ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #22 : Brother in law 1 (กำลังปรับปรุง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.86K
      343
      29 ต.ค. 63

     



    ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก...

     

    เสียงนาฬิกาเรือนเล็กบนโต๊ะติ๊กต่อกก่อนที่จะถึงเวลาปลุกและแผดเสียงร้อง ปลุกเจ้าของห้องที่กำลังฟุบหลับอยู่บนกองหนังสือให้สะดุ้งตื่น คนตัวเล็กเอื้อมมือไปตบปิดกริ่ง พร้อมคลำมือหยิบแว่นตามาสวม เปลือกตาสีมุกลืมขึ้นสลึมสลือ เข็มสั้นบนหน้าปัดบอกเวลาหกโมงแล้ว แบคฮยอนค่อยๆ ย้ายร่างอันแสนเหนื่อยล้าขึ้นไปนอนบนเตียงกะว่าจะงีบต่ออีกสักหน่อยหลังจากที่เผลอหลับไปยาวตีสองกว่าๆ

     

    การเป็นนักเรียนม.ปลายที่แสนสาหัสสูบพลังชีวิตคนตัวเล็กไปจนหมด ใบหน้าหวานซุกลงกับหมอนใบใหญ่ ทว่ายังไม่ทันจะได้หลับตาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

     

    'ก๊อกๆๆๆ'

     

    แบคฮยอนตื่นหรือยัง

     

    “...........” แสร้งทำเป็นเงียบเพิกเฉยต่อเสียงเรียกของพี่สาว หวังว่าจะได้นอนต่อสักหนึ่งนาทีแต่ฝันนั้นก็ต้องทลายเมื่อบานประตูสีขาวถูกผลักออก

     

    ลุกได้แล้ว วันนี้ต้องออกตั้งแต่เจ็ดโมงนะ

     

    แบคฮยอนรีบมุดหน้าเข้าผ้าห่มเพื่อหนีเสียงบ่น แต่หญิงสาวผู้เป็นพี่ก็ไม่วายตามมาถลกผ้านวมออกพร้อมเขย่าตัวอีกฝ่ายให้รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ

     

    พี่ชานยอลจะมารับนะ เร็วด้วยล่ะ

     

    พอได้ยินคำว่า พี่ชานยอลดวงตาเรียวรีก็เบิกขึ้นอย่างอัตโนมัติ คนตัวเล็กหันไปมองพี่สาวที่กำลังเดินออกจากห้องไปก่อนจะหยัดร่างขึ้นด้วยสภาพงัวเงีย ผมสีดำอมน้ำตาลยุ่งเหยิง นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววความคิดบางอย่าง

     

    คนตัวเล็กตัดสินใจลุกจากที่นอนเดินไปหยิบผ้าขนหนูพลางถอนลมหายใจ แม้วิญญาณข้างในจะยังนอนอยู่บนเตียง

     


     

     

     

     

     

     

    เวลาหกโมงครึ่งบรรยากาศบนโต๊ะอาหารภายในห้องครัวมีแต่เรื่องสนทนาของผู้ใหญ่ แบคฮยอนเดินลงมาด้วยสภาพงัวเงียไม่ต่างจากเดิมเพียงแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ ทันทีที่เขาเดินเข้าไปทุกสายตาก็หันมามองก่อนที่แต่ละคนจะกลับไปสนใจอาหารต่อ

     

    มากินข้าวสิลูก

     

    ยังไม่หิวคนตัวเล็กส่ายหน้า เดินผ่านผู้เป็นแม่ไปหยิบนมในตู้เย็นกับขนมปังหนึ่งห่อ เช้านี้แบคฮยอนไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นเพราะความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเทสก่อนสอบ

     

    ไม่กินข้าวจะมีแรงทำข้อสอบหรอชายวัยกลางคนเอ่ยถาม ในใจเด็กหนุ่มได้แต่คิดว่ามันไม่เกี่ยวกันสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป มันคงดีกว่านี้ถ้าแบคฮยอนได้นอนแทนที่จะเสียเวลาไปกับการกินข้าว

     

    งั้นวันนี้ก็ตั้งใจเข้านะ เอาให้ได้ที่หนึ่งอย่างแพยอน

     

    เพิ่งกินข้าวกันหรอ

     

    เสียงทุ้มจากชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงช่วยหยุดบทสนทนาอันแสนน่าอึดอัดไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวเล็กหันไปมองว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวพร้อมกับค้อมศีรษะทักทาย ชานยอลเพียงแค่ยิ้มรับจางๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เมื่อหมดธุระแบคฮยอนก็เลือกที่จะเดินออกมาจากห้องครัวไปยืนรอหน้าประตูแทน

     

    กลิ่นน้ำหอมที่โชยอ่อนๆ ออกมาจากปกเสื้อพี่ชายตัวสูง ทำหัวใจดวงเล็กเต้นแรงด้วยความประหม่า อีกทั้งรอยยิ้มที่ทำให้อบอุ่นใจได้มากกว่าคำพูด แบคฮยอนนั่งลงสวมรองเท้าผ้าใบสีเขรอะเนื่องจากขาดการดูแล ในอกเขาวูบโหวงไปหมด ทั้งที่วันนี้มีติวสอบสำคัญแท้ๆ แต่ในหัวกลับคิดแต่เรื่องรกสมองแต่เช้า

     

    ผมไปแล้วนะครับ

     

    งั้นก็ขับรถดีๆ นะ

     

    ได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกันอยู่ในห้องครัวเสมือนเป็นครอบครัวเดียวคนตัวเล็กหันไปมองพี่สาวที่กำลังกอดร่ำลากับแฟนหนุ่มก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

     

    เด็กชายในชุดนักเรียนมัธยมลุกยืนขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวสูงเดินออกมาพร้อมกุญแจรถ นายตำรวจหนุ่มยังคงสวมแจ๊คเก็ตสีดำตัวเก่งเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจอ

     

    ไปเร็ว เดี๋ยวสาย

     

    รองเท้าผ้าใบสองข้างย่ำผ่านพื้นคอนกรีตไปยังรถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่หน้ารั้ว แบคฮยอนขึ้นไปนั่งประจำที่ข้างคนขับพร้อมกับคาดสายเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ใบหน้าหวานเบือนเข้าหากระจก ดวงตาเรียวรีจับจ้องออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอกเพื่อหลบเลี่ยงการสบตาหรือสนทนาใดๆ กับคนข้างกาย

     

    วันนี้เราสอบหรอเจ้าของรถคันสีดำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบอันเป็นเอกลักษ์ เสียงเครื่องยนต์ถูกติดก่อนที่รถจะค่อยๆ ขับเคลื่อนออกไปช้าๆ คนตัวสูงแอบลอบมองสีหน้าของน้องชายแฟนที่ดูเป็นกังวลพลางระบายยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

     

    แค่ติวข้อสอบเฉยๆ

     

    ทำไมทำหน้าไม่ดีเลย ไม่ต้องเครียดเขาเอื้อมมือไปหยิกแก้มเจ้าตัวเล็กเบาๆ พร้อมส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาโดยหาได้รู้ตัวว่านั่นยิ่งเท่าให้อีกฝ่ายวิตก

     

    แบคฮยอนกัดริมผีปากอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์ ทำเป็นไม่สนใจอาการหวั่นไหวที่กำลังเกิดขึ้น หัวใจของเขาทั้งเต้นแรงและหน่วงไปหมดทุกครั้งที่ถูกที่เขยทำดีด้วยเวลาอยู่ด้วยกันสองคน ทั้งสายตาและการกระทำอันแสนอ่อนโยน ราวกับเป็นช่วงเวลาเดียวที่ได้รับทั้งความอบอุ่นและความเอ็นดูแบบที่หาไม่ได้จากคนอื่น

     

    แล้วเลิกช้าไหม

     

    ประมาณ 4 - 5โมง

     

    งั้นเดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับไปกินไอติม

     

    แล้วพี่ไม่ต้องทำงานหรอ

     

    สี่โมงก็ออกแล้วชานยอลว่าพร้อมกับตบไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยออกถนนใหญ่ก่อนจะว่าต่อ แล้ววันศุกร์ไปเที่ยวกับเค้าไหม

     

    หึ ไม่ได้ไปฮะ ต้องอ่านหนังสือคำถามแทงใจดำทำคนฟังหน้าหม่นลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางบุ้ยขึ้นอย่างนึกเซ็งเมื่อนึกถึงวันศุกร์ที่ต้องอดไปเที่ยวกับครอบครัวเนื่องจากติดอ่านหนังสือสอบ ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นแค่ทริปบริษัทแต่ก็ยังเสียดายอยู่ดี

     

    อื้อ ถือซะว่าพักผ่อนคนตัวสูงตอบไปแค่นั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ รถยนต์คันหรูยังคงเคลื่อนตัวไปภายใต้บรรยากาศแสนเงียบ แบคฮยอนหยิบเอาหูฟังมาใส่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อบทสนทนาก่อนที่เปลือกตาจะหลับลงส่งตัวเองเข้าสู่โหมดพักแม้จะเป็นแค่เวลาไม่กี่นาที

     

    หลับไปเลยก็ได้ ถึงเดี๋ยวพี่ปลุก

     

    นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เด็กชายได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง เหลือเพียงเจ้าของรถที่ยังทำหน้าที่ต่อไปอย่างเงียบๆ

     

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอน... แบคฮยอน...

     

    หลับลงไปเหมือนใช้เวลาเพียงชัวครู่ ไม่นานคนตัวเล็กก็ถูกปลุกด้วยเสียงเรียกของพี่ชาย ดวงตาเรียวรีหรี่ปรืออย่างคนง่วงเต็มทนผมสีเข้มยุ่งไม่เป็นทรง เป็นภาพที่นายตำรวจหนุ่มเห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้เลย

     

    ถึงแล้วครับ ไปเรียนได้แล้ว

     

    อือ...คนตัวเล็กครางตอบไปด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันไปเปิดประตูรถ ก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันมาค้อมศีรษะขอบคุณพี่เขยอีกครั้ง ชานยอลส่งยิ้มจางๆ ให้น้องชายคู่หมั้นพร้อมกับวางมือยีลงบนกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

     

    ตั้งใจนะ

     

    รอยยยิ้มกับสายตาและการกระทำแันแสนอบอุ่นของคนตัวโตทำเด็กหนุ่มอารมณ์วูบไหว หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตัก แบคฮยอนรีบก้มหน้างุดเพื่อซ่อนสีหน้าก่อนจะรีบปิดประตูลงมาทันที ความว้าวุ่นเริ่มทำงาน ขณะที่ในหัวก็คิดว่าทำไมกันนะ ทำไมกันนะ...

     

    สายตากับท่าทางใจดีแบบนั้นมันคืออะไรกันนะ ทำไมต้องทำตัวขี้เล่นกับแบคฮยอนเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันสองคน หรือว่าเป็นเพราะตัวเขาเองที่เอาแต่คิดเข้าข้างตัวเอง...

     

    รอยยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่าอะไร หรือใจดวงนี้มันคิดไม่ซื่อไปเอง...

     

    ก็รู้อยู่หรอกว่ามันไม่ควรที่จะรู้สึกดีกับคนรักของพี่สาว แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังห้ามไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าการทำแบบนี้กับคนที่ต้องการกำลังใจก็มีแต่จะทำให้หวั่นไหวแท้ๆ ทำไมต้องมาทำตัวดีด้วยนะ แค่เฉยชาไปซะก็ยังดีกว่า กับความรู้สึกหวานอมขมกลืนนี้

     

    ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย ถ้าเลือกได้แบคฮยอนไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย...

     



     

    .

    .

    .

     

     

     

     

    15:28

     

    บนโต๊ะทำงานในสำนักงานตำรวจ นายตำรวจหนุ่มวางแก้วกาแฟลง เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า เอกสารมากมายวางกองเกลื่อนเต็มโต๊ะ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเรียกดวงตากลมโตให้หลุบมองรายชื่อบนหน้า ชานยอลตัดสินใจกดปิดเสียงไปเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

     

    ข้างกองแฟ้มมีแต่ถ้วยกระดาษวางเต็มไปหมด นาฬิกาบนจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาบ่ายสามกว่าๆ อีกชั่วโมงเศษชานยอลก็จะเลิกงานแล้ว และเขาต้องตรงไปรับน้องแฟนที่โรงเรียนอีก

     

    ผู้กองครับ ผู้กำกับขอแฟ้มคดีก่อนห้าโมงทันไหมครับ

     

    เสียงทวงงานจากนายตำรวจรุ่นน้องเรียกชายหนุ่มให้ต้องฟื้นจากการพัก ชานยอลหันไปรื้อแฟ้มอยู่ครู่เดียวก็ส่งมันให้กับจีฮวานทำเอาลูกน้องยิ้มร่าเพราะไม่ต้องอยู่ทำงานเกินเวลาอีกเหมือนเคย

     

    วันนี้งานเร็วนะครับ

     

    วันนี้ผมกลับไวนะ

     

    ได้ครับผมบอกผู้กำกับให้ร่างโปร่งยกมือขึ้นตะเบ๊ะตามนิสัยขี้เล่นก่อนจะหันหลังเดินกลับไป ปล่อยให้หัวหน้ากองได้ใช้เวลาที่เหลือพักผ่อน

     

    ชานยอลเริ่มลงมือจัดเก็บแฟ้มต่างๆ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาตอนจะกลับบ้าน เอกสารคดีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้สรุปถูกยัดลงชั้นเก็บของ หน้าจอมือถือกระพริบวาบอีกครั้งแจ้งเตือนว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา ชายหนุ่มถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบเอามือถือมาปลดล็อคเพื่อส่งข้อความกลับหาคนรัก

     

    ทันทีที่ข้อความถูกส่งกลับไปนายตำรวจหนุ่มก็กดปิดเครื่องแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง ลุกขึ้นคว้ากุญแจกับเสื้อแจ๊คเก็ตเดินออกจากโต๊ะทำงานไปทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

    ที่หน้าโรงเรียนมัธยมทั้งนักเรียนและรถยนต์สัญจรกันอย่างเนืองแน่น แบคฮยอนยืนนิ่วหน้าอยู่ข้างป้ายโรงเรียนเพื่อรอพี่ชายที่นัดหมายมารับ หลุบมองนาฬิกาหลายครั้งจนแก้วโคล่าในมือเริ่มจะละลายจนหมดแล้ว

     

    ขณะที่กำลังยืนอย่างเป็นกังวลเพราะโทรหาอีกฝ่ายไม่ติด รถยนต์คันสีดำกับป้ายทะเบียนคุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดเทียบด้านหน้า ไม่ต้องทันต้องบีบแตรแบคฮยอนก็โบกมือให้กับคนในรถทันที เขารีบวิ่งไปเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ และสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนเคย แม้มันจะเป็นเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆ แต่ก็ทำให้อบอุ่นหัวใจจนอดคิดอะไรไม่ได้

     

    ได้โทรมาหรือเปล่า พี่ลืมเปิดโทรศัพท์ไว้เลย เพิ่งนึกได้เปิดตอนจะถึง

     

    โทรไป 23 ครั้ง นึกว่าจะไม่มาแล้ว

     

    ไม่ผิดสัญญาหรอกคนตัวสูงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะบังคับรถให้เคลื่อนไปตามทาง วันนี้เป็นไงบ้าง

     

    ก็พอทำได้ ไม่ยากเท่าไหร่หลังจากได้ลองทำแนวข้อสอบดูแล้วความกังวลใจของแบคฮยอนก็เริ่มคลายมากขึ้น ใบหน้าหวานประดับด้วยยิ้มเล็กยิ้มน้อย แววตาเปล่งประกายอย่างสุกใสต่างจากเมื่อเช้า พอยิ่งนึกถึงไอศครีมก็ยิ่งร่าเริงขึ้นไปอีก

     

    ก็ดีแล้ว แล้วไปแอบกินอะไรมาชานยอลหันมองน้องชายข้างๆ พลางยกมือขึ้นใช้หลังนิ้วเช็ดคราบสีแดงเล็กๆ ที่เหมือนกับซอสบนแก้มก่อนจะหันกลับไปสนใจมองทาง

     

    สัมผัสเฉียดเบาๆ บนผิวแก้มทำหัวใจคนตัวเล็กเริ่มทำงานหนักอีกครั้ง แบคฮยอนผินหน้าออกหน้าต่างวางคางเกยกระจกรถ ดึงหน้าตึงอย่างเก็บอาการโดยที่ในใจก็ได้แต่โวยวายให้อีกฝ่ายหยุดทำอย่างนี้เสียที

     

    เป็นอะไรชายหนุ่มที่เห็นว่าอยู่ๆ เจ้าตัวเล็กหน้าเปลี่ยนสีส่งเสียงหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปวางบนศีรษะ ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเล่นเส้นผมจนคนถูกแกล้งต้องเอียงตัวหนี

     

    แม้จะไม่ชอบใจที่รู้สึกหวั่นไหวนักแต่แบคฮยอนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขาสบายใจขึ้น ตั้งแต่พี่สาวพาคนรักเข้ามาแนะนำตัวที่บ้าน ชานยอลก็เป็นเหมือนพี่ชายคนเดียวที่ใส่ใจแบคฮยอนมากกว่าคนในครอบครัวซะอีก

     

    ความอบอุ่นและความสุขุมแบบผู้ใหญ่ทำเด็กชายผู้แสนโดดเดี่ยวหวั่นไหวได้ไม่ยาก แต่บางครั้งสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมาก็ทำให้อดเผลอคิดไม่ซื่อกับความใจดีของเขา


    Ring ring ring ring ring

     

    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หน้ารถดังสนั่น ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบมันมากดรับพร้อมกับกรอกเสียงลงไป

     

    อื้อ... เพิ่งไปรับแบคฮยอน จะไปหาอะไรกินก่อน

     

    [.................]

     

    ออกมาจากโรงเรียนแล้ว กำลังจะถึง

     

    [..................]

     

    อ่า... ถ้างั้นก็ได้... ครับคนตัวสูงเอ่ยตอบรับออกไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยตอนที่พูดว่าครับ และเด็กชายข้างตัวก็สังเกตได้ ชานยอลวางโทรศัพท์พลางถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ระบายยิ้มเจื่อนๆ บนใบหน้าอย่างนึกเสียดายเมื่อการกินไอติมวันนี้ต้องยกเลิกแล้ว

     

    พี่หรอ

     

    อือ บอกให้รีบกลับบ้านทำกับข้าวไว้ วันนี้คงไม่ไปกินแล้ว เอาไว้วันหลังพี่แอบพามา ติดไว้ก่อน

     

    เมื่ออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้คนตัวเล็กก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทำความเข้าใจ แบคฮยอนพยักหน้าหงึกหงักแววตาที่เคยรื่นเริงสลดลงเล็กน้อย ชานยอลก็ไม่รู้จะทำยังไง มือหนาเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ ลงบนหลังมือขาว กอบกุมเรียวนิ้วเอาไว้

     

    ไว้วันหลังมากันสองคนนะ

     


     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

     

    เวลาสี่ทุ่มเศษบนโต๊ะเขียนหนังสือเสียงเปิดหน้ากระดาษดังเบาๆ ปลายปากกาตวัดเขียนยุกยิกลงบนไดอารี่เล่มโปรด เจ้าของห้องยกมือขึ้นดันกรอบแว่นตรงสันจมูก ดวงตาเรียวรีเหลือบมองปฏิทินที่บอกวันที่ 15 อีกสองวันก็จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์

     

    ข้อความบรรยายความรู้สึกถูกถ่ายทอดลงบนหน้ากระดาษซึ่งอาบไล้ด้วยแสงจากโคมไฟ คนตัวเล็กวางปากกาลงแล้วปิดหน้าสมุดพลางถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเอนหลังลงกับพนักพิงด้วยความเบื่อหน่าย เรื่องน่าปวดหัวยุ่งเหยิงเต็มหัวไปหมด

     

    แบคฮยอนตัดสินใจลุกจากเก้าอี้เพื่อออกไปหาอะไรหวานๆ กินดับความกังวล บานประตูสีขาวถูกปิดอย่างเงียบเชียบ คนตัวเล็กเดินย่องไปตามทางโดยอาศัยแสงจากไฟมือถือ ขณะที่ผ่านประตูห้องนอนพี่สาวก็ไม่ลืมแอบชำเลืองตามองพลางถอนหายใจอย่างหนักก่อนที่เท้าจะก้าวผ่านไป

     

    ไฟในห้องครัวที่ยังเปิดอยู่กับเสียงก๊อกแก๊กบอกเด็กชายว่าไม่ได้มีเขาคนเดียวที่ออกมาหาอะไรกินตอนกลางคืน พอเดินเข้าไปก็เห็นแฟนของพี่สาวกำลังยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวกินแซนด์วิชอยู่เงียบๆ

     

    ชานยอลเหลือบสายตามองผู้มาเยือน กล่าวทักทายเบาๆ พร้อมกับยกขนมปังเป็นเชิงถามว่าต้องการไหมแต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้า

     

    นึกว่าพี่หลับไปแล้วซะอีกเสียงเล็กเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงมากเกินไป แบคฮยอนเดินไปเปิดตู้เย็นค้นของหวานที่พอมีก่อนจะหยิบเค้กเหลือๆ กับไส้กรอกออกมา

     

    ก็หิวเหมือนเราแหละ

     

    กินดึกๆ เดี๋ยวก็อ้วนพูดออกไปโดยที่ไม่ได้ดูตัวเองสักนิด แบคฮยอนนำจานไส้กรอกของเขาไปใส่ไมโครเวฟแล้วยืนรออย่างตั้งใจ ได้ยินเสียงคนด้านหลังหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้หันไปมองเพราะกลัวจะเผลอแสดงอาการเขินออกมากับเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่คนตัวโตสวมใส่

     

    นัยน์ตาสีอ่อนเอาแต่จับจ้องไปยังจานไส้กรอกที่กำลังหมุนวนไปช้าๆ พลันหัวใจดวงเล็กก็ต้องกระตุกวูบเมื่อได้เห็นเงาสะท้อนของสายตาคนด้านหลังที่กำลังจ้องมองมา สายตาแพรวพราวที่แฝงความอบอุ่นระคนเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากที่ยิ่งทำให้รู้สึกหวั่นไหว

     

    ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ...

     

    ตัวเองกินเค้กว่าคนอื่นได้หรอชานยอลเดินนำจานแซนด์วิชไปเปิดน้ำล้างในอ่างทั้งที่ปากยังเคี้ยวขนมปังตุ้ย แอบเห็นสายตาคนข้างๆ เหลือบมามองค้อนเบาๆ ชายหนุ่มเพียงแค่ระบายยิ้มมาจางๆ พอล้างจานเสร็จตอนเดินผ่านเจ้าตัวเล็กก็ไม่ลืมหันไปจับเสื้อแอบเช็ดมือจนแบคฮยอนหันมาง้างมือ

     

    พี่!

     

    ไม่ทันจะได้กล่าวว่าคนตัวสูงก็เดินหายลิ่วออกไปทางประตูแล้ว เหลือเพียงเด็กชายที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับความรู้สึกหวั่นไหว แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเฮืกใหญ่ เหลียวมองเสื้อนอนที่ยังมีรอยมือเปียกอยู่

     

    ชอบทำซะแบบนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกได้ยังไง... คิดอะไรอยู่กันนะ...

     

     

     


     _______________________________________________________________________________

     

     

     

     

     

    วันเวลาหมดไปแต่กับการอ่านหนังสือ ถ้าแบคฮยอนอ้วกออกมาตอนนี้คงมีแต่ข้อมูลที่สะสมอยู่ในสมอง เสียงไอค่อกแค่กดังเบาๆ อาการครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นสัญญาณของอาการป่วยหลังจากที่แทบไม่ได้กินได้นอนมาหลายวัน คนตัวเล็กตบยาเข้าปากและคิดเอาเองว่าอีกไม่นานคงหาย

     

    ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาตีสองแล้ว หน้าหนังสือถูกปิดลง เด็กชายผู้แสนเหนื่อยล้าถอดแว่นออกยกนิ้วนวดคลึงสันจมูกบรรเทาอาการล้าจากดวงตา เนื่องจากว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดคืนนี้แบคฮยอนก็เลยสามารถนอนไวได้ เจ้าของห้องลุกจากเก้าอี้อ่านหนังสือไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหวังงีบสักหน่อย

     

    ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมโถมเข้ามาทับร่างทันทีที่หัวถึงหมอน ไม่ทันจะได้จับโทรศัพท์สักแป๊บก่อนนอน แอร์เย็นๆ และผ้าห่มนุ่มก็ทำให้เปลือกตาหนักอึ้งจนฝืนไม่ไหว แบคฮยอนหลับใหลลงพร้อมกับความเหนื่อยล้าปล่อยให้ร่างกายได้ชาร์จพลังก่อนจะเริ่มเดินทางต่อไป

     



     

     

     

    เวลาหกโมงเช้าของวันศุกร์คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นมาตอนหกโมงพร้อมเสียงนาฬิกาปลุกด้วยความเคยชิน แบคฮยอนผวาเฮือกคว้ามือถือมาดูเวลาก่อนที่จะรู้ตัวว่าวันนี้เป็นวันหยุดพิเศษ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะล้มตัวทิ้งศีรษะที่หนักอึ้งลงบนหมอนอีกครั้ง

     

    'ก๊อกๆๆๆ'

     

    แบคฮยอน พี่กับแม่จะไปแล้วนะ อย่าลืมตื่นมากินข้าวแล้วกินยาด้วยนะ เดี๋ยวจะให้พี่ชานยอลเข้ามาดู

     

    เสียงเคาะประตูกับเสียงตะโกนของพี่สาวบอกแบคฮยอนว่าวันเวลาแห่งความสุขกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วเมื่อคนในครอบครัวออกไปเที่ยวกันหมด และตัวเขาก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แขนเรียวกอบโกยผ้านวมมากอดไว้แน่น

     

    ถึงจะรู้สึกเสียดายและเหงาอยู่นิดๆ แต่บางทีนี่อาจจะดีแล้ว แบคฮยอนเองก็ไม่อยากจะเอาตัวเองไปเป็นภาระของครอบครัวแล้วก็คงทำงานกร่อยเหมือนเดิม

     

    อาการป่วยที่คั่งค้างมาตั้งแต่เมื่อวานทำเขาครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ทั้งคัดจมูก แสบตา แม้แต่ที่นอนก็ยังอุ่นเพราะอุณหภูมิร่างกาย

     

    ได้ยินเสียงพ่อแม่กับพี่สาวคุยกันจอแจอยู่ที่ชั้นล่างก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงปิดประตูและเสียงสตาร์ทรถ จากไปพร้อมความเงียบเหงาภายในบ้าน

     

    เด็กหนุ่มได้แต่ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่เป็นวันหยุดทั้งทีแท้ๆ แทนที่จะได้นอนพักและอ่านหนังสือกลับมาป่วยซะได้ ผ้าห่มผืนหนาถูกตวัดขึ้นคุมร่างก่อนที่เปลือกตาจะหลับลง พยายามไม่คิดอะไรเพื่อปล่อยให้ร่างกายได้พักอย่างเต็มที่

     

     

     



     

    Ring ring ring irng ring

     

    เสียงเรียกเข้ามือถือปลุกเจ้าของห้องที่นอนซมไข้อยู่บนเตียงให้ต้องปลุกสังขารลืมตาขึ้นมา มือบางควานไปทั่วที่นอนคว้าเอามือถือมากดรับสาย คนตัวเล็กกรอกเสียงงัวเงียลงไปโดยไม่ทันได้ดูรายชื่อโทรเข้า ก่อนที่จะพบว่าปลายสายคือคนรักของพี่สาว

     

    [แบคฮยอน ลงมาเปิดประตูให้พี่หน่อย]

     

    อือ...  แป๊บนึงคนป่วยยันกายขึ้นบนเตียงอย่างเชื่องช้า พอหลุบตาลงมองนาฬิกาในมือถือที่บอกเวลาบ่ายโมงเศษก็ต้องตกใจเล็กๆ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะนอนไปนานขนาดนี้ ขาเรียวก้าวลงจากเตียง ถลกเสื้อนอนตัวโคร่งเดินโงนเงนออกไปจากห้องเหมือนร่างไร้วิญญาณ

     

    รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายจะร้อนขึ้นกว่าเมื่อเช้าซะอีก..

     

    แบคฮยอนเดินลงไปเปิดประตูบ้านต้อนรับพี่ชายที่ยืนรออยู่พร้อมกับถุงของจากร้านสะดวกซื้อในมือมากมาย อาการไข้ทำเขาแสบตาไปหมด ทั้งน้ำมูกน้ำตาหยดจนต้องใช้คอเสื้อเช็ด

     

    กินข้าวกินยาไปหรือยัง

     

    ยังเลย เพิ่งตื่น

     

    ไข้ลดลงไหมชานยอลนำถุงของไปวางไว้บนโซฟาพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก แก้มและลำคอเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อวัดอุณหภูมิ ทำเอาคนป่วยต้องย่นคอด้วยความรู้สึกประหลาด ตัวร้อนเหมือนกันนะเนี่ย

     

    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คนตัวสูงกลับระบายยิ้มออกมากับท่าทีประหม่าของน้องชายตัวเล็กแบบปิดไม่อยู่ ทำอย่างกับเป็นการหยอกล้อ เขาก้มลงไปรื้อของในถุงก่อนจะหยิบแผงยาส่งให้คนป่วย

     

    แม่ทำข้าวไว้ให้ใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปอุ่นให้ กินแล้วจะได้กินยา

     

    คนตัวเล็กไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่เขอะเขินกับการกระทำที่คาดเดาไม่ได้ของชายหนุ่ม น้ำเสียงทุ้มราบเรียบและสายตาอบอุ่นที่มองมาทำหัวใจดวงเล็กสั่นไหวอีกครั้งและอีกครั้ง ในเสี้ยวความคิดแบคฮยอนแอบอยากลองเป็นพี่สาวดูสักครั้ง แพยอนได้รับการดูแลที่ดีแบบนี้แค่ไหนกัน แต่ไหนแต่ไรพี่ก็ได้แต่ความเอ็นดูอยู่ตลอด

     

    เดี๋ยวเค้าทำเองก็ได้กว่าจะได้เปิดปากพูดคนตัวสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวแล้ว แบคฮยอนรีบหิ้วขนของตามไปช่วย แม้จะไม่สบายแต่ก็พอจัดการได้ไหว

     

    ไม่ต้องทำก็ได้ เราน่าจะไปพัก

     

    ไม่เป็นไรเจ้าของบ้านปฏิเสธ ถุงของสองใบใหญ่ถูกนำไปวางบนเคาน์เตอร์ติดผนัง แบคฮยอนจัดการนำของทีละชิ้นมาจัดเรียงเข้าตู้โดยเริ่มจากชั้นล่างโดยมีเสียงเครื่องครัวดังเบาๆ อยู่ด้านหลัง ความประหม่าทำคนตัวเล็กไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวเพราะกลัวจะสบตาเข้าจนทำอะไรไม่ถูก

     

    ของชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกเก็บเข้าตู้จนแน่นเอี๊ยดเหลือเพียงของที่ต้องแช่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นขนมช็อคโกแลตอันโปรดที่ตัวเองเคยซ่อนพี่สาวเอาไว้หลังตู้ แบคฮยอนเขย่งปลายเท้าเอื้อมมือสุดแขนพยายามใช้ปลายนิ้วเขี่ยมันให้ตกแต่ความดันที่ตกลงอย่างรวดเร็วกลับทำให้เขาเกือบจะวูบล้มถ้าไม่มีฝ่ามือด้านหลังคอยดันไว้

     

    จะเอาทำไมไม่บอก

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับฝ่ามือหนาที่วางลงบนเอวคอด ชานยอลเอื้อมมือหยิบซองช็อคโกแลตสีเขียวบนชั้น สัมผัสได้ถึงแรงบีบเบาๆ จากฝ่ามือบนเอวที่ทำให้หัวใจเต้นโครมครามก่อนที่คนด้านหลังจะละกายออก

     

    แบคฮยอนพยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองด้วยการบอกว่าพี่ชานยอลคงแค่ดันตัวออกเฉยๆ ตอนนี้สติเขาสับสนไปหมดจากทั้งพิษไข้และอาการวูบไหว แบคฮยอนคงต้องพักสักหน่อยหลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พี่จะกลับไปทำงานเดี๋ยวตอนเย็นมาหาอีกรอบ พี่เอากุญแจบ้านไปนะ

     

    ฮะ

     

    แล้วก็นอนซะนายตำรวจหนุ่มสั่งกับเจ้าของบ้านราวกับเป็นพ่อก่อนที่จะปิดงับบานประตูลง ปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนพักผ่อน

     

    หลังจากที่พี่เขยเดินออกไปความเงียบก็กลับเข้าสู่บรรยากาศอีกครั้ง แบคฮยอนได้แต่นอนกระวนกระวายว้าวุ่น จะหลับก็หลับไม่ลงในหัวมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้ ได้แต่ข่มเปลือกตาให้หลับลงทั้งที่สติยังอยู่จนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูบ้านอีกครั้งและเสียงสตาร์ทรถ

     

    ทำไมกันนะ... ทำไมกันนะแบคฮยอน...

     

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     


     

    เวลาเที่ยงคืนเศษคนป่วยบนเตียงยังเอาแต่นอนพลิกกายไปมาด้วยความไม่สบายตัว ความรู้สึกร้อนวูบวาบทำคนตัวเล็กกระวนวายอย่างไม่มีสาเหตุ ไข้ของแบคฮยอนยังไม่ลดลงและดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นด้วย

     

    ปรอทวัดไข้ที่บอกอุณหภูมิ 38 องศาเศษๆ ถูกวางลงในแก้ว ชายหนุ่มที่ต้องรับหน้าที่ดูแลคนป่วยเริ่มกังวลจนถึงตอนนี้ชานยอลก็ตัดสินใจจะไม่กลับบ้านหลังจากที่รอดูอาการน้องชายมาตั้งแต่สี่ทุ่ม แบคฮยอนเอาแต่พลิกหน้าไปมา คิ้วเรียวขมวดมุ่น บางครั้งก็ส่งเสียงอิ๊ดออกมาจากในลำคอ

     

    พี่ชายในหน้าที่ถอนลมหายใจด้วยความเป็นกังวลขณะใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นถูเช็ดไปตามแขนขาและร่างกายของร่างเล็กเพื่อบรรเทาพิษไข้

     

    อื้อ...แบคฮยอนส่งเสียงครางงึดในลำคอทั้งยังพยายามส่ายหน้าหนีผ้าเปียกๆ มือบางปัดออกมาขยุ้มเสื้อคนข้างเตียงแน่น ดวงตาเรียวรีปรือปรอยหยดน้ำตาเกราะพราวทั่วแพรขนตา

     

    ชานยอลหลุบสายตาลงมองฝ่ามือน้อยที่ขยุ้มอยู่บนเสื้อ ก่อนจะค่อยๆ จับมันคลายออก เขาใช้ผ้าชื้นน้ำเช็ดลงบนฝ่ามือและเรียวนิ้วช้าๆ อย่างบรรจง ขณะที่สายจดจ้องไปยังดวงหน้าหวาน

     

    ในห้วงอารมณ์ที่แสนนุ่มลึก ความรู้สึกมากมายซ่อนอยู่ภายใต้แววตานิ่งสนิทเหมือนน้ำทะเลซ่อนคลื่นเชี่ยวกราก ชายหนุ่มขยับกายขึ้นไปนั่งบนเตียง ฝ่ามือสอดประสานกับมือเล็กๆ ที่กำแน่น

     

    พยายามห้ามใจห้ามความรู้สึกแต่ก็อดแตะมือลงกับลำคอระหงส์ไม่ได้ คนป่วยขยับเปลือกตาเหมือนรู้ตัว นัยน์ตาสีอ่อนเชยขึ้นมองพี่เขย ความชุ่มชื้นจากหยาดน้ำตาทำให้แววตาดูเว้าวอนไปอย่างเป็นธรรมชาติ

     

    พี่ชานยอล...

     

    ริมฝีปากสีแดงสดขยับเอื้อนเสียงแผ่ว ไม่ต้องมีคำพูดใดนอกจากสองสายตาที่สบจ้องกัน... คนตัวสูงโน้มกายลงบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างไม่อาจห้ามใจ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ส่งทอดมาถึง เสียงครางอื้อเล็ดรอดออกมาเบาๆ ไม่ทันไรคนด้านบนก็บดกลีบปากลงซ้ำด้วยแรงที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

     

    ราวกับไฟได้ถูกจุดขึ้นระหว่างถ่านครุสองก้อน ชานยอลต่อต้านความต้องการไม่ไหว ขณะที่แบคฮยอนปวกเปียกอ่อนแรงได้แต่ปล่อยกายให้เต็มใจรับสัมผัสจากริมฝีปากที่บดทับลงมา ฝ่ามือที่จับประสานกันถูกกดลงกับที่นอน อีกข้างยกขึ้นแตะต้นแขนคนด้านบนก่อนที่จะถูกกดข้อมือติดเตียงไปพร้อมกัน

     

    พิษไข้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันแต่ก็เป็นฝันที่เต็มใจโอบรับ....

     

    'จ๊วบ จ๊วบ'

     

    สองริมฝีปากจูบปะทะกันอย่างโหยหาจนเกิดเสียงดังน่าอาย ชานยอลทั้งดูดดึงและขบริมฝีปากน้องอย่างเอาแต่ใจ บอกตัวเองว่าควรหยุดซะตั้งแต่ตอนนี้แต่กลับไม่สามารถทำได้ ยิ่งได้ยินเสียงครางอื้ออึงเล็กๆ จากในลำคอก็ยิ่งอดใจไม่ไหว

     

    อุณหภูมิในร่างกายไม่อาจสู้ไฟรักที่โหมแรง คนตัวสูงละกายออกมาจดจ้องใบหน้านิ่วของคนด้านล่าง คิ้วเรียวขมวดย่นอย่างน่าสงสาร เพียงแค่ก้มลงงับริมฝีปากเบาๆ บนลำคอร่างเล็กก็กระตุกเกร็งด้วยความผวา ชานยอลยิ่งได้ใจทั้งขบทั้งไซ้ซอกคอขาวอย่างลุ่มหลง ไล่ปลายจมูกขึ้นไปถึงใต้คางสร้างสัมผัสสยิวจนคนป่วยส่งเสียงร้องฮื่อ ขนทั่วร่างลุกชูชัน ตัวเกร็งอย่างห้ามไม่ได้

     

    ความบริสุทธิ์ทำให้ร่างกายแบคฮยอนไวสัมผัสไปหมด ร่างเล็กๆ บิดไปมาเป็นการตอบสนองต่อสัมผัสพี่เขย ชายหนุ่มประทับจูบลงที่ใบหูหยอกเอินด้วยการขบเบาๆ ซุกไซ้ให้คนตัวเล็กตายใจขณะที่เลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อนอนออก

     

    ชานยอลห้ามตัวเองไม่อยู่ ทำตัวเป็นน็อตหลุด ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในโหมครุโดยไม่ต้องใช้การสื่อสารใดๆ ปลายจมูกโด่งไซ้ไปทั่วลำคอขาวผ่อง ขบริมฝีปากเบาๆ บนผิวเนื้อและตามด้วยเรียวลิ้น

     

    ฮ่ะ... พี่ชานยอล...

     

    หื้อ...เสียงทุ้มยังคงฟังอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกทีผิดจากการกระทำ มือหนาลากลงไปสัมผัสหน้าท้องที่แขม่วเกร็งจนเป็นหลุม ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือคลึงเบาๆ ตรงสะดือก่อนจะลากไปลูบวนบนท้องน้อยที่เป่งแน่น

     

    อื้อ... ฮ่ะ...

     

    ริมฝีปากอิ่มเคลื่อนไปทำรอยดูดเล็กๆ บนหัวไหล่เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ ชานยอลพลิกกายขึ้นคร่อมร่างน้อยเหยียดหลังถอดเสื้อแจ๊คเก็ตและเสื้อยืดสีดำออกทางศีรษะโชว์มัดกล้ามหัวไหล่และหน้าท้อง นัยน์ตาสีดำสนิทจดจ้องไปยังดวงตาปรือปรอยของคนตัวเล็ก

     

    ปลายนิ้วหัวแม่มือปาดเกลี่ยริมฝีปากสีสดไปมาอย่างอ้อยอิงก่อนจะยัดเข้าไปในโพลงปาก ขณะที่มืออีกข้างปลดเข็มขัดเป็นพัลวัน แรงดูดเบาๆ กับสัมผัสนุ่มลื่นที่คลุกเคล้าอยู่กับนิ้วหัวแม่มือทำชานยอลจินตนาการเตลิด

     

    ชายหนุ่มหมอบกายลงบดจูบบนกลีบปากบางอีกครั้ง คราวนี้เขาทั้งสอดเรียวลิ้นเข้าไปสัมผัสความร้อนในโพลงปากอย่างลึกซึ้ง ขณะที่ลิ้นเล็กพยายามตอบโต้อย่างไม่ประสา กางเกงยีนส์เนื้อดีถูกถกลงมากองบนหน้าขา นัยน์ตาสีดำสนิทสบจ้องกับเจ้าของแววตาหวานเชื่อม ความรู้สึกที่แอบเก็บซ่อนไว้ส่งผ่านถึงกันโดยไร้คำพูด

     

    ชานยอลประทับจูบเบาๆ อย่างนุ่มนวล ก่อนที่คนตัวเล็กจะหลับลง...

     

    อยากทำไหม

     

    อื้อ

     

    เก็บไว้เป็นความลับนะ...

     



     cut

     

     

     

    .


    .




    .

     

     

     

    เวลาสิบโมงของวันหยุดเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือปลุกเจ้าของเครื่องให้ต้องตื่นมารับสายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แบคฮยอนพบว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดพี่ชายตำรวจ แผ่นอกเปลือยเปล่าตอกย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าไม่ได้เป็นแค่ฝัน อาการไข้จับสั่นของเขาทุเลาลงแต่ถูกแทนที่ด้วยความสับสนมากมายเกิดขึ้นในใจ

     

    ตื่นแล้วหรอ

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกคนตัวเล็กให้ต้องเหลือบตามองเจ้าของใบหน้าคมคาย ชานยอลพลิกกายกอดร่างน้อยไว้หลวมๆ ก่อนดวงตากลมโตจะลืมขึ้นท่ามกลางแสงสลัวของแดดที่รอดผ้าม่านเข้ามา

     

    อื้อแบคฮยอนทำตัวไม่ถูกไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับอีกฝ่าย หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอๆ จากคนตรงหน้า

     

    ไข้ลดลงแล้วนี่ชานยอลอังมือกับหน้าผากและต้นคอน้องชายเพื่อวัดอุณหภูมิ ดูเหมือนอาการไข้แบคฮยอนจะลดลงแล้วจากเมื่อคืน หิวข้าวไหม

     

    ไม่เท่าไหร่ริมฝีปากบ่นคำพูดพึมพำ แบคฮยอนเอาแต่คิดว่าพี่ชายจะไม่พูดอะไรหน่อยหรอกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างเอาแต่เงียบ ตัวเขาเองก็ไม่กล้าถามเพียงเพราะแค่คำพูดคำเดียว เก็บไว้เป็นความลับนะ

     

    ไม่รู้ว่ามันคือความสัมพันธ์แบบไหน แค่หวั่นไหว เพียงหาความสนุกทางกายหรือมีอย่างอื่นมากกว่านั้น

     

    เสียตัวครั้งแรกให้กับพี่เขย แถมยังหลงรักเขาข้างเดียว ไม่รู้ทำไมถึงหลงใหลได้มากขนาดนี้แต่แบคฮยอนห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้เลย...

     

    งั้นทำกินอยู่บ้านก็ได้เนอะว่าแล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามากดจูบลงบนขมับทำอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดาของคู่รัก ยิ่งสร้างความหวั่นไหวในใจเด็กหนุ่มให้อดคิดไม่ได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำ

     

    ดวงตากลมโตหลุบมองพวงแก้มและแพขนตาคนในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดู มือหนาลูบวนบนหัวไหล่มนก่อนจะลากลงจากเรียวแขนไปวางบนเอว

     

    เรื่องทั้งหมดนี้... แค่เป็นความลับก็พอ...

     

     

     

     

     


    ภายในห้องครัวกลิ่นหอมฟุ้งของข้าวต้มลอยตลบอบอวลด้วยฝีมือเจ้าของบ้าน แบคฮยอนยืนมองข้าวในหม้อเดือดปุดๆ พร้อมกับความคิดมากมายที่วิ่งวนอยู่ในหัว ทั้งเรื่องสอบ เรื่องป่วย ไหนจะเรื่องความรักตอนนี้อีก

     

    กำลังออกไปทำงาน อือ... เมื่อคืนนอนค้างนี่

     

    เสียงคุยโทรศัพท์ดังเข้ามาในครัว ไม่ต้องเดาก็รู้อีกฝ่ายกำลังคุยกับใคร คนตัวเล็กเพียงแค่หันไปมองพี่เขยครู่เดียวก็หันไปสนใจหม้อต้มต่อ สองมือวางเท้ากับเคาน์เตอร์ พยายามไม่สนใจฟังสิ่งที่คนตัวโตกำลังคุยกับคนแฟนสาวซึ่งก็คือพี่ของตนเอง

     

    ไม่เป็นไรแล้ว ลุกมาทำกับข้าวได้

     

    เสียงทุ้มเข้ามาใกล้จากด้านหลัง จนรู้สึกได้ถึงแรงเบียดจากแผ่นหลังและกลิ่นน้ำหอมผู้ชายจางๆ ที่ลอยฟุ้งออกมาก่อนที่มือหนาจะวางลงบนเอว

     

    ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะ

     

    สายโทรศัพท์มือถือถูกวางลงพร้อมกับความเงียบที่เกิดขึ้น แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาคนอายุมากกว่าแล้วก็พบกับรอยยิ้มเล็กๆ แสนอบอุ่นที่มักจะได้รับเป็นประจำ ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย

     

    หอมจังรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดใบหู คนตัวเล็กย่นคอหนีด้วยความตกใจเมื่อพี่ชายตัวสูงโน้มใบหน้ามาทำจมูกฟุดฟิดแถวข้างแก้ม

     

    ไม่นึกว่าทำกับข้าวเก่งด้วยเขาเอ่ยแซวพร้อมกับเลื่อนมือจากเอวมาวางบนศีรษะทุย ชานยอลวางท่าทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน แม้ว่าเขาจะออกอาการอย่างชัดเจนกับการสัมผัสเนื้อตัวน้องชายแฟนอย่างทั่วถึง

     

    เมื่อกี้พี่หรอ

     

    อือ พี่จะไปทำงานนะ ถ้าอยากได้อะไรก็โทรไปบอก

     

    ฮะคนตัวเล็กเพียงแค่ตอบรับไป ใบหน้าหวานก้มงุด แม้ในใจจะมีคำถามมากมาย อยากจะพูดให้มากกว่าที่รู้สึกแต่ก็ทำได้แค่เงียบ

     

    รีบๆ หายเผื่อตอนเย็นพี่กลับไวจะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกชายหนุ่มว่าทั้งยีศีรษะคนอายุน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปทิ้งให้เจ้าตัวเล็กได้แต่ยืนใจเต้นอยู่คนเดียว

     

    ดวงตาเรียวรีเหลือบมองแผ่นหลังหนาที่หายลับออกไปจากประตู มือบางจิกลงกับเคาน์เตอร์หินอ่อนแน่นด้วยความประหม่า ทั้งที่อาการไข้ทุเลาลงแล้วแท้ๆ แต่ใบหน้ากลับร้อนเห่อไปหมด ตอนที่พี่สาวไม่อยู่แบบนี้ แบคฮยอนก็อย่างกับได้ครอบครองพี่ชายใจดีของเขาเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นแหละ...

     

    ทำไมกันนะ... ทำไมต้องทำเป็นใจดีด้วย เขาต้องการอะไรกันนะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    1/?

     

     

     

     

     

    #ficbtl

     

     

     

     

     

    หายไปนานเลยค่ะ :D บอกไว้ว่าจะแต่งตอนสั้นหนึ่งหมื่นคำแต่กลายเป็นว่าเกือบหมื่นคำแล้วยังได้ไม่ครึ่งตอนเลย  มู้ดมันอาจจะกรึ่มๆ หน่อย ฮ่าาา  ถ้าเจอคำผิดก็แคปไว้บอกได้เลยนะคะเดี๋ยวมาแก้ไขเพิ่มเติม อาจจะตรวจไม่หมด ขอบคุณกั๊บ :3

     

    ปล.ไม่รู้จะตั้งแท็กว่าอะไร ชื่อเรื่องก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันค่ะ แงร๊ย

     

     


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×