ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] ONE IPPON (KAISOO)

    ลำดับตอนที่ #18 : CHAP 18

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.73K
      22
      16 เม.ย. 56

     

    CHAPTER 18

     

     

     

    จงอินกับชานยอลต้องวุ่นพอกันกับการโค้งรับการแสดงความเคารพของรุ่นน้องร่วมวงการจากมหาลัยอื่นที่เริ่มทยอยมากันแล้ว ทีมล่าสุดที่เพิ่งมาถึงคือมหาลัย t นำทีมโดยบังมินซูประธานชมรมที่คนในวงการส่วนใหญ่จะรู้จักในนามแคปมากกว่า ตามมาด้วยชอนจีรองประธาน และสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างยิ้มแย้มและทำทักทายพวกเขาอย่างอ่อนน้อม

     

    ประธานผิวสีน้ำผึ้งพรูลมหายใจออกมาเสียงดังหลังจากกลุ่มรุ่นน้องเดินเข้าห้องชั่งน้ำหนักไปแล้วเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ชานยอลตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องข้าวแล้วนั่งลงข้างแพคฮยอนที่กินอยู่ก่อนแล้ว จงอินมองเลยไปถึงเซฮุนซึ่งนั่งยิ้มร่าอยู่ใกล้ๆ พี่รหัสตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกหน

     

    เซฮุนนะเซฮุน พามาเปิดตัวเข้าวงการปั๊บความน่ารักก็ทำท่าจะเป็นบาปทันทีเลยนะ

     

    หลังจากต่างฝ่ายต่างงงๆ ถึงการพบกันโดยบังเอิญนั้นแล้วการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้น ถามไถ่กันไปมาก็ได้ความว่า เด็กตัวสูงที่คยองซูพามาคือนักศึกษามหาลัย s แห่งนี้นี่แหละ หวังจื่อเทาเป็นถึงรองประธานชมรมวูซูแม้จะเพิ่งอยู่ปีหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ได้มีแค่นั้น เพราะเจ้าเด็กตัวสูงตาคล้ำคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของอู้อี้ฟานซึ่งเป็นแฟนเก่าของคยองซู พอรู้แบบนี้แล้วก็ไม่แปลกใจนักที่คยองซูจะรู้จักจื่อเทามาก่อนแล้ว

     

    ที่น่าตลกกว่าคือจื่อเทาดันรู้จักกับเซฮุนมาก่อนหน้านี้โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้มาก่อนว่าอีกคนเป็นนักกีฬาของมหาลัย จากคำบอกเล่าของเซฮุน ทั้งสองรู้จักกันตอนงานสานสัมพันธ์น้องใหม่ต่างสถาบัน เพราะอย่างบอกว่ามหาวิทยาลัย s กับมหาวิทยาลัย k ตั้งอยู่ไม่ห่างกันนักจึงมีงานสานสัมพันธ์จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งคู่ถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกันเพื่อร่วมกิจกรรม แต่เซฮุนบอกว่ารู้จักกันแค่ในงานนั้นหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เพราะไม่ได้ทิ้งช่องทางติดต่อกันไว้

     

    กลับมาที่พ่อประธานชมรมฟุตบอลคนแมนที่ดูลักษณะแล้วจะเป็นต้นเค้าของความวุ่นวายที่เขาพอจะจับได้ลางๆ ลู่หานกำลังนั่งนั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้างน้องเล็กของพวกเขา ถึงจะคอยชวนทั้งชานยอลและแพคฮยอนที่นั่งร่วมวงข้าวคุยก็เถอะ แต่ตานี่ไม่ละจากร่างผอมบางข้างๆ เลยสักนิด

     

    จงอินถอนหายใจออกมายาวพรืด พาลนึกถึงคำถามที่ตัวเองถามพี่ชายคนสนิทไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ รวมไปถึงคำตอบจากใบหน้าเริงร่าที่หาชมได้ยากนักจากผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวลู่หาน ทว่ามันกลับทำให้เขาแทบกุมขมับ

     

    “นี่พี่ลู่ มองจังนะน้องผมเนี่ย อย่าบอกนะว่าชอบ?”

     

    “แล้วเปิดทางให้พี่ได้มั้ยล่ะครับ น้องประธาน?”

     

    ลำพังไอ้พฤติกรรมยักคิ้วกวนประสาทพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างมั่นอกมั่นใจมันไม่ได้ทำให้จงอินต้องปวดหัวเท่าไรนักหรอก ถ้าเขาไม่ดันไปเห็นสายตาอย่างเดียวกันจากจื่อเทาซึ่งมองมาที่เซฮุนด้วยเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้ทั้งที่คุยอยู่กับคยองซูซึ่งห่างออกไปจากวงข้าวอยู่แท้ๆ แต่เจ้าเด็กตาแพนด้ากลับคอยจะหันมาหาเซฮุนเป็นระยะๆ แบบนี้ก็ยิ่งเป็นหลักฐานชั้นดีบอกว่าจงอินไม่ได้คาดเดาอะไรผิดไป

     

    โอเค จงอินเข้าใจว่าโอเซฮุนน่ารัก ใครเห็นใครก็ต้องอยากรัก แต่ช่วยมารักทีละคนได้มั้ยวะ...?

     

     

    ทางด้านคยองซูก็แยกมาคุยกับจื่อเทาหลังจากต่างฝ่ายต่างแนะนำตัวบอกเล่าเชื่อมโยงความสัมพันธ์กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคยองซูและจื่อเทายินดีกับความบังเอิญครั้งนี้ที่ทำให้ได้กลับมาพบกันอีกหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน เดิมทีตอนคบอยู่กับอู๋ฟานคยองซูก็ค่อนข้างสนิทกับจื่อเทา มีอะไรก็คอยพูดคุยปรึกษากันอยู่ตลอด

     

    “ไม่นึกเลยนะว่าพี่คยองซูจะมาเล่นยูโดได้เนี่ย” จนถึงตอนนี้เด็กหนุ่มชาวจีนยังไม่เลิกทำหน้าประหลาดใจ

     

    “ดูเหลือเชื่อใช่มั้ยล่ะ?”

     

    “มากๆ เลยล่ะ แล้วนี่เฮียอู๋ยังไม่รู้ใช่มั้ยเนี่ย?”

     

    ทันทีที่ชื่อของใครคนนั้นออกมาจากอีกฝ่าย รอยยิ้มที่เคยมีก็จางลงไป จื่อเทาที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปก็ตั้งท่าจะขอโทษแต่มือเล็กกลับโบกไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรเสียก่อน

     

    “ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องให้รู้เลยนี่ อีกอย่างเดี๋ยวมหาลัย m ก็มาแข่งด้วยไม่ใช่เหรอ เจอกันก็รู้เองแหละ”

     

    “นี่อย่าบอกนะว่าตั้งแต่เลิกกันก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยน่ะ?”

     

    คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆ จื่อเทาถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดังพลางส่ายหัว

     

    “ยังโกรธเฮียแกอยู่สินะ” คยองซูไม่ตอบ

     

    “วันนี้เฮียอู๋คงไม่ได้มาหรอก ก่อนมานี่ผมโทรหาแล้ว เพราะคิดว่าคงจะได้เจอกัน แต่เฮียบอกว่าติดเรียนเพิ่มเลยมาไม่ได้น่ะ”

     

    “อ้าว แล้ว...”

     

    “เฮียให้พี่อี้ชิงมาคุมทีมแทน”

     

    เพียงแค่ชื่อใครอีกคนหลุดออกมาจากปากของน้องชายตัวสูง รอยยิ้มเจือความเศร้าก็หายไปฉับพลัน หัวใจคล้ายถูกแช่แข็ง จื่อเทาก็คงจับความผิดปกตินี้ของพี่ชายได้ทำให้เข้าใจในทันทีว่าคยองซูยังไม่ลืมเรื่องในอดีต และดูท่าว่าคงจะไม่รู้เรื่องในปัจจุบันด้วย

     

    “พี่คยองซู แต่พี่อี้ชิงกับเฮียน่ะ...”

     

    “อ้าว! นี่พี่คริสไม่ได้มาด้วยหรอกเหรอครับ?”

     

    บทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่หยุดลงกะทันหันเมื่อเสียงของชานยอลดังมาไกลแทรกประโยคของจื่อเทาเสียก่อน คยองซูหันกลับไปมองทางต้นเสียง วงข้าวที่นั่งอยู่เมื่อครู่รวมไปถึงจงอินที่กำลังคุยกับลู่หานต่างก็ลุกขึ้นยืนทักทายทีมที่เพิ่งมาใหม่ด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย

     

    ในกลุ่มที่เพิ่งเดินมามีผู้ชายผิวขาวตัวบางกำลังยิ้มโชว์รอยบุ๋มข้างแก้ม โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อรับการทักทายจากจงอินและชานยอล ด้านหลังตามมาด้วยผู้ชายขนาดตัวไม่ต่างกันนักอีกสามคน ทุกคนต่างยิ้มแย้มและทักทายคนในทีมของเขาอย่างเป็นกันเอง

     

    “พี่อี้ชิง”

     

    ชื่อคนๆ นั้นหลุดออกมาจากปากเด็กตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้าอีกครั้ง จื่อเทากำลังมองเลยไปยังบุคคลมาใหม่ คยองซูจึงได้รู้ตอนนั้นเองว่าใครคือเจ้าของชื่อที่ทำให้เขาต้องรู้สึกว่ากำลังถอยหลังกลับไปสู่ความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตอีกครั้ง

     

     

    ใครกันที่ชื่อจางอี้ชิง...คนรักคนใหม่ของอี้ฟานหลังจากที่ทิ้งเขาไป

     

     

    “คริสติดเรียนเพิ่มเติมพอดีเลยมาไม่ได้น่ะ” เสียงหวานตอบด้วยภาษาเกาหลีติดสำเนียงจีนนิดๆ

     

    “เสียดายแย่ ไม่ได้ดูฝีมือพี่คริสมาตั้งแต่กีฬามหาลัยปีที่แล้วแน่ะ”

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวแม็ทซ์เชื่อมความสัมพันธ์รอบจริงเขามาแน่”

     

    “งั้นรอบนี้มหาลัย m จะแข่งทีมกันด้วยมั้ยครับ?” คราวนี้เป็นจงอินที่ยืนอยู่ด้านหลังชานยอลเป็นคนถาม ร่างบางพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

     

    “แข่งสิ คริสเล่นกดดันมาขนาดนั้นว่าเจ้าตัวไม่มาแต่ทีมห้ามแพ้” ตอบเสร็จก็หัวเราะครืนกันทุกคนไม่เว้นกระทั่งเหล่านักยูโดของมหาลัย k “แต่ฉันไม่แข่งหรอกนะ รอบนี้ยกให้จงแด มินซอก กับจุนมยอนแทน”

     

    เมื่อเอ่ยชื่อ สามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ส่งยิ้มมาให้ ยกมือทักทายเพื่อนต่างทีมอย่างเป็นกันเอง คยองซูเดาว่าทั้งหมดคงจะรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชานยอลเหลียวกลับมาเห็นเขาพอดี รองประธานตัวสูงจึงกวักมือไวๆ เรียกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมให้ไปหา

     

    “เรามีสมาชิกใหม่ด้วยล่ะ คนนี้น้องรหัสแพคฮยอน ชื่อโอเซฮุน”

     

    การแนะนำน้องใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้งระหว่างที่คยองซูกำลังเดินไปหาทีมของตัวเอง ส่วนจื่อเทาเลือกที่จะหยุดรออยู่ที่เดิมแต่ก็ยังมองตามแผ่นหลังที่ไม่มั่นคงของพี่ชายตัวเล็กกระทั่งหยุดยืนข้างๆ ประธานชมรมผิวแทน

     

    “ส่วนคนนี้เด็กปั้นไอ้ไคมัน ชื่อโดคยองซู”

     

    สีหน้าของคนอายุมากกว่าอีกทีมเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จงอินจะสังเกตได้ หากเพียงแค่ชั่ววินาทีใบหน้าหวานนั้นก็ประดับรอยยิ้มใจดีเหมือนอย่างเคย ไม่ใช่รอยยิ้มเสแสร้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ รอยยิ้มที่บอกว่ายินดีที่ได้พบกันคนตัวเล็กในครั้งนี้

     

    คยองซูยิ้มบางพลางก้มหัวทักทายเมื่อคำนวณแล้วว่าอีกฝ่ายคงอายุมากกว่า ดวงตาคู่สวยไม่กล้าสบตา คอยแต่จะหลบลี้ให้พอดีเท่าที่คู่สนทนาจะไม่จับได้จนดูเสียมารยาท

     

    “อืม...โดคยองซู ยินดีที่ได้พบกันนะ ฉันชื่อจางอี้ชิง รองประธานชมรมยูโดมหาลัย m

     

    คล้ายกับว่าอีกฝ่ายอยากพูดอะไรมากกว่านั้น แต่สุดท้ายก็จบลงแค่การแนะนำตัว คยองซูยิ้มและพยักหน้ารับ เขาไม่ได้อยากเสียมารยาทด้วยการเงียบแบบนี้ แต่เพราะไม่รู้ควรจะทำหน้ายังไงและไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไรมากกว่า

     

    มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องมาเจอคนรักของแฟนเก่าโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

     

    ซ้ำยิ่งจางอี้ชิงดูเป็นคนดีมากเท่าไหร่คยองซูก็ยิ่งสับสนจนไม่อาจเข้าใจความรู้สึกตัวเองตอนนี้ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตอนรู้เรื่องจากจื่อเทาว่าอู๋ฟานเลิกกับตัวเองแต่กลับไปคบกับคนในทีมยิ่งทำให้คยองซูรู้สึกลบกับคนๆ นั้นทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ

     

    ทิ้งให้สมาชิกคนอื่นในทีมได้พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอก็ขอตัวแยกไปชั่งน้ำหนัก ทว่าในตอนที่กำลังจะเดินเข้าห้องชั่งน้ำหนักรองประธานมหาลัย m ก็สังเกตเห็นร่างสูงโปร่งอันคุ้นเคยอยู่ตรงประตูโรงยิมเสียก่อน

     

    จื่อเทากอดอกยิ้มเมื่อรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงจะสังเกตเห็นเขาแล้ว รอยยิ้มละมุนเป็นเอกลักษณ์ปรากฏบนริมฝีปากบาง เด็กหนุ่มตัวสูงจึงยกมือทักทายก่อนที่อี้ชิงจะฝากสัมภาระติดตัวไว้ที่คิมมินซอกแล้วปลีกตัวมาหาลูกพี่ลูกน้องของประธานหน้าคมที่ไม่ได้มาด้วย การสนทนาดำเนินไปเรื่อยก่อนจะจบลงก่อนถึงเวลาแข่งขันประเภทบุคคลที่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดไป

     

     

     

    คยองซูคิดว่าตัวเองกำลังเผชิญกับความรู้สึกประหลาดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน รู้สึกปวดหัวจนพาลให้อยากอาเจียน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวก็รัวเร็ว เดี๋ยวก็เรียบเรื่อย มือไม้ก็ไม่อยู่สุขคอยแต่จะพะวงว่าควรวางไว้ตรงไหน อยากหลับแต่ก็นอนไม่หลับ จนสุดท้ายก็ผุดลุกขึ้นจากชุดยูโดตัวเก่งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเหวี่ยงมันลงน้ำกับมือตัวเอง

     

    ทันทีที่คนตัวเล็กลุกขึ้นนั่งพลางทำหน้ามุ่ย คนที่พับชุดยูโดแทนหมอนให้อีกฝ่ายหนุนนอนก็หันมองด้วยความสงสัย ยังไม่ทันเคยปากถามอะไรคยองซูก็เป็นฝ่ายหันกลับมาบอกเสียก่อน

     

    “รู้สึกแปลกๆ อ่ะจงอิน” คนฟังเลิกคิ้วขึ้น

     

    “ปวดหัวง่วงนอนหรือเปล่า?” ส่ายหัวตอบ

     

    จงอินส่งเสียงครางอือในลำคอสักพักระหว่างใช้ความคิด แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือเล็กที่พอจะเห็นว่าไหวริกบนตัก คยองซูมองตามอย่างไม่เข้าใจแต่กลับทำให้จงอินหัวเราะออกมาเสียงดัง

     

    “หัวเราะอะไรเล่า! นี่ฉันจริงจังนะเนี่ย จะแข่งอยู่แล้วแต่ทำไมรู้สึกไม่พร้อมแบบนี้ก็ไม่รู้” คยองซูยู่หน้าพลางดุใส่แต่คนตัวโตกลับทำได้แค่กลั้นขำ

     

    “ไม่ต้องคิดมากหรอก แบบนี้น่ะเค้าเรียกอาการตื่นสนาม เป็นเรื่องปกติของคนเพิ่งแข่ง นายก็ทำใจให้สบายๆ สิอย่าไปกังวลกันมันมาก เดี๋ยวจะยิ่งเกร็งจนเล่นไม่ออกนะ” พูดไปก็บีบๆ นวดๆ มือเย็นเฉียบของคยองซูไปด้วย นี่น่ะอาการเริ่มต้นเลยล่ะ เดี๋ยวอีกสักพักจะมีทั้งปวดท้อง ปวดหัว จนสั่นไปหมดทั้งตัว

     

    “นายก็พูดได้สิ ให้ทำมันทำยากนะ”

     

    เบ้หน้าต่อว่าแต่ไม่ยักเห็นว่ากัปตันตัวโตจะกลัวเลยสักนิด จงอินยังผุดยิ้มอารมณ์ดีแถมยังยกมือยีผมนุ่มมือเล่นอีกต่างหาก พอรู้ว่าป่วยการที่จะห้ามคยองซูเลยย่นหน้าใส่แล้วล้มตัวลงนอนข้างคนที่อารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้เหมือนเดิม ส่วนมือก็ยังปล่อยให้อีกฝ่ายนวดให้อยู่แบบนั้น

     

    “หลับเอาแรงเถอะ เดี๋ยวฉันปลุกเอง”

     

    หลังจากประโยคที่พูดอย่างอ่อนโยนนั้นคยองซูก็หลับตาลงและผล็อยหลับลงไปอย่างง่ายดาย โดยที่มือข้างเดิมยังมีสัมผัสอุ่นๆ จากมือใหญ่ช่วยบีบผ่อนคลายความกังวล หัวใจสงบและอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาดเมื่อมีคนๆ นี้อยู่ใกล้ๆ เพราะคยองซูรู้ดี ไม่ว่าเมื่อไหร่จงอินก็เป็นคนเดียวที่เขาเชื่อใจได้เสมอ

     

     

     

    ในที่สุดการสนามแข่งขันก็พร้อมสำหรับการแข่งประเภทบุคคลแล้ว ประธานในพิธีซึ่งก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาชมรมยูโดมหาวิทยาลัย s ก็พร้อมประจำที่เพื่อรอดูการแข่งขันแล้วเช่นกัน

     

    ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมงจงอินได้ให้คยองซูกับเซฮุนลงไปวอร์มพร้อมกับซ้อมเข้าท่า หาจังหวะทุ่ม และรันโดริกันสักเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อม อีกทั้งยังเป็นการเรียกเหงื่อติดเครื่องก่อนจะต้องเหนื่อยจริงเวลาแข่ง ยิ่งวอร์มเอาเหงื่อออกเยอะกล้ามเนื้อก็ยิ่งยืดหยุ่นมากและยังเป็นการทวนความรู้ที่ได้ฝึกไปด้วย แต่ก็ควรจะวอร์มแต่พอดี เพราะถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ล้าก่อนแข่งได้

     

    เซฮุนยังคงสไตล์การเล่นนิ่งๆ แต่เด็ดขาดได้อย่างเคย การที่น้องเล่นได้ดีแบบนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่ที่ไม่เข้าใจคือคนที่นั่งลุ้นติดข้างสนามต่างหาก ฝั่งทีมของเขาก็มีประธานชมรมฟุตบอลหน้าหวานนั่งยิ้มไปมองไปอารมณ์ดี ส่วนฝั่งมหา m ที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็มีเด็กหนุ่มหน้าแพนด้ามองมาตาไม่กะพริบเหมือนกัน จงอินอยากขอบคุณที่ทั้งสองคนยังไม่ทำสงครามต่อกัน ต่างฝ่ายต่างแค่แอบมองน้องชายของเขาอยู่ห่างๆ

     

    ส่วนคยองซูดูท่าอาการตื่นสนามจะหนักกว่าที่คิด แต่ก็นับว่าพอทุเลาลงบ้างแล้วหลังจากที่วอร์มเสร็จและจงอินเรียกมาช่วยพูดและบีบนวดเพื่อคลายความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ ตอนที่วอร์มอยู่บนเบาะสมาธิของคยองซูเตลิดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจงอินจะตะโกนบอกให้เข้าท่าอะไรหรือทำอะไรคนตัวบางจะประมวลผลได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นจนบางครั้งก็ช้าจนเปิดจังหวะให้เซฮุนสวนเข้าท่ากลับได้ทัน

     

    “ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายนะ” เสียงทุ้มยังพูดอยู่ใกล้ๆ ขณะที่ตนเองย่อตัวบีบมือและแขนให้คนที่นั่งสูดลมหายใจอยู่บนเก้าอี้

     

    อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะถึงการแข่งของคยองซูแล้ว คยองซูก็เปลี่ยนชุดยูโดพร้อมเรียบร้อย ตอนนี้กำลังจะเริ่มการแข่งขันประเภทบุคคลในรุ่นไม่เกิน 55 กิโลกรัมชาย ต่อจากนั้นก็จะเป็นรุ่นไม่เกิน 60 กิโลกรัมซึ่งเป็นรุ่นของคยองซู ชาร์ตการแข่งขันก็ออกมาแล้ว ซึ่งคู่ต่อสู้คนแรกของคนตัวเล็กก็นับว่าหนักหนาเอาเรื่อง

     

    “เล่นอย่างที่ซ้อม อย่าไปกังวล เพราะถ้านายกังวลจะพาลทำให้คิดอะไรไม่ออกนะ”

     

    “ทำยังไงดีจงอิน? ทำยังไงดี?” น้ำเสียงนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะหน้าหวานที่มีแต่ความกังวลคล้ายเด็กกำลังจะร้องไห้

     

    จงอินคลี่ยิ้ม มือหนาวางลงข้างแก้มขาว เงยหน้ามองคนที่กำลังตื่นสนามจนลนไปหมด กระทั่งมือที่เขาช่วยบีบนวดอยู่นานยังเย็นเยือกราวกับแช่อยู่ในถังน้ำแข็ง กัปตันผิวสีน้ำผึ้งส่ายหัวเล็กน้อย

     

    “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นายทำได้อยู่แล้วคยองซู”

     

    “กับอีแทมินนะจงอิน” น้ำเสียงยิ่งสั่นเมื่อพูดถึงคู่ต่อสู้ที่ตนเองต้องเจอ จงอินยังคงยิ้มและส่ายหน้า ก่อนมือหนาจะย้ายลงมาบีบท่อนขาเล็กให้แทน

     

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แค่เล่นให้ได้อย่างที่ซ้อม ทำให้เต็มที่จะได้ไม่เสียดาย ผลจะออกมาเป็นยังไงมันอีกเรื่อง” พูดทั้งที่ตายังจับจ้องมือตัวเองที่ยังบีบขาทั้งสองข้างให้คนตัวเล็ก ก่อนจะเงยหน้าส่งรอยยิ้มไปให้คนข้างบน

     

    “แพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก สำหรับฉัน การที่นายมาไกลได้ถึงขนาดนี้คือเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”

     

     

    ...ไม่ว่าจะเมื่อก่อน หรือตอนนี้ ไม่ว่าจะเวลาไหน เมื่อไรก็ตาม...

     

    คำพูดของคิมจงอินยังคงมีพลังและมีอิทธิพลต่อคยองซูได้อย่างมหัศจรรย์

     

     

    จงอินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยับมือไปจับสาบเสื้อยูโดของคนที่นั่งอยู่ให้กระชับขึ้น คยองซูเพิ่งจะเคยถอดเสื้อยืดข้างในใส่ชุดยูโดครั้งแรกคงหนีไม่พ้นถูกเสื้อบาดผิวแน่ๆ อย่างตอนนี้ผิวเนื้อขาวๆ ช่วงอกก่อนถึงต้นคอก็เริ่มเกิดรอยแดงจากการเสียดสีขึ้นบ้างแล้วเพียงแค่ลงไปวอร์มไม่กี่นาที

     

    รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักอีกครั้ง จรดปลายนิ้วลงระหว่างหัวคิ้วที่แทบชนกันของอีกคนแล้วคลึงเบาๆ

     

    “เตรียมตัวให้พร้อม อีกสองคู่จะถึงคู่ของนายแล้ว ทำให้เต็มที่นะ”

     

    เสียงกริ่งดังพร้อมเสียงเฮลั่นโรงยิมเมื่อการแข่งขันคู่แรกจบลงเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากมีฝ่ายหนึ่งทุ่มได้คะแนนอิปป้งภายในเวลาไม่ถึงนาทีจึงเป็นจบการแข่งขันโดยที่ฝ่ายได้อิปป้งเป็นฝ่ายชนะ คยองซูเพิ่งรู้สึกในตอนนี้เองว่าเวลา 5 นาทีในการแข่งขันบางครั้งมันก็สั้นกว่าที่คิด ใกล้ถึงเวลาของเขาเข้ามาทุกที

     

    “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะอยู่ข้างๆ นายตรงนี้ไม่ไปไหน จะส่งนายขึ้นสนามและจะรับนายลงมาเมื่อการแข่งขันจบลง ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ตาม ฉันจะไม่มีทางทิ้งนาย โดคยองซู”

     

    TBC.

     

     


    Mirror* Talk: จะแข่งแล้วววววว อาการตื่นสนามมาเต็ม ฮา จริงๆ นี่ยังไม่เต็มเท่าไหร่นะ ตอนเราแข่งครั้งแรกนี่จำได้แม่นเลยว่าตัวเองเป็นยังไง เชื่อว่าใครหลายๆ คนที่เคยแข่งกีฬาหรือแข่งขันอะไรสักอย่างคงเข้าใจแน่นอนค่ะ TvT คอยดูตอนหน้าแล้วกันเนอะว่าพอคยองของพวกเราขึ้นไปเหยียบสนามแข่งแล้วจะเกิดอาการอะไรตามมาอีก คนที่เคยแข่กีฬามาก่อนคงเดาได้แล้วแน่เลย ส่วนใครที่ไม่เคยสัมผัสนาทีนั้นเราจะพาคุณไปสัมผัสมันเองค่ะ โฮกกกกกกก

    อธิบายสักเล็กน้อยสำหรับการแข่งขันยูโดนะคะ เวลาที่ใช้ในการแข่งขันอย่างตามสากลคือ 5 นาที คำสั่งมาเต๊ะหนึ่งครั้งก็กดหยุดจับเวลา สั่งฮาจิเมะให้เล่นต่อเมื่อไหร่เวลาก็เดินต่อ เวลามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจับกดล็อคได้เวลาจะเดินไปเรื่อยๆ ขณะที่จะมีแยกเป็นนาฬิกาจับเวลาล็อค 25 วิ (เพื่อให้ได้อิปป้ง) แต่ถ้าสมมติว่าเรายังล็อคไปไม่ถึง 25 วิแต่นาฬิกาจับเวลาไปถึง 5 นาทีแล้ว เวลาในส่วนนี้จะเดินต่อจนกว่าเราจะล็อคจบ 25 วิค่ะ พูดง่ายๆ ก็คือถ้ามีคนกดล็อคได้เวลาหลักจะเดินต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะหมด 5 นาทีนั้นที่ใช้แข่งขันจริงไปแล้วก็ตาม ปกติแล้วนาฬิกาจับเวลาที่ใช้ในการแข่งขันจะเป็นระบบดิจิตอลนับถอยหลังค่ะ ถ้าในการแข่งขันใหญ่ๆ จะตั้งเป็นจอทีวี 2 ฝั่งเพื่อให้คนทั้งสนามเห็น ในจอทีวีนั้นจะมีขึ้นให้ดูทั้งเวลาหลัก ช่องเวลาที่ใช้จับเวลาล็อค รวมไปถึงช่องคะแนนและช่องโทษพร้อมกันบนจอเลยค่ะ อธิบายให้เห็นภาพคร่าวๆ กันตรงนี้แหละเนอะจะได้ไม่ต้องไปอธิบายกันอีกทีเยอะๆ ในเรื่อง เพราะแค่นี้เรื่องมันก็ยาวยืดสุดๆ แล้ว TvT

    เอาล่ะ ตอนหน้าก็จะเริ่มแข่งกันแล้ว ทุกคนอย่าลืมส่งใจไปเชียร์นักกีฬาของเรากันด้วยนะคะ ส่วนรักครั้งนี้ของน้องฮุนจะเป็นอย่างไรก็ช่วยลุ้นกันต่อไป แล้วแฟนใหม่พี่คริสกับแฟนเก่าอย่างคยองเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ จุดนี้คนเขียนเริ่มจะเหนื่อยเองแล้วค่ะบ่องตง(?) 55555*

    ขอบคุณทุกสายตาที่ไล่กวาดทุกตัวอักษรนะคะ 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×