ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #23 : Brother in law 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.21K
      273
      29 ต.ค. 63


    บริเวณหน้ากระจกตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน เด็กชายวัย 17 ปีกำลังยืนชะเง้อคอดูรอยจ้ำเลือดบนคอด้วยสีหน้าเป็นกังวล คนตัวเล็กบีบรองพื้นที่แอบหยิบมาจากห้องพี่สาวป้ายปกปิดลงไปบนคอพยายามเกลี่ยมันให้ดูเนียนที่สุด ทว่ารอยจ้ำเลือดก็ยังขึ้นสีจางๆ ให้เห็นอยู่ดี

     

    เห็นท่าว่าใช้อะไรก็คงปิดไม่มิด ตรงหน้าเขามีแผ่นแปะแก้ปวดคออยู่ถ้าติดยาวไปถึงบ่าก็น่าจะพอแก้ตัวได้

     

    แบคฮยอนถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง สายตาจ้องเหม่อไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า ในหัวมีแต่เรื่องเมื่อคืนวุ่นวายเต็มไปหมด ทุกสัมผัส น้ำเสียง สีหน้า ราวกับภาพเหตุการณ์ยังวนเวียนอยู่ในหัว ความรู้สึกยามถูกสัมผัสและโอบกอดฝังแน่นอยู่ในใจเยิ่งกว่ารอยจูบประทับบนกาย

     

    หลังจากนี้จะทำยังไงกับความรู้สึกตัวเองดี...

     

    ตอนที่มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียงรถยนต์หน้าบ้าน ก็บอกให้คนตัวเล็กรู้ว่าใครบางคนกลับมาถึงแล้ว พอหันมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้หกโมงกว่า ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากด้วยความประหม่าเมื่อคิดว่าต้องเผชิญหน้ากับแฟนพี่สาว สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกต้องลุกออกไปเปิดประตูอยู่ดี

     

     

     

     

     

     

     

    เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ เสียงเปิดหน้าหนังสือยังดังอย่างต่อเนื่อง นักเรียนมัธยมที่แสนเคร่งเครียดถอดแว่นตาออก ฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความเหนื่อยหน่าย คนตัวเล็กสายหลุบตามองจอมือถือก่อนจะลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูห้องเพื่อออกไปหาอะไรกินแก้เครียด

     

    เสียงทีวีเบาๆ และแสงไฟที่ส่องรอดมาเข้ามาจากราวบันไดบอกแบคฮยอนว่ามีคนยังไม่นอน ขาเรียวก้าวเดินลงไปยังชั้นล่างแล้วก็พบกับว่าที่พี่เขยที่นึกว่าหลับไปแล้วกำลังนั่งดูฟุตบอลอยู่ ตรงหน้าเขามีกระป๋องเบียร์วางอยู่จำนวนหนึ่ง

     

    เด็กหนุ่มเพียงแค่เหลือบตามองครู่เดียวก็เดินผ่านไปเข้าครัวเมื่อคนตัวโตไม่ได้คิดจะหันมาสนใจ มือเรียวสับสวิตช์ไฟห้องครัวขึ้น แบคฮยอนเดินไปเปิดตู้เย็นขุดคุ้ยดูว่ามีอะไรกินบ้าง แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อเจอแต่ของสด

     

    หยิบอันนั้นยกอันนี้คุ้ยไปไม่นานก็เจอเข้ากับถุงสลัดเหลือๆ จากเมื่อวาน คนตัวเล็กหยิบถุงผักออกมาจัดการเทใส่ชามใบใหญ่ เปิดตู้เอาน้ำสลัดครีมก้นขวดออกมาราดก่อนจะหันไปหยิบส้อมมาคลุก

     

    ขณะที่กำลังมัวแต่สนใจอาหาร ไม่ทันตั้งตัวแรงกอดรัดจากด้านหลังก็ทำคนตัวเล็กต้องสะดุ้ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มมีกลิ่นแอลกอฮอร์จางๆ ผสมเคล้ากับกลิ่นน้ำหอมประจำตัวลอยคลุ้ง หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตักเมื่อคนตัวสูงเบียดกายเข้าหาจนสัมผัสได้ถึงรอยกล้ามเนื้อ ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะเคลื่อนลงจุ๊บเบาๆ บนหัวไหล่

     

    กินอีกแล้ว

     

    ตกใจหมดเลย

     

    นายตำรวจหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนจะละกายออกไปเปิดตู้เพื่อหยิบของที่ตนต้องการ หมือนแค่ผ่านมาหยอกให้ใจเต้นแล้วก็ไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มตัวเล็กได้แต่ยืนแข็งทื่อด้วยความสับสน

     

    ใบหน้ามนหันมองเจ้าของแผ่นหลังหนาที่เดินหายออกไปในความมืด เแบคฮยอนนำขวดน้ำสลัดไปเก็บเข้าตู้แล้วดับไฟห้องครัวเรียบร้อย ก่อนจะหยิบชามสลัดเดินออกไปยังห้องโถงที่มีเพียงแค่แสงจากจอทีวีให้ความสว่าง

     

    ทำไมไม่เปิดไฟล่ะเอ่ยคำถามไปเป็นใบเบิกทางเพื่อจะบอกอีกฝ่ายว่าต้องการนั่งด้วย ทว่าคนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากเหลือบสายตามามองพร้อมตบโซฟาที่นั่งข้างๆ

     

    เมื่อเจ้าตัวเล็กเห็นอย่างนั้นก็ยกชามสลัดไปนั่งลงข้างพี่ชายตัวสูง ยังไม่ทันที่ก้นจะติดโซฟาดี ท่อนแขนยาวของคนข้างตัวก็ยกขึ้นวางพาดบนบ่า ดูผิวเผินก็ไม่ต่างอะไรกับคู่พี่น้องทั่วไป

     

    ยังอ่านหนังสืออยู่อีกหรอ

     

    อื้อ

     

    ขยันจังชานยอลระบายยิ้มจางๆ บนใบหน้าพลางยกมือขึ้นยีกลุ่มผมนุ่มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะดันศีรษะอีกฝ่ายให้พิงซบลงบนไหล่

     

    ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนา พร้อมกลิ่นแอลกอฮอร์อ่อนๆ ที่ผสมคละคลุ้งกับน้ำหอมอ่อนๆ ลอยนวลสร้างบรรยากาศแปลกใหม่ที่ชวนให้หลงใหล แบคฮยอนนึกอยากจะฝังหน้าลงกับปกเสื้อคนด้านข้างถ้าไม่ติดชามสลักที่วางอยู่บนตัก

     

    เสียงพากย์ฟุตบอลจากในทีวียังคงดังไปเรื่อยๆ เคล้ากับเสียงฝนตกด้านนอก เพียงแค่ได้อิงซบกับเจ้าของน้ำเสียงนุ่มทุ้มหัวใจที่แสนเหนื่อยล้าของแบคฮยอนก็ได้รับการเยียวยา ได้แต่แอบอมยิ้มอยู่ในใจคนเดียวอย่างเป็นสุข

     

    อยากอยู่ตรงนี้ไปนานๆ จัง...

     

     

     

     

     

     

    เกมแข่งเตะลูกหนังผ่านไปแมทช์แล้วแมทช์เล่าจนเข้าสู่ช่วงสุดท้าย ตัวเลขมุมขวาบนของจอทีวีบอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว อากาศหนาวเย็นด้านนอกทำคนตัวเล็กเริ่มตาปรือ ร่างน้อยใต้ผืนผ้าห่มเบียดกายเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกายที่แข็งแรงกว่าตามสัญชาตญาณ

     

    ง่วงแล้วหรอเราชายหนุ่มหลุบสายตาลงมองเด็กชายที่นอนพิงอยู่บนอก มือหนาไล้เบาๆ บนท่อนขาเรียวที่ถูกเกี่ยวขึ้นมาวางเกยบนหน้าตัก อีกนิดเดียวแบคฮยอนก็จะไปนั่งทับอยู่บนร่างพี่เขยแล้ว

     

    อื้อ นิดนึง..ถึงจะพูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงกลับงึมงำจนฟังแทบไม่ได้ความ ดวงตาเรียวรีหรี่ปรือ แม้จะง่วงขนาดไหนแต่แบคฮยอนก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมไปนอน

     

    ง่วงก็หลับ

     

    อื้อ...

     

    สองร่างนั่งเบียดชิดกันบนโซฟาจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว เด็กหนุ่มร่างเล็กหวังเพียงอบอุ่นจากความชิดใกล้ นัดวงตาเรียวรีช้อนขึ้นมองพี่ชายตัวสูงข้างๆ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับเอ่ยคำพูดออกไป

     

    พี่ชานยอล...

     

    หื้อ?” คนถูกเรียกชื่อก้มลงมองเจ้าของเสียงงึมงำ แล้วก็ต้องพบกับนัยน์ตาใสแจ๋วที่ช้อนมองมากับน้ำเสียงที่ฟังแล้วอดรู้สึกพิลึกไม่ได้

     

    เรื่องเมื่อวานไม่เป็นไรหรอตัดสินใจเอ่ยถามออกไป คิ้วเรียวขมวดนิ่วน้อยๆ อย่างเป็นกังวล ทว่าใบหน้าของคนตัวสูงกลับดูผ่อนคลายกว่าที่จินตนาการ

     

    ไม่เป็นไรหรอกชายหนุ่มตอบกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ กับความขี้กังวลของเจ้าตัวเล็ก ชานยอลก้มลงประทับจูบลงบนหน้าผากมนและเปลือกตา มาจนถึงปลายจมูกก่อนจะละใบหน้าออกสบสายตาจ้องอีกฝ่าย ส่งความเจ้าเล่ห์ผ่านเววตานิ่งสนิท ลองทำดูอีกทีก็ได้นะ...

     

    ริมฝีปากอิ่มประทับลงบนเรียวปากบางเป็นการย้ำความมั่นใจให้กับคนขี้กังวล ฝ่ามือบสงยกขึ้นดันหน้าอก สายตาที่จ้องมองมาเมื่อครู่ทำหัวใจดวงเล็กสั่นไหวได้ไม่ยาก

     

    อื้อ...

     

    แบคฮยอนส่งเสียงครางในลำคอเมื่อพี่เขยตัวร้ายบดริมฝีปากลงมาจูบคลึงอีกครั้งจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอร์ที่ส่งผ่านทางลมหายใจ แม้จะไม่ได้ตั้งใจให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอีกแต่ก็ถูกชักนำไปจนได้

     

    มันจะมีสักครั้งไหมที่ใครสักคนหนึ่งจะมีสติพร้อมตอนที่สัมผัสกัน มันเป็นเพราะอาการป่วยหรือความมึนเมาที่ก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ หรือแท้จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่เปิดให้ความต้องการภายในจิตใจได้ออกมาโลดเล่น...

     

    ร่างเล็กๆ ถูกผลักลงนอนกับโซฟา นัยน์ตาสีดำสนิทจดจ้องน้องชายตัวเล็กอย่างไม่มีความลังเลในแววตาจนอีกฝ่ายต้องหลบหน้าซะเอง ชานยอลเท้าแขนคร่อมร่างข้างใต้ มือหนายกขึ้นเกลี่ยปอยผมปรกหน้าผากเบาๆ สายตาไล่มองตั้งแต่ดวงตามาจนถึงริทฝีปากจิ้มลิ้ม

     

    เรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนก็พอ

     

    กล่าวออกไปพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากก่อนที่นายตำรวจหนุ่มที่ควบสถานะพี่เขยทาบกายลงป้อนสัมผัสร้อนระอุลงบนกลีบปากบางอีกครั้ง เป็นการตอกย้ำถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าไม่ใช่เพียงเหตุชั่วคราว

     

    ฝ่ามือร้อนระอุสอดเข้าใต้เสื้อนอนตัวบาง สัมผัสเรือนร่างและผิวเนื้อเนียนของเด็กหนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ การกระทำแค่นี้ก็เพียงพอที่จะตอบคำถามมากมายในใจเด็กหนุ่ม

     

    แบคฮยอนปล่อยกายปล่อยใจให้ไหลไปกับสัมผัสวาบหวานและหัวใจที่ถูกเติมเต็มด้วยความอบอุ่น อย่างที่ไม่ได้นึกหน้าหลังใดๆ แค่หัวใจได้รับความสุขนี้ก็เพียงพอ

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    เรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนก็พอ...

     

    น้ำเสียงนุ่มทุ้มยังดังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด และเมื่อนึกถึงทีไรหัวใจก็เต้นรัวทุกที เด็กหนุ่มร่างเล็กนอนเหม่ออยู่บน มือบางถือโทรศัพท์ที่โชว์ข้อความล่าสุดจากแฟนของพี่สาว หัวใจดวงเล็กเต็มไปด้วยความสับสนระคนสุขสม

     

    ยิ่งได้สัมผัสยิ่งดำดิ่ง หลงเข้าไปในวังวนความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่อาจลบใบหน้าและสายตาของอีกฝ่ายยามจ้องมองมาได้ แบคฮยอนตกลงในบ่วงรักอันเหมือนกับดักใยแมงมุมที่ยิ่งดิ้นยิ่งพันตัว จากที่เคยเสพติดเพียงความอบอุ่นจากรอยยิ้มและฝ่ามือ พอได้สิ่งที่มากกว่าอย่างอ้มกอดก็กลับกลายเป็นยิ่งทุรนทุรายอยากได้เพิ่มมากขึน แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าจะไม่เรียกร้องมากกว่านี้เด็ดขาด

     

    ได้แต่เก็บความสับสนวุ่นวาย และความรู้สึกไว้ในใจ แอบมีความสุขเงียบๆ อยู่เบื้องหลัง ถ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถครอบครองความรักนั้นได้แบคฮยอนก็คงทำได้แค่ประคองตัวเองให้อยู่ในโซที่มีความสุขมากที่สุด

     

    จะรู้ตัวบ้างไหมนะว่าทำให้ใครคิดมากอยู่ตรงนี้ เก็บทุกอย่างมาใส่ใจไปหมดอย่างกับคนไม่เคยมีความรัก...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในเย็นวันอังคารที่ครอบครัวกลับมาถึงบ้าน หลังจากทริปท่องเที่ยวของบริษัท ช่วงห้าโมงก่อนอาหารค่ำบรรยากาศในบ้านดูครึกครื้นมากกว่าทุกที ว่าที่ลูกเขยของบ้านเองก็แวะเข้ามาหาพ่อแม่แฟนสาวที่บ้านและอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน แม้แต่แบคฮยอนที่เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนก็ลงมานั่งเล่นข้างล่าง

     

    ตรงชายหาดข้างโรงแรมอะสวยมากเลย มีที่ให้ถ่ายรูปด้วยนะ ถามโรงแรมเมาค้ามีบริการรับจัดโต๊ะด้วย

     

    ระหว่างรอการเตรียมอาหารภายในห้องโถง หัวข้อเรื่องสถานที่งานหมั้นและถ่ายพรีเวดดิ้งก็ถูกยกขึ้นมาในบทสนทนา ลูกชายคนเล็กของบ้านที่ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยอะไรก็ได้แต่นั่งเงียบเล่นโทรศัพท์มือถือไปท่ามกลางวงสนทนาของผู้ใหญ่

     

    อือ ก็ดี ไม่ไกลด้วยนายตำรวจว่าที่คู่หมั้นมองภาพถ่ายในมือถือแฟนสาวพร้อมออกความเห็นเพียงเล็กน้อย มือที่วางพาดบนบ่าเกี่ยวเส้นผมยาวของหญิงสาวขึ้นเกี่ยวทัดใบหู ท่ามกลางสายตาของใครบางคนที่แอบลอบมองมา

     

    ขอเบอร์ติดต่อเค้ามาแล้วด้วย ถ้าพี่โอเค ฉันก็โอเค

     

    เอาอันนี้ก็ได้

     

    แล้วแบคฮยอน เรื่องติวข้อสอบเป็นยังไงบ้างผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกชายที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่นาน ชานวุคพับหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะเอ่ยต่อ เห็นเอาแต่อ่านหนังสือ แสดงว่าไม่ยากใช่ไหม

     

    ถึงจะพูดเหมือนสอบถามด้วยความห่วงใย แต่ประโยคหลังกลับแฝงไปด้วยการกดดันทำเอาเด็กหนุ่มที่ขาดความมั่นใจอยู่แล้วยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

     

    ก็พอทำได้ฮะคนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ตอบอ้มแอ้มไปแบบไม่เต็มคำ เพื่อไม่ให้คนเป็นพ่อคาดหวังมากนัก ถึงแม้ว่าตัวเองจะพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็น

     

    อย่าให้แย่กว่าปีที่แล้วแล้วกันชายวัยกลางคนกล่าวออกไปด้วยสีหน้าสบายๆ ทว่าต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังที่ลูกชายคนเล็กต้องแบก บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ กลายเป็นว่าอยู่ดีๆ วงบทสนทนาก็น่าอึดอัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

    ถ้าสอบได้คะแนนดีๆ อยากได้อะไรเดี๋ยวพี่ซื้อให้

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมเหมือนเสียงสวรรค์ แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายตรงหน้าเขาแล้วก็พบกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ทำให้อุ่นใจได้เสมอ นัยน์ตาสีอ่อนลุกวาวเมื่อได้ยินคำว่าซื้อของแต่ก่อนจะที่จะได้พูดอะไรเสียงหญิงสาวก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน

     

    ตามใจน้องฉันเกินไปแล้วแพยอนตวัดมือตีแฟนหนุ่มพลางช้อนสายตามองค้อน ด้วยความกลัวว่าน้องชายจะจะถูกตามใจจนเสียนิสัย ทว่าสีหน้าชานยอลก็ยังคงผ่อนคลายไม่ได้สะทกสะท้านอะไร

     

    ได้จริงหรอ?” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นจนผู้เป็นพ่อต้องชำเลืองสายตาปราม

     

    อะไรก็ได้ เดี๋ยววันสอบพี่ไปรับที่โรงเรียน

     

    เนี่ย พี่ชานยอลตามใจใหญ่เดี๋ยวก็เคยตัวคนเป็นพี่สาวชักสีหน้าตอบแทน แต่คำพูดนั้นหาได้เข้าหูน้องชายคนเล็กไม่ แบคฮยอนจัดการจดข้อมูลเอาไว้ในหัวแล้วว่าจะต้องขอของหนึ่งสิ่งจากพี่เขยหลังผลสอบออก

     

    เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพ่อพาไปเที่ยวจะได้ไม่ต้องรบกวนชานยอล

     

    พอได้ยินคำว่าไปเที่ยวเด็กหนุ่มก็ยิ่งดีใจใหญ่ หัวใจของแบคฮยอนฟูฟ่องหลังจากที่ทนลากตัวเองให้อ่านหนังสือด้วยความทรมานมาหลายคืน รอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นจากลูกชายของบ้านปรากฏขึ้น

     

    จากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดพลิกเปลี่ยนเป็นสดใสด้วยคำพูดเดียวจากนายตำรวจหนุ่ม คนตัวเล็กเหลือบสายตาขึ้นสบกับพี่ชายตรงหน้า ก่อนที่จะต้องหลุบลงด้วยความเขินอายเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมา แม้ว่าสีหน้าของเขาจะเรียบเฉยแต่แบคฮยอนก็ยังสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มและความเป็นห่วงที่สะท้อนในแววตา

     

    เออ ชานยอล เดี๋ยวพ่อขอคุยเรื่องงานหน่อย ไว้ทานข้าวเสร็จขึ้นไปหาหน่อยนะ

     

    ได้ครับ

     

    มากินข้าวกันได้แล้ว

     

    น้ำเสียงสดใสของผู้เป็นแม่หยุดบทสนทนาต่างๆ เอาไว้ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกช่วยชีวิตไว้อีกครั้ง คนตัวเล็กรีบลุกจากโซฟาวิ่งเข้าห้องครัวไปทันที กับข้าวหลายอย่างเรียงรายบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฉุย พอมานึกดูดีๆ ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าไม่ได้กินข้าวกับครอบครัวนานแล้ว

     

    เพราะว่าบางครั้งบทสนทนาในมืออาหารก็ทำให้แบคฮยอนอึดอัดจนอยากจะหลีกเลี่ยง คนตัวเล็กเดินไปนั่งตรงที่นั่งประจำก่อนที่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวจะตามมานั่งข้างๆ

     

    พี่ชานยอลยังคงแสดงออกด้วยท่าทีปกติเหมือนเดิมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนบางทีก็อดสับสนเลยไม่ได้ว่าอันไหนคือตัวตนของเขากันแน่...

     

     

     

     

     

     

     

    ___________________________________________________________________________________________

     

     

     

     

     

     

    ทุกวันที่มีเวลาว่างแบคฮยอนทุ่มเททั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือกระทั่งมาถึงวันสอบกลางภาคที่เป็นคะแนนสำคัญ การเพียรพยายามอ่านหนังสือไม่ได้เสียประโยชน์ซะทีเดียว และการติวข้อสอบล่วงหน้าก็ทำให้แบคฮยอนจดจำข้อมูลที่สำคัญไปสอบได้ ถึงจะแค่จำเท่านั้น

     

    ราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกเมื่อเรื่องหนักสมองมากมายถูกย้ายออกไปจากหัว ทันทีที่กริ่งข้อสอบวิชาสุดท้ายดังนักเรียนมัธยมปลายที่แสนเหนื่อยล้าก็แทบจะล้มฟุบลงกับพื้น แบคฮยอนต้องหอบร่างไร้วิญญาณออกจากห้องสอบ แต่ถึงจะเหน็ดเหนื่อยอย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง เมื่อมีข้อสอบหลายวิชาที่มั่นใจว่าทำได้

     

    ดวงตาเรียวรีหลุบมองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาสี่โมงกว่าๆ คนตัวเล็กรีบวิ่งออกไปหน้าโรงเรียนอย่างกับเด็กประถมเพื่อรอพี่ชายที่สัญญาว่าจะมารับ สองมือกำกระชับสายกระเป๋าแน่น เพื่อนในชั้นหลายคนเดินผ่านไปและทักทาย บางกลุ่มก็ชวนกันไปเลี้ยงฉลองหลังสอบเสร็จ ทว่าคนตัวเล็กยังคงมุ่งมั่นที่จอรออยู่ตรงนี้

     

     

     

    เวลาผ่านไปหลายต่อหลายนาทีจนเริ่มใจไม่ดี นักศึกษาที่เคยเดินขวั่กไขว่เริ่มบางตา แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แรงสั่นในกระเป๋าเตือนว่ามีข้อความเข้ามือถือ มือบางล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมาดู ก่อนที่แววตาสุกใสจะต้องสลดลง

     

    ขอโทษที วันนี้ไปรับไม่ทัน ไว้วันหลังพาไปเลี้ยงขนมนะ

     

    ข้อความถูกส่งมาจากหมายเลขคุ้นเคย แม้ว่าจะรู้สึกน้อยใจอยู่นิดๆ แต่ห็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าใจ นิ้วเรียวกดข้อความส่งตอบกลับไปพร้อมกับอีโมจิน่ารัก เพียงไม่นานข้อความก็ถูกอ่าน ทว่าก็ไม่มีสิ่งใดถูกตอบกลับมาเหมือนเคย..

     

    คนตัวเล็กเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วตัดสินใจเดินออกไปรอรถโดยสารประจำทางเพื่อไปสถานีรถไฟเอง แววตาเหงาหงอยก้มลงมองพื้นถนนอย่างพยายามกลั้นความเสียใจเอาไว้ ทั้งที่วันนี้พยายามเต็มที่แล้วแท้ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ...

     

    รองเท้าผ้าใบเขรอะฝุ่นคู่เดิมมอมแมมมากขึ้นกว่าวันก่อน ไม่ต่างจากจิตใจเจ้าของที่ขาดการดูแลพอๆ กัน อยู่ดีๆ หยดน้ำตาก็ร่วงลงมาทั้งที่ไม่ได้เสียใจเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน บางทีแบคฮยอนน่าจะควรต้องพักสักที

     

     

     

     

     

     

     

    รองเท้าผ้าใบเขระฝุ่นมาหยุดอยู่หน้ารั้วสีขาว แบคฮยอนกลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงกว่า แล้วก็ต้องพบว่าประตูบ้านถูกล็อคเอาไว้ พอไขกุญแจเข้าไปก็ต้องพบกับความเงียบ คนตัวเล็กก้มมองนาฬิกาเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งว่าตอนนี้ใกล้หกโมงแล้ว ลานจอดหน้าบ้านลงยังว่างดูท่าทางแม่กับพี่สาวคงจะออกไปข้างนอก

     

    เด็กหนุ่มถอนลมหายใจก่อนจะเดินขึ้นบันไดเข้าห้องนอนตัวเองไปทันที กระเป๋าเป้ถูกวางไว้หน้าประตูก่อนที่คนตัวเล็กจะตรงไปกระโดดลงเตียง โทรศัพท์เครื่องบางถูกหยิบขึ้นมากดส่งข้อความถึงพี่สาว

     

    ตรงกล่องสนทนาด้านล่างมีรายชื่อที่เขาเพิ่งแมสเสจหาไปเมื่อชั่วโมงก่อน และก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับเหมือนเดิม เจ้าของใบหน้าเหงาหงอยได้แต่ถอนลมหายใจ ความเงียบทำให้เด็กชายผู้แสนเหนื่อยล้ายิ่งว้าเหว่

     

    แบคฮยอนตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งไปพร้อมต่อท้ายด้วยอีโมจิหน้ายิ้ม ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย

     

    อยากเจอจัง :)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ใช้เวลานอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเกือบชั่วโมงฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดลง หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตกับหนังสือเป็นสัปดาห์พอมีเวลาว่างแบคฮยอนก็ไม่รู้จะต้องทำอะไรแล้ว ปลายนิ้วเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ ริมฝีปากบางมุ่ยขึ้นอย่างนึกเซ็ง เสียงบางอย่างที่ดังรอดเข้ามาในหูฟังทำให้คนตัวเล็กต้องกดหยุดเพลง พอได้ยินเสียงชัดๆ ถึงได้รู้ว่าแม่กับพี่สาวมาถึงบ้านแล้ว

     

    เจ้าของห้องรีบรุดขึ้นไปเปิดประตูวิ่งออกไปข้างนอกทันที ขาเรียวก้าวลงบันไดรัวด้วยความกระตือรือร้น

     

    แม่! วันนี้พี่ชานยอลมาหรือเปล่า!ยังไม่ทันที่เท้าจะถูกพื้น แบคฮยอนก็ตะโกนถามออกไปเสียงดังโดยที่ไม่ดูเลยว่าคนที่ตัวเองถามถึงก็ยืนอยู่ข้างหน้า

     

    คิดถึงหรือไงคนถูกเรียกหาส่งเสียงหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าประหลาดใจของน้องชายคนรัก ชานยอลเดินเข้าไปหยิกแก้มเจ้าตัวเล็กด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในครัว ปล่อยให้อีกฝ่ายได้แต่ยืนเขินเก้ออยู่หนาบันได

     

    มาถึงก็ถามหาพี่ชานยอลเลยนะ พี่แกยืนอยู่ตรงนี้แพยอนหันไปแขวะน้องชาย ปลายนิ้วชี้เข้าหาตัว ท่าทีกระตือรือร้นเกินเหตุเด็กชายทำหญิงสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้

     

    ไปไหนกันมาเมื่อรู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา คนตัวเล็กก็เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น นัยน์ตาสีอ่อนจ้องมองไปยังถุงคลุมชุดสีขาวที่วางพาดอยู่บนโซฟา หัวใจดวงเล็กหวั่นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นชายกระโปรงผ้าชีฟองที่โผล่ออกมา

     

    ไปรับชุดงานหมั้นมา แล้วแกกินข้าวหรือยัง

     

    เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา หางตาเรียวแอบเหลือบไปเห็นชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนดื่มน้ำอยู่ในห้องแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง ได้ยินเสียงแม่กับพี่สาวกำลังคุยกันเรื่องชุดสำหรับงานหมั้นที่จะจัดขึ้น รู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งบีบคั้นจนอกแน่นไปหมดและตัวเขาก็กำลังเล็กลงเรื่อยๆ

     

    แบคฮยอนตัดสินใจหันหลังเดินกลับขึ้นบันไดไปเมื่อไม่มีใครทักถามเรื่องสอบ ได้แต่เก็บสีหน้าเหงาหงอยกับความรู้สึกคับแน่นในอกเอาไว้

     

    ทันทีที่บานประตูห้องนอนปิดลง เด็กหนุ่มร่างเล็กก็เดินไปทิ้งตัวบนที่นอนเหมือนคนหมดแรงไม่ต่างจากทุกวัน ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ได้เสียใจสักหน่อยแต่หยดน้ำตากลัร่วงผล็อยออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ มือบางยกขึ้นปาดเช็ดผิวแก้มลวกๆ

     

    ทั้งที่วันนี้ก็เป็นวันสำคัญของแบคฮยอนแท้ๆ เรื่องงานหมั้นอะไรมันก็แค่พิธีๆ หนึ่งเท่านั้น แต่ทุกคนก็เอาแต่ให้ความสนใจจนลืมใครบางตรงนี้ไปซะสนิท ถึงจะบอกว่าไม่แต่พอเห็นชุดกับท่าทีของผู้ป็นแม่แล้วมันก็อดเสทือนใจไม่ได้

     

    ทำไมถึงเหนื่อยจังนะ... อยากหายไปจัง...

     

    ก๊อกๆๆ

     

    แบคฮยอน

     

    เสียงเคาะประตูดังเสียงนุ่มทุ้มอันแสนคุ้นดังขึ้นฉุดคนที่กำลังจมกับความคิดให้รู้ตัว เด็กหนุ่มรีบเช็ดน้ำตาออกก่อนจะลุกขึ้นเปิดประตูไปยืนประจัญหน้าอยู่กับพี่ชายที่ตอนแรกบอกว่าจะไม่มาหา คนตัวสูงแทรกกายเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดบานประตูลง

     

    ไม่ต้องมีคำพูดใด ร่างเล็กโถมกายเข้ากอดคนตรงหน้าทันที ความเหนื่อยล้าและความคิดถึงที่เก็บกั้นเอาตีขึ้นมาเต็มอก กี่วันแล้วนะที่ไม่เจอกัน สัมผัสจากฝ่ามือหนาที่ลูบอยู่บนศีรษะส่งความอบอุ่นไปถึงหัวใจที่แสนเหนื่อยล้า ชานยอลกระชับร่างคนอายุน้อยกว่าเข้ามากอดแน่น

     

    นึกว่าจะไม่มาแล้ว

     

    ก็อยากเจอไม่ใช่หรอ

     

    หยดน้ำตาที่พยายามกักเก็บไว้ไหลซึมเปื้อนเสื้อชายหนุ่มตรงหน้า เพียงแค่มีพี่ชานยอลนี้อยู่ตรงนี้แบคฮยอนก็ไม่ต้องการใครอีก

     

    มีความสุขจัง... หรือว่าที่จริงแล้วไม่ได้ต้องการอย่างอื่นนอกกว่านี้กันแน่นะ...

     

    สอบเป็นไงบ้าง

     

    ทำได้เยอะเลยตอบเสียงอู้อี้ออกไป ก่อนที่สองร่างจะผลักดันกันไปล้มลงบนเตียง รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม คนตัวเล็กซุกหน้าลงกับแผ่นอกพี่ชายสูดดมกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ เก็บเกี่ยวทุกกำลังใจเอาไว้ก่อนที่เวลาจะหมดลง

     

    เมื่อไหร่ที่แบคฮยอนเริ่มคิดนอกลู่นอกทางทีไร ผู้ชายคนนี้ก็มักดึงเขากลับมาที่เดิมทุกทีไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ขนาดที่แม้แต่งานหมั้นก็ยังไม่อาจสั่นคลอนความรู้สึกที่มีอยู่ได้

     

    แล้วร้องไห้ทำไม ทำได้ก็ดีแล้วนี่ชานยอลหลุบสายตาลงมองแพรขนตาที่ยังมีรอยชุ่มอยู่ ใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือออกจากหางตา

     

    อื้อ... ก็ทำได้ แต่ไม่รู้คะแนนดีไหมถึงแม้จะดีใจที่รู้สึกว่าทำข้อสอบได้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผลคะแนนจะออกมาอย่างที่คาดหวัง

     

    ยังไงก็ทำเต็มที่แล้วนี่คนตัวสูงเกี่ยวปลายนิ้วสางเรือนผมสีเข้ม ยกเกี่ยวมันหน็บทัดใบหูขาว สายตาจดจ้องใบหน้าคนขี้กังวลด้วยความเอ็นดู ถึงจะยังไม่ไม่เห็นคะแนนแต่ชานยอลก็เชื่อว่าแบคฮยอนต้องทำได้ดีแน่ อยากได้อะไรไหม

     

    อือ...เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมอง ทำท่าคิดพลางส่งเสียงอืมในลำคอ

     

    ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เม้มเข้าหากันกับสีหน้าครุ่นคิดและแววตาใสซื่อสะกดชายหนุ่มหยุดในห้วงความคิดชั่วขณะ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องลึกลงไปในดวงตาสุกใสของเด็กชายตรงหน้า ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง ใบหน้าคมค่อยๆ ขยับเคลื่อนเข้าใกล้จนปลายจมูกชิดกัน... ทว่าก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสเสียงเคาะประตูก็เรียกให้ชานยอลต้องละใบหน้าออก

     

    ก๊อกๆๆ

     

    แบคฮยอน พ่อมาแล้วนะ

     

    เสียงตะโกนของพี่สาวคนโตดังรอดผ่านประตูเข้ามา แบคฮยอนหัวใจกระตุกวูบ สองร่างรีบละออกจากกันก่อนเจ้าของห้องจะรีบหยัดตัวลุกขึ้น

     

    เดี๋ยวลงไปฮะ

     

    สองสายตาจ้องมองบานประตูกระทั่งเสียงคนด้านนอกเงียบลง ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นพลางถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายิ้มขำกับตัวเองที่เกือบจะเลินเล่อเผลอใจทำอะไรนอกเวลาไปซะแล้ว มือหนาวางลงบนศีรษะเด็กหนุ่มผลักโยกไปมาเบาๆ ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินไปยังประตู

     

    พี่ไปรอข้างล่าง

     

    ชานยอลกล่าวแค่นั้นก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไป ปล่อยเจ้าของห้องเอาไว้กับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แบคฮยอนยกมือขึ้นจับหน้าอกก่อนจะรีบกระโดดออกจากเตียงด้วยความกระตือรือร้นพอกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตกลงว่าเลือกสถานที่แล้วใช่ไหมล่ะ

     

    ใช่ค่ะ นัดตากล้องไว้แล้วด้วย

     

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นวันนี้พร้อมหน้าไปด้วยครอบครัวและว่าที่ลูกเขยแสนดี หัวข้อสนทนายังไม่พ้นเรื่องแผนงานหมั้นและการถ่ายพรีเวดดิ้งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เด็กหนุ่มตัวเล็กที่ไม่ได้มีปากเสียงอะไรเอาแต่ตักข้าวเข้าปากไม่พูดไม่จา ไม่ได้สนใจจะฟังอะไรทั้งนั้น

     

    ตกลงว่าไปถ่ายที่นั่นหรอ

     

    ค่ะ จองโรงแรมเรียบร้อย

     

    อือ... แล้วแบคฮยอน สอบวันนี้เป็นไงบ้างหัวข้อที่เกือบจะลืมไปแล้วถูกนำมาพูดบนโต๊ะ ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะอาหารหันไปถามลูกชายคนเล็กเรื่องการสอบ นัยน์ตาของผู้เป็นพ่อเหลือบมองลอดแว่น ทำเอาเด็กหนุ่มที่ไม่ทันได้เตรียมคำตอบแทบพูดไม่ออก

     

    ก็พอทำได้ฮะตอบออกไปเสียงอ้อมแอ้มพลางพยักหน้าเบาๆ ด้วยความไม่มั่นใจ ถึงจะอยากบอกว่าทำได้มากกว่าทุกทีแต่ก็กลัวว่าจะเป็นการสร้างกับดักให้ตัวเองตอนผลสอบออกมา

     

    แสดงว่าก็ยังมีที่ทำไม่ได้ใช่ไหมชานวุคกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทว่ากลับสร้างความกดดันให้คนฟังได้อย่างมหาศาล

     

    ก็...มีบางวิชาฮะ...ความมั่นใจเที่เคยเตรียมมาถูกบั่นทอนจนหมด ความประหม่าทำคนตัวเล็กเผลอกำตะเกียบด้วยความลืมตัว กระทั่งเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นช่วยชีวิตไว้

     

    ดีแล้ว พี่จะได้ไปเที่ยวด้วยว่าที่ลูกเขยของบ้านเอ่ยขึ้นแทรกพลางระบายยิ้มบนใบหน้า หยุดการสอบเค้นที่แสนตึงเครียดลง

     

    ชานยอลก็จะไปด้วยหรอ?”

     

    โอ้ยพ่อ ช่วงนี้ชานยอลยุ่งจะตาย ทำงานตลอดแทบจะไม่ได้พัก บ้านตัวเองยังไม่ได้กลับเลยแพยอนตอบคำถามผู้เป็นพ่อแทนแฟนหนุ่ม เธอเองก็รู้ดีว่าคนรักงานวุ่นวายแค่ไหน ขนาดบ้านชานยอลเองยังไม่ค่อยได้กลับเลย เวลาจะไปเที่ยวคงไม่มี ไหนจะเรื่องานหมั้นอีก นี่ก็พยายามเคลียร์งานให้ได้วันว่างอยู่

     

    ไว้ลาก็ได้ นานๆ ที ถือว่าไปพักนายตำรวจหนุ่มตอบออกไปด้วยท่าทีสบายๆ ทำเอาแฟนสาวถึงกับต้องหันมามองหน้า ถึงจะงานยุ่งแค่ไหนชานยอลก็อยากไปเที่ยวทริปนี้อยู่ดี

     

    แล้วถึงวันถ่ายพรีฯ จะลาได้หรอ?”

     

    อีกตั้งเดือนนึง

     

    งั้นก็ไปด้วยกันทั้งหมดเลย

     

    เมื่อศูนย์รวมการตัดสินใจของคนในบ้านชี้ที่ทางสะดวกทุกคนก็ตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ แบคฮยอนแทบเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ รอยยิ้มแห่งความสุขฉาบขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม ดูเหมือนว่าความพยายามของแบคฮยอนจะได้รับการตอบสนองแล้ว

     

    ดวงตาเรียวรีเหลือบมองพี่เขยที่นั่งอยู่ด้านข้าง นึกอยากจะขอบคุณสักสิบครั้ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเอียงหูลงฟังสิ่งที่คนรักพูด เด็กชายก็ได้แต่ต้องเก็บคำพูดและความดีใจไว้ แบคฮยอนหลุบตาลงมองจานข้าว แอบยิ้มเล็กๆ กับปลาตัวน้อย จะได้ไปเที่ยวพร้อมกันครบหน้าครอบครัวสักที

     

    อย่างน้อยตอนนี้ก็ถือว่าได้รางวัลล่ะนะ...




    _______________________________________________________________________





    ในวันหยุดสุดสัปดาห์ของช่วงปิดเทอมกลางภาค รถคันใหญ่ของครอบครัวขับเคลื่อนไปตามถนนริมทะเล คนที่ดูจะร่าเริงที่สุดในทรปนี้ก็คงไม่พ้นคนอายุน้อยสุดที่ตื่นเต้นรอตั้งแต่วันสอบเสร็จ ใบหน้าหวานยื่นออกไปรับลมนอกกระจก สูดกลิ่นลมทะเลที่ทำให้สดชื่นปอดได้มาก

     

    นายตำรวจหนุ่มที่อาสาทำหน้าที่ขับรถแอบชำเลืองสายตามองเด็กชายผ่านกระจกมองหลัง พอเห็นเจ้าตัวเล็กสดใสเขาก็ดีใจไปด้วยไม่ได้ รถยนต์คันสีดำชะลอเลี้ยวเข้าจอดที่ริมทางเพื่อพักสูดอากาศหลังจากขับรถมาหลายชั่วโมง ชานยอลดับเครื่องและดึงเบรกมือก่อนจะหันไปปลุกคนรักที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ

     

    ตื่นได้แล้ว

     

    ถึงแล้วหรอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสลึมสลือเสยผมยุ่งเหยิงขึ้น คิ้วเรียวขมวดมุ่น แพยอนชายสายตามองวิวทะเลด้านนอกก่อนจะเอนหลังพิงเบาะรถ

     

    แวะลงแป๊บนึงก่อน หิวน้ำไหมมือหนาเอื้อมไปเกี่ยวปอยผมที่ปรกรกออก แต่หญิงสาวกลับเบือนหน้าหนีพร้อมกับส่งเสียงงึมงำในลำคอออกมา

     

    ไม่ลงนะ ร้อน

     

    งั้นเดี๋ยวซื้ออะไรมาให้

     

    ชานยอลปลดเข็มขัดนิรภัยเปิดประตูลงจากรถพร้อมๆ กับเด็กชายตัวเล็กที่แทบจะกระโดดลงไปทันทีที่รถจอด บานประตูรถถูกปิดดังปัง ลมทะเลยามสายลอยปะทะเข้าใบหน้า แม้ว่าอากาศจะค่อนข้างร้อนแต่ก็ยังทำให้รู้สึกสดชื่น

     

    รถยนต์อีกคันที่ขับตามหลังมาจอดลงใกล้ๆ กัน คนตัวเล็กเดินลุยทรายไปกลางหาดอ้าสองแขนรับลมร้อน เงยหน้าขึ้นหยีตาขึ้นสู้แสงแดดหลังจากที่เก็บตัวแต่ในห้องมานาน มองท้องฟ้าแสนสดใสผ่านไรขนตา ยิ้มออกมาด้วยความดีใจกับพยอนทริปที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มีความสุขจนอยากจะตะโกนออกไปดังๆ เลย

     

    "แม่! ถ่ายรูปให้หน่อย!" หันไปตะโกนเรียกผู้เป็นแม่ที่เปิดกระจกนั่งมองอยู่ในรถ ก่อนที่จะต้องมุ่ยหน้าเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับชี้นิ้วให้ดูแสงอาทิตย์

     

    เสียงปิดประตูรถเรียกเด็กหนุ่มให้ต้องหันไปมองพี่สาวที่บอกว่าจะพักเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้ายุ่งๆ เรียวคิ้วขมวดย่น ชายกระโปรงผ้าพริ้วสีเขียวแก่ปลิวสไวไปกับเส้นผมยาวสลวย ข้างๆ กันมีแฟนหนุ่มคอยยืนเอาใจใส่ด้วยการช่วยปัดปอยผมออกจากใบหน้า ทั้งยังสละหมวกที่ตัวเองใส่สวมให้กับคนรัก

     

    ภาพที่แสนบาดตาทำแบคฮยอนต้องเบือนหน้าหนีก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลืมไปเลยว่าไม่ได้มาเที่ยวคนเดียว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงเหมือนทุกที เวลามีพี่อยู่ทีไรแบคฮยอนเป็นแค่ตัวแถมทุกที

     

    นัยน์ตาที่เคยสดใสสลดลง วันที่แสนสนุกตั้งท่าว่าจะสะดุดลงแต่คนตัวเล็กก็ไม่อยากคิดอะไรเยอะแยะ สุดท้ายก็ต้องเดินกลับไปที่รถเพราะดูจากสีหน้าครอบครัวแต่ละคนแล้วคงอยากไปให้ถึงที่พักไวๆ

     

    อยู่ๆ มีความคิดไม่ดีแว่บเข้ามาในหัวว่าการเอาใจใส่ที่ตัวเองได้รับเนี่ย หากเทียบกับพี่สาวแล้วมันเป็นกี่เปอร์เซ็นต์กันนะ ไม่ว่าจะจากครอบครัวหรือใครๆ แต่พอคิดว่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบไม่ได้ก็ได้แต่ทำใจ...

     

     

     

     

     

     

     

    กระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กถูกวางกองไว้หน้าประตู ทันทีที่มาถึงบังกะโลเด็กชายตัวเล็กก็วิ่งไปกระโดดขึ้นเตียงเป็นอย่างแรก ศีรษะทุยชะโงกขึ้นมองวิวทางกระจกหน้าต่างห้องนอนที่มองเห็นชายหาดส่วนตัวเกือบทั้งแถบ

     

    แบคฮยอนมานอนกับแม่เลย ห้องนั้นให้พี่นอนกับพี่ชานยอล

     

    ยังไม่ทันดีใจได้ครบนาทีเสียงกล่าวของผู้เป็นแม่ก็ทำเด็กหนุ่มต้องหน้ามุ่ย คนตัวเล็กหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียงใช้สายตากับเรียวคิ้วขมวดขุ่นจ้องมองหญิงวัยกลางคนด้วยใบหน้าบึ้งตึง นี่มันวันท่องเที่ยวของแบคฮยอนนะ ทำไมเขาถึงไม่ได้นอนห้องส่วนตัวล่ะ

     

    ไม่เอาหรอก พ่อนอนกรนอะ

     

    งั้นก็นอนโซฟาข้างนอก

     

    ริมฝีปากยิ่งงอง้ำเมื่อได้ยินว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายออกไปนอนข้างนอก คนตัวเล็กทิ้งกายลงบนเตียงแล้วคว้าผ้าห่มขึ้นคุมร่างอย่างเอาแต่ใจ ทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ยังไงก็ต้องนอนในห้องนี้ให้ได้

     

    เอ้า ออกมาก่อน ให้พี่นอนก่อน พี่ปวดหัว

     

    เจ้าของทริปได้แต่ร้องปฏิเสธอยู่ในใจ พอเปิดผ้านวมมาออกมาก็เห็นพี่สาวเดินทำสีหน้ากระเง้ากระงอดเข้ามาในห้องนอนเพราะอาการปวดหัวไมเกรน สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องลุกขึ้นหลีกทางให้พี่สาวอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความขุ่นข้อง

     

    แบบนี้มันก็ไม่เห็นต่างจากการไปเที่ยวทุกที คนตัวเล็กได้แต่ถอนลมหายใจก่อนจะลากกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองออกไปวางไว้ข้างโซฟา รู้ว่าถึงโวยวายไปก็มีแต่จะทำให้บรรยากาศแย่ลง แบคฮยอนเริ่มนึกไม่ออกแล้วว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่จากที่คาดหวังไว้ทุกอย่างมันกลับไปเหมือนเดิมหมด

     

    ไม่เห็นสนุกเลย...

     

     

     

     

     

     

    เวลาเดินล่วงลับเข้าสู่ช่วงบ่ายที่แดดเริ่มจางลง หลังจากกินข้าวเสร็จได้พักผ่อนจากการเดินทางก็ถึงเวลาได้ลงเล่นน้ำทะเลสักที ลูกสาวคนโตของบ้านตื่นขึ้นจากอาการปวดหัว แพยอนเปลี่ยนไปสวมชุดคลุมผ้าพลิ้วทับบิกินี่อวดผิวขาวรับแสงแดดกับหมวกปีกกว้างดูสวยอย่างกับนางแบบ ขณะที่แบคฮยอนสวมเพียงกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดที่ใส่มา

     

    แสงแดดอบอุ่นส่องจรดเม็ดทราย ที่สุดขอบฟ้าโปร่งโล่งมีขบวนก้อนเมฆน้อยใหญ่เรียงรายดูราวกับภาพในโปสการ์ด สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำลงหาดทรายขาวละเอียด สายลมในเย็นพัดผ่านพอให้ได้เย็นชื่นใจ

     

    เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินเอื่อยๆ ไปตามชายหาด นัยน์ตาสีอ่อนจดจ้องไปยังแผ่นหลังกว้างของใครบางคน เจ้าของเส้นผมสีดำสนิท ผิวสีคร้ามแดดพราวไปด้วยหยดน้ำ แผ่นหลังแข็งแรงที่แบคฮยอนอยากจะกอดสักครั้งถ้าไม่ติดว่าเจ้าของตัวจริงอยู่ตรงนี้

     

    ชายหนุ่มที่สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำสีเข้มโชว์ท่อนบนเปลือยเปล่า เดินเบียดชิดหยอกล้อกันไปตลอดทางกับหญิงสาวในชุดบิกีนี่ ท่าทีอ้อร้อของพี่สาวกับแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่านี่อาจเป็นทริปซ้อมฮันนีมูนก่อนแต่งงาน

     

    แพยอนซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังของชายคนรัก สองแขนโอบรอบเอวหนาวางท่าให้ผู้เป็นแม่ถ่ายรูปให้ด้วยท่าทีเริงร่าต่างจากเมื่อเช้า สีหน้าเปี่ยมสุขและรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของคนตัวสูงทำเด็กชายตัวเล็กอดรู้สึกวูบโหวงในใจไม่ได้

     

    ดวงตาเรียวรีหลุบมองผืนทรายสีขาว ก่อนที่สองเท้าจะพาตัวเองไปนั่งลงบนรอยเปียกระหว่างคลื่นทะเลและชายหาด แบคฮยอนวักมือสาดน้ำเล่นกับคลื่นทะเลและความรู้สึกเหงาในจิตใจ ได้แต่แอบถามตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่กันนะ ทำไมถึงรู้สึกเป็นส่วนเกินมากกว่าเดิมอีก

     

    พอหันไปมองใครบางคนที่หวังอยากให้ช่วยก็กลับกลายเป็นยิ่งตอกย้ำกับตัวเองว่าไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น เมื่อเทียบตัวจริงที่สำคัญกว่า ทำไมถึงเผลอคิดไปได้นะ ทั้งที่ไม่สามารถจะคิดอะไรได้เลยแท้ๆ มีสติหน่อยสิ

     

    สองขาเรียวหยัดลุกขึ้นก่อนที่คนตัวเล็กจะหันหลังเดินห่างออกไปจากครอบครัว สองเท้าเหยียบย่ำไปตามรอยเปียกของคลื่นน้ำ ขณะที่ในหัวกำลังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองได้รับนั้นเทียบได้เพียงหนึ่งเม็ดทรายในหาดของพี่สาวหรือเปล่านะ...

     

    ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เป็นเหมือนตัวแถมอยู่ดี ได้แต่คิดแล้วก็น้อยใจอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ทันไรหยดน้ำตาก็เกาะพราวเลือนภาพตรงหน้าเสียแล้ว เป็นแค่หยดน้ำตาเม็ดเล็กที่หลั่งออกมาด้วยความรู้สึกตัดพ้อในใจ

     

    ทำไมต้องน้ำตาไหลด้วย ไม่ได้เสียใจสักหน่อย

     

    อยากจะให้ตัวเองเป็นฟองอากาศในคลื่นทะเลจัง ให้มันสลายหายไปให้หมด ทั้งความรู้สึกและตัวตน...

     

     

     

     

    แบคฮยอน!

     

    เสียงทุ้มตะโกนดังดังลั่นชายหาด ชานยอลป้องปากตะโกนเรียกน้องชายคนรักที่กำลังเดินห่างไปไกลเรื่อยๆ เห็นอีกฝ่ายเพียงแค่หันหน้ามามองพร้อมกับโบกมือให้ลางๆ แต่ก็ไม่ได้เดินมาหา นัยน์ตาที่ซ่อนความรู้สึกมากมายจ้องแผ่นหลังเล็กๆ กับรอยเท้าที่กำลังเดินห่างออกไป

     

    ชายหนุ่มได้แต่ถอนลมหายใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรในเมื่อฝ่ามือของเขายังกอบกุมมือแฟนสาวเอาไว้..

     

    ทั้งที่วันนี้เป็นวันฉลองการสอบของแบคฮยอนแท้ๆ แต่ใครๆ กลับเอาแต่ให้ความสำคัญกับลูกสาวคนโตของบ้าน ทำเอาหัวใจที่รักความยุติธรรมของนายตำรวจไม่อาจสงบลง ทว่าเขาก็ทำได้แค่ยืนมอง ซ่อนความรู้สึกต่างๆ ไว้ภายใต้สีหน้าและแววตาสงบนิ่ง ขณะจ้องมองแผ่นหลังที่แสนโดดเดียวของน้องชายตัวเล็ก...

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

     

     

     

    21:16

     

     

    เสียงรูดซิปกระเป๋าดังเบาๆ เมื่อเสื้อผ้าถูกนำออกเปลี่ยนเรียบร้อย นาฬิกาไม้บนผนังบอกเวลาสามทุ่มเศษๆ แล้ว หลังจากที่กินข้าวอาบน้ำทำกิจกรรมส่วนตัวเสร็จแบคฮยอนก็ต้องมาปูที่นอนกลางห้องโถงเพราะว่าเขาเลือกที่จะไม่นอนกับพ่อแม่ และห้องนอนอีกห้องก็ต้องยกให้พี่สาวกับแฟน

     

    ความฝันที่จะได้นอนเกือกกลิ้งบนเตียงและตื่นมาพร้อมวิวทะเลเป็นอันต้องดับลง แค่เพราะเป็นน้องก็ต้องเสียสละไปหมดทุกอย่าง หรือว่าเพราะเป็นแบคฮยอนกันแน่นะ?

     

    ดวงตาเรียวรีจ้องมองบานประตูห้องพี่สาวกับแฟนหนุ่มพร้อมกับความคิดต่างๆ นาๆ ที่ผุดขึ้นในหัว เด็กหนุ่มได้แต่ถอนหายใจกับความเพ้อเจ้อของตัวเอง ก่อนล้มตัวลงนอนบนพื้นแข็งกระด้างพร้อมกับคว้าเอาโทรศัพท์มากดเล่นฆ่าเวลาได้

     

    จะนอนแล้วหรอ

     

    เสียงเปิดบานประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคุ้นหูที่ดังเบาๆ คนตัวเล็กเหลือบสายตามองพี่เขยที่เดินออกมาจากห้องด้วยชุดกางเกงวอร์มกับเสื้อยืดสีดำพอดีตัว ชายหนุ่มเพียงแค่เอ่ยทักทายแล้วก็เดินจากไป ในมือเขาถือกุญแจรถดูท่าทางเหมือนจะออกไปไหน

     

    แบคฮยอนลุกขึ้นชะเง้อคอมองพี่ชายที่เดินหายออกไปจากประตูบ้าน และยังไม่ทันจะได้นึกอะไรเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าในมือถือก็ดังขึ้น

     

    ออกมาหาพี่หน่อย

     

     

     

     

     

     

     

     

    รถยนต์คันสีดำขับเรียบไปตามถนนชายหาด บรรยากาศภายในห้องโดยสารเงียบไม่ต่างจากด้านนอก เด็กหนุ่มร่างเล็กเบือนหน้าและสายตาออกไปทางกระจกจ้องมองวิวทะเลยามค่ำคืน สายลมยามเย็นพัดยกปอยผมปลิวสไว ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใด

     

    เจ้าของรถคันโตถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาคมเหลือบมองเด็กหนุ่มที่เอาแต่ยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ ชวนคุยอะไรด้วยก็ครางตอบเพียงแค่อือ อืม

     

    โกรธพี่เรื่องอะไรเนี่ยชายหนุ่มกล่าวอย่างใจเย็น เสียงทุ้มราบเรียบฟังดูสุขุมอย่างเคย รถยนต์คันใหญ่ชะลอตัวช้าลงก่อนจะหยุดอยู่ตรงข้างทางเปลี่ยว ความเงียบทำให้ได้ยินทั้งเสียงคลื่นและเสียงลมที่พัดเข้ามา ชานยอลดับเครื่องยนต์ก่อนจะตัดสินใจกดปิดกระจกอีกฝั่งเป็นการบังคับให้อีกฝ่ายหันมาสนใจ ทว่าเจ้าตัวก็ยังคงเงียบ

     

    คนตัวสูงได้แต่พ่นเสียงหัวเราะผ่านลมหายใจกับความดื้อด้าน มือหนาเอื้อมไปเกาปลายคางมนเหมือนกล่อมแมว

     

    "ต้องให้เกาคางก่อนหรอ"

     

    ไม่ได้โกรธเด็กหนุ่มตอบออกไปเสียงหงอยแต่ก็รู้ดีว่าตัวเองเก็บอาการไม่มิด นัยน์ตาที่เจือด้วยความเศร้าเสมองทางอื่นเพื่อซ่อนความรู้สึก

     

    งั้นทำไมไม่คุยกัน รถพี่ก็พามาขับเล่นแล้ว

     

    “.............”

     

    งอนหรอ ข้ามมาหาพี่มา มานั่งฝั่งนี้เจ้าของรถยื้อมือเด็กหนุ่มข้างกายให้อีกฝ่ายย้ายมานั่งด้วยกัน และถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะยังหน้าซึมแต่เจ้าตัวก็ยอมขยับกาย ปีนข้ามเกียร์ย้ายตัวมานั่งลงบนเบาะตรงที่ว่างแคบๆ ระหว่างขาพี่เขย

     

    ไม่โกรธแล้วทำไมเงียบ

     

    ร่างเล็กๆ ถูกรวบกอดด้วยท่อนแขนแข็งแรงจนแผ่นหลังแนบชิดกับอกอุ่น ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ข้างใบหู ก่อนที่ปลายจมูกโด่งของคนตัวโตจะฝังลงบนแก้ม เพียงแค่การกระทำแสนล็กน้อยก็ทำให้หัวใจที่อมทุกข์ของเด็กหนุ่มสั่นไหวและละลายลง

     

    ก็... ไม่รู้จะพูดอะไรคนถูกกล่าวหาตอบออกไปอย่างไม่เต็มแสงนัก สองมือยกจับพวงมาลัยรถเล่นแก้เก้อ แบคฮยอนแทบจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพียงแค่ได้รับอ้อมกอดและคำพูดหวานหู เพียงแค่นี้จริงๆ ที่เขาต้องการเพื่อจัดการกับความตัดพ้อเล็กๆ ในใจ

     

    อือ...คนตัวสูงไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งเสียงครางในลำคอแม้จะรู้เหตุผลดีอยู่เต็มอก ไว้พี่แอบพามาใหม่

     

    อื้อ ไม่เป็นไรหรอก

     

    คำพูดที่แสดงถึงความเคยชินกับความผิดหวังทำชายหนุ่มอดรู้สึกผิดไม่ได้ ที่จริงถ้าชานยอลไม่มามันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

     

    ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาที่บ้านเลยร่างเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นถาม สบดวงตาใสแจ๋วกับคนอายุมากกว่า นัยน์ตาคมที่จ้องมองว่าทำหัวใจแบคฮยอนแอบหวั่นเล็กๆ ด้วยความกังวลว่าเพราะเรื่องของตัวเองหรือเปล่าถึงทำให้พี่เขยไม่ค่อยมาที่บ้าน

     

    ที่ทำงานยุ่ง เวลานอนยังไม่มีเลยเขากล่าวออกไปพร้อมกับพ่นเสียงหัวเราะผ่านลมหายใจ ช่วงนี้ชานยอลทำแต่งานจนแม้แต่บ้านตัวเองยังไม่ได้กลับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมาหาแต่แค่จะปลีกตัวไปรับยังแทบไม่ได้เลย คิดถึงพี่หรือไง

     

    อื้อเด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก พิงศีรษะทุยซบลงกับแผ่นอก แค่ได้รับคำตอบจากปากแค่นี้ก็ดีใจแล้ว

     

    แบคฮยอนนึกมาตลอดว่ากำลังถูกตีตัวออกห่างและมันก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะพี่ชานยอลไม่เคยส่งข้อความมาหาเลยนอกจากอยู่ด้วยกันที่บ้าน หรือตอนเวลาไปรับส่งโรงเรียนก็ไม่มีการติดต่อนอกเหนือจากนั้นอีก

     

    เหมือนรู้จักกันแค่เฉพาะตอนเจอหน้า หลายครั้งที่ได้แต่คิดไปเองคนเดียวด้วยความสับสน แต่พอได้สัมผัสความอ่อนโยนของเขาต่อหน้าก็ลืมทุกเรื่องไปหมด

     

    พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน...ริมฝีปากอุ่นทาบจูบลงผิวแก้ม เสียงทุ้มดังกระชิดใบหูทำคนตัวเล็กอดขนลุกไม่ได้ มือบางวางทับลงบนท่อนแขนหนาที่โอบรัดรอบเอว

     

    คิดถึงแต่ไม่เห็นมาเจอกัน...เอียงคอหลบสัมผัสวาบหวิวก่อนจะหันหน้าไปถาม แต่ไม่ทันไรก็ถูกริมฝีปากอิ่มตามเข้ามาประกบแบบไม่ทันตั้งตัว ความร้อนจากกลีบปากที่บดคลึงลงมาละลายคำพูดลงคอไปหมด

     

    คนตัวสูงยกมือขึ้นประคองใบหน้าเรียวเล็ก ขณะที่ริมฝีปากกดลงเคล้าคลึงอย่างหนักหน่วง ส่งผ่านคิดถึงที่กักเก็บไว้ในใจโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด ท่อนแขนแกร่งกอดกระชับแน่นขึ้น ความใกล้ชิดระหว่างกายทำให้รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของอีกฝ่ายที่ถูกปลุกเร้าขึ้น

     

    อื้อ...

     

    ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันแล้วไง

     

    ชานยอลละใบหน้าออกสบสายตาจ้องลึกเข้าไปในแววตาวูบไหว ก่อนที่ริมฝีปากจะเคลื่นเข้าดูดงับกลีบปากบางบดคลึงอย่างเชื่องช้า ป้อนจูบแสนหวานหลอกล่อให้คนอ่อนประสบการณ์ตายใจ และก็ดั่งเช่นเคยเด็กชายตัวอ่อนลงในอ้อมกอดพี่เขยราวกับสัตว์โดนพิษ

     

    รู้ตัวอีกทีเรียวลิ้นหนาก็ถูกป้อนเข้ามาในปาก เพิ่มระดับความร้อนรุ่มจนตั้งรับไม่ไหว หัวใจดวงเล็กเต้นรัวเมื่อสถานการณ์เริ่มบอกถึงบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลมหายใจร้อนที่เป่ารดใบหู ไม่รู้ว่าคิดถึงหรือคิดอะไรกันแน่

     

    เดี๋ยวคนมาเห็นนะ

     

    ไม่ทำตอนนี้เดี๋ยวพี่ไม่ว่างได้เจอกันแล้วนะมือหนายกขึ้นเกลี่ยปอยผมทัดใบหู มอบสายตาอ่อนโยนพร้อมกับจูบนุ่มนวลลงที่ปลายคาง คำว่า เดี๋ยวไม่ได้เจอกันทำเด็กหนุ่มใจร่วงหล่นไปถึงตาตุ่ม ถึงจะกล้าๆ กลัวๆ แต่ความคิดถึงที่มีต่อคนตรงหน้าก็มากกว่า กว่าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนอีก กลัวว่าถ้าไม่ได้ทำคราวนี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีกนาน หรืออีกฝ่ายอาจจะไม่มาเจออีก

     

    แต่ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร--

     

    ไม่ทันต้องพูดจบคนตัวเล็กก็เป็นฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้าจูบเอง แบคฮยอนไม่อยากรอโอกาสหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ไม่อยากได้แต่นอนจินตนาการถึงเขาผ่านกำแพง

     

    เสียงจูบคลึงดังเบาๆ เมื่อสองริมฝีปากบดเข้าหากัน ชานยอลดูดดึงกลีบปากบางสลับกับส่งลิ้นเข้าไปหยอกเอินภายใน ฝ่ามือหนาของคนตัวโตเริ่มอยู่ไม่สุก ลูบเค้นไปมาตามลำตัวจนเสื้อสีอ่อนถลกขึ้น แบคฮยอนได้แต่นั่งหน้านิ่วกลั้นลมหายใจกับความรู้สึกมวนท้องยามฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปตามเอวขอด หน้าท้องแขม่วจนเห็นซี่โครง

     





    cut

     

     

     

     

     

     

     

     

    ออกมานานขนาดนี้พี่ไม่ว่าหรอ

     

    เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นในความเงียบขณะที่สายตามองออกไปยังวิวทะเลยามค่ำคืน หลังจากที่สวมเสื้อผ้าจัดการตัวเองเรียบร้อยแบคฮยอนก็พบว่านาฬิกาบนรถตอนนี้บอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่ตัวเขากับพี่ชานยอลยังไม่กลับถึงที่พัก แถมยังนั่งคุยกันเอื่อยเฉื่อยจนลืมเวลา

     

    ไม่ว่าหรอกคนตัวสูงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบราบพร้อมกับวางคางเกยศีรษะเจ้าตัวน้อย ป่านนี้แพยอนคงหลับไปแล้วเพราะกินยาแก้ปวดหัวไปตั้งแต่หัวค่ำ

     

    อื้อ...ช่วงนี้ทำแต่งานหรอ แล้ววันประกาศผลสอบพี่จะมาไหม

     

    ถ้าว่างเดี๋ยวพี่ไปชานยอลถอนลมหายใจยาวเหยียด ช่วงนี้เขามีแต่งานเต็มตะกร้าถ้าพอปลีกเวลาได้ก็คงไป ไหนจะเรื่องที่อยากสะสางให้เสร็จก่อนงานแต่งอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อย

     

    ไหนบอกว่าให้ขออะไรก็ได้อย่างนึงนัยน์ตาใส่แจ๋วเหลือบขึ้นทวงสัญญากับพี่ชายตัวโต ถ้าแบคฮยอนไม่อยากได้ของแต่อยากให้พี่ชานยอลอยู่กับเขาวันสอบล่ะ จะได้ไหม

     

    ทำอย่างงี้พี่ก็ทำบากใจสินายตำรวจหนุ่มพ่นเสียงหัวเราะผ่านลมหายก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักฝั่งผู้โดยสารแล้วหยิบเอาของบางสิ่งออกมา มันเป็นเพียงปากกาลายการ์ตูนสีฟ้าที่ดูไม่เหมาะกับคนซื้อเท่าไหร่ ชอบไหม

     

    ซื้อให้หรอ?!”

     

    น้ำเสียงกระตือรือร้นกับแววตาสุกใสและใบหน้าที่ฉาบเคลือบด้วยรอยยิ้มของคนอายุน้อยทำชายหนุ่มเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้

     

    อือ ตั้งใจเรียนนะ...เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยออกไปพร้อมกับวางมือลงบนศีรษะทุยด้วยความเอ็น ชานยอลได้แต่มองใบหน้าเปื้อนเปื้อนยิ้มด้วยความรู้สึกมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในใจ ดวงตากลมโตหลับลง ชานยอลเอนศีรษะลงพิงพนักเบาะฟังคนอายุน้อยบ่นเสียงเจื้อยแจ้วไป

     

    อย่างน้อยตอนนี้แค่มีความสุขก็ดีแล้ว...





    #ficbtl





    2/?

     

     



    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×