ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf exo] ❥ hello love stories ( chanbaek )

    ลำดับตอนที่ #31 : [SF] MARRY ME : CHANBAEK : 1/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.73K
      38
      1 พ.ย. 56



    MARRY ME 1

     

    AUTHER : KYUTY
    COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN
    RATE : PG-15
    NOTE :
    เบ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย อะฮ้า ชอบเพลงหน้าฟิคจัง แบบ เพลงของเอ็กโซไง ไม่เคยใช้เลย คราวนี้เลยขอใช้นานๆหน่อย ไม่รู้จะจบภายในสามตอนหรือมากกว่านั้น กร๊ากกกกกกก อุอิอุอิ >< 



















     

     

     

    บยอนแบคฮยอนย่างก้าวสู่วัยเบญจเพส สองเท้าเหยียดยืนตรงอยู่หน้าร้านอะไรซักอย่างที่ตกแต่งด้วยผ้าผืนยาวๆสีดำอึมครึม วางพาดไปมาดูน่าเกะกะลูกตา แถมยังมีบรรดาเถาวัลย์และพวกใบไม้เป็นพร็อบเสริมความน่ากลัวเข้าไปอีก บอกได้เลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจะไม่แม้แต่ชายตามองร้านแบบนี้แน่นอน แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเพื่อนที่สนิทตั้งแต่มัธยมปลายดันขอให้มาเป็นเพื่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า...

     

    “แก ฉันไปปิ๊งหนุ่มคนนึง หล่อมาก เลยแอบไปดูวันเกิดมา ฉันอยากรู้ว่าเราคู่กันรึเปล่า”

     

    โอเค เหตุผลนี่ถือว่าสิ้นคิดมาก แต่จะไปขัดใจเจ้าคุณคนสวยก็ถือว่าไม่เหมาะสม เลยต้องจำยอมมายืนอ่านป้ายสีดำทมึนที่มีตัวหนังสือสีทองอร่ามว่า ดวงชะตาพยากรณ์

     

    เออ เอาเข้าไป แค่อ่านชื่อร้านก็ขนลุกขนพองไปหมด ผู้ชายเข้าร้านแบบนี้มันดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย แต่แรงกระตุกที่แขนเสื้อเลยต้องจำยอมก้มหน้าเดินตามเข้าไป เหลือบไปมองซ้ายขวาอีกทีเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นเขาเดินเข้าไปในสถานที่น่ากลัวเช่นนี้

     

    “เชิญ...” น้ำเสียงชวนสยองของผู้หญิงแก่ๆหนึ่งคนที่แต่งองค์ทรงเครื่องประหนึ่งคนบ้า ผมเผ้าฟูฟ่องไม่เป็นทรง (หรือจะเป็นทรงก็ไม่รู้) สวมหมวกเน่าๆสีดำทับเข้าไปอีกที สร้อยลูกปัดประมาณสี่ห้าเส้นหลากสีคล้องคอเธออยู่ ชุดเดรสยาวจนถึงพื้น ปลายชุดขาดรุ่งริ่ง เข็มขัดสีแดงแปร๊ดเส้นใหญ่คาดเอวไว้ เกือบจะเข้าชุดกันแล้วถ้าไม่ติดเส้นสีแดงนั่น

     

    “แม่หมอ สวัสดีค่ะ ดิฉันปาร์คคังจูค่ะ” ผู้หญิงผมสั้นประบ่าที่อยู่ข้างเขาก้มหัวเคารพผู้หญิงอีกคนที่แต่งตัวได้ไม่รสนิยมเอาซะเลย ไม่พอยังจะสะกิดให้เขาทักทายตามอีก แค่ผงกหัวให้นิดนึงเพื่อไม่ให้ยัยนี่ด่าก็พอ

     

    “เอาวันที่ของหนุ่มคนนั้นกับเธอมาสิ” พอนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามกับแม่หมออะไรนั่น แม่หมอก็พูดออกมาทันที คังจูเบิกตาโพรงด้วยความตกใจ เพราะเจ้าหล่อนยังไม่ทันได้พูดอะไรเจ้าของสำนักนี่ก็พูดเหมือนอ่านใจได้

     

    “แม่นจริงๆอย่างที่เค้าว่าเลย นี่ค่ะแม่หมอ” เธอยิ้มอย่างมีความสุข แผ่นกระดาษใบเล็กๆถูกส่งไปให้มือเหี่ยวๆ แบคฮยอนได้แต่กรอกตาไปมา ผู้หญิงมาหาหมอดูมันมีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก แม่หมอคนนี้ก็แค่สุ่มพูดถูกแค่นั้นแหละ

     

    “อื้ม...ไม่ใช่”

     

    “ห๊ะ ไม่ใช่เนื้อคู่หรอคะ”

     

    “ไม่ใช่ เป็นกาลากิณีกัน หากคบหากันแล้วล่ะก็...พินาศ” เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ช่างไร้สาระสิ้นดี ทำไมพวกผู้หญิงถึงต้องชอบดูดวงอะไรแบบนี้ ไม่ไหวจริงๆ

     

    “แบคฮยอน หุบปากไปเลย แล้วแม่หมอพอจะทราบมั้ยค่ะว่าเนื้อคู่ของหนูเมื่อไรจะเจอ”

     

    และช่วงเวลาอันน่าเบื่อก็เริ่มต้นขึ้น สองสาว ไม่สิ หนึ่งสาวกับหนึ่งแก่ก็ถามตอบกันไปมา ลามไปจนถึงเรื่องการงาน ชีวิตความเป็นอยู่ อดไม่ไหวเลยอ้าปากหาวหวอดๆเป็นระยะ

     

    ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ได้เวลาเป็นอิสระ เขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเมื่อคังจูยืนขึ้นและกล่าวลา คังจูหันมาถามเขาอยู่ว่าอยากจะดูด้วยมั้ย แต่คนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรแบบนี้อยู่แล้วเลยปฏิเสธไป อยากจะออกไปจากที่นี่ใจจะขาดแล้ว

     

    “พ่อหนุ่ม” แบคฮยอนหันไปมองคนที่เรียกเขา เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเรียกทำไม

     

    “เรียกผมหรอครับ”

     

    “เธอกำลังจะได้แต่งงานนะ” อยากจะหัวเราะจนฟังร่วง แต่งงานงั้นหรอ แบคฮยอนแค่ก้มหัวขอบคุณที่บอก ก็แค่ทักไปงั้น เพราะตอนนี้เขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนเลย แฟนก็ไม่มี แล้วจะเอาใครไปแต่งงานด้วย

     

    “หนุ่มคนนั้นเป็นเนื้อคู่เธอ และชีวิตของเธอจะมีความสุข”

     

    เดี๋ยว...หนุ่ม...งั้นหรอ

     

    “หนุ่มหรอคะแม่หมอ แต่แบคฮยอนเป็นผู้ชายนะคะ”

     

    “ผมว่าแม่หมอเพ้อเจ้อไปแล้วนะครับ กลับไปนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่มเถอะครับ แล้วค่อยมาดูดวงให้คนอื่น”

     

    “เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ฉันโกหกคนไม่เป็นหรอก”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อารมณ์โคตรเสีย แบคฮยอนบีบแตรเรียกให้ยามหน้าประตูรีบออกมาเปิดประตู เขาเลี้ยวรถเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด จะอะไรซะอีก ก็ยัยแม่หมอหน้าเหี่ยวคนนั้นดันทักว่าเนื้อคู่ของเขาเป็นผู้ชาย! แถมจะได้แต่งงานในเร็วๆนี้อีก ไม่เป็นบ้าก็ปัญญาอ่อนแน่ๆ

     

    “คุณหนูคะ อารมณ์ไม่ดีมาจากไหนคะเนี่ย” คุณป้าแก่ๆวิ่งเข้ามาจับที่แขนเบาๆ แบคฮยอนหันไปหาก็ยิ้มออกมา คนที่คอยเลี้ยงและดูแลเขามาพร้อมกับแม่ของเขา เรียกว่าแม่นมก็ถูกเหมือนกัน

     

    “เจอคนกวนประสาทครับ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ว่าแต่คุณแม่อยู่ในบ้านรึเปล่าครับ”

     

    “อยู่ค่ะ กำลังรอคุณหนูอยู่ มีแขกมารอพบคุณหนูด้วยนะคะ” เลิกคิ้วสงสัย มีแขกมารอพบเขาหรอ หรือเป็นเพื่อนคุณแม่ที่เคยเปรยไว้อาทิตย์ก่อนว่าจะมาเยี่ยมทักทายหลังจากไม่ได้เจอกันนานหลายสิบปี

     

    เมื่อเดินเข้าไปก็พบคุณแม่ของเขาเองกำลังพูดคุยกับหญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ข้างกายหล่อนมีผู้ชายท่าทางภูมิฐานสวมสูทสีเทาเข้มกับทรงผมสั้นที่ถูกเซตมาอย่างดี ดวงตากลมโตจนน่าอิจฉา อ่า..คงเป็นเพื่อนคุณแม่กับลูกเขารึเปล่านะ เพราะหน้าตายังดูไม่แก่แถมยังดูหนุ่มและหล่อมากๆเลย

     

    “อ้าวแบคฮยอน มานั่งนี่สิลูก” แบคฮยอนทำตามอย่างว่าง่าย เขานั่งลงข้างแม่ตัวเองและส่งยิ้มให้แขกตามมารยาท

     

    “นี่น้าฮาคยอง เพื่อนแม่ตั้งแต่สมัยสาวๆ ส่วนคนนั้นก็พี่ชานยอลจ๊ะ”

     

    “สวัสดีครับ”

     

    “สวัสดีจ๊ะหนูแบคฮยอน โตขึ้นแล้วน่ารักมากเลยนะจ๊ะ” แบคฮยอนยิ้มรับ แม้จะตงิดใจกับคำว่าน่ารักก็เถอะ

     

    “ในเมื่อมากับครบแล้วก็เริ่มเลยแล้วกันนะฮาคยอง แบคฮยอน พาพี่ชานยอลไปเดินเล่นในสวนหน่อยสิลูก” เขาพยักหน้ารับแบบงงๆ อะไรคือมาครบแล้ว แล้วทำไมต้องออกมาก่อน แต่ช่างเถอะ เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเขาคงไม่เกี่ยว

     

    “ครับ เชิญครับ” พี่ชานยอลอะไรนั่นลุกขึ้นยืนด้วยความสง่าผ่าเผย ทำเอาแบคฮยอนถึงกับอึ้ง โห สูงจัง ทั้งหน้าตาดี ท่าทางภูมิฐาน แถมยังสูงอีก เพอร์เฟ็คอะไรขนาดนั้น ใครได้เป็นแฟนคงดีใจตายเลย ต่างจากเขา ตัวก็เล็ก ไม่สูงอีกต่างหาก อิจฉาจัง...

     

    เงียบดิ....หลังจากพาออกมาในสวนหน้าบ้านที่ร่มรื่นย์ ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกจะได้ชวนคุยแบบสนิทก็กระไรอยู่ เลยตัดสินใจนั่งลงตรงเก้าอี้ชิงช้าขนาดที่นั่งได้สองคน ไม่นานอีกคนก็นั่งตามลงมา

     

    “อายุเท่าไรน่ะเรา”

     

    25 ครับ”

     

    “ทำงานอะไรอยู่” เอ่อ อย่างกับสัมภาษณ์สมัครงาน - -

     

    “บริษัทของแม่ครับ” แม้จะเรียกว่าเป็นลูกเจ้าของบริษัท แต่เขาก็มีความสามารถมากพอที่จะบริหารให้บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้นตอนผู้ถือหุ้นหลายคนยอมรับ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บริหารหรอก ประสบการณ์ยังน้อยเกินไป อีกอย่างใจจริงเขาก็ไม่อยากจะมาทำงานแบบนี้หรอก แต่ในเมื่อพี่ชายตัวดีดันไปแอบเรียนสถาปัตย์จนผลกรรมมาตกที่เขาต้องสืบทอดกิจการของครอบครัวต่อไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ขนาดนั้น เขาทำใจยอมรับที่จะเรียนบริหารและทำออกมาได้ดีเสียด้วย

     

    แต่เขาน่ะ...อยากเป็นนักออกแบบ!

     

    “ส่งออกเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สินะ ได้ข่าวว่าอยากเรียนพวกนิเทศมากกว่า”

     

    แบคฮยอนหันมองอีกฝ่าย ทำไมถึงรู้ว่าเขาอยากเรียนอะไรทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก

     

    “ทำไมพี่ชานยอลรู้ว่าผมอยากเรียนอะไร” ไม่ปกติแน่ๆ แบบนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย

     

    “อ่า คือ พี่...”

     

    “แบคฮยอนลูก พาพี่ชานยอลเข้ามาได้แล้ว แดดออกแล้วนะจ๊ะ”

     

    “พี่มีอะไรจะบอกผมมั้ย” แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไปแบบง่ายๆ

     

    “พี่ว่าเราไปถามแม่ด้านในดีกว่า อยากรู้อะไรก็ถามเลย” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าไป เขารีบตามไปแทบจะทันที ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าแม่เกี่ยวอะไรด้วยก็ตาม

     

    “ไปนั่งข้างๆพี่เค้าสิลูก”

     

    ห่ะ...อะไรนะ นั่งข้างๆ? ทำไมต้องนั่งข้างกันด้วย? แล้วทำไมแม่เขาต้องยิ้มแบบนั้นด้วย?

     

    โอ้ย หัวแบคฮยอนมีแต่คำถาม ด้วยความที่อยากจะรู้คำตอบ เลยต้องทำตามที่แม่ตัวเองบอก

     

    “พออยู่ด้วยกันแล้วน่ารักกันจังเลยนะ” แม่ของชานยอลพูดพร้อมกับยิ้มหวาน ส่งผลให้แม่ของแบคฮยอนที่นั่งข้างๆยิ้มตามไปด้วย

     

    “เอ่อ ทำไมผมต้องนั่งข้างพี่ชานยอลด้วยล่ะครับ” ในเมื่อความสงสัยมันตีตื้นจนทนรอไม่ไหวเลยต้องถามออกมาซะ

     

    “แม่ลืมบอกลูกไปเลย พี่ชานยอลเค้าเป็นคู่หมั้นของลูก แล้วลูกทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกันในอีกสองอาทิตย์...”

     

    ผ่าง!.............

     

    “เธอกำลังจะได้แต่งงานนะ”

     

    “หนุ่มคนนั้นเป็นเนื้อคู่เธอ และชีวิตของเธอจะมีความสุข”

     

    นอกจากจะได้ยินเสียงเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวแล้วยังมีภาพหญิงแก่ๆพูดกับเขาด้วยประโยคพวกนั้นซ้ำไปมา

     

    “แบคฮยอน...” พอโดนสะกิดจากคนข้างๆเท่านั้นแหละ สติที่หลุดออกไปนอกโลกก็กลับเข้ามาทันที เขาหันขวับไปมองอีกคนแล้วหันกลับไปมองคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่กำลังยิ้มให้

     

    บ้าไปกันใหญ่แล้ว!

     

    ต้องล้อกันเล่นแหงๆ กำลังจะแต่งงานว่าตลกแล้ว แล้วยังเป็นผู้ชายอีก เขาคงฟังอะไรผิดไปเอง หรือไม่ก็คงจะนอนไม่พอทำให้เกิดภาพหลอน เสียงหลอนแบบนี้

     

    “คุณแม่บอกว่าผมกำลังจะแต่งงานกับ...” หันไปมองตัวต้นเหตุอีกรอบที่ทำหน้าราวกับเรื่องนี้มันปกติดีทุกอย่าง

     

    “จ๊ะ เราหมั้นกันตั้งแต่ยังไม่เกิดแหนะ แต่พอเราออกมาแล้วเป็นผู้ชายแม่ก็ไม่ถือหรอก” ถือหน่อยเถอะคุณแม่ อย่าใจกว้างขนาดนั้นนนนนนนนนนนน =________________=

     

    “คงไม่ได้หรอกครับ ผมกับพี่เค้ายังไม่รู้จักกันเลย ไม่ได้รักกันด้วย แต่งงานกันไม่ได้หรอกครับ”

     

    “อยู่ไปก็รักกันเองแหละจ๊ะ แบคฮยอนอย่าดื้อนะจ๊ะ”

     

    “แต่...”

     

    “ฮาคยอง เดี๋ยววันนี้เราไปดูการ์ดแต่งงานกับของชำร่วยดีมั้ย” แบคฮยอนได้แต่อ้าปากค้าง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเถียงแม่เลยเพราะแม่ก็ไม่เคยขัดใจเขาขนาดที่ต้องลุกขึ้นมาโวยวายและร้องขอความเป็นธรรม แต่ครั้งนี้มันมากเกินไป ยังไงมันก็ไม่เข้าท่า อยู่ดีๆให้เขามาแต่งงานกับคนไม่รู้จัก ที่ยังนั่งทำหน้าตานิ่งเฉยอยู่แบบนี้อีกด้วย!

     

    “นี่ ช่วยพูดหน่อยสิ” ในเมื่อทำด้วยตัวเองคงไม่เป็นผลก็ต้องมาขอความช่วยเหลือจากบุคคลในสถานการณ์เดียวกัน

     

    “ลองพูดแล้ว ทำอะไรไม่ได้หรอก นั่งเฉยๆเถอะ” มือหนาฉุดให้เขานั่งลงตามเดิม

     

    “จะบ้าหรอ พี่ยอมแต่งงานกับผมเนี่ยนะ”

     

    “แต่งแล้วเดี๋ยวก็หย่าได้น่า บอกผู้ใหญ่ไปว่าเข้ากันไม่ได้จริงๆ ก็แค่นั้น” อ้าปากค้างอีกรอบกับความคิดที่แสนจะเรียบง่ายของอีกฝ่าย มันง่ายขนาดนั้นหรือไงฟระ!

     

    “ผมไม่แต่งนะครับ ยังไงก็ไม่แต่ง” หันไปพูดเสียงดังใส่ผู้ใหญ่อีกฝั่งที่คุยกันออกรสออกชาติเกี่ยวกับการแต่งงานที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน

     

    เงียบ....

     

    เงียบจนขนลุก ทำไมเขารู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากอีกฝั่ง เขาเห็นชานยอลแอบส่ายหัว ก็แล้วทำไมล่ะ เรื่องจะอะไรจะยอมไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จักกันด้วย

     

    “แม่ให้ลูกออกจากบริษัทของเรา แล้วก็ย้ายให้ไปทำงานกับพี่เค้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าลูกไม่แต่งงานก็ไม่สามารถจะไปทำงานที่นั่นได้ แม่ไม่ยอมให้ลูกทำงานที่อื่นด้วย เข้าใจใช่มั้ยจ๊ะ”

     

    ทำไมไม่รู้มาก่อนว่าแม่ตัวเองน่ากลัวขนาดนี้.....

     

    “ห้องหอที่บ้านของชานยอลก็เสร็จแล้วด้วย แม่ว่าลูกเตรียมตัวย้ายไปอยู่ที่นั่นดีกว่าจะมานั่งโวยวายไร้สาระนะจ๊ะ”

     

    “คุณแม่ครับ ผมไม่...”

     

    “แม่จะพูดแค่ครั้งสุดท้ายนะครับ”

     

    นะครับ...คำพูดนี้มาอีกแล้ว ตอนเด็กๆที่เขากับพี่ชอบดื้อบ่อยๆ ถ้าได้ยินแม่พูดครับแสดงว่าแม่กำลังจะหมดความอดทน ต้องรีบทำตัวดีๆก่อนที่ระเบิดลูกใหญ่จะมา

     

    แต่นี่! แต่งงานเลยนะ ชีวิตทั้งชีวิตเลยนะ! เขาจะยอมได้ยังไง!

     

    ใช่! ยอมไม่ได้หรอก ถ้าพูดแบบดีๆไม่ได้ผล ก็ต้องหาวิธีเนียนๆเข้ามาช่วยสิ!

     

    “คุณแม่ครับ ผมไม่ชอบคนเยอะ งานใหญ่โต หรือใครที่ไม่รู้จัก จัดในบ้านแบบเรียบง่ายได้มั้ยครับ” เอาเซ่ เอาเลย มาเลยคุณแม่ เขารู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนหน้าใหญ่ ชอบทำอะไรยิ่งใหญ่ให้สมฐานะ ยิ่งงานแบบนี้ยิ่งต้องใหญ่โตมโหฬาร แค่ฟังจากที่คุยๆกันสองสาวก็รู้ว่าจัดกันขนาดไหน แขกเหรื่อในงานน่าจะเกินร้อย เค้กสูงเกินหัว และการ์ดแต่งงานที่จะเคลือบทองนั่นอีก คงไม่มีทางที่จะยอมจัดงานเล็กๆภายในบ้านแน่นอน เสียชื่อคุณนายบยอนหมด!

     

    “หึ...” แอบได้ยินเสียงคนข้างๆหัวเราะอีก ไงล่ะ ฉลาดล่ะสิ คิดไม่ได้ก็บอกมา แบคฮยอนอิสเดอะวินเนอร์!

     

    “งานนี้เป็นงานของผม ไม่งั้นผมไม่แต่งนะครับ” เอาล่ะ เครื่องฟิตสตาทติดง่าย เมื่อผลสำเร็จกำลังลุล่วงเข้ามา ก็พุ่งชนไม่ยั้งเลย

     

    “แบคฮยอนลูก....”

     

    “...” ว่ามาครับคุณแม่ จะบอกว่า แม่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ยกเลิกงานแต่งก็ได้ ก็ว่ามาเลยครับ ผมพร้อมรอฟังเสมอ

     

    “ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วลูกยอมแต่ง...แม่ก็โอเคนะจ๊ะ งั้นเอาตามนี้ จัดที่บ้านของชานยอลแล้วกันนะ สวนกว้างกำลังพอดีเลย ใช่มั้ยจ๊ะฮาคยอง”

     

    “ได้สิ เรายินดีเสมอ เพื่อว่าที่ลูกสะใภ้แสนน่ารักคนนี้ โอเคแล้วนะหนูแบคฮยอน”

     

    อะ...อะไรนะ...

     

    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปเถียงอีกล่ะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    ก่อนที่สติจะแตกไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มนุ่มก็กระซิบที่ข้างหูว่า...

     

    “บอกแล้วไม่เชื่อ...”

     

    ฮื้ออออออออออออออออออออออออออออออ T_________________________________T
























    100%
     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×