คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Brother in law 1 (กำลังปรับปรุง)
ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก...
เสียงนาฬิกาเรือนเล็กบนโต๊ะติ๊กต่อกก่อนที่จะถึงเวลาปลุกและแผดเสียงร้อง ปลุกเจ้าของห้องที่กำลังฟุบหลับอยู่บนกองหนังสือให้สะดุ้งตื่น คนตัวเล็กเอื้อมมือไปตบปิดกริ่ง พร้อมคลำมือหยิบแว่นตามาสวม เปลือกตาสีมุกลืมขึ้นสลึมสลือ เข็มสั้นบนหน้าปัดบอกเวลาหกโมงแล้ว แบคฮยอนค่อยๆ ย้ายร่างอันแสนเหนื่อยล้าขึ้นไปนอนบนเตียงกะว่าจะงีบต่ออีกสักหน่อยหลังจากที่เผลอหลับไปยาวตีสองกว่าๆ
การเป็นนักเรียนม.ปลายที่แสนสาหัสสูบพลังชีวิตคนตัวเล็กไปจนหมด
ใบหน้าหวานซุกลงกับหมอนใบใหญ่ ทว่ายังไม่ทันจะได้หลับตาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
'ก๊อกๆๆๆ'
“แบคฮยอนตื่นหรือยัง”
“...........” แสร้งทำเป็นเงียบเพิกเฉยต่อเสียงเรียกของพี่สาว
หวังว่าจะได้นอนต่อสักหนึ่งนาทีแต่ฝันนั้นก็ต้องทลายเมื่อบานประตูสีขาวถูกผลักออก
“ลุกได้แล้ว วันนี้ต้องออกตั้งแต่เจ็ดโมงนะ”
แบคฮยอนรีบมุดหน้าเข้าผ้าห่มเพื่อหนีเสียงบ่น
แต่หญิงสาวผู้เป็นพี่ก็ไม่วายตามมาถลกผ้านวมออกพร้อมเขย่าตัวอีกฝ่ายให้รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ
“พี่ชานยอลจะมารับนะ เร็วด้วยล่ะ”
พอได้ยินคำว่า ‘พี่ชานยอล’ ดวงตาเรียวรีก็เบิกขึ้นอย่างอัตโนมัติ
คนตัวเล็กหันไปมองพี่สาวที่กำลังเดินออกจากห้องไปก่อนจะหยัดร่างขึ้นด้วยสภาพงัวเงีย
ผมสีดำอมน้ำตาลยุ่งเหยิง นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววความคิดบางอย่าง
คนตัวเล็กตัดสินใจลุกจากที่นอนเดินไปหยิบผ้าขนหนูพลางถอนลมหายใจ
แม้วิญญาณข้างในจะยังนอนอยู่บนเตียง
เวลาหกโมงครึ่งบรรยากาศบนโต๊ะอาหารภายในห้องครัวมีแต่เรื่องสนทนาของผู้ใหญ่
แบคฮยอนเดินลงมาด้วยสภาพงัวเงียไม่ต่างจากเดิมเพียงแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปทุกสายตาก็หันมามองก่อนที่แต่ละคนจะกลับไปสนใจอาหารต่อ
“มากินข้าวสิลูก”
“ยังไม่หิว” คนตัวเล็กส่ายหน้า
เดินผ่านผู้เป็นแม่ไปหยิบนมในตู้เย็นกับขนมปังหนึ่งห่อ
เช้านี้แบคฮยอนไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นเพราะความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเทสก่อนสอบ
“ไม่กินข้าวจะมีแรงทำข้อสอบหรอ”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม
ในใจเด็กหนุ่มได้แต่คิดว่ามันไม่เกี่ยวกันสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
มันคงดีกว่านี้ถ้าแบคฮยอนได้นอนแทนที่จะเสียเวลาไปกับการกินข้าว
“งั้นวันนี้ก็ตั้งใจเข้านะ
เอาให้ได้ที่หนึ่งอย่างแพยอน”
“เพิ่งกินข้าวกันหรอ”
เสียงทุ้มจากชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงช่วยหยุดบทสนทนาอันแสนน่าอึดอัดไว้
เป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวเล็กหันไปมองว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวพร้อมกับค้อมศีรษะทักทาย
ชานยอลเพียงแค่ยิ้มรับจางๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
เมื่อหมดธุระแบคฮยอนก็เลือกที่จะเดินออกมาจากห้องครัวไปยืนรอหน้าประตูแทน
กลิ่นน้ำหอมที่โชยอ่อนๆ
ออกมาจากปกเสื้อพี่ชายตัวสูง ทำหัวใจดวงเล็กเต้นแรงด้วยความประหม่า
อีกทั้งรอยยิ้มที่ทำให้อบอุ่นใจได้มากกว่าคำพูด
แบคฮยอนนั่งลงสวมรองเท้าผ้าใบสีเขรอะเนื่องจากขาดการดูแล ในอกเขาวูบโหวงไปหมด
ทั้งที่วันนี้มีติวสอบสำคัญแท้ๆ แต่ในหัวกลับคิดแต่เรื่องรกสมองแต่เช้า
“ผมไปแล้วนะครับ”
“งั้นก็ขับรถดีๆ นะ”
ได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกันอยู่ในห้องครัวเสมือนเป็นครอบครัวเดียวคนตัวเล็กหันไปมองพี่สาวที่กำลังกอดร่ำลากับแฟนหนุ่มก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
เด็กชายในชุดนักเรียนมัธยมลุกยืนขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวสูงเดินออกมาพร้อมกุญแจรถ
นายตำรวจหนุ่มยังคงสวมแจ๊คเก็ตสีดำตัวเก่งเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจอ
“ไปเร็ว เดี๋ยวสาย”
รองเท้าผ้าใบสองข้างย่ำผ่านพื้นคอนกรีตไปยังรถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่หน้ารั้ว แบคฮยอนขึ้นไปนั่งประจำที่ข้างคนขับพร้อมกับคาดสายเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ใบหน้าหวานเบือนเข้าหากระจก ดวงตาเรียวรีจับจ้องออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอกเพื่อหลบเลี่ยงการสบตาหรือสนทนาใดๆ กับคนข้างกาย
“วันนี้เราสอบหรอ” เจ้าของรถคันสีดำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบอันเป็นเอกลักษ์
เสียงเครื่องยนต์ถูกติดก่อนที่รถจะค่อยๆ ขับเคลื่อนออกไปช้าๆ
คนตัวสูงแอบลอบมองสีหน้าของน้องชายแฟนที่ดูเป็นกังวลพลางระบายยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“แค่ติวข้อสอบเฉยๆ”
“ทำไมทำหน้าไม่ดีเลย ไม่ต้องเครียด”
เขาเอื้อมมือไปหยิกแก้มเจ้าตัวเล็กเบาๆ
พร้อมส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาโดยหาได้รู้ตัวว่านั่นยิ่งเท่าให้อีกฝ่ายวิตก
แบคฮยอนกัดริมผีปากอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์
ทำเป็นไม่สนใจอาการหวั่นไหวที่กำลังเกิดขึ้น หัวใจของเขาทั้งเต้นแรงและหน่วงไปหมดทุกครั้งที่ถูกที่เขยทำดีด้วยเวลาอยู่ด้วยกันสองคน
ทั้งสายตาและการกระทำอันแสนอ่อนโยน
ราวกับเป็นช่วงเวลาเดียวที่ได้รับทั้งความอบอุ่นและความเอ็นดูแบบที่หาไม่ได้จากคนอื่น
“แล้วเลิกช้าไหม”
“ประมาณ 4 - 5โมง”
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับไปกินไอติม”
“แล้วพี่ไม่ต้องทำงานหรอ”
“สี่โมงก็ออกแล้ว” ชานยอลว่าพร้อมกับตบไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยออกถนนใหญ่ก่อนจะว่าต่อ “แล้ววันศุกร์ไปเที่ยวกับเค้าไหม”
“หึ ไม่ได้ไปฮะ ต้องอ่านหนังสือ”
คำถามแทงใจดำทำคนฟังหน้าหม่นลงเล็กน้อย
ริมฝีปากบางบุ้ยขึ้นอย่างนึกเซ็งเมื่อนึกถึงวันศุกร์ที่ต้องอดไปเที่ยวกับครอบครัวเนื่องจากติดอ่านหนังสือสอบ
ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นแค่ทริปบริษัทแต่ก็ยังเสียดายอยู่ดี
“อื้อ ถือซะว่าพักผ่อน” คนตัวสูงตอบไปแค่นั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ
รถยนต์คันหรูยังคงเคลื่อนตัวไปภายใต้บรรยากาศแสนเงียบ แบคฮยอนหยิบเอาหูฟังมาใส่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อบทสนทนาก่อนที่เปลือกตาจะหลับลงส่งตัวเองเข้าสู่โหมดพักแม้จะเป็นแค่เวลาไม่กี่นาที
“หลับไปเลยก็ได้ ถึงเดี๋ยวพี่ปลุก”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เด็กชายได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง
เหลือเพียงเจ้าของรถที่ยังทำหน้าที่ต่อไปอย่างเงียบๆ
“แบคฮยอน... แบคฮยอน...”
หลับลงไปเหมือนใช้เวลาเพียงชัวครู่
ไม่นานคนตัวเล็กก็ถูกปลุกด้วยเสียงเรียกของพี่ชาย
ดวงตาเรียวรีหรี่ปรืออย่างคนง่วงเต็มทนผมสีเข้มยุ่งไม่เป็นทรง
เป็นภาพที่นายตำรวจหนุ่มเห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้เลย
“ถึงแล้วครับ ไปเรียนได้แล้ว”
“อือ...” คนตัวเล็กครางตอบไปด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันไปเปิดประตูรถ
ก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันมาค้อมศีรษะขอบคุณพี่เขยอีกครั้ง ชานยอลส่งยิ้มจางๆ
ให้น้องชายคู่หมั้นพร้อมกับวางมือยีลงบนกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ตั้งใจนะ”
รอยยยิ้มกับสายตาและการกระทำแันแสนอบอุ่นของคนตัวโตทำเด็กหนุ่มอารมณ์วูบไหว
หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตัก
แบคฮยอนรีบก้มหน้างุดเพื่อซ่อนสีหน้าก่อนจะรีบปิดประตูลงมาทันที
ความว้าวุ่นเริ่มทำงาน ขณะที่ในหัวก็คิดว่าทำไมกันนะ ทำไมกันนะ...
สายตากับท่าทางใจดีแบบนั้นมันคืออะไรกันนะ
ทำไมต้องทำตัวขี้เล่นกับแบคฮยอนเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันสองคน
หรือว่าเป็นเพราะตัวเขาเองที่เอาแต่คิดเข้าข้างตัวเอง...
รอยยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่าอะไร
หรือใจดวงนี้มันคิดไม่ซื่อไปเอง...
ก็รู้อยู่หรอกว่ามันไม่ควรที่จะรู้สึกดีกับคนรักของพี่สาว
แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังห้ามไม่ได้
ทั้งที่รู้ว่าการทำแบบนี้กับคนที่ต้องการกำลังใจก็มีแต่จะทำให้หวั่นไหวแท้ๆ
ทำไมต้องมาทำตัวดีด้วยนะ แค่เฉยชาไปซะก็ยังดีกว่า กับความรู้สึกหวานอมขมกลืนนี้
ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย
ถ้าเลือกได้แบคฮยอนไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย...
.
.
.
15:28
บนโต๊ะทำงานในสำนักงานตำรวจ
นายตำรวจหนุ่มวางแก้วกาแฟลง เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า
เอกสารมากมายวางกองเกลื่อนเต็มโต๊ะ
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเรียกดวงตากลมโตให้หลุบมองรายชื่อบนหน้า
ชานยอลตัดสินใจกดปิดเสียงไปเมื่อเห็นว่าใครโทรมา
ข้างกองแฟ้มมีแต่ถ้วยกระดาษวางเต็มไปหมด
นาฬิกาบนจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาบ่ายสามกว่าๆ อีกชั่วโมงเศษชานยอลก็จะเลิกงานแล้ว
และเขาต้องตรงไปรับน้องแฟนที่โรงเรียนอีก
“ผู้กองครับ
ผู้กำกับขอแฟ้มคดีก่อนห้าโมงทันไหมครับ”
เสียงทวงงานจากนายตำรวจรุ่นน้องเรียกชายหนุ่มให้ต้องฟื้นจากการพัก
ชานยอลหันไปรื้อแฟ้มอยู่ครู่เดียวก็ส่งมันให้กับจีฮวานทำเอาลูกน้องยิ้มร่าเพราะไม่ต้องอยู่ทำงานเกินเวลาอีกเหมือนเคย
“วันนี้งานเร็วนะครับ”
“วันนี้ผมกลับไวนะ”
“ได้ครับผมบอกผู้กำกับให้” ร่างโปร่งยกมือขึ้นตะเบ๊ะตามนิสัยขี้เล่นก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
ปล่อยให้หัวหน้ากองได้ใช้เวลาที่เหลือพักผ่อน
ชานยอลเริ่มลงมือจัดเก็บแฟ้มต่างๆ
เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาตอนจะกลับบ้าน
เอกสารคดีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้สรุปถูกยัดลงชั้นเก็บของ
หน้าจอมือถือกระพริบวาบอีกครั้งแจ้งเตือนว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา ชายหนุ่มถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบเอามือถือมาปลดล็อคเพื่อส่งข้อความกลับหาคนรัก
ทันทีที่ข้อความถูกส่งกลับไปนายตำรวจหนุ่มก็กดปิดเครื่องแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง
ลุกขึ้นคว้ากุญแจกับเสื้อแจ๊คเก็ตเดินออกจากโต๊ะทำงานไปทันที
ที่หน้าโรงเรียนมัธยมทั้งนักเรียนและรถยนต์สัญจรกันอย่างเนืองแน่น
แบคฮยอนยืนนิ่วหน้าอยู่ข้างป้ายโรงเรียนเพื่อรอพี่ชายที่นัดหมายมารับ
หลุบมองนาฬิกาหลายครั้งจนแก้วโคล่าในมือเริ่มจะละลายจนหมดแล้ว
ขณะที่กำลังยืนอย่างเป็นกังวลเพราะโทรหาอีกฝ่ายไม่ติด
รถยนต์คันสีดำกับป้ายทะเบียนคุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดเทียบด้านหน้า
ไม่ต้องทันต้องบีบแตรแบคฮยอนก็โบกมือให้กับคนในรถทันที
เขารีบวิ่งไปเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ
และสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนเคย
แม้มันจะเป็นเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆ แต่ก็ทำให้อบอุ่นหัวใจจนอดคิดอะไรไม่ได้
“ได้โทรมาหรือเปล่า
พี่ลืมเปิดโทรศัพท์ไว้เลย เพิ่งนึกได้เปิดตอนจะถึง”
“โทรไป 2 – 3
ครั้ง นึกว่าจะไม่มาแล้ว”
“ไม่ผิดสัญญาหรอก” คนตัวสูงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะบังคับรถให้เคลื่อนไปตามทาง “วันนี้เป็นไงบ้าง”
“ก็พอทำได้ ไม่ยากเท่าไหร่”
หลังจากได้ลองทำแนวข้อสอบดูแล้วความกังวลใจของแบคฮยอนก็เริ่มคลายมากขึ้น
ใบหน้าหวานประดับด้วยยิ้มเล็กยิ้มน้อย แววตาเปล่งประกายอย่างสุกใสต่างจากเมื่อเช้า
พอยิ่งนึกถึงไอศครีมก็ยิ่งร่าเริงขึ้นไปอีก
“ก็ดีแล้ว แล้วไปแอบกินอะไรมา”
ชานยอลหันมองน้องชายข้างๆ พลางยกมือขึ้นใช้หลังนิ้วเช็ดคราบสีแดงเล็กๆ
ที่เหมือนกับซอสบนแก้มก่อนจะหันกลับไปสนใจมองทาง
สัมผัสเฉียดเบาๆ
บนผิวแก้มทำหัวใจคนตัวเล็กเริ่มทำงานหนักอีกครั้ง
แบคฮยอนผินหน้าออกหน้าต่างวางคางเกยกระจกรถ
ดึงหน้าตึงอย่างเก็บอาการโดยที่ในใจก็ได้แต่โวยวายให้อีกฝ่ายหยุดทำอย่างนี้เสียที
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มที่เห็นว่าอยู่ๆ
เจ้าตัวเล็กหน้าเปลี่ยนสีส่งเสียงหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปวางบนศีรษะ
ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเล่นเส้นผมจนคนถูกแกล้งต้องเอียงตัวหนี
แม้จะไม่ชอบใจที่รู้สึกหวั่นไหวนักแต่แบคฮยอนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขาสบายใจขึ้น
ตั้งแต่พี่สาวพาคนรักเข้ามาแนะนำตัวที่บ้าน
ชานยอลก็เป็นเหมือนพี่ชายคนเดียวที่ใส่ใจแบคฮยอนมากกว่าคนในครอบครัวซะอีก
ความอบอุ่นและความสุขุมแบบผู้ใหญ่ทำเด็กชายผู้แสนโดดเดี่ยวหวั่นไหวได้ไม่ยาก
แต่บางครั้งสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมาก็ทำให้อดเผลอคิดไม่ซื่อกับความใจดีของเขา
Ring ring ring ring ring
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หน้ารถดังสนั่น
ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบมันมากดรับพร้อมกับกรอกเสียงลงไป
“อื้อ... เพิ่งไปรับแบคฮยอน
จะไปหาอะไรกินก่อน”
[.................]
“ออกมาจากโรงเรียนแล้ว กำลังจะถึง”
[..................]
“อ่า... ถ้างั้นก็ได้... ครับ”
คนตัวสูงเอ่ยตอบรับออกไป
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยตอนที่พูดว่าครับ และเด็กชายข้างตัวก็สังเกตได้
ชานยอลวางโทรศัพท์พลางถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ระบายยิ้มเจื่อนๆ
บนใบหน้าอย่างนึกเสียดายเมื่อการกินไอติมวันนี้ต้องยกเลิกแล้ว
“พี่หรอ”
“อือ
บอกให้รีบกลับบ้านทำกับข้าวไว้ วันนี้คงไม่ไปกินแล้ว เอาไว้วันหลังพี่แอบพามา
ติดไว้ก่อน”
เมื่ออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้คนตัวเล็กก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทำความเข้าใจ
แบคฮยอนพยักหน้าหงึกหงักแววตาที่เคยรื่นเริงสลดลงเล็กน้อย ชานยอลก็ไม่รู้จะทำยังไง
มือหนาเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ ลงบนหลังมือขาว กอบกุมเรียวนิ้วเอาไว้
“ไว้วันหลังมากันสองคนนะ”
.
.
.
เวลาสี่ทุ่มเศษบนโต๊ะเขียนหนังสือเสียงเปิดหน้ากระดาษดังเบาๆ
ปลายปากกาตวัดเขียนยุกยิกลงบนไดอารี่เล่มโปรด
เจ้าของห้องยกมือขึ้นดันกรอบแว่นตรงสันจมูก
ดวงตาเรียวรีเหลือบมองปฏิทินที่บอกวันที่ 15 อีกสองวันก็จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์
ข้อความบรรยายความรู้สึกถูกถ่ายทอดลงบนหน้ากระดาษซึ่งอาบไล้ด้วยแสงจากโคมไฟ
คนตัวเล็กวางปากกาลงแล้วปิดหน้าสมุดพลางถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเอนหลังลงกับพนักพิงด้วยความเบื่อหน่าย
เรื่องน่าปวดหัวยุ่งเหยิงเต็มหัวไปหมด
แบคฮยอนตัดสินใจลุกจากเก้าอี้เพื่อออกไปหาอะไรหวานๆ
กินดับความกังวล บานประตูสีขาวถูกปิดอย่างเงียบเชียบ
คนตัวเล็กเดินย่องไปตามทางโดยอาศัยแสงจากไฟมือถือ
ขณะที่ผ่านประตูห้องนอนพี่สาวก็ไม่ลืมแอบชำเลืองตามองพลางถอนหายใจอย่างหนักก่อนที่เท้าจะก้าวผ่านไป
ไฟในห้องครัวที่ยังเปิดอยู่กับเสียงก๊อกแก๊กบอกเด็กชายว่าไม่ได้มีเขาคนเดียวที่ออกมาหาอะไรกินตอนกลางคืน
พอเดินเข้าไปก็เห็นแฟนของพี่สาวกำลังยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวกินแซนด์วิชอยู่เงียบๆ
ชานยอลเหลือบสายตามองผู้มาเยือน กล่าวทักทายเบาๆ
พร้อมกับยกขนมปังเป็นเชิงถามว่าต้องการไหมแต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้า
“นึกว่าพี่หลับไปแล้วซะอีก”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงมากเกินไป
แบคฮยอนเดินไปเปิดตู้เย็นค้นของหวานที่พอมีก่อนจะหยิบเค้กเหลือๆ กับไส้กรอกออกมา
“ก็หิวเหมือนเราแหละ”
“กินดึกๆ เดี๋ยวก็อ้วน” พูดออกไปโดยที่ไม่ได้ดูตัวเองสักนิด
แบคฮยอนนำจานไส้กรอกของเขาไปใส่ไมโครเวฟแล้วยืนรออย่างตั้งใจ ได้ยินเสียงคนด้านหลังหัวเราะเบาๆ
แต่ก็ไม่ได้หันไปมองเพราะกลัวจะเผลอแสดงอาการเขินออกมากับเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่คนตัวโตสวมใส่
นัยน์ตาสีอ่อนเอาแต่จับจ้องไปยังจานไส้กรอกที่กำลังหมุนวนไปช้าๆ
พลันหัวใจดวงเล็กก็ต้องกระตุกวูบเมื่อได้เห็นเงาสะท้อนของสายตาคนด้านหลังที่กำลังจ้องมองมา
สายตาแพรวพราวที่แฝงความอบอุ่นระคนเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มเล็กๆ
ตรงมุมปากที่ยิ่งทำให้รู้สึกหวั่นไหว
ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ...
“ตัวเองกินเค้กว่าคนอื่นได้หรอ”
ชานยอลเดินนำจานแซนด์วิชไปเปิดน้ำล้างในอ่างทั้งที่ปากยังเคี้ยวขนมปังตุ้ย
แอบเห็นสายตาคนข้างๆ เหลือบมามองค้อนเบาๆ ชายหนุ่มเพียงแค่ระบายยิ้มมาจางๆ
พอล้างจานเสร็จตอนเดินผ่านเจ้าตัวเล็กก็ไม่ลืมหันไปจับเสื้อแอบเช็ดมือจนแบคฮยอนหันมาง้างมือ
“พี่!”
ไม่ทันจะได้กล่าวว่าคนตัวสูงก็เดินหายลิ่วออกไปทางประตูแล้ว
เหลือเพียงเด็กชายที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับความรู้สึกหวั่นไหว
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเฮืกใหญ่ เหลียวมองเสื้อนอนที่ยังมีรอยมือเปียกอยู่
ชอบทำซะแบบนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกได้ยังไง...
คิดอะไรอยู่กันนะ...
_______________________________________________________________________________
วันเวลาหมดไปแต่กับการอ่านหนังสือ
ถ้าแบคฮยอนอ้วกออกมาตอนนี้คงมีแต่ข้อมูลที่สะสมอยู่ในสมอง เสียงไอค่อกแค่กดังเบาๆ
อาการครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นสัญญาณของอาการป่วยหลังจากที่แทบไม่ได้กินได้นอนมาหลายวัน
คนตัวเล็กตบยาเข้าปากและคิดเอาเองว่าอีกไม่นานคงหาย
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาตีสองแล้ว
หน้าหนังสือถูกปิดลง
เด็กชายผู้แสนเหนื่อยล้าถอดแว่นออกยกนิ้วนวดคลึงสันจมูกบรรเทาอาการล้าจากดวงตา
เนื่องจากว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดคืนนี้แบคฮยอนก็เลยสามารถนอนไวได้
เจ้าของห้องลุกจากเก้าอี้อ่านหนังสือไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหวังงีบสักหน่อย
ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมโถมเข้ามาทับร่างทันทีที่หัวถึงหมอน
ไม่ทันจะได้จับโทรศัพท์สักแป๊บก่อนนอน แอร์เย็นๆ
และผ้าห่มนุ่มก็ทำให้เปลือกตาหนักอึ้งจนฝืนไม่ไหว
แบคฮยอนหลับใหลลงพร้อมกับความเหนื่อยล้าปล่อยให้ร่างกายได้ชาร์จพลังก่อนจะเริ่มเดินทางต่อไป
เวลาหกโมงเช้าของวันศุกร์คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นมาตอนหกโมงพร้อมเสียงนาฬิกาปลุกด้วยความเคยชิน แบคฮยอนผวาเฮือกคว้ามือถือมาดูเวลาก่อนที่จะรู้ตัวว่าวันนี้เป็นวันหยุดพิเศษ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะล้มตัวทิ้งศีรษะที่หนักอึ้งลงบนหมอนอีกครั้ง
'ก๊อกๆๆๆ'
“แบคฮยอน พี่กับแม่จะไปแล้วนะ
อย่าลืมตื่นมากินข้าวแล้วกินยาด้วยนะ เดี๋ยวจะให้พี่ชานยอลเข้ามาดู”
เสียงเคาะประตูกับเสียงตะโกนของพี่สาวบอกแบคฮยอนว่าวันเวลาแห่งความสุขกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วเมื่อคนในครอบครัวออกไปเที่ยวกันหมด
และตัวเขาก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แขนเรียวกอบโกยผ้านวมมากอดไว้แน่น
ถึงจะรู้สึกเสียดายและเหงาอยู่นิดๆ
แต่บางทีนี่อาจจะดีแล้ว
แบคฮยอนเองก็ไม่อยากจะเอาตัวเองไปเป็นภาระของครอบครัวแล้วก็คงทำงานกร่อยเหมือนเดิม
อาการป่วยที่คั่งค้างมาตั้งแต่เมื่อวานทำเขาครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด
ทั้งคัดจมูก แสบตา แม้แต่ที่นอนก็ยังอุ่นเพราะอุณหภูมิร่างกาย
ได้ยินเสียงพ่อแม่กับพี่สาวคุยกันจอแจอยู่ที่ชั้นล่างก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงปิดประตูและเสียงสตาร์ทรถ
จากไปพร้อมความเงียบเหงาภายในบ้าน
เด็กหนุ่มได้แต่ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่
ทั้งที่เป็นวันหยุดทั้งทีแท้ๆ แทนที่จะได้นอนพักและอ่านหนังสือกลับมาป่วยซะได้
ผ้าห่มผืนหนาถูกตวัดขึ้นคุมร่างก่อนที่เปลือกตาจะหลับลง
พยายามไม่คิดอะไรเพื่อปล่อยให้ร่างกายได้พักอย่างเต็มที่
Ring ring ring irng ring
เสียงเรียกเข้ามือถือปลุกเจ้าของห้องที่นอนซมไข้อยู่บนเตียงให้ต้องปลุกสังขารลืมตาขึ้นมา
มือบางควานไปทั่วที่นอนคว้าเอามือถือมากดรับสาย
คนตัวเล็กกรอกเสียงงัวเงียลงไปโดยไม่ทันได้ดูรายชื่อโทรเข้า
ก่อนที่จะพบว่าปลายสายคือคนรักของพี่สาว
[แบคฮยอน ลงมาเปิดประตูให้พี่หน่อย]
“อือ... แป๊บนึง” คนป่วยยันกายขึ้นบนเตียงอย่างเชื่องช้า พอหลุบตาลงมองนาฬิกาในมือถือที่บอกเวลาบ่ายโมงเศษก็ต้องตกใจเล็กๆ
เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะนอนไปนานขนาดนี้ ขาเรียวก้าวลงจากเตียง
ถลกเสื้อนอนตัวโคร่งเดินโงนเงนออกไปจากห้องเหมือนร่างไร้วิญญาณ
รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายจะร้อนขึ้นกว่าเมื่อเช้าซะอีก..
แบคฮยอนเดินลงไปเปิดประตูบ้านต้อนรับพี่ชายที่ยืนรออยู่พร้อมกับถุงของจากร้านสะดวกซื้อในมือมากมาย
อาการไข้ทำเขาแสบตาไปหมด ทั้งน้ำมูกน้ำตาหยดจนต้องใช้คอเสื้อเช็ด
“กินข้าวกินยาไปหรือยัง”
“ยังเลย เพิ่งตื่น”
“ไข้ลดลงไหม” ชานยอลนำถุงของไปวางไว้บนโซฟาพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก
แก้มและลำคอเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อวัดอุณหภูมิ
ทำเอาคนป่วยต้องย่นคอด้วยความรู้สึกประหลาด “ตัวร้อนเหมือนกันนะเนี่ย”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คนตัวสูงกลับระบายยิ้มออกมากับท่าทีประหม่าของน้องชายตัวเล็กแบบปิดไม่อยู่
ทำอย่างกับเป็นการหยอกล้อ เขาก้มลงไปรื้อของในถุงก่อนจะหยิบแผงยาส่งให้คนป่วย
“แม่ทำข้าวไว้ให้ใช่ไหม
เดี๋ยวพี่ไปอุ่นให้ กินแล้วจะได้กินยา”
คนตัวเล็กไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่เขอะเขินกับการกระทำที่คาดเดาไม่ได้ของชายหนุ่ม
น้ำเสียงทุ้มราบเรียบและสายตาอบอุ่นที่มองมาทำหัวใจดวงเล็กสั่นไหวอีกครั้งและอีกครั้ง
ในเสี้ยวความคิดแบคฮยอนแอบอยากลองเป็นพี่สาวดูสักครั้ง
แพยอนได้รับการดูแลที่ดีแบบนี้แค่ไหนกัน แต่ไหนแต่ไรพี่ก็ได้แต่ความเอ็นดูอยู่ตลอด
“เดี๋ยวเค้าทำเองก็ได้” กว่าจะได้เปิดปากพูดคนตัวสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวแล้ว
แบคฮยอนรีบหิ้วขนของตามไปช่วย แม้จะไม่สบายแต่ก็พอจัดการได้ไหว
“ไม่ต้องทำก็ได้ เราน่าจะไปพัก”
“ไม่เป็นไร” เจ้าของบ้านปฏิเสธ ถุงของสองใบใหญ่ถูกนำไปวางบนเคาน์เตอร์ติดผนัง
แบคฮยอนจัดการนำของทีละชิ้นมาจัดเรียงเข้าตู้โดยเริ่มจากชั้นล่างโดยมีเสียงเครื่องครัวดังเบาๆ
อยู่ด้านหลัง ความประหม่าทำคนตัวเล็กไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวเพราะกลัวจะสบตาเข้าจนทำอะไรไม่ถูก
ของชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกเก็บเข้าตู้จนแน่นเอี๊ยดเหลือเพียงของที่ต้องแช่
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นขนมช็อคโกแลตอันโปรดที่ตัวเองเคยซ่อนพี่สาวเอาไว้หลังตู้
แบคฮยอนเขย่งปลายเท้าเอื้อมมือสุดแขนพยายามใช้ปลายนิ้วเขี่ยมันให้ตกแต่ความดันที่ตกลงอย่างรวดเร็วกลับทำให้เขาเกือบจะวูบล้มถ้าไม่มีฝ่ามือด้านหลังคอยดันไว้
“จะเอาทำไมไม่บอก”
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับฝ่ามือหนาที่วางลงบนเอวคอด ชานยอลเอื้อมมือหยิบซองช็อคโกแลตสีเขียวบนชั้น สัมผัสได้ถึงแรงบีบเบาๆ จากฝ่ามือบนเอวที่ทำให้หัวใจเต้นโครมครามก่อนที่คนด้านหลังจะละกายออก
แบคฮยอนพยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองด้วยการบอกว่าพี่ชานยอลคงแค่ดันตัวออกเฉยๆ
ตอนนี้สติเขาสับสนไปหมดจากทั้งพิษไข้และอาการวูบไหว
แบคฮยอนคงต้องพักสักหน่อยหลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ
“พี่จะกลับไปทำงานเดี๋ยวตอนเย็นมาหาอีกรอบ
พี่เอากุญแจบ้านไปนะ”
“ฮะ”
“แล้วก็นอนซะ” นายตำรวจหนุ่มสั่งกับเจ้าของบ้านราวกับเป็นพ่อก่อนที่จะปิดงับบานประตูลง
ปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนพักผ่อน
หลังจากที่พี่เขยเดินออกไปความเงียบก็กลับเข้าสู่บรรยากาศอีกครั้ง
แบคฮยอนได้แต่นอนกระวนกระวายว้าวุ่น
จะหลับก็หลับไม่ลงในหัวมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้
ได้แต่ข่มเปลือกตาให้หลับลงทั้งที่สติยังอยู่จนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูบ้านอีกครั้งและเสียงสตาร์ทรถ
ทำไมกันนะ... ทำไมกันนะแบคฮยอน...
.
.
.
เวลาเที่ยงคืนเศษคนป่วยบนเตียงยังเอาแต่นอนพลิกกายไปมาด้วยความไม่สบายตัว
ความรู้สึกร้อนวูบวาบทำคนตัวเล็กกระวนวายอย่างไม่มีสาเหตุ
ไข้ของแบคฮยอนยังไม่ลดลงและดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นด้วย
ปรอทวัดไข้ที่บอกอุณหภูมิ 38 องศาเศษๆ
ถูกวางลงในแก้ว ชายหนุ่มที่ต้องรับหน้าที่ดูแลคนป่วยเริ่มกังวลจนถึงตอนนี้ชานยอลก็ตัดสินใจจะไม่กลับบ้านหลังจากที่รอดูอาการน้องชายมาตั้งแต่สี่ทุ่ม
แบคฮยอนเอาแต่พลิกหน้าไปมา คิ้วเรียวขมวดมุ่น
บางครั้งก็ส่งเสียงอิ๊ดออกมาจากในลำคอ
พี่ชายในหน้าที่ถอนลมหายใจด้วยความเป็นกังวลขณะใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นถูเช็ดไปตามแขนขาและร่างกายของร่างเล็กเพื่อบรรเทาพิษไข้
“อื้อ...” แบคฮยอนส่งเสียงครางงึดในลำคอทั้งยังพยายามส่ายหน้าหนีผ้าเปียกๆ
มือบางปัดออกมาขยุ้มเสื้อคนข้างเตียงแน่น
ดวงตาเรียวรีปรือปรอยหยดน้ำตาเกราะพราวทั่วแพรขนตา
ชานยอลหลุบสายตาลงมองฝ่ามือน้อยที่ขยุ้มอยู่บนเสื้อ
ก่อนจะค่อยๆ จับมันคลายออก เขาใช้ผ้าชื้นน้ำเช็ดลงบนฝ่ามือและเรียวนิ้วช้าๆ
อย่างบรรจง ขณะที่สายจดจ้องไปยังดวงหน้าหวาน
ในห้วงอารมณ์ที่แสนนุ่มลึก
ความรู้สึกมากมายซ่อนอยู่ภายใต้แววตานิ่งสนิทเหมือนน้ำทะเลซ่อนคลื่นเชี่ยวกราก
ชายหนุ่มขยับกายขึ้นไปนั่งบนเตียง ฝ่ามือสอดประสานกับมือเล็กๆ ที่กำแน่น
พยายามห้ามใจห้ามความรู้สึกแต่ก็อดแตะมือลงกับลำคอระหงส์ไม่ได้
คนป่วยขยับเปลือกตาเหมือนรู้ตัว นัยน์ตาสีอ่อนเชยขึ้นมองพี่เขย
ความชุ่มชื้นจากหยาดน้ำตาทำให้แววตาดูเว้าวอนไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“พี่ชานยอล...”
ริมฝีปากสีแดงสดขยับเอื้อนเสียงแผ่ว
ไม่ต้องมีคำพูดใดนอกจากสองสายตาที่สบจ้องกัน...
คนตัวสูงโน้มกายลงบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างไม่อาจห้ามใจ
รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ส่งทอดมาถึง เสียงครางอื้อเล็ดรอดออกมาเบาๆ
ไม่ทันไรคนด้านบนก็บดกลีบปากลงซ้ำด้วยแรงที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม
ราวกับไฟได้ถูกจุดขึ้นระหว่างถ่านครุสองก้อน
ชานยอลต่อต้านความต้องการไม่ไหว
ขณะที่แบคฮยอนปวกเปียกอ่อนแรงได้แต่ปล่อยกายให้เต็มใจรับสัมผัสจากริมฝีปากที่บดทับลงมา
ฝ่ามือที่จับประสานกันถูกกดลงกับที่นอน
อีกข้างยกขึ้นแตะต้นแขนคนด้านบนก่อนที่จะถูกกดข้อมือติดเตียงไปพร้อมกัน
พิษไข้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันแต่ก็เป็นฝันที่เต็มใจโอบรับ....
'จ๊วบ จ๊วบ'
สองริมฝีปากจูบปะทะกันอย่างโหยหาจนเกิดเสียงดังน่าอาย
ชานยอลทั้งดูดดึงและขบริมฝีปากน้องอย่างเอาแต่ใจ
บอกตัวเองว่าควรหยุดซะตั้งแต่ตอนนี้แต่กลับไม่สามารถทำได้ ยิ่งได้ยินเสียงครางอื้ออึงเล็กๆ
จากในลำคอก็ยิ่งอดใจไม่ไหว
อุณหภูมิในร่างกายไม่อาจสู้ไฟรักที่โหมแรง คนตัวสูงละกายออกมาจดจ้องใบหน้านิ่วของคนด้านล่าง คิ้วเรียวขมวดย่นอย่างน่าสงสาร เพียงแค่ก้มลงงับริมฝีปากเบาๆ บนลำคอร่างเล็กก็กระตุกเกร็งด้วยความผวา ชานยอลยิ่งได้ใจทั้งขบทั้งไซ้ซอกคอขาวอย่างลุ่มหลง ไล่ปลายจมูกขึ้นไปถึงใต้คางสร้างสัมผัสสยิวจนคนป่วยส่งเสียงร้องฮื่อ ขนทั่วร่างลุกชูชัน ตัวเกร็งอย่างห้ามไม่ได้
ความบริสุทธิ์ทำให้ร่างกายแบคฮยอนไวสัมผัสไปหมด
ร่างเล็กๆ บิดไปมาเป็นการตอบสนองต่อสัมผัสพี่เขย
ชายหนุ่มประทับจูบลงที่ใบหูหยอกเอินด้วยการขบเบาๆ
ซุกไซ้ให้คนตัวเล็กตายใจขณะที่เลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อนอนออก
ชานยอลห้ามตัวเองไม่อยู่ ทำตัวเป็นน็อตหลุด
ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในโหมครุโดยไม่ต้องใช้การสื่อสารใดๆ
ปลายจมูกโด่งไซ้ไปทั่วลำคอขาวผ่อง ขบริมฝีปากเบาๆ บนผิวเนื้อและตามด้วยเรียวลิ้น
“ฮ่ะ... พี่ชานยอล...”
“หื้อ...” เสียงทุ้มยังคงฟังอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกทีผิดจากการกระทำ
มือหนาลากลงไปสัมผัสหน้าท้องที่แขม่วเกร็งจนเป็นหลุม ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือคลึงเบาๆ
ตรงสะดือก่อนจะลากไปลูบวนบนท้องน้อยที่เป่งแน่น
“อื้อ... ฮ่ะ...”
ริมฝีปากอิ่มเคลื่อนไปทำรอยดูดเล็กๆ
บนหัวไหล่เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ
ชานยอลพลิกกายขึ้นคร่อมร่างน้อยเหยียดหลังถอดเสื้อแจ๊คเก็ตและเสื้อยืดสีดำออกทางศีรษะโชว์มัดกล้ามหัวไหล่และหน้าท้อง
นัยน์ตาสีดำสนิทจดจ้องไปยังดวงตาปรือปรอยของคนตัวเล็ก
ปลายนิ้วหัวแม่มือปาดเกลี่ยริมฝีปากสีสดไปมาอย่างอ้อยอิงก่อนจะยัดเข้าไปในโพลงปาก
ขณะที่มืออีกข้างปลดเข็มขัดเป็นพัลวัน แรงดูดเบาๆ
กับสัมผัสนุ่มลื่นที่คลุกเคล้าอยู่กับนิ้วหัวแม่มือทำชานยอลจินตนาการเตลิด
ชายหนุ่มหมอบกายลงบดจูบบนกลีบปากบางอีกครั้ง
คราวนี้เขาทั้งสอดเรียวลิ้นเข้าไปสัมผัสความร้อนในโพลงปากอย่างลึกซึ้ง
ขณะที่ลิ้นเล็กพยายามตอบโต้อย่างไม่ประสา กางเกงยีนส์เนื้อดีถูกถกลงมากองบนหน้าขา
นัยน์ตาสีดำสนิทสบจ้องกับเจ้าของแววตาหวานเชื่อม
ความรู้สึกที่แอบเก็บซ่อนไว้ส่งผ่านถึงกันโดยไร้คำพูด
ชานยอลประทับจูบเบาๆ อย่างนุ่มนวล
ก่อนที่คนตัวเล็กจะหลับลง...
“อยากทำไหม”
“อื้อ”
“เก็บไว้เป็นความลับนะ...”
cut
.
.
.
เวลาสิบโมงของวันหยุดเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือปลุกเจ้าของเครื่องให้ต้องตื่นมารับสายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
แบคฮยอนพบว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดพี่ชายตำรวจ
แผ่นอกเปลือยเปล่าตอกย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าไม่ได้เป็นแค่ฝัน
อาการไข้จับสั่นของเขาทุเลาลงแต่ถูกแทนที่ด้วยความสับสนมากมายเกิดขึ้นในใจ
“ตื่นแล้วหรอ”
เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกคนตัวเล็กให้ต้องเหลือบตามองเจ้าของใบหน้าคมคาย
ชานยอลพลิกกายกอดร่างน้อยไว้หลวมๆ
ก่อนดวงตากลมโตจะลืมขึ้นท่ามกลางแสงสลัวของแดดที่รอดผ้าม่านเข้ามา
“อื้อ” แบคฮยอนทำตัวไม่ถูกไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับอีกฝ่าย
หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอๆ จากคนตรงหน้า
“ไข้ลดลงแล้วนี่” ชานยอลอังมือกับหน้าผากและต้นคอน้องชายเพื่อวัดอุณหภูมิ
ดูเหมือนอาการไข้แบคฮยอนจะลดลงแล้วจากเมื่อคืน “หิวข้าวไหม”
“ไม่เท่าไหร่” ริมฝีปากบ่นคำพูดพึมพำ แบคฮยอนเอาแต่คิดว่าพี่ชายจะไม่พูดอะไรหน่อยหรอกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ต่างฝ่ายต่างเอาแต่เงียบ ตัวเขาเองก็ไม่กล้าถามเพียงเพราะแค่คำพูดคำเดียว ‘เก็บไว้เป็นความลับนะ’
ไม่รู้ว่ามันคือความสัมพันธ์แบบไหน แค่หวั่นไหว
เพียงหาความสนุกทางกายหรือมีอย่างอื่นมากกว่านั้น
เสียตัวครั้งแรกให้กับพี่เขย
แถมยังหลงรักเขาข้างเดียว
ไม่รู้ทำไมถึงหลงใหลได้มากขนาดนี้แต่แบคฮยอนห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้เลย...
“งั้นทำกินอยู่บ้านก็ได้เนอะ”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามากดจูบลงบนขมับทำอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดาของคู่รัก
ยิ่งสร้างความหวั่นไหวในใจเด็กหนุ่มให้อดคิดไม่ได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำ
ดวงตากลมโตหลุบมองพวงแก้มและแพขนตาคนในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดู
มือหนาลูบวนบนหัวไหล่มนก่อนจะลากลงจากเรียวแขนไปวางบนเอว
เรื่องทั้งหมดนี้... แค่เป็นความลับก็พอ...
ภายในห้องครัวกลิ่นหอมฟุ้งของข้าวต้มลอยตลบอบอวลด้วยฝีมือเจ้าของบ้าน
แบคฮยอนยืนมองข้าวในหม้อเดือดปุดๆ พร้อมกับความคิดมากมายที่วิ่งวนอยู่ในหัว
ทั้งเรื่องสอบ เรื่องป่วย ไหนจะเรื่องความรักตอนนี้อีก
“กำลังออกไปทำงาน อือ...
เมื่อคืนนอนค้างนี่”
เสียงคุยโทรศัพท์ดังเข้ามาในครัว
ไม่ต้องเดาก็รู้อีกฝ่ายกำลังคุยกับใคร
คนตัวเล็กเพียงแค่หันไปมองพี่เขยครู่เดียวก็หันไปสนใจหม้อต้มต่อ
สองมือวางเท้ากับเคาน์เตอร์
พยายามไม่สนใจฟังสิ่งที่คนตัวโตกำลังคุยกับคนแฟนสาวซึ่งก็คือพี่ของตนเอง
“ไม่เป็นไรแล้ว ลุกมาทำกับข้าวได้”
เสียงทุ้มเข้ามาใกล้จากด้านหลัง
จนรู้สึกได้ถึงแรงเบียดจากแผ่นหลังและกลิ่นน้ำหอมผู้ชายจางๆ
ที่ลอยฟุ้งออกมาก่อนที่มือหนาจะวางลงบนเอว
“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
สายโทรศัพท์มือถือถูกวางลงพร้อมกับความเงียบที่เกิดขึ้น
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาคนอายุมากกว่าแล้วก็พบกับรอยยิ้มเล็กๆ
แสนอบอุ่นที่มักจะได้รับเป็นประจำ ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย
“หอมจัง” รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดใบหู
คนตัวเล็กย่นคอหนีด้วยความตกใจเมื่อพี่ชายตัวสูงโน้มใบหน้ามาทำจมูกฟุดฟิดแถวข้างแก้ม
“ไม่นึกว่าทำกับข้าวเก่งด้วย”
เขาเอ่ยแซวพร้อมกับเลื่อนมือจากเอวมาวางบนศีรษะทุย
ชานยอลวางท่าทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน
แม้ว่าเขาจะออกอาการอย่างชัดเจนกับการสัมผัสเนื้อตัวน้องชายแฟนอย่างทั่วถึง
“เมื่อกี้พี่หรอ”
“อือ พี่จะไปทำงานนะ
ถ้าอยากได้อะไรก็โทรไปบอก”
“ฮะ” คนตัวเล็กเพียงแค่ตอบรับไป
ใบหน้าหวานก้มงุด แม้ในใจจะมีคำถามมากมาย
อยากจะพูดให้มากกว่าที่รู้สึกแต่ก็ทำได้แค่เงียบ
“รีบๆ
หายเผื่อตอนเย็นพี่กลับไวจะได้ออกไปกินข้าวข้างนอก” ชายหนุ่มว่าทั้งยีศีรษะคนอายุน้อยด้วยความเอ็นดู
ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปทิ้งให้เจ้าตัวเล็กได้แต่ยืนใจเต้นอยู่คนเดียว
ดวงตาเรียวรีเหลือบมองแผ่นหลังหนาที่หายลับออกไปจากประตู
มือบางจิกลงกับเคาน์เตอร์หินอ่อนแน่นด้วยความประหม่า
ทั้งที่อาการไข้ทุเลาลงแล้วแท้ๆ แต่ใบหน้ากลับร้อนเห่อไปหมด
ตอนที่พี่สาวไม่อยู่แบบนี้
แบคฮยอนก็อย่างกับได้ครอบครองพี่ชายใจดีของเขาเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นแหละ...
ทำไมกันนะ... ทำไมต้องทำเป็นใจดีด้วย
เขาต้องการอะไรกันนะ...
1/?
#ficbtl
หายไปนานเลยค่ะ :D บอกไว้ว่าจะแต่งตอนสั้นหนึ่งหมื่นคำแต่กลายเป็นว่าเกือบหมื่นคำแล้วยังได้ไม่ครึ่งตอนเลย มู้ดมันอาจจะกรึ่มๆ หน่อย ฮ่าาา ถ้าเจอคำผิดก็แคปไว้บอกได้เลยนะคะเดี๋ยวมาแก้ไขเพิ่มเติม
อาจจะตรวจไม่หมด ขอบคุณกั๊บ :3
ปล.ไม่รู้จะตั้งแท็กว่าอะไร
ชื่อเรื่องก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันค่ะ แงร๊ย
ความคิดเห็น