ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf exo] ❥ hello love stories ( chanbaek )

    ลำดับตอนที่ #29 : [SF] BLUE SMILE : CHANBAEK : 2/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.86K
      40
      1 พ.ย. 56



    BLUE SMILE 2

     

    AUTHER : KYUTY
    COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN feat. JONGIN , KYUNGSOO
    RATE : PG-15
    NOTE :
    ตี้จะบอกว่า รีดเดอร์น่ากลัวม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทวงฟิคน่ากลัวมาก เรากลัว =[]= ชิชะ 






















     

     

     

    “กลับบ้านไปซะ ฉันไม่อยากเจอหน้านายอีก”

     

    แบบนี้แหละดีแล้ว ดีที่สุดแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับแบคฮยอน แบคฮยอนไม่ควรทุ่มเทชีวิตให้เขาแบบนั้น มันมากเกินไป แค่เห็นก็หงุดหงิดเกินทน รักเขาจนยอมทำร้ายตัวเองเลยงั้นหรอ

     

    ถึงจะคิดแบบนั้นแต่น้ำตาที่ไหลออกมาทันทีที่จบประโยคนั้นก็ติดตาไม่หายไปซักที แบคฮยอนไม่ยิ้มอีกต่อไป มีเพียงน้ำตาที่ไหลอยู่เงียบๆ คนตัวเล็กพยักหน้าทำเหมือนเข้าใจและเดินหนีออกไป หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เห็นแบคฮยอนอีกเลย ไม่เห็นในที่นี้คือในโรงเรียนก็ไม่เห็นซักครั้ง ไม่มาโรงเรียน หรือว่าไม่สบาย ?

     

    หลายครั้งที่เขาแอบเดินผ่านห้องที่แบคฮยอนเรียน แต่กลับไม่เจอเลย ไม่ว่าเวลาพักเที่ยงหรือในชั่วโมงเรียนที่นั่งตรงนั้นก็ว่างเปล่า

     

    “กว่าจะหาเจอ แทบตายแหนะ” เสียงหนึ่งขัดความคิดเขาทำให้ต้องหันมอง แล้วก็ต้องเลิกคิ้วสงสัย เพื่อนของแบคฮยอนไม่ใช่หรอ

     

    “ขอนั่งด้วยนะ”

     

    “...” เขาไม่ตอบอะไรแต่อีกคนคงนึกว่าเป็นคำอนุญาต

     

    “ฉันชื่อคยองซู เป็นเพื่อนแบคฮยอน นายอาจจะจำหน้าฉันได้เพราะนายเดินผ่านห้องฉันแทบทุกวันทั้งๆที่ไม่ใช่ทางผ่านห้องนาย”

     

    มีคนเห็นเขาด้วยหรอ!

     

    “แบคฮยอนไม่มาโรงเรียนเกือบอาทิตย์ เพราะอะไรรู้มั้ย นายนั่นป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่นอนอยู่โรงบาลน่ะ”

     

    “ว่าไงนะ”

     

    “เดี๋ยวนี้ไม่สดใสเอาซะเลย ไปเยี่ยมทีไรก็เอาแต่นั่งทำหน้าอมทุกข์ ทั้งที่แต่ก่อนก็เอาแต่ยิ้ม”

     

    “แล้วตอนนี้หายป่วยรึยัง”

     

    “นายสนใจด้วยหรอ ไม่ใช่ดีใจที่แบคฮยอนออกไปจากชีวิตนาย...”

     

    ใช่ เขาจะไปสนใจทำไมกัน ก็แค่คนรู้จัก ไม่ใช่คนสำคัญอะไร ก็แค่คนที่เคยเจอหน้าทุกวันแม้จะคุยกันแค่หนึ่งประโยค ก็แค่ทุกครั้งที่มีซ้อมหรือแข่งก็จะเห็นร่างเล็กๆนั่งอยู่ข้างสนามเสมอ ก็แค่รอยยิ้มโง่ๆที่ส่งมาให้เขาตลอดเวลา ก็แค่เวลาไม่ได้เจอหน้าแล้วมันรู้สึกแปลกๆ ก็แค่นั้นจริงๆ

     

    “แต่นายไม่ต้องห่วงนะ เพราะต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมให้แบคฮยอนทำแบบนั้นอีกแล้ว ฉันจะขัดขวางทุกทางไม่ให้นายนั่นได้เจอนายอีก”

     

    “ไม่ได้!” ไม่ทันได้ยั้งคิดก็โพล่งออกไปเสียแล้ว นายคนนี้ก็เป็นแค่เพื่อนของแบคฮยอน มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้แบคฮยอนเจอหน้าเขากัน

     

    “นายรำคาญไม่ใช่หรอ ถ้าไม่ชอบแบคฮยอนก็ปล่อยไปสิ ฉันมีวิธีทำให้แบคฮยอนลืมนายได้”

     

    “ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ยอม!” เขาลุกขึ้นอย่างอารมณ์เสีย ลืมเขาหรอ ไม่ยอมหรอก

     

    “ยังไงฉันก็จะทำ ฉันไม่อยากเห็นแบคฮยอนเจ็บปวดอีกแล้ว” พูดจบคยองซูก็เดินหนีออกมา ทิ้งไว้แต่คนตัวสูงที่วูบเหวงในใจแปลกๆ แค่รู้ว่าแบคฮยอนจะเลิกชอบเขาก็พาลทำเอาหมดแรงซะงั้น เพราะอะไรกัน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผ่านมาสองอาทิตย์ ชานยอลยังคงซ้อมฟุตบอลทุกวัน แต่กลับไม่มีใครบางคนนั่งมองเขาที่แสตนอีกเลย ตอนกำลังจะกลับบ้านก็ไม่มีใครทัก จนเพื่อนเขาหลายคนคิดว่าแบคฮยอนคงเลิกไปแล้วจริงๆ พากันมาแสดงความยินดีที่รอดพ้นเสียที แต่เขากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น

     

    นายคยองซูอะไรนั่นทำได้จริงๆหรอ...

     

    “เฮ้ยมึง เดี๋ยวกูมา ไปกันก่อนเลย” บอกเพื่อนที่กำลังจะไปกินข้าวในเวลาพักเที่ยง เขาต้องการพิสูจน์บางอย่าง...

     

    ชานยอลเดินตามทางไปยังห้องสอง ใจเต้นระส่ำเมื่อเห็นคนที่เคยเจอหน้าทุกคนเดินยิ้มออกมาพร้อมเพื่อนอีกหลายคน รอยยิ้มที่ดูสดใสและเรียวปากอมชมพูที่พูดไม่หยุด เขาหยุดนิ่ง มองกลุ่มคนที่ค่อยๆเดินผ่านไป

     

    และร่างเล็กหันมามองทางเขาพอดี ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด รอยยิ้มของคนตรงหน้าก็วูบหายไปทันที แบคฮยอนชะงักกึก ใบหน้าใสออกแววตระหนก ก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินหลีกออกมา

     

    ไม่ใช่แค่แบคฮยอนที่ชะงัก เขาเองก็ไม่ต่างกัน ทันทีที่มองหน้าเขารอยยิ้มนั้นกลับหายไป เป็นแบบนี้ไม่ชอบเลย

     

    “แบคฮยอน”

     

    เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกพร้อมกับทั้งกลุ่มที่หยุดเดิน แบคฮยอนหันมองคยองซูที่มองมาทางเขาเหมือนกัน สองคนมองกันซักพักอย่างชั่งใจก่อนที่แบคฮยอนจะยอมหันกลับมาหาคนที่เรียกชื่อเขา

     

    มองแบบปกติ มองแบบนิ่งๆ และไม่มีรอยยิ้ม...

     

    “มีอะไรรึเปล่า” เสียงเรียบนิ่งจนน่าตกใจ เรียบและเฉยชากว่าในทุกครั้งที่เคยพูดคุยกัน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของแบคฮยอน

     

    คยองซูมองเขาแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะพากลุ่มเพื่อนเดินออกไปก่อน ทิ้งไว้เพียงเขาสองคนให้ได้คุยกันตามลำพัง

     

    “เปล่า ไม่มีอะไร”

     

    “งั้นเราไปก่อนนะ”

     

    “เดี๋ยว”

     

    “...”

     

    “คือ...จะไปไหนหรอ” คำถามสิ้นคิดในเวลาพักกลางวัน แต่เขาคิดได้เท่านี้จริงๆ ไม่เคยชวนใครคุยก่อนเลยไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง

     

    “กินข้าว”

     

    “กับใคร พวกนั้นหรอ” แม้จะขัดใจกับท่าทางเรียบเฉยของแบคฮยอนแต่เขาก็พยายามจะมองข้ามมันไป แบคฮยอนอาจจะเหนื่อยจากการเรียนก็ได้ ถึงได้ทำหน้านิ่งแบบนั้น

     

    “กับ...แฟน”

     

    “อะไรนะ!

     

    “เสียงดังทำไม ตกใจอะไรหรอ” แบคฮยอนเอียงคอถาม อมยิ้มนิดๆดูเหมือนจงใจยั่วเขาอย่างไรอย่างนั้น

     

    “มันเป็นใคร นายชอบฉันไม่ใช่หรอ” ยอมรับเลย ตอนนี้เขา...กำลังโมโห ไม่รู้เป็นอะไรที่เกี่ยวกับแบคฮยอน เขาต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน แบคฮยอนเป็นคนที่สะกิดต่อมอารมณ์เขาได้เก่งจริงๆ

     

    “แต่ก่อนก็ใช่ แต่ตอนนี้เราคิดได้แล้ว”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตอนนี้เราคิดได้แล้ว

     

    ตอนนี้เราคิดได้แล้ว

     

    ตอนนี้เราคิดได้แล้ว

     

    ให้ตายยังไงปาร์คชานยอลก็ไม่สามารถรู้สึกดีกับคำพูดนั้นได้ คำพูดที่ทำเขาอึ้งจนไม่รู้เลยว่าแบคฮยอนเดินออกไปตอนไหน รู้แค่มันเจ็บที่หัวใจแปลกๆ เขาหมดอารมณ์จะไปกินข้าว และแอบโดดเรียนมานั่งเครียดอยู่ข้างสนามฟุตบอล เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง ล่วงเลยจนกระทั่งเลิกเรียน เด็กนักเรียนต่างทยอยกันกลับบ้าน แล้วมันก็ถึงเวลาที่เขาต้องไปซ้อมฟุตบอล แต่เขาก็เครียดเกินกว่าจะใส่ใจกับลูกกลมๆนั่นได้

     

    ชานยอลกำลังรู้สึกว่าอะไรๆก็ดูขวางตาไปหมด ไม่มีอะไรดีซักอย่าง กับแค่คู่รักที่เดินจู๋จี๋กันตรงทางเดินก็ทำให้เขาหงุดหงิดได้

     

    คนนึงก็เดินโอบไหล่เล็กๆนั่น อีกคนก็เบียดซะชิด จะมีความสุขอะไรขนาดนั้น ผมสีน้ำตาลที่ถูไถกับไหล่กว้างนั่นอีก...

     

    เอ๊ะ...ผมสีน้ำตาล

     

    ไม่รอช้าที่จะออกแรงวิ่ง ไม่ทันคิดว่าจะวิ่งไปทำอะไร รู้ตัวอีกอีกทีก็ยืนขวางทางคู่รักหมาดๆไว้เสียแล้ว

     

    “มีไรวะไอ้ยอล”

     

    “มึงเองหรอ” ชานยอลยืนมองจงอินที่กำลังโอบแบคฮยอนไว้ไม่ปล่อย แฟนของแบคฮยอนคือจงอิน เพื่อนร่วมห้องของเขา...

     

    “กูอะไร มึงมีซ้อมไม่ใช่หรอ หลีกไป กูจะไปเดทกับแฟน”

     

    “...” เขาช็อตจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ยิ่งมาได้ยินพร้อมกับหลักฐานคาตาแบบนี้ยิ่งทำใจให้ยอมรับไม่ได้

     

    เพราะอะไรกัน...

     

    ถอยหน่อยชานยอล อย่าทำตัวเกะกะสิ มันน่ารำคาญนะ” เสียงเล็กๆที่เขาจำได้ขึ้นใจบอกออกมาหน้าตาเฉยก่อนจะดันไหล่เขาออกแล้วจูงมือจงอิน

     

    เจ็บ...

     

    “จงอิน เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันก่อนเนาะ แล้วค่อยกลับบ้าน”

     

    “อื้ม ไปบ้านเรานะ”

     

    “ได้สิ”

     

    “ค้างด้วยนะ พรุ่งนี้วันหยุด เราอยากอยู่กับแบคฮยอนนานๆ”

     

    “จะบ้าหรอ พูดอะไรก็ไม่รู้”

     

    “แบคฮยอน! มานี่!” หลังจากทนฟังบทสนทนาบ้าๆนั่นมานาน เขาก็ทนไม่ไหว กระชากแขนเล็กนั่นแล้วลากออกมา เขาไม่สนเพื่อนร่วมห้องคนนั้นว่าจะโวยวายมากแค่ไหน เขาไม่สนสายตาคนอื่นที่มองเขากับแบคฮยอน เขาสนแค่ร่างเล็กๆที่กำลังออกแรงต้านเขาอยู่เท่านั้น

     

    “ทำอะไรน่ะชานยอล ปล่อยนะ”

     

    “ไม่ นายต้องคุยกับฉันให้รู้เรื่อง!

     

    “เราไม่มีเรื่องต้องคุยกันนี่ เรื่องของเรามันจบไปตั้งนานแล้ว เราไม่ได้ชอบนายแล้ว!

     

    “โอ้ย” แบคฮยอนร้องเมื่อก้นตัวเองกระแทกลงกับพื้นเพราะอีกคนปล่อยมือโดยไม่บอกไม่กล่าว คนเจ็บเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ชานยอลกำลังมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่มันดูเศร้าแปลกๆ

     

    “ในเมื่อนายบอกให้เราเลิกยุ่งกับนาย แล้วนายมายุ่งกับเราทำไม” ไม่ได้แบคฮยอน ห้ามร้องไห้ออกมานะ อย่าอ่อนแอให้คนแบบนั้นเห็นอีก

     

    “...”

     

    “เราก็เลิกชอบนายแล้ว ไม่ดีใจรึไง”

     

    “ใจง่าย!

     

    “...!!

     

    “ฉันเพิ่งรู้ว่านายมันง่ายขนาดนี้ ไม่กี่วันก็เปลี่ยนใจไปหาคนอื่นแล้ว ดีนะที่ฉันไม่หลงกลนาย”

     

    “...” แบคฮยอนไม่ตอบ แต่น้ำตามันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จริงๆ ถ้อยคำกล่าวหารุนแรงจนไม่อาจทนได้อีกแล้ว ยังไงแบคฮยอนก็ยังเป็นแบคฮยอนที่อ่อนแอวันยังค่ำ

     

    “ว่าไงล่ะ พูดแทงใจดำรึไง สงสารจงอินนะที่โดนนายหลอก”

     

    “หยุดพูดจาไร้สาระซักที นายมันบ้า ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง! ถ้าเรามันง่ายขนาดนั้นคงไม่โง่ตามตื้อนายนานขนาดนั้นหรอก คงไม่โง่มารอนายทั้งที่ตัวเองป่วย คงไม่ลืมหูลืมตารักนายแม้ว่านายไม่รักเราหรอกนะ!” แบคฮยอนยกมือขึ้นมาหวังจะตบ แต่มันกลับทำไม่ลง ทำร้ายชานยอลไม่ลงหรอกในเมื่อรักไปแล้ว

     

    “แบคฮยอน...” เหมือนคำพูดนั้นจะทำให้เขาตาสว่างขึ้นมา อยากจะตบปากตัวเองซักร้อยที พูดโดยไม่ทันคิดตลอด มันรุนแรงเกินไปที่จะใช้กับแบคฮยอน

     

    “แต่ตอนนี้...เรา เกลียด นาย!!

     

    ร่างเล็กปาดน้ำตาลวกๆ เขาเพิ่งเห็นว่าแบคฮยอนมีแผลที่มือด้วย คงเป็นตอนที่ล้มไปเมื่อกี๊ ความรู้สึกผิดจู่โจมหัวใจอย่างหนัก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าการที่เห็นแบคฮยอนเจ็บหรือร้องไห้มันพาลทำให้หายใจไม่ออก โดยเฉพาะตอนที่บอกว่าเกลียด ทำสมองตื้อไปเลย

     

    ไม่อยากให้แบคฮยอนเกลียด...

     

    “เลือดไหลใหญ่เลย ไปทำแผลก่อน”

     

    “ไม่ต้องมายุ่ง” จากแบคฮยอนที่เรียบร้อยกลายเป็นเด็กดื้อไปแล้วแฮะ

     

    “ไปเถอะน่า เดี๋ยวแผลติดเชื้อ”

     

    “ไม่เอา ปล่อยนะ เอ๊ะ คยองซู คยองซูช่วยด้วย!” ชานยอลหันไปมองตามก็พบกับคยองซูที่วิ่งมาพร้อมกับจงอินด้วยสภาพเหงื่อซก เดาไม่ผิดว่าต้องวิ่งตามหาแบคฮยอนแน่ๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมให้เอากลับไปง่ายๆล่ะ

     

    “เฮ้ย หยุดนะเว้ย ปล่อยแบคฮยอนเดี๋ยวนี้นะ ไอ้จงอิน วิ่งให้มันเร็วๆกว่านี้หน่อย มันลากไปถึงนู่นแล้ว” เสียงคยองซูตามไล่หลังเขามาไม่ขาด แต่ใครจะไปสู้นักกีฬาอย่างเขาที่ต้องวิ่งทุกวันวันละหลายรอบได้ แค่นี้สบายมาก

     

    “แฮ่ก..ชานยอล..หยุดนะ..เราไม่ไหว..”

     

    “อีกนิดเดียวน่า” โชคดีที่บ้านเขาอยู่อีกไม่ไกล เขากระชับมือที่จับแบคฮยอนไว้แน่น รั้วบ้านสีขาวอยู่อีกไม่กี่เมตรแล้ว หันหลังกลับไปก็ยังเห็นจงอินวิ่งตามอยู่ไกลๆ

     

    “ไม่เข้า!” แม้จะเหนื่อยแทบตายแต่แบคฮยอนก็เลือกที่จะดื้อ ถ้าเข้าไปคยองซูจะเข้ามาช่วยเขายังไงล่ะ!

     

    “ต้องเข้า!” ด้วยแรงที่มีมากกว่า ชานยอลจับคนตัวเล็กกว่าเข้าไปในตัวบ้านแล้วจัดการล็อคประตูทันที

     

    “แฮ่กๆ” แบคฮยอนเอามือเท้ากับหัวเข่าตัวเองก่อนจะหายใจหอบอย่างแรง ด้วยความที่ไม่ได้ออกกำลังกายมากนัก

     

    “อย่าเอามือเช็ดสิ เดี๋ยวเชื้อโรคจะเข้า มานี่มา” ร่างสูงหยิบกระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อที่ไหลอาบหน้าเรียวเบาๆ ใช้มืออีกข้างดันใบหน้าให้เงยขึ้นมา

     

    “...” แบคฮยอนเผลอมองใบหน้าอีกคน ไม่เคยได้อยู่ใกล้ขนาดนี้มาก่อน ระยะห่างแค่นี้มันทำให้หัวใจเขาเต้นแรง แรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเข้า ใบหน้า ดวงตา จมูก ปาก ที่แบคฮยอนหลงรัก อยู่ใกล้แค่นี้เอง...

     

    เผลอมองอยู่นานจนไม่รู้ตัวว่ามันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้จนมองเห็นเป็นภาพเบลอ มือที่เคยซับเหงื่อเปลี่ยนมาจับเข้าที่ท้ายทอยเบาๆ ลมหายใจร้อนเป่ารดบนจมูกก่อนรู้สึกอุ่นที่ริมฝีปากแผ่วเบา...

     

    ปังๆๆ

     

    “ไอ้บ้าชานยอล ปล่อยแบคฮยอนบอกมานะเว้ยยยยยยยยยยยย”

     

    ทั้งสองคนผละออกจากกันไปอยู่คนละฝั่ง ชานยอลได้แต่ยืมหัวเสียกับมารผจญด้านนอกที่แหกปากโวยวายไม่เกรงใจกล่องเสียงตัวเองหูชาวบ้านชาวช่อง เหลือบไปมองแบคฮยอนที่ยืมมองมือตัวเองอยู่อย่างนั้นก็แอบยิ้มไม่ได้ ก้มให้ตายยังไงก็ซ่อนสีแดงข้างแก้มไม่ได้หรอก เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ

     

    “ไปทำแผลก่อนดีกว่า”

     

    “จะออกไปหาคยองซู”

     

    “ต้องให้บังคับ”

     

    “อ๊ะ!” ชานยอลยักไหล่ แต่กลับอุ้มแบคฮยอนขึ้นบันไดไปเสียอย่างนั้น ฝ่ายเสียเปรียบก็ดิ้นตามระเบียบ แต่คงไม่มีแรงมากพอจะดิ้นหลุดหรอก เหนื่อยขนาดนั้น อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะเหตุการณ์เมื่อซักครู่รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ ดีขนาดที่ว่า ถึงแม้จะมีเสียงของคยองซูตะโกนอยู่หน้าบ้านเขาก็ไม่สนใจ

     

    “ไอ้บ้า ทำอะไรเพื่อนฉัน เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!!

     

     

     

     

     

    กล่องยาประจำบ้านสีชมพูวางอยู่กลางโต๊ะ ทั้งยาและอุปกรณ์ทำแผลวางเกลื่อนไม่น่าดู แม้เขาจะไม่ค่อยเป็นระเบียบมากนักแต่เรื่องทำแผลก็ไม่ได้แย่ พอจะทำได้ถึงจะได้ยินเสียงร้องโอดครวญจากแบคฮยอนก็ตามที

     

    “แบคฮยอน”

     

    “ทำเสร็จแล้วเราจะกลับ”

     

    “มืดแล้ว มันอันตรายนะ” บรรจงใช้สำลีเช็ดรอบแผลอย่างเบาที่สุด เคยทำให้เพื่อนครั้งสองครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะทำเบาขนาดนี้ เขาแค่ไม่อยากให้แบคฮยอนเจ็บไปมากกว่านี้

     

    “เราจะกลับบ้าน”

     

    “ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”

     

    “...” ในเมื่อเถียงต่อไม่ได้เลยต้องจำยอม แบคฮยอนหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อลดอาการประหม่า ยังดีที่ชานยอลมัวแต่สนใจแผลของเขา เขาไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าคนที่ชอบจะมาทำอะไรให้แบบนี้ แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วจริงๆ

     

    “...ขอโทษ” หลังจากเงียบไปนาน อยู่ชานยอลที่พูดขึ้นมา พาสเตอร์ลายหมีสีเขียวแปะลงบนมือของเขาอย่างเรียบร้อย แต่อีกคนกลับไม่ปล่อยมือเขา

     

    “เรื่องอะไร”

     

    “ทำตัวไม่ดี พูดจาไม่ดี ทำร้ายจิตใจนาย” ชานยอลเงยหน้ามองแบคฮยอนที่นั่งนิ่งไป ถ้าดูไม่ผิด เขาเห็นดวงตานั้นคลอน้ำใสอยู่

     

    “ช้าไปรึเปล่า”

     

    “ฉันมันนิสัยไม่ดี พูดดีๆก็ไม่ได้ บางครั้งฉันก็โกรธตัวเอง แค่เห็นนายฝืนยิ้มให้ฉัน ฉันก็อารมณ์เสียแล้ว”

     

    “อย่าเข้าใจผิดนะ เพราะฉันรู้ว่านายฝืน ฉันไม่อยากให้นายต้องทำอะไรฝืนใจตัวเอง เศร้าคือเศร้า มีความสุขก็ยิ้ม...แค่นั้นเอง”

     

    “ฉันแค่...แค่อยากเห็นรอยยิ้มที่มาจากใจของนาย...”

     

    “...” เอาอีกแล้ว ไหลอีกแล้ว แบคฮยอนอ่อนไหวกับทุกเรื่องของชานยอลทุกทีเลย

     

    “ไม่ร้องนะ น้ำตานายมีค่ามากกว่าจะเสียใจฉัน”

     

    “ทำแผลเสร็จแล้ว เราจะกลับ” แบคฮยอนเบี่ยงหน้าหลบมือที่เอื้อมจะมาปาดที่แก้มของเขา อย่าใจอ่อน แค่เขาทำดีด้วยหน่อยกำแพงที่สร้างมาก็จะพังทลายเสียแล้ว

     

    “ฉันขออีกประโยคนึง”

     

    “รีบๆพูด เราไม่อยากเสียเวลา”

     

    “...”

     

    “...”

     

    “ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร ฉันเป็นห่วงนาย พอไม่เจอหน้าแล้วมันไม่คุ้น มันแปลกๆ มัน...โหวงเหวง แล้วก็ฉัน...ฉัน...คิดถึงนาย...”

     

    “...”

     

    ฉันคง...ชอบนายแล้วล่ะ

     

    “...แต่ฉันเกลียดนาย”

     

    “ฉันรู้ แต่ฉันอยากบอกให้นายรู้เฉยๆ กลับบ้านเถอะ ฉันไปส่ง”

     

    “...อืม”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ล็อคบ้านดีๆนะ”

     

    “อืม”

     

    “ฉัน...ไปละ...”

     

    “ชานยอล”

     

    “อะไร”

     

    “เราไม่ได้เป็นแฟนกับจงอิน คยองซูวางแผนเพื่อลองใจนาย”

     

    “อะ อะไรนะ พูดจริงหรอ งั้นแสดงว่านายยังไม่มีแฟน แล้วนาย นายยังชอบฉันอยู่ใช่มั้ย” ชานยอลถามอย่างดีใจ จิตใจเขาห่อเหี่ยวตั้งแต่ออกจากบ้านมา พอได้ยินประโยคนี้กลับทำให้หัวใจพองโต

     

    “เราก็ยังเกลียดนายอยู่ดี...”

     

    “อ่า งั้นหรอ”

     

     

     

     

     

    “...แล้วทำไมนายไม่ลองจีบเราดูก่อนล่ะ...” 






























    120% END
     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×