ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf exo] ❥ hello love stories ( chanbaek )

    ลำดับตอนที่ #13 : [SF] LIKE A STAR : CHANBAEK : 1/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.73K
      45
      31 ต.ค. 56



    LIKE A STAR 1

     

    AUTHER : KYUTY
    COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN feat. SUHO, TAO
    RATE : PG-15
    NOTE : เฮ้ๆ สวัสดีนะ แอ๊ะ 5555555555555 -_____________- มาแล้วนะคะฟิค วันนี้มาแนวปกติ แนวผู้ใหญ่ๆ (ป่ะ) 5555555555555 เขิน บุบุย - -
























     

    แชะ

     

     

    “ดีครับ”

     

    แชะ แชะ

     

    “เอียงซ้ายนิดนึงครับ อ่า ดีมากครับ”

     

    แชะ

     

    “เสร็จแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”

     

    แบคฮยอนเอ่ยบอกพลางมองรูปในกล้องตัวเองไปด้วย นางแบบสาวสวยโค้งขอบคุณทีมงานก่อนจะขอตัวกลับไปเปลี่ยนชุด ภาพในมอนิเตอร์ฉายรูปนางแบบในชุดกีฬาสไตล์สาวไฮโซ สีสันเสื้อผ้ารับกับใบหน้าผ่องใส เรียวขายาวสวยเผยเสน่ห์จนล้น บวกกับการถ่ายภาพชั้นยอดจากฝีมือช่างภาพผู้โด่งดังทำให้ภาพนี้ดูสวยมากทีเดียว

     

    แบคฮยอนเจ้าของชื่อเสียงช่างภาพอันดับหนึ่งวางกล้องโปรราคาแพงลิบไว้รอให้ทีมงานของเค้าเก็บ เจ้าตัวเดินออกมาจากบริเวณวุ่นวายมาสูดอากาศด้านนอกสตูดิโอ บิดขี้เกียจคลายเมื่อยจากการทำงานตั้งแต่เช้า จนตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้ทาน มัวแต่เช็คอะไรนู่นนี่เพื่อความสมบูรณ์แบบ

     

    คนอย่าง บยอนแบคฮยอน พลาดนิดเดียวก็ไม่ได้...

     

    “กินข้าวหน่อยมั้ย เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป เราจะขาดช่างภาพฝีมือดีไปนะ” กล่องข้าวที่เค้าเห็นตั้งแต่เที่ยงโผล่มาอยู่ตรงหน้าเค้าบังทัศนียภาพในการมองจนมิด

     

    “ไม่กินข้าวมื้อเดียวไม่ถึงกับตายหรอกพี่ซูโฮ” มือบางรับกล่องข้าวแล้วเปิดมันเพื่อกิน ตอนนี้ชักจะเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน

     

    พี่ซูโฮเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้า เป็นพี่ที่สนิทพอตัวเลยก็ว่าได้ รู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาลัยจนล่วงเลยมาทำงานก็ยังติดต่อกันอยู่ จังหวะที่พี่เค้าไม่มีอะไรทำช่วงเรียนจบก็เลยอาสามาช่วยจัดคิวงานถ่ายภาพของเค้าที่เค้าเริ่มทำงานด้านนี้ตั้งแต่ปี4 จนตอนนี้เลยกลายเป็นงานถาวรของพี่ซูโฮไปแล้ว

     

    “พรุ่งนี้มีคิวถ่ายตอน 11 โมงนะ สตูดิโอ 3 ลงปกนิตยสารเจ้าเดิมของเรานั่นแหละ” แบคฮยอนพยักหน้ารับ ก็ยังดีที่เป็นตอนสายๆ เพราะต่อจากที่นี่เค้าก็ต้องไปถ่ายนอกสถานที่ถึงดึก เป็นช่างถ่ายภาพก็ไม่ได้สบายเท่าไรหรอกนะ ที่สบายเห็นจะเป็นพวกนายแบบนางแบบมากกว่า โพสท่านิดหน่อยก็กลับบ้านได้แล้ว เค้ายังต้องคอยคุมการจัดฉาก จัดแสง อะไรอีกสารพัดที่จะทำให้คนจ้างถูกใจ

     

    “คอนเซปล่ะพี่”

     

    “ชายหนุ่มในเมืองร้าง โดดเดี่ยว เหงาสุดๆ เรื่องอุปกรณ์พี่จัดการบอกทีมงานให้เตรียมแล้ว เสื้อผ้าก็ออกแนววินเทจหน่อยๆ คงพอใจตากล้องนะครับ”

     

    “พอใจสิ มีคนทำให้ขนาดนี้ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเอง” พอกินเสร็จก็ยื่นกล่องข้าวกลับมาคืนซูโฮ ผู้จัดการหน้าใสได้แต่มองค้อนแต่ก็ยอมรับมันมาแต่โดยดี เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนใช้ขึ้นทุกวัน

     

    “พี่ไปก่อนนะ วันนี้มีเดทกับแฟน เจอกันพรุ่งนี้ แต่งตัวหล่อๆนะ เค้าบอกว่านายแบบที่จะมาหล่อขั้นเทพเสียด้วย ระวังโดนกลบรัศมีนะครับพ่อตากล้องมือทอง”

     

    เป็นอีกครั้งที่ต้องส่ายหัวเอือมระอากับรุ่นพี่จอมทะเล้นนั่น ช่างภาพจะต้องแต่งตัวแข่งกับนายแบบทำไมกัน ไม่ได้ไปโพสหน้ากล้องด้วยซักหน่อย

     

    “ขอให้พี่คริสไม่มาตามนัด!

     

    “ย๊า! บยอนแบคฮยอน!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นึกว่าจะมาสาย” เสียงเอ่ยทักทายเมื่อก้าวเดินเข้ามาในสตูดิโอของผู้จัดการคนสนิทเรียกรอยยิ้มอ่อนๆ แบคฮยอนยักไหล่นิดๆมองดูนาฬิกาที่เข็มยาวชี้เลขสิบสองพอดี

     

    “ตรงเวลาแต่ก็ช้ากว่าพ่อนายแบบสุดหล่อนั่นอีกนะ นึกว่าดังแล้วจะหยิ่ง ที่ไหนได้ มาตั้งแต่สิบโมงครึ่ง แจกยิ้มเรี่ยราดจนทีมงานหลงกันหมดแล้ว” แม้จะมีเสียงพูดออกมาไม่หยุดปากของซูโฮแต่แบคฮยอนก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไรหรอก เป็นปกติที่รุ่นพี่หน้าหวานคนนี้จะพูดพร่ำไปเรื่อยไม่รู้จบ ชมคนนั้นที ว่าคนนู่นทีเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว

     

    “ใครล่ะครับ ผมจะได้ไปทำความรู้จักหน่อย” อีกเรื่องที่คนอย่างเค้าใส่ใจที่จะทำก็คือ เข้าไปพูดคุยกับเหล่าโมเดลที่จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความคุ้นเคยและดูบุคลิกภาพเพื่อที่เค้าจะได้กะการโพสท่าหรืออารมณ์ต่างๆในการถ่ายภาพ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

     

    ปาร์คชานยอล

     

    กึก

     

    เสียงเท้าชะงักกึกเมื่อได้ยินชื่อออกจากปากผู้จัดการ ร่างบางหันหลับมามองอีกคนที่เหมือนจะเข้าใจความหมายของสายตาเค้า

     

    “ทำไมพี่ไม่บอกผมตั้งแต่แรก แล้วทำไมพี่ต้องรับงานนี้ด้วย” เอ่ยเสียงนิ่งๆอย่างไม่พอใจ ซึ่งก็ได้รับกลับมาแค่สีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของซูโฮ

     

    “นิตยสารเค้าเจาะจงว่าต้องเป็นนายที่ถ่าย ถ้าพี่ไม่รับนายจะเสียเครดิตและหมดโอกาสที่จะได้ทำงานของบริษัทนี้อีก แล้วพี่ก็รู้ว่านายจะปฏิเสธแบบนี้พี่เลยไม่บอกชื่อนายแบบไง”

     

    “ผมไม่ทำ”

     

    “อยากให้อนาคตช่างภาพของนายหายวับไปกับตารึไง เอาน่า ทนหน่อยไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว”

     

    “คิดว่าผมอยากจะร่วมงานกับไอ้หมอนั่นรึไง ให้ตายยังไงผมก็ไม่ทำ” แบคฮยอนฟึดฟัดเสียงดังจนทีมงานหลายคนเริ่มมอง

     

    ไอ้หมอนั่น ปาร์คชานยอล คนที่แบคฮยอนไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าคนนั้น กลับต้องงานทำงานร่วมกันเป็นหลายชั่วโมงเนี่ยนะ!!!

     

    “ยอมตายเพื่อผมเลยหรอครับ”

     

    ลมหายใจอุ่นข้างหูกับเสียงกระซิบแผ่วเบาที่แม้จะห่างไกลกันไปนานมากแล้วแต่แบคฮยอนก็ยังจำได้ขึ้นใจ

     

    คนตัวเล็กตวัดหน้ากลับไปมองคนที่ยืนสง่าผ่าเผยพร้อมรอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับของตัวเอง เห็นแล้วหงุดหงิดใจจนแทบบ้า นี่อารมณ์ดีมากขนาดนั้นเลยรึไง ไอ้คนไม่มีหัวใจ!

     

    “อย่าสำคัญตัวเองผิด คุณไม่มีค่าพอให้ผมยอมตายหรอก” พูดคำประชดประชัดหวังให้อีกคนรู้สึก แต่เปล่าเลย ปาร์คชานยอล นายแบบดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้กลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเสียอีก

     

    “งั้นคุณก็ถ่ายรูปให้ผมสิครับ หรือคุณคิดว่า...คงถ่ายออกมาได้ไม่ดีเท่าไร...” ซูโฮแทบกุมขมับ ขนาดไม่ได้ติดต่อกันไปนานแล้วชานยอลยังสามารถจำวิธีที่จะยั่วโมโหแบคฮยอนได้ดีซะขนาดนี้ คงไม่ทำให้งานวันนี้เละไม่เป็นท่าหรอกนะ

     

    “ถ่ายก็ได้ ไปเข้าฉากสิ ยืนเซ่ออะไรอยู่ล่ะ” แบคฮยอนเดินตึงตังไปหยิบกล้องประจำตัวขึ้นมาคล้องคอ ใบหน้ามุ่ยทู่จนคนรอบข้างเริ่มหวาดกลัว เคยเห็นตากล้องหน้าหวานคนนี้ทำหน้าบึ้งซะที่ไหน ปกติก็ยิ้มกับทำหน้าเฉยๆ คราวนี้น่าจะโกรธแบบเต็มแม็กซ์เลยทีเดียว

     

    ชานยอลเดินเข้าไปในฉากสีขาวสะอาดกับลังไม้สามสี่ลังที่วางเทินๆกันจนสูงกับต้นไม้ปลอมที่มีใบสีน้ำตาลอ่อนเกาะอยู่ไม่กี่ใบบนต้น นอกนั้นก็วางกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น มีจักรยานคันเก่าที่ไม่มีคนใช้มานาน เก้าอี้ยาวทำจากไม้ รูปทรงโบราณของแทบตะวันตกที่ตั้งอยู่ตรงกลางบรรยากาศเวิ่งว้างได้อย่างลงตัว ส่วนองค์ประกอบสำคัญในการถ่ายภาพครั้งนี้ก็คือร่างสูงในเสื้อโค้ดยาวถึงเข่าสีดำ เสื้อสเวตเตอร์ด้านในเป็นสีเทาซีดกับกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังหัวแหลม ทรงผมถูกเซ็ตให้ตั้งขึ้นเผยใบหน้าหล่อเหลาปนหวานนิดๆซึ่งโดยรวมถือว่ามีเสน่ห์มากจนหลายคนอดที่จะจ้องมองไม่ได้

     

    “แบคฮยอน นายต้องอยู่ในสตูกับชานยอลสองคนนะ เพื่ออารมณ์ที่จะแสดงออกมาได้เต็มที่ เฮ้ย อย่าเพิ่งเหวี่ยง ฝั่งนายแบบเค้าบอกมาอีกที ทนหน่อยน่า” ตบบ่าสองสามทีแล้วเดินออกไป เหล่าทีมงาน ช่างแต่งหน้า สไตลิสต์ก็พากันออกไปจนหมด แบคฮยอนอ้าปากค้างอย่างตะลึง นี่เล่นกันขนาดนี้เลยหรอ ???

     

    “ไม่ถ่ายซักทีล่ะครับ คุณช่างภาพหน้าสวย” ชานยอลนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้หรูในท่าทีสบายๆคนอีกคนหมั่นไส้

     

    “ปาร์คชานยอล มันจะมากไปแล้วนะ!

     

    “มากตรงไหน ฉันกับนายอยู่ด้วยคนสองคนออกจะบ่อย”

     

    “นั่นมันเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้”

     

    “คิดซะว่าเป็นเมื่อก่อนสิ สมัยที่เรายังเป็นแฟนกันไง”

     

    อีกคนเงียบไปทันทีที่คำนั้นหลุดออกมาจากปากคนที่ขึ้นชื่อว่า แฟนเก่า

     

    ใช่ แฟนเก่า...

     

    ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยปี1 แบคฮยอนกับชานยอลเป็นแฟนกันซึ่งหลายคนคิดว่า คู่นี้รักกันมากคงไม่มีทางจะเลิกกัน เป็นไงล่ะ พอถึงปี3 ชานยอลก็บอกเลิกเค้าโดยไม่มีเหตุผล แบคฮยอนทั้งร้องไห้และขอร้องเท่าไรชานยอลก็ไม่คิดจะกลับมา การที่ถูกใครซักคนที่เรารักมากๆมาทิ้งไปแบบนี้มันเจ็บปวดมากถึงมากที่สุด เค้ากินไม่ได้นอนไม่หลับไปเป็นเดือน สุดท้ายก็มีพี่ซูโฮนี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบจนเค้าเข้มแข็งขึ้นมาได้ แต่อีกคนกลับพูดออกมาง่ายๆเหมือนกันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!

     

    ชานยอลลุกขึ้นมองในดวงตาใสที่เคลือบไปด้วยน้ำตาก่อนที่เจ้าตัวหันหลังกลับไปเช็ดออกจนหมด

     

    “จะถ่ายแล้วนะ” แบคฮยอนยกกล้องขึ้นปิดบังดวงตาที่น้ำเริ่มจะไหลออกมาอีก

     

    จนถึงตอนนี้ แบคฮยอนก็ยังรักชานยอลอยู่...

     

    “แบคฮยอน...” ชานยอลไม่ไปนั่งตามคำสั่ง กลับเดินเข้ามาหา แต่แบคฮยอนก็ถอยห่างอีกเท่าตัว

     

    “อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้ชานยอล รีบถ่ายให้เสร็จเถอะ” ร่างสูงยอมแพ้กลับไปนั่งดังเดิม ทอดสายตามองไปยังเลนส์กล้อง แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังจ้องเข้าไปในตาของอีกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ คอนเซปวันนี้คือเหงา แล้วทำไมชานยอลถึงส่งสายตาออกมาได้ดีขนาดนี้...

     

    การถ่ายยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ พอหมดเซ็ตนี้ ทีมงานก็เข้ามาเปลี่ยนฉาก ชานยอลก็เดินไปเปลี่ยนชุด และทุกคนก็ออกไปเหมือนเดิม การทำงานตามลำพังทำให้แบคฮยอนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก แต่ยังไงงานก็ต้องมาก่อน อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานจะดีกว่า เสร็จเร็วเท่าไรยิ่งดี

     

    “คิดถึง...”

     

    แสงชัตเตอร์หยุดกระพริบในฉับพลัน บรรยากาศเงียบสนิทเพราะนอกจากเสียงชัตเตอร์แล้วก็ไม่มีต้นกำเนิดเสียงที่ไหนอีกเลย ต่างคนต่างมองกันผ่านเลนส์กล้องราคาแพง แบคฮยอนไม่ปล่อยโอกาสให้อีกคนได้มองตาเค้า ร่างบางเริ่มการถ่ายภาพอีกครั้งโดยสายตาอีกคนที่ส่งมาเศร้ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก

     

    “ขอโทษ”

     

    เหมือนความอดทนพังทลายลงในทันใด แบคฮยอนวางกล้องลงกับโต๊ะก่อนจะรีบเดินหนีอีกฝ่าย แต่ข้อมือเรียวถูกฉวยไว้เสียก่อน

     

    “คิดจะทำอะไรอีก”

     

    “นายยังรักฉันอยู่ใช่มั้ย” ทำไมนายยังกล้าถามคำถามนี้อีกชานยอล...

     

    “...”

     

    “ฉันขอโทษ ฉันมีความจำเป็นต้องไป ต้อง...บอกเลิกนาย”

     

    “...”

     

    “แต่ความจริงฉันไม่อยากทำแบบนั้นเลยนะ”

     

    “...”

     

    “เพราะว่าฉันยังรัก...”

     

    “หยุดพูดเดี๋ยวนี้!” ข้อมือสลับอย่างแรงจนหลุดจากการกอบกุม แบคฮยอนหันหน้ากลับมาด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด ชั่วครู่หนึ่งเค้าเห็นแววตาหม่นหมอง แต่เพียงกระพริบตามันก็หายไปเหลือแต่ความโกรธเคืองเท่านั้น

     

    “...”

     

    “นายหมดสิทธิ์พูดคำนั้นตั้งแต่นายทิ้งฉันไปแล้วชานยอล หลังจากนี้หวังว่าเราคงไม่เจอกันอีกนะ”

     

    “ไม่มีทาง ฉันเจอนายแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยนายไปอีก”

     

    “พี่ซูโฮ! พี่ซูโฮได้ยินมั้ย! ข้างนอกน่ะ เข้ามาหน่อย!

     

    ไม่ทันที่ชานยอลจะได้เหนี่ยวรั้วอีกคน ซูโฮก็วิ่งเข้ามาพร้อมทำหน้าตาตื่น

     

    "มีอะไรรึเปล่า เรียกซะดังเชียว"

     

    "ไม่มีอะไรครับ ผมทำงานเสร็จแล้ว ขอตัว"

     

    "อะ อ้าว แต่ยังไม่ครบเวลาเลยนะ ยังถ่ายไม่ครบเซ็ตด้วย แบคฮยอน!" แต่ก็ไม่ทันอีกนั่นแหละ คนตัวเล็กเดินละลิ่วออกไปนอกสตูดิโอเรียบร้อยแล้ว ซูโฮหันมามองคนที่เหมือนจะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำหน้าเศร้าอย่างน่าสงสารแล้วส่ายหน้า

     

    "พี่ช่วยเราได้เท่านี้แหละ คงไม่มีโอกาสที่สองหรอกนะ หาทางเอาเองแล้วกัน"

     

    ชานยอลพยักหน้าเท่าใจ ต่อจากนี้แบคฮยอนคงเข้มงวดกับการรับงานเพิ่มมากขึ้น คงไม่ปล่อยให้เค้าได้ทำงานร่วมแน่นอน

     

    พี่ชายร่างเล็กตบบ่าสองสามทีแล้วเรียกเหล่าทีมงานให้มาเก็บของ สงสัยต้องเตรียมบทพูดดีๆเอาไว้พูดกับบก.นิตยสารชื่อดังไม่ให้เคลือบแคลงในการทำงานที่ครึ่งๆกลางๆของช่างภาพในสังกัดเสียแล้ว

     

    ร่างสูงก้มหัวขอบคุณที่ช่วยให้เค้าได้เจอแบคฮยอนอีกครั้ง กว่าเค้าจะรู้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่ไหน ทำงานอะไรก็แทบเหงื่อตก จังหวะบังเอิญที่ได้ทำงานได้สายเดียวกันอีก ไม่รอช้า ชานยอลรีบติดต่อไปหาผู้จัดการของช่างภาพชื่อดังและได้รู้คือซูโฮ จึงเป็นการง่ายที่จะทำให้พวกเค้าได้ร่วมงานกัน 

     

    "อ้อ พรุ่งนี้ตอนเย็นมีนัดปาร์ตี้ที่ผับไนท์เฮ้าส์นะ ทางบก.เค้าชวนคนมีส่วนร่วมในงานครบรอบ 25 ปีในงานเลี้ยงฉลอง ปกที่นายขึ้นมันเป็นเดือนพอดีกับวันครบรอบ แล้วเจอกันนะ"

     

    "เดี๋ยวพี่..."

     

    "แบคฮยอนไปอยู่แล้ว" เหมือนรุ่นพี่คนนี้จะรู้ทัน ตอบสิ่งที่ชานยอลอยากรู้พร้อมรอยยิ้ม ชานยอลพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้รุ่นพี่ได้เดินกลับไป

     

    แบคฮยอน ต่อให้ยากแค่ไหนฉันก็จะทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปาร์ตี้วันครบรอบของนิตยสารชื่อดังคับคั่งไปด้วยเหล่าเซเลปและดารามากหน้าหลายตา ยังมีคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอีกมากมาย ผับถูกเหมาจ่ายทั้งคืนเพื่อให้มีแต่แขกที่รับเชิญเท่านั้นที่สามารถเข้าได้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางเรียงรายให้เลือกสรรอย่างฟรีสไตล์ เวทีขนาดย่อมจัดวางให้เห็นเด่นชัด โต๊ะถูกยกออกไปจนหมดเหลือเพียงพื้นฟลอร์เปล่าๆให้ผู้คนได้เบียดเสียดกันอย่างสนุก เพลงจังหวะหนักๆเร้าอารมณ์ให้ร่างกายเคลื่อนไหวตามทำนอง อีกนานกว่าจะถึงช่วงพิธีการไฮไลท์ของการจัดปาร์ตี้ในครั้งนี้ เลยทำให้ไม่มีพื้นที่ว่างให้ได้หายใจหายคอเท่าที่ควร เหล่าคนที่มีชื่อเสียงต่างวาดลวดลายกันจนไม่รู้ใครเป็นใคร

     

    แบคฮยอนยืนมองฟลอร์เต้นที่มีพื้นที่เกินครึ่งของสถานที่ไปมากโขอย่างเบื่อหน่าย มือเรียวถือแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีชมพูใสแต่รสชาติแสบถึงคอ หลังพิงขอบบาร์ สายตาก็มองผ่านไปเรื่อย ถ้าไม่ติดที่ว่าถูกเชิญจากบก.โดยตรง เค้าคงไม่มีให้เสียเวลาหรอก เวลานี้ถ้าได้นอนอยู่บ้านคงจะดีกว่านี้เยอะเลย

     

    "สวัสดีครับ"

     

    "สวัสดีครับ" เอ่ยทักคนไม่รู้จักที่มายืนข้างเค้าอย่างถือวิสาสะ พอจะคุ้นหน้าว่าคงจะเป็นนายแบบซักคนที่พอจะดังอยู่บ้าง

     

    "ไม่ไปสนุกตรงนั้นหน่อยหรอครับ" ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาถือว่าหล่อใช้ได้ถามด้วยเสียงทะเล้นอย่างที่เจ้าตัวชอบพูด เชิดหน้าไปทางผู้คนที่เมามันส์อยู่กลางผับ

     

    "ไม่ไหวหรอครับ ผมไม่ถนัด" ว่าพลางจิบน้ำสีหวานลงคอ ดีกรีแรงแค่ไหนก็ไม่ทำอะไรแบคฮยอนได้หรอก เค้าคอแข็งนะจะบอกให้

     

    "อยู่ตรงนี้คนเดียวคงจะเหงา ผมอยู่เป็นเพื่อนมั้ยครับ" 

     

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเกรงใจ"

     

    "อ่า คงเพราะเรายังไม่รู้จักกันสินะ ผม จื่อเทาครับ เรียกง่ายๆว่าเทาก็ได้" ดวงตาเฉี่ยวที่หลายคนมองต้องเป็นอ่อนระทวย ขอบตาคล้ำๆเหมือนคนอดหลับอดนอนแต่กลับดูมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ รอยยิ้มร้ายที่ดูเข้ากับใบหน้าหล่อนี้เหลือเกิน แบคฮยอนยิ้มรับก่อนจะแนะนำตัวเองบ้าง

     

    "บยอนแบคฮยอนครับ เป็นช่างภาพ"

     

    "ผมพอได้ยินชื่อเสียงคุณมาบ้างว่าคุณตากล้องคนนี้ทั้งเก่งและฝีมือดี แถมหน้าตายังน่ารักอีกต่างหาก พอได้เห็นตัวจริงแล้วผมเชื่อสนิทใจเลย"

     

    "ขอบคุณที่ชมนะครับ แต่จะดีมากถ้าไม่ชมผมว่าน่ารัก" แบคฮยอนยิ้มแหยงๆกลับ เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี จื่อเทาขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น สายตาก็มองไปที่ฟลอร์เต้นรำแต่มือพาดไว้ด้านหลังคล้ายจะโอบกอดอีกคน

     

    ทนเบื่อได้ซักพักคนข้างกายก็ยังไม่ยอมไปไหน คงจะอยู่เป็นเพื่อนอย่างที่พูดจริงๆ แต่ก็ดี อย่างน้อยคนข้างๆเค้าก็ไม่พูดกวนเค้าอีกหลังจากจบบทสนทนาเมื่อครู่ เพียงแต่อยู่ใกล้กันมากเกินไปเท่านั้น เค้าก็เขยิบออกห่างแล้ว แต่ก็ยังไม่วายเข้ามาชิดอีก เลยปล่อยเลยตามเลย ขอแค่อย่าทำอะไรมากไปกว่านี้เลย

     

    “ไปข้างหน้ามั้ยครับ งานจริงๆจะเริ่มแล้ว” แบคฮยอนส่ายหน้าแทนคำตอบ อยู่ตรงนี้ก็เห็น ไม่อยากจะไปแย่งอากาศหายใจของใครอีก

     

    “คุณอยากอยู่คนเดียวรึเปล่า ผมไม่กวนดีกว่านะ” ร่างเล็กเกือบจะดีใจจนเต้นเร้งเต้นกาอยู่แล้วถ้าสายตาไม่ดันไปเห็นเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งจนน่ากลัวที่มองมาทางเค้าอย่างโกรธๆ

     

    “เอ่อ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมด้วยนะครับ” พูดจบปั๊บ นายแบบชื่อดังจื่อเทาก็ไม่รอช้ากลับมายืนที่เดิม อีกทั้งยังวาดรอยยิ้มกระชากใจที่คิดว่าใครมองเป็นต้องละลายให้อีก แหม นึกว่าจะพลาดซะแล้วงานนี้ เกือบเสียชื่อคาสโนว่าตัวพ่อซะแล้วจื่อเทาเอ้ย

     

    “เต็มใจเสมอครับคุณแบคฮยอน” ไม่รู้คิดถูกคิดผิดถึงได้เอาไม้กันหมา(บ้า)เป็นจื่อเทาคนนี้ แบคฮยอนยิ้มแหยะๆส่งกลับไปให้ก่อนจะพยายามสนใจหน้าเวทีมากกว่าคนที่ส่งรัศมีดำทมึนจนเค้ารู้สึกได้

     

    งานดำเนินไปเรื่อยๆจนเสร็จช่วงไฮไลท์ของงาน บอสใหญ่ของบริษัทเดินทักทายแขกทั่วงานอย่างเป็นกันเองและยังเสริมอีกว่า งานนี้ขอให้เต็มที่ทุกคน พอได้คำที่เหมือนเป็นการอนุญาตกลายๆ ผู้คนที่มาร่วมแสดงความยินดีก็ได้โห่ร้องดีใจและร่วมสนุกกับเพลงจังหวะมันส์ๆกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

     

    พอได้โอกาสและทักทายคนที่ให้โอกาสเค้าได้เดินทางในสายอาชีพนี้จนประสบความสำเร็จเจ้าตัวก็หาจังหวะโดดตัวออกไปจากงานเสียที

     

    “จะกลับแล้วหรอครับ” เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ตามแบคฮยอนไปทุกที่เหมือนเงาตามตัว ไม่ว่าจะขอตัวไปห้องน้ำหรือเดินไปหยิบค๊อกเทล จื่อเทาเหมือนไม่ปล่อยโอกาสให้ใครได้ถึงตัวเค้าง่ายๆ ชานยอลที่จ้องเค้านานแล้วแต่ยังหาช่องทางก็จะแทรกเข้ามาไม่ได้

     

    “ครับ ขอตัวนะครับ”

     

    “เดี๋ยวครับ ถ้าคุณสนใจจะร่วมงานกับผม ติดต่อมานะครับ” มือใหญ่หยิบนามบัตรสีดำหรูยื่นให้อีกคน แบคฮยอนจำใจรับบัตรนั้นมาอย่างไม่เต็มใจ แต่สายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่จ้องจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อเค้าอยู่แล้วก็เลยยิ้มหวานให้จื่อเทาเป็นการตอบแทน แต่แค่นี้ไม่พอใจแบคฮยอนหรอก

     

    คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าให้ระดับใบหน้าอยู่ใกล้เคียงกัน มือบางจับที่ไหล่หนาเพื่อพยุงตัวเองขึ้น ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหูอีกฝ่ายคล้ายจะหอมแก้ม

     

    “ขอบคุณนะครับ”

     

    แบคฮยอนผละออกจากอีกฝ่าย ส่งยิ้มหวานๆอีกทีแล้วเดินออกมา จงใจเดินผ่านชานยอลที่จ้องเขม็งมาที่เค้า ร่างบางหันหน้ากลับไปอีกรอบ ชูนามบัตรขึ้นสะบัดเล็กน้อยให้จื่อเทาเป็นการบอกว่า จะโทรหา เท่านั้นแหละ ความอดทนชานยอลขาดสะบั้น ขายาวสาวเท้าตามคนตัวเล็กไปอย่างไว ซึ่งเหมือนแบคฮยอนจะรู้ตัว สองเท้าออกวิ่งเพื่อให้พ้นจากอีกคนโดยเร็ว กดปลดล็อครถยนต์สีขาวสะอาดของตัวเองและสอดตัวเข้าไปข้างใน

     

    “เฮ้ย"














     

    100%
     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×