีเหลืองติดอยู่บนโต๊พร้อมกับส้มหนึ่งลูก ผมเดินไปหยิบมันขึ้นมาอ่านฮันบินรู้จักเทคแคร์ด้วยหรอ

    'พี่ครับ ช่วยวาดแรเงาส้มลูกนี้หน่อยนะ ผมต้องส่งงาน'

    "ไอ้เด็กนรก!" ไม่มีทางที่ฮันบินจะทำหวานซึ้งหรอก สุดท้ายผมก็ต้องได้หยิบกระดาษมานั่งวาดและแรเงาให้มันเห็นวาดรูปสวยหน่อยใช้จังบ่นตลอดแหละแต่ก็ทำ สงสารครูสอนศิลปะผมพูดได้เลยไอ้นี่นอกจากจะลายมือขี้เหร่ไก่เขี่ยยิ่งกว่าลายมือแพทย์ ฝีมือการวาดรูปของฮันบินต่อให้ใช้จิตวิญญาณมองมันยังโคตรแย่เลยจริงๆ

    พอตกเย็นผมก็ออกจากคอนโดแล้วขับรถมารับฮันบินพวกเด็กนักเรียนกำลังเลิกเดินออกมาเยอะแล้วละผมออกมายืนรออยู่หน้ารถชะโงกคอมองไอ้สันดั้งโด่งเท่าสันเขื่อนตัวไม่สูงเท่าไหร่แถมชอบทำหน้าเป็นชิคเก้นรันเป็นเอกลักษณ์ขนาดนั้นทำไมหายากจังวะ

     End Minho's

     

    ------------------------ 

     

     

    เลิกเรียน

    ฮันบินรีบสะพายกระเป๋าเป้ใส่หลังแล้วเดินไปหายุนฮยองที่นั่งอยู่คนละโต๊ะกำลังฟุบหลับตั้งแต่ต้นชั่วโมงยันท้ายชั่วโมงของการเลิกเรียน ฮันบินเอาเท้าสะกิดที่ขายุนฮยองแต่ทว่าก็ยังไม่ยอมตื่น ฮันบินเลยตัดสินใจเอามือตบหัวไปทีนึงคราวนี้ตื่นเลยละ

    ตื่นมาทำหน้างงเอ๋อเข้าไปอีก

    "ไรวะ เลิกเรียนแล้วหรอ"

    "เออ!"ฮันบินตอบกลับอย่างหงุดหงิด

    "เออ กลับดิ"ยุนฮยองยัดหนังสือที่ตัวเองนอนหนุนใส่ลงกระเป๋าแล้วสะพายอย่างรวดเร็ว เวลาเลิกเรียนยุนฮยองจะเร่งรีบเพราะทุกวันอึนจินน้องสาวยุนฮยองจะข้ามถนนจากโรงเรียนหญิงล้วนมารอที่หน้าโรงเรียนเสมอแต่ประเด็นคือจะมีพวกผู้ชายมาเกาะแกะน้องสาวเขาตลอดเวลา ตอนนี้กลายเป็นว่าฮันบินต้องวิ่งตามซะอย่างนั้น

    “ถ้าสำนึกสักนิดจะรู้ว่าใครที่สมควรต้องรอ” ฮันบินบ่นกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจกับนิสัยขี้หวงของยุนฮยองขนาดเพื่อนอย่างฮันบินยังไม่ให้เข้าใกล้

    "อึนจิน"ยุนฮยองตะโกนเรียกชื่อน้องสาวตั้งแต่ยังวิ่งไม่ถึงหนัาโรงเรียนด้วยซ้ำ

    "ไอ้ยุนมึงอายคนไหมวะให้ถึงก่อนค่อยเรียกก็ได้"

    "อัาวมึงไม่เห็นหรอผู้ชายมันกำลังตอมน้องกูอยู่"

    "มึงว่าน้องตัวเองเป็นขี้หรอวะ" ฮันบินพูดอย่างขำๆแต่ยุนฮยองกลับตีสีหน้าเรียบเฉย

    "กูเกลียดมึงหนึ่งวัน" พูดจบยุนฮยองก็รีบวิ่งไปหาน้องสาวพร้อมกับไล่พวกผู้ชายโรงเรียนตัวเองให้ถอยห่าง ยุนฮยองเอามือโอบไหล่น้องสาวตัวเล็กของตัวเองไว้แน่นพร้อมทำตาดุใส่คนที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับน้องสาวตัวเองจนต้องเดินหนี

    "หวงจังเลยนะมึง"ฮันบินแซวยุนฮยองก่อนจะยิ้มโบกมือทักอึนจินซึ่งเธอก็ยกมือตอบเช่นกัน

    "พี่มินโฮไม่มารับหรอคะ"

    "มาสิ นั่นไง"ฮันบินชี้ไปที่คนตัวสูงกำลังชะโงกมองหาอะไรบางอย่างและคงไม่พ้นฮันบินแน่ๆ

    "อ่า...เขาหล่อมากเลยขนาดมองไกลๆ"

    "ย่าห์!! พี่ก็หล่อไม่เห็นรึไง พี่ชายเธอน่ะหล่อที่สุดแล้วเห็นไหมผู้หญิงมองกันทั้งโรงเรียน"

    "เพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่ฉันไงเล่าพวกเขาถึงได้ตาบอด"อึนจินปัดมือพี่ชายออกก่อนจะเดินนำหน้าไป

    "ตามไปดิไอ้หล่อ"

    "กูงอนมึงอยู่ห้ามพูดกับกู"ยุนฮยองรีบวิ่งตามน้องสาวตัวเองแล้วดูเหมือนจะเถียงกันไปทั้งการเดินทาง ฮันบินรีบเดินไปหามินโฮที่ทำตัวเหมือนคนแก่ตาเฟื่องฟางมองไม่เห็นคน มินโฮยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ ทุกวันไม่ทำอย่างนี้หรอกแต่เพราะวันนี้มีความผิดติดตัวอยู่ ฮันบินใช้สายตาเหลือบมองร่างสูงอย่างเฉยชาก่อนจะเดินไปนั่งในรถ

    "ไปกินข้าวข้างนอกกัน"มินโฮพูดขึ้นในขณะที่เข้ามานั่งในรถเด็กอย่างฮันบินก็ได้แต่พยักหน้านั่งเงียบอยู่ในรถยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไม่สนใจคนที่ขับรถข้างๆ มินโฮพยายามชำเลืองมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ฮันบินกำลังเล่นแต่เพราะฮันบินรู้ตัวจึงเบี่ยงตัวหนี

    "หายงอนหน่อยดิ"

    "ไม่ได้งอน แค่ไม่มีอะไรจะพูด"ฮันบินตอบกลับมันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นสักเท่าไหร่

    "งั้นยิ้มให้ฉันหน่อยดิ ไม่ชอบเลยวะทำหน้าโหดๆเนี่ย"คำขอร้องของมินโฮทำให้ฮันบินวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปมองมินโฮหลับตาปรับสีหน้า

    "ดูนะ ยิ้ม แฮร่... ^________^" ฮันบินกัดฟันพูดพร้อมกับฉีดยิ้มหน้าตายออกมาอย่างเต็มที่แบบฉีกไปถึงหูเลยทีเดียว ก่อนที่จะปรับสีหน้าเรียบเฉยกลับคืนมาอีกครั้งแล้วเอาหลังไปพิงกับเบาะอย่างเหนื่อยหน่าย

    "โคตรเต็มใจทำสุดๆเลยเหอะ เห็นละโคตรสดชื่น"มินโฮกัดฟันตอบแล้วฝืนยิ้มไม่ต่างกัน ก่อนสายตาจะมองแต่ถนนตรงหน้า

     

     

    สายตากวาดดูเมนูทีจะสั่งอย่างลำบากใจฮันบินไม่เคยมากินข้าวที่นี่ถ้าเป็นร้านประจำเขาคงไม่ลำบากที่จะสั่งขนาดนี้แน่นอนมินโฮบอกเมนูอาหารกับพนักงานก่อนแล้วยื่นมือไปหยิบเมนูกับจากมือฮันบินมาเก็บแล้วคืนให้พนักงาน

    "เอาแบบที่ผมสั่ง2ที่นะครับ" ฮันบินมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจก็ถ้าสิ่งนั้นไม่ชอบเขาไม่กินหรอกนะ

    "ทำไมไม่ไปร้านเดิม"

    "เนี่ยแถวมหาลัยฉัน นี่ก็ร้านประจำฉันชอบมากินจำใส่สมองไว้ด้วยตอนแก่จะได้ดูแลกันได้"มินโฮยิ้มพร้อมกับเอาพิงพนักเก้าอี้อย่างคุ้นเคย "ม.ปลายปีสุดท้ายแล้วอยากเรียนต่ออะไรรู้รึยัง"คำถามนั้นทำให้ฮันบินเงียบ เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่าตัวเองสนใจอะไรเก่งด้านไหนทำเอามินโฮลำบากใจตามไปด้วย "ฮันบิน..."

    "ค่อยคิดก็ได้น่า"ฮันบินพยายามเปลี่ยนเรื่อง

    "นายต้องคิดได้แล้วนะเว่ย ไม่ใช่ยังไม่รู้แบบนี้และควรเตรียมตัวสอบได้ยินไหม"

    "ได้ยิน"เด็กน้อยได้แต่ตอบผ่านๆเพราะรำคาญคนแก่ขี้บ่นเต็มทน และอาหารที่ถูกสั่งมาก็ทำให้เรื่องราวที่พูดคุยอยู่จบลงฮันบินกินสเต็กที่มินโฮสั่งให้จนหมดแถมยังแอบไปแย่งกินของมินโฮอีกสุดท้ายมินโฮก็ต้องยอมยกเนื้อทั้งหมดให้เด็กจอมตระกะนั้นไปเพราะเขาเองก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่

     

    กว่าจะกลับมาถึงห้องก็เล่นเอาท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืดมินโฮเปิดห้องเข้ามาก่อนจะถอดรองเท้าแล้วสวมสลิปเปอร์เข้ามาในห้องนั่งเล่น และเป็นเหมือนทุกครั้งที่ฮันบินจะต้องคอยเก็บรองเท้าของมินโฮวางขึ้นชั้นอย่างเป็นระเบียบบางทีก็หงุดหงิดแต่ทำบ่อยจนชินเป็นนิสัย ฮันบินเดินไปสวมสลิปเปอร์ก่อนจะก้มลงสังเกตเท้าตัวเองอีกทีมันไม่ใช่อันเดิมนี่ แต่เป็นอันใหม่ที่เป็นหัวมิคกี้เมาส์การ์ตูนที่ฮันบินชอบ

    "พี่มินโฮ" ฮันบินเรียกชื่อนั้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาแล้วก็เห็นมินโฮนั่งกระดิกเท้าดูทีวีมินโฮก็ใส่สลิปเปอร์ใหม่เหมือนกันแต่เป็นมินนี่เมาส์

    "ชอบใช่ไหมละ" ร่างสูงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ฮันบินวิ่งไปนั่งข้างๆมินโฮแล้วเอาเท้าไปวางเทียบใส่กัน

    "คราวหน้าถ้างอนอีกพี่จะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นลายมิคกี้ให้ผมใช่ไหม"ฮันบินยิ้มกว้างออกมา มินโฮหรี่ตาต่ำมองเด็กที่กำลังเกาะเเขนเขา หลายครั้งแล้วละที่ฮันบินพยายามขอเปลี่ยนผ้าปูที่นอนไม่ใช่ชุดเครื่องนอนทุกอย่างเป็นมิคกี้ คือใครจะไปยอมมันมุ้งมิ้งเกินไปรึปล่าวอยู่กับเด็กชีวิตต้องมุ้งมิ้งขนาดนี้เลย แขนยาวยกขึ้นโอบไหล่ฮันบินแล้วกระชับไหล่เล็กไว้แน่น

    “เป็นเด็กดีนะ ถ้าเป็นเด็กดีฉันจะเปลี่ยนให้” ฮันบินสะบัดมือที่โอบไหล่ของเขาออกมินโฮจะพูดแบบนี้ตลอดเวลาที่เขาอยากได้อะไรแต่จะไม่ยอมซื้อให้เพราะไม่มีทางที่ฮันบินจะเป็นเด็กดีของมินโฮได้ฮันบินลุกขึ้นเข้าไปในห้องนอน “ฮันบินอ่า...รีบอาบน้ำแล้วทำการบ้านด้วย”

    “ผมไม่มีการบ้านหรอกน่า”

    “ไอ้เด็กขี้โกหกเพราะอย่างนี้ไงฉันถึงไม่ยอมเปลี่ยนชุดเครื่องนอน” มินโฮบ่นงึมงำอยู่หน้าจอโทรศัพท์มินโฮจะติดตามชีวิตฮันบินจากโซเซียลเพื่อนที่โรงเรียนของฮันบินโดยเฉพาะยุนฮยองและเพจคู่จิ้นวายของสองคนนี้ด้วยตอนเห็นครั้งแรกเขาก็หัวเราะจนท่อน้ำตาไหลแต่มันก็ดีพวกนี้เหมือนสปายที่คอยติดตามฮันบินให้รู้ว่าเด็กนี่มีความเคลื่อยไหวยังไง

    “พี่ครับ”

    “อือ...”มินโฮขานรับในลำคอสายตาก็กดโทรศัพท์คุยกับเพื่อนในกลุ่มโดยไม่ได้หันไปมองคนที่โผล่หัวออกมาจากในห้อง

    “พี่มินโฮ”

    “ว่ามา”สายตาก็ยังคงจดจ้องกับหน้ามือถือ

    “น้ำไม่ไหลอ่า”

    “ไม่ต้องอาบดิ”

    “แต่มันไม่ไหลตอนผมจะล้างหัวอ่ะ” มินโฮขมวดคิ้วหนักก่อนจะเลิกสนใจมือถือแล้วหันไปมองฮันบินที่อยู่ในสภาพที่เขาแทบอดขำออกมาไม่ได้มินโฮหัวเราะออกมาเมื่อเห็นฮันบินเอาผ้าขนหนูสีขาวมาพันเกี่ยวรอบอกตัวเหมือนที่พวกผู้หญิงชอบทำ ไหนจะหัวที่สระฟองสีขาวยังไม่ล้างออกอีก “อย่าหัวเราะดิ”

    “อ่า...เดี๋ยวฉันเข้าไปดูให้”มินโฮลุกขึ้นเดินเข้าไปดูในห้องน้ำทั้งที่ยังกลั้นหัวเราะไม่หายก่อนจะเดินออกมาดูห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนและเดินไปตรวจที่ห้องครัวก็พบว่าไม่ไหลสักที่คราวซวยของฮันบินแล้วละ กลับมาดูฮันบนอีกทีก็ขำไม่หายสักทีตอนนี้กำลังยืนพิงขอบประตูอย่างสิ้นหวังนั่นยิ่งดูตลก

    “แสบตาว่ะ”ฮันบินยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองเพราะฟองของแชมพูเริ่มไหลอาบหน้าเขาแล้ว

    “อย่าขยี้ตาดิวะไอ้เด็กโง่นี่”มินโฮสบถใส่ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดที่ขอบตาฮันบินแล้วเกลี่ยฟองที่ไหลลงอาบหน้าออกพร้อมกับเป่าลมใส่ดวงตาที่กำลังหลับนั้นเบาๆ “ลองลืมตาขึ้นมองฉันสิ” ฮันบินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังก่อนจะค่อยๆบรือตาขึ้นมองใบหน้าคมตรงหน้า “โอเคยัง”

    “อือ”

    “ไปขอคุณป้าห้องตรงข้ามใช้น้ำสักวันละกันเดี๋ยวหัวจะเน่าก่อน”ฮันบินพยักหน้ารับมินโฮคว้ามือให้เดินตามออกมาก่อนจะมายืนกดออดหน้าห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องตัวเอง

    “ว่าไงมินโฮ”คุณป้าแก่ๆมาเปิดประตูต้อนรับอย่างยิ้มแย้มแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเด็กที่ยืนข้างๆ

    “คืออยู่ดีๆห้องก็น้ำไม่ไหลเลยจะพาฮันบินมาพึ่งน้ำที่ห้องคุณป้าหน่อยได้ไหมครับ”

    “อ้อ ได้เข้ามาสิลูก”

    “ขอบคุณครับ”มินโฮกล่าวขอบคุณพร้อมกับมือที่ยังจับมือฮันบินไว้ให้เดินตามคณป้าเข้ามาในห้อง

    “ตามสบายเลยนะ”

    “ครับ” มินโฮยิ้มรับก่อนที่คุณป้าจะเดินไปทำธุระอย่างอื่นต่อ “ไปล้างผมไม่ใช่สิไปอาบน้ำใหม่ไปเดี๋ยวจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน”

    “ทำไมต้องอาบใหม่ ล้างแค่หัวก็พอมั้ง”ฮันบินเถียงขึ้น

    “เออแล้วแต่มึงจะทำอ่ะไปเข้าไป” มินโฮผลักฮันบินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูทันทีก่อนที่ร่างสูงจะเดินกลับมาเอาเสื้อผ้าที่ห้องตัวเองแล้วก็กลับไปที่ห้องตรงข้ามอีกครั้ง

    “ฮันบินเสื้อผ้าวางไว้หน้าประตูนะ”

    “ครับ” คนนข้างในขานรับก่อนที่มินโฮจะเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้พอดีกับที่คุณป้าผู้ใจดีถือจานใบพอดีมือออกมาจากครัว

    “มินโฮนี่เค้กข้าวเอาไปกินที่ห้องนะ”จานใบนั้นยื่นมาให้มินโฮก่อนที่ร่างสูงจะยิ้มและรับมันมาถือไว้และมองดูหน้าป้าคนนั้นที่ดูเหมือนต้องการให้เขาชิมมากกว่าการรับไว้ซะอีก มินโฮจึงหยิบขึ้นมากินหนึ่งชิ้นเขาไม่ชอบกินของหวานพวกขนมแบบนี้เท่าไหร่ดังนนั้นเขาจึงทำได้แค่ฝืนยิ้มแล้วพูดออกไป

    “อร่อยมากครับ ฮันบินคงชอบแน่นอนเลย” แตกต่างจากฮันบินเด็กนั่นกินได้ทุกอย่างยิ่งพวกขนมแล้วกินทั้งวันยังทำได้

    “เป็นพี่ชายที่ดีจังเลยนะทำอะไรก็นึกถึงน้องตลอดเวลา”

    “เสร็จแล้วนะ”ฮันบินออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นถึงเข่าเดินเอาผ้าโพกหัวมาหามินโฮก่อนโค้งตัวเก้าสิบองศาให้กับป้าที่เมตตาน้ำล้างผม “ขอบคุณนะครับ”

    “จ้า ฮันบินลองกินเค้กข้าวที่ป้าทำสิเห็นมินโฮบอกว่าเราคงชอบ”

    “โอ๊ะจริงหรอฮ่ะ”ฮันบินตาลุกวาวมองไปที่จานวางอยู่บนมือมินโฮก่อนจะหยิบขึ้นมากิน ถ้าจะหลอกฮันบินแค่ถือขนมมาล่อเด็กคนนี้ก็วิ่งตามไม่ต้องออกแรงอะไรมากเลยจจริงๆ “อร่อยมากครับคุณป้าเก่งจัง”

    “เอาอีกไหมเดี๋ยวป้าเพิ่มให้”

    “อ่า”ฮันบินกำลังจะอ้าปากพูดแต่โดนมือหนาของมินโฮปิดไว้เสียก่อนร่างสูงลุกขึ้นแล้วยิ้มให้กับคุณป้า

    “ผมว่าไม่ต้องเพิ่มหรอกครับขอบคุณมากนะครับ”มินโฮพูดตัดบททุกอย่างก่อนจะลากฮันบินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับปล่อยมือออกจากปากฮันบินแล้ววางจานเค้กข้าวลงบนโต๊ะ ตอนนี้ฮันบินเหมือนหมาที่เจอของกินทันทีที่มินโฮวางจานลงเขาก็รีบพุ่งเข้าใส่แล้วยัดเค้กข้าวเข้าปากอย่างไม่ลังเล

    “กินช้าๆหน่อยเดี๋ยวแค้นตายพอดี”ถึงจะบ่นร่างสูงก็เดินไปกดน้ำแล้ววางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะพร้อมกับเอามือยีหัวเด็กอย่างฮันบิน “เดี๋ยวพี่เข้าไปนอนก่อนนะอย่าลืมปิดไฟข้างนอกละ”

    “อือ”

    มินโฮถอนหายใจมีแฟนเด็กนี่ต้องคอยดูแลตลอดเวลา เวลาที่เขางอนฮันบินก็ไม่เคยรู้หรอกไม่มีโมเมนต์ที่ฮันบินมานั่งโอ๋คนแก่อย่างเขาแน่นอนในหัวฮันบินมีแค่ของกิน กับมิคกี้เมาส์ เป็นมินโฮฝ่ายเดียวที่คอยวิ่งโอ๋วิ่งง้อตลอดเวลาแต่ก็ข้อดีของฮันบินคือไม่งี่เง่าโกรธง่ายหายเร็ว มินโฮทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแชทกลุ่มของตัวเองว่าคุยกันไปถึงไหนแล้วแต่ไม่ทันที่จะได้เลื่อนอ่านแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมาเสียก่อนคิ้วหนาขมวดเข้าอย่างสงสัยก่อนหน้าจอจะเด้งข้อความขึ้นมา

    K_jisoo : สวัสดีมินโฮ

    มินโฮขมวดคิ้วหนักเมื่อคนที่ส่งข้อมความมาคือคนที่ไม่คุยและไม่ได้เจอกันมาเกือยสองปี นิ้วเรียวยาวได้แต่วางค้างไว้บนหน้าจอเขาเองสับสนว่านี่มันคืออะไรทำไมถึงได้ติดต่อเขากลับมา

    Mino to K:สวัสดี

    K_jisoo:นายสบายดีใช่มั้ยไม่ได้เจอกันนานเลยนะ

    มินโฮกำลังพิมพ์ตอบอีกคนแต่เพราะได้ยินเสียงสลิปเปอร์ดังเข้ามาในห้องเขาถึงได้วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆก่อนจะหันไปมองฮันบินที่เดินลากเท้าเวลาสลิปเปอร์มันเสียดสีกันกับพื้นฟังแล้วมันน่ารำคาญจริงๆ

    “เดินยกเท้าสูงๆไม่ได้รึไง”

    “ก็พี่ซื้อให้ผมเลยเห่อ”ฮันบินพูดพร้อมกับกระโดดขึ้นเตียงแล้วกลิ้งไปมาบนเตียงพร้อมกับสลิปเปอร์ที่ไม่ยอมถอดออก

    “จะใส่นอนหรอ”

    “ก็ใช่นะสิ”ฮันบินยิ้มก่อนดึงผ้าขึ้นมาห่ม

    “ขยับมาให้กอดหน่อย”มินโฮกระดิกนิ้วให้ฮันบินขยับเข้ามาใกล้ๆแต่กลับถูกเมินเฉยด้วยการนอนหันหลังใส่ ถ้าเป็นน้องจริงๆถีบลงไปนอนที่พื้นแล้วนะแต่ติดก็ตรงที่เป็นแฟนนี่แหละเลยไม่อยากทำร้ายเดี๋ยวจะหาว่ารังแกเด็ก “แปรงฟันยัง”

    “ผม17แล้วนะ”

    “ก็เมื่อกี้นายกินขนมอะ ไหนมาให้ตรวจหน่อยสิ”มินโฮพูดพร้อมกับพลิกตัวฮันบินให้หันมาหาตัวเองพร้อมเอามือบีบแก้มฮันบินให้อ้าปาก แต่ฮันบินก็เอาแต่ปัดมือมินโฮออก “ไอ้เด็กนี่ดื้อกับพี่ตลอดเลย” มินโฮเอามือบีบจมูกฮันบินจนฮันบินยอมอ้าปากออกมาร่างสูงหัวเราะออกมา ฮันบินเด็กหลอกง่ายแล้วอย่างนี้จะกล้าปล่อยไปไหนมาไหนคนเดียวได้ยังไงกัน

    “โอเคนอนได้”มินโฮเอามือที่บีบจมูกฮันบินออกก่อนจะยิ้มให้เด็กที่กำลังทำหน้าบึ้งใส่เวลาโกรธก็เหมือนจะโหดมากแต่สุดท้ายก็ทำตัวงอแงเหมือนเด็ก นี่แหละเป็นอกเหตุผลที่ทำให้มินโฮหลงเด็กที่ชื่อคิมฮันบิน 

     

    ----------


     

    เป็นฟิคที่เรื่อยๆคะ พอนึกอิมเมจฮันบินออกไหม
    แล้วอิมเมจมิโนโอเคไหม เราอยากให้อิมเมจไม่ต่างจาก
    ตัวจริงเท่าไหร่คะ หวังว่าคงชอบนะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×