不潔花朵 บุปผาเย้าหฤทัย [จบบริบูรณ์]
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : เสวี่ยมู่เหมียน, หยวนเฟยหลง, ดอกงิ้วแห่งวังหลัง, นางเอกเทพ, นางเอกสวย, เกิดใหม่, นางร้าย, ย้อนยุค, ความรัก, โรแมนติก
ผู้แต่ง : Miss Soraki/ นุสรฏิยา
My.iD :
https://my.dek-d.com/mintomin/writer/
ตอนที่ 26 : ภาค2 จุดประกายความปรารถนา [2/3]
ภาค2: หลงนางเพียงพบสบพักตร์
จุดประกายความปรารถนา [2/3]
วังเทพีตระการหยก แคว้นเสวี่ย
ขบวนจักรพรรดิจากแคว้นซินตี่เดินทางมาสู่ต้าเสวี่ย ทั้งขบวนประกอบด้วยทองคำ เพชรนิลจินดานับห้าสิบรถม้า ทั้งยังมีหยกสีฟ้าและหยกสีแดงที่ถูกเล่าขานว่าเป็นหยกหายากอีกสองรถม้า นับได้ว่าเป็นการมาเยี่ยมเยียนที่แสนฟุ่มเฟือยนัก ซ้ำยังมีการสื่อจุดประสงค์อย่างไม่ปิดบัง
"ฮ่องเต้แห่งแคว้นเสวี่ย ท่านมหาอุปราช" แม้จะเป็นแขกบ้านแขกเมือง ทว่าฮ่องเต้หยวนเฟยหลงกลับเลือกทักทายอีกฝ่ายเพือแสดงความนอบน้อม อีกในไม่ช้าทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นเมืองพี่เมืองน้อง การทระนงตนเบื้องหน้าผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมมิใช่ความคิดที่ชาญฉลาด
"ขอต้อนรับฮ่องเต้แห่งซินตี่ และคณะอันทรงเกียรติเข้าสู่แคว้ยเสวี่ย เจิ้นหวังว่าพวกท่านจะชื่นชอบการต้อนรับและสะดวกสบายตลอดการเยี่ยมเยือน" นัยน์ตามังกรสูงศักดิ์ของทั้งคู่จ้องมองกันนิ่งคล้ายมีประกายไฟไหลแปลบปลาบ ก่อนจะเป็นฮ่องเต้แห่งเสวี่ยที่ยอมผละออกมาก่อนเมื่อมีแขกกิตติมศักดิ์จากต่างแคว้นเข้ามาอีกคณะ
"เสวี่ย ลี่เหริน..." ใบหน้าของฮ่องเต้แห่งซินตี่มืดครึ้มลงไปอีกสี่ส่วนเมื่อเห็นสายตาไม่เป็นมิตรนั้น กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่น
เป็นชายผู้นั้นแน่ที่นำจดหมายของเขาไปทิ้งก่อนถึงมือเสวี่ยมู่เหมียนจนนางนึกน้อยใจเขาอยู่หลายครา
วันนี้เป็นวันเข้าพิธีปักปิ่นขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งต้เสวี่ยที่ถูกขนานนามว่างดงามเป็นเอกแห่งสตรี เหล่าเชื้อพระวงศ์ชายจากต่างแคว้นจึงถือโอกาสมาพิสูจน์คำเล่าลือนั้นด้วยตนเอง ทุกครั้งที่นางปรากฏ ณ ที่แห่งใดมักจะมีฉากไม้ไผ่คอยขวางกั้นหรือผ้าไหมผืนบางปกปิด ทว่าเมื่อหลังเข้าพิธีนี้ สตรีต้าเสวี่ยจะได้รับอนุญาตให้เผยโฉมต่อหน้าฝูงชนได้
“การร่ายรำของนางไร้ที่ติเสียจริง” ฮ่องเต้หยวนเฟยหลงเปรยออกมาเบาๆอย่างนึกชื่นชม ที่นั่งของเขาอยู่ไม่ห่างจากบัลลังก์มังกรแห่งเสวี่ยนัก บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันใดระหว่างสองแคว้นมหาอำนาจ
“ใช่... นางสมบูรณ์แบบจนมิสมควรเป็นสตรีของชายโง่งมเช่นเจ้า” หนึ่งคำจิกกัด... ฮ่องเต้หนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆพลางยกจอกเหล้าดอกงิ้ว อันเป็นเหล้าแสนโด่งดังประจำแคว้นเสวี่ยขึ้นจิบ กลิ่นหอมหวนของสุราจอกนี้ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากสตรีร่างงามที่บนศีรษะมีปิ่นดอกงิ้วอยู่ได้เลย
นางช่างแสนงดงาม
แต่ในบางครากลับแฝงไปด้วยพิษร้ายอย่างน่ากลัว
"ท่านปรารถนาให้เหมียนเอ๋อเป็นเช่นไรก็แล้วแต่ท่าน แต่สิ่งที่เหมียนเอ๋อจะแสดงต่อหน้าท่านคือตัวตนหรือหน้ากากล้วนมิใช่สิ่งน่าสำคัญ"
"เจ้าต้องการจะกล่าวสิ่งใดกันแน่"
"ปรารถนากองนักรบเงานับห้าแสนในมือของเหมียนเอ๋อมิใช่หรือ... หากท่านปรารถนาก็เชิญไขว่คว้าด้วยตนเอง เหมียนเอ๋อมีใจให้ท่าน... แต่สิ่งที่ท่านคาดหวังกลับเป็นอำนาจเพียงเท่านั้นเองหรือ"
หากเขาปรารถนาเพียงอำนาจจริง คงไม่เพียรพยายามพิสูจน์ตนเบื้องหน้าพี่ชายของเจ้าแน่...
“โง่งมแล้วอย่างไร ฉลาดเฉลียวแล้วอย่างไร” เขาหันไปมอบใบหน้างามเกินบุรุษของเสวี่ยไท่อิง ผู้ครองฉายาอสูรเงาแห่งต้าเสวี่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ "ทราบเพียงเจิ้นพร้อมภักดีเคารพต่อความรักของนางเหนือสิ่งอื่นใดเป็นพอ"
ภักดีงั้นหรือ
เสวี่ยไท่อิงทวนประโยคนั้นในใจอย่างนึกฉงน ถ้อยคำนี้เหตุใดฟังแล้วช่างให้ความรู้สึกประหลาดยิ่ง
นี่คนหรือสุนัข...
ตำหนักดอกงิ้วรำเพย ยามซวี
ร่างอรชรแสนยั่วยวนสายตาใต้ผ้าเนื้อบางรัดกายสีทองไล่สลับกับสีชมพูขยับฝีเท้าเดินหนีการทักทายของบุรุษต่างแคว้นอย่างนึกหงุดหงิด
ผู้ไม่มีประโยชน์ นางย่อมไม่ใส่ใจ
“หากรู้ตนว่ามิใช่ชายงามจงหลบทางให้เปิ่นกงเดี๋ยวนี้!” เสียงหวานดุจระฆังแก้วทำให้ผู้ที่มาหมายจะยลโฉมแสนงดงามอย่างใกล้ชิดถึงกับชะงัก เมื่อถูกองครักษ์เงาสกัดไว้ก่อนจะเข้าถึงตัว
"องค์หญิงมู่เหมียน รอเดี๋ยว!"
เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่านางจึงมิชมชอบชายที่มีเพียงรูปโฉม หลังจากนี้คือศึกอย่างแท้จริงอย่างคำกล่าวที่ว่าบุญคุณต้องทดแทน แต่หนี้แค้นต้องชำระ
ในเมื่อสตรีต่างเขตแดนมาหานางในรั้ววังไม่ได้ นางนี่แหละเป็นคนก้าวออกจากที่มืดเพื่อประจันหน้าเอง
"เปิ่นกงจะไปตลาดพรุ่งนี้"
ไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นนายเท่าไร ปัญญาของสตรีนางนั้นก็มีเพียงแค่นั้น ตามติดบุรุษเพื่อฉกฉวยโอกาสเอาใจ หาเหยื่อผู้โง่เขลาเพื่อปูทางให้ตนเอง ร่วนอมรับในตัวคนผู้นั้นเสียจริง... จะชาตินี้หรือชาติไหนล้วนมีสติปัญญาต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นเคย
น่าเสียดายเสียแล้วสวรรค์...
น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของสตรีนางนั้นคือเสวี่ยมู่เหมียน ผู้อยู่เหนือโชคชะตาลิขิต
การแก้แค้นย่อมมิใช่เรื่องผิด แต่มันจะผิดเมื่อการสะสางแค้นนั้นเป็นการทำลายผู้อื่น โชคร้ายที่ผู้มีความแค้นในครั้งนี้กับสตรีนางนั้นผู้เคยเป็นเหยื่อ... การแก้แค้นที่เผ็ดร้อนที่สุดย่อมเป็นการเข่นฆ่าทางจิตใจ
“อะ องค์หญิง” องครักษ์สือที่บังเอิญเห็นใบหน้าเย็นเยียบของสตรีทีมักมีรอยยิ้มอ่อนหวานประดับใบหน้าอดขนลุกซู่ไม่ได้ "เหตุใดถึงทำสีหน้าน่ากลัวเช่นนั้นเล่า องค์หญิง"
"อนุของเปิ่นกง..." สีหน้าเคร่งเครียดเลือนหายเหลือเพียงรอยยิ้มหยอกเย้าเช่นทุกครา องครักษ์สือมองใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาราวกับหน้ากากล้ำค่าแล้วนึกฉงน
ผู้ใดกันที่ทำให้องค์หญิงมู่เหมียนโมโหได้ถึงเพียงนี้
ถึงขนาดที่มีไอสังหารแผ่คละคลุ้งทั่วกาย
"องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"
“ว่าอย่างไรเล่าอนุของเปิ่นกง...”
“องค์หญิง! หยุดล้อเล่นเช่นนี้เถิด”
"คิก... กล่าวธุระของเจ้ามาเถิดสือเอ๋อ"
"โธ่ องค์หญิง" นางหมั่นหยอกเย้าเขาเช่นนี้แล้วเมื่อใดเขาจะสามารถตัดใจจากนางได้เสียทีเล่า หัวใจของเขาปวดแปลบ
“มิเคยทราบมาก่อนว่าองค์หญิงจะสนิทสนมกับองครักษ์มากถึงเพียงนี้” น้ำเสียงเย็นเยียบจากด้านหลังทำให้มู่้หมียนหยุดกลั่นแกล้งองครักษ์ของตนแทบจะทันที นางส่งยิ้มหวานปานน้ำผึ้งป่าให้พลางย่อกายเกือบแนบพื้นตามฉบับสาวแห่งวังเทพีตระการหยก
“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”
“ตามสบายเถิด" ความกรุ่นโกรธเริ่มเจือด้วยความห่วงใยเมื่อกายงามแนบลงกับพื้น มังกรหนุ่มประคองกายหอมกรุ่นอย่างทะนุถนอม พลางเหลือบหางตามองชายที่ยืนโค้งให้เขาอย่างเกียรตินิ่ง
นายท่านสือแห่งเมืองหลิวชาง...
เจ้าของเส้นทางการค้าใหญ่ในสี่แว่นแคว้น หรือคนผู้นี้ก็เป็นคนรู้จักของมู่เหมียนงั้นหรือ
"ว่าแต่ว่าเจิ้นงดงามพอที่จะพูดคุยกับเจ้าหรือไม่” เขาปัดความคิดในหัวทิ้งเมื่อเห็นนัยน์ฉ่ำน้ำช้อนมองเขาอย่างออดอ้อนชวนเอ็นดู
ฟุ่บ!
"เจ้าน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ เจิ้นจะสามารถมองสนมในวังหลังได้อีกงั้นหรือ" เขาพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่ก็ยังเล็ดรอดเข้าหูมู่เหมียน
“ฝ่าบาทล้อหม่อมฉันเล่นแล้ว” แม้นได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมาอย่างชัดเจน แต่นางก็เลือกตอบเพียงคำถามก่อนหน้า
การรู้ทันบุรุษเป็นสิ่งที่ดี...
แต่หากมากเกินไปจะรังทำให้ถูกเบื่อหน่าย นางหลุบตามองแขนล้ำค่าที่โอบรอบสะโพกตนแล้วนึกดุอีกฝ่ายในใจมิได้ นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าเป็นสามีภรรยา เขายังถึงเนื้อถึงตัวเพียงนี้ หากวันถวายตนนางมิต้องร้องขอชีวิตหรือ
นึกไปเมื่อชาติก่อน นางก็อดผวาไม่ได้
สลบคาเตียงเป็นเช่นไร
มารราคะผู้นี่สั่งสอนนางได้อย่างแตกฉานยิ่ง
“เจิ้นมิชื่นชอบเรื่องขบขัน” นางไล่ความสยดสยองนั้นทิ้งแล้วหัน มาสนใจคนข้างกายต่อ ได้แต่หวังว่าความเอ็นดูนี้จะทำให้อีกฝ่ายนึกเห็นใจนางบ้างเป็นพอ
มิขอสลบยาวคาแท่นบรรทมอีกแน่...
“ปกติเจ้าให้ความสนิทสนมกับคนต่ำต้อยเช่นนั้นตลอดงั้นหรือ เหมียนเอ๋อ” นางหูแว่วไปหรือไม่ที่เสียงในความคิดของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวยิ่ง
"อย่าให้ถึงคราวเจ้าถวายตัวเชียว เจิ่นจะมิมีทางปล่อยให้เจ้ามีเรี่ยวแรงไปเอ็นดูชายใดได้อีก!"
ขนอ่อนของนางลุกด้วยความสยดสยอง
“...”
“ว่าอย่างไรเล่า...” ใบหน้างดงามครั่นคร้ามด้วยไอเสน่ห์แห่งบุรุษเคลื่อนเข้ามาใกล้ขนาดลมหายใจรินรดใบหน้า ใบหน้างามพิลาสล่มเมืองขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เรียกเสียงหัวเราะในคอจากชายหนุ่มได้อย่างดี
มู่เหมียนอดคิดทบทวนถึงอดีตไม่ได้ ชาติที่แล้วอีกฝ่ายมีฮองเฮา (นางสอยร่วงไปแล้ว) สนมขั้นเฟย ขั้นกุ้ยเฟย และตำแหน่งอื่นครบถ้วน แต่กลับไร้ทายาทสืบทอดบัลลังก์ จะว่าอีกฝ่ายเป็นหมันก็มิใช่
เพราะนาง... นางอะไร?
มู่เหมียนพยายามทบทวนความทรงจำที่ขาดหาย มือเลื่อนมาสัมผัสที่หน้าท้องแบนราบอย่างลืมตัว ความปวดแปลบปางตายครั้งนั้นมีสิ่งใดกันที่นางลืมเลือนไป
เลือดที่ไหลอาบต้นขาด้านในผุดขึ้นมาในหัว
"ฝ่าบาท หากบุตรของเรากำเนิดมาท่านอยากให้เป็นโอรสหรือธิดาเล่า หม่อมฉันอยากได้ธิดา... แต่ว่าหากไม่มีโอรส"
"เจ้ามีเวลามีบุตรกับเจิ้นทั้งชีวิตของเจ้าเหมียนเอ๋อ... จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ได้ทั้งสิ้น จะมี เพียงเจ้าที่ได้อุ้มครรภ์มังกร"
ครรภ์มังกร...
นางเคยตั้งครรภ์... ครรภ์เพียงหนึ่งเดียวในวังหลัง
กึด...
นางกัดปากตัวเองแน่นเมื่อระลึกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น นางช่างแสนอ่อนแอนัก กระทั่งบุตรของตนยังมิมีปัญญาปกป้อง แต่เหตุใดกันที่ก่อนนางสิ้นลมกลับไร้ความทรงจำเรื่องบุตร
"ข้านำชาดอกกุ้ยมาให้เจ้า มู่เหมียน"
ดูท่า... คงต้องกำจัดแบบไม่ให้เหลือต้นตอ ความแค้นจึงจะสาสม เผาทั้งเป็น โยนบ่องู กรอกยาพิษคร่าวิญญาณ หรือจะส่งทหารไปข่มขืนแล้วปล่อยให้ท้องแล้วค่อยฆ่าดี จะทางไหนก็ดีทั้งสิ้น แต่ว่า... เด็กในท้องไม่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนวิธีแล้วกัน
หมับ...
"เป็นอันใดไปเหมียนเอ๋อ" ฮ่องเต้เฟยหลงเขย่าไหล่บอบบางอย่งห่วงใยเมื่อคนข้างกายเงียบไปจนน่าเป็นห่วง "ปวดหัวงั้นหรือ หรือว่าปวดท้อง"
"หม่อมฉันไม่..." นางเบิกตากว้างเมื่อถูกช้อนตัวเข้ามาในอ้อมแขนแกร่งอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาทเพคะ! หม่อมฉันไม่ได้ป่วย"
แต่ความแค้นมันจุกอก!
"ห้องของเจ้าอยู่ที่ใด เจิ้นจะไปส่ง"
"ฝ่าบาทเพคะ นี่เป็นเรื่องไม่สมควรยิ่ง หากท่านพี่ทราบเข้าหม่อมฉันต้องโดนลงโทษเป็นแน่"
"ช่วยเหลือคู่หมั้นที่ป่วย มิมีสิ่งใดผิด"
มันจะผิดตรงนางไม่ได้ป่วยแล้วเขาพยายามหาทางเข้าห้องของนางนี่แหละ ท่านพี่ไท่อิง ท่านพี่หนิงเหลียน ท่านพี่ลี่เหริน ท่านพี่หยูจวี๋ ท่านพี่หรงฉา
ใครก็ได้ช่วยเหลือนางเสียที!
น้องสาวของท่านโดนชายมักมากผู้นี้กินเต้าหู้อีกแล้ว!!!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้" นางที่นั่งอยู่บนเตียงคนละซีกกับฮ่องเต้หนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างอึดอัด แผนแก้แค้นก็มีในหัว แต่แผนกู้ชีพพรหมจรรย์นี่สิ จะทำอย่างไรดี
"ท่านพี่ไท่อิง" ในที่สุดชะตาก็ให้โอกาสนาง! "ไม่ออกไปต้อนรับเขาหน่อยหรือ เหมียนเอ๋อ” เสวี่ยไท่อิงลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใบหน้าเผือดสีของน้องสาว "เป็นอันใดไปเหมียนเอ๋อ"
“คงมิจำเป็นแล้วล่ะท่านพี่”
“สายันห์สวัสดิ์ท่านพี่เขย”
“ฮ่องเต้หยวนเฟยหลง! นี่ท่านไร้ยางอายขนาดลักลอบขึ้นตำหนักน้องสาวข้างั้นรึ!”
-MISS SORAKI-
*นึกได้เรื่องเคยท้องเท่านั้นแหละ...จากแก้แค้นธรรมดา ฉากตายนรกแตกผุดมาเป็นพรืด
*ฮ่องเต้หยวนเฟยหลงไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ความเห็นแก่ตัวคือที่หนึ่ง สนมทั้งวังไม่ท้องแม้แต่ฮองเฮา เหลือน้องเหมียนรอด... ไปครั้งนี้ใบ้ให้ว่าไม่แตกต่างค่ะ
*เรื่องนี้ไม่มีคนดี สะท้อนความเห็นแก่ตัวและบาปของมนุษย์สุดๆ ควรทำใจก่อนอ่านนะคะ
เพราะหากแต่งตั้งบุตรขุนนางเหนือหน้าตาองค์หญิงชั้นสูงคงเป็นไปไม่ได้
หากทำก็เท่ากับเหยียบหน้าต้าเสวี่ย เสี่ยงต่อสงครามมากค่ะ
ส่วนจะให้น้องเหมียนเป็นฮองเฮา นางคงไม่เอาด้วย
เพราะนางอุตส่าห์มีพรสวรรค์เห็นนิมิต แต่มาตายฟรีเพราะคำสาปบัลลังก์หงส์นางคงไม่เอาด้วย
ลองคิดถึงตอนที่เราใกล้ตายแล้วมีคนช่วยให้น้ำให้ปลาแถมสวยและอ่อนโยนมาก
คุณจะหลงรักและอยากตอบแทนเขาแค่ไหน
อารมณ์ประมาณนั้นค่ะ