คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
Chapter 1
ผมชื่อ ลู่ฮาน เสี่ยวลู่ฮาน ผมเป็นคนปักกิ่งฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร อันที่จริงก็เคยรวยนะแต่รวยไม่ทันไรก็โดนโกงจนล้มละลายซะก่อน พ่อเครียดหนักจนหัวใจวายตายตอนที่ผมอยู่มอปลายปีหนึ่ง
.
.
ตอนนั้นทุกๆอย่างมันดูแย่ไปหมด แม่เองก็แทบจะฆ่าตัวตายตามพ่อแต่ยังดีที่ท่านคิดถึงผม เราเหลือกันอยู่แค่สองคน ไม่ใช่ว่าผมไม่เสียใจนะแต่ผมเสียใจกับเรื่องนั้นมาเป็นปีๆแล้วจนตอนนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยเกรดตกฮวบจนจะจบจากโรงเรียนแล้ว สุดท้ายพอผมรู้ว่าแม่แทบจะไม่มีเงินส่งผมเรียน ผมจึงตัดสินใจสอบชิงทุน ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าทุนอะไร ฟังดูบ้าป่ะ? ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าเรียนอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องให้แม่เสียตังค์ผมก็เรียนได้หมดนะแหละ
.
.
แล้วทุนที่ว่านั่นมันก็ส่งผมเรียนจนจะจบมหาลัยอยู่แล้ว
.
และยิ่งไปกว่านั้นมหาลัยที่ว่าก็ไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง มันอยู่ที่โซล เกาหลี
.
ผมมาอยู่ที่นี่สามปีแล้วเรียนนิเทศผมชอบถ่ายภาพตอนแรกก็แค่เรียนๆไปแต่พออยู่กับมันเยอะๆผมก็ตกหลุมรักมันซะแล้ว
ช่วงแรกๆก็ลำบากหน่อยเรื่องค่าใช้จ่ายที่พักที่กิน
แต่อาจารย์ที่นี่ใจดีมากจัดสรรให้ทุกอย่าง
ในมหาลัยมีหอพักนักศึกษา และข้างๆมหาลัยก็เป็นที่ทำงานของผม ร้านชานม ที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำมา ผมทำงานที่นี่มาตั้งแต่ย้ายมาแล้ว ฟังจากชื่อแล้วเหมือนเป็นร้านที่ไม่ค่อยมีคนเข้าและรายได้ไม่ดี แต่เปล่าเลยร้านนี้คนเข้าเช้าสายบ่ายเย็นยันดึกเสาร์อาทิตย์นี่ไม่มีโต๊ะว่างเลยผมเลยไม่ขัดสนเรื่องเงินเท่าไหร่
.
.
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งเป็นคนเกาหลีแต่หน้าตาตี๋น้อยมากๆ เขาชื่อ มินซอก เป็นคนร่าเริงใจดีและเป็นคุณหนูไฮโซ และอีกคนก็คุณหนูไม่ต่างกันร่าเริงแจ๋มใสกว่ามินซอกซะอีก ชื่อแบคยอน แต่สองคนนี้มักจะทะเลาะกันอยู่เรื่อยแต่เขาก็ดูรักกันดี
.
วันนี้เป็นวันเสาร์และแน่นอนสถานที่ๆผมสิงอยู่ก็คือร้านชานม ที่ทำงานของผม
หลังจากเสริฟเมนูสุดท้ายของลูกค้าวีไอพีเสร็จผมก็ลากเก้าอี้มานั่งที่หัวโต๊ะ
“เป็นไรว่ะ?ทำหน้าแบบนี้ฝันอีกแล้วอะดิ”มินซอกเอ่ยปากถาม
เฮ้ออออออออ ผมได้แต่ถอนหายใจ
“ไม่เห็นต้องถามมากเพื่อนแกมันแปลก ฝันแต่เรื่องเดิมๆมาเป็นเดือนๆนี้คราวนี้มีไรใหม่อีกไหมนอกจากถูกขัง ฆ่าตัวตาย ใกล้วันที่หนึ่งแล้ว เผื่อฟลุ๊ค”แบคยอนทำหน้ารอคอยให้ผมเล่า
“ไม่อ่ะเหมือนเดิม”
“อ้าวเซงเลย”แบคยอนทำท่าผิดหวังจนมินซอกอดไม่ได้ที่จะเอ็ด
“แกก็รวยอยู่แล้วจะเล่นทำไมหวย”
“แกก็ลองถามแม่แกดูดิจะเล่นทำไม เหตุผลของฉันก็เป็นเหตุผลเดียวกับแม่แกนั่นแหละ”
เฮ้ออออออออออออ
คุยกันได้แปบเดียวก็ทะเลาะกันอีกแล้ว
.
.
ผมนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างร้าน เห็นรถวิ่งกันขวักไขว้ไปทั่วท้องถนน เห็นนกบินไปเกาะตรงกิ่งไม้ เห็นใบไม้ร่วงลงพื้น เห็นเด็กวิ่งไล่เตะกัน เห็นคนรวยๆคนหนึ่งกำลังขึ้นรถที่ฝั่งตรงข้าม โดยมีคนขับรถมาเปิดประตูให้มีคนตัวโตๆยืนล้อมหน้าล้อมหลังอย่างกับพวกมาเฟียแหนะ แต่เขาหล่อจังผมเป็นผู้ชายยังคิดว่าเขาหล่อเลย แต่ทำไมหน้าคุ้นๆนะ
ยังไม่ทันจะคิดออกเขาก็หันมามองทางผมไม่สิร้านนี้ที่ผมนั่งอยู่ เหมือนผมคิดไปเองเขายิ้มให้ผมก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถ แล้วยานพาหนะสี่ล้อราคาเป็นสิบล้านก็เคลื่อนตัวออกไปจากบริเวรนั้นตามด้วยรถอีกสามสี่คันคงเป็นบอดี้การ์ดแหละตัวใหญ่ๆใส่ชุดดำๆคอนเซปใช่เลย
.
ผมมองตามรถคันนั้นจนมันลับสายตาไป
“...........................”
รู้สึกเหมือนมีใครสะกิด
“ลู่ฮานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!”
“เฮ้ยอะไร?ตะโกนใส่หูฉันทำไม??”ผมเอามือปิดหูแทบไม่ทัน มินซอกกับแบคยอนเล่นรวมใจกันตะโกนจนขี้หูผมเต้นระบำหมดแล้ว
“ก็เรียกดีๆไม่ตอบเอง .. จะบอกว่าจะกลับก่อนนะ รายงานยังไม่เสร็จส่วนอิหมินนี่ก็ขอยืมมันหน่อยนะเพราะวิชานี้มันได้เอบวก กลับคนเดียวก็ระวังๆด้วยหละไปละ”แบคยอนพูดๆๆๆๆๆเสร็จก็คว้ามินซอกออกไปด้วย และไม่ลืมที่จะโบกมือบ๊ายๆก่อนขึ้นรถไป
.
ผมเก็บแก้วบนโต๊ะแล้วเอาไปไว้หลังร้าน แต่ก่อนหน้าที่ล้างก็เป็นของผมแหละแต่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะผมอยู่ปีสามเกือบจบแล้วและตอนนี้ก็กำลังจะหาที่ฝึกงานเลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่แล้วก็โชคดีของป้าเจ้าของร้านที่มีหลานชายมาอยู่ช่วย
เป็นเด็กผู้ชายน่ารักๆๆคนหนึ่งชื่อ คยองซู นิสัยก็ดี เรียนก็เก่งที่ผมรู้ก็เพราะบางทีน้องเขาก็เอาการบ้านมาถามผม ซึ่งกว่าผมจะคิดออกน้องเค้าก็คิดออกเองก่อน ไม่เข้าใจจะเอามาถามทำไม
.
“ป้าครับผมกลับก่อนนะ พอดีต้องไปทำการบ้านหน่อยน่ะ”ผมตะโกนบอกป้าเจ้าของร้านที่อยู่ข้างหน้าร้านก่อนจะหยิบนู้นนี่นั่นของผมใส่กระเป๋าสะพาย
“อ้าวหรอ งั้นกลับดีๆนะลูก”คุณป้าใจดีและรักผมเหมือนลูกผมก็เห็นท่านเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งในครอบครับเช่นกัน
“พี่ไปนะ”ผมบอกลาคยองซูก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกล้องตัวใหญ่ที่ผมสะพายคล้องคอไว้
.
.
.
การบ้านที่ว่าก็คือถ่ายภาพช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดินในมุมต่างๆให้ได้ความรู้สึก อบอุ่น ลึกลับ น่าค้นหา เฮ้อไม่เข้าใจอาจารย์จะเอาอะไรเยอะแยะแต่ก็ช่างเถอะผมชอบถ่ายรูปหนิ บางทีผมก็ถ่ายรูปขาย รับจ้างถ่ายรูปตามงานต่างๆได้เงินมาพอสมควรก็ส่งให้แม่บ้าง
.
ในช่วงที่เดินไปตามถนนทางคนเดินผมก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายโน้นนี่นั่นอีกตามเคยแบบนึกสนุก
เดินมาสักพักผมก็หยุดอยู่หน้าสวนหย่อมขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยดอกไม้และแสงสีส้มจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าก็ช่วยทำให้บรรยากาศมันโรแมนติก ดูอบอุ่นตรงตามคอนเซปเปะ ยิ่งมองเข้าไปข้างในก็จะเห็นเหมือนเรือนเพาะชำซึ่งดูแล้วลึกลับน่าค้นหาโอ้วเริ่ด
ผมยกกล้องเตรียมจะถ่ายภาพแต่จู่ๆ
เอี๊ยด โครม
ก็มีรถพุ่งขึ้นมาบนฟุตบาทชนเข้าที่หลังผมเต็มๆ
ผมล้มลงกับพื้นทันที ชาไปทั้งตัว รู้สึกหนักที่หนังตาจนอยากจะหลับมันลง แต่ก่อนที่ผมจะหลับผมก็ยังพอได้ยินเสียง เสียงทุ้มๆของใครสักคนเอ่ยถามผมว่าเป็นไรไหม
เสียงคนมากมายวิ่งเข้ามาเหมือนกำลังทำร้ายผู้ชายเสียงทุ้มคนนั้น
เสียงรถอีกหลายคันที่ตามมาเกิดความวุ่นวายผมคิดว่าพวกเค้าคงกำลังตีกันจน
ปังงงง
เสียงปืนหนึ่งนัดที่ดังขึ้นก่อนสติผมจะดับไป
……………………………………………………………….
เย้ๆในที่สุดเราก็แต่งตอนที่หนึ่งได้#ปรบมือ
มันสั้้นมากเลยง่ะ
มันอาจจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ไปอ่านตอนต่อไปกัน
ความคิดเห็น