คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : [SF] SU-KA-I : CHANBAEK : 2/2
SU-KA-I 2
COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN
RATE : PG-15
NOTE : ทำไมด่าพระเอกเราจังเลออออ อย่าทำร้ายพระเอกดิ 55555555 พระเอกเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะ อิอิอิอิอิอิอิ เอ้อ ติดแท็ก #sukai #fichellolove ด้วยนะ เริ่มงง เมนชั่นแล้วไม่รู้ว่าเรื่องไหน กร๊ากกกกก
“บยอนหัวเน่าไม่มาโรงเรียนสามวันแล้ว”
“สมน้ำหน้า เมื่อวันนั้นที่โดนอาจารย์จับได้ว่าโกงข้อสอบ”
“ก็กล้าเนาะ สงสัยจะอาย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น”
“เฮ้ยนั่น บยอนหัวเน่า!” เสียงตะโกนไม่ดังมาก แต่ในบริเวณที่เด็กนักเรียนชอบมานั่งเล่นก่อนเข้าห้องเรียนเลยทำให้ทุกคนได้ยิน ตรงหน้าโรงเรียนมีเด็กหนุ่มที่คนทั้งโรงเรียนรุมเกลียดเดินเข้ามาช้าๆ ใบหน้าผอมซูบตอบลงไปมาก
“ทำไมโทรมจังวะ”
“เออ นึกว่าผีดิบ แต่เป็นผีดิบหัวเน่าเฟะนะ ฮ่าๆๆๆ”
“นี่บยอนหัวเน่า! ไปทำอะไรมา เขียนคำร้องขอยกเลิกทัณฑ์บนหรอ”
“หรือว่าเขียนใบลาออก”
“หรือว่าโดนรุมโทรมมา สนุกป่ะ”
กึก...
“เฮ้ยๆๆ หยุดเดินแล้วว่ะๆๆ” เจ้าของกลุ่มที่เอ่ยปากไม่หยุดหย่อนพากันเดินมาล้อมแบคฮยอนไว้ ส่วนคนอื่นๆก็ตั้งใจดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างนึกสนุก
“สรุปคือโดนรุมมาใช่ป่ะ”
“จะเรียกว่ารุมได้ไงเล่า สมยอมมากกว่าป่ะ ได้แบบ ทีละหลายๆคนพร้อมกัน”
“เจ๋งว่ะ ทำได้ไงวะ ไม่เหนื่อยหรอ”
“เหนื่อยดิวะ หน้าโทรมขนาดนี้ เออๆถามหน่อย ได้เงินเท่าไรห๊ะบยอนหัวเน่า”
ทุกคำพูดร้ายกาจจนบางครั้งมันก็มากไป แต่ไม่มีใครพูดห้าม มีแต่คนสะใจกับคำพูดพร่อยๆเหล่านั้น
“ไม่พูดหน่อยหรอ หรือว่าครางอย่างเดียวจนไม่มีเสียง”
“หรือว่า...จริงๆแล้ว ที่ชานยอลเลิกกับนายเพราะ...นายมั่วไปทั่วสินะ”
“มึงพูดอะไรวะ ให้เกียรติเพื่อนหน่อย เอ...หรือว่าจริง...”
“แบคฮยอน! ขอคุยด้วยหน่อย!” เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มตัวสูงที่ยืมนล้วงกระเป๋า หลายคนเห็นก็ต้องละลายในชั่วพริบตา รุ่นพี่ชานยอลที่ใจดีและน่ารักยืนทำหน้าเครียดราวกับโกรธใครมาสิบชาติ กลุ่มที่เคยปากดีกล่าวล้อคนในวงจึงต้องถอยออกห่าง แต่แบคฮยอนก็ไม่ขยับตัวแม้แต่นิด
“บยอนหัวเน่า ไปสิ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” คนข้างหลังบอกมาแบบนั้น แต่เขาไม่อยากไปเลยจริงๆ ต่อให้คนทั้งโลกด่าเขา ก็ยังดีกว่าชานยอลมาต่อว่าเขา ไม่อยากได้ยินคำพูดร้ายๆจากปากชานยอล มันทนไม่ไหวหรอกนะ
“มานี่” จู่ๆก็โดนลากแขนออกไป ชานยอลเดินมาหาเขาตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่สามารถมองสิ่งรอบข้างได้ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า
ขอร้องได้มั้ย อย่าทำร้ายกันอีกเลย ขอร้องชานยอล...
แล้วก็ถูกลากมาที่เดิม ที่ที่ตอกย้ำความสูญเสียของเขาในวันนั้น
“ทำไมไม่ตอบโต้”
“...”
“ไม่ใช่ว่ากูเป็นห่วงมึงหรือรักมึงอยู่นะ แต่กูอายว่ะ ที่เคยเป็นแฟนกับมึง”
ทำไมชานยอลถึงเก่งนักล่ะ พูดแค่ประโยคเดียวทำเขาเจ็บกว่าประโยคดูถูกจากคนอื่นเป็นร้อยเท่า อย่าเก่งไปมากกว่านี้เลยนะ...
“แค่เลิกกับกูนี่เสียใจมากหรอ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยงั้นสิ”
“เสียใจมาก...แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย...เพราะเราไม่ต้องคอยห่วงหวงใคร เพราะเราไม่ต้องกลัวการสูญเสีย เพราะเราไม่ต้องดันทุรังให้มีคนมารักเราอีกต่อไปแล้ว”
“...”
“ขนาดเรายังเกลียดตัวเองเลย...คนอื่นก็ต้องเกลียดเราสิ...คนที่เราเคยคิดว่ารักเรา...เค้ายังเกลียดเราเลย”
ไม่หรอก...ยังมีคนรักแบคฮยอนอยู่คนนึง...
“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย...ตอนเลิกกัน...เจ็บบ้างรึเปล่า”
เจ็บสิ เจ็บเจียนตายเลย
“ร้องไห้บ้างรึเปล่า”
ร้องไห้จนไม่สบายเลย
“คำว่าเลิกอะ พูดยากมั้ย”
ไม่ยากหรอก แต่มานั่งเสียใจทีหลังที่พลั้งคำนั้นออกไป
“แล้วชีวิตตอนนี้ ดีมากใช่มั้ย”
ไม่ดีเลย
“เราโคตรไม่ดีเลยอะ...เราไม่มีความสุขเลย...เรากินข้าวคนเดียว...เดินคนเดียว...นอนคนเดียว...เราพูดกับตัวเองด้วยนะ...เหมือนคนบ้าเลย...เราไม่อยากเป็นแบบนี้เลย...แต่เราไม่รู้จะทำยังไง...”
หลังจากที่เลิกกัน นี่เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนพูดออกมายาวขนาดนี้ ระบายให้อีกคนฟัง ทุกสิ่งที่อัดอั้น อึดอัดจนแทบระเบิดออกมา
“ชานยอลทำยังไงหรอ...หรือแค่...เลิกรักเราไปก็พอใช่รึเปล่า...ถ้าเลิกรักทุกอย่างก็จะดีขึ้นใช่มั้ย...”
“...”
“ตอบเราเถอะนะ...เราไม่อยากเป็นแบบนี้...ไม่อยาก...”
“...”
“เราเจ็บ...”
“พอเถอะ”
“...”
“ไปเรียนซะไป กูจะดูดบุหรี่”
“...”
“ส่วนคำตอบที่มึงอยากได้ กูไม่มีให้หรอก เพราะกูก็เป็นเหมือนมึง”
su-ka-i
“เฮ้ยไอ้ชานยอล ข่าวด่วนล่าสุด” นั่งใส่หูฟังมองบรรยากาศนอกหน้าต่างอยู่ก็โดนเพื่อนในกลุ่มดึงสายหูฟังออกและตะโกนใส่หู
เขาทำเพียงค้อนตามองไอ้เพื่อนที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาทำหน้าตาสนุกสนานกับเรื่องราวที่จะมาเล่าให้เขาฟัง สะบัดตัวใส่ให้รู้ว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาฟังอะไรทั้งนั้น เขากำลังปล่อยความคิดเกี่ยวกับเรื่องของวันนี้ เรื่องที่เขาทำลงไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง เรื่องที่ทำให้คนๆนั้นร้องไห้จนตัวโยน
“ฟังก่อนดิวะ บยอนแบคฮยอนเลยนะเว้ย” ถือว่าเป็นคำสิ้นสุด ชานยอลหันมากลับมามองเพื่อนที่มองเขาเหมือนรู้ใจ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้ามันเกี่ยวกับแบคฮยอนเขาก็ฟังทั้งนั้น
“มีอะไร”
“โดนอาจารย์จับได้ว่าโกงข้อสอบ”
“แกคิดว่าไง คนอย่างบยอนแบคฮยอนน่ะหรอโกงข้อสอบ” ถ้ารู้จักกันจริงๆจะรู้ว่าแบคฮยอนไม่เคยคิดว่าทำการทุจริตใดๆที่เกี่ยวกับการสอบ หมอนั่นจะตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือมากๆเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีที่พึ่งที่ไหนที่จะพาให้เข้ามหาลัยได้นอกจากมันสมองของตัวเอง แล้วทำไมแบคฮยอนถึงจะต้องกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับการสอบแค่นี้
“เอาไงพ่อพระเอกกลับใจ จะช่วยมั้ย”
“ปล่อยให้แม่งคิดเอง ถ้ามันอยากช่วยเดี๋ยวมันก็หาทางเอง” เพื่อนอีกคนในกลุ่มที่นั่งเงียบมานานพลางหันมองเป้าหมายในกลุ่มที่เข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองอีกครั้ง คนอื่นจึงแยกย้ายกันไปทำส่วนของตัวเองบ้าง
“เซ่อจนคนอื่นแกล้งขนาดนี้เลยหรอวะ” บ่นกับตัวเองเบาๆอย่างปลงไม่ตก แบบนี้สินะ แบคฮยอนถึงได้เครียดจนต้องเอาของแม่มาดูต่างหน้า
ของแม่...
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำไปโดยไม่คิดก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักพันครั้ง อีกคนเพิ่งเจอเรื่องร้ายแรงมา ดันมาเจอเขาที่เป็นบ้าเป็นบอทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีก โคตรแย่เลยปาร์คชานยอล
“โธ่เว้ยยยยยย”
ตะโกนเสียงดังจนเพื่อนในห้องสะดุ้งกันเป็นแถว บางคนที่เดินถือหนังสือมาตกใจจนหนังสือหล่นกราว ใครจะไปคิดว่าเทพบุตรสุดหล่อประจำโรงเรียนจะร้องเสียงดัง แถมยังทำหน้ายุ่งซะขนาดนั้น
“ใจเย็นเพื่อน มึงช่วยดูสถานการณ์ก่อนแหกปากได้มั้ยครับ”
พอหันมองตามที่เพื่อนพูดก็เลยกลับไปนั่งเครียดต่อดังเดิม คนที่ตกใจกับการตบะแตกของหนุ่มหล่อจึงทำเนียนไม่สนใจ ไม่ผิดที่คนหล่อจะโมโหนี่
su-ka-i
“มึงจะไปไหน”
“กูมีธุระว่ะ”
“ไปตามดูแบคฮยอนรึไง” เพื่อนอีกคนเอ่ยทัก ชานยอลไปมองเพื่อนในกลุ่มที่ตัวเล็กที่สุดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยืนกอดอกมองลงไปข้างล่างคล้ายจะไม่สนใจ
“ถ้ากูบอกว่ากูยังรักเค้าอยู่ พวกมึงจะทำไง” หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททุกคนก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“กูเคารพการตัดสินใจของมึง” เพื่อนคนเดิมหันกลับมามองเขา ร่างเล็กเดินมาตบไหล่เบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกไป เพื่อนคนอื่นก็พยักหน้าให้คล้ายเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
“ตอนนี้นายนั่นก็ไม่ได้นิสัยเสียเหมือนแต่ก่อน ถ้าไม่กลับไปทำตัวแย่พวกกูก็โอเคเว้ย”
“ขอบใจว่ะ”
หลังจากที่พวกเพื่อนของเขาเดินออกไปหมดแล้ว ชานยอลก็เดินลงมาจากตึก มายืนรอใครบางคนที่ยังไม่ยอมเดินลงมาเสียที เห็นเพื่อนบางคนให้ห้องลงมาเกือบหมด ได้ยินเสียงแว่วๆจากเด็กผู้หญิงคุยกันว่าวันนี้แบคฮยอนได้ทำความสะอาดห้องคนเดียวแล้วก็ถอนหายใจ กี่ครั้งแล้วที่ต้องมาฟังเรื่องราวของคนนี้ว่าโดนแกล้งอย่างไร โดนทำอะไรสารพัด แล้วทำไมไม่ตอบโต้ พูด ตะโกน หรือโมโหอะไรเลย ทั้งที่แต่ก่อนไม่ต้องบอกเจ้าตัวก็โมโหขึ้นมาอัตโนมัติ หงอยจนคนอื่นได้ใจ รุมแกล้งเสียจนบางทีถ้าเป็นเขาเองคนทนไม่ได้แล้วก็ลาออกไปซะ
ในระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยแผ่นหลังคุ้นๆที่เดินผ่านเขาไป ยังดีที่หางตามันเห็นทันว่าคนที่เขารออยู่เดินลิ่วออกจากตึกไปเรียบร้อย กลุ่มเด็กผู้หญิงที่มีกันห้าหกคนเตรียมจะเข้าไปหาเรื่อง แต่ไม่ทันเขาที่คว้ามือเล็กนั่นไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“...” แบคฮยอนขมวดคิ้วสงสัย มองมือที่ถูกจับที มองคนรอบข้างที ก่อนจะพยายามขยับมือออกจากมือของเขา คนรอบข้างเริ่มซุบซิบนินทาไปต่างๆนาๆ หนีไม่พ้นการต่อว่าด่าทอคนตัวเล็กนี่ ขอทำเป็นไม่ได้ยินไปก่อน เขาจะสนใจแค่คนตรงหน้าก็พอ
“เรื่องข้อสอบ...โอเคป่ะ” คนฟังทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่ ชานยอลรู้เรื่องนี้ได้ยังไง
“ก็...ไม่เป็นอะไร”
“เดี๋ยวกูลองหาทางคุยกับอาจารย์ให้ มึงอย่าเพิ่งเครียด”
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ” แม้จะข้องใจว่าเหตุใดชานยอลถึงมาทำท่าเป็นห่วงมากมาย ยิ่งคำพูดเมื่อตอนเช้าก่อนที่อีกคนจะเดินหนีเขาไปนั่นอีก
“จะปล่อยได้ไง นี่เรื่องใหญ่เลยนะ...”
“ชานยอล นายทิ้งเราไปแล้ว อย่าทำเหมือนให้ความหวังเราเลย” ขอเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย ถ้าไม่รักกันแล้วก็มองเขาเป็นอากาศธาตุเหมือนที่ผ่านมาเถอะ
“ไปกินข้าวกัน”
“...”
“ไปเดินเล่นกัน”
“...”
“ไปด้วยกันนะ”
“...ทำเพื่ออะไร”
“ขอโอกาส...ล่ะมั้ง...”
su-ka-i
“กลับบ้านไปเถอะ”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” แบคฮยอนหยุดเดินก่อนจะถึงร้านอาหารเจ้าประจำที่เคยมากินบ่อยๆช่วงก่อนเลิกกัน เขาแค่ไม่เข้าใจว่าชานยอลจะทำอย่างนี้ไปทำไม สงสารหรอ หรืออะไรสักอย่างที่เห็นแล้วทนไม่ได้ใช่มั้ย
“รู้รึเปล่าว่าการกระทำแบบนี้ มันคือการกระทำของคนที่รู้ตัวช้า”
“...”
“กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว พลั้งปากบอกเลิกไปแล้ว ปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง จนสุดท้าย กูถึงต้องมาทำแบบนี้ไง”
หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เปิดห่อกระดาษที่ห่ออย่างดีออกจนเห็นเศษไม้แตกหนึ่งชิ้นอยู่ด้านใน หยิบมันออกมายื่นให้คนตรงหน้า
“ขอโทษ...ขอโทษทั้งเรื่องบอกเลิก ไม่สนใจ ทำร้ายจิตใจ แล้วก็เรื่องนี้...”
เศษไม้ที่แบคฮยอนเก็บกลับมาไม่ครบ ลองไปหาอีกรอบก็ไม่เจอเพราะคนๆนี้หยิบมันไป เอาไปติดคืนก็ไม่สำเร็จเพราะมันขาดอีกหนึ่งชิ้น ก็เหมือนความรู้สึกแบคฮยอนที่ต่ออย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาอย่างสมบูรณ์ เพราะชานยอลยังไม่คืนความรู้สึกให้กับเขาเลย และดูเหมือนเขาก็ไม่อยากเอามันกลับมา อยากจะให้ชานยอลเก็บความรักเขาไว้
“สุดท้าย ถึงมึงจะดีจะเลวขนาดไหน แต่เพราะกูรักมึงไปแล้ว พยายามจะเกลียดแล้ว พยายามจะเลิกรัก แต่กูไม่เคยทำได้เลยว่ะ”
“...”
“มึงจะเป็นใบ้เหมือนตอนนี้หรือมึงจะแหกปากโวยวาย กูก็ยังรักมึงอยู่ดี”
“...ไม่ได้เป็นใบ้”
“ยอมพูดได้แล้วหรอ”
“อือ...”
“ไม่ต้องพยายามวิ่งไล่กู ให้กูเป็นฝ่ายไล่ตามมึงบ้าง แล้วกูจะทำให้มึงไม่ต้องหวงห่วงกู กูจะให้ความมั่นใจและมั่นคงกับมึงเอง”
ชานยอลดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่นเมื่อเขาเห็นน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ มือใหญ่ลูบหลังบางเบาๆ
“อย่าเจ็บอีกเลยนะ มึงเจ็บ กูก็เจ็บ”
“ไม่กลัวหรอ”
“กลัวอะไร”
“คนในโรงเรียนไม่ชอบ...”
“เรื่องของพวกนั้นสิ ชีวิตมึงมีแค่กูไม่ใช่หรอ สนใจแค่กูก็พอ” ผละออกมาเช็ดน้ำตาให้อีกคนที่ร้องเสียจนเสื้อนักเรียนเปียก
“เสื้อกูเปียก”
“เดี๋ยวซักให้”
“หิวแล้ว”
“ก็ไปกินสิ”
“งั้นกินเสร็จแล้วไปเดินเล่นกัน ไปซื้ออุปกรณ์ซ่อมของขวัญของแม่มึง กูเป็นคนทำพัง กูจะซ่อมให้มึงเอง ถึงมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แต่กูจะทำสุดความสามารถ แต่ว่าถ้ากูจะซ่อม กูก็ต้องนอนบ้างมึงนะ”
“ไม่ให้นอน”
“ทำไมล่ะ”
“กลับไปนอนบ้านตัวเองเถอะ”
“ไรว่ะ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
“ใครบอกเป็นแฟน กูยังไม่ได้ตกลงเลย”
“เราคืนดีกันแล้วไง”
“ก็มึงบอกจะไล่ตามกู มึงก็ต้องจีบกูสิ”
“เออๆ ก็ได้วะ แต่จีบกันอยู่นี่นอนด้วยกันไม่ได้หรอวะ”
“ไม่”
“แค่นอนเฉยๆเอง กูไม่ทำไรหรอก”
“ไม่!”
su-ka-i แปลว่า ท้องฟ้า
แบคฮยอนคือท้องฟ้าของชานยอล
100%
ความคิดเห็น