ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #28 : - take me home : chapters - 024 { 100% }

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 965
      2
      14 ธ.ค. 57





     

    - Really -


     

    chapters – 024


     

               
     

                Seoul International Design
     

                แบคฮยอนยืนจังก้าอยู่หน้าสถาบันแห่งหนึ่งในกรุงโซลที่สอนเน้นไปทางออกแบบโดยเฉพาะไม่ต้องไปนั่งเรียนวิชาบังคับเช่นภาษาเกาหลี  สังคมบลาๆแบบมหาลัยแต่ไม่มีวุฒิปริญญาตรีเท่านั้นเอง  เขารู้เพราะว่าพ่อเขาเองก็สอนที่นี่จะคุ้นเคยทิศทางแค่ส่วนของออกแบบอินทีเรียเท่านั้น  อีกส่วนเป็นออกแบบดีไซน์เสื้อผ้าเครื่องประดับพวกแคทวอร์คแต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่แบคฮยอนต้องการ...เขาต้องการเจอใครสักคน...

                โอ๊ะ

                นั่นมันพ่อของชานยอลนิ  เขาจำได้...บางทีอะไรๆก็เล่นตลก

                คนตัวเล็กเดินย่องสามขุมตามหลังชายร่างสูงเข้าไปในตัวตึกสถาปนิกออกแบบทรงทันสมัย  แบคฮยอนชะงักตีนแมวพร้อมหาที่กำบังเมื่ออีกคนเดินแว้บเข้าไปในห้องพักครูซึ้งมีประตูเลื่อนปิดกั้นไว้อีกชั้น  หลังจากพ้นเข้าไปสักพักแบคฮยอนก็หันสายหันขวาดูลาดเลาค่อยๆแง้มประตูออกพอให้มีช่องไว้ส่องสถานการณ์ด้านใน

                “ไง”  เสียงทุ้มสุขุมเอ่ยทักทายชายคนหนึ่งในห้องพักครูที่กำลังนั่งดูแบบสเก็ตของนักเรียนอยู่บนโต๊ะ  เขาถอดเสื้อสูทสีเข้มออกวางพาดกับพนักเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนทิ้งตัวลงตามด้วยท่าทางสบายราวกับว่าสนิทกันระดับหนึ่ง  คุณพ่อลู่หานหยิบแบบขึ้นมาดู

                “อ้าว  มาถึงแล้วเหรอครับ”  ใครสักคนที่แบคฮยอนเดาเอาว่าน่าจะเป็นอาจารย์ของลู่หาน

                “วันนี้ก็รบกวนด้วยนะครับ  เป็นลูกค้ารายใหญ่อยู่เขามาปรึกษาว่าลูกชายจะทำผับแล้วอยากได้โมเดลๆหน่อย  ผับยุโรปเดี๋ยวนี้ด้วยๆถ้าเปิดใหนเกาหลีน่าจะได้รับความสนใจมาก”

                “โอเคเลยครับ  เดี๋ยวผมจะติดต่อเขาเป็นสื่อกลางให้...แต่คุณลู่จะไม่บอกลู่หานจริงๆเหรอครับว่าอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนเขาห่างๆ”

                “เฮ้อ นี่แหละที่ฉันมาที่นี่  บางทีนายอาจจะรู้จักลูกชายฉันดีกว่าตัวฉันเองเป็นพ่อของเขาแท้ๆ  คุยกันทีไรเป็นทะเลาะกันตลอด”  น้ำเสียงดูอ่อนลงเมื่อพูดถึงลูกชายคนเล็กของตระกูล 

                “ไม่หรอกครับ  มันมีวิธีการพูดเยอะแยะให้คนฟังรู้สึกดีบางทีเราไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดบังคับแต่ประนีประนอมกัน  ฟังแล้วให้รู้สึกแบบเราเข้าใจเขาจากนั้นค่อยๆสอดแทรกความคิดเห็นแล้วถามเขาว่าดีมั้ย?  เพราะความคิดของคนเราไม่เหมือนกันความชอบความอะไรมันก็ไม่ตรงกันจะให้มาเข้ากันหมดคงเป็นไปไม่ได้”  อาจารย์หนุ่มละวางมือจากกองงานแล้วหันหน้าคุยกันอย่างจริงจังถึงปัญหาครอบครัวของอีกคน   เขาเคยรับฟังตอนให้คำปรึกษาก่อนว่าจะจบแล้วไปทำงานที่ไหนจากลูกชายคนเล็กตระกูลลู่อยู่พักหนึ่ง  ตอนนั้นเลยรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร  พอมาเห็นคนพ่อเลยเข้าใจเข้าไปอีกว่ามันจูนไม่ตรงกันแน่ๆ

                “ที่นายจะพูดคือ?”

    “เราควรพูดคุยกันถึงปัญหาของครอบครัวตอนนี้  ยิ่งคนใกล้ตัวตัวเองอย่างลูก  อย่าปล่อยให้สะสมจนเรื้อรังเพราะว่าหลังจากนั้นมันจะเข้าหน้ากันไม่ติดครับ  ผมต้องขอโทษอย่างมากที่แสดงความคิดเห็นแบบนี้ครับ”

    “ไม่เป็นไรๆ  มันเป็นแบบนั้นจริงๆนั้นแหละ...เพราะฉันบ้านเลยร้อนไม่น่าอยู่เลยสักนิด  พูดอะไรนิดหน่อยหรือรับฟังอะไรแย่ๆก็มาระบายลงกับเขา  ดึงความคิดตัวเองที่หนึ่งของบ้านพอไม่ถูกใจก็ดุด่า...ฉันอยากแสดงออกเป็นบ้าง”

    “...”

    “ให้เขาได้รู้ว่าฉันก็รักเขาไม่น้อยไปกว่าเจ้าคริสเลย”



     







     


     

    แบคฮยอนกลับบ้านมาด้วยสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเขาไม่คิดเลยว่าการหลงในกรุงโซลจะแย่และลำบากมากถึงขนาดนี้  หลังจากรับรู้เรื่องราวความจริงจากคุณพ่อของลู่หานแล้วเขาอยากคุยกับคนแก่หัวรั้นเรื่องนี้ดูเผื่อพวกเขาพ่อลูกจะเข้าใจกันมากขึ้น  ทว่าพอกลับมาถึงบ้านแล้วเงียบเชียบก่อนจะนึกได้ว่า  อ๋อวันนี้เขาไปทำงานกลับค่ำนี้นา

    “เฮ้อ....”  ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า  เขาไม่ชินกับการออกนอกบ้านจริงๆสินะ  ถ้าไม่มีลู่หาน...

    บ้านมันก็เงียบเหมือนเมื่อก่อนนี่เอง...แต่ไม่ชินเลยแฮะ  บ่อยครั้งที่คิดว่าถ้าไม่มีคงไม่เป็นไรแต่พอเอาเข้าจริงกลับเหงา...

    วันนี้ดูเหมือนเขาไร้สาระไปซะส่วนใหญ่กับการหลงทางในเมือง  หมดแรงจะนั่งพิมพ์นิยายหรือคิดเมนูของอาหารกลางวันสำหรับคนเดียว  เขาเลือกจะนอนเหยียดแข้งเหยียดขากับโซฟาแล้วเหม่อมองฝุ่นละอองในอากาศอย่างไร้จุดมุ่งหมาย  เฝ้ารอผู้อาศัยในนามกลับบ้านแต่สำหรับเรื่องหัวใจลู่หานได้เป็นเจ้าของบ้านอย่างเต็มตัว

    เสียงเพลงเบาๆจากแผ่นเพลงของอินทีเรียหนุ่มที่เขายกออกมาจากรถให้บางส่วนเพราะแบคฮยอนบอกว่าชอบมันกำลังบรรเลงไปเรื่อยๆ  ไม่มีเนื้อร้องแต่สัมผัสทางอารมณ์และความรู้สึกเอา

    ครืด ครืด

    เสียงโทรศัพท์แผดเสียงสั่นครืดอยู่บนโต๊ะกระจกเตี้ย  คนตัวเล็กเอี้ยวตัวไปหยิบขึ้นมากดด้วยความเคยชินเลยไม่ทันอ่านชื่อคนโทรเข้า  ในใจก็คิดว่าลู่หานคงโทรมาเตือนเรื่องมื้อเย็นเช่นทุกครั้งเพราะกลัวว่าทำงานเพลินลืมทำข้าวเย็น 

    คิดแล้วโมโห  เห็นเขาเป็นหม้อหุงข้าวรึไง

    “ไงคุณ  เลิกงานแล้วเหรอ” 

    หื้อ?  นี่ชานยอลเองนะ

    อ้าวเวร...

    “ชานยอล  ขอโทษทีๆพอดีเรานึกว่าลู่หานอ่า” 

    อ๋อ...ไม่เป็นไร ปลายสายน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย  แต่ชานยอลก็ยังหัวเราะเบาๆ

    “ง่า...แล้วชานยอลอยู่ไหนเหรอ  เมื่อวานขอโทษน้าออกมาไม่เจอชานยอลแล้วอ่ะ”  พูดถึงเรื่องเมื่อวานแบคฮยอนพาลนึกถึงเรื่องของอีกคนเสียได้  “จริงสิ  ชานยอลเรามีอะไรอยากถามเกี่ยวกับลู่หานกับพ่อของเขา”

    หื้อ  ทำไมเหรอ?

    “คือวันนี้เราไปรู้เรื่องบางอย่างมาอ่ะ...แบบว่า”

    เดี๋ยวนะฉันใกล้ถึงบ้านนายแล้วไว้คุยกัน  ว่าแต่อยากรู้ไปทำไมล่ะ

    “เอ๋  ชานยอลจะหามาเหรอ  ทำไมไม่บอกล่วงหน้าเนี่ยเกือบอดเจอกันแล้วเชียว”

    อ้าวเห็นลู่หานไปทำงานนึกว่านายจะอยู่บ้าน  ออกไปข้างนอกมาเหรอ

    “อื้อใช่เลย...ชานยอลเป็นเพื่อนเราใช่มั้ย?  เพื่อนสนิทอะไรแบบนี้” 

    นะ...แน่นอนสิ  ใช่เพื่อนกัน

    “งั้นเราจะเล่าให้ฟัง...”

    ชานยอลใช้เวลาในการขับรถมาถึงตัวบ้านหลังสีขาวติดแถบทะเลสาบไม่นานนัก  เขาจอดหน้าบ้านพอดิบพอดีพร้อมก้าวลงจากรถรวดเร็ว  ร่างสูงโปร่งก้าวขายาวสง่าเข้ามาภายในบ้านแสนอบอุ่น  แบคฮยอนกำลังนอนเอกเขนกทอดกายยาวพาดขาบนพนักกับเสียงเพลงดังลั่น  ดวงตาหลับพริ้มไม่ได้รับรู้การว่าของเขาเลยสักนิด  แตงโมลูกใหญ่เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นของฝากอย่างดีเยี่ยมถูกวางลงบนโต๊ะอาหารให้โซนของห้องครัว  ชานยอลทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นพรม...นั่งมองหน้าคนตัวเล็กที่นับจากวันแรกตอนเจอกันยังแก้มตอบอยู่เลย  ตอนนี้กับกลมยุ้ยหน้าหยิกแล้ว 

    อยากกอดปลายจมูกหอมแก้มเปล่งปลั่งนั่นดูสักครั้งแต่เขาตระหนักเสมอว่าไม่ใช่ที่ของเขา...แค่อยากดูแลคนตรงหน้าสักครั้งหนึ่งในชีวิต

    “แบคฮยอน...ฉัน”  ราวกับถูกต้องมนต์ให้เอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกลงบดบังขนตางอน...

    “ไอ้ชานยอล...มึงทำอะไรวะ”  น้ำเสียงเย็นวาบดังขึ้นจากทางด้านหลัง  ชานยอลหันไปดูพบกับร่างของเพื่อนสนิทกำลังทำหน้าบึ้งตึงก้าวขามาหาเขาฉับๆ  “กูถามว่ามึงจะทำอะไร?”

    “เปล่า”  ชานยอลยันตัวขึ้นประชันหน้ากับเพื่อนปฏิเสธเสียงสูงพร้อมไหวไหล่  “แล้วนี่มาได้ไง  ไม่ทำงานเหรอวะ”

    “ทำแต่พอดีพักกลางวันเลยจะชวนไปทานข้าว”

    “อ่าฮะ  นายกับแบคฮยอนสนิทกันดีนะแบคที่คยองซูบอก”  ชานยอลยิ้มกว้าง  แม้ในตาจะหม่นหมอง

    “อื้อ  คยองซูกับแกมีอะไรรึเปล่า  รู้อะไรงั้นสิ”

    “ฉันว่าจะคุยกับแกเรื่องนี้  พอดีจะมาชวนแบคฮยอนไปทานข้าวเหมือนกัน”

    “อ๋อ...งั้นไปทานด้วยกันมั้ยล่ะ”  ลู่หานหมาหวงก้างถามหยั่งเชิง  ซึ้งชานยอลก็ได้แต่หัวเราะในลำคอกับกระทำของเพื่อนที่เพิ่งเคยคบเจอตลอดระยะเวลายี่สิบปี

    “ฮะๆ  ก็เอาสิ”  แกล้งตอบตกลงไปงั้น  ความจริงเขาคิดอยู่แล้วว่าว่าไม่เหมาะที่จะเป็นก้าง “เออจริงด้วย  นายระวังหน่อยก็ดีนะตอนอยู่กับแบคฮยอนต่อหน้าแม่ของแก”

    “อื้อ  ขอบใจมากที่บอก  แกคงรู้เรื่องคยองซูใช่มั้ย”

    “ก็ไม่มากเท่าไร...เขารู้ว่าฉันชอบแบคฮยอน”

    “แล้ว?”

    “คยองซูชอบฉัน  บางทีอะไรอาจจะแย่แล้วถ้าถึงตอนนั้นฉันจะช่วยแกเอง...เราไม่รู้ความคิดใครหรอก”

    นั่นคือเรื่องที่ลู่หานถึงกับงง...

    “ว่าไงนะ  เดี๋ยวๆคยองซูชอบแก?”

    “อ่าฮะ”

    ลู่หานทรุดลงกับโซฟาเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างเข้าด้วยกันได้ใจความว่าคยองซูไม่ชอบแบคฮยอนจึงเป็นสาเหตุทำให้เพื่อนตาโตทำลายความฝันคนรักของเขา  ซึ่งเขากำลังจะถูกเพื่อนตัวเองแฉความสัมพันธ์อย่างนั้นใช่มั้ย

    “คยองซูแต่ไหนแต่ไรก็เอาแต่ใจตัวเองมาโดยตลอด  ทำอะไรไม่เคยคิดสักแต่จะต้องได้มา  ตอนนี้มันเลยตาลปัตรกันไปหมด...เมื่อวานไปทานข้าวเหมือนเขาจะพูดอะไรเพราะเขารู้ว่าแกสองคนเป็นมากก่าลูกบ้านกับเจ้าบ้าน   แม่แกรับไม่ได้แน่เรื่องนี้”

    “เขาไม่น่าทำอย่างนั้น...”  ใช่เขาไม่คิดว่าคยองซูจะทำอะไร 

    “อื้อฉันก็คิดแบบนั้น  ช่างเถอะเดี๋ยวจะกลับแล้วแหละพอดีแวะเอาแตงมาให้เฉยๆเห็นแกไม่วางเลยกลัวแบคฮยอนเขาเหงา”  ประโยคสุดท้ายถึงกับทำอินทีเรียหนุ่มชะงักกึก  เจ้าแห่งอารมณ์ดีตั้งใจแหยไม่คิดว่าอีกคนจะตอกกลับ

    “ต่อไปไม่ต้องกลัวเหงาแล้ว  ฉันจะเอาไปทำงานด้วยทุกวันเลย”  ขมวดคิ้วเป็นปม  ลู่หานพอรู้ว่าเพื่อนขี้เล่นแต่ถ้ากับเรื่องคนตัวเล็กไม่มีเล่นแน่ๆ

    “ฮ่าๆ  เสี่ยวลู่หานนี่เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน  ฉันไปแล้วอย่าลืมระวังเรื่องที่บอกล่ะ...”

    พูดจบคนที่ทำเพียงเอาของฝากมาให้  ยังไม่ทันสนทนากับแบคฮยอนก็ต้องรีบกลับออกไป...เพราะเขากำลังเจ็บ

    ใช่  ชานยอลกำลังเจ็บและรู้สึกแย่ที่อิจฉาเพื่อนรักตัวเอง  ซึ่งเขาจะไม่ทำร้ายหรือทำลายจิตใจสองคนนี้ด้วยคำว่ารักของเขา

    อ่า...ฉันแย่จริงๆ....ปาร์คชานยอลคนขี้อิจฉา

     



     

    เสียงช้อนกระทบถ้วยใส่ข้าวสแตนเลสดังแกร๊งเป็นระยะสลับกันตามโต๊ะต่างๆในช่วงบ่ายแก่ๆของวันหนึ่ง  แบคฮยอนถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาด้วยสภาพผมยุ่งเหยิงกระเจิงไม่เป็นทรงด้วยฝาเท้าหนาเพื่อมาทานข้าวกลางวัน  ไม่รู้ทำไมต้องหงุดหงิดใส่เขาด้วยก็ไม่รู้  แค่แอบหลับนิดเดียวเองพอถามถึงชานยอลว่าเขามาถึงรึยัง  คำตอบคือไม่ต้องไปรอแล้วกินข้าว!  สุดท้ายทั้งคู่เลยหยุดอยู่ในร้านไก่ทอดคุณแม่ที่ลู่หานเอ่ยปากชมว่าแซ่บมาก  คำว่าแซ่บมากคือมันอร่อยมาก  มากจริงๆ

    ร้านอาหารที่เกาหลีจะเห็นเฉพาะๆไป  อย่างร้านนี้ขายไก่ทอดเป็นหลักเขาจะเน้นรสชาติไก่ทอดหลากหลาย  มีเครื่องเคียงเป็นสลัดกับของทานเล่นอย่างเฟรนฟรายที่เขาถูกร่างสูงแยกเขี้ยวใส่ตอนสั่งเพราะกลัวอ้วน

    ทั้งคู่สั่งไก่ทอดน้ำผึ้งกับไก่ทอดพริกเกาหลีอย่างละแปดชิ้นเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆสองชาม  มีของทานเล่นเป็นเฟรนฟรายกับสลัดผักชุดใหญ่สุด  พออาหารถูกทยอยมาเสิร์ฟแบคฮยอนก็เริ่มสวาปามอย่างมัวเมา 

    เขาใช้สมองเยอะเดินไป  ต้องกินเพิ่มพลัง!

    “ค่อยๆกิน  เดี๋ยวติดคอตายกลางร้านฉันอายเขาแย่”  ลู่หานทักพร้อมเริ่มลงมือทานของตัวเองบ้าง  ทั้งวันเขาต้องใช้พลังงานกับการเดินดูงานไปไม่ได้พักเลยสักนิด  “แบคฮยอนวันหลังอย่าสั่งอีกนะไอ้เฟรนฟรายเนี่ย”  เขาเอ็ดเมื่อเห็นอีกคนหยิบมันฝรั่งทอดมาจิ้มซอสมะเขือเทศ

    คนตัวเล็กได้แต่พยักหน้าหงึกๆ  ทำตามรึเปล่านี่อีกเรื่อง

    “จริงด้วย ตกลงคุณเจอชานยอลป่ะ  ผมเห็นมีแตงโมวางบนโต๊ะทำไมมาแล้วไม่บอก”

    “เจอ”  ตอบสั้นๆเพราะอยากหยุดเรื่องสนทนา  ทว่าแบคฮยอนกลับยิ่งถามมากขึ้นด้วยใบหน้ากวนโอ๊ยสุดๆ

    “ทำไมไม่บอกผมล่ะว่าเจอฮะ  แล้วนี่ทำไมไม่ชวนเขามาทานข้าวด้วยกันอ่ะ”

    “ถ้าเลิกสงสัยจะให้สั่งเฟรนฟรายไม่ห้ามแล้ว”  เท่านั้นแหละ...โต๊ะมุมในของร้านก็กลับมาเงียบสงบ

    แบคฮยอนทานข้าวไปเรื่อยๆจนรู้สึกอิ่มถึงนึกเรื่องที่อยากคุยกับลู่หานออกมาได้  เขาคิดว่าลองคุยดูก่อนดีมั้ย  คนตัวเล็กคิดอยู่เสมอว่าคนเราไม่ควรโกรธกันหรือทะเลาะกันไปนานๆ  ควรทำดีพูดดีแล้วเก็บเกี่ยวความสุขในช่วงมีชีวิตร่วมกันไว้...ถ้าหากว่าวันหนึ่งไม่มีเขาให้เราคุยเราอาจจะเสียใจที่มานั่งทะเลาะกัน

    “คุณ...ลู่หาน...”

    “ฮะ  อะไรจะขอสั่งเพิ่มเหรอ”  เบิกดวงตาสวยขึ้นพร้อมเอื้อมไปหยิบเมนูจะส่งให้ 

    ลู่หานก็เงี่ย  ปากบ่นว่าแบคฮยอนอ้วนแล้วกลมแล้ว  เอ่ยขัดตลอดการกินแต่ก็สั่งให้ตลอดอะ

    “นี่เห็นผมกินจุขนาดนั้นเลยเหรอไก่สิบชิ้นมันอิ่มลงพุงแล้วเนี่ย  ไม่ช่วยผมกินเฟรนฟรายเลยชิ  สลัดอีก!

    “อ้าว  ก็เห็นกินเยอะนิหว่ากลัวไม่อิ่ม  กว่าจะมือเย็นเดี๋ยวเป็นลมพอดี”

    “งื้อ...เอ่อมีเรื่องอยากบอก...แค่กๆๆ” 

    คุณเจ้าของบ้านน้ำแทบพุ่งยังไม่ทันได้เล่าอะไร  พลันสายตาเหลือบเห็นชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาได้รูปทองคำผลักประตูเข้ามาในร้านบรรยากาศเรียบๆกับหนุ่มหน้าสวยใบหน้าแต้มยิ้ม  ทั้งคู่จับมือกันเดินเข้ามาในชุดเสื้อผ้าทำงาน  แบคฮยอนแทบน้ำลายฟูมปาก

    คุณพระ...สงสัยวันนี้จะไม่ได้เล่า

    และแน่นอนว่าร้านมันไม่ได้กว้างขนาดมองกันไม่เห็นแบบในหนัง  ลู่หานหันไปตามสายตาของคนตัวเล็กแล้วปะทะเข้ากับดวงตาคมกริบแบบมังกรดุดันและน่าเกรงขามเข้าจังๆ  อี้ชิงเองก็ตกใจไม่น้อยที่มาเจอน้องชายของแฟน  เป็นอันรู้ว่าคงไม่ได้ทานข้าวเงียบๆอีกแล้วสิ

    “ไงน้องรัก...หึดูสบายดีนิ”    

    ประโยคทักทายแสนจืดชืด  เย็นชาและกดดันถูกยิงใส่หน้าทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว  แบคฮยอนรีบคว้าหมับมือหนาแสนหยาบกร้านไว้  บรรยากาศร้านเริ่มมาคุแต่ยังไม่เป็นจุดสนใจนัก

     

    “คริส...อี้ขอเถอะ  ไปกินร้านอื่นกันนะ”  อี้ชิงแฟนหนุ่มหน้าหวานสะกิดแขนคนรักพร้อมกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสองคน  เขาไม่อยากเห็นพี่น้องทะเลาะกันเลยนะ...แถมกลัวตัวเองพลั้งปากออกไป

     

    “หึ  พี่เองก็สบายดีนิ...แล้วเพื่อนร่วมงานกับผู้บริหารมากินข้าวด้วยกันดูเหมือนมากกว่าเพื่อนเลยเนอะ”  ลู่หานยินเต็มความสูงโต้กลับแบบไม่ยอมกันจนอี้ชิงรู้สึกหน้าชาว้าบ 

     

    “คุณ!  ทำไมพูดจาแบบนั้นล่ะ”  แบคฮยอนรู้สึกไม่ดีด้วยเช่นกัน  คำพูดเมื่อกี้กับสายตาแบบนั้นมันไม่เหมาะสมเลยสักนิด  “ขอโทษด้วยนะครับ”  คนตัวเล็กโค้งศีรษะกล่าวขอโทษขอโพยพี่ชายคนรักกับอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้า  ฉุดดึงแขนร่างสูงให้ออกไปรอข้างนอก  เขาจะคิดเงินก่อน...

     

    ให้ตายสิ  กำลังจะคุยอีกเรื่องกลับต้องมาเจอคนพี่

     

    “ไปไหนครับ...แหมนายก็ใช่ย่อยนะน้องรักออกไปไหนมาไหนกันตลอดเชียว  เดทเหรอ?”

     

    “ถ้าใช่แล้วจะทำไม”  ให้ตายสิ  ลู่หานเกลียดนักไอ้หน้าคนเป็นพี่

     

    “พอเถอะคุณ...ไปรอข้างนอกนะผมคิดเงินก่อนนะ”  แบคฮยอนอยากจะบ้าตาย

     

    “ก็ไม่ทำไม  ปกติก็ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่แล้วนิ”

     

    “จะพูดอะไร...”  อินทีเรียหนุ่มกดเสียงต่ำลง  ดวงตากลมจ้องเขม็งพี่ชายบังเกิดเกล้าแบบไม่หลบสายตา  

     

    “หึ...”

     

    “พอเถอะคริส!

     

    “จะพอได้ยังไงล่ะ  ทำอะไรเอาไว้ก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว...”  คริสยิ้มเย้ย  ใบหน้าคมปรับมานิ่งพร้อมประโยคที่คนฟังคุมอารมณ์ไม่อยู่  “ไอ้ลูกนอกคอก”

     

    ผัวะ!

     

    “เฮ้ย!!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อคนข้างกายสลัดมือเขาออกแล้วตรงไปปล่อยหมัดใส่คนเป็นพี่ชายจนหน้าหัน

     

    “คริส!!” อี้ชิงเองก็รีบประคองคนรักทันควัน  เขาตกใจมากจริงๆ

     

    “ใช่ซี่  ไอ้ลูกพ่อแม่รักไอ้ลูกพ่อแม่หลง  เขาไม่รู้ไงว่าความจริงแล้วมันเน่าเฟะแค่ไหน!

     

    “ฮึก...พอเถอะนะลู่หานพี่ขอร้อง”  คนที่พยุงคริสอยู่เอ่ยน้ำเสียงสั่น  ปกติเขาค่อนข้างอ่อนไหวง่ายอยู่แล้วยิ่งเรื่องของครอบครัวแฟนตัวเองยิ่งต่อมน้ำตาแตก

     

    “ทำไมมึงทำห่าอะไรเขาก็เข้าข้างมึงกันหมด  ไปรุมสนใจมึงแล้วทิ้งกูเป็นหัวหลักหัวตอของบ้านโดนเป่าหูเข้าก็มาด่ากูหาว่ากูทำตัวนอกคอก  เออใช่!  เขารักมึงนิเขาคิดว่าตัวเองมีลูกคนเดียวลำเอียงกันชิบหาย  มึงไม่เคยเห็นกูเป็นน้องเลยด้วย!”  แบคฮยอนอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า  มันตาลปัตรไปหมดทั้งคำพูดฟังได้ศัพท์ไม่ได้ศัพท์สมองมันตื้อไปหมด

     

    “พอสักที!!  คริสเขาไม่เคยไม่รักนายเลยนะลู่หานไม่เคยเลยสักนิด  เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อนายนะ!”  ดวงตาสวยแดงก่ำจ้องใบหน้าเขียวปั๊ดของลู่หานขมึง

     

    “อี้ชิง...อย่าพูด”  คริสหันมาห้ามแฟนตัวเองก่อนกระชับมือเรียวสวยหวังเดินออกจากร้าน  เพราะอี้ชิงเริ่มพูดอะไรที่ไม่ควรออกมาแล้ว

     

    “คุณ...กลับบ้านกันนะ”  เสียงหวานเอ่ยสั่นๆ  เขาหันไปทางเคาเตอร์จ่ายค่าอาหารพร้อมกล่าวขอโทษเจ้าของร้านและลูกค้าโต๊ะอื่นก่อนกระชับมือใหญ่ให้เดินตามมา  พลันสายตาสะดุดกับเครื่องมือสื่อสารเครื่องหรูรุ่นใหม่ล่าสุดนอนแอ้งแม้งตรงจุดที่พี่ชายลู่หานยืนพอดี...





     

     

    “เจ็บมั้ยคริส...ไหนให้อี้ดูหน่อยสิ  นิ!อย่าหันหน้าหนีนะ”  อี้ชิงตีแขนแกร่งอีกหนึ่งที  ค่อยๆประคองใบหน้าคนรักให้หันมาหา  “ดูสิ...ช้ำหมดหล่อเลย  หมัดน้องคริสหนักจริงๆพรุ่งนี้มีประชุมด้วย”

     

    “คริสไม่อยากให้อี้เห็นตอนไม่หล่อ”

     

    “ยังมาตลกอีก  น้องชายต่อยเลยนะแถมขึ้นมึงกูอีกอี้จะเป็นบ้า”  ร่างบางยู่ปากแบบขัดใจ  มือสวยน่าทะนุถนอมบรรจงแต้มยาแดงยาเหลืองจากร้านขายยาก่อนผละออกจากอีกคน

     

    “อื้อ...” วันนี้คริสเพิ่งเคยเห็นโหมดรุนแรงของน้องชายที่ปกติชอบทำหน้าเนือยใส่แล้วปากก็บอกครับๆไปเรื่อย  “น้องโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ...”

     

    “โธ่เอ่ยคนบ้า!  สมควรให้ลู่หานต่อยอีกสักหมัดนะจะได้เลิกทำตัวงี่เง่าสักที”

     

    คนตัวเล็กแว้ดใส่คนรักด้วยความหมั่นไส้อยากจะหยิกให้เนื้อเขียวเลยเชียว  คนบ้าอะไรไม่รู้กับความคิดตื้นๆ  ทำเรื่องให้ยากจนพันกันยุงไม่หมด  อีกหน่อยแค่หน้าน้องชายตัวเองก็คงไม่ต้องเห็นกันแล้ว...พี่กับน้องมองดีๆนิสัยเหมือนกันจริงๆ

     

    อี้ชิงละลายตาจากใบหน้าและแผลเขียวช้ำมาสนใจโทรศัพท์มือถือที่มีข้อความเด้งโชว์อยู่หน้าจอ

     

    สวัสดีครับ ผมแบคฮยอนคนเมื่อครู่สะดวกคุยกันมั้ยครับ






     

     

    แบคฮยอนกดส่งข้อความจากเครื่องฝาพับของตัวเองแล้วปิดลงเมื่อลู่หานเดินทอดน่องมาหาเขาพร้อมเบียร์สองกระป๋อง  คนตัวเล็กไม่เข้าใจเลยว่าไอ้น้ำขมๆสีแปล่งๆกับกลิ่นเหม็นๆมันอร่อยตรงไหนทำไมใครๆก็ดื่มเป็นว่าเล่น

     

    “มองไรวะ  อยากลองอ๋อ”  ลู่หานเหมือนตาลุงขี้เหล้าถามกวนประสาท 

     

    “ใครจะอยากกินอะไรขมๆกัน”  พูดจบก็คว้าแก้วน้ำแดงเฮลบลูบอยใส่มะนาวสุดอร่อยของอินทีเรียหนุ่มมาดื่มประชันอึกใหญ่ 

     

    “ตามสบายเด็กน้อย...จริงสิตอนทานข้าวจะบอกอะไรฉันเหรอ”

     

    “อ๋อไม่มีอะไรหรอก”  แบคฮยอนยิ้มจางๆ  เขากำลังคิดถ้าบอกไปมันอาจจะแย่กว่าเดิมคือตอนนี้ลู่หานรู้สึกว่าข้างกายมันเคว้ง  “จริงสิ  พรุ่งนี้คุณว่ามั้ยสักบ่ายโมงครึ่ง”

     

    “ว่างนะไม่ได้ทำอะไร”

     

    การให้เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองมันคงเป็นวิธีดีที่สุด
     

    บ่ายโมงครึ่งตรงตามเวลานัด  ชายร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตพับแขนลวกๆดูเท่แปลกตาไปอีกแบบ  ผมสีดำถูกแทนที่สีเก่ากำลังยื่นไล่สายตาหาคุณแฟนอ้วนกลม  ไม่นานนักก็เจอเป้าหมาย  แบคฮยอนหันมาส่งยิ้มกว้างก่อนลากแขนให้อีกคนเดินตามโดยเร็ว

     

    “มาเร็วจังเลยยย”  เกาะแขนพร้อมหัวกลมทุยถูส่ายไปมาอย่างออดอ้อน

     

    “นัดใครก็ต้องตรงเวลาสิ  แล้วนี่ลากมามุมนี้ทำไมวะ”

     

               “คือว่าคุณนั่งรอผมตรงนี้นะ  ไม่ว่าจะเจอใครก็ไม่ต้องลึกมาหา  เอ้านี่ใส่แว่นปิดหน้าไว้  สั่งข้าวรอไปก่อนนะขอร้อง  ผมมีอะไรอยากให้คุณฟัง...”

    70%

     



    คนตัวเล็กจัดแจงส่งหูฟังกับหยิบทีศัพท์ลู่หานออกจากกระเป๋าเสื้อทำงานอย่างถือวิสาสะแล้วบอกไว้แค่ว่าห้ามลุกออกจากโต๊ะเด็ดขาดไม่ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง  ร่างสูงขมวดคิ้วฉงนหนักกว่าเดิมเขาพยายามเอ่ยถามแล้วแต่กลับได้รับคำตอบเพียงแค่ว่า  เดี๋ยวก็รู้...

     

    เข็มนาฬิกาเดินต๊อกแต๊กตามไม่มีตกหล่น  ไม่นานบ่ายสองโมงตรงนิดๆเสียงประตูร้านยามบ่ายแก่ก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมใครคนนั้นที่แบคฮยอนนัดเอาไว้  คนตัวเล็กไม่ได้หันไปตามเสียงเพียงแค่นั่งแล้วรอคนตรงหน้าเดินมาหลังจากนัดแนะว่าแบคฮยอนจะนั่งชิดโต๊ะแรก  นั่งหวังให้อีกคนอย่าหลุดจนแผนเสีย
     

    ครืด

     

    เก้าอี้ไม้ขัดสีสวยถูกลากออก  คนตรงหน้าทิ้งตัวลงไม่เอ่ยทักทายใดๆจนแบคฮยอนเริ่มกังวล  จากก้มหน้างุดก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นจนพบกับ  กับ...

     

    “นายนี่เองที่นัดแฟนฉันออกมาใช่มั้ย  ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนเด็กน้องชายฉัน”  คำพูดไม่น่าฟังทะลักออกมาประโยคยาวไม่เว้น 

     

    “เอ่อ...คือ”  ยังคงตกอยู่ในภวังค์

     

    “มีอะไรก็รีบพูดมา  ผมไม่มีเวลามาคุยกับใครก็ไม่รู้หรอกนะ”  ร่างสูงพูดเย็นชาและเรียบนิ่ง  เขานั่งกอดอกมองท่าทางเหมือนหนูติดจั่นด้วยความรำคาญ  “เอ้า  ถ้าไม่มีก็หยุดไร้สาระสักที  ไปล่ะ”

     

    “เดี๋ยวครับ!  แบคฮยอนรีบคว้ามือเอาไว้ทัน  ภาพนั้นทำเอาลู่หานแทบพุ่งปรี๊ด 

     

    ไอ้หมู!  กล้าดียังไงจับมือคนอื่น

     

    “อะไรเนี่ย”

     

    “ผมแค่อยากถาม  ว่าวันนั้น...วันนั้นที่พี่อีกคนพูดว่าทำเพื่อคุณลู่หานจริงรึเปล่าครับ”  และอาจเพราะคำพูดแบคฮยอนมันดูตรงๆซื่อๆเกินไป  ลู่หานหยุดชะงักส่วนคริสเลือกสะบัดมืออกกระชับสูทราคาแพงตัวเองพร้อมยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน

     

    “หึ  ที่นัดอี้ชิงออกมาเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย  นายอยากจะรู้ไปทำไมมิทราบเรื่องตัวเองรึก็เปล่า...หรือน้องชายฉันใช้ให้มาถามล่ะ”

     

    คำถามของแบคฮยอนทำเอาร่างสูงสง่าแทบหลุดขำก๊ากออกมากขันกลางความตึงเครียด ใบหน้าหวานๆหงอเหมือนหมาหงอยสมกับลู่หานน้องชายเขาดี  คริสเลือกพูดแทงใจดำออกไปเพื่อฆ่าเวลารอ  รอ...

     

    “คริส!  ทำไมพูดแบบนั้น”  อี้ชิงเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นแฟนตัวสูงทำตัวข่มเด็กน่าโมโหจริงๆ  ดีนะคนไม่เยอะไม่อย่างนั้นคงได้อายแทบแทรกแผ่นดินหนี  “ขอโทษนะครับ  น้องแบคฮยอนใช่มั้ย?”

     

    “ครับ...คือ”

     

    “พี่อี้ชิงนะครับ  ที่เราส่งข้อความมาหา”  ร่างบางยกมือขึ้นหวังเช็คแฮนด์แบบปกติ  แบคฮยอนยื่นไปจับแบบสร้างไมตรี  “ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องแบคฮยอน  เราน่าจะสนิทกันไว้นะพี่ว่า...คริส!  แนะนำตัวสิ” เสียงหวานแห้วใส่

     

    “เออๆ  หวัดดี”

     

    “ดีมาก...นั่งกันก่อนสิ  สั่งอาหารแล้วค่อยๆคุยกัน”  ชายหนุ่มลักยิ้มบุ๋มเอ่ยก่อนหันไปหาแฟนหนุ่ม  “พี่คริสไม่ต้องห่วง  อี้ไม่พูดเรื่องนั้นหรอก”

     

    งั้นพี่ไปดูสายพานให้ป๊าก่อนนะ  เดี๋ยวเสร็จแล้วโทรมาจะให้เลขามารับ"  เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นจมูกไปฝังบนแก้มเนียนขาวอมชมพูหนึ่งฟอด  ไม่ลืมย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องเล่าเรื่องภายในให้คนนอกรู้

     

    “รู้แล้วน้า  ขับรถดีๆนะคริส”  ใบหน้าสวยที่ดูรู้ว่าเรียบร้อยหันขวับมาทางแบคฮยอนก่อนฉีกยิ้มหวานแล้วหันมาถามว่าทานอะไรดีพลางเปิดเมนูไปด้วย   “เอ๋  ร้านนี้มีอะไรแนะนำมั้ยเอ่ย  พี่ไม่เคยทานเลยอ่ะ”

     

    “ครับ?  อ่าจริงด้วยงั้นสั่งเมนูแนะนำกัน” 

     

    ทั้งคู่แนะนำตัวกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการ  คนตัวเล็กลดอาการเกร็งออกไปหมดเมื่อละลายพฤติกรรมของอี้ชิงสร้างความกันเองบวกกับรอยยิ้มแสนจริงใจนั่นทำให้อบอุ่นแบบบอกไม่ถูก

     

    “ไว้พี่อยากลองอ่านบ้างจังเลย  ถ้าเรื่องนี้แต่งจบแล้วต้องให้พี่อ่านคนแรกนะ”

     

    “ได้เลยครับ  เอ่อ...คือ”  ท่าทางยึกยักทำให้อี้ชิงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงอยากรู้เรื่องเต็มแก่  ติดที่คำพูดของลูกชายคนโตแห่งตระกูลลู่ก็เท่านั้น 

     

    “ถามมาได้เลยแบคฮยอน  ไม่ต้องสนใจคำพูดคริสหรอก”

     

    “จะดีเหรอครับ  พี่อี้คงโดนว่า...”

     

    “ดีมากของมากของมากเลยล่ะ  เก็บอะไรเอาไว้คนเดียวแล้วมันอึดอัดแปลกๆถ้าได้น้องชายน่ารักแบบแบคฮยอนมาแบ่งไปฟังด้วยอีกคนคงดี”

     

    “น้องชาย?”

     

    “ใช่เลย...แบคฮยอนเป็นน้องชายพี่แล้วนะจากนี้  ก้าวเช้ามาให้เรื่องครอบครัวแล้วไม่ใช่คนนอก...แถมเป็นแฟนลู่หานอีกคนนอกที่ไหนกัน”  พูดแซวจนแก้มสุกแดงปลั่งขึ้นสีข้างแก้มของคนตัวเล็ก

     

    “พี่อี้ชิงก็...”  อีกคนรึจะปฏิเสธเดียวคนฟังอยู่ก็น้อยใจอีก

     

    “ฮิๆ  จะเริ่มเล่าเรื่องจากตรงไหนดีล่ะ  ฟังแล้วอาจจะตลกด้วยซ้ำกับความคิดงี่เง่าของคริส...ความจริงแล้วนะ  คริสไม่ใช่ลูกแท้ๆของตระกูลลู่หรอก  เขานามสกุลอู๋ต่างหาก”

     

    “ห๊า!

     

    “มันฟังแล้วเหลือเชื่อใช่มั้ยละ  ลู่หานเขาไม่รู้เรื่องนี้หรอกนะแล้วที่คริสต้องทำแบบนี้เพราะตัวเขาเองบอกว่าอยากให้ลู่หานทำสิ่งที่ตัวเองชอบ  ส่วนเขาจะยอมทำตาที่พ่อบอกทุกอย่างเองขอแค่น้องชายเขาได้สร้างฝันแล้วประสมความสำเร็จอย่างมีความสุขก็พอ  ตัวเขาจะทำอะไรก็ได้แค่นั้น  แต่เรื่องมันกลับตารปัตรเพราะคริสเองไม่ยอมบอกความจริง  เขาคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ก็ดีแล้ว...ก่อนหน้าที่ลู่หานจะออกจากบ้าน  คุณพ่อบอกว่าจะบีบบังคับจนลู่หานมาทำงานของที่บ้านให้ได้”  อี้ชิงยิ้มเศร้า

     

    “ทำไมอยู่ๆถึงจะทำแบบนั้นล่ะครับ  ในเมื่อมีคุณคริสดูแลอยู่”

     

    “เพราะว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ  ไม่ใช่สายเลือดน่ะสิ...แล้วพี่ขอยืนยันเลยว่าคริสไม่คิดจะฮุบบริษัทอะไรพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ  ถ้าลู่หานอยากได้มันคืนเขาก็ยินดีแต่เพราะว่าไม่  คริสเลยจะรับช่วงนั้นต่อเองแล้วให้ลู่หานสานฝันของตัวเองต่อไป  เรื่องมันก็เป็นประมาณนี้แหละ”

     

    แบคฮยอนไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนที่ดูหยิ่งทางสายตาจะจิตใจงามถึงเพียงนี้   ถึงฟังแล้วจะดูงี่เง่าอย่างที่พี่อี้ชิงบอกก็ตามที

     

    “แล้วทำไมคุณคริสเขามาก่อนที่คุณลู่หานจะเกิดเหรอครับ”

     

    “ใช่เลย  คืองี้พ่อแม่คริสเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่ของลู่หาน  วันนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นมีโจรลอบเข้ามาให้บ้านปล้นชิงทรัพย์  พวกท่านโดนโจรเจอตัวแล้วถูกยิ่งตายทันทีพอพวกมันได้ของก็หนีไป  คริสที่หลับอยู่อีกห้องหนึ่งร้องไห้โยเยเสียงดัง  เลยถูกพบในเวลาต่อมา...จะเล่ายังไงดีล่ะง่ายๆคือเอาลูกเพื่อนมาเลี้ยงจนโต  พระคุณท่วมท้นเขาเลยรักตระกูลนี่มากเหมือนครอบครัวตัวเอง”

     

    “ทำไมมันเศร้าอย่างนี้ล่ะครับ...”  คนตัวเล็กสีหน้าสลดลงเห็นได้ชัด  เขาสังเกตว่าคนรักตัวเองกำลังสั่น....สั่นเพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้

     

    “นั้นแหละที่พี่อยากบอกลู่หาน  แต่คริสก็ห้ามว่าถ้าลู่หานรู้ต้องทิ้งสิ่งที่ตัวเองชอบแน่ๆ  บ้าบอเนอะ  แบคฮยอนไม่ต้องเศร้าไปหรอก”

     

    “ครับ...จริงด้วยสิครับ  พี่อี้ชิงรู้เรื่องคุณพ่อของคุณลู่หานมั้ยครับ”

     

    “อ่า...อ๋อ!  จริงสิ  เรื่องนี้คริสเขาเพิ่งสืบเจอมา  รู้เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าที่จริงแล้ว  คุณพ่อคอยช่วยเหลือลู่หานอยู่ห่างๆ  ถึงปากจะว่าไม่รักแต่แท้จริงแล้วเป็นห่วงมากนะว่าจะเป็นอยู่ยังไง  สบายดีมั้ย  งานที่ได้มาส่วนใหญ่พ่อลู่หานก็หาลูกค้าแล้วฝากอาจารย์ไปบ้าง  ให้เพื่อนตัวเองแนะนำบ้าง”

     

    “...”

     

    “พ่อแม่ก็แบบนี้เนี่ย  ปากบอกไม่รักแต่จริงๆแล้วรักเราตลอดเวลาอ่ะแหละ”  อี้ชิงหยุดเล่าถึงตรงนี้  เขาเห็นว่าแววตาอีกคนเริ่ใคลอด้วยหยดน้ำ...มือสวยเอื้อมมาจับมือของคนตัวเล็กพร้อมยิ้มละมุน  “พี่เชื่อนะว่าถ้าลู่หานอยู่กับแบคฮยอนน้องของพี่...เขาจะมีความสุขมาก”

     

    “ฮึก...ทำไมบ้านคุณลู่หานปากแข็งกันจัง  คุณลู่หานต้องเสียใจร้องไห้เพราะคิดว่าพ่อกับพี่ไม่รัก  บ้านไม่อบอุ่น”

     

              “ไม่ร้องน้าพี่บอกแล้วว่าคริสงี่เง่า...”

     

     


             


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    จะกลับมาลงทุกวันแล้วนะคะ
    <3 หนังสือเปิดจองแล้วน้า 
    จิ้มรูป

     



    มีคนเคยบอกว่า
    ความลับไม่มีในโลกใบนี้
    พ่อแม่รักลูกทุกคนนั้นแหละ




    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×