ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] ONE IPPON (KAISOO)

    ลำดับตอนที่ #24 : CHAP 23

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.97K
      21
      4 มิ.ย. 56

     

     

     

    CHAPTER 23

     

     

    ตึง!!

     

    เสียงร่างกายกระแทกเบาะดังสนั่นไปทั่วห้องชมรมหลังจากที่ใครคนหนึ่งถูกเซฮุนจับทุ่มไปเป็นที่เรียบร้อย คนถูกทุ่มจัดได้ว่าพื้นฐานการตบเบาะดีเยี่ยม เก็บคอ จัดแขนขา เซฟตัวเองได้อย่างปลอดภัย คล่องแคล่วจนจงอินอดหรี่ตาพลางกระตุกยิ้มมองไม่ได้

     

    ไม่นึกว่าผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้วจะยังจำสิ่งที่เขาเคยสอนไว้ได้อยู่อีก ตอนนั้นแค่จับมาฝึกซ้อมเล่นๆ ด้วยกันไม่ได้กะให้เป็นนักยูโดแต่แรก มาตอนนี้เห็นผลดีแล้วสินะ ถึงได้ยิ้มร่าแม้ว่าจะถูกทุ่มไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วแบบนั้น

     

    “เป๊ะเว่อร์ นี่ถ้าไม่รู้ว่าเตะบอลมาแต่เด็กจะนึกว่าเป็นนักยูโดปลอมตัวมานะ” ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแซวสักดอก

     

    ลู่หานหุบยิ้มที่ส่งให้คนตัวบางซึ่งกำลังฉุดมือเขาให้ลุกขึ้นแล้วหันไปทำหน้าดุใส่กัปตันทีมทันที เรียกเสียงหัวเราะให้กับจงอินได้อย่างดีนักล่ะ

     

    “เขาเรียกว่าคนมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาเฟ้ย! จริงมั้ยครับน้องเซฮุน” แล้วก็หันกลับไปยิ้มตาปิดให้น้องเล็กของทีมที่อมยิ้มพลางยกปลายแขนเสื้อปาดเหงื่อตัวเอง

     

    “พี่ลู่หานเจ็บหรือเปล่าฮะ? เซฮุนทุ่มแรงไปมั้ย?”

     

    “ไม่เลยครับ เมื่อก่อนจงอินมันสอนพี่ตบเบาะมาดี ของแค่นี้สบายมาก”

     

    “พี่จงอินคงโหดกับพี่น่าดู”

     

    “โหดอะไรล่ะ! พอจะจัดท่าให้ก็โดนฟาดกบาล มีอย่างที่ไหนดุใส่คนสอนแบบนี้” จงอินทำหน้าเอือมแล้วพูดแทรกบทสนทนาระหว่างคนทุ่มและหุ่นรับเชิญ

     

    ลู่หานที่ลุกขึ้นมายืนได้แล้วกำหมัดส่งไปให้น้องชาย ส่วนเซฮุนเอาแต่หัวเราะ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มเข้าคู่กันอีกครั้งเพื่อให้เซฮุนซ้อมทุ่มก่อนไปรันโดริ

     

    พักนี้กัปตันทีมฟุตบอลมหาลัย m มาเป็นผู้ซ้อมกิตติมศักดิ์ให้ทีมจงอินบ่อยๆ โดยให้เหตุผลว่าว่างๆ อยู่เลยอยากมาช่วยซ้อมให้ แล้วก็เห็นว่ามหาลัย k หุ่นไม่ครบคู่ซ้อมด้วย พอจงอินถามถึงการซ้อมฟุตบอลของทีมมหาลัยพี่ชายที่ตามหลักแล้วลู่หานซึ่งเป็นประธานควรจะไปดูแลอยู่เหมือนกัน ก็ได้รับคำตอบมาว่า ของพรรค์นั้นให้รองประธานหรือผู้ช่วยกัปตันดูแลก็ได้ ชมรมฟุตบอลมหาลัย m ถูกฝึกมาให้เรียนรู้และเข้าใจอ่านเกมส์กันทุกคนอยู่แล้ว

     

    ถึงจะไม่ปฏิเสธความแข็งแกร่งอันเป็นที่ประจักษ์ของทีมฟุตบอลมหาลัย m ก็จริง แต่ลึกๆ แล้วจงอินว่ามันคือข้ออ้างมาหาใครบางคนมากกว่าล่ะมั้ง

     

    ลู่หานเคยฝึกยูโดระยะสั้นๆ ด้วยหลักสูตรรวบรัดช่วงที่เขาเริ่มเป็นนักกีฬายูโดแล้ว ลองชวนมาขึ้นเบาะซ้อมดูก็พอรู้ว่าหน่วยก้านพี่ชายหน้าหวานไม่เลวเลยทีเดียว ขนาดฝึกกันเล่นๆ ลู่หานยังตบเบาะเป็นเร็วกว่านักกีฬาทั่วไปเสียอีก แถมคราวนี้ยังทำเขาตกใจที่พี่ชายตัวบางยังจำทุกอย่างที่เคยฝึกกันได้อยู่ แต่ก็นั่นแหละ ถึงลู่หานจะเคยผ่านการเล่นยูโดมาแล้วยังไงแต่ก็แค่ชั่วเดี๋ยวเดียว จะให้มาทุ่มคนอื่นหรือรันโดริด้วยก็คงเสี่ยงบาดเจ็บเกินไป

     

    ให้เป็นหุ่นให้เซฮุนทุ่มแบบนี้แหละดีแล้ว เซฮุนได้ซ้อม ส่วนลู่หานได้ฟิน

     

    จงอินหันมองพี่ชายตัวเล็กที่ยิ้มแย้มจับชุดยูโดพร้อมให้เซฮุนทุ่มพลางระบายยิ้มออกมา เขาเองก็กำลังอยู่ในฐานะหุ่นอยู่เหมือนกัน มือหนาข้างขวายังคงจับที่สาบเสื้อส่วนมือซ้ายก็จับแขนเสื้อคนตรงหน้า พอเห็นว่าคู่นั้นซ้อมกันได้ราบลื่นดีก็หันกลับมาสนใจคู่ซ้อมที่กำลังเข้าคู่ด้วยต่อ

     

    “เมื่อกี้ที่บอกให้ปรับการบิดแขนท่าโมโรเต้ไป เข้าใจใช่มั้ย?” ถามคยองซูที่ยังยืนปรับจังหวะการหายใจของตัวเองหลังจากเพิ่งเข้าท่าทุ่มเร็วๆ เซ็ตสุดท้ายเสร็จไป

     

    คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วปล่อยมือขวาที่กำสาบเสื้อยูโดของจงอินแน่นเพื่อมาซับเหงื่อบนหน้าผาก การได้วิ่งตอนเช้าเห็นผลทันตาจริงๆ นอกจากจะไม่เหนื่อยง่ายแล้วยังช่วยให้ปรับลมหายใจได้เร็วขึ้นด้วย

     

    “ต่อไปฉันจะติวเข้มท่าจังหวะสองของนาย พวกท่าต่อเนื่อง เกี่ยวแล้วเข้าท่า เข้าท่าแล้วเกี่ยว หน้าไม่ได้ก็ไปข้างหลังแทน นี่เข้าใจใช่มั้ย?” คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบอีกหน

     

    “ที่ฉันจะเน้นให้เพราะคิดว่านายน่าจะไปทางนี้รุ่ง นายมีความสามารถในการเล่นจังหวะต่อเนื่องนะคยองซู”

     

    “หา? ฉันน่ะนะ?” เลิกคิ้วพร้อมพูดเสียงหลงเพราะไม่อยากจะเชื่อ กัปตันทีมพยักหน้า

     

    “ใช่ นายอาจไม่รู้ตัวแต่คนที่ดูเกมส์อยู่นอกสนามน่ะมองออก ถ้าไม่รีบขัดเกลาพัฒนาเดี๋ยวจะถูกดักทางได้ก่อน เว้นแต่ว่าวันนั้นทุกคนยังเห็นนายเป็นหน้าใหม่เลยยังไม่ได้สังเกตการเล่นอย่างละเอียด ใช้ช่วงที่ยังเป็นหน้าใหม่นี่แหละซุ่มฝึกให้ได้ดี รับรองไปได้สวย” ยิ่งจงอินอมยิ้มเหมือนเห็นภาพความสำเร็จอยู่คนเดียวแบบนี้คยองซูก็ยิ่งทำหน้าไม่เข้าใจ

     

    “นายพูดเหมือนมันง่ายเลยนะจงอิน”

     

    “แต่มันก็ไม่ยากไม่ใช่เหรอ? ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของนายหรอกคยองซู เพราะอะไรที่ฉันเคยคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับนาย แต่ก็เห็นนายผ่านมาได้หมดแล้วทั้งนั้น” คนที่ถูกยัดเยียดความเก่งให้เบ้หน้า

     

    “เอาน่า ก็แค่ทำให้มันคมขึ้น เชื่อสิ ถ้าใช้ไม้นี้ในสนามนะรับรองว่าคู่ต่อสู้ตามนายไม่ทันแน่ แทมินยังเคยพลาดมาแล้วเลยเห็นมั้ย”

     

    “แล้วต้องทำยังไงล่ะ?” คยองซูถามด้วยความจำยอม เคยขัดอะไรได้ที่ไหนล่ะ พอจะขัดก็ทำหน้านิ่งออกคำสั่งโดยไม่ฟังอะไรมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่

     

    สิ่งที่จงอินฝึกให้คือการเพิ่มระดับความไวในการเกี่ยวขาต่อจากการเข้าท่าที่หนึ่ง อย่างที่เคยฝึกไปแล้วถ้าจงใจเข้าท่าทุ่มแบบครึ่งเดียวแล้วพลิกตัวออกมาเกี่ยวขาจะทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะการทรงตัว จงอินเพิ่มจังหวะเคลื่อนที่จำลองสถานการณ์เวลาแข่งเพื่อให้เขาจับจังหวะให้เป็น เพราะต่อให้รู้ว่าควรจะเล่นยังไงท่าไหน แต่ถ้าเลือกจังหวะพลาดจากที่จะได้ทุ่มอาจกลายเป็นคนถูกทุ่มไปเลยก็ได้

     

    “จังหวะเปลี่ยนเป็นเกี่ยวโอต้องเร็วกว่านั้นสิ อย่าต้องให้เตือนบ่อยๆ สิครับ”

     

    แต่สิ่งที่คยองซูไม่เข้าใจคือทำไมตำนานแห่งวงการจะต้องดุเขาด้วยประโยคชวนเขินแบบนี้ด้วย ไม่ใช่แค่เสียงกับคำพูดแต่เป็นดวงตาคมที่ทอดมองมาอีกอย่าง ถ้าจะมาโหมดนี้คยองซูขอแบบดุๆ โหดๆ เหมือนเดิมยังจะดีซะกว่า มาแบบนี้แขนขาเขามีแต่จะยิ่งบังคับไม่ได้

     

    จงอินที่ยิ้มกริ่มดันไหล่เล็กให้หมุนออกมาตั้งหลักใหม่แล้วเริ่มกระชากสาบเสื้ออีกฝ่ายเพื่อดึงลากหาจังหวะอีกครั้ง ร่างเล็กหอบเสียงเบา พยายามสังเกตการเคลื่อนไหวแล้วจับจังหวะเข้าท่า

     

    ไม่กี่วินาทีหลังจากที่จงอินถอยขาขวาไป คยองซูชิงเกี่ยวโอที่ขาซ้ายจนจงอินเซแล้วชิงเข้าท่าโมโรเต้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งๆ ที่คิดว่าเร็วพอแล้วจงอินกลับเบี่ยงตัวหลบแถมยังพลิกซ้อนหลังจนเขานอนลงไปกองกับเบาะได้อีก ร่างหนาที่ตามทับลงมาด้วยท่าที่ทุ่มใช้ท่อนแขนขวายันเบาะยูโดเพื่อไม่ให้ล้มลงไปทับคนข้างล่าง

     

    เสียงหอบหายใจใกล้ปลายจมูกเพียงนิดเดียว เหงื่อซึมทั่วใบหน้าหวานใส ดวงตาไหวริกสบตาคมกริบ  จงอินหอบหายใจนิดหน่อยทั้งเผลอจดจ้องดวงหน้าหวานของคนเบื้องหน้าเพลินตา

     

    คยองซูกำลังหน้าแดง ไม่รู้เป็นเพราะเหนื่อยหรือเพราะถูกจ้องมองในระยะใกล้ไม่วางตากันแน่

     

    “ซ้อมครับมึง ซ้อม! จะมานอนมองตากันปิ๊งๆ นี่รอซ้อมเสร็จกลับหอใครสักคนนะครับ” เสียงทุ้มของชานยอลเรียกให้ทั้งสองคนรีบเด้งตัวออกจากกันทันที เรียกได้ว่ารีบผุดลุกขึ้นยืนกันแทบไม่ทัน

     

    จงอินเกาหัวแก้เก้อก่อนจะฉุดมือคยองซูให้ลุกขึ้นมา ปากก็หันไปด่าเพื่อนตัวสูงที่กำลังรันโดริกับแพคฮยอนแต่ยังไม่วายจะเจียดเวลามาสนใจมองแล้วก็แซวคนอื่นเขาแบบนี้

     

    “เอ่อ...เมื่อกี้ยังทำได้ไม่ดีใช่ไหม?” คยองซูถามเสียงเบาหลังจากรอให้จงอินกล่าวคำสรรเสริญชานยอลเสร็จแล้ว กัปตันทีมหันกลับมาพลางส่ายหัวยิ้มๆ

     

    “ไม่หรอก เร็วกว่าเดิมมากเลย แต่ก็ให้ระวังไว้เพราะถ้าเลือกจะเกี่ยวก่อนแล้วค่อยเข้าท่า ถ้าเกิดว่าเข้าท่าไม่แน่นพออาจจะโดนจังหวะซ้อนหลังแบบนี้ได้ คะแนนถึงอิปป้งเลยนะ เวลาแข่งก็ระวังด้วยแล้วกัน ถ้าจะเข้าก็ไปให้สุดเลย ไม่ต้องยั้ง” จงอินตอบแล้วกวักมือเรียกเซฮุนที่เพิ่งเข้าท่าเสร็จให้มาหา

     

    “ต่อไปจะให้รันโดริกับเซฮุน ทำทุกอย่างที่ได้ฝึกมาแล้วฉันจะคอยแนะให้ ส่วนเซฮุน หาจังหวะเข้าท่าตามปกติ แต่ถ้าจังหวะไหนคยองซูเข้าไม่แน่นพอก็ซ้อนได้เลย จะได้รู้จังหวะเวลาโดนโต้กลับกัน”

     

    ต่างฝ่ายต่างพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเริ่มต้นรันโดริกันอย่างดุเดือดเข้มข้น เซฮุนเป็นนักกีฬาที่ประมาทไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ส่วนคยองซูก็นับว่าเป็นต้นกล้าที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง พยายามขุดใช้เทคนิคหลากหลายที่ได้รับมาใส่ลงไปประยุกต์กับการเล่นได้อย่างชาญฉลาด เป็นการเคลื่อนไหวซื่อๆ แต่ก็ได้ผลดี

     

    จงอินถอยออกมากอดอกยืนมองทั้งคู่รันโดริอยู่ไม่ไกลนัก รอยยิ้มพอใจฉายบนริมฝีปากคมหยักไม่ได้ขาดจนพี่ชายหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะกระทุ้งศอกเบาๆ พร้อมยกยิ้มรู้ทัน

     

     

     

    วันนี้ลู่หานมาพร้อมกับเอกสารกำหนดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ 6 สถาบันที่จงฮยอนฝากมาอย่างเคย น่าเสียดายที่หนุ่มจีนหน้าใสแค่แวะมาส่งซองน้ำตาลในมือกับเพื่อมาเห็นหน้าขวัญใจเพียงแค่เดี๋ยวเดียวก็ต้องรีบไป เพราะเห็นว่าวันนี้มีประชุมประธานชมรมกีฬาของมหาลัย m

     

    จงอินมองตามหลังลู่หานที่เดินออกไปหลังจากยื่นซองเอกสารให้แล้ว เขายิ้มพลางพรูลมหายใจ นับถือน้ำใจของพี่ชายคนนี้จริงๆ แค่นี้ก็ยังอุตส่าห์มา คุยกับเซฮุนได้ไม่กี่คำก็ต้องไปแล้ว ถึงจะเห็นกวนๆ แบบนั้นแต่เป็นกัปตันทีมที่มีความรับผิดชอบสูงพอๆ กับความรักและความมีน้ำใจที่มอบให้คนอื่นเสมอๆ

     

    ทันทีที่มือหนาดึงเอกสารออกมาจากซอง ทุกคนก็เริ่มเข้ามาล้อมวงกันรอบๆ เพื่อเตรียมรับฟังแผนการจัดรุ่น

     

    “รอบนี้ฉันว่าจะเปลี่ยนตัวแข่งทีม” จงอินพูดนำขึ้นหลังจากได้วนเอกสารให้คนอื่นๆ อ่าน ชานยอลเลิกคิ้วมองเพื่อนผิวเข้ม

     

    “ชานยอล มึงลงทีมกับเซฮุนกับแพคฮยอนไปนะ เดี๋ยวกูมาเป็นโค้ชให้”

     

    “มึงโอเคแล้วเหรอวะที่จะให้เซฮุนแข่งทีม?” ชานยอลถามพร้อมกับยื่นเอกสารคืนให้ จงอินยกยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ

     

    “เออสิ เล่นเปิดตัวสนามแรกซะขนาดนั้นจะมาให้แข่งเดี่ยวอีกได้ไง มันต้องแข่งทีมแล้ว”

     

    “แล้วคยองซู?”

     

    “คยองซูก็แข่งเดี่ยวไป ลงรุ่นเดิมนั่นแหละ ถ้าได้เจอกับแทมินอีกยิ่งดี คราวนี้จะได้ล้างตาไง” จงอินหันมาพูดท้ายประโยคกับคนที่นั่งตาใส หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเพียงแค่คิดถึงสนามแข่งขัน

     

    “แล้วนายจะไม่แข่งเลยเหรอ? งานนี้ฉันว่ามหาลัยอื่นต้องส่งมาแบบฟูลทีมแน่ ลำพังจะให้พวกฉันแข่งกันเองเนี่ยนะ?” แพคฮยอนพูดอย่างไม่มั่นใจ เรียกรอยยิ้มจากคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนที่มือใหญ่จะวางลงบนหัวทุยแล้วยีด้วยความหมั่นเขี้ยว เป็นจังหวะเดียวกับที่จงอินพูดต่อ

     

    “มีชานยอลอยู่ด้วยจะกลัวอะไรเล่า ฉันไม่แข่งด้วยน่ะดีแล้ว จะได้โค้ชง่ายๆ หน่อยอีกอย่างจะแพ้ชนะยังไงก็ไม่เกี่ยวหรอก แค่พวกเราทำเต็มที่ที่สุดก็พอแล้ว”

     

    สิ้นสุดคำพูดของกัปตันทีม ทุกคนต่างก็คลี่ยิ้มออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน พูดคุยกันต่อจากนั้นไม่นานนักก็เปลี่ยนชุดยูโดแล้วเริ่มซ้อมอย่างแข็งขัน บางครั้งขวัญกำลังใจก็เกิดขึ้นเพียงเพราะคำพูดง่ายๆ ของคนที่เราเชื่อใจเพียงเท่านั้นเอง

     

    จงอินเป็นแบบนี้เสมอ เป็นประธานและกัปตันที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของทีม จงอินไม่เคยกดดันลูกทีมแต่ก็ไม่ได้โอ๋มากไปจนเคยตัว จงอินสอนอย่างโค้ชที่ดี เป็นเพื่อนที่จริงใจเมื่อกลายเป็นคิมจงอินเด็กมหาลัยธรรมดาๆ พวกเราเลยอยู่ด้วยกันแบบพี่น้องเพื่อนพ้อง และพร้อมจะพาทีมไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

     

     

    เวลาผ่านไปเร็วกว่าที่คิด เพียงกะพริบตาก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางมามหาวิทยาลัย s อีกครั้งเพื่อเข้าแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์รอบจริง ถึงแม้จะเคยได้ลองสนามกันมาแล้วกับที่เดียวกันเวลาเดียวกันนี้ แต่ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ารั้วมหาวิทยาลัยมาใครหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรกด้วยความตื่นเต้นเหมือนครั้งก่อน

     

    “ไง~ มาแต่เช้าเหมือนเคย” ประธานชมรมเจ้าภาพงานเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มประจำตัวเมื่อเห็นรุ่นน้องตัวสูงเดินแบกชุดยูโดเข้ามาในโรงยิม

     

    จงอินยิ้มก่อนจะก้มทักทายพร้อมๆ กับคนอื่นในทีมที่เดินตามมาข้างหลังก้มทักคิมจงฮยอนด้วย คนแก่กว่าเดินไปตบไหล่น้องต่างสถาบันเบาๆ เพื่อทักทาย หลังจากนั้นชเวมินโฮ อีจินกิ ลีแทมิน และเจ้าพ่อท่าเชือดคิมคีย์บอมก็เดินออกมาจากห้องแล้วยิ้มแย้มทักทายทุกคน

     

    ยิ่งแทมินนะยิ่งแสบ คนตัวเล็กจงใจเดินชนไหล่จงอินแล้วยิ้มร่าถลาเข้าไปหาคยองซูก่อนใครเพื่อน มือบางกุมมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะดึงเข้ามากอดราวกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี นี่ถ้าหอมแก้มซ้ายขวาได้ด้วยนี่คงทำไปแล้ว แถมยังจะหันมายิ้มเย้ยเขาอีก ส่วนคยองซูก็ได้แต่ยิ้มหวานไม่ได้รับรู้ถึงหัวคิ้วที่กำลังกระตุกรัวของคิมจงอินบ้างเลย

     

    “ไม่ต้องมองขนาดนั้นก็ได้มั้งพ่อเทพ แทมินแตะนิดแตะหน่อยคงไม่สึกหรอ ที่ตอนแข่งเปลืองตัวตายชักไม่ยักกะทำตาเขียวใส่” จงฮยอนหัวเราะเมื่อเห็นเด็กรุ่นน้องจ้องน้องเล็กในทีมของเขาที่จงใจแหย่ไม่วางตา

     

    จงอินหันกลับมาไหวไหล่แล้วเดินต่อ “แข่งก็คือแข่ง ถ้าหวงแม้แต่ตอนแข่งนี่ก็งี่เง่าเกินไปละ”

     

    “แหม หล่อซะ!” เบะปากเสียหนึ่งทีแล้วหัวเราะร่วนเดินเข้าห้องชมรมห้องเดิมไปพร้อมกับจงอิน จงฮยอนบอกให้รุ่นน้องผิวแทนวางข้าวของไว้ที่มุมห้องก่อนแล้วทยอยกันมาชั่งน้ำหนัก

     

    “แข่งทีมมีแพคฮยอน เซฮุน ชานยอล ส่วนเดี่ยวมีคยองซูคนเดียว”

     

    “อ้าว แล้วนี่นายไม่ลงแข่งกับเขาด้วยเหรอ?” มินโฮถามขึ้นเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างจงอินกับจงฮยอนขณะที่นักกีฬาประเภททีมกำลังทยอนกันชั่งน้ำหนัก คีย์ที่กำลังคุมตาชั่งและจดน้ำหนักก็หันมามองด้วยความแปลกใจเช่นกัน

     

    จงอินส่ายหัว “ไม่ล่ะ เป็นโค้ชดีกว่า จะได้สะดวกหน่อย ครั้งที่แล้วขึ้นไปสามคนสุดท้ายก็ได้แข่งแค่สอง ชานยอลอยู่ว่างๆ คราวนี้เลยลองผลัดให้เซฮุนเข้าไปบ้าง”

     

    “ได้ไงวะไค!? ทีอย่างนี้ล่ะไม่ลง” มินโฮแกล้งพูดเสียงดังขณะที่ริมฝีปากยังอมยิ้ม จงอินหัวเราะเบาๆ แล้วไหวไหล่ส่งๆ ตรวจเช็คความเรียบร้อยของทั้งสามคนที่ชั่งน้ำหนักกันครบแล้วก่อนจะให้พากันไปเซ็นชื่อในกระดาษบนโต๊ะตัวเดิม ขณะเดียวกันนั้นเอง จงฮยอนก็มาหยุดยืนใกล้ๆ มองคยองซูที่กำลังชั่งน้ำหนักเป็นคนต่อไปแล้วหันกลับมามองรุ่นน้องตัวสูงพริ้มยิ้มจางที่ริมฝีปาก

     

    “คิดดีแล้วใช่มั้ยว่าจะให้เป็นอย่างนี้?” จงอินเลิกคิ้วมองหน้าคนแก่กว่า “จะให้แข่งทีมโดยไม่มีแกน่ะ”

     

    “ผมว่าพวกพี่นี่แปลกๆ กันนะ ทำไมดูอยากจะให้ผมลงทีมกันจัง”

     

    “เออ ก็ไม่มีอะไรหรอก จริงๆ มันก็เป็นการตัดสินใจของประธานน่ะนะ จะให้ใครลงก็อยู่ที่แก แต่ไอ้ที่พวกฉันถามบ่อยๆ เนี่ยก็เพราะเห็นฟอร์มทีมของมหาลัย m กันแล้ว”

     

    สิ้นคำเอ่ยชื่อสถาบัน ทั้งจงอินและคยองซูต่างหันมองหน้าผู้พูดแทบจะพร้อมๆ กัน จงฮยอนพ่นลมหายใจออกมายาวพรืดแล้วมองหน้าเด็กรุ่นน้องทั้งสองคนสลับกันพร้อมยกยิ้มบาง

     

    ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทีมถัดไปที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู พร้อมส่งเสียงทักทายเพื่อนนักกีฬาคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนั้นเสียก่อน เรียกทุกสายตาของทุกคนให้หันกลับไปมอง

     

    ทุกอย่างคงจะปกติดีถ้าคนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกคือจางอี้ชิงผู้นำทัพนักกีฬามหาลัย m เหมือนครั้งก่อน หากแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป แม้ทั้งแทมิน จินกิ คีย์ มินโฮ รวมถึงจงฮยอนที่เพิ่งจะคุยอยู่กับรุ่นน้องต่างสถาบันสองคนตรงหน้าจะหันกลับไปรับโค้งพร้อมส่งยิ้มทักทายร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา แต่กับนักกีฬามหาลัย k ทุกคนกลับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบกัน แต่คงจะเป็นครั้งแรกที่บรรยากาศในการกลับมาพบกันอีกครั้งคงจะอึดอัดกว่าทุกที

     

    คยองซูยืนเบิกตากว้าง จนคำพูดอย่างสิ้นเชิง ได้แต่นิ่งเป็นหินไม่ต่างจากจงอินที่ยืนใกล้ๆ ทำได้แค่เพียงมองใครคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ทีละนิด รอยยิ้มพิฆาตบนริมฝีปากได้รูปยังคงเข้ากันได้ดีกับใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรดังที่ใครๆ ต่างกล่าวขวัญ แต่คยองซูรู้ดี รอยยิ้มนั้นกำลังทำให้เขาหายใจไม่ออกอย่างช้าๆ

     

    “ตัวเล็ก...นายจริงๆ ด้วย โดคยองซู”

     

    อู๋อี้ฟานเอ่ยทั้งรอยยิ้มขณะหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง โดยข้างๆ กันนั้นคือร่างราวไร้วิญญาณของคิมจงอิน


     

    TBC.



     

    Mirror* Talk : มาแล้วววว หายไปสองอาทิตย์เลย เราขอโทษนะคะทุกคน อันนี้น้อมรับความผิด คือเขียนไปได้เกินครึ่งแล้วเกิดอาการตัน TTvTT คือไม่ได้ตันพล้อตแต่ตันภาษา ตันอารมณ์ ด้วยอะไรหลายๆสิ่งเลยทำให้ได้มาลงเอาป่านนี้ ขอบคุณคนที่ยังทวงถามกันเข้ามาด้วยนะคะ ทวงกันมาเยอะๆเลย คนเขียนจะได้มีแรงกระตุ้น ฮา

    เอาล่ะ มาตอนนี้คนที่ทุกคนรอคอยก็ปรากฏตัวแล้ว 5555* เวลคัมพี่คริสหล่อไตพังแห่งวงการนะคะ(?) ขอให้ทุกคนต้อนรับเขาด้วยความยินดีด้วยนะคะ รับรองว่าเขาจะมาพร้อมความเข้มข้นของเรื่องราวต่อจากนี้แน่นอน ผ่าง ผ่าง ผ่าง!!

    ตอนนี้ไม่มีอะไรจะทอล์คมากเนอะ เป็นอันว่าหมาป่ากำลังออกอาละวาดแล้วววว สนับสนุนน้องกันเยอะๆ แล้วก็อย่าลืมติดตามฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ อีกไม่นานก็จะจบแล้ว(หรา) เดี๋ยวจะมีหัวข้อเกี่ยวกับการรวมเล่มมาแน่นอนถ้ามีคนต้องการค่ะ TTvTT อุ้ยว้าย(?)

    ขอบคุณทุกสายตาที่ได้กวาดทุกตัวอักษรนะคะ สามารถทวงฟิคและกรีดร้องได้ที่ @MirrorJK เผื่อใครยังไม่รู้เนอะ รักคนอ่านที่สุดเลย จุ๊บุ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×