ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf exo] ❥ hello love stories ( chanbaek )

    ลำดับตอนที่ #42 : [SF] SU-KA-I : CHANBAEK : 2/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.84K
      140
      3 เม.ย. 57


    SU-KA-I 2

     

    AUTHER : KYUTY
    COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN
    RATE : PG-15
    NOTE :
    ทำไมด่าพระเอกเราจังเลออออ อย่าทำร้ายพระเอกดิ 55555555 พระเอกเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะ อิอิอิอิอิอิอิ เอ้อ ติดแท็ก #sukai #fichellolove ด้วยนะ เริ่มงง เมนชั่นแล้วไม่รู้ว่าเรื่องไหน กร๊ากกกกก
















     

    “บยอนหัวเน่าไม่มาโรงเรียนสามวันแล้ว”

     

     

    “สมน้ำหน้า เมื่อวันนั้นที่โดนอาจารย์จับได้ว่าโกงข้อสอบ”

     

    “ก็กล้าเนาะ สงสัยจะอาย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น”

     

    “เฮ้ยนั่น บยอนหัวเน่า!” เสียงตะโกนไม่ดังมาก แต่ในบริเวณที่เด็กนักเรียนชอบมานั่งเล่นก่อนเข้าห้องเรียนเลยทำให้ทุกคนได้ยิน ตรงหน้าโรงเรียนมีเด็กหนุ่มที่คนทั้งโรงเรียนรุมเกลียดเดินเข้ามาช้าๆ ใบหน้าผอมซูบตอบลงไปมาก

     

    “ทำไมโทรมจังวะ”

     

    “เออ นึกว่าผีดิบ แต่เป็นผีดิบหัวเน่าเฟะนะ ฮ่าๆๆๆ”

     

    “นี่บยอนหัวเน่า! ไปทำอะไรมา เขียนคำร้องขอยกเลิกทัณฑ์บนหรอ”

     

    “หรือว่าเขียนใบลาออก”

     

    “หรือว่าโดนรุมโทรมมา สนุกป่ะ”

     

    กึก...

     

    “เฮ้ยๆๆ หยุดเดินแล้วว่ะๆๆ” เจ้าของกลุ่มที่เอ่ยปากไม่หยุดหย่อนพากันเดินมาล้อมแบคฮยอนไว้ ส่วนคนอื่นๆก็ตั้งใจดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างนึกสนุก

     

    “สรุปคือโดนรุมมาใช่ป่ะ”

     

    “จะเรียกว่ารุมได้ไงเล่า สมยอมมากกว่าป่ะ ได้แบบ ทีละหลายๆคนพร้อมกัน”

     

    “เจ๋งว่ะ ทำได้ไงวะ ไม่เหนื่อยหรอ”

     

    “เหนื่อยดิวะ หน้าโทรมขนาดนี้ เออๆถามหน่อย ได้เงินเท่าไรห๊ะบยอนหัวเน่า”

     

    ทุกคำพูดร้ายกาจจนบางครั้งมันก็มากไป แต่ไม่มีใครพูดห้าม มีแต่คนสะใจกับคำพูดพร่อยๆเหล่านั้น

     

    “ไม่พูดหน่อยหรอ หรือว่าครางอย่างเดียวจนไม่มีเสียง”

     

    “หรือว่า...จริงๆแล้ว ที่ชานยอลเลิกกับนายเพราะ...นายมั่วไปทั่วสินะ”

     

    “มึงพูดอะไรวะ ให้เกียรติเพื่อนหน่อย เอ...หรือว่าจริง...”

     

    “แบคฮยอน! ขอคุยด้วยหน่อย!” เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มตัวสูงที่ยืมนล้วงกระเป๋า หลายคนเห็นก็ต้องละลายในชั่วพริบตา รุ่นพี่ชานยอลที่ใจดีและน่ารักยืนทำหน้าเครียดราวกับโกรธใครมาสิบชาติ กลุ่มที่เคยปากดีกล่าวล้อคนในวงจึงต้องถอยออกห่าง แต่แบคฮยอนก็ไม่ขยับตัวแม้แต่นิด

     

    “บยอนหัวเน่า ไปสิ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” คนข้างหลังบอกมาแบบนั้น แต่เขาไม่อยากไปเลยจริงๆ ต่อให้คนทั้งโลกด่าเขา ก็ยังดีกว่าชานยอลมาต่อว่าเขา ไม่อยากได้ยินคำพูดร้ายๆจากปากชานยอล มันทนไม่ไหวหรอกนะ

     

    “มานี่” จู่ๆก็โดนลากแขนออกไป ชานยอลเดินมาหาเขาตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่สามารถมองสิ่งรอบข้างได้ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า

     

    ขอร้องได้มั้ย อย่าทำร้ายกันอีกเลย ขอร้องชานยอล...

     

    แล้วก็ถูกลากมาที่เดิม ที่ที่ตอกย้ำความสูญเสียของเขาในวันนั้น

     

    “ทำไมไม่ตอบโต้”

     

    “...”

     

    “ไม่ใช่ว่ากูเป็นห่วงมึงหรือรักมึงอยู่นะ แต่กูอายว่ะ ที่เคยเป็นแฟนกับมึง”

     

    ทำไมชานยอลถึงเก่งนักล่ะ พูดแค่ประโยคเดียวทำเขาเจ็บกว่าประโยคดูถูกจากคนอื่นเป็นร้อยเท่า อย่าเก่งไปมากกว่านี้เลยนะ...

     

    “แค่เลิกกับกูนี่เสียใจมากหรอ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยงั้นสิ”

     

    “เสียใจมาก...แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย...เพราะเราไม่ต้องคอยห่วงหวงใคร เพราะเราไม่ต้องกลัวการสูญเสีย เพราะเราไม่ต้องดันทุรังให้มีคนมารักเราอีกต่อไปแล้ว”

     

    “...”

     

    “ขนาดเรายังเกลียดตัวเองเลย...คนอื่นก็ต้องเกลียดเราสิ...คนที่เราเคยคิดว่ารักเรา...เค้ายังเกลียดเราเลย”

     

    ไม่หรอก...ยังมีคนรักแบคฮยอนอยู่คนนึง...

     

    “ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย...ตอนเลิกกัน...เจ็บบ้างรึเปล่า”

     

    เจ็บสิ เจ็บเจียนตายเลย

     

    “ร้องไห้บ้างรึเปล่า”

     

    ร้องไห้จนไม่สบายเลย

     

    “คำว่าเลิกอะ พูดยากมั้ย”

     

    ไม่ยากหรอก แต่มานั่งเสียใจทีหลังที่พลั้งคำนั้นออกไป

     

    “แล้วชีวิตตอนนี้ ดีมากใช่มั้ย”

     

    ไม่ดีเลย

     

    “เราโคตรไม่ดีเลยอะ...เราไม่มีความสุขเลย...เรากินข้าวคนเดียว...เดินคนเดียว...นอนคนเดียว...เราพูดกับตัวเองด้วยนะ...เหมือนคนบ้าเลย...เราไม่อยากเป็นแบบนี้เลย...แต่เราไม่รู้จะทำยังไง...”

     

    หลังจากที่เลิกกัน นี่เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนพูดออกมายาวขนาดนี้ ระบายให้อีกคนฟัง ทุกสิ่งที่อัดอั้น อึดอัดจนแทบระเบิดออกมา

     

    “ชานยอลทำยังไงหรอ...หรือแค่...เลิกรักเราไปก็พอใช่รึเปล่า...ถ้าเลิกรักทุกอย่างก็จะดีขึ้นใช่มั้ย...”

     

    “...”

     

    “ตอบเราเถอะนะ...เราไม่อยากเป็นแบบนี้...ไม่อยาก...”

     

    “...”

     

    “เราเจ็บ...”

     

    “พอเถอะ”

     

    “...”

     

    “ไปเรียนซะไป กูจะดูดบุหรี่”

     

    “...”

     

    “ส่วนคำตอบที่มึงอยากได้ กูไม่มีให้หรอก เพราะกูก็เป็นเหมือนมึง”

     

     

     

     

     

     su-ka-i 

     

     

     

     

     

    “เฮ้ยไอ้ชานยอล ข่าวด่วนล่าสุด” นั่งใส่หูฟังมองบรรยากาศนอกหน้าต่างอยู่ก็โดนเพื่อนในกลุ่มดึงสายหูฟังออกและตะโกนใส่หู

     

    เขาทำเพียงค้อนตามองไอ้เพื่อนที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาทำหน้าตาสนุกสนานกับเรื่องราวที่จะมาเล่าให้เขาฟัง สะบัดตัวใส่ให้รู้ว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาฟังอะไรทั้งนั้น เขากำลังปล่อยความคิดเกี่ยวกับเรื่องของวันนี้ เรื่องที่เขาทำลงไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง เรื่องที่ทำให้คนๆนั้นร้องไห้จนตัวโยน

     

    “ฟังก่อนดิวะ บยอนแบคฮยอนเลยนะเว้ย” ถือว่าเป็นคำสิ้นสุด ชานยอลหันมากลับมามองเพื่อนที่มองเขาเหมือนรู้ใจ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้ามันเกี่ยวกับแบคฮยอนเขาก็ฟังทั้งนั้น

     

    “มีอะไร”

     

    “โดนอาจารย์จับได้ว่าโกงข้อสอบ”

     

    “แกคิดว่าไง คนอย่างบยอนแบคฮยอนน่ะหรอโกงข้อสอบ” ถ้ารู้จักกันจริงๆจะรู้ว่าแบคฮยอนไม่เคยคิดว่าทำการทุจริตใดๆที่เกี่ยวกับการสอบ หมอนั่นจะตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือมากๆเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีที่พึ่งที่ไหนที่จะพาให้เข้ามหาลัยได้นอกจากมันสมองของตัวเอง แล้วทำไมแบคฮยอนถึงจะต้องกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับการสอบแค่นี้

     

    “เอาไงพ่อพระเอกกลับใจ จะช่วยมั้ย”

     

    “ปล่อยให้แม่งคิดเอง ถ้ามันอยากช่วยเดี๋ยวมันก็หาทางเอง” เพื่อนอีกคนในกลุ่มที่นั่งเงียบมานานพลางหันมองเป้าหมายในกลุ่มที่เข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองอีกครั้ง คนอื่นจึงแยกย้ายกันไปทำส่วนของตัวเองบ้าง

     

    “เซ่อจนคนอื่นแกล้งขนาดนี้เลยหรอวะ” บ่นกับตัวเองเบาๆอย่างปลงไม่ตก แบบนี้สินะ แบคฮยอนถึงได้เครียดจนต้องเอาของแม่มาดูต่างหน้า

     

    ของแม่...

     

    เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำไปโดยไม่คิดก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักพันครั้ง อีกคนเพิ่งเจอเรื่องร้ายแรงมา ดันมาเจอเขาที่เป็นบ้าเป็นบอทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีก โคตรแย่เลยปาร์คชานยอล

     

    “โธ่เว้ยยยยยย”

     

    ตะโกนเสียงดังจนเพื่อนในห้องสะดุ้งกันเป็นแถว บางคนที่เดินถือหนังสือมาตกใจจนหนังสือหล่นกราว ใครจะไปคิดว่าเทพบุตรสุดหล่อประจำโรงเรียนจะร้องเสียงดัง แถมยังทำหน้ายุ่งซะขนาดนั้น

     

    “ใจเย็นเพื่อน มึงช่วยดูสถานการณ์ก่อนแหกปากได้มั้ยครับ”

     

    พอหันมองตามที่เพื่อนพูดก็เลยกลับไปนั่งเครียดต่อดังเดิม คนที่ตกใจกับการตบะแตกของหนุ่มหล่อจึงทำเนียนไม่สนใจ ไม่ผิดที่คนหล่อจะโมโหนี่

     

     

     

     

     

     su-ka-i 

     

     

     

     

     

    “มึงจะไปไหน”

     

    “กูมีธุระว่ะ”

     

    “ไปตามดูแบคฮยอนรึไง” เพื่อนอีกคนเอ่ยทัก ชานยอลไปมองเพื่อนในกลุ่มที่ตัวเล็กที่สุดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยืนกอดอกมองลงไปข้างล่างคล้ายจะไม่สนใจ

     

    “ถ้ากูบอกว่ากูยังรักเค้าอยู่ พวกมึงจะทำไง” หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททุกคนก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

     

    “กูเคารพการตัดสินใจของมึง” เพื่อนคนเดิมหันกลับมามองเขา ร่างเล็กเดินมาตบไหล่เบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกไป เพื่อนคนอื่นก็พยักหน้าให้คล้ายเห็นด้วยกับคำพูดนั้น

     

    “ตอนนี้นายนั่นก็ไม่ได้นิสัยเสียเหมือนแต่ก่อน ถ้าไม่กลับไปทำตัวแย่พวกกูก็โอเคเว้ย”

     

    “ขอบใจว่ะ”

     

    หลังจากที่พวกเพื่อนของเขาเดินออกไปหมดแล้ว ชานยอลก็เดินลงมาจากตึก มายืนรอใครบางคนที่ยังไม่ยอมเดินลงมาเสียที เห็นเพื่อนบางคนให้ห้องลงมาเกือบหมด ได้ยินเสียงแว่วๆจากเด็กผู้หญิงคุยกันว่าวันนี้แบคฮยอนได้ทำความสะอาดห้องคนเดียวแล้วก็ถอนหายใจ กี่ครั้งแล้วที่ต้องมาฟังเรื่องราวของคนนี้ว่าโดนแกล้งอย่างไร โดนทำอะไรสารพัด แล้วทำไมไม่ตอบโต้ พูด ตะโกน หรือโมโหอะไรเลย ทั้งที่แต่ก่อนไม่ต้องบอกเจ้าตัวก็โมโหขึ้นมาอัตโนมัติ หงอยจนคนอื่นได้ใจ รุมแกล้งเสียจนบางทีถ้าเป็นเขาเองคนทนไม่ได้แล้วก็ลาออกไปซะ

     

    ในระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยแผ่นหลังคุ้นๆที่เดินผ่านเขาไป ยังดีที่หางตามันเห็นทันว่าคนที่เขารออยู่เดินลิ่วออกจากตึกไปเรียบร้อย กลุ่มเด็กผู้หญิงที่มีกันห้าหกคนเตรียมจะเข้าไปหาเรื่อง แต่ไม่ทันเขาที่คว้ามือเล็กนั่นไว้ก่อน

     

    “เดี๋ยว”

     

    “...” แบคฮยอนขมวดคิ้วสงสัย มองมือที่ถูกจับที มองคนรอบข้างที ก่อนจะพยายามขยับมือออกจากมือของเขา คนรอบข้างเริ่มซุบซิบนินทาไปต่างๆนาๆ หนีไม่พ้นการต่อว่าด่าทอคนตัวเล็กนี่ ขอทำเป็นไม่ได้ยินไปก่อน เขาจะสนใจแค่คนตรงหน้าก็พอ

     

    “เรื่องข้อสอบ...โอเคป่ะ” คนฟังทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่ ชานยอลรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

     

    “ก็...ไม่เป็นอะไร”

     

    “เดี๋ยวกูลองหาทางคุยกับอาจารย์ให้ มึงอย่าเพิ่งเครียด”

     

    “ไม่ต้องทำอะไรหรอก ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ” แม้จะข้องใจว่าเหตุใดชานยอลถึงมาทำท่าเป็นห่วงมากมาย ยิ่งคำพูดเมื่อตอนเช้าก่อนที่อีกคนจะเดินหนีเขาไปนั่นอีก

     

    “จะปล่อยได้ไง นี่เรื่องใหญ่เลยนะ...”

     

    “ชานยอล นายทิ้งเราไปแล้ว อย่าทำเหมือนให้ความหวังเราเลย” ขอเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย ถ้าไม่รักกันแล้วก็มองเขาเป็นอากาศธาตุเหมือนที่ผ่านมาเถอะ

     

    “ไปกินข้าวกัน”



    “...”

     

    “ไปเดินเล่นกัน”

     

    “...”

     

    “ไปด้วยกันนะ”

     

    “...ทำเพื่ออะไร”

     

    “ขอโอกาส...ล่ะมั้ง...”

     

     

     

     

     

     su-ka-i 

     

     

     

     

     

    “กลับบ้านไปเถอะ”

     

    “ทำไมล่ะ”

     

    “ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” แบคฮยอนหยุดเดินก่อนจะถึงร้านอาหารเจ้าประจำที่เคยมากินบ่อยๆช่วงก่อนเลิกกัน เขาแค่ไม่เข้าใจว่าชานยอลจะทำอย่างนี้ไปทำไม สงสารหรอ หรืออะไรสักอย่างที่เห็นแล้วทนไม่ได้ใช่มั้ย

     

    “รู้รึเปล่าว่าการกระทำแบบนี้ มันคือการกระทำของคนที่รู้ตัวช้า”

     

    “...”

     

    “กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว พลั้งปากบอกเลิกไปแล้ว ปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง จนสุดท้าย กูถึงต้องมาทำแบบนี้ไง”

     

    หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เปิดห่อกระดาษที่ห่ออย่างดีออกจนเห็นเศษไม้แตกหนึ่งชิ้นอยู่ด้านใน หยิบมันออกมายื่นให้คนตรงหน้า

     

    “ขอโทษ...ขอโทษทั้งเรื่องบอกเลิก ไม่สนใจ ทำร้ายจิตใจ แล้วก็เรื่องนี้...”

     

    เศษไม้ที่แบคฮยอนเก็บกลับมาไม่ครบ ลองไปหาอีกรอบก็ไม่เจอเพราะคนๆนี้หยิบมันไป เอาไปติดคืนก็ไม่สำเร็จเพราะมันขาดอีกหนึ่งชิ้น ก็เหมือนความรู้สึกแบคฮยอนที่ต่ออย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาอย่างสมบูรณ์ เพราะชานยอลยังไม่คืนความรู้สึกให้กับเขาเลย และดูเหมือนเขาก็ไม่อยากเอามันกลับมา อยากจะให้ชานยอลเก็บความรักเขาไว้

     

    “สุดท้าย ถึงมึงจะดีจะเลวขนาดไหน แต่เพราะกูรักมึงไปแล้ว พยายามจะเกลียดแล้ว พยายามจะเลิกรัก แต่กูไม่เคยทำได้เลยว่ะ”

     

    “...”

     

    “มึงจะเป็นใบ้เหมือนตอนนี้หรือมึงจะแหกปากโวยวาย กูก็ยังรักมึงอยู่ดี”

     

    “...ไม่ได้เป็นใบ้”

     

    “ยอมพูดได้แล้วหรอ”

     

    “อือ...”

     

    “ไม่ต้องพยายามวิ่งไล่กู ให้กูเป็นฝ่ายไล่ตามมึงบ้าง แล้วกูจะทำให้มึงไม่ต้องหวงห่วงกู กูจะให้ความมั่นใจและมั่นคงกับมึงเอง”

     

    ชานยอลดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่นเมื่อเขาเห็นน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ มือใหญ่ลูบหลังบางเบาๆ

     

    “อย่าเจ็บอีกเลยนะ มึงเจ็บ กูก็เจ็บ”

     

    “ไม่กลัวหรอ”

     

    “กลัวอะไร”

     

    “คนในโรงเรียนไม่ชอบ...”

     

    “เรื่องของพวกนั้นสิ ชีวิตมึงมีแค่กูไม่ใช่หรอ สนใจแค่กูก็พอ” ผละออกมาเช็ดน้ำตาให้อีกคนที่ร้องเสียจนเสื้อนักเรียนเปียก

     

    “เสื้อกูเปียก”

     

    “เดี๋ยวซักให้”

     

    “หิวแล้ว”

     

    “ก็ไปกินสิ”

     

    “งั้นกินเสร็จแล้วไปเดินเล่นกัน ไปซื้ออุปกรณ์ซ่อมของขวัญของแม่มึง กูเป็นคนทำพัง กูจะซ่อมให้มึงเอง ถึงมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แต่กูจะทำสุดความสามารถ แต่ว่าถ้ากูจะซ่อม กูก็ต้องนอนบ้างมึงนะ”

     

    “ไม่ให้นอน”

     

    “ทำไมล่ะ”

     

    “กลับไปนอนบ้านตัวเองเถอะ”

     

    “ไรว่ะ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”

     

    “ใครบอกเป็นแฟน กูยังไม่ได้ตกลงเลย”

     

    “เราคืนดีกันแล้วไง”

     

    “ก็มึงบอกจะไล่ตามกู มึงก็ต้องจีบกูสิ”

     

    “เออๆ ก็ได้วะ แต่จีบกันอยู่นี่นอนด้วยกันไม่ได้หรอวะ”

     

    “ไม่”

     

    “แค่นอนเฉยๆเอง กูไม่ทำไรหรอก”

     

    “ไม่!

     

     

     

     

     

    su-ka-i แปลว่า ท้องฟ้า

     

    แบคฮยอนคือท้องฟ้าของชานยอล





















     

    100% 
     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×