不潔花朵 บุปผาเย้าหฤทัย [จบบริบูรณ์]
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : เสวี่ยมู่เหมียน, หยวนเฟยหลง, ดอกงิ้วแห่งวังหลัง, นางเอกเทพ, นางเอกสวย, เกิดใหม่, นางร้าย, ย้อนยุค, ความรัก, โรแมนติก
ผู้แต่ง : Miss Soraki/ นุสรฏิยา
My.iD :
https://my.dek-d.com/mintomin/writer/
ตอนที่ 43 : บทนำ ดอกงิ้วเหนือบัลลังก์
ภาค3
ดอกงิ้วเหนือบัลลังก์
แคว้นซินตี่เป็นหนึ่งในแคว้นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในเขตแดนฉินที่กว้างใหญ่ไพศาล โดยมีขนาดเป็นรองเพียงแคว้นเสวี่ยอันได้รับการขนานนามว่ามหาอำนาจแห่งตอนใต้กินอาณาเขตยิ่งใหญ่กว่าการนำแคว้นขนาดใหญ่ทั้งสามแคว้นร่วมกัน แคว้นซินตี่นับเป็นสวรรค์แห่งทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทิศเหนือจรดชายฝั่งทะเลทำให้ง่ายต่อการติดต่อซื้อขายและคมนาคม รวมทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างๆนานา
แม้แคว้นใหญ่แห่งนี้จะดูมีพื้นฐานอำนาจที่ดูเรียบง่ายและไม่โดดเด่นมากนัก ทว่าสิ่งที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นการปกครองด้วยระบบจักรพรรดิเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ไม่มีอำนาจถ่ายทอดไปในมือขุนนางโดยพลการ ซึ่งระบบการควบคุมและบริหารที่คล้ายคลึงกับแคว้นเสวี่ยที่เป็นมหาอำนาจตอนใต้สามารถลดการก่อกบฏหรือการชิงอำนาจกันของขุนนางในอดีตได้อย่างยอดเยี่ยม
ทุก3ปีจะมีการคัดเลือกสนมจำนวน5000คนเพื่อเข้ามาเป็นนางในขององค์จักรพรรดิ ทว่าใน5000คนนี้จะถูกคัดออกอีกครั้งจนเหลือเพียง50คนที่มีสิทธิ์ได้ปรนนิบัติฮ่องเต้ แต่เมื่อราชวงศ์หยวนดำเนินมาถึงการปกครองขององค์จักรพรรดิหยวนเฟยหลง การเยี่ยมเยียนตำหนักในจึงถูกยกเลิกลงไปชั่วขณะเพราะมีการปฏิรูปบ้านเมืองมากมาย นางสนมกว่าหนึ่งพันนางในวังหลังบ้างถูกกำจัดออกเพราะความผิดของครอบครัว บ้างก็ถูกลอบสังหารจากการแย่งชิงตำแหน่งสูงส่ง ตลอดระยะเวลาที่ฮ่องเต้หยวนเฟยหลงครองราชย์นั้นไม่มีการร่วมหลับนอนใดๆ มีข่าวลือเล็ดรอดออกมาว่าพระองค์กำลังรอคอยสตรีในดวงใจ
จวบจนวันนี้ความจริงก็ได้ประจักษ์เบื้องหน้าทุกคนแล้ว
เพียงเวลาแค่ครึ่งปี สนมจากต่างแคว้นก็ได้กลายมาเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิอย่างเต็มตัว ตำหนักดอกงิ้วมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้หรูหรา รวมทั้งผ้าไหมชั้นดี แก้วแหวนเงินทองคอยส่งมาบรรณาการ เฝ้าปรนเปรอนางอย่างบ้าคลั่งจนเป็นที่น่าหวาดหวั่นใจของเหล่าสนมที่เหลือ
แต่ผู้ใดเล่าจะกล้าคัดค้าน... เมื่อทางการราชกิจและการบริหารบ้านเมืองยังมีความยอดเยี่ยมไร้ที่ติติง ทั้งอำนาจทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นของจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวเสียอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ฝ่าบาท นี่ใกล้จะยามเหม่า ถึงเวลาเตรียมตัวว่าราชการแล้วจะมะคะ” เสียงขันทีประจำพระองค์เรียกสติร่างกายกำยำที่กอดกายเรือนร่างอรชรในอ้อมแขนให้ลืมตาตื่นรับแสงสลัวที่ยังมืดมัว
“อืม...” เขาแค่ตอบรับในคอเบาๆ ก่อนจะทำใจละสายตาจากหญิงสาวผู้แสนเย้ายวนใจให้ชวนหอมแก้มสูดดมหลายๆฟอดตรงหน้าอย่างยากลำบาก “จิ่วกงกง”
“จะมะคะ” จิ่วกงกง ขันทีประจำพระองค์ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม เขาไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกไปด้วยซ้ำเพราะกลัวจะไปรบกวนเสวี่ยหวงกุ้ยเฟยที่หลับสนิทบนเตียงของจักรพรรดิที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวงพื้นที่ส่วนตนเป็นที่สุด แต่ตั้งแต่มีนางเข้ามาในวังทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเสียหมด อภิสิทธิ์การหลับนอนร่วมเตียงส่วนพระองค์ การเข้านั่งพูดคุยในห้องอักษรที่ฮ่องเต้โปรดปราน หรือกระทั่งการหยุดว่าราชการเพื่อนางไปชมดอกงิ้วที่แคว้นข้างเคียง
นับได้ว่า... นางเป็นสตรีที่น่ากลัวยิ่งกว่าฮองเฮาเจ้าอารมณ์หรือดอกไม้พิษในวังหลังเสียอีก
“หากนางตื่นนอนเมื่อไหร่ให้พานางไปรอเจิ้นที่ตำหนักเล็กริมสระบัว ชุดของนางก็เอาชุดที่นางชอบที่สุด เบาที่สุด และให้นางตื่นเองห้ามปลุกเป็นขาด”
“จะมะคะฝ่าบาท”
“หากนางหิวก็ให้นางทานไปก่อนไม่ต้องรอเจิ้น”
“จะมะคะ”
“หากใครมาขอพบนางบอกว่าเจิ้นไม่อนุญาต เอาล่ะ... รีบไปบอกหัวหน้านางกำนัลเสียสิ เจิ้นจะไปว่าราชการ ส่วนเจ้า... หากมีเรื่องอันใดผิดพลาดคงรู้ใช่ไหมว่าสิบหัวก็มีไม่พอ”
“จะ จะมะคะฝ่าบาท” พระสนม...ท่านรีบตื่นมาเจอภาพพจน์ของชายที่แสดงบทบาทแสนดีต่อหน้าท่านให้เร็วไวเข้าเถิด ก่อนที่ข้าจะไร้ศีรษะในวันต่อไป
ตำหนักเล็กริมสระบัว ยามอู่ [11.00น.]
“เจิ้นหลงใหลเจ้าถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมหยิบยื่นกายเจ้าและหัวใจให้เจิ้นอย่างเต็มใจเสียทีเล่า เหมียนเอ๋อ” คำกล่าวแสนหวานหูข้างหูนั่นเรียกความรู้สึกของนางให้ตื่นจากภวังค์ที่แสนลึกล้ำใต้จิตใจ ริมฝีปากบางทว่ากลับดูอวบอิ่มน่าลิ้มลองราวกับผลผิงกั่วสุกนั่นแย้มยิ้มเล็กน้อยเมื่อช้อนสายตาขึ้นสบกับใบหน้างดงามแต่แฝงไปด้วยไอเสน่หาของบุรุษเพศ
แพขนตาเรียงตัวสวยของหญิงสาวตรงหน้า ประกอบกับดวงตาสีนิลประกาย เมื่อปรากฏบนใบหน้าแสนพิลาสนี่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสนมรักของเขางดงามกว่าใคร ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซินตี่โอบรอบไหลบอบบางอย่างหวงแหน นางช่างดูเปราะบางเหลือเกินจนเขาอดระแวงไม่ได้ว่าดอกไม้พิษแห่งวังหลวงเหล่านั้นจะพลั้งมือทำร้ายบุหงาแสนรักดอกนี้เข้า เขายังคิดภาพถัดไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำไปว่าหากชีวิตหลังจากนี้จะเป็นเช่นไรหากไร้ซึ่งนางคอยเคียงข้าง นึกถึงจุดนี้ใบหน้ายั่วเย้าสตรีเพศทั่วแว่นแคว้นก็พลันแสดงอำมหิตขึ้น
“เหมียนเอ๋อคงจะมอบใจให้พระองค์มากกว่านี้ หากทรงเลื่อนพระหัตถ์ลามกจกเปรตออกไปจากหน้าอกหม่อมฉันเสียทีเพคะ!” อา... ดอกงิ้วแสนงดงามของเขาช่างพยศเสียเหลือเกิน แม้จะคิดแบบนั้นแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ยอมผละมือออกจากร่างกายงดงามที่พร่างพรายกรุ่นกลิ่นดอกงิ้วทั้งกายอย่างอิดออด
นับว่าความผิดพลาดที่สุดในการตัดสินใจของนางคงหนีไม่พ้นการยั่วยวนให้ชายผู้นี้หลงรักมากกว่าก่อนเก่า ชาติก่อนว่าแทบเป็นแทบตายเพราะความปรารถนาอันดิบเถื่อนแสนบ้าคลั่งนั้นแล้ว ชาตินี้กลับรุนแรงยิ่งกว่า มู่เหมียนได้แต่กลืนก้อนสะอื้นข่มความเจ็บช้ำในอก
ทุกวัน... ทุกวันตลอดครึ่งปีมานี้ ชายผู้นี้ยังคงตักตวงความหวานจากตัวนางไม่หยุดไม่หย่อน อ้างว่าเก็บความคะนึงหาต่อนางมาเนิ่นนาน ซ้ำยังไม่ยอมพระราชทานยาห้ามครรภ์จนนางเริ่มหวาดหวั่น ตอนนี้นางยังไม่พร้อมตั้งครรภ์มังกรดั่งเช่นชาติที่แล้ว
ชาติก่อนกว่าจะตั้งครรภ์ก็อายุล่วงเลยเข้า20ปี
แต่ชาตินี้นางยังก้าวไม่ถึง16ปีด้วยซ้ำไป
เขาสมควรโดนขังลืมข้อหากระทำชำเราสนมตนเองจนสลบสไลซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะได้หลับนอนก็ปาเข้าไปเกือบเช้า ทั้งที่ยังได้เข้านอนแค่วันละไม่ถึงสองชั่วยามจนต้องเก็บความง่วงงุนมาทดแทนในยามกลางวัน ทั้งๆที่คิดไว้แบบนั้น
หมับ!
จับหน้าอกนางอีกแล้ว
“ฝ่าบาท!” เมื่อใดนางจะได้หลับอย่างสบายใจเสียที
“เจ้าช่างใจร้ายกับเจิ้นเสมอต้นเสมอปลายเหลือเกิน” พูดไปก็แสร้งทำสีหน้าโศกเศร้าเสียใจเสียเต็มประดา น่าเสียดายเหลือที่มันหลอกนางไม่ได้ ฮ่องเต้จอมเสแสร้ง!
“ตกลงแล้วที่พระองค์ทางให้คนไป ‘วางยาสลบ กระชากลากถูข้าออกมาจากตำหนัก ตามด้วยสั่งสังหารทหารยามและขันทีในตำหนักมู่เหมียน’ นี่มันหมายความเช่นไรกันเพคะ” มู่เหมียนเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้หมายจะมอบจุมพิตหนีความผิด จนปากสวยสัมผัสได้เพียงแก้มขาวกรุ่นกลิ่นหอมหวน
กล่าวถึงการกระชาก มันคือการกระชากจริงๆไม่ใช่การเรียนเชิญแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าขันทีนับสิบกลุ่มนั้นมาจากไหนจู่ๆก็ได้มาโผล่ที่หน้าตำหนักมู่เหมียนของนางและซัดยาสลบไปทั่ว ยังไม่สาแก่ใจยังกล้าจับนางมัดด้วยผ้าชั้นดีที่โคตรนิ่มและแพงอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเมื่อคนพวกนั้นเอายาสลบกรอกปากนางจนสลบทั้งยืน
เจ้าพวกลิ่วล้อจักรพรรดิเอ๊ย!
“พวกมันเหล่านั้นกล้ามีหน้าตางดงามเช่นนั้น เจิ้นรู้สึกไม่พอใจยิ่ง สมควรแล้วที่ต้องไปในหลุม กล้านักที่ใช้ใบหน้าเหล่านั้นมายั่วยวนเจ้า”
“...”
“และอีกอย่างก็คือ...”
“คือ?”
“เจิ้นคิดถึงเจ้า...” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเสียงเบาเมื่อเห็นแววตาดุราวกับนางเสือของคนตรงหน้า เขาลูบหลังบอบบางอย่างปลอบโยนคล้ายเข้าใจว่านางคงหวาดกลัวและตระหนกกับการไปรับมาตำหนักมังกรทองอย่างอุกอาดของเหล่าขันที จากใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อนั่นเขาคิดว่านางเองก็ต้องเขินอายเขามากเป็นแน่ที่มาทั้งชุดโปร่งบางเช่นนี้
อืม... มันคงจะเป็นเช่นนั้นแน่ๆ
ดอกงิ้วผู้งดงามแสนเจิดจรัสของเขาช่างน่าหยอกเย้าเหลือเกิน...
“เพคะ?” ฟังเสียงสั่นเครือนี่สิ อา...นางช่างน่าสงสารเหลือเกิน คงจะอับอายมากสินะที่เขาพาตัวนางมาเช่นนี้ ไม่ได้แล้วเขาคงต้องส่งผ้าไหมทองจากเปอร์เซียที่แพงล้ำค่าที่สุดไปให้นางเป็นการปลอบใจเสียหน่อย และคราวหน้าคงต้องรอให้นางแต่งกายให้เรียบร้อย ใช่แล้ว... นี่ต้องเป็นความคิดที่ดีแน่ๆ
“หากเจิ้นทำให้เจ้ารู้สึกอับอายในครานี้ มิต้องเป็นกังวลไปเจิ้นพร้อมจะชดใช้ความรู้สึกเหล่านั้นให้เจ้าเอง สนมรัก” ใบหน้าของมู่เหมียนพลันแดงก่ำขึ้นทันที องค์จักรพรรดิผู้นี้กล่าววาจาบ้าบออันใดอยู่ นางไปแสดงท่าทีส่อว่าอับอายตั้งแต่เพลาไหนกัน! นางโมโหจนแทบจะพ่นไฟเป็นมังกรเพลิงอยู่แล้ว นี่หรือคือการแสดงท่าทีเขินอายอย่างที่คนๆนี้ว่า
“...”
“แต่ก่อนหน้านั้นเจิ้นมีเรื่องที่อยากให้เจ้าช่วยเหลือเสียหน่อย” นางก้มศีรษะลงเล็กน้อยคล้ายกับบอกว่ายินดีให้ความร่วมมือ แต่ทว่าวาจาที่เปล่งออกมาหลังจากนั้นกลับทำให้ความอดทนที่มีพังทลายลงฉับพลัน “เจิ้นอยากมีทายาทมังกรน้อยๆกับเจ้าซักสี่ห้า คน...”
“จักรพรรดิบ้าบอ! จะไปไหนก็ไป!!!” คิดจะผูกมัดนางด้วยโอรสและธิดางั้นรึ เจ้าจักรพรรดิโง่เง่า! มารดามันเถิด นางอุตส่าห์ยอมทำตัวสงบเสงี่ยมมิใช่เพื่อมาฟังเรื่องราวเพ้อเจ้อเหล่านี้เสียหน่อย เวลานอน เอาเวลาพักผ่อนของนางคืนมา! “อยากมีโอรสนักก็ไปขอจากสนมชิงกุ้ยเฟยของท่านนู่น”
นางประชดไปทั้งๆที่ทราบดีว่าชิงกุ้ยเฟยผู้นั้นเป็นบุรุษ
“ไล่เจิ้นให้ไปหาผู้อื่นเช่นนี้ ช่างกินน้ำส้มได้น่ารักเหมียนเอ๋อ”
น่าโมโห! คนๆนี้มันน่าโมโหที่สุด!
ท่านพี่ทั้งหลายที่ ‘วังเทพีตระการหยก’ ไยน้องสาวของพวกท่านถึงได้โชคร้ายนักเล่า!!!
ใครจะรู้เล่าว่านางมารที่กำลังอาละวาดใส่หนึ่งในฮ่องเต้ผู้น่าเกรงขามที่สุดในสี่แว่นแคว้นนี่จะเคยเป็นถึงหนึ่งในแก่นบาปบุปผชาติล่มเมืองผู้แสนจะเพียบพร้อมในทุกด้าน วาจาอ่อนน่าลิ้มฟัง รูปร่างหน้าตาล่มเมืองล่มแคว้นไร้ผู้ใดเทียบเคียง ฐานะหรือก็เป็นถึงบุตรีเพียงหนึ่งเดียวแห่งวังเทพีตระการหยก (ที่เหลือเป็นชายหมดเลยมีนางที่เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวทำให้ถูกกล่าวขานว่างดงามที่สุด) ที่มีอำนาจในทุกด้านไม่ว่าจะการเมือง การทหาร การเงิน หรือแม้แต่หญิงงาม แล้วทำไมคนเพียบพร้อมงดงามเช่นนางถึงต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในวังดอกไม้พิษของจักรพรรดิหื่นกามนี่ด้วยเล่า!
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้จะไม่ดิ้นรนยั่วยวนให้เปลืองแรงตั้งแต่เยาว์วัยแม้แต่น้อย ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปดั่งชาติก่อนยังดีเสียกว่า อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องถูกรังแกทุกเช้าค่ำเช่นที่เป็น
อนึ่ง... นี่เป็นแค่ชีวิตประจำวันแสนเคร่งเครียดของนางสนมชั้นสูงกับองค์จักรพรรดิผู้ได้รับฉายาเทพสงครามเท่านั้น
นางคือเสวี่ยหวงกุ้ยเฟย... บุปผาที่งดงามที่สุดในสี่แว่นแคว้นผู้เป็นที่รักแห่งจักรพรรดิหยวนเฟยหลง จากแคว้นซินตี่ ราชวงศ์หยวน
สตรีที่ในภายภาคหน้าจะกลายเป็นตัวแปรในสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะความงดงามพิลาสที่ใครๆก็ต่างปรารถนา... ดังที่เคยเกิดการก่อกบฏในแคว้นเสวี่ยเพราะความเย้ายวนใจของนาง ในเพลานั้นนางมีอายุเพียง14ปี แล้วครั้งนี้ที่ความงามนั้นได้แย้มบานชูช่อความหอมหวานยวนใจผู้พบพานเล่า... ความรุนแรงนั้นจะเพิ่มมากถึงเพียงใด
“เจิ้นอยากมีทายาทมังกรกับเจ้าจริงๆนะเหมียนเอ๋อ”
“ฝ่าบาทเพคะ... ไสหัวไป!”
“เขินอายได้น่ารักยิ่ง เหมียนเอ๋อของเจิ้น”
-MISS SORAKI-
มามะเหมียนเอ๋อ มาสร้างทายาทมังกรด้วยกันสักสี่ห้าคน...
แล้วค่อยต่อด้วยธิดาสักคนสองคน ไม่สิ สามไปเลยดีกว่า
เลียปากแผล่บ
-หยวนเฟยหลง-
*ความหื่นนี้นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นมา ดูท่าเรื่องเบื่อคงหมดหวัง หาทางไม่ให้ตายเพราะหมดแรงดีกว่านะ
น้องเหมียนเอ๊ย
เปย์ชนิดที่ว่าจะได้ไรท์เป็นภรรยาเลยทีเดียว
ฝ่าบาทมีความหื่นกามคงที่มาก/เหงื่อตกแทนน้องเหมียน
ทำทุกวันหกเดือนแต่ไม่ติด
ต้องตามหมอหลวงมาช่วยแล้วมั้ง
ความหื่นทะลุขีดจริงๆ
หยวนเฟยหลงได้กล่วไว้