不潔花朵 บุปผาเย้าหฤทัย [จบบริบูรณ์]
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : เสวี่ยมู่เหมียน, หยวนเฟยหลง, ดอกงิ้วแห่งวังหลัง, นางเอกเทพ, นางเอกสวย, เกิดใหม่, นางร้าย, ย้อนยุค, ความรัก, โรแมนติก
ผู้แต่ง : Miss Soraki/ นุสรฏิยา
My.iD :
https://my.dek-d.com/mintomin/writer/
ตอนที่ 63 : ภาค4 มิใช่นาง มิรับฟัง [1/3]
ภาค4: ความคลั่งไคล้ที่บ้าคลั่ง
มิใช่นาง มิรับฟัง [1/3]
ตำหนักราชันย์มังกร ยามซวี [19.00น.]
“ตรงนั้น... ใช่ เหมียนเอ๋อของเจิ้น”
นิ้วเรียวกดไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่งอย่างเอาใจ หลังจากส่งโอรสทั้งสองเข้านอน นางก็ได้รับการเชิญจากองค์จักรพรรดิให้มาหาที่ตำหนักราชันย์มังกร ท่ามกลางความริษยาจุกอกของนางสนม แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ยคำผรุสวาทนินทาหรือกล่าววาจาขัดใจมังกรหนุ่ม
“วันนี้ท่านก็ฝืนตนเองอีกแล้วนะเพคะ ท่านพี่เฟยหลง”
“อืม... เน้นตรงต้นคออีกหน่อยเหมียนเอ๋อ” ใบหน้างามพิลาสล่มเมืองฉายแววหนักใจ แต่มือไม้งามดุจหยกแกะสลักก็ไม่ได้หยุดนวดไล้ไปตามต้นคอแกร่งตามความปรารถนา กล้ามเนื้อที่ตึงแน่นจวนปริแตกทำให้นัยน์ตาหงส์ไหววูบด้วยความกังวล ช่วงนี้ฮ่องเต้หยวนเฟยหลงฝืนตนทรงงานหนักขึ้นเรื่อยๆตามแรงกดดันจากบรรดาขุนนางด้านนอก
ผู้ใดกันที่กล่าวใส่ร้ายป้ายสีว่าฮ่องเต้หนุ่มผู้ดีมีดีแค่การฝักใฝ่ในอิสตรีจนพาบ้านเมืองล่มจม ผู้ใดกันกล่าวหาว่าชายผู้นี้ไร้ความสามารถในการแบ่งแยกเวลาระหว่างการทำงานและการสนใจสตรี ทุกค่ำคืนที่ผ่านมาฮ่องเต้หยวนเฟยหลงตรากตรำทำงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งทางตอนใต้ของทวีปที่นับวันยิ่งลุกลาม ไหนจะปัญหาในรั้ววังหลังที่เริ่มวุ่นวายเพราะขาดการปกครองจากชิงกุ้ยเฟยที่ในเวลานี้จำต้องปล่อยข่าวว่าป่วยหนักเพื่อออกไปทำศึกรอบนอก
เพียงนางผู้เดียวไม่สามารถควบคุมนางสนมหน้าใหม่ที่แสนน่ารำคาญประหนึ่งมดปลวกเหล่านี้ได้ทั้งหมด อย่างมากแค่ระงับไม่ให้คนเหล่านี้กำแหงยกตนขึ้นมาเทียบเคียงเท่านั้น
“กล้ามเนื้อของท่านตึงแน่นจวนปริแตก หากฝืนขีดจำกัดของตนต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าอาการปวดเมื่อนฃยคงไม่มีวันทุเลา”
“อืม...” มู่เหมียนถอนใจเมื่อเห็นท่าทีดื้อรั้นของชายเบื้องหน้าที่นึกทำตนเป็นราวกับเด็กน้อยถึงวัยต่อต้านมารดา เหตุใดนางจะไม่ทราบเล่าว่าชายผู้นี้กำลังฝืนทำงานหนักเพื่อใคร หากไม่ใช่เพื่อบุตรทั้งสองที่มีสายเลือดกึ่งสองราชวงศ์จนเป็นที่น่าหวั่นเกรงของขุนนาง
ความคิดโง่เง่าบ้างก็ว่านางอยากก่อกบฏ บ้างก็ให้ร้ายว่านางคิดพาซินตี่ไปล่มจมเพื่อส่งต่ออำนาจให้กับแคว้นเสวี่ยที่เป็นแหล่งบ้านเกิด หากไม่ติดว่ามังกรหนุ่มอ้อนวอนให้นางหยุดมือไว้ป่านนี้เกรงว่าเลือดหัวของเจ้าของความคิดโสมมเหล่านั้นคงได้ทำมาล้างเท้านางให้สาแก่ใจไปแล้ว
ชึบ...
ปลายนิ้วเรียวสวยประหนึ่งแท่งเทียนล้ำค่ากดลงบนจุดกำเนิดความเจ็บปวดเมแรงจนมังกรหนุ่มเหงื่อผุดเต็มใบหน้าแต่ก็ไม่ยอมปริปากร้อง มุมปากสวยขยับยิ้มอย่างนึกอยากกลั่นแกล้งหากแต่ต้องห้ามใจด้วยเกรงว่าต้องสูญเสียชายอันเป็นที่รักไปก่อนวัยอันควร
“ท่านพี่เฟยหลง...” เมื่อเห็นเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดที่ขมับแกร่ง มู่เหมียนก็นึกปวดใจ “เหมียนเอ๋อใช่ว่ามิทราบว่าท่านทำงานหนักไปเพื่อผู้ใด การได้ยอมรับจากขุนนางและราษฎรนับว่าเป็นเรื่องดี แต่เหมียนเอ๋อไม่มีทางเปรมปรีหากมันต้องแลกมาด้วยสุขภาพของท่านที่แย่ลง”
“สนมที่เข้ามาใหม่สร้างความหนักใจให้เจ้าหรือไม่” แทนที่จะเลือกตอบคำถามจากนาง เขากลับเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่นเสียอย่างนั้นทำให้ใบหน้างามงอง้ำอย่างนึกขัดใจ มังกรหนุ่มผู้นี้ตั้งแต่นางมีโอรสให้ก็ทำตัวแข็งขืนเอาแต่ใจตนเองมากกว่าที่เคย แม้จะเป็นเรื่องดีต่อนาง แต่หากมากไปจนกระทบต่อกายอีกฝ่าย นางก็ไม่อยากเสี่ยง “หากไม่ไหว ให้เจิ้นจัดการให้ดีหรือไม่”
“ท่านพี่ชักจะดื้อรั้นเกินไปแล้ว” แม้จะกล่าวเช่นนั้นแต่นางก็อดหน้าร้อนวูบวาบไม่ได้เมื่อจมูกโด่งกดลงที่แก้มนวลพร้อมสุดกลิ่นหอมหวานติดกายอย่างแผ่วเบาคล้ายหมู่ผีเสื้อหยอกเย้ามวลผกา “จ้าวผินมีการลักลอบติดต่อกับอ๋องสี่อยู่บ่อยครั้งเพคะ”
นางเลือกจะตอบไปตามตรงแม้จะพอทราบว่าอีกฝ่ายมีเจตนาจะกระทำสิ่งใดแต่ก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยไปทั้งหมด เพราะทราบว่าอีกฝ่ายพอจะรู้ตัวอยู่บ้างแล้ว การซ่องสุมกำลังแม้จะพ้นสายตาของฮ่องเต้ไปได้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพ้นสายตาผู้คบค้าประชาชนระดับสามัญชนผ่านการช่วยเหลือจากเภทภัยเช่นนาง
ยิ่งผนวกกับความสามารถอันเฉียบคมที่ให้ภาพนิมิตชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากกำเนิดบุตร ทุกสิ่งที่เป็นภัยล้วนไม่อาจรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของนางไปได้เลยแม้แต่น้อย กิเลนอันตรายตนนี้หรือจะสู้หนึ่งในบุปผชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องการเจ้าแผนการเช่นนาง เขาคนนั้นแสดงตนออกชัดเจนจึงไม่น่าเกรงกลัวเท่ากับอีกหนึ่งบุรุษที่เก็บตนเองเงียบไม่เผยท่าทีใดๆ
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ทวนเปิดเผย หลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับ ยากระวัง’*
แม้นนางจะสามารถฝืนลิขิตสวรรค์ได้โดยการให้ความช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่หากเปลี่ยนจุดนั้นแล้วยังต้องมีเรื่องราวใดๆเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกก็ต้องระแวดระวังไปอีกระลอก สู้ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างที่เคยเป็นแล้วรอคอยตั้งรับอย่างปลอดภัยน่าจะดีกว่า ตอนนี้นางไม่ได้มีตัวคนเดียว นางมีทั้งสามีและบุตรชายที่ต้องปกป้องไว้ อำนาจเพียงแค่นี้คงยังไม่มากพอ
“ติดต่อกับท่านพี่งั้นหรือ” นัยน์ตาคมวูบไหว ก่อนจะกอดรั้งร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน “แล้วเจ้ายังโกรธเจิ้นเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่”
“เรื่องไหนกันหรือเพคะ” นางแสร้งถามทั้งๆที่ทราบสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่ออยู่แก่ใจ บางครั้งสตรีงามที่ฉลาดเฉลียวก็มีเสน่ห์มีความพยศก็น่าค้นหา แต่หากมากเกินไปเมื่อใด มันจะแปรเปลี่ยนให้นึกชิงชัง
หมับ...
“เจ้าทราบดีมิใช่หรือว่าสิ่งที่เจิ้นต้องการกล่าวถึงคือสิ่งใด เหมียนเอ๋อ” เขาคว้ามือเรียวสวยที่ผละไปจากกายแกร่งมากอบกุมไว้แน่น แล้วผินใบหน้าคมคายแสนสั่นคลอนใจสตรีไปมอง โดยบีบบังคับไม่ให้นางถอดถอนสายตาหนี
“ท่านโดนยาปลุกกำหนัด ใดๆเล่าเหมียนเอ๋อจะคิดข้องใจ” กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปไม่นาน มู่เหมียนก็อดนึกหงุดหงิดไมได้ ไม่ได้โกรธเคืองในตัวของชายเบื้องหน้า แต่โกรธตนเองเสียมากกว่าที่ประมาทจนเกือบทำให้หมากในกระดานเปลี่ยนทิศทาง
“ข้องใจอยู่ชัดๆ” นิ้วเรียวไล้คางสวยเบาๆ
“อ๊ะ...” ร่างอรชรถูกฉุดให้มานั่งบนตักแกร่งโดยไม่ทันตั้งตัว ฮ่องเต้หยวนเฟยหลงคว้าอาภรณ์ล้ำค่าที่ปลดลงไปกองรวมที่เอวสอบมาคลุมทับกายไว้ อากาศหนาวประหนึ่งแดนเหมันต์อดทำให้เขาสะท้านเฮือกไปวูบหนึ่งไม่ได้ แล้วให้นึกถึงทารกน้อยทั้งสองที่อยู่ในอีกตำหนักหนึ่ง ป่านนี้โอรสทั้งสองจะหนาวเหน็บมากเพียงใดกันหนอ
“แต่เจ้าหึงหวงเจิ้นเช่นนี้ทำให้เจิ้นอุ่นใจมากเพียงใดรู้หรือไม่” เขามองสบนัยน์ตาหวานแสนเย้ายวนที่ผู้ใดได้พบพานยิ่งมองยิ่งให้ความรู้สึกลุ่มหลงมัวเมา “คืนนั้นเจิ้นไม่ได้ล่วงเกินจ้าวผิน... เจ้ารู้ใช่หรือไม่”
ก่อนหน้านี้เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาจำต้องเข้าไปเยี่ยมเยือนนางสนมของตนเองเพื่อเป็นการสื่อทางอ้อมว่ามิได้ทอดทิ้งพวกนาง แม้จะมิได้โปรดปรานแต่การที่เข้ามาอยู่ในวังหลังของเขาแล้วก็นับว่าเป็นครอบครัวของเขาส่วนหนึ่ง จ้าวผินก็คือผู้ที่เป็นตัวแทนจากสนมนับร้อยพันที่ได้พบปะสนทนากับเขาผ่านวิธีพลิกป้าย
ทั้งๆที่ทราบดีอยู่แล้วแก่ใจว่าเขามิมีใจโปรดปรานสตรีนางใดนอกจากเสวี่ยหวงกุ้ยเฟย ผ็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจและดวงตะวันเพียงหนึ่งเดียว นางก็ยังอาจหาญดึงดันหวังใช้ร่างกายของตนปีนป่ายสู่อำนาจเพื่อปรนนิบัติจักรพรรดิเช่นเขา ผ่านการลักลอบวางยาปลุกกำหนัดและวางอุบายให้ข่าวลือนี้แพร่ออกไป
ทว่าแผนการกลับผิดพลาดเมื่อเขากลับไร้ความปรารถนาต่อนางโดยสิ้นเชิง จึงรอดพ้นจากอุบายอันแสนโสมมนั้นมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ผู้ใดจะทราบกันว่าข่าวนี้จะลือไปเข้าหูนางอันเป็นที่รักเข้าเสียแล้ว แม้นนางจะไม่ได้แสดงท่าทีหรือกิริยาหึงหวง แต่ความนิ่งเงียบนั้นกลับทำให้เขารู้สึกผิดมากกว่าการถูกนางทำร้ายตบตีเสียอีก เขาทราบดีถึงความปวดร้าวนั้นดีจึงหมั่นเอาใจนางทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนความเชื่อใจกลับมา
“หม่อมฉันจะไปห้ามท่านได้อย่างไร สตรีในวังหลังทุกนางล้วนแต่เป็นภรรยาโดยชอบธรรมของท่านไม่ต่างจากหม่อมฉัน...”
“คำว่าสนมกับภรรยามันแตกต่างกันรู้หรือไม่” เขาจุมพิตแก้มนวลเบาๆ “สนมคือเครื่องหมายอำนาจ แต่ภรรยาหมายถึงผู้ที่พร้อมเคียงข้างไปชั่วชีวิต และคนผู้นั้นต้องเป็นเจ้าเท่านั้น เหมียนเอ๋อ”
ครั้งนั้น แม้เขาอยากจะสั่งประหารสตรีผู้เป็นต้นเหตุของการหลั่งน้ำตาจากดวงตะวันมากเพียงใด แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขา ผิดที่ลดความระแวดระวังลงจนประมาทให้อสรพิษมาแว้งกัดเอา เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้เมื่อผู้เป็นที่รักได้เอ่ยวอนขอไว้ จึงปล่อยให้นางงูพิษผู้นั้นลอยหน้าลอยตาในวังหลังต่อไป แต่แลกกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากการถูกกล่าวโทษถึงการยกเลิกข้อเยี่ยมเยียนสนมนางในนานสามเดือน
“เจิ้นมีเพียงเจ้า...”
“เพคะ...” นางหรือจะไม่ทราบถึงความรักใคร่ที่เขามีให้นาง เพียงแค่ห่างกันคืนสองคืนก็ทนไม่ไหว ถ่อกายมาปีนตำหนักเข้าง้องอน นางหรือจะไม่เข้าใจความรักที่เขามีให้
“กล่าวสิ่งใดมากกว่านี้หน่อยมิได้หรือ” เขาบดเบียดแก้มสากเข้ากับต้นคอขาวราวแมวปุกปุยอ้อนนายสาว สลัดทิ้งสิ้นภาพลักษณ์มังกรผู้น่าเกรงขาม “เจิ้นไม่สบายใจ”
“เหมียนเอ๋อเชื่อใจท่านพี่เฟยหลงเพคะ”
“แล้วอย่างไรอีกเล่า”
“และรักท่านพี่มาก”
“น่ารักอะไรอย่างนี้ เหมียนเอ๋อของเจิ้น”
ฟอด...
เขาหอมแก้มนวลอย่างรักใคร่เอ็นดู พลางสูดกลิ่นหอมหวานอบอวลเข้าปอดซ้ำๆ ก่อนจะปรายสายตาไปมองที่มุมหนึ่งของห้องที่วูบหนึ่งปรากฏเงาดำเพียงเสี้ยวเวลาแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยสายตานิ่งเรียบวูบหนึ่ง
“ท่านพี่เฟยหลงเพคะ แต่ให้เหมียนเอ๋อคอยวางแผนบ้านเมืองคู่ไปกับท่านเช่นนี้ มิกลัวว่าเหมียนเอ๋อจะคิดคดหักหลังท่านเลยหรือ”
“หึ...” เขาลูบเส้นผมยาวสลวยที่เกล้าไว้อย่างงดามแล้วลากนิ้วไปตามปิ่นล้ำค่าประจำกายงาม “หากผู้ทรยศคือเจ้า เจิ้นยอมทิ้งชีวิตนี้ให้ตายไปพร้อมกับความเชื่อใจในตัวของเจ้า”
“ท่านเชื่อใจเหมียนเอ๋อมากไปแล้ว”
“เจิ้นวางใจเพราะคนที่เจิ้นเชื่อคือเจ้า...”
เชื่อด้วยสัญชาตญาณ
เชื่อด้วยจิตวิญญาณที่มากประสบการณ์
เชื่อในคำสัญญาที่มีให้กันมาเนิ่นนาน
“แล้วเรื่องการลักลอบพบกันของจ้าวผินและพี่สี่... ขยายความให้เจิ้นฟังหน่อยสิ เหมียนเอ๋อ”
เพราะนางคือสตรีที่เขาไว้วางใจและวางนางไว้ในตำแหน่งที่พร้อมฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันทั้งชีวิตและตลอดไป
เพียงแค่นางเอ่ยปาก เขาก็พร้อมรับฟัง...
*ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง หมายถึง ศัตรูเปิดเผยไม่น่ากลัวเท่าศัตรูที่ซ่อนเร้น
-MISS SORAKI-
*เข้าสู่ช่วงเคร่งเครียดหลังจากผ่อนคลายให้พระนางหวานกันเนาะ
*เรียกหาแมวที่ชอบแย่งซีนกันนักใช่ไหม ได้ ได้เลยยยยย
ศัตรูอยู่ในที่มืด เราต้องมืดยิ่งกว่า
กระโดดตบไฟแม่ม
-หยวนเฟยหลง-
แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือน้องชายฝาแฝดของเฟยหลง
อดสมน้ำหน้านางนิดๆไม่ได้ แต่แอบลักลอบพบกับอ๋องสี่ลางสังหรณ์รีดนี่เตือนแดงพล่านไปทั้งหัวเลย
กบฏ กบฏแน่ๆ อ๋องสี่จะก่อกบฏแน่ๆ
เหลือบสายตาไปมองน้องเหมียนอย่างไม่ไว้ใจ
คนนี้เมียจักรพรรดิแต่น่าระแวงไม่ต่างกัน
นางดูหวานอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยพิษร้ายมากเกินไป แถมเป็นพิษที่ฝ่าบาทยินยอมกินถ้านางต้องการอีก
โอ้ย นี่โดนพิษบาปบุปผชาติเหมือนชื่อเรื่องเข้าไปเต็มๆเลยใช่ไหม
เชื่อแล้วว่าทำไมถึงเป็นบาปตัณหา
นางสวย นางเย้ายวน และนางยั่วเก่งมากกกกก องครักษ์หลายคนนี่น้ำตาซึมเป็นแถวๆ
แต่ก็ยังรักนางอยุ่ดี
คือนิยายสนุกนะ แต่แมวมันคือสีสันไปแล้วไง555