ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] ONE IPPON (KAISOO)

    ลำดับตอนที่ #16 : CHAP 16

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.18K
      26
      28 มี.ค. 56

    CHAPTER 16

     

     

    เวลาเดินไปไวกว่าที่คิด พริบตาเดียวนี่ก็ล่วงเข้าสามวันสุดท้ายก่อนถึงวันแข่งขันแล้ว ทั้งกัปตันทั้งสมาชิกในทีมต่างขะมักเขม้นฝึกซ้อมอย่างหนักราวกับแม็ทซ์ที่กำลังจะถึงเป็นแม็ทซ์ใหญ่อย่างกีฬามหาวิทยาลัย แต่ละวันซ้อมเสร็จแทบไม่เหลือแรงให้ทำอย่างอื่น อยากจะทิ้งตัวลงนอนอย่างเดียว

     

    นี่น่ะโหดน้อยกว่ากีฬามหาลัยตั้งหลายเท่าเชียวนะ

     

    แพคฮยอนกระซิบบอกคยองซูเมื่อหลายวันก่อนโดยที่เจ้าตัวยังเจือเสียงหอบหลังจากรันโดริกับเพื่อนตากลม  เห็นน้องใหม่ในทีมพัฒนาแบบก้าวกระโดดมันก็ดีแต่พอเห็นอาการหอบฮั่กแต่ละทีก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าคยองซูจะถอดใจก่อนถึงแม็ทซ์ใหญ่ซึ่งเป็นเป้าหมายจริงๆ หรือเปล่า

     

    แต่เท่าที่สังเกตดูตลอดเวลาที่ผ่านมาคงจะยาก ก็นอกจากคนสอนที่ปั้นมาตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดพันธุ์จนตอนนี้เติบใหญ่เลยวัยต้นกล้ามาไกลคอยสอนเทคนิคให้อยู่ไม่ขาด พ่อประธานชมรมหน้าคมยังประคบประหงมลูกทีมคนนี้ยิ่งกว่าอะไรดี พาลให้คนที่เป็นสมาชิกทีมเหมือนกันอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

     

    “ล้าขาไหม?”

     

    ...นั่นปะไร ว่าผิดที่ไหนล่ะ

     

    นักยูโดสายดำเหงื่อท่วมหน้าก็หันมาถามไถ่คนตัวบางที่กำลังนั่งดื่มน้ำหลังได้รับคำสั่งให้พัก คยองซูส่ายหัวเบาๆ ทั้งที่ไหล่เล็กยังไหวขึ้นลงจากอาการหอบหลังจากเข้าท่าทุ่มไปร่วมร้อยครั้งโดยต้องจับเวลาด้วย นั่นคงเป็นประเด็นหลักที่ทำให้จงอินถามเขาแบบนี้

     

    “โว้ยยยย!! มึงคิดว่าคยองซูเพิ่งเล่นยูโดเมื่อวานเหรอไอ้เทพครับ? มาถึงขนาดนี้แค่เข้าท่าจับเวลามันคงไม่ล้าขนาดที่จะให้เทพอย่างมึงมาถามไถ่เอาใจใส่หรอกมั้ง”

     

     เสียงชานยอลแทรกฉากชวนหมั่นไส้ที่เห็นได้เรื่อยๆ ทุกวัน รอยยิ้มกวนประสาทกับคิ้วเข้มที่กระตุกอย่างกวนๆ ชวนให้จงอินอ้าปากเตรียมจะด่า แต่ยังไม่เร็วเท่าประโยคถัดมาของชานยอล

     

    “นอกเสียจากว่ามึงอยากจะถาม ประมาณว่าว้อนท์ส่วนตัวไรงี้”

     

    “เชี่ยยอล!!

     

    แพคฮยอนถอนหายใจอย่างเอือมระอาเมื่อเห็นว่าขวดน้ำกลายเป็นอาวุธถนัดมือของสองเพื่อนซี้อีกตามเคย อีกคนก็หัวเราะคิกคักที่ได้ล้อเพื่อน ส่วนอีกคนนับวันก็ยิ่งกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองไม่แนบเนียน ดูอย่างตอนนี้คยองซูยังนั่งดูสงครามขวดน้ำพลางหัวเราะขันลืมอาการเหนื่อยไปเลย

     

    ยิ่งผ่านวันล่วงเวลาไม่ใช่แค่ฝีมือของคยองซูหรอกที่พัฒนา แต่ความสัมพันธ์ของประธานชมรมกับเด็กปั้นคนนี้ก็เริ่มจะไปได้สวย ถึงแม้จงอินจะยังปั้นหน้าดุๆ อยู่บ่อยๆ ตามนิสัยของเจ้าตัวแต่การกระทำที่มีให้คนตัวบางนั้นช่างขัดกันจนไม่ว่าใครก็ดูออก ยิ่งคยองซูเอาแต่ยิ้มและพูดคุยกับจงอินอย่างสนิทสนมกันมากขึ้น ชานยอล แพคฮยอน เซฮุนก็เริ่มคุยกันว่าน่าจะเตรียมหาพลุไว้จุดฉลองกันได้แล้ว เว้นเสียแต่ท่าประธานมันจะโง่หรือปอดขึ้นมาเหมือนแต่ก่อนนั่นแหละ

     

    “ถ้ามีแรงกวนประสาทขนาดนี้ก็ขึ้นไปรันโดริกันได้แล้ว!” สิ้นเสียงจงอินที่สุดท้ายต้องช่วยกันกับชานยอลเก็บขวดที่ปาใส่กัน แพคฮยอนก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที

     

    “โหยยยย ยังไม่หายเหนื่อยเลยนะจงอิน ใช่มั้ยคยองซู?” หันไปขอความช่วยเหลือจากร่างบางที่กำลังมัดสายด้วย

     

    “ฉันหายเหนื่อยแล้วอ่ะแพคฮยอน”

     

    หากแต่รอยยิ้มกับคำตอบนั้นทำให้แพคฮยอนยู่หน้า ได้ยินเสียงเซฮุนหัวเราะพร้อมๆ กับจงอินที่ยักคิ้วใส่อย่างคนเหนือกว่าแพคฮยอนก็อดหัวเราะตามไม่ได้ รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้จะเข้าข้างกันดีจังเลยนะ!

     

    ใช้เวลาไม่ถึงนาทีสมาชิกทั้งหมดก็ขึ้นมาพร้อมกันบนเบาะ เรียงแถวหน้ากระดานหันหน้าเข้าหากันพร้อมจะรันโดริ ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงคยองซูที่ผ่านการฝึกจนในที่สุดก็ได้เล่นรันโดริพร้อมคนอื่นๆ จนได้

     

    งานนี้คงต้องชมทั้งคนปั้นทั้งเด็กปั้น แม้จงอินจะไล่จี้ให้คยองซูรีบเข้าท่าและฝึกการชิงจับอย่างหนักหน่วงแค่ไหน แต่ฝ่ายรับไปก็ไม่บ่นสักคำ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อเข้าสู่เทคนิคการแข่งขันมันต้องใช้ทั้งร่างกายและสมอง คนที่เพิ่งฝึกมาไม่นานอาจจะท้อจนหายหน้าไปพักใหญ่ แต่ไม่ใช่กับคยองซู

     

    “ฮาจิเมะ!” สิ้นคำสั่งของจงอิน ทุกคนเคารพคู่ของตัวเองก่อนจะตั้งท่าเตรียมเล่นรันเว้นแต่จงอินที่ยืนว่างไม่มีคู่ไปก่อนในรอบนี้

     

    คยองซูย่อตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเท้าขวาเป็นขานำ สองมือยกขึ้นกางเรียวนิ้วตั้งการ์ดแบบพร้อมจะหาจังหวะจับเสื้ออีกฝ่ายไม่ต่างจากแพคฮยอน ดวงตาของทั้งคู่สบกันเพียงชั่ววิหลังจากนั้นจึงเลื่อนลงต่ำมาที่ช่วงอกของอีกคน

     

    จะจับยังไงให้ได้เปรียบ...

     

    แพคฮยอนเป็นคนเล่นท่าต่ำเหมือนกับเขา ท่าถนัดของแพคฮยอนคืออิปป้อนแต่ทุกครั้งที่ชิงจับกันแพคฮยอนมักจะเลือกจับสาบด้วยมือขวาให้มั่นใจว่าคุมจังหวะอยู่ก่อนแล้วจึงค่อยปล่อยไปเข้าท่า คยองซูรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้แพคฮยอนคุมได้ตั้งแต่จังหวะแรกโอกาสถูกทุ่มมีสูงมาก เพราะอีกฝ่ายคล่องตัวและเล่นดุ รับรองดึงเขาจนกว่าจะหลังกระแทกพื้นนั่นแหละ

     

    ดูจากสายตาที่จับจ้องแล้วแพคฮยอนคงจะเล็งสาบเสื้อไว้จริงๆ เขาต้องป้องกัน แต่จะทำยังไงดีนะ จะทำยังไงให้ไวกว่าแพคฮยอน...

     

    เร็วเท่าความคิดที่กำลังอ่านเกมส์ แพคฮยอนยื่นมือขวาออกมาหมายจะจับสาบเสื้อคยองซูจริงๆ ฝ่ายที่อ่านทางออกอยู่แล้วเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับใช้มือซ้ายคว้าแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้ได้ทัน แพคฮยอนรู้ตัวทันทีว่าคยองซูคิดจะทำอะไรต่อ ร่างเล็กพยายามสะบัดแขนเสื้อตัวเองให้พ้นจากการเกาะกุมแต่ก็ทำได้ยากนัก

     

    แล้วสิ่งที่แพคฮยอนคิดไว้ก็เป็นตามที่คาด มือบางที่ตอนนี้เหนียวยังกับปลาหมึกยึดเขาเอาไว้ขณะที่อีกมือก็ไล่จับชุดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมือขวาของคยองซูจับสาบเสื้อเขาได้สำเร็จ

     

    แพคฮยอนไม่รอให้คยองซูดึงตัวเองให้เดินไปตามจังหวะที่อีกฝ่ายต้องการ รีบสะบัดตัวให้พ้นการเกาะกุมจากสาบเสื้อ ครั้งนี้ได้ผล มือคยองซูหลุดออกจากเสื้ออีกฝ่ายแล้ว แพคฮยอนรีบจับปลายแขนเสื้อแล้วตวัดบิดจนเสื้อรัดข้อมือเล็กๆ นั้นแน่นจนเจ้าของไม่สามารถควบคุมข้อมือตัวเองได้อย่างใจ

     

    เมื่อคว้าได้ถูกจุดแล้วแพคฮยอนก็เริ่มลากพาคยองซูเดินเพื่อหาจังหวะเข้าท่า หากแต่ทุกการคุมจังหวะนั้นรุนแรงหนักหน่วงตามสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว คยองซูที่ตอนนี้มือข้างหนึ่งตายไปแล้วรู้ตัวว่าเริ่มจะแย่

     

    “อย่าปล่อยให้เขาคุมจังหวะ คิดหาทางแก้ด้วย”

     

    คนที่ยืนจับเวลากล่าวออกมาเสียงเรียบ คยองซูกัดริมฝีปากเบาๆ พลางขมวดคิ้วยุ่ง มือขวาตายไปแล้ว เหลือแต่มือซ้ายที่จับได้แค่แขนเสื้อ คราวนี้แย่แล้วจริงๆ

     

    เพียงชั่ววินาทีที่คิดหาวิธี แพคฮยอนก็หมุนตัวเข้าอิปป้อนใส่เขาเสียแล้ว คยองซูแทบเหวอเมื่อแพคฮยอนเริ่มออกแรงดึงแต่เขาก็ไวพอที่จะเบี่ยงตัวหลบก่อนที่จะถูกทุ่มลงไป ผลจากการหลบทำให้ทั้งคู่กระเด็นออกจากกัน มีเพียงมือซ้ายของแพคอยอนเท่านั้นที่ยังเกาะแขนเสื้อคยองซูอยู่ แต่ก็นับว่าหลวมกว่าตอนแรกมาก

     

    เขาไม่ปล่อยให้จังหวะนั้นพลาด คยองซูรีบสะบัดมือแพคฮยอนออกแล้วรีบเข้าไปจับชุดอีกฝ่ายทันที คราวนี้ได้ผล เขาจับได้อย่างสมบูรณ์ มือขวาจับสาบมือซ้ายจับแขนเสื้อ เหลือก็แค่ว่าจะบังคับให้เดินเข้ามาหาจังหวะและเข้าท่ายังไง

     

    เกมส์พลิกเมื่อคยองซูเป็นฝ่ายลากแพคฮยอนให้เดินตามมาหาจังหวะที่เจ้าตัววางไว้บ้าง ถึงจะไม่รุนแรงเท่าที่แพคฮยอนทำแต่ก็นับว่าหนักหน่วงพอจะทำให้อีกฝ่ายขืนตัวไม่ไหวเช่นกัน ทุกคนในทีมรู้ดีว่าคยองซูไม่ใช่คนแรงเยอะแต่เป็นพวกใช้ประโยชน์จากแรงเท่าที่ตัวมีอยู่ได้ดี รวมไปถึงลูกเด็ดที่คนสอนภูมิใจนักภูมิใจหนา

     

    “อย่าปล่อยจังหวะมากไป จะทำอะไรก็รีบทำ”

     

    ยังไม่ทันที่จงอินจะพูดประโยคหลังจบดีด้วยซ้ำ คยองซูก็หมุนตัวเข้าเซโออิเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะแรงไม่มากทำให้แพคฮยอนหลบทัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะหลุดพ้นจากเงื้อมือคยองซูไปได้ ไม้เด็ดถูกนำออกมาใช้ทันที

     

    เมื่ออีกฝ่ายหลบ คยองซูรีบสวนจังหวะสองต่อด้วยการเกี่ยวโอ เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะถูกสวนจังหวะสองทำให้แพคฮยอนเกือบหงายหลัง ยังดีที่แรงดึงมือของคยองซูยังไม่ดีนักทำให้เขาหมุนตัวล้มลงไปนอนคว่ำกระแทกพื้นแทนที่จะเสียคะแนนเพราะหลังลงพื้น

     

    ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจ หลุดออกจากการเกาะกุมซึ่งกันและกัน คยองซูคลี่ยิ้มนิดๆ แล้วเอื้อมมือไปดึงแพคอยอนให้ลุกขึ้นมา พร้อมกับคำสั่งหยุดของจงอินพอดี

     

    “มาเต๊ะ! เปลี่ยนคู่ เซฮุนมาเล่นกับคยองซู แพคฮยอนมาเล่นกับฉัน ชานยอลจับเวลาให้ที”

     

    จงอินกล่าวเสร็จสรรพพร้อมกับเหวี่ยงนาฬิกาจับเวลาสีดำไปให้ร่างสูงที่เสื้อยูโดหลุดลุ่ยจากการที่เพิ่งเล่นรันโดริกับเซฮุน มือหนารับนาฬิกาจากเพื่อนสนิทไว้ได้ทันแล้วกัปตันทีมจึงเดินไปหาแพคฮยอนที่ตอนนี้กำลังยัดปลายเสื้ออยู่ใกล้ๆ คู่ที่เพิ่งรันโดริด้วย

     

    “จังหวะดีแล้ว แต่ดึงมือซ้ายให้มากกว่านี้สิ จำเอาไว้ว่าทุ่มข้างหน้าไม่ได้ก็ไปข้างหลัง จังหวะแรกไม่ได้ก็จังหวะสอง คนเราสมองมันประมวลให้ตั้งรับการเปลี่ยนแปลงเร็วๆ แบบนั้นไม่ทันหรอก เพียงแต่นายต้องเร็วให้มากขึ้น” เสียงทุ้มที่พูดขึ้นเมื่อเดินมาใกล้เรียกให้คยองซูหันไปหา เมื่อได้ฟังคำแนะนำก็พยักหน้ารับแล้วก้มมัดสายตัวเองต่อ

     

    “ส่วนนายชอบพลาดลูกต่อเนื่องประจำเลยนะ แล้วก็หัดมีลูกหลอกบ้าง เล่นทื่อๆ แบบนี้ไปนานๆ เดี๋ยวก็ถูกจับได้หมด เล่นกับฉันรอบนี้พยายามใช้จังหวะสองเล่นให้เยอะๆ” หันมาบอกกับแพคฮยอนบ้าง คนตัวเล็กพยักหน้ารับเช่นกัน

     

    จงอินก็เป็นแบบนี้แหละ แม้เวลาอยู่ข้างนอกจะเป็นคนปากแข็ง ชอบเอาใจใส่แบบเนียนๆ หรืออะไรก็ตาม แต่เวลาสวมหัวโขนของกัปตันทีมแล้วจงอินจะคอยบอกและแนะนำสมาชิกในทีมทุกคนอย่างเท่าเทียม สายตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องและจดจำทุกการเล่นของนักกีฬาในทีมไม่เคยพลาด เมื่อเห็นช่องโหว่ก็จะมาบอกพร้อมแนวแก้ไข

     

    กว่าคยองซูจะมาถึงขั้นรันโดริได้ก็แทบแย่เหมือนกัน จงอินไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดไปแม้แต่นิดเดียว พร่ำสอนจนมั่นใจว่าเขาสามารถอ่านจังหวะการจับและควบคุมเกมส์ได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงสอนไม้เด็ดหลังจากที่มองแล้วคยองซูน่าจะเล่นสไตล์นี้รุ่ง

     

    เพราะคยองซูเป็นคนตัวบางและคล่องตัว การเล่นจังหวะต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่น่าจะไปได้สวยที่สุด

     

    นักกีฬาแทบทุกคนรู้ดีว่าการเล่นจังหวะต่อเนื่องได้ผลดีนัก อาศัยช่วงจังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังเผลอจากการโจมตีในจังหวะแรกรีบสวนจังหวะสองเข้าไปยังไงก็ต้องมีเหวอกันบ้าง แต่น่าแปลกที่นักกีฬาไม่มากที่สามารถทำมันได้จริงและทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจจะด้วยความล้าของร่างกายที่ขยับไปไม่ไวพอ สมองที่ประมวลไม่ทัน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ

     

    จงอินเพิ่งจะพบว่าคยองซูมีพรสวรรค์ในการอ่านเกมส์กว่าที่คิดไว้ แม้จะยังไม่เด็ดขาดแต่ก็นับว่าอยู่ในระดับที่เกินกว่านักกีฬาเล่นใหม่ทั่วไปจะมี ที่เหลือคงต้องเป็นเรื่องของประสบการณ์หากจะให้เก่งกาจกว่านี้

     

     

    การรันโดริจบลงเมื่อทุกคนวนเล่นกันครบคู่ แต่ละคนต่างพยายามสูดอากาศหายใจเข้าไปให้มากที่สุด คยองซูทำอย่างที่จงอินแนะนำ เวลาเหนื่อยให้เอามือเท้าเอวแล้วเงยหน้าหายใจลึกๆ หายใจเข้าทางจมูกแล้วค่อยๆ ผ่อนออกจากปาก และอย่าหยุดอยู่กับที่ ให้เดินไปเดินมาเพื่อให้ขาได้ผ่อนคลาย

     

    “การให้คะแนนของยูโด เดิมมี 4 ระดับเรียงจากน้อยไปมาก คือ โคกะ (koka) ยูโกะ (Yuko) วาซาอาริ (Wasa-ari) และอิปป้ง (ippon)”

     

    หลังจากหายเหนื่อยกันแล้วจงอินก็มาอธิบายเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ที่คยองซูควรรู้ไว้ ซึ่งมีเซฮุนที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการแข่งขันมานั่งฟังด้วย

     

    “แต่ปัจจุบันได้ตัดคะแนนโคกะออกไปแล้ว อย่างที่รู้กันว่าอิปป้งคือคะแนนเต็ม ถ้าได้ก็จะชนะขาดไปเลยโดนไม่ต้องแข่งต่อ การจะได้คะแนนอิปป้งจะต้องทุ่มคู่ต่อสู้ให้ทั้งแผ่นหลังลงพื้น หรือจับล็อคเป็นเวลา 25 วินาที หรือใช้เทคนิคการรัดคอหักแขนโดยที่คู่ต่อสู้ตบเบาะยอมแพ้หรือไม่สามารถแข่งต่อได้ คะแนนวาซาอาริคือครึ่งหนึ่งของอิปป้ง ถ้าได้วาซาอาริ 2 ครั้ง ก็เท่ากับ 1 อิปป้ง จะชนะโดยไม่ต้องแข่งต่อเหมือนกัน การจะได้คะแนนนี้ต้องทุ่มให้หลังลงครึ่งหนึ่งหรือจับล็อค 20 วินาที” จงอินอธิบายต่อโดยที่ชานยอลกับแพคฮยอนก็เดินเข้ามานั่งฟังด้วยแล้ว

     

    “คะแนนยูโกะจะน้อยที่สุด มีผลจากการทุ่มที่ไม่สมบูรณ์เท่าวาซาอาริและจากจับเวลาล็อค 15 วินาที ไม่ว่าจะได้กี่ยูโกะก็ไม่มีเทียบเท่าวาซาอาริหรืออิปป้ง แต่จะมีผลชี้แพ้ชนะตอนหมดเวลา เช่นถ้าฝ่ายหนึ่งได้ 3 ยูโกะ แต่อีกฝ่ายไม่ได้คะแนนเลยคนที่ได้ยูโกะก็ชนะไป ในทำนองเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งได้ 1 วาซาอาริ ฝ่ายที่ได้แค่คะแนนยูโกะก็ต้องแพ้ไปเพราะคะแนนน้อยกว่า เข้าใจไหม?” ทั้งหมดพยักหน้าแทบจะพร้อมๆ กัน

     

    “นอกจานี้ยังมีเรื่องของโทษชิโด้ (Shido) ถ้าเราทำผิดกติกาใดและกรรมการให้ชิโด้เรา 1 ครั้งจะไม่เป็นผล แต่ถ้าให้ 2 ครั้งฝ่ายตรงข้ามจะได้คะแนนยูโกะจากโทษของเรา ถ้าโดนชิโด้ 3 ครั้งเขาก็จะได้คะแนนวาซาอาริ ถ้าโดน 4 ครั้งเท่ากับว่าเขาได้อิปป้ง เราจะแพ้ทันที”

     

    “แล้วอะไรบ้างที่จะทำให้เราโดนชิโด้ล่ะ?” คยองซูเอ่ยถามขึ้น กัปตันทีมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะอธิบายต่อ

     

    “ก็อย่างเช่นไม่ยอมกระทำคู่ต่อสู้ อันนี้จะโดนกันบ่อยแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเทคนิคล่ะนะ ต่างฝ่ายต่างโดนชิโด้เพราะไม่เข้าจับกัน เพื่อที่ต่อไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบุกและเป็นผลกับตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังมีโทษอื่นๆ อีกเดี๋ยวนายก็จะได้เห็นเวลาแข่งจริงนั่นแหละ” คยองซูยอมพยักหน้าเข้าใจแม้จะอยากรู้มากกว่านี้ เพราะเหมือนจงอินจะมีเรื่องอื่นที่อยากพูดต่อ

     

    “สิ่งที่ฉันจะบอกคือนอกจากเทคนิคการทุ่มแล้ว การจับล็อคก็จะทำให้เราได้คะแนนเหมือนกัน เราเรียกว่า เนวาซ่า (newasa) เป็นการจับล็อคให้ไหล่ของคู่ต่อสู้ติดกับพื้นเพื่อให้ได้คะแนนตามที่ฉันได้อธิบายไป และวันนี้เราจะมาฝึกกัน”

     

    เสียงตบเข่าฉาดของชานยอลเรียกทุกสายตาให้หันไปมองทันทีที่จงอินพูดจบ คนตัวสูงยิ้มทะเล้นอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับพูดประโยคที่ชวนให้คยองซูขมวดคิ้วแต่กลับเรียกบาทาท่านประธานให้พุ่งไปหา

     

    “ไคลแม็กซ์มันอยู่ตรงนี้แหละวะ!!

     

     

    ไม่นานคยองซูก็รู้จนได้ว่า ไคลแม็กซ์ของชานยอลน่ะหมายถึงอะไร รู้ในวินาทีที่ตอนนี้แพคฮยอนเป็นฝ่ายนอนหงายกับเบาะให้เขาจับกดล็อคอยู่ ตัวแนบตัว หน้าแทบแนบหน้า ใกล้ชิดกันจนอากาศแทบรอดผ่านไม่ได้

     

    ท่าล็อคของยูโดหรือเนวาซ่าคือการกดคู่ต่อสู้ให้นอนหงายกับเบาะแล้วจับเวลา ไหล่ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างต้องติดพื้นถึงจะจับเวลา แต่หากเอาขามาเกี่ยวผู้กระทำไว้หรือพากันดิ้นออกนอกเส้นขอบเบาะในการแข่งขันก็จะยกเลิกการจับเวลาด้วยคำสั่งโทเคตะ (toketa) จากนั้นจะพยายามจับกดล็อคใหม่อีกครั้งก็ได้หรือจะลุกขึ้นมาเล่นท่ายืนต่อก็ได้ตราบเท่าที่ยังไม่มีคำสั่งมาเต๊ะ

     

    “โถ๊ะ! นึกว่าจะแน่ สุดท้ายก็ไม่ยอมเป็นหุ่นให้ มานั่งสอนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซะอย่างนั้น”

     

    “หุบปากเลยชานยอล” จงอินหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนปากดีที่นอนยิ้มให้เซฮุนจับล็อคอยู่ใกล้ๆ

     

    จงอินสั่งให้เซฮุนกดน้ำหนักให้แน่นๆ เอาให้ไอ้คนข้างล่างหายใจไม่ออกตายไปเลย แต่มีหรือที่น้องเล็กจะสู้พี่ชายตัวโตได้ ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีชานยอลก็เป็นฝ่ายดิ้นหลุดและพลิกให้เซฮุนลงมานอนอยู่ข้างล่างแทนได้แล้ว เจ้าตัวเล็กพยายามดิ้นเต็มที่ให้หลุดจากการกดล็อคแต่ชานยอลก็ยังผิวปากอารมณ์ดี ใช้เพียงแค่แขนข้างเดียวคุมไหล่เล็กๆ นั้นไว้แล้วมองเพื่อนสนิทตัวเองกำลังนั่งสอนเด็กปั้นอย่างสบายอารมณ์

     

    “เซฮุนน่ะถนัดท่ายืนเฟ้ย! จะให้มาปราบท่านปาร์คน่ะรอไปก่อนนะครับเทพ จริงมั้ยจ๊ะน้องเซฮุน?” หันมาพูดประโยคท้ายกับเด็กที่นอนหอบนิ่งอยู่ด้านล่างเพราะเหนื่อยจากการดิ้น

     

    เซฮุนเบ้ปากแล้วอาศัยจังหวะที่ชานยอลกำลังหัวเราะคิกคักผลักไหล่พี่ชายตัวโตเต็มแรงจนตัวเองหลุดจากการเกาะกุมหลวมๆ อย่างประมาทนั้นมาได้ ชานยอลเหวอไปเล็กน้อยก่อนจะรีบคว้าสาบเสื้ออีกฝ่ายหมายจะจับกดล็อคอีกครั้ง แต่คงช้ากว่าเซฮุนที่ตอนนี้คว้าแขนยาวๆ นั่นได้แล้วจับพลิกเข้าสู่ท่าพร้อมหักแขนอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

     

    “จริงของมึง เซฮุนถนัดท่ายืน แต่มึงอย่าลืมว่าน้องกูถนัดท่าหัก ระวังจะข้อหลุดไม่รู้ตัวนะครับท่านปาร์ค” จงอินยักคิ้วกวนๆ ให้เมื่อเห็นชานยอลเป็นฝ่ายนอนหราถูกคนเด็กกว่ายึดแขนขวาเอาไว้ได้

     

    “เมื่อกี้พี่ชานยอลว่าเซฮุนเหรอฮะ?”

     

    “โอ้ย! น้องเซฮุน พี่เจ็บ อย่าหักพี่นะ” ชานยอลร้องเสียงหลงเมื่อเซฮุนเริ่มแอ่นตัวดัดข้อต่อช่วงศอก

     

    “เอาให้หักไปเลยเซฮุน หมั่นไส้!

     

    “พยอนแพคอ่า ใจร้ายจัง โอ๊ย!” เสียงหัวเราะคิกดังมาจากทุกคนยกเว้นชานยอลที่ร้องโอดโอยเป็นครั้งคราเมื่อน้องรักคอยแกล้งจะแดะตัวให้ข้อต่อมันลั่นกรึ๊บกรั๊บเล่น

     

    ไม่นานชานยอลก็ยอมตบเบาะยอมแพ้ขอให้เซฮุนปล่อยเขาก่อนที่ศอกจะหลุดหรือแขนจะหักไปจริงๆ น้องรหัสร้ายไม่ต่างจากคนพี่เลย แพคฮยอนน่ะถึงจะมือหนักตบตีเขาอยู่บ่อยๆ แต่เซฮุนน่ะมาเงียบๆ มากับรอยยิ้มหวานละไม เห็นอย่างนี้แล้วน่ากลัวกว่าตั้งหลายเท่า

     

    “เยี่ยมเลยเซฮุน เป็นท่าจูจิกาตาเม่ (Juji katame) ที่สมบูรณ์มาก เวลาแข่งหักให้ได้แบบนี้นะ” จงอินหันมาชมคนเด็กกว่าที่ยิ้มกว้างจนตาปิดก่อนจะหันไปโอ๋คนที่ตนเองเพิ่งจะหักไปหมาดๆ

     

    จงอินยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ หันกลับมาเห็นแพคฮยอนกับคยองซูมองคู่นั้นไม่ต่างกัน ร่างสูงจึงกระแอมไอเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าให้กลับสู่การฝึกได้แล้ว

     

    “ท่าที่ฉันกำลังให้นายทำเป็นท่าล็อคพื้นฐาน ชื่อเคซ่ากาตาเม่ (kesa katame) เรียกสั้นๆ ว่าเคซ่า เวลาทุ่มได้แล้วไม่ได้คะแนนอิปป้งและอีกฝ่ายลงไปอยู่บนเบาะ นายจะต้องไม่ปล่อยโอกาสให้เขาลุกถ้ายังไม่มั่นใจพอว่าจะทุ่มได้อีก แล้วพยายามไล่ล็อคเพื่อเอาคะแนนจับเวลา ถ้าถึง 25 วิก็จะได้อิปป้งเหมือนกัน”

     

    คนสอนบอกให้คยองซูซึ่งเป็นคนล็อคจัดท่า เริ่มแรกคือจับแขนเสื้ออีกฝ่าย ลงไปนั่งคล้ายๆ พักเพียบแต่ให้ลำตัวซีกข้างช่วงล่างเบียดกับช่วงระหว่างเอวถึงรักแร้อีกฝ่าย  มือขวาอ้อมจับปกคอเสื้อรอใต้คอเขาไว้ หลังจากนั้นให้ก้มตัวลง กดหน้าต่ำจนชิดใบหน้าด้านข้างของหุ่น ยิ่งกดตัวต่ำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เปรียบ ยึดทุกส่วนของร่างกายหุ่นให้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหลุดได้

     

    มือหนากดลงบนแผ่นหลังบางเพื่อให้คยองซูก้มตัวลงไปอีก มันออกจะอึดอัดไปสักนิดแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันแน่นมากๆ ถ้าคนที่ไม่รู้เทคนิคการดิ้นเพื่อให้หลุดล็อครับรองว่าไม่มีทางหลุดหนีไปได้แน่

     

    “ถ่ายน้ำหนักดีๆ เวลาดิ้นเขาจะพลิกซ้ายพลิกขวา ถ้านายถ่ายน้ำหนักไม่ดีเขาก็จะดิ้นหลุด ไหนแพคฮยอนลองดิ้นดูซิ” เป็นไปตามสั่ง แพคฮยอนดิ้นทันที

     

    คยองซูแทบร้องเหวอแพคฮยอนสามารถดันไหล่ของเขาให้หลุดหลวมจากต้นคอของตนได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที หลังจากนั้นก็พลิกตัวคว่ำ พริบตาเดียวก็เป็นฝ่ายกลับมาล็อคเขาในท่าที่เพิ่งจะถูกล็อคไปเมื่อกี้เสียแล้ว

     

    “อย่างนี้โอไซกูมิ (Osaekome) นะคยองซู” แพคฮยอนที่อยู่ด้านบนขยิบตาให้พลางหัวเราะคิกก่อนจะปล่อยคนด้านล่างให้เป็นอิสระ

     

    “ใช่ ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวนายจะเป็นฝ่ายถูกจับเวลาล็อคเอง คำสั่งที่ใช้จับเวลาล็อคคือโอไซกูมิ ถ้าตัวเองเป็นฝ่ายอยู่ข้างล่างแล้วได้ยินกรรมการสั่งคำนี้เมื่อไหร่ล่ะก็ให้รีบดิ้นเลยนะ นายมีเวลาแค่ 25 วิเท่านั้น” จงอินพูดเสียงเรียบก่อนจะดึงตัวแพคฮยอนให้กลับมานอนหงายอีก

     

    “ลองทำอีกครั้ง คราวนี้จะให้แพคฮยอนดิ้นเหมือนเดิม ทำยังไงก็ได้ไม่ให้แพคฮยอนดิ้นหลุด ทำจนกว่าจะกดล็อคอยู่จริงๆ นั่นแหละ” คยองซูพยักหน้า การซ้อมสไตล์จงอินก็แบบนี้ ทำจนกว่าจะได้ ระหว่างนั้นก็ค่อยๆ ปรับกันไป เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง

     

    จริงอยู่การซ้อมแบบนี้ได้ผลค่อนข้างดี มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่แพคฮยอนอยากถามไอ้คนคุมซ้อมเหลือเกินว่าได้คิดมั้ยว่าคนเป็นหุ่นจะเหนื่อยบ้างอะไรบ้าง คนล็อคน่ะก็แค่ออกแรงถ่ายเทน้ำหนักกด แต่คนดิ้นนี่สิมันเหนื่อยกว่าเยอะ ต้องใช้แรงดิ้นผิดกับคนล็อคที่พยายามกดให้นิ่งที่สุด

     

    เซฮุนถูกเปลี่ยนตัวมาเป็นหุ่นแทนหลังจากที่แพคฮยอนดิ้นจนเหนื่อย คยองซูสามารถล็อคจนเขาดิ้นไม่หลุดได้แล้วก็จริงแต่ยังคงต้องฝึกเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการถ่ายน้ำหนักรวมไปถึงเทคนิคการดิ้นด้วย ดังนั้นหลังจากเซฮุนมาเป็นหุ่นให้คยองซูกดล็อคได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเป็นฝ่ายล็อคคยองซูบ้าง เพื่อให้คนตัวบางเป็นฝ่ายลองดิ้น

     

    “การจะดิ้นให้หลุดก็ต้องรู้น้ำหนักเหมือนกัน จับความรู้สึกให้ได้ว่าตอนนี้เขาเทน้ำหนักไปทางด้านไหน ทำตัวให้เหมือนเกลียวคลื่น กลมกลืนแต่รุนแรง จำไว้ว่าแค่นายทำให้ตัวเองกลับมาคว่ำหน้าได้กรรมการจะสั่งโทเกตะเพื่อหยุดจับเวลาล็อคทันที นั่นหมายความว่านายมีโอกาสได้เป็นฝ่ายบุกอีกครั้ง”

     

    เซฮุนก้มลงล็อคคยองซูด้วยท่าเคซ่าเหมือนเดิม หากเพียงแค่จับล็อคคยองซูก็รู้สึกอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด เซฮุนยังคงแม่นในเรื่องเทคนิคเหมือนเดิม คนเด็กกว่ารู้ว่าควรกดน้ำหนักไปตรงไหนให้มากเพื่อล็อคให้อีกฝ่ายดิ้นไม่หลุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอจับได้บ้างว่าเซฮุนจงใจเหลือช่องโหว่บางแห่งไว้เพื่อไม่เป็นการปิดโอกาสการดิ้นของคนเสียเปรียบมากนัก

     

    “มีสองเทคนิคง่ายๆ หนึ่งคือพยายามดึงไหล่ข้างที่ถูกยึดออกมาพร้อมกับดันไหล่อีกฝ่ายให้เสียการทรงน้ำหนักด้วย หลังจากนั้นใช้เทคนิคดีดตัวที่เรียกว่า ดีดกุ้งให้ตัวเองพยายามกลับมานอนคว่ำให้ได้ เริ่ม!

     

    เทคนิคการดิ้นแรกไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด จงอินบอกว่าการจะดิ้นให้หลุดพ้นก็ต้องดิ้นอย่างฉลาด ในสักแต่ว่าจะดิ้นสุดท้ายก็หมดแรงเปล่า การดิ้นแบบที่กำลังสอนอยู่คือการใช้แรงให้น้อยที่สุดนอกเหนือจากพยายามเอาขาไปเกี่ยวขาเขาเอาไว้เพื่อให้หยุดจับเวลา

     

    ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าคยองซูจะเรียกรู้หามุมหาช่องทางแล้วใช้เทคนิคนี้ดิ้นหลุดออกมาจากการล็อคอย่างเหนียวแน่นของเซฮุนได้สำเร็จ จึงได้เรียนรู้ว่าจังหวะเป็นเรื่องสำคัญ และเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถตัดสินแพ้ชนะกันได้ในกีฬานี้

     

    “เทคนิคถัดมาอาจจะยากไปสักหน่อย แต่ถ้าทำได้นอกจากจะหลุดจากล็อคแล้วยังมีโอกาสได้เป็นฝ่ายล็อคกลับด้วย นั่นคือนายจะต้องหาจังหวะให้ดี พยายามเบียดตัวเข้าหาคู่ต่อสู้แล้วใช้มือข้างที่ว่างโอบรอบตัวเขา จับสายให้มั่นแล้วทำสะพานโค้งหมุนพลิกคู่ต่อสู้ให้ลอยข้ามตัวเรากลับมาอีกฝั่งหนึ่ง พร้อมกันนั้นเราก็ต้องรีบพลิกให้ตัวเองเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนด้วย”

     

    เพียงแค่ได้ยินคำอธิบายคยองซูถึงกับอ้าปากค้าง ภาพออกมาเป็นฉากๆ ระหว่างฟัง นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ เท่ากับว่าเราต้องยกคนๆ หนึ่งข้ามร่างไปขณะที่เรายังนอนหงายอยู่ แถมยังต้องหมุนตัวพลิกมาอยู่ข้างบนอีก

     

    “เซฮุนลงล็อคซิ” และก็เหมือนทุกครั้ง จงอินไม่เคยรอให้คยองซูอิดออดก็รีบออกคำสั่งให้ทำทันที และแน่นอนว่าอีกคนก็ได้แต่จำต้องยอมทำเหมือนอย่างเคย

     

    ร่างเล็กก้มตัวลงมาล็อครุ่นพี่ตัวบางเหมือนเดิม คยองซูพยายามทำตามอย่างที่จงอินบอก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถพลิกเซฮุนให้ข้ามตัวมาได้สักที บางครั้งทำสะพานโค้งเกือบจะพลิกได้แล้วแต่ก็ดันหมดแรงเอาดื้อๆ จนร่างเซฮุนทับลงมาบนตัวเอง พอเป็นอย่างนั้นช่องว่างระหว่างกันให้เคลื่อนไหวก็ไม่มีทำให้พลิกไปได้ยากกว่าเดิม

     

    ยิ่งทำก็ยิ่งอ่อนล้า แขนขาชักจะเริ่มสั่นคลอน คยองซูชันตัวขึ้นมานั่งหอบพลางเช็ดหยดเหงื่อใต้คางมนอย่างอ่อนแรง ไม่ใช่ว่าท้อแต่บางครั้งพยายามไปมากๆ แล้วไม่ได้ผลตามคาดมันก็เหนื่อยใจได้ง่ายๆ เหมือนกัน

     

    “ทำไมทำหน้าบูดเล่า?” ไม่ถามเปล่า กำปั้นกลมๆ เขกเบาๆ ลงข้างขมับชื้นของคนตัวบางด้วย

     

    “ทำไม่ได้อ่ะจงอิน” คยองซูเบ้หน้าเหมือนเด็กตั้งท่าจะร้องไห้ แต่ฝ่ายที่เป็นคนล็อคอย่างเซฮุนกลับพยายามกลั้นขำ

     

    จงอินส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับลอบยิ้มบาง ไอ้ที่ทำมาจนถึงขนาดนี้นี่เขาไม่ได้เรียกว่าทำไม่ได้แล้ว นี่มันทำได้ดีเกินคาดแต่เจ้าตัวน่ะไม่รู้ตัวเอง พอเห็นหน้าหวานทำท่าโยเยเหมือนเด็กน้อยขึ้นมาแบบนี้ก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้จริงๆ

     

    มือหนาเอื้อมไปคว้าแขนเล็กของคยองซู ตากลมโตมองตามมาอย่างงงๆ แต่ไม่ทันได้พูดอะไร จงอินก็จัดการบีบนวดเบาๆ ไปทั่วท่อนแขนผอมบางนั้นให้เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด สัมผัสอ่อนโยนด้วยแรงบีบแบบพอดีไม่หนักไปและไม่น้อยไปทำให้แขนที่ล้ารู้สึกดีขึ้น

     

    คยองซูมองคนที่ก้มหน้านวดแขนเขานิ่งโดยต่างฝ่ายต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา จงอินไม่เคยพูดถึงเหตุผลที่ต้องมาดูแลกันขนาดนี้ ฐานะกัปตันทีม ฐานะคนปั้น หรือฐานะคนคุมซ้อม ไม่เคยมีคำอธิบายความห่วงใยจนเผลอไผลทำให้ใจสั่นอยู่บ่อยครั้งออกจากริมฝีปากคมหยักคู่นั้น

     

    แต่สำหรับคยองซูแล้ว นี่มันมากกว่าที่เคยเป็นมา มากจนหักลบอคติที่เชื่อว่านักกีฬาที่เก่งกาจจะเอาแต่ทุ่มเทให้สิ่งที่ตัวเองรักจนมองไม่เห็นใครคนอื่นที่คอยยืนอยู่ข้างนอกสนาม จงอินให้เขามากไป ทั้งในฐานะนักกีฬาและคนธรรมดาคนหนึ่ง

     

    จนบางครั้ง...คยองซูกลัวว่าจงอินกำลังจะทำให้เขาลบภาพนักยูโดบางคนให้หายไปจากความทรงจำเข้าจริงๆ

     

     

    “ดีขึ้นไหม?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามพร้อมหน้าคมเงยขึ้นสบตาทำให้คยองซูหลุดออกจากห้วงความคิด

     

    “อือ ดีขึ้นมากเลย ขอบคุณนะจงอิน”

     

    ยิ้มแย้มกล่าวขอบคุณกลับไป จงอินส่งยิ้มบางมาให้ก่อนที่คยองซูต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆ คนตัวโตก็ล้มตัวลงนอนหงาย พร้อมกับบอกให้เซฮุนเขยิบไปห่างกว่าเดิมอีกหน่อย สงสัยได้ไม่นานจงอินก็เป็นคนเฉลยขึ้นมาก่อน

     

    “มาล็อคฉัน”

     

    “ห...หา?”

     

    คยองซูส่งเสียงถามพลางทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจคำสั่งนั้น คนสั่งถอนหายใจแล้วรวบเอวบางให้เขยิบมาใกล้ตัว ออกแรงเพียงนิดเดียวร่างเล็กๆ นั่นก็ถูกดึงลากมากจนชิดร่างคนที่นอนอยู่แล้ว

     

    “ก็จะทำให้ดูนี่ไง จะได้รู้ว่าดิ้นพลิกให้อีกคนไปฝั่งนู้นได้ทำยังไง”

     

    “ด...เดี๋ยว จงอิน”

     

    บอกแล้วไงว่าจงอินก็คือจงอิน เมื่อสั่งแล้วก็ไม่ปล่อยให้เขาได้โต้แย้งอะไรหรอก และถ้าหากพูดดีๆ แล้วไม่ทำก็ใช้กำลังบังคับแบบละมุนละม่อม

     

    มือหนาที่เพิ่งรวบดึงเอวบางเข้ามาชิดตัวเปลี่ยนมาโอบกอดร่างเล็กแล้วดึงกดให้คยองซูก้มหน้าต่ำลงมา พอเป็นอย่างนั้นมือขวาก็รีบดันแผงอกแกร่งด้านล่างตามสัญชาตญาณ แต่ศอกซ้ายนี่สิลงไปเท้ากับเบาะด้านข้างร่างใหญ่แล้ว ตอนนี้มันจึงใกล้มาก ใกล้จนแทบได้ยินลมหายใจของกันและกัน

     

    ตากลมไหวระริกสบตาคมดุจราชสีห์  ยิ่งระยะห่างเหลือน้อยเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งเต้นถี่อย่างไม่ควรจะเป็น ยิ่งมือขวาที่แตะลงบนอกแกร่งนั่นแล้วแม้จะผ่านสาบเสื้อยูโดเนื้อหนาไปก็ยังสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อหัวใจที่บีบเร็ว แต่กระนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ยังเรียบเฉย เก็บกลั้นความรู้สึกผ่านใบหน้าได้อย่างแนบเนียนไม่เปลี่ยน

     

    “เปลี่ยนมือขวามาล็อคใต้คอสิ”

     

    เพียงแค่กระซิบเบาๆ ก็ได้ยินเสียงกันและกัน คยองซูค่อยๆ เลื่อนมือตัวเองไปใต้คอเสื้อของอีกคน ขณะที่มือซ้ายก็จับแขนเสื้อพร้อมเข้าสู่ท่าเคซ่ากาตาเม่อย่างสมบูรณ์แบบ ใบหน้าก้มต่ำจนแก้มเกือบจะชิดอีกคน แขนแกร่งที่ถูกดึงพาดผ่านหน้าอกมาจนช่วงท้องต้องรู้แน่ว่าหัวใจเขาเต้นแรงแค่ไหน

     

    “พร้อมนะ ฉันจะดิ้นแล้ว หนึ่ง สอง สาม!

     

    “จ...จงอิน!!

     

    เสียงร้องเหวอของคนตัวเล็กเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจามกองเชียร์บนเบาะทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี น้องเล็กของทีมหันมาบอกพี่ๆ ด้วยภาษาปากไร้เสียง

     

    เซฮุนบอกแล้วว่าต้องเตรียมหาพลุมาจุดฉลอง

     

    TBC.


     

     

    เคซ่ากาตาเม่ (Kesa katame) --> ท่าที่จงอินสอนคยองซูค่ะ






    จูจิกาตาเม่ (Juji katame) --> ท่าที่น้องเซฮุนจัดการพี่ชานยอล







    Mirror* Talk: ใครไม่เขินตอนนี้ให้ตบเลย เพราะคนเขียนมโนตามแล้วเขินมาก ฮือออออ TTvTT บอกแล้วว่ายูโดมันว๊ายยยวายยยยย แต่เราเป็นนักกีฬาอ่ะไม่ได้คิดอะไรหรอก พอเป็นคนออกมายืนดูเองแล้วแบบ ฟหกด่าสว(?)

    ตอนนี้ส่วนมากจะเป็นเทคนิคเนวาซ่านะคะ ทิ้งวิดีโอไว้ให้แล้ว ส่วนใครที่อยากจะรู้เพิ่มเติมให้ลองเอาชื่อท่าภาษาอังกฤษที่เราลงไว้ให้ไปเสิร์จในยูทูปนะคะ มีขึ้นมาให้ดูเต็มเลย เช่นเดียวกับรันโดริค่ะ อาจจะพิมพ์คำว่า judo ควบคู่ตอนเสิร์จไปด้วยก็ได้ จะทำให้เห็นเทคนิคการเล่นที่หลากหลายของนักกีฬาแต่ละคนแต่ละประเทศนะคะ จะช่วยทำให้เข้าใจการเคลื่อนไหวเวลาแข่งขันมากขึ้นค่ะ

    ใกล้แข่งแล้ว *โบกพู่* ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหลังจากตอนหน้าคิดว่าคงจะได้เห็นแข่งกันจริงๆ แล้วล่ะค่ะ งานนี้ใครจะได้แข่งกับใคร ใครจะได้เจอใคร และใครจะแสดงฝีมือในการแข่งออกมาเป็นยังไง มาลุ้นและติดตามไปพร้อมๆ กันนะคะ ^^

    เรื่องนี้เอาจริงๆ แล้วเรารู้สึกว่ามันก็ติดจะน่าเบื่อไปเหมือนกันเนอะ TvT เนื้อหาอัดแน่นมาก แต่ก็ยังมีคนตามอ่านกันมาเรื่อยๆ ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ เราแอบหวังน้อยๆ ว่าเมื่อมีการแข่งขันกีฬายูโดไม่ว่าจะแม็ทซ์ใหญ่แม็ทซ์เล็กในบ้านเราจะได้มีโอกาสเห็นแฟนฟิคเรื่องนี้แอบไปยืนดูอยู่ข้างสนามบ้าง คนส่วนใหญ่ไม่ดูยูโดเพราะไม่เข้าใจกติกา ดูยากบ้าง ดูป่าเถื่อนบ้าง แต่เชื่อเถอะค่ะ ถ้าคุณเข้าใจว่าทำยังไงถึงจะได้คะแนน คะแนนมีอะไรบ้าง คุณจะลุ้นไปกับการแข่งขันและรู้สึกสนุกที่ได้ดูยูโดไม่แพ้การแข่งขันกีฬาอื่นๆ เลยค่ะ เพราะยูโดเป็นกีฬาที่ตัดสินกันวินาทีต่อวินาที พลาดนิดเดียวนั่นหมายถึงผลแพ้ชนะ ซึ่งรับรองว่าจะได้มาลุ้นกันก่อนในเรื่องนี้เร็วๆ นี้ค่ะ ^^

    ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ และทุกสายตาที่กวาดทุกตัวอักษรนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×