ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #32 : Chapter : 29 หันมา...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.35K
      343
      3 ธ.ค. 60





    เวลาตีหนึ่งครึ่งของคืนวันศุกร์ ภายในห้องนอนที่มีเพียงแค่แสงสลัวๆ จากโคมไฟ เสียงภาพยนตร์เสียงอังกฤษดังกระหึ่มไปทั่วห้อง แบคฮยอนที่กำลังพยายามทำความเข้าใจกับพล็อตที่ซับซ้อนขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว เขากดเร่งเสียงหนังให้ดังขึ้น  ก่อนจะแอบล้วงมือลงไปหยิบเยลลี่ที่ซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าห่มขึ้นมากิน

     

    “ทำไมเจสซี่มันต้องไปตามฆ่าไอ้คนนั้นด้วยวะ ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันสั่งอ่อ”

     

    “ก็ไอ้นั่นเป็นเจ้านายเก่ามันไง ที่ผู้ชายเสื้อดำมันบอกว่าอย่าให้ต้องพูดถึงเจ้านายเก่าแกอะ มันทำงานด้วยกัน” ชานยอลที่กำลังให้ความสนใจอยู่กับโทรศัพท์ละสายตาออกจากหน้าจอเล็กๆ เพียงครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจดูหนังตลอดแต่ก็พอจะฟังรู้เรื่องบ้าง

     

    “มึงรู้ได้ไง มึงดูอยู่หรอ”

     

    “ก็ฟังอยู่นี่ไง”

     

    บรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายก็ต่างให้ความสนใจอยู่กับกิจกรรมของตัวเอง อีกประมาณ 20 นาทีหนังก็จะจบแล้วแต่แบคฮยอนยังไม่รู้สึกว่าง่วงเลย และยิ่งเวลาผ่านไปท้องที่เหมือนกับหลุมดำของเขาก็เริ่มหิวอีกครั้ง มันกำลังร้องโวยวายว่าเยลลี่แค่นี้มันไม่พอ แบคฮยอนต้องการแป้งหนักๆ เขาอยากกินขนม กินข้าวกล่องที่โซเดียมเยอะๆ กระดูกจะได้ผุไวๆ

     

    “มึง กูหิวว่ะ มึงหิวปะ” คนตัวเล็กเริ่มบ่นออกมาเมื่อหนังไม่สามารถทำให้เขาเมินจากความต้องการของปากท้องได้อีกต่อไป ตอนนี้นาฬิกาบนจอโน้ตบุ๊กบอกเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว รอบคอนโดเงียบเป็นป่าช้า ไม่มีแม้แต่ร้านบะหมี่ อูด้ง ไก่ทอด หรือแม้แต่ต้มเลือดหมู แถมมินิมาร์ทก็ยังอยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล แบคฮยอนคงหมดแรงก่อนจะเดินถึง “ทำไมบ้านมึงไม่มีร้านข้งร้านข้าวเปิดกลางคืนเลยวะ”

     

    “ในตู้มีโจ๊กอยู่อะ”

     

    “โห่ ไม่เอา โจ๊กไม่อร่อย ข้าวบดไม่ปรุงรสแม่งก็เหมือนอ้วกหมา”

     

    “เคยกินหรอถึงรู้อะ”

     

    “แฟนจ๋า หิวข้าว พาไปกินข้าวหน่อย” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ล้มตัวนอนลงใช้เท้าถีบขอบเตียงยันร่างตัวเองขึ้นไปนอนขนาบข้างแฟนตัวสูงที่กำลังนั่งเอนหลังเล่นโทรศัพท์พิงหัวเตียงอยู่

     

    “จะกินอะไร”

     

    “กินไรก็ได้ แต่จะพาไปจริงอะ?”

     

    “ถ้าจะกินก็จะพาไป” ชานยอลที่แสนขี้ตามใจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางหลุบตาลงมองแฟนตัวเล็กที่นอนฉีกยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ ก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงไปบนหน้าผากด้วยความหมั่นไส้พร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ อะไรจะทำให้แบคฮยอนมีความสุขได้อีกนอกจากของกิน

     

    “ทำไมใจดีจัง”

     

    “จะไปไม่ไป”

     

    “เดี๋ยวรอหนังจบแป๊บนึงได้เปล่า”

     

    “นานปะ อย่าให้ผมหลับอะ” พูดไปก็อ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่ ถ้าแค่ขับรถออกไปร้านสะดวกซื้อชานยอลก็คิดว่าพอไหวแต่ต้องไม่ใช่หลังจากที่เขาหลับไปแล้ว

     

    “ง่วงอ่อ ถ้าง่วงไม่ต้องไปก็ได้ เดี๋ยวก็จะหลับแล้ว”

     

    “ไปก็ได้ ไปใกล้ๆ หรือจะสั่งมากิน” ชานยอลว่าพร้อมกับขยับตัวลงไปนอนบนเตียงในระดับเดียวกับแฟนตัวเล็กก่อนจะใช้ท่อนแขนเกี่ยวรั้งเอวบางให้กระเถิบเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตหลับลง ลมหายใจผ่อนเข้าออกด้วยจังหวะผ่อนคลาย

     

    ชานยอลเองก็ไม่ได้ง่วงเท่าไหร่แต่เขาขี้เกียจเอารถออกมากกว่า จะให้เดินไปก็คงไม่ไหว

     

    “สั่งไรมากินอะ ดึกป่านนี้ ที่ไหนเค้าส่งวะ”

     

    “มันมีนะ ถ้าจะกินก็จะสั่งให้” พูดออกไปทั้งที่ยังหลับตาก่อนจะซุกหน้าลงกับลาดไหล่เล็กๆ พอได้นอนกอดแบคฮยอนทีไรชานยอลก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทุกที หมอนข้างส่วนตัวของเขายังมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ตั้งแต่คบกับแบคฮยอนมาชานยอลแทบไม่ได้ใช้ยานอนหลับอีกเลย เขาสามารถหลับลงได้ด้วยความสบายใจและตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น

     

    ความสุขเป็นยาจากธรรมชาติของชานยอล

     

    “ถ้ามันมาส่งก็สั่งมากินก็ได้”

     

    “อือ... เดี๋ยวดูให้”

     

    “อาทิตย์หน้าถึงวันเกิดแล้วใช่ปะ” มือบางยกขึ้นบีบแก้มของแฟนหนุ่มจนริมฝีปากอิ่มยู่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ชานยอลจะดูมีแก้มขึ้นมานิดหน่อยจากที่เมื่อก่อนหน้าเขาตอบเรียวจนเห็นสันกราม อาจจะเพราะแบคฮยอนเองที่ชอบพาแฟนเขากินอะไรดึกๆ ก็ได้

     

    “อือ”

     

    “ไปฉลองกับใครอะวันเกิด”

     

    “ไม่ฉลองหรอก ออกไปกินข้าวแล้วก็กลับมานอน” คนตัวสูงตอบด้วยน้ำเสียงงึมงำก่อนจะลืมตาขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนชานยอลก็คงออกไปงานปาร์ตี้ที่เพื่อนๆ จัดให้แต่เขาเริ่มเบื่อมันตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วปีนี้ก็อยากจะแกะของขวัญแบบเงียบๆ มากกว่า

     

    “อยากได้ไรเป็นพิเศษปะของขวัญอะ”

     

    “อะไรก็ได้”

     

    “อะไรก็ได้จริงอะ?”

     

    “อือ อยู่กับผมปะวันเกิดอะ” ชานยอลหลับตาลงอีกครั้งพลางกระชับท่อนแขนที่กอดรั้งเอวบางให้แน่นขึ้น ถ้ามีของบางอย่างที่ชานยอลอยากได้ตอนนี้ก็คือแบคฮยอน เขาอยากจะอยู่กับแฟนต่ออีกสักอาทิตย์ เพราะการได้อยู่ด้วยกันทุกวันมันไม่ได้ทำให้ความคิดถึงน้อยลงเลย ในความจริงคือมันกลับยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ

     

    “ไปห้องกูดิ เดี๋ยวฉลองให้”

     

    “มานี่ไม่ได้อ่อ”

     

    “ก็เดี๋ยวดูก่อน ตกลงจะไปข้างนอกปะ ถ้าไม่ไปเดี๋ยวปิดไฟนอนละ” แบคฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะคลานไปปิดหนังเมื่อรู้สึกว่าตัวเองก็เริ่มง่วงขึ้นมานิดหน่อยแล้วเหมือนกัน พอได้ยินเสียงแฟนตัวสูงครางงึมงำ เขาก็กดปิดโน้ตบุ๊กแล้วนำมันไปวางไว้บนชั้นพร้อมกับกดดับสวิตช์โคมไฟ

     

    ทันทีที่แสงสว่างดับลงแบคฮยอนก็ถูกแฟนตัวสูงใช้ท่อนแขนเกี่ยวร่างดึงให้ล้มลงนอนทับบนอก เสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆ ท่ามกลางความมืด แล้วตามมาด้วยเสียงพูดคุยเรื่องราวจิปาถะ ถึงมันจะเป็นค่ำคืนที่แสนธรรมดาแต่ก็ทำให้มีความสุขมากจนแทบจะไม่ออกจากโลกของกันและกันเลย

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ภายในแผนกขายเครื่องนอนที่เงียบจนแทบไม่ต้องทำงาน แบคฮยอนแอบนำโทรศัพท์ของเขามากดเล่นฆ่าเวลาสลับกับเดินไปเดินมาอย่างเอ้อละเหย เขาเห็นไอ้พรมเหี้ยราคาห้าหมื่นที่แขวนอยู่บนราวสูงสุดฉายแววสวยเด่นเป็นสง่า พรมที่ทำให้แบคฮยอนต้องน้ำตาตกเพราะเงินเดือนที่ถูกหักไป

     

    “อิแบ้ก มึงเห็นเซฮุนปะวะ”

     

    ในขณะที่กำลังเดินจับนู่นจับนี่ไปเรื่อยเปื่อย เสียงของรองผู้จัดการก็เรียกให้คนตัวเล็กต้องหยุดเท้า แบคฮยอนเห็นพี่โจควอนกำลังเดินตรงมาหาเขา แถมวันนี้ยังใส่สูทอย่างกับจะไปเจอแขกคนสำคัญ

     

    “เห็นแว้บๆ ที่ร้านกาแฟอะ ทำไมอะ”

     

    “กูมีธุระจะคุยกับมัน เออ มึงรู้เรื่องนั้นยังวะ” โจควอนหันไปพูดกับรุ่นน้องเสียงแผ่ว ดวงตาเรียวรีกวาดมองไปรอบตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครยืนอยู่แถวนี้ “ที่ว่าเซฮุนมันเป็นสายประธานอะ”

     

    “รู้ๆ มันก็บอกหนูเองอะว่ามันทำงานให้ประธาน ทำไมอะ หนูคิดว่าเจ๊รู้อยู่แล้ว” คนตัวเล็กนิ่วหน้าว่าด้วยน้ำเสียงแปลกใจ แบคฮยอนคิดว่าพี่โจควอนจะรู้ก่อนอยู่แล้วซะอีกว่าเซฮุนทำงานให้ประธานทั้งๆ ที่เขาเป็นคนรับเรื่องย้ายพนักงานเอง

     

    “ไม่ ตอนแรกกูไม่รู้ กูคิดว่ามันมาเหมือนมึงไง แบบสมัครงานกับสำนักงานใหญ่ มึงทำตัวดีนะเว้ยๆ ต่อไปมันอาจจะมาเป็นบอสมึง”

     

    “ไอ้ฮุนเนี่ยหรอ? เดี๋ยวมันก็ย้ายไปสำนักงานใหญ่แล้วไม่ใช่ไง”

     

    “มึง อันนี้ไม่มีใครรู้นะ มึงห้ามบอกใคร อีฮุนนี่แหละที่เค้าลือกันว่าเป็นลูกอีกคนของประธาน ผู้จัดการเก่าเค้าเล่าให้กูฟังมา มึงอย่าประมาท” โจควอนหันไปป้องปากกระซิบเสียงเบา เรื่องนี้เขาเองก็เพิ่งได้ยินมาเหมือนกันแล้วก็ไม่คิดด้วยว่าจะเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้

     

    “ห้ะ? ประธานไหน? อีฮุนเนี่ยนะ?” แบคฮยอนเบิกตาย่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขาหันไปมองหน้ารองผู้จัดการคนสนิทอย่างไม่ค่อยเชื่อหูนัก นี่พี่โจควอนกำลังพูดถึงประธานไหน

     

    “ประธานใหญ่อะ พ่อชานยอลอะ เค้าว่าคนนี้แหละ”

     

    “เห้ย? จริงปะเนี่ย? แน่ใจอ่อ? ทำไมชานยอลมันไม่เคยเล่าให้หนูฟังเลยอะ”

     

    “มึง มันไม่รู้ ไม่มีใครรู้ เรื่องนี้ห้ามพูดเลยนะเว้ย มีแต่พ่อกับแม่ชานยอลอะที่รู้ เพราะว่าแม่อีฮุนอะมาทีหลัง เป็นกิ๊กกันแล้วก็ดันท้องแล้วแม่มันก็ออกจากบริษัทไป แล้วเค้าไม่ให้เจอกัน”

     

    “เอ้า เชี่ย... งี้แม่ชานยอลก็รู้ดิ”

     

    “รู้ดิ ก็เค้าอะ ให้อีพี่ผู้จัดการที่มาเล่าให้กูฟังอะคอยจัดการเรื่องลูกของเมียน้อย แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่เมียน้อยหรอก เหมือนไม่ได้เป็นไรกันด้วยแหละ แบบแม่อีฮุนมันเป็นเลขาแล้วมีวันไนท์กันไรทำนองเนี้ย” โจควอนว่า เขาหันไปยิ้มให้กับลูกน้องสาวอีกคนที่เดินผ่านหน้าไปก่อนจะว่าต่อ “แต่เห็นว่าไม่สนิทกันหรอก เหมือนถึงจะรู้ว่าเป็นพ่อเป็นลูกแต่ก็ต่างคนต่างอยู่อะ กูก็ยังไม่เคยเห็นเซฮุนมันเรียกประธานว่าพ่อเลย”

     

    “หรอ นี่จริงปะเนี่ย”

     

    “เออ ก็คนที่เคยทำงานกับประธานมาตั้งแต่ก่อนอีชานยอลเกิดอะเล่าให้กูฟังมา”

     

    “งี้ฮุนแม่งก็น่าสงสารเลยดิวะ แล้วมันก็กลับมาทำงานกับแม่อีชานนี่มันไม่รู้สึกไรมั่งอ่อวะ?” คนตัวเล็กขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว แบคฮยอนเหมือนจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของประธานและรุ่นน้องของเขาอยู่หน่อยๆ ถ้าหากว่าเซฮุนเป็นลูกเมียน้อยทำไมประธานถึงยังไว้ใจให้เขาทำงานด้วยล่ะ แถมยังดูเป็นคนโปรดอีกต่างหาก

     

    “อันนั้นไม่รู้ว่ะ แต่เพื่อนกูที่ทำอยู่สำนักงานใหญ่ก็บอกว่าเค้าเข้ากันดีนะ เหมือนเกลียดแม่แต่ก็ไม่พาลมาเกลียดลูกอะ แล้วอีฮุนมันก็ทำงานดีด้วย”

     

    “เชี่ย... แล้วชานยอลก็ไม่รู้? มันไม่รู้สึกไรมั่งอ่อวะไอ้ฮุนอะ”

     

    “เออ มึงห้ามบอกมันนะ เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่”

     

    “หนูไม่บอกหรอก ถึงมันรู้มันก็คงไม่สนใจหรอกชานยอลอะ แต่ไอ้ฮุนนี่มันไม่รู้สึกไรมั่งอ่อวะ เวลามันเห็นพ่อเห็นน้องมัน เห็นคนที่กีดกันแม่มันอะ ไม่รู้สึกไรมั่งจริงอ่อวะ” เรื่องที่ได้ฟังทำแบคฮยอนอดนึกถึงแววตาของรุ่นน้องที่เขามักจะมองเห็นอยู่เสมอไม่ได้

     

    แบคฮยอนคิดมาตลอดว่าเซฮุนดูเหมือนคนที่มีอะไรปิดซ่อนไว้อยู่ตลอดเวลา ที่จริงเขาก็คิดว่าบางมุมเซฮุนก็ดูคล้ายชานยอลด้วย เขาไม่ค่อยพูดแล้วก็ชอบทำเป็นนิ่งเฉยเพื่อซ่อนความรู้สึก แถมยังทะเยอทะยาน ถ้าจะบอกว่าเป็นลูกประธานใหญ่อีกคนแบคฮยอนก็ไม่แปลกใจเลย

     

    แต่ว่าเซฮุนไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอที่เห็นน้องชายของเขามีทุกอย่าง เห็นพ่อตัวเอง เห็นคนที่กีดกันไม่ให้ตัวเองเจอกับพ่อ? เขาเผชิญหน้ากับความรู้สึกนั้นยังไง

     

    “โอ้ย มึง เค้าไม่ให้เจอกันก็ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่ให้ส่งเสียปะวะ มันก็ไม่ใช่บ้านๆ นะอิฮุนอะ กูว่าประธานเค้าก็ไม่ได้เกลียดมันนะ แต่เหมือนเค้าไม่อยากให้มายุ่งกับครอบครัวเค้า เหมือนไม่อยากให้มันด่างพร้อยอะ ก็ดูดิขนาดชานยอลยังไม่รู้เลย”

     

    “เห้ย แต่มันเคยบอกหนูนะว่าเซฮุนอะเป็นญาติห่างๆ ที่ฝากเข้ามาไรสักอย่างเนี่ยแหละ”

     

    “ก็พ่อมันนั่นแหละที่พาเข้ามาทำงาน มึงคิดว่าได้อ่อ เรียนจบปุ๊บได้เข้าทีมบริหารบริษัทใหญ่ เงินเดือนสตาร์ทห้าหมื่น”

     

    “เออ งั้นไม่สงสารแม่งและ เงินเดือนแม่งเยอะกว่าเราอีก”

     

    “มึงอย่าเล่าให้ใครฟังเลยนะ แล้วมึงก็ทำตัวดีๆ ไว้ ขยันๆ หน่อย เพราะปีหน้าเค้าจะเปิดชั้นตัวอย่างสินค้าที่สำนักงาน แล้วเค้าจะเลือกพนักงานไป”

     

    “โอ้ย มันคงไม่เลือกหนูอะ หนูใช้มันทำงานทุกวันเลย” แบคฮยอนตีหน้าเซ็ง ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ก็คงดี เพราะทุกวันนี้ก็ใช้เซฮุนทำหลายอย่าง ทั้งให้ช่วยขนของ ตัวเองเติมของไม่ทันก็ขอให้ช่วย แบคฮยอนคงเป็นพนักงานที่พึ่งพาไม่ได้เท่าไหร่

     

    “เออ งั้นก็เริ่มขยันตั้งแต่วันนี้ มันมาและ เดี๋ยวกูมานะ” พอโจควอนเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังตามหาเดินอยู่ไม่ไกลก็หันไปผลักรุ่นน้องให้ไปทำงานต่อ ก่อนที่จะเดินหายออกไปจากแผนกเครื่องนอน

     

    ปล่อยให้พนักงานต๊อกต๊อยอย่างแบคฮยอนได้แต่ยืนคิดว่าเขารู้เรื่องนี้แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนแบคฮยอนก็คงดีใจอยู่หรอก เขาเคยอยากทำงานที่สำนักงานใหญ่ เพราะเงินเดือนเยอะกว่า แล้วก็ได้อยู่ใกล้ชานยอลด้วย แต่ว่าตอนนี้เขารักที่นี่ไปแล้ว แล้วก็อยากอยู่กับพี่โจควอนด้วย

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ติ๊ง!

     

    Cyyyyyxx : เลิกยัง

     

    Bhxx0506 : ยังไม่เลิก

     

    Bhxx0506 : ทำไมต้องเลิก

     

    Bhxx0506 : ไม่รักกูละอ่อ

     

    Cyyyyyxx :คือ?

     

    Bhxx0506 : มึงไม่รับมุกอะ

     

    Cyyyyyxx : เลิกงานยัง

     

    Bhxx0506 : เลิกแล้วว กำลังจะกลับ

     

    Cyyyyyxx : หาไรกินรอก่อน

     

    Cyyyyyxx : วันนี้ไปช้า พาแม่ไปนวด

     

    Bhxx0506 : อ้าว เค เดินตลาดรอ

     

     

     

    โทรศัพท์มือถือเครื่องบางถูกเก็บลงกระเป๋าก่อนที่คนตัวเล็กจะตอกบัตรพนักงานกับเครื่องแสกนแล้วสาวเท้าเดินตามหลังพนักงานรุ่นน้องไปติดๆ ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาทุ่มเศษแล้ว แบคฮยอนเพิ่งเลิกงานและตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นตลาดก่อนกลับพอดี เขาสวมเสื้อกันหนาวให้ตัวเองก่อนที่จะวิ่งตามแผ่นหลังคนตรงหน้าไป

     

    “รอด้วยดิวะ”

     

    “มาเร็วดิ หิวแล้วเนี่ย” เซฮุนว่าพร้อมกับหันไปมองรุ่นพี่พนักงานที่กำลังเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ เขาส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะตวัดแขนรั้งคอคนด้านข้างให้ขยับเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางสนิทสนม แล้วจึงพากันเดินข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟ

     

     

     

    ใช้เวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แบคฮยอนก็มาถึงถนนติดแม่น้ำที่เขาชอบมานั่งเล่น ตอนเย็นวันพฤหัสผู้คนเดินกันขวักไขว่เต็มริมทางเท้าที่มีตลาดค่ำ บรรยากาศงานฉลองในเมืองที่ไม่ค่อยได้เห็นนักทำสายตาของแบคฮยอนอยู่ไม่สุข เขาแวะซื้อปลาหมึกราดซอสมา 2 ตัว กับฮอทดอกอีก 1 ไม้ และรามยอนร้อนๆ หนึ่งถ้วย ก่อนจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ให้ อากาศหนาวๆ ภายในเดือนพฤศจิกาทำให้โต๊ะริมแม่น้ำไม่มีคนมากนักเนื่องจากลมแรง

     

    แบคฮยอนจัดการยกถ้วยรามยอนอุ่นๆ ขึ้นซดทันที ดวงตาเรียวรีมองออกไปยังผืนน้ำเรียบสนิทเบื้องหน้า อีกแค่ไม่กี่วันก็จะคริสมาสต์แล้ว ท้องถนนจะถูกประดับด้วยไฟหลากสี แบคฮยอนกำลังคิดว่าถ้าได้มาเดินเล่นกับชานยอลก็คงดี ถ้าเกิดว่าเขามีเวลา

     

    “วันนี้นอนบ้านแฟนอ่อ” เซฮุนเงยหน้าขึ้นถามพนักงานรุ่นพี่ที่เอาแต่ก้มหน้ากินไม่พูดไม่จา เขาหยิบเอาทิชชู่ในกระเป๋าเสื้อมาส่งให้คนตรงหน้าก่อนจะก้มลงไปจัดการโอเด้งในถ้วยต่อ

     

    “อือ นอนมาหลายวันแล่ว แต่เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็กลับ”

     

    “กลับทำไมอะ ไมไม่นอนห้องแฟนไปเลย”

     

    “ก็อาทิตย์หน้ามันกลับบ้านไง มันไม่อยู่กูจะไปอยู่ยังไงคนเดียว ว่าจะกลับไปทำของขวัญให้มันด้วยแหละ แต่ไม่รู้จะได้ทำไหม” คนตัวเล็กว่าทั้งที่ปากยังเคี้ยวปลาหมึกตุ้ยๆ วันหยุดนี้กับอาทิตย์หน้าเขาตั้งใจว่าจะทำของขวัญให้ชานยอล แต่ก็ไม่รู้จะได้เรื่องไหม

     

    “จะวันเกิดเค้าแล้วนี่”

     

    “อือ มึงรู้ได้ไงวะว่าจะวันเกิดมัน?” คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันด้วยความสงสัย ทำไมเซฮุนถึงได้รู้เรื่องของชานยอลเยอะแยะนักในขณะที่ชานยอลแทบไม่รู้จักเซฮุนเลย

     

    “รู้ดิ ก็ทำงานที่เดียวกัน แม่เค้าฉลองให้ทุกปี”

     

    “อ๋อ ปกติเค้าทำไรกันวะวันเกิดอะ”

     

    “ก็ไปกินข้าวกันมั้ง เห็นจองโต๊ะกินข้าวกับครอบครัวทุกปี แล้วก็อาจจะไปฉลองกับเพื่อน” เซฮุนยักไหล่ เขาไม่รู้ว่าชานยอลทำอะไรบ้างในวันเกิดแต่ก็คงจะฉลองกับครอบครัว กินข้าว รับของขวัญเหมือนอย่างทุกปี

     

    “หรอ เค้าฉลองกันทุกปีปะวะ”

     

    “เท่าที่เห็นก็ทุกปีนะ”

     

    “แล้ววันเกิดมึงอะ มึงเกิดวันไร” แบคฮยอนยกถ้วยน้ำซุปรามยอนขึ้นซดก่อนจะคว้าทิชชู่มาเช็ดปาก เขาแอบเห็นแววตาเด็กหนุ่มตรงหน้าวูบไหวไปครู่หนึ่งก่อนที่มันจะกลับไปนิ่งสนิทดังเดิม

     

    “วันเกิดผมผ่านไปแล้ว ผมเกิดเดือนเมษา เกิดหน้าร้อน”

     

    “แล้วฉลองกับใคร”

     

    “ไม่ได้ฉลองหรอก ทำงาน แล้วก็กลับไปหาแม่ เช้ามาก็ทำงานต่อ” คนตัวสูงว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เซฮุนไม่ค่อยได้มีวันเกิดที่อบอุ่นเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร ส่วนใหญ่วันเกิดเซฮุนก็จะมีแต่แม่ที่คอยอวยพรให้ ถ้าช่วงไหนมีแฟนก็อาจจะฉลองกับแฟนบ้าง

     

    “โหย เศร้าเลยว่ะ ไว้ปีหน้าถ้ายังทำงานอยู่เดี๋ยวกูฉลองให้”

     

    “ปีหน้าอีกนานอะ เอาปีใหม่ได้ปะ”

     

    “คริสมาสต์ก็ได้ ปีใหม่ก็ได้”

     

    “แล้ววันเกิดแฟนพี่เตรียมไรให้เค้า” คำถามถูกเอ่ยออกไปทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าถึงได้คำตอบมาก็เจ็บเปล่าๆ เซฮุนเองก็อยากมีคนทำของขวัญให้บ้าง และตอนนี้คนที่เขาต้องการก็คือแบคฮยอน เซฮุนรู้ว่าเขากำลังใช้อำนาจความเป็นเพื่อนสนิทต่อรองกับสิ่งที่ตัวเองต้องการแต่มันก็ได้แค่นั้น ยังไงเซฮุนก็ไม่สามารถเป็นคนนั้นของแบคฮยอนได้อยู่ดี ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ

     

    “ตอนแรกกูว่าจะปั้นตุ๊กตาให้มัน เป็นพวงกุญแจอันเล็กๆ อะ แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ะ ตอนแรกอะกูคิดว่าของแฟนทำให้อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ให้ด้วยใจซะเปล่า แต่คิดไปคิดมาก็กลัวมันน่าเกลียดว่ะ แล้วฉลองด้วยกันปีแรกกูว่ามันก็น่าจะคาดหวังมั่งแหละ แต่กูก็ไม่รู้จะซื้ออะไรอะ” คนตัวเล็กนิ่วหน้าด้วยความลำบากใจเมื่อถึงของขวัญวันเกิดที่จะทำให้แฟนเดือนนี้ ตอนแรกแบคฮยอนตั้งใจจะปั้นตุ๊กตา jack skellington ให้ชานยอลเป็นของขวัญเพราะเห็นว่าเขาชอบ

     

    แต่ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่ไม่อยากลงทุนแล้วก็คิดเอาเองว่ายังไงก็ชานยอลก็อยากได้อยู่แล้ว เพราะเป็นของที่ตัวเองทำขึ้น ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น ยิ่งถ้าเขาเคยได้รับแต่ของดีๆ มันก็ยิ่งดูน่าเกลียดไปกันใหญ่ แบคฮยอนแค่คิดว่ามันน่าจะต้องเป็นของที่มีมูลค่าบ้าง

     

    “ตุ๊กตาไรวะ”

     

    “ตุ๊กตาปั้นดินอบอะกูเห็นมันชอบแจ็ค กูดูในยูทูปแล้วก็ว่าจะทำตามแต่ไม่รู้จะสวยไหมว่ะ ไม่รู้มันอยากได้ไหม ก็ว่าจะหาของดีๆ อีกชิ้น แต่ไม่รู้จะซื้ออะไร เอาที่มันไม่น่าเกลียดหน่อย ถึงชวนมึงมาด้วยนี่ไง ให้มึงมาช่วยคิด”

     

    “ปกติเค้าชอบอะไรอะ น้ำหอม นาฬิกา ของขวัญผู้ชายมีไม่กี่อย่างหรอก”

     

    “ของที่มันใช้ประจำอยู่แล้วก็มีแต่ของเดิมๆ อะ แล้วก็เสือกใช้แต่ของแพง น้ำหอมมันขวดแบ่งขายเท่าเงินเดือนกูทั้งเดือนเลย กูก็อยากซื้อของใช้ให้มันนะ แต่ไม่รู้มันจะถูกใจไหมก็เลยตัดไปไม่ซื้อแม่ง”

     

    “แล้วพี่เคยให้ไรแฟนเก่า”

     

    “ก็เลี้ยงหมูทะ ปีก่อนๆ กูทำไดอารี่ให้มัน ไดอารี่แฮนด์เมดอะ แล้วก็แบบเขียนคำอวยพรความรู้สึกในใจไรเงี้ย กรุ๊งกริ๊งๆ แต่กูว่าอย่างชานยอลมันไม่อยากได้หรอกว่ะ” แบคฮยอนทำหน้าแหยเมื่อจินตนาการถึงภาพแฟนหนุ่มตอนเปิดไดอารี่ฟรุ๊งฟริ๊งของเขา ชานยอลคงจะขำจนปวดท้อง หรือไม่ก็งงเป็นไก่ตาแตก เขาอาจจะดีใจแต่คงไม่ถูกใจ “มึงเข้าใจปะว่าคนมันต่างไลฟ์สไตล์รสนิยมก็ต่างกัน กูว่ามันคงไม่อินอะ อย่างน้อยๆ กูว่าน่าจะเป็นเสื้อดีๆ สักตัวแหละ”

     

    “เห้ย ผมว่าน่ารักดีออก ผมอยากได้อะ ทำให้มั่งดิ”

     

    “อะไร? อิไดอารี่ฟรุ๊งฟริ๊งอะนะ?”

     

    “เออ ผมว่าน่ารักดีออก ถ้าเป็นผมผมอยากได้อันนั้นอะ” เซฮุนว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมากับมุมที่คาดไม่ถึงของคนตรงหน้า เขากำลังคิดว่าแบคฮยอนกำลังลังเลที่จะทำบางสิ่ง และเซฮุนก็เริ่มมองเห็นจุดอ่อนในความสัมพันธ์นี้แล้ว

     

    มันคือความไม่มั่นใจ... แบคฮยอนดูกังวลทุกครั้งที่พูดถึงชีวิตของชานยอลหรือไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน แม้แต่ผู้คนรอบข้างของเขา มันเห็นได้ชัดจากสิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมาหรือสีหน้า เซฮุนคิดว่าเขาเจอจุดอ่อนที่สำคัญเข้าให้แล้ว มันทำให้เซฮุนรู้ว่าเขาต้องเล่นบทไหนถึงจะทำให้ตัวเองพอมีโอกาส

     

    “กูไม่กล้าให้อะ มันคงขำ ไม่รู้ดิ” ยิ่งพูดแบคฮยอนก็ยิ่งรู้สึกจั๊กจี้ เขาได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ กับความคิดสุดตลก เซฮุนอาจจะจินตนาการว่าไดอารี่แสนรักของแบคฮยอนมันน่ารักโดนใจ แต่ในความเป็นจริงเขาคิดว่ามันดูเหมือนกับสมุดรีไซเคิลเก่าๆ มากกว่า

     

    “ผมอยากได้อะ ทำให้ผมมั่งดิ”

     

    “มึงจะเอาไปทำไร ผัวกูก็ไม่ใช่”

     

    “ก็เดี๋ยวปีหน้าเผื่อผมย้ายกลับไปทำงานที่เดิมไง จะได้มีของแทนใจ”

     

    “เอาดิ เดี๋ยวกูทำให้ แต่กูไม่รับประกันว่าจะสวยนะ”

     

    “ได้ อะไรก็ได้”

     

    ในขณะที่การสนทนาดำเนินไป เสียงดังจากโทรศัพท์มือถือก็เรียกให้คนตัวเล็กต้องละมือออกจากฮอทด็อก แบคฮยอนล้วงเอามือถือของเขามากดรับพร้อมกับกรอกเสียงพูดลงไป

     

    “ฮัลโหล~”

     

    [อยู่ไหน]

     

    “อยู่ตรงใกล้ๆ ที่มันมีตลาดอะ ตรงหน้าใกล้ๆ ร้านขายรามยอน มึงอยู่ไหนอะ”

     

    [กำลังจะขับไปเนี่ย]

     

    “เออ นั่งรออยู่หน้าร้านขายปลาหมึกเนี่ย”

     

    [อีก 5 นาที]

     

    “คร้าบ~ เดี๋ยวซื้อขนมรอ”

     

    [ครับ]

     

    เมื่อการสนทนาสั้นๆ จบลงแบคฮยอนก็กดวางสายแล้ววางมือถือเอาไว้บนโต๊ะ เขามองเห็นเซฮุนกำลังหัวเราะทั้งที่แววตานิ่งสนิท ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เขามักจะทำประจำอยู่แล้ว แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าเซฮุนคิดอะไร เขามักจะแสดงให้เห็นถึงกำแพงปิดกลั้นพื้นที่ในใจเสมอ และถึงแม้ว่าเซฮุนจะทำเหมือนกำลังสนใจบางเรื่องอยู่ แต่ส่วนใหญ่เขาก็มักจะชอบถามมากกว่าจะเล่าเรื่องของตัวเอง

     

    “เออ แล้วมึงจะกลับเลยปะเนี่ย เดี๋ยวผัวกูมารับละ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบลงแบคฮยอนก็หาเรื่องมาคุยฆ่าเวลาในระหว่างที่รอแฟนหนุ่มมารับ เขาเก็บถ้วยกระดาษและไม้เสียบลูกชิ้นไปรวมกับของคนตรงหน้าก่อนที่จะยัดมันลงถุง

     

    ”เดี๋ยวผมกลับไปเอารถที่บริษัทก่อน”

     

    “เออ งั้นเดี๋ยวไปส่งขึ้นรถ” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นขนของไปทิ้งขยะเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แบคฮยอนกระชับสายสะพายกระเป๋าก่อนจะหันไปเรียกรุ่นน้องให้เดินไปยังโซนตลาดที่มีร้านขายของแฮนด์เมดน่ารักๆ เขาถูกเซฮุนเหนี่ยวคอให้เข้าไปเดินใกล้ๆ ในขณะที่รองเท้าสองคู่ย่ำเดินไปพร้อมๆ กัน

     

    “เห้ย นาฬิกา สวยว่ะ” นาฬิกาสีฟ้าที่วางคู่อยู่ข้างเรือนสีขาวดึงดูดสายแบคฮยอนได้มากกว่าของชิ้นไหน รวมถึงป้ายลดราคาที่แปะอยู่ด้วย เขารีบเดินตรงเข้าไปทันที ตรงหน้ามีนาฬิกาหลากหลายเรือนวางเรียงกัน นอกจากถูกแล้วก็ยังสวยทั้งนั้น

     

    แบคฮยอนหยิบเอานาฬิกาสีฟ้ามาทาบบนข้อมือเขาแล้วเอาให้รุ่นน้องช่วยพิจารณา

     

    “สวยปะ”

     

    “อือ แต่มันของปลอมนะ” เซฮุนว่าพลางหยิบเอานาฬิกาสีดำอีกเรือนขึ้นมาทาบลงบนข้อมือบ้าง

     

    “อ้าว ปลอมอ่อวะ กูนึกว่าของตลาด”

     

    “อือ ของก๊อป แต่มันสวยดีนะ ผมว่าน่ารักดี”

     

    “เนี่ย สองเรือนสามร้อย มึงหารกะกูป่ะ”

     

    “เอาปะล่ะ”

     

    “มึงว่าชานยอลมันจะชอบไหมวะถ้าซื้อให้มัน” แบคฮยอนหยิบเอานาฬิกาสีดำอีกเรือนขึ้นมาเทียบ เขาชอบให้ชานยอลใส่นาฬิกาสปอร์ตมากเลย แต่อย่างชานยอลถ้าจะใส่ทั้งทีเขาก็คงเลือกที่มันทนๆ ดีๆ ไม่ใช่เรือนละร้อยห้าสิบแบบนี้

     

    “ผมว่าอย่าเลย เดี๋ยวแม่เค้าก็ซื้อให้ นาฬิกา กระเป๋าเงิน เค้าคงได้ทุกปี”

     

    พอได้ยินว่าชานยอลจะได้นาฬิกาจากแม่ของเขาแบคฮยอนก็รีบวางแล้วพารุ่นน้องเดินออกมาจากซุ้มนาฬิกาทันที เซฮุนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมา เขาหยิบมวนบุหรี่จากในกระเป๋าเสื้อมาคาบไว้ที่ปาก แต่ยังไม่ทันจะได้ล้วงไฟแช็กออกมาก็ถูกคนข้างๆ ดึงออกไปซะก่อน

     

    “มึงรอกูไปก่อนได้ไหม ค่อยสูบ เหม็น”

     

    “โทษที”

     

    แรงสั่นจากในกระเป๋ากางเกงเรียกแบคฮยอนให้ต้องรีบล้วงเอามือถือออกมากดรับ เขาใช้มือป้องปากเพื่อกันเสียงลมทั้งยังเอียงหูให้ชิดกับลำโพงมากขึ้น

     

    “ฮัลโหล อยู่ไหนอะ”

     

    [หันมา...]

     

     





    #ฟิคกวาง



    ตอนหน้าถ้ามาคืนนี้ทันก็เจอกันดึกๆ หน่อยจ๊ะ แต่ถ้าไม่ทันก็พน.เล๊ยยยยย อย่าลืม #ฟิคกวาง และเอ็นจอยรีดดิ้งนะคะ :D

    next chapter :  coming in 5 4 3 2 ...

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×