ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #23 : - take me home : chapters - 021 { 100% }

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      6
      15 ต.ค. 57





     

    - TRUST -


     

    chapters – 021


     

     

              



     

              

                แบคฮยอนกำลังกุมมือตัวเองแน่น  เขากำลังนั่งอยู่บนทรายสีน้ำตาลอ่อนสว่างระยิบต้องแสงแดดยามเย็นด้วยใจระทึก  ทุกๆช่วงของลมหายใจเหมือนกำลังปีนไตขึ้นหอสูง  ดวงใจสั่นจนต้องสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อคล้ายความปวดหนึบ  เขาจำได้ว่าตัวเองเขียนลงไปได้ตลกสิ้นดี  พอมานั่งนึกแล้วเหมือนเด็กน้อยกำลังขอความรักเลย...คุณลู่หานอาจจะไม่ชอบรึเปล่า  ว่าแต่ทำไมนานจัง...หรือจะไม่เห็น?


     

                “อ่า...ช้าจัง  เมื่อกี้เสียงรถจอดแล้วนินา”  บ่นงุงงิงเขี่ยดินเล่นไปมา 


     

                ไม่ทันขาดคำ  เสียงสวยสาบจากร้องเท้าเสียดสีกับดินทรายละเอียดดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ 


     

                คนตัวเล็กไม่กล้าหันไปมองด้วยซ้ำ  ความรู้สึกบ่งบอกว่าอีกคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย  ทั้งร่างก็เกร็งเป็นที่เรียบร้อย  แม้แต่จะหันไปสบตาหรือมองหน้ายังอาย  ใช่..ตอนนี้แบคฮยอนทั้งอายทั้งเขินกุมมือเย็นเฉียบแน่นกว่าเดิม  ยิ่งต่างฝ่ายต่างเงียบ...จนเวลาล่วงเลยมาสิบห้านาทีกว่าๆ 


     

                ร่างสูงยิ้มน้อยๆด้วยความสุขก่อนจะเอ่ย



     

                “ไหนล่ะโต๊ะดราฟ  มาเอาโต๊ะดราฟตามคำบอกแล้วเนี่ย”  เสียงแหบห้าวดังขึ้นทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงเห่อสุกเป็นลูกมะเขือขึ้นมาเสียดื้อๆ  “โชคดีวะ  พอดีคิดตรงกันเป๊ะ...”

     

                โง้ยยย  ทำไมลู่หานต้องทำตัวน่ารักคนบ้า

     

               “คุณ...”


     

                แบคฮยอนยังคงก้มหน้าพยายามจะมุดดินลงไปเล่นกับปูปลาในทะเลสาบ  ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนที่ยิ้มไม่หยุดหุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ 


     

                “เรียกก็หันมาดิวะ  มารับของรางวัล”  ถอนหายใจก่อนทิ้งตัวนั่งยองๆข้างคนตัวเล็ก  ขนาดนั่งไม่ติดกันยังรู้เลยว่าอุณหภูมิความร้อนสูง   “มารับคนนี้ด้วย”  ลู่หานยื่นนิ้วเรียวไปจิ้มกับแก้มของคนตัวเล็กที่เอาหน้าซุกเข่าในท่านั่งยองๆ  แก้มยุ้ยน่าหยิกที่ลู่หานชอบดึงเล่นมันกำลังแดงน่ารัก


     

                “ฮื่อ...อย่าจิ้ม”  สีหน้าเลิกลั่กก้มหน้าก้มตางุงงิงไม่เงยขึ้นมามองอีกคนเลยสักนิด 


     

                “เข้าบ้านกัน  เดี๋ยวยุงก็มาหาม”  พูดด้วยท่าทางปกติจนแบคฮยอนแอบคิดในใจว่าทำไมไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง  หรือว่าคนมาสารภาพอะไรแบบนี้เยอะแล้ว  แล้วตกลงคือโอเคเหรอ?  “เอ้าๆ  คิ้วยุ่งกันหมดแล้ว”


     

                อะไรคือลู่หานทำตัวปกติ!  ต่างจากเขาที่ตื่นเต้นจนหน้าชาไปหมดแล้ว  สั่นไปทั้งมือทั้งเท้า


     

                “ฮื่อ  ทำไมคุณไม่เขินรึไง!”  ในที่สุดก็ทนคำเย้าแหยกับนิ้วที่เกลี่ยแก้มแล้วจิ้มๆเหมือนซาลาเปาไม่ไหวเลยต้องหันมาตวัดสายมองอีกคนเขม็งเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน


     

                “หึ  เด็กน้อยเอ่ย  วิธีนี้ไปเอามาจากไหน”


     

                “วิธีอะไรอ่ะ?”  ถามกลับด้วยใบหน้าซื่อๆ  ตอนนี้แบคฮยอนสมองรวนไปหมด


     

                “วิธีสารภาพรักเนี่ย  ไปเอามาจากไหน...”  ปัดปอยผมที่ลู่ลงปกปิดหน้าผากเพราะเหงื่อ  ฝามือหนาเสยผมขึ้นเผยให้เห็นผิวขาวๆเข้ารับกับปากสีชมพูอมแดงระเรื่อ  น่ารักราวกับเด็กที่ยังไม่บรรลุเรื่องหัวใจ  ร่างสูงจ้องเข้ากับดวงตาเรียวเล็กของแบคฮยอนรอคำตอบ


     

                “คิดเองอ่ะ”  เสียงตอบแผ่วเบา  ท่าทางเคอะเขินมองอีกคนที่มีท่าทีไม่สะทกสะท้าน


     

                “หื้อ  พูดดังๆให้ฟังหน่อยสิ  พูดแบบที่แปะให้กระดาษ”  ลู่หานยังคงแกล้งเด็กน้อยของเขาอย่างต่อเนื่อง  ใช่แล้ว...แบคฮยอนเป็นเด็กอ้วนกลมของเขา  “อะไรนะ  เดี๋ยวนะ...อ๋อ  วันนั้นไม่ได้หลับนะแกล้งหลับรู้ป่ะ  ร้ายกาจจะนะเรา”


     

                “คุณ!  อย่าดึงซี่...แก้มผมไม่ใช่หนังยางนะ...ดึงยืดซะ”


     

                “หึ  น่าแกล้งนี่หว่า  คนไรวะหน้าแดงแม่งก็ยังน่ารัก”  ได้ทีก็พูดออกมาหมดเปลือก  อยู่กับแบคฮยอนมันเหมือนกับได้ของขวัญจากพระเจ้า 


     

                แบคฮยอนเบ้มากคว่ำ!  ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนลู่หานก็ยังหยาบคาย


     

                “ฮื้อ  ผมไม่แล้วดีกว่า  ยุงกัด”


     

                “เขาบอกยุงมักกัดคนอ้วน...”


     

                “ตลกแล้ว  ไม่เห็นเคยได้ยินวันนั้นคุณก็โดนกัดนะ”  ยื่นปากต้อปากต่อคำ  ลู่หานหมั่นไส้ท่าทางต้อต้านจนต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆให้อีกคนอายมากกว่าเก่า


     

                “เหรอ...แต่อ้วนก็ชอบนะรู้ปะ...”


     

                คนตัวเล็กเบิกตากว้างอ้าปากพะงาบๆ  สมองตอนนี้ลอยเคว้งคว้างท่ามกลางมูมวลประชากรยุงเป็นที่เรียบร้อย


     

                “พูดไม่อายรึไง”  เดินถอยหลังจนเกือบจะหงายท้อง  ทว่ามือแกร่งของคนทำงานหนักก็มาคว้าตัวเข้าไปกอด...การกระทำรวดเร็วแบบที่แบคฮยอนไม่เคยเจอเลย 


     

                “ขอบคุณนะ...ขอบคุณที่เวลาทุกข์ก็อยู่ข้างกัน  ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรียกกว่าอะไรระหว่างชอบกับรักหรือมากกว่านั้นคือการกระทำ  ฉันก็แค่...คิดว่าถ้าอยู่ด้วยกันคงดี  อยู่ข้างกันแบบนี้ไปอีกนานๆ อยากมีนายอยู่ด้วยกันตลอดไป  ก่อนถึงเวลานั้นที่ต้องจากกัน...เราอย่าเพิ่งไปคิดถึงวันนั้นเลยนะ”



               “อื้อ...”  มือเล็กกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก  ซุกหน้ากับไหล่กว้างที่เห็นกี่ครั้งก็รู้สึกปลอดภัยเสมอ


     

                แบคฮยอนไม่อยาก...ไม่อยากจากลู่หานเลยสักนิด


     

    25%

     

                “อันนี้เรียกโต๊ะดราฟไฟใช่มั้ยคุณ”  แบคฮยอนสะกิดไหล่คนตัวโตกว่าแล้วถามด้วยความสงสัย  “มันแตกต่างกับโต๊ะดราฟธรรมดายังไงอ่า”  คนตัวเล็กช่างเจรจาถามเป็นจำมัยไม่หยุด

     

                “เออ  มันก็โต๊ะเขียนแบบนั้นแหละ  ถามเยอะจริง” ลู่หานเอื้อมมือที่เพิ่งล้างฝุ่นออกจากห้องเก็บของตอนขนย้ายโต๊ะออกมาลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำสนิท  แบคฮยอนเหมือนลูกหมาเวลาลูบผมแล้วรู้สึกดี


     

                “อยากรู้นี่นา  ถ้ารู้ว่าพ่อผมมีผมขนมาให้คุณใช้แล้วอ่า...ขอโทษน้า”


     

                “อื้อหึ  แล้วอุปกรณ์พวกนี้ยกให้หมดเลยเหรอ?  ของพ่อเรานิ”  ร่างสูงเช็ดคราบฝุ่นออกจากอุปกรณ์คุณภาพดีหาตามท้องตลาดไม่ได้บ้างก็มีอย่างทะนุถนอม  “อันนี้หลายพันนะเนี่ย”  อย่างที่รู้ๆกันว่าพ่อเขาไม่ได้สนับสนุนเรื่องเรียนอินทีเรีย


     

                “อ่าฮะ  เอาไปเลยมันเป็นของคุณแล้ว  ผมว่าพ่อต้องดีใจแน่ๆ”  แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างแบบที่สดใสที่สุดเวลามีความสุข  เช่นเดียวกับลู่หานที่ยิ้มกว้างจนเกิดรอยยับบนใบหน้า  เท่านั้นแหละ  แบคฮยอนก็หัวเราะร่า


     

                “เด็กบ๊อง  จะให้หน้าเรียบเนียนเหมือนเด็กอายุสิบเจ็ดรึไง” โยกหัวคนตัวเล็กไปมาเป็นการลงโทษ  พอหันมาสนใจเช็ดไม้บรรทัด  แบคฮยอนก็ทิ้งตัวลงนอนบนตักเขาปั๊บ  “ทำไมวันนี้อ้อนจังครับคุณบยอน”


     

                “คุณอ่า...ผมง่วง”  นิ้วเรียวสวยขยี้ตาสองสามทีก็เอามือออกเพราะนึกได้ว่าลู่หานไม่ชอบให้ทำเพราะตาจะคล้ำได้


     

                “ง่วงก็ไปอาบน้ำนอน  นอนที่พื้นมันเย็น” 


     

                “อื้อ...อยากนอนตรงนี้อ่ะ...อุ่นจัง”  เขาพูดจริงนะ 


     

                “ทำไมอ้อนจังวะ  หน้ามือเป็นหลังมือเลยฉันรับมือไม่ทัน”  ตามจริงลู่หานแอบเขินอยู่นิดหน่อยหลังจากที่ตอนนี้สถานะมันอัพระดับขึ้นมาทั้งยังหาชื่อเรียกไม่ได้แต่ก็รู้สึกดีมากไม่น้อย  “เออวะ!  เวรละ” 


     

                อยู่ๆลู่หานก็สบถหยาบคายขึ้นมาลอยๆ  ผลักหัวกลมๆของคนที่เพิ่งบอกว่าชอบไปกองกับเพื่อนแล้วตัวเองก็วิ่งหายออกไปนอกบ้าน  ทิ้งความเอ๋อเอาไว้ที่คนอ้วนกลมฉายาใหม่ที่เพิ่งได้มาเสียอย่างนั้น  แบคฮยอนกอดอกพองลมจนแก้มพอง  อุตส่าห์เปิดนิยายเล่มโปรดสุดโรแมนติกมาอ่านแล้วหวังว่าจะเป็นไปตามเนื้อเรื่องที่พอบอกชอบกันแล้วก็เกินความเคอะเขิน...แน่นอนว่าอันนี้มันไม่ผ่าน...ลู่หานไม่อายเลยสักนิด  หลังจากนั้นก็จะเกิดความหวาน...


     

                อันนี้ก็ไม่มีอีก แบคฮยอนเซ็ง!


     

                แกร๊ก





     

                ลู่หานเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ายุ่งๆ  ขยี้หัวอารมณ์เสียมาจากไหนไม่รู้เหมือนกัน  แต่ลูกหมาบยอนมองหน้าเขาตาปริบๆ  พอเดินพ้นเสาบ้านมาได้ก็เผยให้เห็นวัตถุบางอย่างที่ทำให้ดวงตาเรียวหางตกเบิกกว้างกระดิกหางเหมือนลูกหมาจริงๆ


     

                “เต้าฮวย!!”  ตะโกนลั่นบ้านด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าตุ๊กตาขนปุกปุยนุ่มนิ่มถูกยื่นให้ตัวเอง  ไม่รีรอเล่นตัวอะไรทั้งสิ้นคว้าหมับเข้าที่ตัวของมันแล้วดึงมากอด


     

                “รู้จักเหรอวะ  มันอัดเสียงได้ด้วยนะ”  เกาหัวแก้เขิน  ส่วนคนที่ถูกถามก็พยักหน้าหงึกๆ “เออเอามาให้ในวันดีเดย์  แต่อันนี้คงกินไม่ได้แล้ววะ”  ชูกล่องอะไรสักอย่างที่เปียกโชก


     

                “...”


     

                “เค้กไอติม  แม่งละลายหมดละ”


     

                “งื้อออ  เสียดายกดเลยแง๊”  พอรู้ว่ามันคืออะไรแบคฮยอนก็เบะปาก  เด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีล่นอายุไปเหลือแค่ห้าขวบ 


     

                “ไม่ต้องร้องเว้ย  เดี๋ยวค่อยพาไปกินก็ได้  ถ้าเห็นว่าร้านมีมากกว่าไอติมจะว้าว”  คนตัวโตกว่าทำหน้าตื่นตาตื่นใจมากหลังจากค้นพบร้านของหวานที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีได้ก่อนจะเดินละจากคนตัวเล็กที่ทำตาเว้าวอนว่าไม่มีของมาตอบแทนคำขอบคุณนี้ได้ 


     

                “ฮื่อ...ขอบคุณนะคุณ”  วิ่งตุ๊ต๊ะมาพรอมตุ๊กตาหมาอ้วนนั่นที่ใหญ่ครึ่งตัวของแบคฮยอนได้


     

                “เออๆไม่เป็นไร” 


     

                แล้วอีกสิ่งที่คนตัวเล็กได้รับรู้คือ...ลู่หานขี้อายจะพูดคำหยาบไม่หยุดเลยล่ะ

     






     

     




     

                แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่แบคฮยอนนอนกลิ้งอยู่บนที่นอนสีขาวสะอาดตากับลายผ้านวมลายอะไรสักอย่างที่ดูแล้วมันไม่รกตา  ตื่นมาพร้อมเห็นหน้าน้องหมาสีขาวเต้าฮวยกับ...อีกคนที่ชวนใจเต้นระทึก


     

                “อื้อ...หูมันทิ่มตา”  เสียงแหบพร่าพูดขึ้น  ดึงเจ้าตุ๊กตามันออกห่างระหว่างที่มันกั้นกลางไปไว้ข้างหลัง  แล้วลากเจ้าเด็กดื้อที่ตื่นแล้วแต่ไม่ยอมลุก  แถมยังแกล้งเอาเต้าฮวยมาปัดหน้าเขาอีกให้มาอยู่ในอ้อมกอด

     

                “คุณ!  อย่ามาแตะอั๊งผมนะ”  ปากเรียวสวยว้ากขึ้น  มือตีป้าบที่ไหล่กว้าง


     

                “อย่าดื้อดิวะ  ถ้าตื่นแล้วทำไมไม่ลุก”


     

                อ้าว...


     

                “ยังไม่ตื่น  หลับตาอยู่”


     

                “อย่ามามั่ว...เห็นนะว่าลืม  ขี้เซา”


     

                อ้าวแล้วใครกันที่ลากเขาขึ้นมานอนได้แล้ว  บอกว่ามันดึกไว้แต่งนิยายต่อพรุ่งนี้เช้าก็ได้


     

                แบคฮยอนยู่ปากย่นจมูก  ดีดตัวออกจากกอดของคนตัวโตแล้วเดินปั้นปึงเสียงดังออกไปข้างนอก  ไว้วายหันมาหยิบผ้าเช็ดตัวตรงราวตากที่ลืมเอาไปเก็บห้องตัวเองพาดไหล่มาด้วย  อาบน้ำให้หายเคืองสดชื่นรับวันใหม่ดีกว่า


     

                พอร่างท้วมของแบคฮยอนเดินอุ้ยอ้ายออกจากห้องไปแล้ว  ยังไม่ทันหลับตาดีเสียงมือถือก็ดังขึ้น  ลู่หานขมวดคิ้วแน่นมองเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่คุ้นตาก็ลังเลจะรับดีมั้ย  เพราะนี่เพิ่งหกโมงยังไม่ใช่เวลาตื่น 


     

                “ฮัลโหล”  ในที่สุดก็ตัดสินใจหลับสายทั้งที่ตายังปิดอยู่


     

                ลู่หาน... น้ำเสียงเนือยๆของปลายสายเรียกให้อีกคนตื่น  เป็นเพื่อนกันมาตั้งนมนานทำไมจะจำเสียงไม่ได้ 


     

                “คยองซู  ว่าไง  แล้วนี่นายเอาเบอร์ใครโทรมา”  ร่างสูงตะแคงนอนหันหน้าออกมาทางประตูห้องแล้วหลับตางึมงำในลำคอด้วยความง่วง


     

                คือเราจะเข้าไปหาแต่เช้าประมาณเจ็ดโมงได้มั้ย


     

                “หื้อ?  มีอะไรเปล่า”  อินทีเรียหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย


     

                พอดีว่าทำต้นฉบับหายน่ะสิ  เอาไปให้แบคฮยอนตั้งแต่วันนั้นสงสัยลืมทิ้งไว้


     

                “อ๋อ  ได้สิๆ”


     

                จ้า  งั้นเจอกันนะ


     

                วางสายแล้วหาววอดๆก่อนทิ้งตัวนอนลง  ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรทั้งนั้น...

     

     

    45%


     

     

     

    แบคฮยอนกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว  คิดไว้ว่าทำเสร็จค่อยไปปลุกอีกคนมาทานเพราะลู่หานคงเหนื่อยจากการทำงาน  แต่แล้วเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น  คนตัวเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนเดินอุ้ยอ้ายไปเปิดประตูบ้าน  เขารู้สึกว่าช่วงนี้จะขยับทำอะไรก็หนักตัวไปหมด  เมื่อเดินออกมาถึงห้องรองเท้าก่อนจะเปิดประตูออกไป พบกับแขกของเช้านี้


     

    เอ่อ  แบคฮยอนสวัสดี คยองซูยิ้มแย้มอย่างน่ารักส่งให้เพื่อนตัวกลม  "คือว่าลืมของไว้เมื่อครั้งที่แล้ว  ต้นฉบับที่จะเอามาให้แบคฮยอนดูน่ะ"


     

    แม้เขาจะงงๆว่าอีกคนเอามาให้เขาอ่านตอนไหนก็ตาม  เชิญแขกเข้าบ้านแล้วเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟท่า  ว่าจะตามลู่หานมาให้แต่เพื่อนตาโตจิ้มลิ้มบอกไม่เป็นไร  สรุปเลยได้นั่งอยู่กันสองคนให้ห้องรับแขก


     

    “ขอโทษที่มารบกวนน้า”  ยิ้มกว้างส่งให้อีกคนที่กำลังทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวใกล้ๆกัน


     

    “ไม่รบกวนอะไรเลย  คยองซูทานข้าวมารึยังทานด้วยกันมั้ย”  แบคฮยอนดีใจที่มีเพื่อนมาหาเขาเลยจะชวนทานข้าว  ทว่าอีกคนกลับส่ายหน้า


     

    “ไม่เอาดีกว่า  เรามีทานข้าวกับที่บ้าน  จะรีบมาเอาของแล้วก็กลับเลย”  ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบนิดๆพอเป็นมารยาท  “ลู่หานนอนตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”  คยองซูยู่ปากเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองยังไม่ยอมตื่น  ขนาดโทรมาบอกแล้วนะยังไม่รู้จักลงมาต้อนรับกันเลย


     

    นิสัยเปลี่ยนไปจริงๆด้วย


     

    “ให้เราปลุกให้มั้ย”


     

    “ไม่ต้องหรอกๆๆ  เรามาแค่นี้แหละ”  เอ่ยถึงต้นฉบับก่อนหน้านั้นทำให้แบคฮยอนที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตาของมันเดินงงๆหา  แน่นอนว่าคยองซูก็ลุกขึ้นมาช่วยห้าด้วย


     

    “อื้อ...จำได้ว่าเราวางให้แบคฮยอนตรงหน้าคอมฯนะ”  ชะเง้อขอมองแบคฮยอนที่มุดๆหาในชั้นวางหนังสือ

    “อ้อ...คือ...”  แบคฮยอนยิ้มแห้งๆให้อีกคน  สีหน้าสำนึกผิดฉายบนใบหน้า  “เราขอโทษนะคยองซู  เราไม่ได้อ่านเลยอ่ะ”  แบคฮยอนยิ้มแหย


     

    ก็นั้นแหละ...ที่คยองซูต้องการ


     

    “เอ่ย  ไม่เป็นไรๆ  เราจะไปส่งพอดีเลยคิดว่าเอ๊ะหายไปไหน”  ส่งยิ้มกลบเกลื้อนไปให้แบคฮยอน  คนตัวเล็กปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจทันที  รีบหยิบซองต้นฉบับส่งให้คยองซูทันที


     

    “งื้อ  ขอให้เราเข้ารอบกันเนอะ”  ความซื่อที่คยองซูมองว่ามันช่างโง่เง่าสิ้นดี  


     

    “อื้ม”  ยิ้มเจือปนความสะใจหลังจากนี้... คนที่กำลังจะเดินหนีไปกลับต้องชะงักเพราะประโยคหลังจากนี้


     

    “ดีจังเลยน้า  ต่อไปเราต้องมาพยายามทำความฝันให้เป็นจริงนะสู้ๆ”


     

    ...


     

    “อื้อได้สิ  งั้นไปก่อนนะแบคฮยอน  ฝากทักทายลู่หานด้วย”  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าวูบหนึ่ง...ความรู้สึกมันเหมือนกับเพื่อน


     

    ไม่หรอก...เขาต้องทำอะไรสักอย่าง...ก่อนที่ข้างเขาจะไม่เหลือใคร


     

    และแบคฮยอนก็ไม่ได้รู้เลยว่า  รอยยิ้มที่ตนคิดว่าสดใสและคนที่เรียกว่าเพื่อนจะทำกันได้ลงคอขนาดนี้ 













     

     

     

    เมื่อหลายวันต่อมาโทรศัพท์รุ่นฝาพับแผดเสียงกริ๊งแบบโบราณขึ้นระหว่างที่ทั้งคู่กำลังดูหนังเรื่องใหม่ที่ลู่หานซื้อแผ่นมา  คนตัวเล็กผละศีรษะที่เอนซบกับไหล่ของลู่หานออกแล้วมือเรียวควานหามือถือตรงเบาะข้างๆก็ไม่เจอเลยหันไปยังโต๊ะทำงานหน้าคอมฯ


     

    “เดี๋ยวมานะคุณ”  ส่งถังป๊อบคอนรสชีสให้ร่างสูงที่โน้มลงมาหอมแก้มแบคฮยอนฟอดหนึ่งก่อนปล่อยตัวออกจากกอดอุ่นๆ


     

    ให้ตายสิ! แบคฮยอนเขินจนลืมไปเลยว่าต้องไปรับโทรศัพท์


     

    คนตัวเล็กเดินกลมกลิ้งมารู้สึกหนักๆตัว  ในหัวพลางคิดว่าหลังจากวันนั้นอยากจะออกกำลังกายลดน้ำหนักอย่างจริงจัง  จนไม่ได้ทันได้สังเกตหมายเลขโทรเข้า  นิ้วเรียวกดรับสายตามความเคยชินจนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยถูกส่งมา


     

    แบคฮยอน’  ชานยอลเอ่ยทักก่อน


     

    “อะ...อ้าวชานยอลเองเหรอ”  แบคฮยอนออกจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเป็นชานยอลที่โทรมาก่อนวันประกาศสินหนึ่งวัน  และพอชื่อของร่างโปร่งหลุดออกจากปากหูลู่หานที่ผึ่งก่อนหน้าก็ผึ่งมากขึ้นอีก  คนตัวโตกดหยุดหนังไว้แล้วหันมากอดอกตั้งใจฟัง  “มีอะไรรึเปล่า  พรุ่งนี้ก็จะประกาศผลแล้วนะ แหนะ  อย่าบอกนะว่าจะบอกเราก่อนเหรอ!”  คนตัวเล็กถามตลกๆแบบที่ชอบคุยกับชานยอลประจำ  ทว่ารอบนี้กลับไม่มีน้ำเสียงขี้เล่นหรือเสียงหัวเราะลอดผ่านมาเลยสักนิด


     

    ฟังนะ...คือนายต้องทำใจดีๆไว้แล้วฟังให้จบ ชานยอลรู้สึกเครียดมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงครางรับในลำคอเบาๆ  ‘ฉันอยากถามนายแค่คำถามเดียวตอนนี้...


     

    “หื้อ?  อะไรเหรอ”


     

    ...แบคฮยอน  นิยายที่ส่งมานี่...’  เขาได้ยินเสียงถอนหายใจปลงๆก่อนจะตามด้วยเหนื่อยๆ  ...คือ  ฉันไม่ได้สงสัยนายนะแบคฮยอนแต่อีกฝ่ายเขาบอกมาว่ามีหลักฐาน


     

    คำพูดที่ฟังไม่เคลียของชานยอลทำเอาอีกคนใจคอไม่ดี  วูบโหวงตรงหน้าอกแล้วสมองก็เริ่มตื้อ  ลู่หานเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเดินมาฟังด้วยคน


     

    นายได้คัดลอกผลงานของคยองซูรึเปล่า...แบคฮยอนตอบฉันมา


     





     

    !!

     

               ใบหน้าหวานชาวาบราวกับโดนตบฉาดเข้ามาไม่ทันตั้งตัว  คำถามที่ไม่เคยคิดว่าเกิดมาจะได้ฟังเลยเพราะแบคฮยอนต้องไม่มีวันแน่ๆ...ไม่มีวันทำลายความฝันตัวเองโดยการคัดลอกผลงานคนอื่นแน่นอน  แล้วอะไรคือชานยอลเพื่อนของเขาถามออกมาว่า...เขาลอกผลงาน คยองซูรึเปล่า

     

                “แบคฮยอน...”  ลู่หานกระซิบเรียกด้วยความเป็นหวง  คนถูกเรียกหันมาทำหน้าตาเหรอหราประมาณว่า คุณเกิดอะไรขึ้นไม่รู้


     

                “ไม่นะ  เราว่าต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆเลย”  แบคฮยอนหันไปสนใจกับโทรศัพท์อีกครั้ง


     

                ตอนแรกฉันก็คิดว่าฝ่ายบก.เขาคงเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ  แต่พออ่านแล้วมันเหมือนกันเป๊ะ  มีแค่ส่วนน้อยที่ต่างกัน  อีกอย่างคยองซูเขาบอกว่าแบคฮยอนอาจจะจำเอาต้นฉบับคยองซูไปคัดลอกก็ได้เพราะเขาบอกทิ้งไว้ที่บ้านนายตั้งหลายวัน


     

                “ห๊า  ผมยังไม่ได้เปิดดูข้างในเลยด้วยซ้ำ”  น้ำเสียงแบคฮยอนเริ่มไหวเล็กน้อยจนคนที่พูดสายด้วยสังเกตได้  “ถ้ายังไง...”


     

                เข้าใจใช่มั้ยว่าฉันทำอะไรไม่ได้...มันอยู่ที่ทุกฝ่ายจะต้องหาต้นตอหรือต้องมีคนใดคนหนึ่งยอมความกัน  แล้วต้องมีคนเสียสละ


     

                “หมายความว่า?”  แบคฮยอนเว้นวรรคช่วงของประโยคหนึ่งเอาไว้  เขาว่ารู้ว่าตอนนี้ตัวเองหายใจติดขัดแค่ไหน 


     

                “เกิดอะไรขึ้น”  ลู่หานไม่ได้ยินว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน  แต่เพราะสีหน้าแบคฮยอนที่ส่งมาเศร้าจนใจหาย  ร่างสูงรั้งให้ร่างเล็กหันมาหา...พวกเขาจ้องหน้ากันครู่หนึ่งก่อนที่แบคฮยอนจะโถมเข้าใส่อีกคน  เขาเบะปากเล็กน้อยหูก็ยังคงฟังปลายสาย


     

                “ผมต้องถูกตัดสิทธิ์ใช่มั้ยครับ”  ประโยคที่กลั้นใจถามออกไปกับแรงกอดรัดแน่นจากแขนเล็กๆข้างหนึ่ง  “อื้อ...คยองซูเขาบอกแบบนั้นเหรอ...”  ประโยคที่ชานยอลพูดออกมาทำเอาแบคฮยอนชะงักรีบล่ำลาก่อนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว


     

                ลู่หานขมวดคิ้วแน่นมากกว่าเดิม กำลังประติดประต่ออยู่ก็รู้แล้วว่าลางดราม่าต้องมา  เขาไม่อยากให้แบคฮยอนทำหน้าอมทุกข์ไว้คนเดียว  หลังจากวางสายไปสิ่งที่สัมผัสได้คือเสียงสะอื้นแล้วความรู้สึกชื้นๆแถวหัวไหล่


     

                “เกิดอะไรขึ้นวะ”  เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม  เขายกมือลูบหัวเด็กน้อยของเขาเบามือ


     

                “...คุณ  ทำไงดีอ่า...เขาบอกว่าผมลอกนิยายเขา”  แบคฮยอนตอบตรงจุด  เป็นอย่างที่ลู่หานคิดไว้

                “ไม่เอาไม่ร้องดิเฮ้ย  นายไม่ได้ทำป่ะวะ”  แบคฮยอนซบหน้าลงกับไหล่กว้างแล้วกอดลู่หานให้แน่นขึ้นพอๆกับอีกคน

     

                ช่วงหลังมานี้เขาอยู่กับแบคฮยอนตลอดเวลา  ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นปีแต่แบคฮยอนดูง่ายซะยิ่งกว่าแก้วใส  ทะลุปุโปร่งทางความไปหมด...ไม่มีทางหรอก  เรื่องจะลอกงานคนอื่นนี่บายไปได้เลย


     

                “คุณเชื่อผมเหรอ...ฮือ  ผมเปล่าลอกงานคยองซูนะ”  แบคฮยอนเหมือนกำลังหน้าชา  มันคิดอะไรไม่ออกสมองตื้อไปหมด 


     

                สิ่งที่ทำเขาร้องไห้หนักอย่างนี้คือความปวดหนึบในใจหลังจากรับรู้ว่าคยองซูจะไม่ยอมเขาถ้าหากเขาไม่ไปรับผิด...


     

                แบคฮยอนไม่ได้ทำ


     

                หัวกลมๆส่ายหน้าไปมาแล้วพึมพำว่าตัวเองไม่ได้ทำๆ  อากัปกิริยาที่ลู่หานสงสารจับใจแล้วปลอบประโลมคนที่อ่อนไหว  


     

                “ฉันเชื่อนายนะแบคฮยอน...อย่าร้องเลย  นายไม่ได้ทำ”


     

                “คุณ...พูดจริงเหรอ  ฮึก...ไม่ได้พูดหลอกกันใช่มั้ย”  น้ำตาใสไหลอาบแก้มกลมของคนตัวเล็กที่เขามักบอกเสมอว่าไม่ชอบเลยเวลาแบคฮยอนร้องไห้  “ชานยอลเขาพูดเหมือนไม่เชื่อผมเลย  ฮึก...ผมเสียใจ”


     

                “ต่อในคนทั่วโลกลงความเห็นว่านายทำ  แต่ในเมื่อนายบอกไม่ได้ทำฉันจะเชื่อว่านายไม่ได้ทำร้อยเปอร์เซ็น”  นิ้วโป้งของคนทำงานไล่เกลี่ยน้ำตานั้นออกก่อนจะไหลเป็นคราบน้ำตา


     

                “ผมไม่ได้ทำ...”


     

                “อื้อ  ฉันเชื่อแล้ว”  ในที่สุดอีกคนก็ปลอบใจด้วยคำพูดต่อไปไม่ไหว  รู้ว่าตอนนี้อีกคนกำลังย่ำแย่มากแค่ไหน  สภาพจิตใจตอนนี้ที่เขากลัวเหลือเกินว่ามันจะกลายเป็นหลุมดำทำให้อีกคนไม่กล้าเดินทางนี้อีก  ลู่หานรั้งร่างเล็กที่ดวงตาบวมเป่งเข้ามากอดเต็มแรงรัก  จูบซับขมับให้ผ่อนคลาย  ไม่เบื่อที่จะพร่ำบอกคำๆนี้อีกหลายพันครั้งในหากมันคือสิ่งที่เขาเชื่อและแบคฮยอนบอก  “ฉันเชื่อนาย...พอๆกับที่ฉันบอกรักนายนะเด็กโง่” 




     

                เท่านั้นแหละ  คนที่เคยรู้สึกว่าอ้างว้างก็บ่อน้ำตาแตก ปล่อยโฮตลอดเย็นวันนั้นโดยมีลู่หานอยู่ข้างๆไม่ห่าง











     

     

                “คุณ...เราจะไม่ไปหาชานยอลจริงๆเหรอ”  คนตัวเล็กซุกตัวชันเข่าออดอ้อนอีกคนหลังจากร้องไห้มาทั้งคืนอย่างหนำใจจนเช้าวันต่อมาก็มาดื้อจะขอไปเจอชานยอลแล้วดูต้นฉบับของคยองซู


     

                “ก็ในเมื่อมันบอกว่ายังไงก็แก้อะไรไม่ได้แล้วนอกจากตัดสิทธิ์นายไง  จะไปทำไมวะ”  ลู่หานพูดมือก็พลางกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆไม่สนใจแบคฮยอนที่เบะปากจะร้องไห้อีกรอบ


     

                “ทำไมต้องพูดจาใจร้ายด้วย  ตกลงคุณเชื่อใจผมจริงป่ะเนี่ย”  กอดอกพ่องลม  จนผู้อาศัยมองเจ้าของบ้านแล้วยิ้มขำ

     

                “ต้องให้พูดอีกป่ะ...ว่า”


     

                “ฉันเชื่อนาย...พอๆกับที่ฉันบอกรักนายนะเด็กโง่”  ประโยคที่ทำให้คนตัวเล็กเอ่ยแทรกก่อนที่อีกคนจะพูดให้เขาหน้าแดงเพราะเขินไปมากกว่านี้  เมื่อคืนร่างสูงพูดคำนี้หลายร้อยรอบจนใจที่แตกไปแล้วของแบคฮยอนกลับมาหลอมรวมกันได้ใหม่อีกครั้ง  “ฮื่อ  ถ้างั้นเราต้องหาความจริงสิคุณ”


     

                “นี่...ที่ไม่พาไปเพราะว่าไปก็ทำอะไรไม่ได้  ถึงรู้ความจริงไปมันอาจจะทำให้นายแย่ไปกว่านี้นะ  จะไปดูเพื่อตอกย้ำทำไมวะ”


     

                “งั้นไปหาคยองซูได้มั้ย  อย่างน้อยก็น่าจะไปบอกว่าผมไม่ได้ทำ  ผมไม่อยากเสียเพื่อนไปนะคุณ”  แบคฮยอนก้มหน้าชิดอก  นึกถึงคำพูจัดพ้อของเพื่อนน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีก  เขารักเพื่อนมาก...ยิ่งเพื่อนน่ารักๆดีๆแบบคยองซู


     

                “อื้อ  ถ้าอยากไปก็ไป”


     

                “อ้าว  ทำไมง่ายจังทีขอไปหาชานยอลไม่ให้อ่ะ” 

     

                “หึง!  จบนะ  ไปอาบน้ำก่อนละ”


     

                อื้ม...ชัดเจนเลย
     




    75%




                “รอนานมั้ย”  แบคฮยอนเดินลงมาหลังจากอาบน้ำเสร็จพร้อมออกไปหาคยองซูที่บ้าน  ในอ้อมแขนกอดเจ้าเต้าฮวยน้องหมาอัดเสียงเคียงคู่กันลงมาด้วย  “ปะไปกัน”


     

                คนตัวเล็กเดินมาคว้ากุญแจบ้านก่อนเกาะแขนคนตัวสูงออกไปใส่รองเท้า  กดล็อกบ้านชั้นในเรียบร้อย  แบคฮยอนก็ไม่ลืมที่จะกระชับเจ้าหมามีเจ้าของให้แน่น


     

                “จะเอาไปทำอะไรเนี่ย”  ลู่หานเห็นแล้วรู้สึกเกะกะทางสายตามาก  เจ้าหมานั้นจ้องมองหน้าเขาแป๋วอย่างออดอ้อนพอๆกับเจ้าของราวกับมีชีวิต


     

                “ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง  เลยกดอัดเสียงลงในตุ๊กตาดู...ไม่รู้สิ  ผมจะขอโทษหลังจากให้เขาฟังจบ”  บอกสิ่งที่เตรียมไว้แล้วลากคนขี้เกียจให้ขึ้นรถอย่างไว  ทว่ายังไม่ทันออกจากตัวบ้านพลันเห็นรถคันหนึ่งขับเข้ามาพอดี 


     

                “เอ๋  ใครมาหาเราอะคุณ  หรือมากลับรถ”


     

                “จะบ้าเหรอวะ  ลึกขนาดนี้กลับหน้าซอยก็ได้”  อินทีเรียหนุ่มขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นว่าเป็นรถของใคร  “นั่นมัน...มาทำไมวะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

                แบคฮยอนมองบ้านหลังใหญ่โตแต่ละหลังนอกกระจกรถที่หรูหราอลังการกินกันไม่ขาดหลายสิบหลัง  หมูบ้านในกรุงโซลที่ขึ้นชื่อว่าค่าที่ดินโหดแพงหูฉีกที่สุดในเกาหลี  คนตัวเล็กอ้าปากกกว้างตื่นเต้นไม่หยุดจนคนขับได้แต่ยิ้มสว่างตาม


     

                “นี่  หุบปากบ้างก็ได้นะ  แมงวันบินเข้าไปแล้ว”  ลู่หานเอ่ยแซวเมื่อคนตัวเล็กเริ่มเอาสองฝ่ามือเกาะกระจกเหมือนลูกหมาเห็นเมืองใหญ่


     

                “คุณอ่า  โหยทำไมมีแต่เพื่อนรวยๆ  อย่างชานยอลก็เจ้าของสำนักพิมพ์คยองซูก็อยู่หมู่บ้านใหญ่”  เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเวียนหัวเราะความรวยของคนพวกนี้  อย่างที่เคยได้ยินว่าพวกคนฐานะเท่ากันก็จะคบกัน  อ่า...แล้วแบบนี้แบคฮยอนคงเหมือนกาในฝูงหงศ์รึเปล่า?


     

                “เออ  ก็ไม่ได้ดีนักหรอก...ถ้าไม่ใช่สองคนนั้น...ก็ไม่มีใครจริงใจกับเรานักหรอก  ทุกคนก็เข้ามาเป็นเพื่อนกับเราเพราะผลประโยชน์ของที่บ้าน  แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองรวยนะเว้ยแค่คิดว่าแม่ง..ทุกคนก็ไม่ได้จริงใจเหมือนกันหมดหรอก”  ลู่หานเท้าแขนกับประตูรถ  ยกมือกร้านลูบข้างตัวเอง


     

                “ผมจริงใจนะคุณ...ผมเปล่าหลอกคุณด้วย”


     

                “ฮ่าๆ  ถ้าหลอกนี่คงแย่วะ...หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเนี่ย  เทหน้าตักหมดตัวเลย” 


     

                “อย่ามาหยอด...” คนถูกหยอดก้มหน้างุดกับหมอน  ถูใบหน้าตัวเองไปมาแก้เขิน









     

     

                ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันเบาๆตามประสาก่อนที่ชานยอลจะเลี้ยวรถเข้าไปในซอยหลังสุดของหมูบ้านติดกับป่าชายเลน  สุดทางซอยคือบ้านหลังใหญ่แต่ไม่อลังการทางการสร้าง  ต้นไม้สูงใหญ่มองแล้วชื่นตาราวกับหลงเข้ามาในเรื่องจูลสิคปาร์ค  เงาของร่มไม้บดบังแสงแดดทำให้บ้านดูร่มเย็นมากขึ้น 


     

                แบคฮยอนค่อยๆก้าวลงตามเจ้าของรถที่เปิดประตูให้หลังจากพบว่าคนตัวเล็กของเขายังคงมีสีหน้ากังวล  มือเล็กจับชายเสื้อของอีกคนไว้แน่น กระชับตุ๊กตาน้องหมาสีขาวกับซองสีน้ำตาลในมือแน่น   เงยหน้าส่งยิ้มให้ลู่หานเพื่อเรียกขวัญตัวเอง  ร่างสูงยิ้มกลับพร้อมปัดปอยผมที่บังตาให้ออกห่าง  กระซิบชิดใบหูด้วยคำสั้นๆแต่แบคฮยอนสดชื่นหัวใจ


     

                “จับมือฉันไว้”



     

                เดินเข้ามาในตัวบ้านก็ต้องชะงัก  เมื่อเจอเข้ากับคุณแม่ของคยองซูที่ทราบเรื่องว่าชานยอลมาแต่ไม่กะรู้จักอีกคน


     

                “สวัสดีจ้ะ  นี่ใครเอ่ย”  คุณแม่คนสวยเอ่ยถาม  เธอรู้อยู่บ้างว่าลูกตัวเองนิสัยเป็นเช่นไร  การที่มีเพื่อนใหม่มาคบเธอเองก็รู้สึกดี  ทว่าท่าทีกลับเปลี่ยนไปเมื่อลู่หานแนะนำตัวอีกคนเสร็จสรรพ


     

                “บยอนแบคฮยอน...อ๋อ  ที่ขโมยผลงานลูกแม่ไปใช่มั้ยจ้ะ”  หล่อนรู้สึกแย่มากที่ลูกเธอร้องห่มร้องไห้เพราะผลงานที่ถูกขโมยไป


     

                “ไม่ใช่นะครับ  ผมไม่ได้ทำ”  แบคฮยอนสวนกลับทันควัน


     

                “คยองซูเขาเล่าหมดแล้วค่ะ...ชานยอลเองก็อธิบายให้แม่ฟังแล้วว่าหนูควรจะไป”


     

                ลู่หานกุมมือแบคฮยอนไว้แน่น  พยายามให้คนตัวเล็กมาอยู่ข้างหลัง  เขาไม่อยากให้ใครมาว่าแบคฮยอน...ใช่เขารู้ว่าการมาหาคยองซูจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ตามนิสัยเพื่อนตาโตการหาพวกมาอยู่ฝั่งเดียวกับตัวเองเป็นเรื่องปกติ  ยิ่งแม่ลูกคงผิดถูกไม่สนใจ


     

                “แบคฮยอนเขาอยากจะมาพบคยองซูครับ”  ร่างสูงก้มหัวให้ตามมารยาท


     

                “เห็นทีว่าจะไม่ได้นะจ้ะ  ป้าต้องขอโทษด้วยที่ต้องทำแบบนี้แต่ป้าไม่ชอบขโมย...”


     

                สะอึก...


     

                “แม่!  พอเถอะครับ...”  คล้ายเสียงสวรรค์ดังขึ้นแทรกบทสนทนา


     

                “คยองซู...”  แบคฮยอนมองเพื่อนตาโตด้วยความรู้สึกหลากหลาย  เขาไม่รู้ว่ากลังจากนี้จะคงความเป็นเพื่อนต่อไปอีกได้มั้ย  แต่เขาสัญญาว่าเขาจะยอมรับมัน  “คือ...”  พูดพลางกระชับมือหนาที่ยืนนิ่งเงียบปล่อยให้สองคนได้คุยกัน


     

                “ตามมาสิ   ลู่หานนายรออยู่นี้แหละ”


     

     

                ถึงปากจะบอกลู่หานว่าไม่เป็นไร  แต่พอทิ้งระยะห่างกันมากขึ้นแบคฮยอนก็รู้สึกแย่...แย่ที่ต้องรับรู้อะไรบางอย่าง


     

    ภายในห้องนอนชั้นสองแสนกว้างขวาง  ถูกจัดในสีของไม้สักทำให้ห้องดูทะมึนแต่ปลอดโปร่ง  สองขาเรียวก้าวนำมาในห้องก่อนจะไปยืนข้างบานประตูเชื้อเชิญแขกที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนเข้ามาด้านใน  คล้อยหลังแบคฮยอนมุมปากก็กระตุกยิ้มเหยียดก่อนปรับเป็นสีหน้าปกติ


     

    แบคฮยอนกอดตุ๊กตาในอ้อมแขนแน่น


     

    "มีอะไรก็ว่ามาเลย  ฉันอยากพักผ่อน"  คยองซูกล่าวด้วยน้ำเสียงแสร้งตัดพ้อ   ดวงตากลมโตใสเสมองคนตรงหน้าอย่างหน่ายๆ "นายต้องการอะไรอีกแบคฮๆยอน"


     

    คนถูกถามหน้าชาวูบ  คำพูดเหมือนกับว่าไม่อยากฟังอะไรแล้วงั้นแหละ


     

    "ที่มาวันนี้อาจจะมีผลทำให้นายไม่ชอบหน้าฉันก็ได้  แต่อยากจะบอกว่าฉันไม่ผิดและไม่ได้ลอกผลงานนายเลยนะ"  แบคฮยอนทำหน้ามุ่งมั่น  ถ้าจะตัดขาดเพื่อนก็เอาเลย  มีแค่อย่างหนึ่งที่แบคฮยอนกำลังสงสัย...


     

    "จะยังไงก็ช่าง  ในเมื่อนายไม่ยอมรับฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูด”  คยองซูกอดอกทำหน้าบึ้ง  ชานยอลเขาก็เชื่อใจฉัน...


     

    ขอไม่อ้อมค้อม...”


     

    “จะว่าก็รีบว่ามาเลย”


     

    “จะเป็นยังไงถ้าคนที่บอกว่าเชื่อใจตัวเองรู้ความจริงขึ้นมาว่าคนนั้นแอบเอาผลงานของคนอื่นมาส่งแล้วยังหลอกว่าเขียนเองอีก...”

     

    !!




     

     





     

     

     







    มองตาผมแล้วบอกที
    ว่าในแววตาที่คุณมองมา
    เชื่อใจในตัวผมใช่มั้ย

    ----------------------------------

    อ่านช้าๆนะ...ต่อจากนี้

    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×