คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Chapter : 19 mee fan laew kub
“นายอน โทรให้คนขับรถไปรับประธานที่สนามบินที
วันนี้เค้าจะกลับบ้าน”
ภายในห้องทำงานของประธานฝ่ายบริหาร
เสียงกดคีย์บอร์ดดังเคล้าไปกับเสียงน้ำหยดจากเครื่องทำน้ำตกขนาดเล็ก
ยูรินหันไปพูดกับเลขาสาวที่นั่งเช็คเอกสารอยู่ข้างๆ
พลางยกมือขึ้นขยับกรอบแว่นทรงเหลี่ยม
“ได้ค่ะ แล้ววันนี้คุณชานยอลไม่ว่างหรอคะ” นายอนว่า คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
ในขณะที่มือก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นเตรียมต่อเบอร์หาคนขับรถส่วนตัวของประธาน
“เค้าหายไปตั้งแต่เมื่อวาน
ตั้งแต่ออกจากบริษัทไปก็ไม่เห็นหัวเลย เมื่อเช้าเอาขนมไปฝากแช่ไว้ที่ออฟฟิศ แล้วก็เอาออกไปด้วย
สงสัยเอาไปให้ใคร” ประธานสาวยักไหล่
สีหน้าของเธอไม่ได้เคร่งเครียดมากนักเมื่อพูดการหายตัวไปของลูกชายตัวแสบ
อาทิตย์นี้ชานยอลทำหน้าที่ของเขามามากพอแล้ว
ก็คงถึงเวลาที่ต้องปล่อยไปพักบ้าง ขืนไปบังคับให้ทำงานนานๆ
เจ้าม้าหนุ่มคงงอแงน่าดู
“ไปกับแบคฮยอนหรอคะ”
“ก็คงอย่างนั้น ช่วงนี้เค้าจะติดอยู่กับใคร”
“ฮัลโหลค่า นายอนนะคะ
วันนี้ตอนหกโมงเย็นคุณลุงช่วยขับรถไปรอรับประธานที่สนามบินหน่อย
รอตรงที่เดิมน่ะค่ะ..... ค่า.... เดี๋ยวถ้าถึงเวลานายอนโทรบอกอีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะ”
เมื่อสั่งงานกับคนขับรถเสร็จหญิงสาวก็วางหูโทรศัพท์ลง
เธอหันไปส่งยิ้มให้กับผู้เป็นนายก่อนที่จะถามต่อ “เค้าไม่ทราบหรอคะว่าวันนี้ประธานกลับบ้าน”
“ก็คงไม่รูหรอกมั้ง ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อคืน เช็ค GPS
เมื่อคืนเค้าอยู่ปูซานนู่น เรียกกลับมาป่านนี้คงไม่ทัน
เดี๋ยวค่อยโทรหาเอา ว่าแต่เรื่องที่ให้ไปทำเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วเป็นยังไง”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ แต่คนที่รายงานมาก็บอกดูแย่ๆ
เห็นว่าเค้าเป็นเด็กรองผู้จัดการนะคะ ก็คงจะไปช่วยกันทีหลัง”
“หรอ... คนไหนนะ ชื่ออะไร” ยูรินชะงักมือที่กำลังกดแป้นพิมพ์เอาไว้เมื่อได้ยินคำพูดสะกิดใจ
เธอเงยหน้าขึ้นทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเหลือบตาไปมองเลขาสาว
“โจควอนค่ะ รองผู้จัดการคนเดิม”
“อือ...
เมื่อวานก่อนลูกฉันรูดบัตรเครดิตไปประมาณเก้าหมื่น มันมีอยู่ประมาณ 2 – 3 ยอด เธอช่วยเช็คทีว่าเค้าจ่ายค่าอะไร” ประธานสาวเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์รัว
เธอเข้าเว็บไซต์ธนาคารแล้วพิมพ์ User กับรหัสผ่านผู้ใช้ออนไลน์ลงไปก่อนที่จะกด
Login
ในหน้า Statement ของบัตรเครดิตขึ้นแสดงรายการใช้จ่ายหลังชำยอดรอบล่าสุดไป
4 รายการ ยูรินกดไล่ดูทีละยอด
แล้วบันทึกภาพหน้าจอส่งไปให้เลขาสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อตรวจสอบ
ถึงแม้ว่าการใช้จ่ายเงินจำนวนนี้จะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชานยอลแต่ลางสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้
“ทำไมหรอคะ?”
“ฉันแค่สงสัย ไม่รู้สิ เธอลองเช็คดู
ปกติฉันก็ไม่เคยเช็คเหมือนกัน พอดีเห็นเมื่อวานตอนเข้าไปดูรอบชำระ”
“ได้ค่ะ สักครู่ ปกติแล้วคุณชานยอลไม่ใช้เงินเยอะหรอคะ”
เลขาสาวว่าในขณะที่กดแป้นพิมพ์เพื่อหาค้นรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ
เธอแอบลอบมองประธานที่ยังนั่งหน้าทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ
ก่อนที่จะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ
“ไม่ใช้เงินน้อยน่ะสิ ฉันแค่อยากรู้ว่าเค้าจะทำยังไงบ้าง”
“เรื่องแบคฮยอนน่ะหรอคะ”
“อื้อ...
ช่วงนี้ก็ไม่เห็นเค้าสนใจอะไรนอกจากแบคฮยอนนี่นะ...”
.
.
.
บนเตียงนอนสีขาว
แบคฮยอนลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์หมีตัวใหญ่ที่นอนก่ายทับร่างของเขาอยู่
เสียงกดแป้นพิมพ์โทรศัพท์ดังจิ๊กๆๆ ที่ข้างหูปลุกคนตัวเล็กให้ต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้
“กี่โมงแล้ววะ” ส่งเสียงครางงึมงำออกไปก่อนที่จะพลิกร่างให้หลุดพ้นจากการกอดก่าย
แต่ยังไม่ทันจะกลิ้งไปได้พ้นช่วงแขนแบคฮยอนก็ถูกท่อนแขนที่แสนแข็งแรงดึงรั้งเข้ามากอดอีกจนได้
“สิบโมง”
“ทำไรวะ คุยกะกิ๊กอ่อ” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแฟนที่เพิ่งคบกันไปหมาดๆ
กำลังพิมพ์ข้อความส่งหาใครไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
เสียงแป้นพิมพ์ของเขาส่งเสียงดังจิ๊กๆๆๆ อยู่ตลอดเวลาจนแบคฮยอนนึกรำคาญ
“เพื่อน”
“อือหือ... เพื่อน... เพื่อนที่ไหนวะ ไมสวยจัง” ดวงตาเรียวรีหรี่ลงอย่างมีเลศนัย
เมื่อได้เห็นรูปเพื่อนฝรั่งคนนั้นของแฟนหนุ่ม
แบคฮยอนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ผู้หญิงในอินสตาแกรมที่ชานยอลกำลังคุยด้วยสวยอย่างกับนางแบบชุดชั้นใน
หุ่นเธอสูงชะรูดตูดใหญ่ ผมบลอนด์ ตาสีฟ้า เรียกได้ว่าสวยระดับนางแบบ
โคลอี้ที่ว่าสวยแล้วพอมาเจอคนนี้เข้า แทบจะเทียบกันไม่ติดเลย
และวินาทีนั้นเองที่แบคฮยอนรู้สึกได้เลยว่าตัวเขากำลังถูกฝั่งอยู่ในหลุมศพพร้อมกับความละอาย
“เพื่อนสมัยเรียน” เด็กหนุ่มว่าก้มหน้าลงซุกปลายจมูกลงกับเรือนผม
ริมฝีปากอิ่มกดจูบประทับบนศีรษะทุย
ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องบางจะถูกวางคว่ำลงกับเตียง
“ชอบแบบนี้อ่อ แบบสูงๆ คมๆ หุ่นนางแบบอะ”
“ใครไม่ชอบบ้างอะ”
“เกลียดอะ หมั่นไส้” คำตอบที่แสนน่าหมั่นไส้ทำแบคฮยอนอดหันไปชกกำปั้นใส่หน้าท้องของคนข้างหลังไม่ได้
นิสัยการตอบคำถามแบบไม่ตรงและไม่โกหกของชานยอลยังกวนประสาทเขาได้เสมอ
แบคฮยอนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชานยอลถึงทำให้แม่อารมณ์เสียได้บ่อยๆ
“หึ... หมั่นไส้เรื่องไร”
“เคยได้เอาปะอย่างเงี้ย นี้ถามจริงๆ อยากรู้”
“อือ ก็เคย” คนตัวสูงตอบพร้อมส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
ออกมาจากในลำคอเมื่อได้เห็นสีหน้าเหม็นเบื่อของคนในอ้อมกอด
มันถือเป็นความโชคดีของชานยอลที่ไม่ได้ตัวเล็กไปกว่าผู้ชายยุโรป
และเขาก็ไม่ได้เป็นเอเชี่ยนเนิร์ดตอนที่ไปเรียนต่อถ้าจะบอกว่าไม่เคยก็คงโกหก
“แล้วแบบเอเชียกับผู้หญิงเมืองนอกชอบอันไหนมากกว่ากัน”
“ก็แล้วแต่คน แต่ชอบแบบเซ็กซี่ๆ มากกว่า”
“งั้นทำไมชอบลบรูปเราในทวิตอะ อันนั้นมันไม่เซ็กซี่อ่อ
ไม่ชอบอย่างงั้นอ่อ” แบคฮยอนนิ่วหน้าพลางยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ของตัวเองมากดเช็คดูบ้าง
เขาปัดหน้าจอที่ไม่ล็อคขึ้นอย่างง่ายดายก่อนที่จะกดเช้าไปตอบข้อความจากเพื่อนซี้
ดูเหมือนว่าอี้ชิงจะดูรีบร้อนใจมาก เขาส่งข้อความมารัวๆ ตั้งแต่เช้าเป็นสิบ
“ก็ชอบดู แต่ไม่ชอบให้แฟนลงให้คนอื่นดู”
“เอ้า ทำไมอะ มันไม่เหมือนกันอ่อ
อย่างถ้าเราเอารูปลงทวิตเงี้ย ไม่ชอบดูอ่อ มันก็เหมือนกันอะ”
“ลงให้ใครดู ลงให้คนอื่นดูหรือให้ผมดู”
“ก็ลงให้มึงดูด้วยไง”
“ถ้าอยากให้ดูทำไมไม่ส่งมา”
“เนี่ย เดี๋ยวลงเลยเนี่ย เซ็กซี่ๆ พอจะสู้ได้ไหม”
พอว่าแล้วแบคฮยอนก็เปิดแอพฯ
ทวิตเตอร์ขึ้นมาแล้วจัดการแนบรูปถ่ายวาบหวิวในคลังลับลงไปพร้อมกับแคปชั่นชวนสยิว
แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้กดทวิตข้อความ มือยักษ์ปริศนาก็เอื้อมมาคว้าแย่งโทรศัพท์ไปซึ่งหน้าๆ
ชานยอลดึงโทรศัพท์เครื่องเล็กออกจากมือแฟนเขาแล้วกดมันคว่ำไว้กับเตียงก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแบบที่ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกได้
“ให้มันน้อยๆ หน่อยครับ บอกอยู่ว่าไม่ชอบ”
“ก็เราอยากฮอตๆ มั่งอะ ไม่ชอบอ่อ”
“อย่าหาเรื่องให้โมโห” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ชานยอลก็กอดกระชับร่างแฟนเขาเอาไว้แน่น
และคำพูดที่ฟังดูมากเกินไปหน่อยก็ทำให้แบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่า
ชานยอลอาจจะแกล้งทำเป็นเอ่อนไหวเพื่อให้เขาคิดว่ากำลังถูกหวงอยู่จริงๆ
“ทำมาเป็น~ ขี้หึงมากไง~” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ท่าทางอาการติดแฟนของชานยอลจะเริ่มส่อเค้าความขี้หึงออกมานิดๆ
แล้ว... ไม่สิ จะบอกว่าขี้หึงก็ไม่เชิง
เขาดูเหมือนคนที่กำลังหวงของของตัวเองมากกว่า
“ลองดูไหมล่ะ”
“ไม่เอาหรอก จัว นี่เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำดิ
ผมยังเซ็ททรงเดิมอยู่เลยเนี่ย” มือบางยกขึ้นสางผมม้าที่ถูกเซ็ทขึ้นไปเป็นทรงเปิดหน้าผาก
มันทำให้เด็กหนุ่มติสท์ๆ วัย 22 ปีดูเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน
ชานยอลดูแก่อายุมากไม่นับรวมรูปร่างที่ใหญ่โตของเขา
แน่นอนว่ามันโคตรหล่อแต่แบคฮยอนก็ไม่ค่อยจะชอบเลย
“อือ ปล่อยไว้งี้แหละ เดี๋ยวค่อยสระ”
“หมั่นไส้ว่ะ หล่อมากอ่อห้ะ เซ็ทผมขึ้นอะ”
“ชอบปะ ชอบให้เอาผมขึ้นไหม แบบไหนดีกว่า”
“ไม่อะ ชอบให้เอาผมลงมากกว่า ดูเป็นเด็กดี
แบบนี้ก็หล่อนะแต่ไม่ชอบอะ หล่อเกิน เดี๋ยวคนมองเยอะ หวง”
คำตอบที่แสนน่ารักและซื่อตรงทำเอาคนฟังถึงกับอดยิ้มออกมาไม่ได้
ชานยอลก้มลงกดปลายจมูกหอมฟอดใหญ่ลงไปบนแก้มนุ่มด้วยความเอ็นดูผสมกับความลุ่มหลง
พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาจากในลำคอ
ชานยอลยอมรับเลยว่าช่วงนี้ไม่มีอะไรทำให้เขาสนใจได้มากกว่าแบคฮยอน
ชานยอลเสพติดการได้สกินชิพแบคฮยอนมากกว่าสิ่งใด
มันเหมือนกับยาวิเศษที่รักษาความเหนื่อยล้าได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
และชานยอลก็กลัวเหลือเกินว่ามันจะทำให้เขากลายเป็นคนเอาแต่ใจในสักวัน
“คบกันแล้วอย่าเจ้าชู้นะรู้เปล่า รู้ว่าหล่อแต่อย่าคุยหลายคนนะ
ถ้าทำเดี๋ยวเสียใจแย่เลย” คนตัวเล็กขยับปากบ่นมุบมิบ
ในขณะที่มือก็ลูบผมเด็กหนุ่มตรงหน้าไปด้วย
แบคฮยอนรู้ว่าสถานะของเขากับชานยอลมันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เห็น
แต่ถามว่ายอมรับได้ไหมคำตอบก็เห็นๆ อยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่ารักทั้งนั้น
“หึ... หึงอ่อ”
“เอ้า ก็ลองให้เราคุยกะคนอื่นมั่งปะล่ะ”
“ไม่เอา”
คำตอบที่แสนเอาแต่ใจของเด็กหนุ่มตรงหน้ากับอ้อมแขนที่กอดกระชับแน่นขึ้นทำแบคฮยอนอดยิ้มออกมาไม่ได้
เขาเงยหน้าขึ้นจูบปลายคลายมนก่อนที่จะตวัดกอดรัดแผ่นหลังหนาเอาไว้แน่นด้วยความรักใคร่
“หิวข้าวปะ”
“อือ ไปกินข้างนอกปะ หรือจะทำกิน”
“ไปหาอะไรมาทำกินก็ได้ อุตส่าห์มาเที่ยวด้วยกันแล้ว”
“ยังไม่อยากลุกเลยอะ” ชานยอลยกขาขึ้นก่ายร่างแฟนตัวเล็ก
พลางซุกหน้าลงกับศีรษะที่มีกลิ่นหอมของแชมพูลอยฟุ้งออกมา
ในวันที่ดีแบบนี้ชานยอลไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย เขาชอบที่จะดมกลิ่น ซุกไซ้
กดไล่ปลายจมูกและริมฝีปากสัมผัสลงไปเรือนผมและใบหน้าของคนรัก
ทั้งบนหัวไหล่หรือแม้แต่แผ่นหลัง
แบคฮยอนผิวเนียนนุ่มเหมือนเด็ก แถมตัวยังหอมสะอาด
ชานยอลเสพติดการสัมผัสร่างกายของแบคฮยอน เขาไม่ต้องการดินเนอร์แสนหวาน
ชานยอลแค่อยากนอนกอดๆ หอมๆ แฟนเขาทั้งวัน นอนกอดตัวนุ่มๆ
นอนดมกลิ่นให้หมดวันไปเฉยๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ชานยอลต้องการแค่นั้นเอง...
“ลุกเหอะ หิวข้าว”
“............”
“เถอะ... หิวละเนี่ย”
“ก็ได้” สุดท้ายเจ้าหมียักษ์ก็จำต้องยอมคลายอ้อมกอดออก
ปล่อยให้แม่กวางตัวน้อยเป็นอิสระ
มือหนายกขึ้นยีผมที่ยังจับตัวแข็งเพราะเจลเซ็ทก่อนที่ผ้านวมผืนหนาจะถูกถีบออกไปพ้นตัว
ชานยอลดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเสื้อฮู้ดเดินออกไปจากห้องนอน
เขาถอนลมหายใจออกมาอย่างนึกเซ็ง และในจังหวะที่กำลังตรงไปเข้าห้องน้ำ
เสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้น
คนตัวสูงล้วงเอาโทรศัพท์เครื่องบางออกมาดูรายชื่อก่อนที่จะกดรับแล้วกรอกเสียงพูดลงไป
เป็นจังหวะเดียวกับที่บานประตูห้องน้ำถูกปิดลง...
.
.
.
บนเคาน์เตอร์วางอาหารในครัว เสียงช้อนส้อมกระทบกับจานดังเบาๆ
สลับกับเสียงพูดคุย
เวลาสี่ทุ่มเกือบห้าทุ่มประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ตัวจริงยังทานอาหารอยู่ในครัว
โดยมีภรรยาสาวนั่งอยู่เป็นเพื่อน
“จะให้โทรหาชานยอลไหมคะ ป่านนี้คงยังไม่นอน” หญิงวัยกลางคนกล่าว เธอเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้ออกมารินให้สามีก่อนที่จะใช้ซ่อมจิ้มสเต็กในจานเขามากิน
“เค้าไปไหน”
“ก็คงไปเที่ยวกับแฟนเค้า ไปตั้งแต่เมื่อวาน”
“ไม่ได้ไปกับโคลอี้หรอ?” ปาร์ค
ซองจินเหลือบตาขึ้นมองภรรยาครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำว่าแฟนของลูกชาย
ดูเหมือนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาจะพลาดอะไรไปเกี่ยวกับข่าวคราวของลูกชายคนเล็ก
“เปล่าค่ะ”
“เค้ามีแฟนแล้วหรอ”
“เค้าก็มีแฟนตลอด แต่เค้าไม่เคยยอมรับว่ามีแฟน” ยูรินไหวไหล่พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
ตรรกะความคิดที่เข้าใจยากของลูกชายตัวแสบทำเธอสับสนอยู่บ่อยครั้ง ชานยอลไม่เคยโสด
จะบอกว่าไม่โสดก็ไม่เชิงนัก เขาต้องมีคนนั้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา
ไม่เพื่อนก็ต้องมีใครสักคนให้ติดอยู่เสมอ อยู่แค่ที่ว่าช่วงนั้นเขาติดใคร
“หรอ แล้วคบกับใคร”
“พนักงานที่บริษัท เหมือนจะรู้จักกันมาก่อน
แต่ไม่รู้ว่าไปรู้จักกันยังไง เพิ่งเห็นเค้าสนใจผู้ชายครั้งแรก”
“ผู้ชาย?”
“ค่ะ ผู้ชาย อ้อนแอ้นๆ หน่อย
เพิ่งมาทำงานที่สาขาใหญ่ได้สักพักแล้ว”
“อือ... ไม่รู้ว่าชานยอลสนใจผู้ชายด้วย
แล้วที่ทำงานเค้าเป็นไง ชอบทำงานหรือเปล่า” ซองจินดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่กับเรื่องคนนั้นคนนี้ของลูก
อาจจะเพราะว่าเขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
ประธานบริษัทตัวจริงหยิบน้ำผลไม้ขึ้นกระดกอึกใหญ่
สีหน้าเหนื่อยใจของภรรยาทำเขาอดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“ก็ดูจะชอบนะคะ เค้าทำอยู่ที่แผนกไอที
แต่บางทีเค้าก็ดูเบื่อๆ ก็รู้กันอยู่ว่าเค้าทำอะไรไม่ได้นาน”
“มีคนมาฟ้องผมว่าคุณให้ลูกทำงานนอกหน้าที่บ่อย
ก็ไม่แปลกใจถ้าเค้าเบื่อ”
“ก็มันเป็นงานที่เค้าต้องทำ
ตอนแรกฉันก็คิดว่าอีกไม่นานเค้าคงมาขอไปเรียนต่อ
แต่ตอนนี้เค้าติดแฟนอยู่ก็เลยยังไม่แน่ใจ
แต่ถ้าเค้าอยากทำงานอยู่ที่นี่ก็ให้เค้าทำ”
“อย่าไปบังคับเค้ามากเลย
มันยังไม่ถึงเวลาก็ไม่ต้องไปเร่งรีบมาก” ชายวัยกลางคนกล่าว
ซองจินรู้ว่าเด็กดื้อคนนี้เป็นยังไง เขาเองก็รักลูกเหมือนกัน
และยิ่งกว่านั้นซองจินรู้ว่าภรรยาของเขาเป็นยังไง
“เพราะเราทำแบบนี้ไงเค้าถึงไม่โตสักที”
“ถ้าอยากให้เค้าโตก็ปล่อยให้เค้าไปใช้ชีวิตของตัวเองสิ”
“แล้วตอนนี้เค้าไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองอยู่หรอ?
ปล่อยให้ไปเป็นอิสระแล้วยังไง ก็เห็นกันอยู่” ยูรินหัวเราะหึ
เธอยังจำได้ไม่ลืมตอนที่ได้รับหนังสือแจ้งจากไฮสกูลว่าลูกชายขาดเรียนเป็นเดือน
แถมยังแฮ็กระบบมหาลัยปลอมแปลงที่อยู่เพื่อไม่ให้โรงเรียนส่งจดหมายมาถึงบ้าน
มันเหลือเชื่อสุดๆ
ตอนที่ได้รู้ว่าลูกชายที่ส่งไปเรียนใช้เวลาอยู่กับพวกนักทำเพลง ดนตรี กัญชา
และผู้หญิง ดีแค่ไหนแล้วที่ชานยอลไม่ติดยากลับมาด้วย
“เด็กวัยรุ่นก็แบบนี้แหละ
ถ้าไม่ให้เค้าไปตอนยังไม่พร้อมมันก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก” ชายผู้เป็นสามีแย้ง
วีรกรรมเละเทะของลูกชายที่ผ่านมาซองจินไม่เคยกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของชานยอล
เขายังโทษตัวเองอยู่ตลอดมาจนถึงวันนี้เรื่องที่ส่งลูกชายไปเรียนต่างประเทศทั้งๆ
ที่เขาอยากจะอยู่ที่นี่
“แต่เราทำเพื่อเค้า เราไม่รู้ว่ามันจะเกิด
ทำไมคนอื่นไปเรียนต่างประเทศได้ แล้วชานยอลจะไปไม่ได้ เค้าตามใจตัวเองมากเกินไป
เพราะเค้ารู้ว่ายังไงสุดท้ายพ่อแม่ก็ต้องตามใจเค้าอยู่ดี”
“เฮ้อ...”
“อยู่นี่เค้าทำตัวกวนประสาทอย่างกับอะไร ยังดีที่ตอนนี้โตขึ้นหน่อย
ยังรับผิดชอบงาน ถ้าเค้าไม่เอางานอีกฉันคงปวดหัว ยิ่งช่วงนี้ไปติดแฟนอยู่ด้วย
ให้ไปทำงานนี่ก็แทบจะต้องงัดออกจากห้อง”
“พนักงานคนไหนที่เค้าไปติดด้วย”
“ชื่อแบคฮยอน มาจากบูชอน
อาทิตย์หน้ามีสัมมนาบริษัทเดี๋ยวคุณก็ได้เห็น แล้วจะสงสัยเหมือนฉัน” ยูรินยกมือขึ้นเท้าคาง
เธอยังคงหวังว่าจะสามารถทำให้สามีเห็นด้วยกับเรื่องของแบคฮยอนที่อาจจะส่งผลต่อชานยอลในอนาคตได้
มันไม่ใช่เรื่องของการกีดกันความรักแบบสมัยเก่า
ยูรินแค่อยากให้ชานยอลได้คบกับคนที่ดีกว่านี้
“เค้าจริงจังไหม”
“ตอนนี้ยังเห่ออยู่ยังดูไม่ออก แต่เดี๋ยวอีกสักพักก็รู้
เค้าเพิ่งจ่ายค่าหอให้แบคฮยอนไป จ่ายล่วงหน้าด้วย ดูแล้วก็คงชอบมากอยู่
แต่มาแนวนี้ทีไรไม่เกินสองเดือนเดี๋ยวก็เบื่อ ยิ่งเห่อมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเบื่อไว
กับลูกฉันไม่ห่วงหรอก ห่วงแต่แบคฮยอนน่ะสิ กลัวถึงเวลาแล้วเค้าจะลงไม่เป็น
ทำเรื่องวุ่นวายอีก”
“หรอ...”
Ring Ring Ring Ring Ring
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวเรียกยูรินให้ต้องละความสนใจออกจากสามี
รายชื่อคุ้นเคยที่แสดงอยู่บนหน้าจอบอกเธอให้รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา
มือบางเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายก่อนที่สปีกเกอร์จะถูกเปิด
เพียงแค่ได้ยินเสียงทักทายจากลูกชาย หญิงวัยกลางคนก็ยิ้มออกมา
ถึงแม้ว่าจะเพิ่งนินทาเขาไปก็ตาม
“ว่าไง”
[แม่นอนยังครับ]
“ยังไม่นอน อยู่กับพ่อเนี่ย
แม่ส่งข้อความไปบอกได้อ่านไหม”
[ครับ ผมอ่านแล้ว ผมไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาวันนี้]
“อือ แล้วนี่อยู่ไหน”
[ผมอยู่ปูซาน จะเอาอะไรไหมผมจะซื้อไปให้]
“ไปทำอะไรปูซาน ไม่เหนื่อยหรอขับรถไปๆ กลับๆ
เพิ่งกลับมาก็ไปอีกแล้ว”
[ผมมาเที่ยวกับเพื่อน]
“เพื่อนหรือแฟน”
[แฟนก็ได้ครับ แล้วแต่ ถ้าแม่ต้องการ]
“แฟนคนไหนล่ะ”
[ตอนนี้มีคนเดียว]
ความกวนประสาทของลูกชายทำยูรินถึงกับต้องแสยะยิ้มร้ายใส่มือถือ
แม้แต่ซองจินเองก็ยังเผลอหัวเราะออกมา
ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกขัดใจอยู่ลึกๆ
แต่ยูรินก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้หมั่นไส้ลูกชายมากกว่าแบคฮยอนซะอีก
ไอ้นิสัยการพูดโกหกแบบให้รู้ว่าโกหก
พูดไม่ตรงแต่ก็ไม่อ้อมของชานยอลนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอเสียประสาทได้ตลอดจริงๆ
“หึ... ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ”
“คุณอย่าไปเซ้าซี้เค้ามากสิ” ซองจินรีบปรามก่อนที่ศึกระหว่างแม่เลิกจะเกิดขึ้นและทำให้การสนทนาพร้อมกน้าเสียบรรยากาศ
“ก็ได้ แล้วจะกลับเมื่อไหร่
วันพุธชานยอลต้องไปโกดังกับแม่นะ”
[กลับวันอาทิตย์ครับ อาจจะถึงค่ำๆ]
“ขับรถไปไหนก็ระวังให้ดีๆ ด้วยนะ แล้วนี่ทำอะไรอยู่...”
.
.
.
“ครับ เดี๋ยวผมซื้อไปให้...”
[………..]
“ครับ หวัดดีครับ.... ฝันดีครับ...”
บนม้านอนหน้าบ้านพักบนเขาชัน
เสียงคุยโทรศัพท์ของเจ้าของบ้านยังดังให้ได้ยินอยู่แว่วๆ
แบคฮยอนที่ไม่อยากรบกวนการคุยโทรศัพท์ของแม่ลูกก็ปลีกตัวออกมานั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าด้านนอก
นิ้วเรียวกดเลื่อนจอลงเพื่อรีเฟสหน้า Instagram หลายครั้งหลังจากที่กดขอติดตามแอคฯ
chn10e ไป
นี่มันก็หลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่แบคฮยอนใช้อินสตาแกรมหลุมของเขาส่งคำขอไปหาชานยอลแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับทั้งๆ
ที่เขาจับมือถืออยู่ตลอดเวลา
ความเล่นตัวของแฟนเด็กทำแบคฮยอนเริ่มหงุดหงิด
เขานึกอยากจะเดินไปกระชากมือถือชานยอลมากดรับรีเควสซะเองแต่ก็ต้องห้ามใจไว้
และมันก็ยิ่งกว่าไฟเผาเมื่อได้รู้ว่าเจ้าของแอค chn10e เพิ่งอัพรูปไปหยกๆ
อย่างนี้มันเรียกจงใจไม่รับชัดๆ
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าเรียกแบคฮยอนให้ต้องละความสนใจออกจาก Instagram เขารีบเปิดแชทกลุ่มเพื่อนรักอ่านทันทีก่อนที่จะรีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
จวนจางอี้ แบก-ี วิ่งหนีสงคราม : เฟสมัน 박 찬열
Baek baekhyun : อินตาแกรมมันยังไม่รับแอดกูเล๊ย
จวนจางอี้ แบก-ี วิ่งหนีสงคราม : มันรู้ว่าเป็นมึงดิ
Baek Baekhyun : จะรู้ได้ไง
จวนจางอี้ แบก-ี วิ่งหนีสงคราม : ลองทักไปดูปะ
พอได้อ่านข้อความจากเพื่อนรักแบคฮยอนก็กลับไปยังหน้าอินสตาแกรมอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขาไม่ได้ไปส่อง IG ของชานยอล
แบคฮยอนเลือกที่จะเข้าไปดูอินสตาแกรมเพื่อนสาวของแฟนหนุ่มแทน
โดยที่ในใจก็ได้แต่คิดว่า เอาวะ อย่างน้อยก็น่าจะพอได้รู้เรื่องของเขาบ้าง
และมันก็เหมือนดั่งฟ้าเป็นใจเมื่อรูปล่าสุดที่โคลอี้ลีเพิ่งอัพลงอินสตาแกรมเมื่อ
3 นาทีก่อนเป็นรูปของเธอและเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวกัน
ในนั้นมีชานยอลด้วย ดูแล้วน่าจะเป็นรูปอาทิตย์ก่อน
ที่ด้านล่างมีคอมเม้นตอบโต้กันไปมามากมาย บางข้อความก็อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง
แต่แบคฮยอนก็ไม่ค่อยอยากจะสนใจ
xhr.rhz : ชานยอลไม่ยิ้มเลย
Chole__ : เก๊กอยู่ เดี๋ยวไม่หล่อ 55555
Beatmonsterjae : Nice holiday
13AMTPD : จีบเสื้อดำได้ไหม เอาจริง
Chole__ : Chn10e ??
Chn10e : mee fan laew kub 55
Yurinamina : หื้มมมม
xhr.rhz : ????
xhr.rhz : จริง??
คอมเม้นปริศนาถูกหยุดเอาไว้แค่นั้นพร้อมกับคำถามในใจ
แบคฮยอนนึกอยากจะเขินแต่ก็เขินไม่สุดเพราะไม่รู้ว่าแฟนที่ชานยอลพูดถึงใช่ตัวเองไหม
ก็ไม่ได้อยากจะเป็นคนคิดมากหรอก
แต่เขาเองก็แอบสังเกตเห็นว่าชื่อแอคเคาน์ของชานยอลและเพื่อนสนิทของเขามีความคล้ายกันอยู่ไม่น้อย
“จะไปยัง”
ในขณะที่กำลังนั่งครุ่นคิดอะไรไป
เสียงจากทางด้านหลังก็ทำให้แบคฮยอนตกใจจนสะดุ้ง
เขารีบปิดหน้าจอลุกขึ้นจากชิงช้าทันทีเมื่อได้ยินว่าแฟนหนุ่มกำลังจะออกจากที่พักแล้ว
“จะไปแล้วอ่อ”
“ก็มาถามไง หรือจะรอดึกอีกหน่อยก็ได้ สักเที่ยงคืน
รถจะได้ไม่เยอะ” ชานยอลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
ตอนนี้สี่ทุ่มเกือบจะครึ่งแล้ว พวกเขามีเวลาขับรถเล่นและจอดแวะที่ต่างๆ อีก 6
ชั่วโมงก่อนที่จะต้องกลับบ้านในวันพรุ่งนี้
“งั้นอีกสักพักนึงก็ได้ เดี๋ยวขอโทรหาเพื่อนแป๊บนึง”
“อือ งั้นไปเก็บของเลยนะ”
“เออๆ เดี๋ยวไปช่วย”
แบคฮยอนพนักหน้าหงึกหงัก
พอเห็นว่าแฟนตัวสูงหันหลังเดินห่างออกไปเขาก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ความวุ่นวายใจที่เกิดจากการหมกมุ่นกับอะไรเกินเหตุทำแบคฮยอนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
สุดท้ายเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด Logout ออกมาจากอินสตาแกรม
แล้วก็ตัดสินใจกับตัวเองว่าถ้ามีอะไรก็จะถามชานยอลไปตรงๆ
เลยแทนที่จะมานั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
เพราะแบคฮยอนทนไม่ไหวแล้วที่ต้องจินตนาการไปต่างๆ นาๆ
เท้าเล็กๆ ก้าวย่ำไปตามพื้นหญ้า ในวันที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวนับร้อย
แบคฮยอนบอกตัวเองว่าชีวิตของเขาดีที่สุดแล้ว
และชีวิตที่มีชานยอลตอนนี้ก็ดีที่สุดแล้วเหมือนกัน
ยังไงก็ต้องเชื่อชานยอลมากกว่าคนอื่น
เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาทำเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ทุกอย่างเอง...
ไม่รู้หรอกว่าอีกด้านของเขาเป็นแบบไหน
แต่เห็นแค่นี้ก็รักมากพอแล้ว แบคฮยอนเองก็หวังว่าเขาจะชอบชานยอลมากขึ้นๆ
ไปอีกเมื่อได้รู้จักเขามากขึ้น เวลาไม่กี่เดือนยังถือว่าน้อยนักสำหรับรักครั้งใหม่
แต่ไม่เคยมีรักครั้งไหนที่แบคฮยอนไม่ทุ่มเต็มที่ และกับครั้งนี้ก็เช่นกัน
ไม่ได้คาดหวังอะไรมากหรอก แค่นี้ก็ถือว่าดีมากพอแล้ว...
#ฟิคกวาง
ชอบชานยอลจัง ชอบชานยอลจัง ชอบชานยอลจัง ชอบชานยอลจัง ชอบชานยอลจังชอบชานยอลจัง ชอบชานยอลจัง
ขอบคุณที่อ่านเหมือนเดิม ยังไงก็อย่าลืม #ฟิคกวาง และอย่าลืม #ฟิคกวาง ขอบคุณค่ะ เอ็นจอยรีดดิ้ง :D
ปล. อย่าลืม #ฟิคกวาง
ความคิดเห็น