ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf exo] ❥ hello love stories ( chanbaek )

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] แค่ของเลียนแบบ : CHANBAEK : 2/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.18K
      55
      31 ต.ค. 56



     แค่ของเลียนแบบ 2

     

    AUTHER : KYUTY
    COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN feat. KYUNGSOO
    RATE : NC-18
    NOTE : ระวัง........เรา.......ขอโทษ.........อย่าโกรธกันนะตัวเอง T^T ไปอ่านกันเถอะ (ขอบอกว่าแอบยาวเกินไป - - )

     









     

    วางไปแล้ว...คยองซูวางไปแล้วแต่ทำไมกลับยิ่งทำให้เค้ากระวนกระวายใจมากขึ้น มือบางกุมขมับที่ปวดหนึบ สายตาพร่ามัวไปหมด รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แบคฮยอนพาร่างกายที่ใกล้จะล้มเต็มที่มาที่โซฟากว้าง ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างแรง ความคิดในหัวตีกันวุ่นวายไปหมด กลัวว่าเพื่อนสนิทตัวเองจะรู้ กลัวยิ่งกว่าหากต้องเลิกกับชานยอล เค้ารู้อยู่แก่ใจ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ยังไงชานยอลต้องเลือกคยองซูอยู่แล้ว

     

    เสียงเปิดประตูทำให้เจ้าของบ้านฝืนลุกขึ้นอย่างยากลำบาก คนตัวสูงเดินเข้ามาชิดโซฟาก่อนจะนั่งลงขมวดคิ้วแน่น

     

    “ไม่สบายหรอ หน้าซีดมากเลย”

     

    “ชานยอล...ไม่ไปอยู่กับคยองซูหรอ” ร่างบางพยายามลุกนั่งแต่ก็โดนดันให้นอนลงดังเดิม

     

    “ตัวร้อนมากเลย ไปโรงพยาบาลหน่อยมั้ย”

     

    “เดี๋ยวคยองซูจะว่าเอานะ ไปหาเดี๋ยวนี้เลย”

     

    “มาๆ เดินไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวฉันอุ้มเอง”

     

    “ชานยอล..” แบคฮยอนขืนตัวออกจากอ้อมแขนที่สอดเข้ามาหมายจะอุ้มเค้าขึ้น

     

    “ครับ”

     

    “ตอบมาสิ..”

     

    “คยองซูยกเลิกนัด ไม่รู้ว่าทำไม พอใจแล้วนะ งั้นเราไปหาหมอกัน” แบคฮยอนยอมอ่อนข้อแล้วยอมให้อีกฝ่ายอุ้มเค้าไป ในใจยังไม่เลิกคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ คยองซูคงยกเลิกนัดเพราะโกรธชานยอลแน่ๆเลย

     

     

     

     




     

     

    คนตัวเล็กนั่งเหงาอยู่ที่ห้องในโรงพยาบาล แบคฮยอนนอนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะไข้ขึ้นสูง จนมาถึงเที่ยงก็ยังไม่มีใครมาเยี่ยมซักคน เว้นแต่ชานยอลที่โดนคยองซูเรียกกลับไปตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว

     

    แกร๊ก..

     

    “สวัสดีคนป่วย...”

     

    “จงอิน” แบคฮยอนยิ้มกว้างเมื่อพบเพื่อนเก่าเดินเข้ามา

     

    “อะไรกัน เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย ไหงป่วยซะงั้นล่ะ”

     

    “แล้วนี่รู้ได้ไงเนี่ย” แบคฮยอนชี้ไปที่เก้าอี้ให้จงอินลากมานั่งข้างเตียงคนป่วย ซึ่งจงอินก็ทำตาม

     

    “มาเยี่ยมป้าห้องข้างๆเนี่ย เผอิญของชื่อนายก็เลยเข้ามา เป็นอะไรล่ะเรา”

     

    “ไข้นิดหน่อย ขอบใจนะที่เข้ามาเยี่ยม แล้วแฟนนายล่ะ”

     

    “อยู่ร้านดิ แล้วนี่ไม่มีใครเฝ้าเลยหรอ อยู่เป็นเพื่อนเอาป่ะ”

     

    “เดี๋ยวแฟนนายว่าเอา ไม่เป็นไรหรอก” จงอินไม่ตอบคำถามแต่กดโทรศัพท์แทน ซักพักก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งให้

     

    “เซฮุนบอกว่าอยู่ได้ เพราะตอนนี้ร้านยุ่งๆไม่อยากให้ฉันไปเกะกะ” แบคฮยอนหัวเราะกับคำตอบเพื่อน

     

    “โดนไล่แล้วหรอ”

     

    “เดี๋ยวโดนแบคฮยอน เดี๋ยวนี้กล้าเล่นขึ้นเยอะเลยนะ” จงอินลุกขึ้นทำท่าจะดีดหัวอีกคน แบคฮยอนเห็นดังนั้นก็เบี่บงตัวหลบ แต่จงอินก็ไม่ยอม โน้มตัวไปจะดีดให้ได้ ร่างเล็กคว้าข้อมือแกร่งดันออก ทั้งสองคนเล่นกันอยู่ข้างนั้น เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดประตูที่กำลังเปิดออก

     

    “ฮาโหลแบคฮยอน..โอ๊ะ..”

     

    “แบคฮยอน...” เสียงทุ้มเอ่ยตามหลังคนรักของตัวเองที่ตะโกนมาตั้งแต่ยังไม่เปิดประตู จนเข้ามาเจอกับสภาพของแบคฮยอนกับจงอินที่แทบจะขึ้นไปอยู่บนเตียงอยู่แล้ว

     

    “คยองซู....ชานยอล...” ทั้งแบคฮยอนและจงอินต่างผละออกจากกันทันที จงอินหันหน้ามาทำหน้าเศร้าพร้อมขยับปากบอกขอโทษแบคฮยอนเบาๆ

     

    “ขอโทษนะแบคฮยอนที่เข้ามาขัดจังหวะ...แฟนหรอ” คยองซูเอ่ยยิ้มๆ

     

    “ปะ...”

     

    “ถามเค้าทำไมล่ะคยองซู เห็นๆกันอยู่ใกล้ชิดกันขนาดนั้น”

     

    จงอินเห็นท่าไม่ดีกำลังจะแย้งแต่คยองซูก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

     

    “ว้าว ดีใจจัง แบคฮยอนของเรามีแฟนแล้ว ไม่บอกเพื่อนกันเลยนะ แต่ก็เหมาะสมกันดี ว่ามั้ยชานยอล”

     

    “อืม” ชานยอลตอบโดยไม่มองคู่สนทนา เพราะสายตาจับจ้องไปที่แบคฮยอน ดวงตาแข็งกร้าวจนคนถูกมองไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

     

    ปัง !

     

    ชานยอลวางของเยี่ยมคนป่วยที่โต๊ะอย่างแรงจนทุกคนในห้องสะดุ้งโดยเฉพาะแบคฮยอนที่เนื้อตัวเริ่มสั่นเบาๆ จงอินเห็นท่าไม่ดีก็ยกมือมาวางบนไหล่เล็ก บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ โดยไม่รู้เลยว่าแบบนั้นยิ่งทำให้ชานยอลโมโหมากกว่าเดิม

     

    “ไปกันเถอะที่รัก ปล่อยให้เค้าอยู่ด้วยกันสองต่อสองดีกว่า ส่วนเรา...ไป...” ชานยอลก้มลงไปหอมแก้มคยองซูก่อนจะหันมามองแบคฮยอนที่น้ำตาคลอมองพวกเค้าอยู่ ร่างสูงยิ้มนิดๆก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องไปพร้อมคยองซู

     

    “แบคฮยอน...”

     

    “ฮึก..ฮือ..” ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างบางเอามือปิดหน้าพร้อมเสียงสะอื้น

     

    “ฉันขอโทษนะ แต่ทำไมแฟนนายถึงอยู่กับคนอื่นแบบนั้นล่ะ” จงอินทำได้เพียงบีบไหล่เล็กอยู่แบบนั้น

     

    “เค้า...เค้าไม่ใช่แฟนฉันหรอก” แบคฮยอนพูดทั้งที่น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย

     

    “แต่นายนั่นบอกว่าเป็น...”

     

    “นายกลับไปก่อนได้มั้ย”

     

    “อยู่คนเดียวได้แน่นะ”

     

    “อือ..”

     

    จงอินพยักหน้าอย่างเข้าใจ เวลานี้แบคฮยอนคงอยากอยู่คนเดียว ร่างสูงยิ้มให้เพื่อนอย่างจริงใจก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

     

    น้ำตายังไหลไม่หยุดโดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะปัดออก ทำให้ชานยอลเข้าใจผิดอีกแล้ว ดูเหมือนคราวนี้คงจะหนักหนาพอควร ชานยอลไม่เคยมองเค้าด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อน สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและโมโหเหมือนคนโดนหักหลัง...

     

    อยากจะพูดออกไป ตะโกนออกไปว่าไม่จริง แต่จะให้บอกในฐานะอะไรล่ะ เพื่อนงั้นหรอ ไม่เห็นจะต้องแก้ตัวอะไรแบบนั้นกับเพื่อนเลยหนิ เค้าแค่กลัวว่าถ้าพูดออกไปคยองซูจะสงสัย ไม่อยากให้คยองซูต้องเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว...

     

    หรือว่า ถึงเวลาที่เค้าต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงเสียที...

     




     

     

     

     

     

    ผ่านมาอีกสองวันที่ยังต้องอยู่โรงพยาบาลเพราะอาการไข้ขึ้นๆลงๆไม่หายซักทีจนหมอบังคับให้อยู่ดูอาการอีกหน่อย จะมีก็แต่จงอินที่มาเยี่ยมเค้าตลอด คราวนี้พาเซฮุนมาด้วยทุกครั้ง ทำให้เบาใจไปเปราะหนึ่ง เพียงแต่ว่าชานยอลและคยองซูไม่มาเยี่ยมเค้าอีกเลยตั้งแต่วันนั้น จนตอนนี้แบคฮยอนก็กลับมาบ้านได้เสียทีโดยมีจงอินกับเซฮุนมาส่ง

     

    แบคฮยอนเปิดประตูเข้าไปก่อนจะปิดมันลงอย่างเคยชิน วางกระเป๋าสัมภาระจากโรงพยาบาลไว้ที่โต๊ะกินข้าว แต่ก็ต้องชะงักเมือเห็นใครบางคนนั่งอยู่กลางห้องรับแขก...

     

    “เดี๋ยวนี้มีคนไปรับไปส่งซะด้วย” น้ำเสียงเรียบนิ่งเสียจนคนฟังใจหล่นไปถึงตาตุ่ม

     

    “ชานยอล...มาทำไมหรอ” แบคฮยอนก้าวถอยหลังเล็กน้อย เมืออีกฝ่ายก้าวเท้าเข้าหา

     

    “มาหาเมียไม่ได้รึไง เอ...หรือว่านายไปเป็นเมียคนอื่นไปแล้วนะ”

     

    “จงอินไม่...”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไม่ถือหรอกที่ต้องใช้ของร่วมกับคนอื่น ถึงแม้มันจะสกปรกไปบ้าง แต่ก็พอไปได้” แบคฮยอนรู้สึกถึงขอบตาที่มันร้อนผ่าว มองหน้าคนพูดด้วยสายตาตัดพ้อ นึกสมเพศตัวเอง นี่เราดูเป็นคนแบบนั้นมากเลยรึไงนะ...

     

    “ขอโทษด้วยแล้วกัน” แบคฮยอนตอบปัดๆไป ไม่อยากเห็นหน้าคนที่พูดทำร้ายเค้าอีกแล้ว มันเจ็บเกินไป

     

    “แบคฮยอน!!” ชานยอลกระชากแขนบางเข้าหาตัว จับใบหน้าให้มารับจูบอย่างแรงจนได้กลิ่นเลือดจางๆ สัมผัสรุนแรงที่แทบเผาแบคฮยอนให้ร้อนรุ่ม รสจูบหนักหน่วงจนทรงตัวไม่อยู่ ลิ้นร้อนควานจนทั่ว กดย้ำริมฝีปากบวมช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ปล่อยให้แบคฮยอนได้หายใจเต็มที่เลยซักนิด มือบางทุบไปที่อกแกร่งแรงๆแต่ชานยอลกลับปัดออกไป มือใหญ่กระชากเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของแบคฮยอนจนกระดุมหลุด เผยให้เห็นผิวเนียนสะอาด ยังมีรอยแดงจางๆที่เค้าทำไว้บ้าง ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าแบคฮยอนไม่ได้ไปมีอะไรกับไอ้หมอนั่น แต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาตอนนี้ไม่ได้ทำให้ชานยอลหยุดการกระทำนี้ได้เลย

     








     

     

     ------------------CUT------------------



     

     

     

     



     

     

    หามาหน่อยสิ เครียดจะแย่อยู่แล้ว

     

    แบคฮยอนเปิดดูข้อความนั้นอีกรอบก่อนจะเดินเข้ามาในห้องชมรมการแสดงที่คยองซูนัดเค้ามา ทีแรกก็นึกเอะใจ แต่พอโทรไปถามก็บอกว่าให้มาช่วยอ่านบทละครที่แต่งไว้หน่อยถึงได้รีบมาตามนัด แก้วกาแฟหอมกรุ่มสองแก้ววางอยู่บนโต๊ะ ไอความร้อนระเหยขึ้นมาบ่งบอกว่าเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน ร่างของคยองซูนั่งอยู่ตรงโซฟากลางห้องพลางฮัมเพลงเบาๆอย่างสบายใจ ไม่มีทีท่าของคนเครียดเรื่องงานแม้แต่น้อย

     

    แบคฮยอนทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนที่หลับตาพริ้มเหมือนจะหยุดไปอยู่ในโลกของตัวเองเรียบร้อย...

     

    “มีคู่รักอยู่คู่หนึ่ง รักกันมาก” อยู่ๆคบองซูก็พูดขึ้นมา แบคฮยอนเลือกที่จะเงียบ ไม่อยากขัดสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูด คงเป็นบทละครที่เรียกเค้ามาดูให้นี่แหละ

     

    “แต่แล้วเค้าก็ต้องผิดหวัง เพราะเค้าได้แอบรู้มาว่าแฟนตัวเองกำลังมีคนอื่น...”

     

    “ส่วนคนที่ว่าเนี่ย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...เพื่อนสนิทของเค้าเอง...”

     

    “...” ไม่ต้องบอกก็คงพอรู้ว่าตอนนี้แบคฮยอนตัวสั่นขนาดไหน บทละครที่ดูจงใจเกินไป เค้าไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย คยองซูรู้แล้วงั้นหรอ...

     

    “นายว่าเค้าควรทำยังไงแบคฮยอน” คยองซูหันมาจ้องเค้าเขม็ง

     

    “ไม่...ไม่รู้สิ...” แบคฮยอนกลืนก้อนเหนียงหนืดลงลำคอไปอย่างยากลำบาก ความกดดันกดทับเสียจนใจห่อเหี่ยวสิ้นกำลังใจจะข่มความรู้สึกไว้

     

    “นั่นสิ นายจะรู้ได้ไง ในเมื่อนายไม่ได้เป็นฉัน...”

     

    “คยองซู...”

     

    “นายคิดจะทำอะไร นายทำบ้าอะไรของนาย!!” คยองซูลุกพรวดพลาดตะโกนออกมาเสียงดัง

     

    “...”

     

    “อย่ามาทำหน้าตาใสซื้อ คนอื่นไม่มีรึไง ทำไมต้องเป็นชานยอล!!!

     

    “นายรู้...” ห้ามไม่ได้แล้ว แบคฮยอนกำลังตัวสั่น ความรู้สึกถาโถมเข้ามาเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ

     

    “ฉันไม่ได้หน้าโง่นะแบคฮยอน ฉันไม่ใช่คนโง่ ที่นายจะหลอกได้ง่ายๆ!” น้ำตาหล่งลงจากดวงตากลมโตที่มองทางเค้าอย่างผิดหวังถึงที่สุด

     

    “คยองซูฟังฉันก่อนนะ”

     

    “จะพร่ามคำพูดสกปรกอะไรออกมาอีก แค่นี้ฉันก็ขยะแขยงนายจะแย่ ต่อจากนี้เราไม่ใช่เพื่อนกันอีก”

     

    “คยองซูอย่าทำแบบนี้เลยนะ...” แบคฮยอนจับมือเพื่อนสนิทไว้แน่น น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด

     

    “โอ๋ อย่าร้องไห้เลย ทำไมนายต้องร้องไห้ล่ะ ทีตอนทำไม่เห็นจะเสียใจแบบนี้เลย” คยองซูปาดน้ำตาบนแก้มเนียนใสเบาๆ

     

    “โอ้ย” แรงหยิกที่แขนจนเกิดรอยช้ำน่ากลัว คยองซูออกแรงบีบจนพอใจ

     

    “ถ้านายยังหน้าด้านยุ่งกับชานยอลอีก นายตายแน่!!” คนโมโหสะบัดแขนออกอย่างแรงจนแบคฮยอนล้มไปกอง มือบางหยิบแก้วกาแฟมาเทราดใส่คนที่นั่งร้องไห้จนตัวโยนอยู่ที่พื้น เสื้อนักศึกษาเปื้อนคราบสีน้ำตาลทั่วทั้งตัว ปาแก้วกาแฟลงพื้นจนมันกระเด็นไปไกล แบคฮยอนก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ในเมื่อเป็นคนผิด จะไปทำอะไรได้อีก...

     

    “แบคฮยอน!!” เสียงทุ่มเอ่ยตกใจ พุ่งตัวไปประคองร่างแบคฮยอน คนถูกอุ้มเงยขึ้นมามองด้วยความตกใจ ชานยอลก้มลงสำรวจทั่งร่างกายด้วยสีหน้าแห่งความเป็นห่วง

     

    “หึ...” บุคคลที่เหมือนจะนอกความสนใจเปล่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างสมเพศตัวเอง ไม่มีวันที่ชานยอลกับมันจะได้สมหวังหรอก ไม่มีวัน!!

     

    แบคฮยอนพยายามผลักคนที่ดูจะแสดงออกเกินเพื่อนออก สายตามองไปยังคนที่จ้องเค้าราวกับจะฆ่าให้ตาย

     

    “ใครทำอะไรนายน่ะ” เอ่ยอย่างร้อนใจ รอยเขียวตามแขน เนื้อตัวมอมแมมกับน้ำตาของคนตรงหน้าทำให้ชานยอลแทบคลั่ง

     

    “ชานยอล..นาย..นายไม่ต้องช่วยฉันหรอก”

     

    “ได้ไง..ดูก็รู้ว่าลุกไม่ได้ ขาแพลงรึเปล่า แล้วทำไมตัวเปื้อนขนาดนี้ ร้องไห้ทำไม อย่าร้องเลยนะแบคฮยอน ใครแกล้งนายบอกฉันมา”

     

    ถ้อยคำห่วงใยมากมายที่ตยองซูฟังแล้วอยากจะอ้วก รักกันมากนักใช่มั้ย ถึงได้ลืมไปว่าเค้ายังยืนอยู่ตรงนี้ หรือไม่เห็นตั้งแต่แรกกันแน่!!

     

    “ถ้านายรู้ว่าใครทำแบคฮยอนแล้วนายจะทำอะไรหรอชานยอล”

     

    “คยองซู..เอ่อ..คือ..ฉันแค่ไม่อยากให้แบคฮยอนถูกทำร้ายฝ่ายเดียวน่ะ” ร่างสูงปล่อยแขนแบคฮยอนออก ก่อนจะยันตัวขึ้นทำอะไรไม่ถูก เค้าไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามีใครอยู่ในห้องอีก แค่เห็นแบคฮยอนนั่งร้องไห้ก็ห่วงจนไม่รู้จะทำอย่างไร ชานยอลขมวดคิ้วสงสัยและเหมือนคยองซูจะรู้ความหมาย

     

    “ฉันก็เพิ่งเข้ามาน่ะ ยังไม่ทันได้ถามอะไรเลยชานยอลก็เข้าไปหาแบคฮยอนก่อนแล้ว...” ดวงตาแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นห่วงใยทันที คยองซูเดินไปพยุงตัวแบคฮยอนขึ้นอีกครั้ง มือบางบีบแขนเรียวอย่างแรงแล้วออกแรงฉุดให้อีกคนลุกขึ้น แบคฮยอนพยายามลุกตามแรงเพราะไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้ถึงแม้แรงบีบจะมากจนแทบลุกไม่ขึ้นก็ตาม เรียวขากระเผลกเซไปเซมา แต่ก็ยังฝืนพยุงตัวเองได้สำเร็จ

     

    สามคนยืนอยู่ด้วยอารมณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เสียงสะอื้นที่กลั้นเท่าไรก็เล็ดลอดออกมาตลอด ความอึดอัดไม่ทราบสาเหตุปกคลุมไปทั่วทำให้คนที่อยู่รู้สึกเหมือนโลกจะแตก

     

    “ขอตัวกลับก่อนนะ...” ตัดสินใจทำลายความเงียบนั่นด้วยการบอกลา แบคฮยอนกระเผลกออกไปช้าๆผ่านหน้าชานยอล มือใหญ่แอบจับมือบางก่อนจะรีบปล่อยออก คยองซูยิ้มขมขื่นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไร ขนาดเค้าอยู่ข้างๆยังกล้าทำอะไรแบบนี้ มันไม่มากไปหน่อยหรอ...

     

    ความจริงชานยอลอยากจะตามออกไปจะแย่ แต่ติดกับสายตาแข็งที่ส่งมาให้เค้า คนตัวเล็กกำมือแน่นเมื่อเห็นอีกคนมองตามไปจนสุดด้วยความห่วงใจจนปิดไม่มิด

     

    เมื่อก่อนเค้าไม่เคยสังเกตว่าคนที่เค้าไว้ใจทั้งคู่นั้นทำอะไรลับหลังเค้า สายตาเป็นห่วงเวลาแบคฮยอนบอกจะกลับบ้านดึก รอยยิ้มที่ดูอารมณ์ดีเวลาแบคฮยอนทำอะไรเปิ่นๆพร้อมกับการขยี้หัวเล็กนั่นด้วยความเอ็นดู เค้าคิดเพียงว่าเป็นการแสดงออกของเพื่อนที่เข้ากันได้ดี

     

    แต่เค้าคิดผิด

     

    คิดผิดมาตลอด!

     

    บางทีถ้าเค้าไม่ไปหาแบคฮยอนที่บ้านคงจะยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์บ้าๆนี่ เสื้อผ้าที่วางเกลื่อนที่พื้น กระเป๋าที่ยังไม่ได้เก็บ รองเท้าคุ้นตาหน้าบ้าน โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงินของชานยอล เสียงร้องครางเบาๆกับประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิท!

     

    “กลับกันเถอะ”

     

     

     




     

     

     

    แบคฮยอนได้แต่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง สองวันมานี้เค้าไม่ยอมออกไปไหนเลย คืนนั้นชานยอลส่งข้อความมาหาว่าจะแวะมากลับไม่มีแม้แต่เงา ชานยอลคงไม่ใส่ใจหรือลืมไปแล้วกับข้อความนั้น แบคฮยอนหมดความสำคัญลงไปแล้ว ไม่สิ...แบคฮยอนไม่เคยมีความสำคัญตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดได้แค่นั้นก็เค้นยิ้มให้กับตัวเอง

     

    ไร้ค่า...ไม่มีความหมาย...

     

    จดหมายซองขาวที่วางอยู่ข้างตัวปลิวหล่นไปใต้โต๊ะ ร่างบางก้มลงหยิบมันไว้อย่างรวดเร็ว หายไม่ได้หรอก ของสำคัญขนาดนี้...

     

    สายตาหม่นเพ่งไปที่วัตถุคุ้นตาที่วางไว้อยู่ตรงขาโต๊ะด้านในสุด กล่องสีน้ำตาลเข้มทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ปิดอย่างเรียบร้อย ของขวัญวันเกิดครั้งล่าสุดที่ชานยอลมอบให้เค้า มิวสิกบ็อกซ์สีขาวสะอาดรูปทรงเปียโนราคาแพง มือบางหยิบมันขึ้นมาวางไว้ที่หัวเตียง ตอนแรกไม่คิดจะใช้มัน ก็แค่กลัวมันจะเก่าเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ คืนนี้ ขอแค่ให้ฟังมันซักครั้ง กล่อมให้หลับฝันดี แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว ของมีค่าแบบนี้ไม่เหมาะกับเค้าหรอก มันมีราคาเกินไป...

     

    รุ่งเช้าที่แสนสดใส แบคฮยอนฝืนยิ้มรับรุ่งอรุณวันใหม่ด้วยจิตใจบอบช้ำ ถือซองกระดาษสีขาวไว้ในมือแน่น มืออีกข้างถือกล่องสำน้ำตาลไว้ ก้าวเข้าไปในตึกอำนวยการจัดการธุระสำคัญ ยิ้มให้กับการตัดสินใจของตัวเอง แบบนี้ดีที่สุดแล้ว

     

    เดินต่อจนมาถึงคณะที่เรียน มองไปรอบๆซึมซับทุกบรรยากาศ ความทรงจำดีๆที่มีมาตลอดหลายปี ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว..

     

    “ชานยอล ออกมาเจอกันหน่อย” วางโทรศัพท์ลงข้างตัวรอคอยบุคคลในสายเมื่อครู่ออกมาตามนัด ไม่นานร่างสูงโปร่งที่ปรากฏในสายตา รอยยิ้มสดใสที่ไม่ว่ามองกี่ทีก็มีความสุขตามไปด้วย

     

    “หายไปไหนมา เป็นห่วงรู้มั้ย” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็โดนสวมกอดแน่นเสียแล้ว ร่างบางจมหายเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่น คิดถึง คิดถึงใจจะขาด คิดถึงจนไม่อยากปล่อยไปเลย

     

    “อีกสองวันฉันจะไปเรียนต่อ แวะมาลาน่ะ...” ปรับเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกถึงอ้อมกอดที่คลายลง ชานยอลดันเค้าให้มาเผชิญหน้ากัน

     

    “พูดเล่นหรอ”

     

    “เปล่า พูดจริง”

     

    “ไม่ได้ ฉันไม่ให้นายไปหรอก”ชานยอลขมวดคิ้วแน่น

     

    “ตอบรับไปแล้ว ยังไงก็ต้องไป”

     

    “ทำไมไม่บอกกันก่อน ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะ ตกลงไปแล้วก็ยกเลิกได้นี่”

     

    ฉันต้องขออนุญาตนายด้วยหรอชานยอล...” สิ้นคำพูด ชานยอลที่เตรียมจะโวยวายอีกรอบก็ต้องเงียบไป มองหน้าอีกคนที่แสดงสีหน้าเรียบเฉยด้วยความไม่เข้าใจ

     

    บอกสิชานยอล บอกว่าฉันเป็นอะไรกับนาย ถ้านายบอกฉันจะไปยกเลิกเลย...

     

    “...”

     

    มือหนาทิ้งลงข้างตัว แบคฮยอนมองตามมืออย่างเสียใจ ถึงจะทำใจมาแล้วก็พอเจอเข้าจริงก็ยากที่จะยอมรับ

     

    ร่างบางเขย่งตัวขึ้นโน้มใบหน้าคมมารับสัมผัสอ่อนหวาน เรียวลิ้นเล็กสอดเข้าไปหาก่อนโดยที่ชานยอลก็จูบตอบทันที ดวงตาหวานหลับพริ้มรับความอ่อนโยนเข้าแทรกซึมจนทั่ว ถอนจูบออกช้าๆ แบคฮยอนเลื่อนไปหอมแก้มเรียบนั่นเบาๆ

     

    นี่สินะ รสชาติของจูบลา...

     

    ทำไมมันถึงเศร้าขนาดนี้...

     

    “บางทีนายอาจจะรู้แล้ว...ฉันรักนาย”

     

    “...”

     

    “นาย...รักฉันบ้างมั้ย” แค่อยากจะถามดู ไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้น...

     

    “แบคฮยอน...” ร่างบางยิ้มกับท่าทางอึกอักนั่น อึดอัดใจมากเกินไปสินะ

     

    “ไม่ต้องรีบตอบหรอก แต่ฉันจะรอคำตอบนายที่สนามบินตอนแปดโมงนะ ลาก่อน”

     

     




     

     

     

     

    “ชานยอล จะไปไหนหรอ”

     

    “ไปธุระน่ะ มีอะไรรึเปล่าหื้ม”

     

    “สำคัญรึเปล่า อยู่เป็นเพื่อนเราได้มั้ย”

     

    “คงไม่ได้หรอก”

     

    “ธุระอะไร” คยองซูถามเสียงนิ่ง ชานยอลกำลังจะไปไหนเค้ารู้ดี แล้วไปทำอะไรกับใครเค้าก็รู้ แล้วเรื่องอะไรจะต้องยอมให้แฟนตัวเองไปหาคนแบบนั้นอีก เลว...ทั้งคู่...

     

    “เอ่อ...”

     

    “ไม่ต้องไปได้มั้ย วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายเลย นะ ชานยอล” แก้มนิ่มถูไปมาที่ต้นแขนแกร่ง เวลาอ้อนแบบนี้ทีไรชานยอลต้องยอมทุกครั้ง...

     

    .

    .

    .

    .

    “คยองซูไม่สบายตรงไหน ไหนดูซิ”

     

    นายแพ้แล้ว...แบคฮยอน...

     




     

     

     

     

     

    เพิ่งเข้าใจวันนี้เอง การรอคอยอย่างทรมาน...

     

    ดูเหมือนปลายทางที่มองไม่เห็นทางออก แสงสว่างข้างหน้าที่ทอแสงแสบตา บดบังทัศนียภาพ ทำให้ตัวเราหลงเดินเข้าไปแต่กลับต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสงสว่างที่ส่องลงมา จับต้องไม่ได้ มองแสงที่อยู่ไกลแสนไกล ทำได้แค่รอ รอว่าซักวันที่มาของแสงสว่างระยิบระยับน่าหลงใหลนั้นจะเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา จะเดินมาต้อนรับให้เค้าได้เดินเข้าไป...

     

    หน้าปัดนาฬิกาชี้เลขสิบ เป็นเวลาใกล้ขึ้นเครื่องแล้ว แบคฮยอนมาสนามบินตั้งแต่ยังไม่แปดโมง เค้าไม่รู้ว่าชานยอลจะมาก่อนเวลารึเปล่า

     

    พาสปอร์ตในมือถูกกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้ยินเสียงประกาศ หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นลงเสียให้ได้ กวาดสายตามองคนไม่รู้จักมากหน้าหลายตาเดินเต็มไปหมด ไม่ได้อยากเห็นคนพวกนั้น อยากเจอแค่คนๆเดียว คนเดียวที่เค้ารักสุดหัวใจ

     

    เสียงเรียกเข้าดัง เสียงที่ตั้งเฉพาะเอาไว้ แบคฮยอนยิ้มดีใจ ชานยอลโทรมาหาเค้าแล้ว

     

    “ชานยอล...”

     

    /ถึงเวลาแล้วทำไมยังไม่ไปอีกแบคฮยอน/ ทุกคำพูดกลืนหายไปในพริบตา หัวใจที่เพิ่งฝื้นขึ้นมาหยุดเต้นอีกครั้ง

     

    /เค้าไม่มีวันไปหานาย เพราะเค้าเลือกฉัน ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะ และฉันกับชานยอลขอบคุณมาก...ที่นายออกไปจากชีวิตพวกเราซักที/

     

    มือที่กุมเครื่องมือสื่อสารไร้เรี่ยวแรงฉับพลัน โทรศัพท์หล่นไปที่พื้นโดยที่เจ้าของไม่ได้สนใจ ไม่รู้น้ำตาไหลลงมาเมื่อไร รู้เพียงว่ามันเจ็บ เจ็บมาก เจ็บไปทั้งใจ แทบไม่มีแรงจะยืน มือบางกำเสื้อฝั่งด้านซ้ายไว้แน่นจนยับยู่ยี่ไปหมดหวังเพื่อบรรเทาอาการไปบ้าง ไม่คิดจะปาดน้ำตาออก ปล่อยให้มันได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ให้มันชะล้างความเจ็บปวดไปนิดนึงก็ยังดี

     

    หันหลังมองอีกครั้งก็พบแต่ความว่างเปล่า

     

    ไม่มาจริงๆสินะ

     

    บ้าจังแบคฮยอน เค้าเพิ่งบอกเมื่อกี๊ไม่ใช่หรอว่าขอบคุณที่ไปจากชีวิตเค้าได้ซักที แล้วเค้าจะมาหาได้ยังไงล่ะ...






     

    นี่ใช่มั้ยคำตอบของชานยอล

     
     

    อย่างน้อยเดินมาบอกว่าไม่รักกันก็ยังดี

     
     

    หรือแค่นั้นก็ไม่สามารถให้เค้าได้

     
     

    แค่นี้แบคฮยอนก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับมันใช่มั้ย

     
     

    ขอบคุณนะชานยอล...สำหรับทุกอย่าง...

     

     
     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ลาก่อน ความรักของแบคฮยอน














     

    100% END

     

    ปล. หนูไม่นัดต่อยกับใคร หนูกลัว ฮือออออออออ
    บอกแล้วไงให้ทำใจก่อนอ่านอะ แง้ๆๆๆๆ =___________=

     

    :) Shalunla

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×