คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ۩ A LIFE 00 - หลานแบคฮยอน
PROLOGUE
00
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน เวลาห้าโมงตรงบริเวณหน้าบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งคับคั่งไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งเลิกงานพากันกลับบ้าน ผู้คนมากมายเอะอะเสียงดังราวกับเวลาหลังเลิกเรียน
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวบางปกแข็งกับกางเกงสแล็คเนื้อผ้าดีกำลังเดินเอามือล้วงกระเป๋าผิวปากอารมณ์ดีมาแต่ไกล ขาเรียวยาวสูงชะรูดเดินเลี้ยวลงไปยังใต้ดินของบริษัทอย่างรวดเร็วหลังมองซ้ายมองขวาแล้วไม่มีใครมองมาทางเขา มือหนากำหมัด แน่น มีเหงื่อประปรายตรงไรผมปาดเจลทรงตั้ง
ปิ๊บๆ
เปิดประตูรถรีบสอดตัวเข้าไปด้านในพร้อมหัวใจพองโต ใบหน้าหล่อคมของชายวัยยี่สิบหกปีกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากเหมือนตัวร้ายในหนัง อัญมณีชิ้นใหม่ของเขาเมอร์เซเดสรุ่นใหม่ล่าสุดจากเงินเดือนในการทำงานรวมโบนัสเมื่อตอนปีใหม่ทั้งหมดเทหน้าตักเพื่อเจ้านี้ ระบบปลดล็อครถแบบแสกนนิ้วมืออย่างดีบวกกับรูปร่างครอบครัวดูอบอุ่น บรรจุคนพร้อมปรับเบาะนั่งได้เท่ากับรถตู้ ขับไปทางไหนใครๆก็เหลียวมองกันทั้งนั้น ในเกาหลีคือความใหม่ล่าสุด!
ถ้าเกิดมันต้องแปดเปื้อนไปด้วยมือพวกเพื่อนๆแล้วล่ะก็...อ่า ไม่อยากนึกเลย ขืนให้พวกนั้นเห็นเขาต้องไปรับแบคฮยอนสายกันพอดี มัวแต่เทียวส่งไอ้พวกนี้ตามบ้านแหงมๆ ไหนจะขี้มือสกปรกนั่น
ก๊อกๆ
“ไงเพื่อนยอล! เปิดประตูรถขอรับ เพื่อนเฉินอยากนั่งรถใหม่”
เหมือนตลกร้ายในชีวิตจริง พวกเขากำลังทำอะไร? แอบสะกดตามรอยเขาแล้วมายืนเคาะกระจกรถเพื่อให้เปิดประตูรถให้งั้นเหรอ?
“ไม่เอาน้าเพื่อน มีของต้องแบ่งกันใช้ดิวะ” เสียงด้านนอกดังระงม บางคนแทบดันตัวเองขึ้นไปนั่งตรงหน้ากระโปรงรถ พระเจ้า!
“ถ้าไม่ไปส่งพวกกูมึงอย่าหวังจะได้ขับรถกลับบ้าน” เพื่อนเฉินกับคู่หูชิงยืนกอดอกมองเขาจากด้านนอกรถกระจกใสที่ยังไม่มีเวลาไปติดฟิล์มดำด้วยสีหน้าทะเล้น พอหันไปมองอีกคนในกลุ่ม เสี่ยวลู่หานปีนขึ้นไปนั่งไขว้ห้างเท่ๆไม่แคร์สื่อ กระตุกยิ้มร้ายตลบหลังเขาเป็นที่เรียบร้อย
ไอ้แก๊งเจ๊ก!
“รถมึงถูกยึดแล้ว เอารถใหม่ไปส่งกูเลยนะเห้ย” จงแดยังไม่หยุดพยายาม ตะโกนเสียงโหวกเหวกงอแงจะนั่งเมอร์เซเดสเบนซ์ เฉินไม่อยากนั่งรถเมล์
...แล้วผมก็ถูกให้ไปส่งโดยขัดอะไรไม่ได้ เมื่อลู่หานควักคัตเตอร์ปลายแหลมออกมาหวังจ้วกกับคำพูดสั้นๆว่า
“ประกันจ่ายให้มึงนิ?”
เสียงปิดประตูปังๆสลับกันสามรอบดังก้องภายในรถ ชานยอลเบ้หน้าเบะปากจะร้องไห้ เขาอุตส่าห์ทะนุถนอมปิดประตูเบามือ พวกนี้มาทีเดียวคนละสามปักตายคาที่เลยปาร์ค
“เอาน้า อย่าทำหน้างั้นดิเพื่อน ซื้อรถมาก็ไปส่งเพื่อนหน่อยสิวะ มึงเห็นมั้ยว่าคนเยอะอย่างกับอะไร จะทนให้เพื่อนไปเบียดเสียดเหรอ เราเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขการนั่งรถเมล์ด้วยกันมาแล้วนิ” เพื่อนเฉินลูกครึ่งเจ๊กเอ่ยขึ้น ชักแม่น้ำทั้งห้า
“แล้วจะเอายังไง? ให้ไปส่งพวกมึงทุกวันงี้เหรอ” เขาถามด้วยอารมณ์คุกรุ่น แบบนั้นเปลืองน้ำมันตายห่าพอดี กว่าจะส่งครบทุกคน
“เยส นายแค่ส่งพวกเราพอไม่ต้องไปรับหรอกชานยอล” อี้ชิงคนดีศรีฉางซาพูดพร้อมรอยยิ้มสวยงาม ท่าทางเรียบนิ่งแต่ข้างในเล่ห์เยอะนั้นทำให้ชานยอลแอบกลืนน้ำลาย “ดูสิเราไม่ได้ขอมากไป”
“กูต้องไปรับแบคฮยอนนะ ถ้าพวกมึงเล่นให้กูไปส่งทุกวัน...”
“จุ๊ๆ...เพื่อนครับ อย่าเอ่ยชื่อนี้ออกมาได้โปรด แค่ชื่อกูก็หนาวแล้ว” ลู่หานพูดพร้อมยกแขนขึ้นมาลูบถูๆไปมา “ขนลุกเลย”
“อย่าว่าหลานกู” ชานยอลขมวดคิ้วหนา กดปุมสตาร์ทรถออกตัวแบบไม่สบอารมณ์
“แหมแตะต้องไม่ได้เลยนะ ถามจริงหลานมึงน่ากลัวงี้เล่นของใส่มึงป่ะวะถึงไม่มีแฟน” เฉินชะโงกหน้าออกมาร่วมวงด้วยในขณะอี้ชิงเพียงนั่งนิ่งพยักหน้าตาม
“ถ้าพูดแบบนี้อยู่ก็ลงตรงนี้แหละ” ชานยอลไม่ตอบอะไรให้มากความ แค่นี้เขาก็สายมากแล้ว
“โรคจิตแน่เลย...”
“ถ้าไม่เงียบกูจะปล่อยมึงลงตรงนี้!”
“ครับ!”
ใครจะว่าหลานเขาต้องข้ามศพปาร์คชานยอลคนนี้ไปก่อน!
เขาว่าได้คนเดียวเท่านั้น?
۞
"บางคน" ว่าเขาบ้า "หลายคน" ว่าเขาเพี้ยน และ “ทุกคน” ลงนามเหมือนกันว่า บยอนแบคฮยอนนั้นประหลาด!
สายฝนตกพร่ำๆในช่วงเย็นเวลาเย็นหลังเลิกเรียน ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทเมื่อพระอาทิตย์เลิกงานเร็วกว่าที่คิด มีเมฆมากมาบดบังมันจนต้องลับหายจากท้องฟ้า แสงสีส้มระเรื่อไกลริบเป็นแสงสุกท้ายของวันนี้แล้ว ทั่วโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงด้านศิลปะปกคลุมไปด้วยบรรยากาศไร้ผู้คน มีเพียงเสียงธรรมชาติจากฟ้าและฟ้าร้องเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ในชุดเครื่องแบบสีดำลายตาราง ใบหน้าหวานเรียบนิ่งเป็นเส้นตรง -__- ไร้ความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมใดๆ เขาทำเพียงนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่อย่างนั้นตรงโต๊ะหินอ่อน ไม่มีการนับเวลาจับเวลาว่าใครจะมาใครจะไป แบคฮยอนเพียงแค่รอคนเป็นน้ามารับแค่นั้น
คนตัวเล็กไล่สายตาตามตัวหนังสือสีเข้มด้วยความเนิบนาบ กระทั่งมีใครคนหนึ่งทิ้งตัวลงที่นั่งว่างๆฝั่งตรงข้าม
“อ้าวแบคฮยอนห้องหนึ่งนี่นา” เสียงแหลมแปดหลอดคล้ายนกหวีดพูดด้วยน้ำเสียงเสแสร้งกับกิริยาตอแหล อุดมไปด้วยความน่าขยะแขยงในตัวเองโดยไม่ต้องสั่งสม หญิงสาวยกยิ้มเหยียดให้ชายหนุ่มคู่อริ คราวนี้เธอไม่แพ้แน่นอน “ตายแล้ว ถูกทิ้งอยู่ละสิ น่าสงสารเนอะไม่มีใครมารับ น้าเขาคงทนพฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหวเลยทิ้งเธอไป โธ่น่าสงสาร”
“...” แบคฮยอนหยุดอ่านหนังสือกลางคัน ช้อนสายตาเรียวคมกริบเงยมองหญิงสาวปากเสียตรงหน้า
โซจินกระหยิ่มยิ้มย่องในใจกับการชนะบยอนแบคฮยอนในครั้งนี้
หึ ร้อนตัวขึ้นมาแล้วสินะ ดูซิคนหน้าตายด้านแบบแกจะแน่ได้สักกี่น้ำ ไอ้เด็กใหม่!
ดูเหมือนจะมีอยู่ทั่วไป ที่เขาเรียกว่าอิทธิพลของคนในห้องเรียน อีโซจินคือลูกหลานของคนร่ำรวย พ่อแม่เธอบริจาคการกุศลอยู่เต็มไปหมดโดยเฉพาะกับสถานศึกษาแห่งนี้ เธอเดินกร่างและเบ่งอำนาจแบบลูกคนรวยไร้สมองชอบทำกันเพื่อความโด่งดัง หล่อนเป็นถึงว่าที่เน็ตไอดอลวัยรุ่นหน้าใหม่ในปีนี้ ในห้องใครๆก็ต้องหลงใหลและก้มหัวให้เธอทั้งนั้น...แต่กับเด็กหนุ่มคนนี้กลับตรงกันข้าม ทำให้เธอปรอทแตกด้วยความโกรธมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ย้ายมา
“อ้าวโกรธแล้วเหรอจ้ะ หึ! แสดงอาการโกรธออกมาสิ”
ว่ากันว่าใครทำให้แบคฮยอนสิโรราบได้คือผู้กำชัยชนะของโรงเรียน เธอจะทำมันเพื่อให้แบคฮยอนอยู่ภายใต้การเบ่งอำนาจนี้ เป็นทาสรับใช้ของเธอเช่นคนอื่นๆ
รออยู่หลานหลายนาที กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องขาวสั่นครืดจังหวะหนึ่งแจ้งเตือนข้อความเข้า คนตัวเล็กหลุบตาลงอ่านข้อความ
‘น้าไปรับช้าหน่อยนะ เข้าไปรอข้างในอย่าให้เปียกฝนล่ะ’
“ว่าไงยะ! ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”
“นี่เธอ...” หญิงสาวยิ้มกว้างราวกับกุมชัยชนะที่สยบคนตายด้านได้
“ว่าไง ยอมปริปากพูดแล้วใช่มั้ย หึ”
“ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับน้าฉัน ฉันจะชำแหละแยกร่างเธอเป็นชิ้นๆแบบอิเซอิ ซากาวา จากนั้นจะแจกเนื้อเธอให้คนเร่ร่อนกินเผื่อบุญส่วนนี้จะไปช่วยพัฒนาสมองเธอได้ในชาติหน้าได้บ้าง” คำพูดไม่มีเสียงสูงต่ำมีเพียงเสียงกลางและเหมือนประโยคบอกเล่าทั่วไป
“...” โซจินค้างเคว้งกลางอากาศ ในขณะที่กลุ่มเพื่อนของเธอแอบถ่ายวิดีโอแบคฮยอนสยบโซจินอยู่เงียบๆในอีกมุมหนึ่งถึงกับอ้าปากค้างตามๆกันไป ที่เขาว่าข่าวลือเกี่ยวกับแบคฮยอนจากโรงเรียนเก่าคงเป็นเรื่องจริง...ไหนจะคำพูดเฉียดเฉือนแสนสะอิดสะเอียนนั้นอีก
ว่าแบคฮยอนหวงน้าสุดๆ...
พูดจบร่างเล็กก็ลุกเก็บหนังสือใส่กระเป๋าโรงเรียนใบดำแล้วเดินหนีไปนั่งในร่มไม่ให้โดนเม็ดฝนอย่างที่ชานยอลสั่ง ทิ้งร่างหญิงสาวผู้บ้าอำนาจประจำโรงเรียนให้เก็บเศษซากหน้าศัลยกรรมปลอมๆนั้นกับกลุ่มเพื่อนหลังบอร์ดโรงเรียนของเธอ
เขาไม่แคร์สักนิดใครจะว่าตัวเองยังไง...แต่กับน้าของเขา
มันต้องตายสถานเดียว!
۞
“ไหนวันนี้เรียนอะไรมาบ้างให้น้าดูหน่อยสิ” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วเฝ้ารอให้หลานเขาโชว์ผลงานการเรียนมาให้ดู เขารอมันอย่างตื้นเต้นหลังจากส่งหลานมาเรียนศิลปะโรงเรียนเก่าของเขา
“ไม่มี หนูไม่ชอบวาดรูป” แบคฮยอนตอบกลับ ร่างบางยังคงนิ่ง นั่งหลังตรงและมองไปข้างหน้าไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ไหนเราบอกอยากเรียนที่นี้ เรียนโรงเรียนศิลปะไง? ทำไมไม่เห็นผลงานอะไรเราเลย” ชานยอลขมวดคิ้วแน่น เขาไม่เคยถามหาเหตุผลในการเข้าโรงเรียนนี้ บางทีแบคฮยอนอาจชอบเดินตามรอยคนเป็นน้าเลยเลือกเรียนทางสายนี้
“หนูชอบเครื่องแบบสีดำ” ประโยคสั้นๆพร้อมใบหน้าหวานเชิดเริดขึ้น ดวงตาแข็งกระด้างยังคงไม่กระพริบและจดจ้องออกไปนอกหน้าต่าง หน้าตรงไม่ไหวติงกับเหตุผลฟังแล้วปวดใจชะมัด
“โอเค แล้วไหนผลงานวันนี้ ให้น้าดูหน่อยได้มั้ย...มันต้องมีสิแบคฮยอน” ชานยอลยังคงคาดคั้นไม่เลิก เขาจะไม่ขับรถกลับบ้านหรือไปไหนทั้งนั้นถ้ายังไม่เห็นผลงานหลานในวันนี้ เขารู้ว่าแบคฮยอนมีวิชาวาดภาพสีน้ำมันวันนี้จากอาจารย์ประจำชั้นแล้ว คนเป็นน้าเช็คดูอีกทีตรงตารางเรียนที่แปะอยู่หน้าตู้เย็นเมื่อเช้า
ใบหน้าเรียบนิ่งไม่รู้จักเมื่อยเสตามองชานยอลราวกับหุ่นยนต์ ก่อนมือเรียวสวยจะยกมันขึ้นมาเปิดกระเป๋าเป้สีดำแบบล็อครหัส นิ้วเรียวหมุนวนอยู่สักพักแล้วดึงม้วนกระดาษร้อยปอนด์ขนาดเท่าเอสี่ออกมา
“เห็นมั้ยว่ามี” คุณน้ายังหนุ่มฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เขารู้สึกเหมือนบินได้ด้วยความดีใจที่หลานให้เขาดูมัน ภาพวาดชั้นดีด้วยการปาดสีดำและแดงสลับกันไปมาดูวิจิตรยิ่งนัก “รูปอะไรเอ่ย น้าเดาว่าเป็นท้องฟ้าตอนกลางคืนเหรอ? แต่สีแดงนี่มันอะไร” เขาพยายามมองและหามุมของทฤษฎีการเดา ด้วยประโยคเย็นยะเยือกสั้นๆของหลานรัก
“เปล่า”
“อ้าวเหรอ เอ๋อะไรหว่า ไหนบอกน้าที”
“มันคือความตายและสาดไปด้วยเลือด”
“...”
“หนูวาดให้เซฮุน เขาควรค่าแก่มัน” แบคฮยอนพูดแค่นั้น คนตัวเล็กหันมาคว้าแซนวิชที่ชานยอลซื้อเตรียมไว้ให้ก่อนทานอาหารค่ำด้วยความเงียบ...
ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจในใจ...และตายไปพร้อมกับภาพวาดแผ่นนี้ ถึงเซฮุนที่ว่านั้นเป็นใครก็เถอะ แต่หลานเขาคงเกลียดขี้หน้ามาก...ไม่รู้โชคดีหรืออะไรที่แบคฮยอนลงทุนวาดรูปให้ เอาเป็นว่าเขาจะไม่พูดมากหรือซักถามอะไรไปมากกว่านี้...
(ToT) โอ๊ย เราจะไปกันรอดมั้ยเนี่ย ต้องย้ายโรงเรียนอีกรึเปล่าวะ
“เฮ้อ...ยังไงน้าก็อยากให้อยู่ให้ครบเทอมนึง แล้วครูเขาพูดอะไรมั้ย?”
“ไม่มี”
...จบจ้า
--------------------------------
ส่งตอนแรกมาเจิมน้ำจิ้มจ้า
ฟิคไม่ต้องคิดอะไรมาก
พีจะแต่งสามเรื่องไปพร้อมๆกัน สามวันลงตอนนึงนะเรื่องนี้
อีกเรื่อง #ฟิคชานแบคคุมะ #ฟิคยูเมะ #ฟิคสมบัติ
จะลงให้ครบทุกเรื่องเลย
55555 + ฝากด้วย
#น้าชานของแบค
’ cactus
ความคิดเห็น