ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #33 : Chapter : 30 อย่างอนนาน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 23.83K
      357
      5 ธ.ค. 60




    ภายในรถยนต์ที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่แสนน่าอึดอัด แบคฮยอนได้แต่นั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มไม่ยอมพูดอะไรด้วยเลยสักคำตั้งแต่ขึ้นรถมา ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เขาก็ไม่กล้าเป็นฝ่ายปริปากเอ่ยประเด็นก่อน

     

    ดวงตาเรียวรีเหลือบมองคนข้างตัวหลายครั้ง ในขณะที่วิวรอบข้างเปลี่ยนไปความเงียบก็ยังคงเดิม

     

    “หิวข้าวปะ กินไรมายัง”

     

    “.............”

     

    “ถึงห้องแล้วกินข้าวไหม”

     

    “.............”

     

    โอเค แบคฮยอนรู้แล้วว่าตอนนี้เขากำลังถูกชานยอลโกรธ แล้วก็ดูท่าทางจะโกรธมากด้วย สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนและแบคฮยอนก็รู้ตัวว่าไม่ควรรบเร้าเพราะมันอาจจะทำให้เขาถูกระเบิดตู้มใส่อย่างแรง เอาไว้ชานยอลใจเย็นกว่านี้ก่อนค่อยคุยกันก็ไม่เป็นไร

     

    แบคฮยอนไม่ปฏิเสธว่าเขาทำตัวไม่เหมาะสมเพราะไม่คิดว่าแฟนหนุ่มจะมาเห็น แล้วที่ยอมให้เซฮุนถึงเนื้อถึงตัวเพราะไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร แบคฮยอนไม่ใช่ผู้หญิง และเขาก็อยากจะสนิทกับเซฮุนให้มากกว่านี้เผื่อว่าจะได้รู้เรื่องอื่นๆ ของชานยอลบ้าง

     

    “ชานยอล...”

     

    “..............”

     

    “ชานยอล...”

     

    “อย่ากวนได้ปะ ขับรถอะ”

     

    คำพูดและสีหน้าที่แสนเย็นชาทำคนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแห้งแล้วหันไปมองนอกหน้าต่างแทน สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบกลืนกินบรรยากาศในรถจนกว่าจะขับไปถึงที่คอนโด...

     

     

    ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีจากถนมริมแม่น้ำสู่คอนโดใจกลางเมือง แบคฮยอนเดินตามหลังแฟนหนุ่มเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ จนถึงตอนนี้ชานยอลก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรซักคำ เขาเปิดไฟ คว้ารีโมทมาเปิดแอร์แล้วโยนกระเป๋าลงบนโซฟาดังตุ้บ!

     

    แบคฮยอนคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าชานยอลพูดอะไรออกมาบ้าง เขาจะโมโหก็ได้ ใส่อารมณ์ก็ได้ แต่แค่พูดอะไรออกมาสักคำ

     

    ความอึดอัดเป็นสิ่งที่แบคฮยอนไม่คุ้นเคยและไม่เคยชอบ เขาวิ่งไปจับกระเป๋าของแฟนหนุ่มที่ถูกโยนและทำท่าจะล้มกลิ้งลงจากโซฟาก่อนจะเอ่ยออกมา

     

    “ชานยอล...”

     

    “..............”

     

    “มึงโกธรกูใช่ปะ”

     

    “...............” ไม่มีคำตอบใดจากปากคนตัวสูง ชานยอลเพียงแค่เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเอาน้ำเปล่าออกมาดื่มหวังให้มันช่วยดับอารมณ์ที่กำลังร้อนระอุ ตอนนี้เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นเพราะกลัวว่าถ้าได้พูดสักคำแล้วจะเผลอระเบิดอารมณ์ออกมาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

     

    “มึงพูดกับกูดิวะ ถ้ามึงโกรธกูจะได้ขอโทษ”

     

    “..............”

     

    “ที่รักอย่าทำแบบนี้”

     

    “ทำไมผมต้องโกรธด้วย”

     

    “ก็มึงโกรธกูอยู่เนี่ย กูก็เห็นอยู่ กูขอโทษ หันมาคุยกัน” พูดออกไปเสียงอ่อยก่อนจะก็เอื้อมมือไปจับบ่าคนตรงหน้าหวังให้เขาหันมามอง แต่ก็กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหนีแถมยังทำเป็นไม่สนใจเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่แบคฮยอนกำลังพูดเลย

     

    “กูขอโทษ...”

     

    “ขอโทษเรื่องไร”

     

    “ก็เรื่องที่ตลาดไง มึงไม่ชอบเซฮุนใช่ปะล่ะ มึงไม่ชอบให้กูสนิทกับมัน”

     

    “รู้แล้วทำไมยังทำอะ” ถึงชานยอลจะยอมพูดออกมาแต่คำพูดนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายแบคฮยอนไปมากกว่าความเงียบเลย ทั้งน้ำเสียง สีหน้าและแววตาของเขานิ่งสนิทจนดูน่ากลัว และแบคฮยอนก็รู้ว่าคราวนี้ชานยอลไม่ได้แกล้งทำเป็นงอน เขาโกรธจริงๆ แล้วก็โกรธมากๆ ด้วย

     

    “กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ...”

     

    “ถ้าผมไม่เห็นก็คือไม่รู้ใช่ปะ”

     

    “ไม่ใช่...”

     

    “ทำไมต้องไปสนิทกับมันวะ! ผมบอกแล้วอะว่าผมไม่ชอบ ทำไมต้องให้มันกอดด้วย คิดว่าไม่เห็นก็ไม่เป็นไรอ่อ!

     

    “มึง...”

     

    “ผมหึงเป็นนะเว้ย!” พอได้พูดก็เผลอใส่อารมณ์กระแทกเสียงออกไปจนคนตัวเล็กถึงกับผงะ เมื่อชานยอลรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเขาก็ตัดสินใจหันหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เรื่องทะเลาะกันมันบานปลายไปมากกว่านี้ คนอารมณ์ร้อนวางขวดน้ำลงแล้วหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปทันที ปล่อยให้แฟนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่คนเดียว

     

    แบคฮยอนได้แต่ยืนมองดูแผ่นหลังของคนรักเดินหายลับไปจนกระทั่งเสียงปิดประตูดังขึ้น เขาถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกผิด แบคฮยอนรู้ดีว่าเขาอ้างไม่ได้ว่าไม่คิดอะไร เพราะถ้าชานยอลทำแบบนั้นกับโคลอี้หรือคนอื่นแบคฮยอนเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน

     

    สุดท้ายก็ได้แต่ต้องนั่งสำนึกผิดและทบทวนตัวเอง แบคฮยอนยอมรับว่าเขาเองที่หละหลวมและปล่อยเนื้อปล่อยตัว ที่จริงถ้าเป็นพี่โจควอนหรือคนอื่นชานยอลก็คงจะไม่โมโหขนาดนี้ ทำไมต้องเป็นเซฮุนทุกที เซฮุนกับชานยอล ชานยอลกับเซฮุน ทำไมผัวกับเพื่อนต้องไม่ถูกกัน

     

    “เฮ้อ...”

     

    สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะทิ้งก้นนั่งลงบนโซฟา ทั้งๆ ที่อุตส่าห์คิดว่าจะได้กลับมาดูหนังด้วยกันแท้ๆ แบบนี้ไม่ดีเลย...

     

    .

    .

    .

     

     

     

    Bhxx0506 : ทำรายย 

    Bhxx0506 : กินข้าวยัง 

    Bhxx0506 : ส่งรูปภาพ

     

    Chn10e : กำลังกิน

     

    Bhxx0506 : อร่อยเปล่า 


    Bhxx0506 : เงียบ สงสัยไม่หร่อย 


    Bhxx0506 : หายโกธรยัง 


    Bhxx0506 : ไปทำงานละ 

    Bhxx0506 : เดี๋ยวมาง้อใหม่

     

     

    “เจ๊ หนูกลับละนะ ไปและ”

     

    เวลาหนึ่งทุ่มเศษที่หน้าประตูศูนย์การค้าแบคฮยอนโบกมือให้กับรองผู้จัดการของเขาก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปทันที วันนี้แบคฮยอนออกงานตรงเวลาเป๊ะเพื่อจะรีบชิ่งกลับบ้านโดยที่ไม่ให้เซฮุนรู้ตัวจะได้ไม่ต้องเจอกันเพราะว่าตัวเขากำลังติดเคอร์ฟิวขั้นหนัก

     

    แบคฮยอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจว่าจะกดเบอร์โทรหาแฟนหนุ่มแต่ก็คิดได้ว่าตัวเองกำลังถูกงอนอยู่ อีกอย่างวันนี้แบคฮยอนต้องกลับไปทำของขวัญต่อที่บ้านให้เสร็จเพื่อที่จะได้ทันวันจันทร์

     

    คนตัวเล็กตัดสินใจเปลี่ยนจากการโทรเป็นการส่งข้อความไปบอกคนรักแทนว่าวันนี้จะกลับบ้าน และยังไม่ทันที่จะได้ล็อคจอมือถือคนที่เอาแต่เงียบมาตลอดทั้งวันก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วรากับว่าเขากำลังรอข้อความนั้นอยู่ และถึงแม้มันจะเป็นแค่ข้อความสั้นๆ แต่ก็ทำแบคฮยอนอดขำปนน้อยใจไม่ได้

     

    Bhxx0506 : วันนี้กลับบ้านนะ ไม่ต้องมารับ กลับไปทำธุระก่อน <3

     

    Chn10e : อือ

     

    โทรศัพท์เครื่องบางถูกเก็บลงกระเป๋าแบคฮยอนรีบย่ำเท้าเพื่อที่จะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าให้ทัน ถึงจะยังเสียใจอยู่นิดๆ ที่ถูกเมินใส่แต่ก็ไม่อยากเก็บมาคิดมาก เขาจะง้อชานยอลก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยให้เขาง้อกลับเอาทีหลัง จะได้เจ๊ากัน

     

    เท้าเล็กๆ ย่ำเดินไปตามทางที่ชุกไปด้วยผู้คน มือบางบีบกระชับสายกระเป๋าแน่น ในขณะที่กำลังเดินไปสายตาก็ดันเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่วางขายอยู่บนโต๊ะเล็กๆ แบคฮยอนเดินตรงปรี่เข้าไปหาคุณลุงที่นั่งขายของอยู่ทันที เขามองเรือของเล่นลำใหญ่ที่วางโชว์อยู่ก่อนจะยิ้มออกมา

     

    นี่แหละของขวัญที่ตามหามานาน ของที่แบคฮยอนคิดว่าเหมาะสมกับชานยอลที่สุดแล้ว...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ในวันที่ 24 พฤศจิกายน เวลาสี่ทุ่มเศษ ภายในห้องเช่าแสนแคบ แบคฮยอนมองดูตุ๊กตาปั้นดิน jack skellington ตัวจิ๋วของเขาพลางส่งเสียงหัวเราะออกมา

     

    ตอนนี้บนเตียงนอนสีฟ้ารกไปด้วยอุปกรณ์ทำงาน DIY ต่างๆ ทั้งเศษกระดาษและกรรไกร ไดอารี่แสนขี้เหร่ถูกวางเอาไว้ข้างกล่องของขวัญที่ยังไม่ได้ถูกห่อ ตอนนี้แบคฮยอนมีเสื้อฮู้ดราคาหลักพันหนึ่งตัว กับของเล่นเลโก้อีกหนึ่งกล่องใหญ่ และตุ๊กตาแจ็คตัวจิ๋วขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ถึงมันจะดูไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่แต่ก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับแบคฮยอนเพราะทำออกมาได้ดีเกินคาด

     

    “มึงว่ามันน่ารักปะวะ” ตุ๊กตาดินปั้นถูกยื่นไปหน้ามือถือที่กำลังเปิดหน้าวิดีโอคอลอยู่ แบคฮยอนเห็นเพื่อนเขาขมวดคิ้วทำหน้านิ่วอย่างกับเห็นตัวประหลาด

     

    [ตัวเหี้ยไรวะ]

     

    “อีดอก~ กูบอกว่าแจ๊ค มึงอะ กูอุตส่าห์ตั้งใจทำ”

     

    [เออ ก็น่ารักดีนะ]

     

    “ใช่ปะ”

     

    [แล้วอีเจ้าของวันเกิดไปไหนอะ วันนี้มันไม่มานอนกับมึงไง๊]

     

    “มันงอนกู มันไม่ยอมคุยด้วย ตอนเนี้ยมันก็ยังไม่โทรมาหากูสักสายเลย” แบคฮยอนว่าพลางหมอบตัวลงนอนหน้ากล้องแล้วหยิบเอาไดอารี่ซื่อสัตย์ของเขามาตรวจเช็คสภาพ กระดาษภายในยังคงว่างเปล่าเพราะสมุดเล่มนี้ยังไม่มีเจ้าของ

     

    จนถึงวินาทีสุดท้ายแบคฮยอนก็ยังลังเลว่าเขาจะให้สมุดกับชานยอลดีไหม พอเอาไปวางคู่กับเสื้อแล้วมันดูไม่มีราคาไปเลยถึงจะบอกว่าทำด้วยใจ ให้ด้วยใจก็เถอะ

     

    [แล้วมึงไม่โทรหามันอะ]

     

    “โอ้ย~ กูไม่รู้จะง้อมันยังไงและ โทรไปก็ไม่พูด ถามคำตอบคำ แล้วมึงดูมันอัพไอจีประชดกู” แบคฮยอนหยิบเอามือถือมากดย่อหน้าวิดีโอคอลแล้วเข้าไปใน instagram เพื่อแคปภาพ IG story ของแฟนหนุ่มส่งให้เพื่อนสนิทดูในแชท

     

    ชานยอลอัพรูปหน้าจอมดำมืดพร้อมกับแคปชั่นมีเลศนัยแบบนี้มาตั้งแต่บ่าย และเมื่อชั่วโมงก่อนเขาก็ถ่ายภาพวิวจากผนังกระจกห้องคอนโดพร้อมกับแคปชั่น Lonely ต่อมาก็เป็นรูปที่ถ่ายจากหนังสือการ์ตูนวันพีชในหน้าที่เอชกำลังนั่งหันหลังมองทะเลด้วยท่าทีเหงาหงอย

     

    แบคฮยอนเดาเอาว่าชานยอลคงนอนเหงาอยู่ที่คอนโด เขาอ่านการ์ตูน เล่นโทรศัพท์แต่ก็คงไม่ช่วยอะไรมา ไม่รู้ป่านนี้จะนอนคุยกับสาวๆ ที่ทักเข้ามาถามไถ่อาการใจจนลืมความเศร้าไปแล้วหรือเปล่า

     

    [โคตรเรียกร้องความสนใจ]

     

    “อย่างเงี้ยแหละ แล้วพอกูโทรไปก็ตึงใส่กู” คนตัวเล็กส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจกดตอบ IG story ที่เป็นรูปการ์ตูนวันพีชไป

     

    [มึงก็ปล่อยให้มันงอนไป]

     

    “วันนี้กูซื้อของมาให้มันด้วยแหละ กูว่ามันน่าจะชอบ”

     

    [ซื้อไรมาอีกวะ]

     

    “ของเล่นวันพีช เป็นเลโก้ต่อเรือตัวเล็กๆ อะ กูเจอที่ตลาดตอนจะกลับบ้านพอดี”

     

    [มันชอบอ่อ]

     

    “เออ มันชอบวันพีช กูว่ามันปัญญาอ่อนดี มันน่าจะชอบ ฟิกเกอร์คงมีครบทุกตัวแล้วแหละ แต่มันอะไม่หายงอนกูสักที”

     

    [มึงลองใช้แผนแมวดิ แบบที่มึงเคยทำอะ]

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ อิดอก กูเอามาด้วยนะเว้ย อยู่ในกระเป๋ากูอะ”

     

    แบคฮยอนถึงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำว่าแผนแมวที่เขาเคยใช้ง้อแฟนเก่า มันคือการแต่งตัวยั่วเยใส่ถุงมือแมวและหูแมวไปงุ้งงิ้งอยู่หน้ากล้อง พออัดเสร็จก็อัพขึ้นเฟสฯแท็กแฟนหนุ่มไป พอคิดไปถึงตอนนั้นทีไรก็ยังฮาไม่หายทุกที ไม่รู้ตัวเองทำไปได้ยังไง แต่ถามว่าได้ผลไหมก็เกินคาด

     

    [มันอาจจะได้ผลนะเว้ย มึงลองดู ทำเสียงอ้อนๆ แบบพี่ชางยอง~ หายงอนน้า~ ให้เอาสองที เงี้ย]

     

    “อิดอก กูอายอะ กูไม่กล้าแท็กขึ้นเฟสมัน กูกลัวมันอาย ฮ่าๆๆๆ”

     

    [มึงก็ส่งไปในแชทดิ]

     

    “เออว่ะ เห้ย เดี๋ยวลองดู แป๊บนึงนะ เดี๋ยวกูโทรไปใหม่” ว่าแล้วแบคฮยอนก็กดวางสายจากเพื่อนซี้แล้วรีบลุกขึ้นไปเปิดกระเป๋าตัวเองเพื่อค้นหาถุงมือแมวฟรุ๊งฟริ๊งที่หยิบติดมาจากบ้านด้วย

     

    เขาหยิบมันออกมาแล้วลองสวมเข้ากับมือก่อนจะวิ่งกลับไปบนเตียงอีกครั้ง น่าเสียดายที่แบคฮยอนไม่ได้มีที่คาดผมหูแมวมาด้วย เขาเข้าไปในแชทเฟสบุ้กแล้วกดต่อสายวิดีโอคอลหาแฟนหนุ่มทันที

     

    เสียงสัญญาณดังตู๊ดอยู่หลายทีกว่าอีกฝ่ายจะยอมกดรับ ภาพในจอสั่นไหวไปมาก่อนที่หน้าแฟนหนุ่มจะปรากฏขึ้นในจอ ชานยอลที่กำลังนอนอยู่บนเตียงยังทำหน้าบึ้งเหมือนอย่างเคย เขาซุกคางและปากลงกับคอเสื้อฮู้ดที่ตั้งขึ้นอย่างแสนงอน

     

    “..............”

     

    […………]

     

    “ทำไร”

     

    [หึ ไม่ได้ทำไร]

     

    “งั้นกวนเปล่า”

     

    [เปล่า]

     

    “ยังไม่หายโกรธอีกอ่อ” แบคฮยอนวางคางลงบนถุงมือแมวน่ารักพร้อมกับทำเสียงงุ้งงิ้งที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนัก เขาเลือกฟิลเตอร์หมวกแม่มดใส่ให้หน้าตัวเองแล้วเอียงหัวไปมาอย่างอารมณ์ดี

     

    “ไมไม่พูดอะ อุตส่าห์โทรมาง้อเนี่ย”

     

    [เปล่า...]

     

    “ฟังเพลงปะ ร้องให้ฟัง” ว่าแล้วแม่มดสาวก็ส่ายหัวพร้อมกับทำไหล่ยึกยักไปมาอย่างอารมณ์ดี แบคฮยอนกดย่อหน้าจอแล้วเข้าไปในคลังเพลงของเขาเพื่อเปิดเพลงจะแม่มดสาวน้อยที่จะประทานโชคให้กับความรักครั้งนี้

     

    [เพลงไร]

     

    “ฟังเดะ”

     

     ♩  ♩  ♩  ~♩  ~♬ ♩

     

    “โอมพลังในมนตรา โอมมาช่วยพัฒนา ให้เป็นแหม่โม๊ด~! จอมยุ่ง! ~

     

    “ดินยันดาวมนตร์บันดาล โตเท่าภูเขา หรือเล็กเท่าอมยิ้ม เธ๊อ~ ทำได้   ลูกแก้วเวทมนตร์เอามาใช้ให้มีอิทธิฤทธิ์ นี่คือชีวิต แห่งแม่มดแสนซนในวัยหวาน ~  สาวน้อยผู้มีเวทมนตร์เปี่ยมปาฏิหาริย์  ใจเธอหวานอมสีชมพู~

     

    อ้าปากร้องเพลงแม่มดน้อยโด่เรมีด้วยท่าทางสดใสพร้อมกับขยิบตาส่งไปให้คนในจออย่างน่ารัก ยังไม่ทันจะได้ร้องจบท่อนแรก แค่ท่ายักย้ายส่ายคอเล่นหูเล่นตาของแบคฮยอนกับทำนองเพลงสุดฮาก็ทำคนที่กำลังโกธรจนหน้าบึ้งถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

     

    แบคฮยอนเห็นแฟนเขาเผลอยิ้มออกมาก่อนจะฟุบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างพยายามซ่อนสีหน้าแต่มันก็ไม่พ้นสายตาที่แสนว่องไวของแม่มดน้อยกวางเรมี่

     

    “น่ะ มึงยิ้มอะ มึงขำด้วย”

     

    [อะไร ใครขำ] ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสู้กล้องอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่พอนึกถึงทำนองเพลงกับท่าหลิ่วตาของแฟนตัวเล็กเขาก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาอีก และคราวนี้แบคฮยอนก็เห็นมันเต็มตาๆ

     

    “ก็มึงขำอยู่เนี่ย อุตส่าห์ทำให้ยิ้มละอะ เนี่ยเอาแมวเหมียวมาง้อด้วย น่ารักเปล่า” ว่าแล้วก็ชูมือที่สวมถุงมือแมวเหมียวทำท่าแมวกวักใส่กล้องพร้อมกับฉีกยิ้มหวานหยดจนแม้แต่ผึ้งยังเป็นเบาหวาน แบคฮยอนเห็นแล้วว่าแฟนเขากำลังอมยิ้มถึงจะแสร้งทำหน้านิ่งก็เถอะ  “หายงอนหน่อยจ้า คิดถึงแล้ว อยากคุยด้วย ไม่หายกูวางละน้า~”

     

    [ทำไมวันนี้ไม่มานอนนี่] ชานยอลไม่ยอมตอบคำถามแต่เปลี่ยนประเด็นไปพูดเรื่องอื่นแทน เขายังพยายามตีหน้านิ่งแถมไม่ยอมสบตาเวลาคุยกันด้วย

     

    “ก็กลับบ้านมั่งสิวะ มาห่อของขวัญให้เนี่ย จะเอาไม่เอา โมโหเดี๋ยวทิ้งแม่งเลย”

     

    [มาหาปะ]

     

    “ห้ะ อะไรนะ”

     

    [มาหาไหม ไปรับ]

     

    “ไม่ต้องเลย มึงอะงอนกูแล้วก็มาทำเป็นคิดถึง ละนี่อยู่ไหนเนี่ย”

     

    [อยู่บ้าน]

     

    “ไหนเห็นอัพรูปอยู่คอนโด”

     

    [ไปแต่กลับมาแล้ว]

     

    “แล้วไมไม่นอนนู่นอะ”

     

    [นอนทำไมไม่มีคนอยู่ด้วย]

     

    “แหน๊~ เดี๋ยววันอาทิตย์ไปนอนด้วย ตกลงหายโกรธยัง”

     

    [ยัง]

     

    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของชานยอลก็ไม่ได้บึ้งตึงเหมือนตอนแรกแล้ว แบคฮยอนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เขาได้ยินเสียงเพลงดังเข้ามาในลำโพงเบาๆ ชานยอลคงจะนอนเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ ดูท่าทางแล้วเขาก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานเท่าไหร่

     

    “ยังไม่หายโกรธอีกอ่อ”

     

    [อือ]

     

    “งอนกูแล้วไปคุยกับสาวเปล่า ห้ะ เห็นเงียบๆ อะ”

     

    [ไม่ได้คุย]

     

    “แน่ใจอะ?”

     

    [อื้อ]

     

    “มองหน้ากูดิ”

     

    [ไม่ได้คุยครับ] คนตัวสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้โทรศัพท์จนเห็นแต่ลูกกะตาเต็มจอแล้วกระซิบคำพูดติดลำโพงเพื่อเป็นการยืนยันความหนักแน่นในสัจของตัวเองก่อนจะละใบหน้าออก

     

    ท่าทางประชดกึ่งอ้อนแบบเด็กๆ ของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดยิ้มไม่ได้ ถึงตอนนี้ชานยอลคงจะไม่โกรธแล้ว อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้อารมณ์ร้อนเหมือนเมื่อวาน

     

    “เมื่อวานขอโทษอะรับรู้เปล่า”

     

    [อือ... แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี]

     

    “ทำไมขี้หึงจัง”

     

    [งั้นไม่หึงดีปะ]

     

    “มึงอะ~ วันเนี้ยกูอุตส่าห์รีบกลับบ้านเลยนะ เลิกงานก็ออกมาเลย ไม่ได้คุยกับใครสักคำ” แบคฮยอนมุ่ยหน้าใส่กล้องอย่างนึกงอนที่อีกฝ่ายเอาแต่มองจอโน้ตบุ๊กจนไม่หันมามองกันเลย ไม่รู้ว่าโกรธอยู่หรือไม่ได้สนใจกันแน่ ถ้ารู้ว่ามีความสุขอยู่แบบนี้ไม่โทรมาง้อให้เสียเวลาหรอก

     

    [แน่ใจอ่อ]

     

    “ไม่เชื่อมึงก็ไปกรอกล้องที่ร้านดูเลยไป เนี่ย โทรมาหาแล้วก็ไม่อยากคุย ไม่ยอมมองหน้า เดี๋ยววางและ” เมื่อคำพูดประกาศิตถูกกล่าวออกไป คนที่เอาแต่สนใจโน้ตบุ๊กก็หันมามองจอมือถือทันที ชานยอลย้ายแลปท็อปของเขาไปวางไว้ข้างตัวก่อนจะย้ายโทรศัพท์มาถือจ่อไว้ตรงหน้า แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมพูดอะไร

     

    “เป็นไร ทำไมไม่ยอมพูด ยังโกรธอยู่อีกอ่อ”

     

    [..............]

     

    “แล้วเมื่อกี้ทำไรอยู่ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ”

     

    [ฟังเพลง แต่งเพลง]

     

    “อ๋อ แต่งเพลง... แล้วไมทำหน้างั้นอะ” แบคฮยอนได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าคนในจอยังไม่ยอมสบตาเขาเต็มๆ ชานยอลยังเอาแต่ก้มหน้าเอาคางซุกคอเสื้อฮู้ด แถมไม่ยอมพูดอะไร

     

    “ยิ้มหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหา ทำหน้ายิ้มๆ ก่อน”

     

    [...........]

     

    “เรว~ ทำหน้ายิ้มหน่อย”

     

    ชานยอลไม่ยอมพูดอะไร เขาเพียงแค่หันไปทำอะไรยุกยิกๆ อยู่ข้างตัว ไม่นานนิ้วโป้งที่ถูกวาดหน้ายิ้มลงไปก็ถูกยกขึ้นชูใส่กล้อง ชานยอลไม่ยอมยิ้มแต่เขาให้นิ้วโป้งยิ้มแทนเพื่อที่แบคฮยอนจะได้ยอมมาหา

     

    “ฮ่าๆๆๆ คิดถึงอะดิ๊”

     

    [อือ... คิดถึง]

     

    “แล้วก็มาโกรธกู ถ้าเป็นหนังนี่แค่ง้อมึงก็หมดตอนแล้วเนี่ย ขอโทษแล้วก็ดีกัน” นิ้วก้อยเล็กๆ ถูกชูขึ้นกระดิกหน้ากล้อง แบคฮยอนแสร้งทำหน้ามุ่ยก่อนจะพูดต่อ “มึงตะคอกใส่กูอะ กูเสียใจเหมือนกันนะเว้ย โทรไปก็ไม่ยอมรับ พูดด้วยก็ไม่ตอบ งอน”

     

    [อือ ผมไม่ชอบหรอก]

     

    “ไม่ชอบไร”

     

    [ก็ไม่ชอบให้โกธรกัน ขอโทษ...] สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมเอ่ยคำขอโทษออกมา และคำพูดแสนน่ารักที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสีหน้าสำนึกผิดของเจ้าแฟนเด็กก็ทำคนตัวเล็กใจอ่อนยวบ

     

    แบคฮยอนไม่โกรธชานยอลเลย เขาไม่เคยโกรธด้วยแค่เสียใจที่ตัวเองถูกเมินเฉยเท่านั้น แต่เพียงแค่อีกฝ่ายเอ่ยคำขอโทษออกมาความรู้สึกขมุกขมัวในใจก็หายวับไปจนหมด

     

    “กูเสียใจนะเว้ย แต่กูก็มาง้อมึงก่อน”

     

    [ผมโกรธอะ ผมไม่ชอบมัน ให้ผมกอดคนอื่นมั่งปะล่ะ]

     

    “งอนเป็นเด็กเลยว่ะ นี่ก็ไม่ได้คุยแล้วเนี่ย อุตส่าห์รีบกลับมาเตรียมของขวัญให้ ไว้วันอาทิตย์เจอกัน”

     

    [พรุ่งนี้ไปหาไรกินกัน]

     

    “กินไรอะ อยากกินไร เดี๋ยวเลี้ยงเลย”

     

    [ไม่รู้อะ อยากออกไปข้างนอกเฉยๆ เบื่อ ไม่อยากอยู่บ้าน]

     

    เสียงเพลงจากแลปท็อปถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ชานยอลเริ่มส่ายหัวไปมาตามทำนองเพลงเมื่อกำแพงแห่งความงอนของเขาพังลง ริมฝีปากอิ่มขยับพึมพำตามเนื้อเพลงจังหวะสนุก

     

    “อยู่บ้านมั่งเหอะ เดี๋ยวแม่เป็นเป็นห่วง อยู่ด้วยกันบ่อยๆ เดี๋ยวเบื่อเร็วนะ”

     

    [ไม่เบื่อหรอก]

     

    “แล้ววันนี้ทำไร มึงไม่ตอบข้อความกูเลย ไม่เหงาอ่อ” แบคฮยอนพลิกตัวนอนหงายแล้วถอดถุงมือแมวออกก่อนจะถลกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงหน้าอก เขาเหลือบตาไปมองกล่องของขวัญที่ยังไม่ได้ห่ออีกบางส่วนพลางลอบถอนลมหายใจออกมาด้วยความขี้เกียจ

     

    [ดูหนัง อ่านการ์ตูน ฟังเพลง]

     

    “แค่นั้นจริงอะ กูเห็นมึงไปกดไลค์รูปสาวๆ อยู่ ใช่ปะออลจังกับนางแบบที่สวยๆ อะ”

     

    [แค่กดไลค์เฉยๆ เอง มันผ่านมาหน้าฟีด]

     

    “เค๊~แล้ววันอาทิตย์ไปไหนปะ ต้องไปพบปะใครมั่ง”

     

    [ไปกินข้าวเฉยๆ แหละมั้ง แล้วก็กลับ เดี๋ยวเลิกแล้วไปรับ]

     

    “อือ เดี๋ยวเก็บของแป๊บนะ”

     

    โทรศัพท์เครื่องบางถูกวางเอาไว้บนหมอนก่อนที่คนตัวเล็กจะคลานไปเก็บของที่วางกระจัดกระจายอยู่เต็มเตียง เขาได้ยินเสียงเพลง wing wing ที่แฟนหนุ่มเปิดดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ ตอนนี้นาฬิบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว แบคฮยอนกวาดของรกๆ ไปไว้ข้างเตียงอย่างมักง่ายก่อนจะลุกขึ้นไปดับไฟแล้วกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง

     

    [จะนอนแล้วหรอ]

     

    “ยังหรอก แต่เดี๋ยวง่วงละขี้เกียจลุกขึ้นไปปิดไฟ”

     

    [ไม่ซื้อโคมไฟหัวเตียงอะ]

     

    “เออ ว่าจะซื้อก็ไม่ได้ซื้อสักทีว่ะ รอปีใหม่ก่อนเผื่อจับฉลากได้จะได้ไม่ต้องซื้อ”

     

    [ผมเอาไปให้ปะ]

     

    “อะไร โคมไฟอะนะ”

     

    [อือ]

     

    “เอามาจากไหนวะ”

     

    [ที่โกดัง มีเต็มเลยจะเอากี่อัน]

     

    “โกดังไหน โกดังเก็บของบริษัทอะนะ”

     

    [อือ โกดังใหญ่เลย]

     

    “มันเอาออกมาได้อ่อวะ มึงจะเอาออกมายังไง”

     

    [ก็หยิบออกมา]

     

    “หยิบออกมายังไง หยิบออกมาเฉยๆ อะนะ”

     

    [เออ ก็หยิบออกมาเฉยๆ]

     

    “หยิบมาเฉยๆ แบบที่มึงหยิบโทรศัพท์กูอะ?”

     

    [อือ]

     

    “บ้า แล้วของมันจะไม่หายอ่อวะ เค้าไม่เช็คอ่อ”

     

    [แล้วยังไงอะ เค้าจะจับผมอ่อ]

     

    คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับสีหน้านิ่งเฉยของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดหัวเราะไม่ได้ ชานยอลคิดแบบนี้จริงๆ หรอ เขานึกอยากจะหยิบนั่นหยิบนี่ไปใช้ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบโดยที่ไม่คำนึงถึงคนอื่นเลยจริงๆ หรอ

     

    “อ๋อ อารมณ์แบบขโมยของบ้านตัวเอง?”

     

    [เออ จริงๆ ของมันมีประกันสินค้าหายอยู่แล้ว ถึงหายไปผมก็ไม่ต้องจ่ายหรอก]

     

    “อ้าว งี้แล้วพรมที่หายไปทำไมประกันไม่จ่ายอะ ความผิดกูก็ไม่ใช่อะ”

     

    [มันไม่หายไปหรอก หรือถ้าหายขนส่งก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ]

     

    “แล้วไมกูโดนหักเงินเดือนอะ”

     

    [ทำตัวน่ารักเกินไง ข้อหาหมั่นไส้] ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เขาวางมือถือพิงไว้กับหน้าจอแลปท็อปก่อนจะขยับกายขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง

     

    “อย่างงี้ก็ได้หรอวะ”

     

    [ก็ใช้สวัสดิการแฟนไปก่อน]

     

    “มีไรมั่งสวัสดิการมึงอะ”

     

    [รถรับส่งฟรี ข้าวฟรี ที่อยู่ฟรี]

     

    “ไม่อยากได้เว้ย อยากได้เงินคืน หมั่นไส้ว่ะ”

     

    [หึๆ]

     

    “มึง กูอยากได้ตู้กดน้ำส้มที่ทำงานอะ มึงทำเรื่องให้กูหน่อยดิ กูบอกผู้จัดละเค้าก็ไม่ค่อยฟังเลยว่ะ บอกให้กูเขียนจดหมายไปบอกเอง ที่อื่นเค้ายังมีตู้กดน้ำให้ลูกค้ากินฟรีเลยอะ” แบคฮยอนมุ่ยหน้าบ่นพึมพำ เขาอยากให้บริษัทติดตู้กดน้ำส้มฟรีเหมือนร้านขายเฟอร์นิเจอร์ตึกข้างๆ บ้างเพราะมันอร่อยมากและเขาก็ชอบมากๆ ด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำหวานทุกวัน

     

    [เดี๋ยวบอกให้]

     

    “เอาโค้กด้วยนะ”

     

    เสียงพูดคุยหงุงหงิงยังคงดังไปทั่วห้องนอนแคบๆ แบคฮยอนพลิกตัวนอนตะแครงพร้อมกับหยิบหูฟังมาเสียบเข้ากับมือถือ เขาได้ยินแฟนหนุ่มร้องเพลงสลับกับส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอ บางทีก็หันมาโยกหน้าพร้อมกับแร็พใส่เวลาที่เปิดเพลงแร็พ ชานยอลดูอารมณ์ดีขึ้นเยอะ พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็อดมีความสุขตามไม่ได้

     

    รู้สึกเหมือนได้เขยิบเข้าใกล้เขาไปอีกก้าวนึง ค่อยๆ เดินผ่านกำแพงเข้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนแล้วก็ได้ค้นพบความน่ารักแบบเหนือความคาดหมายหลายอย่าง ชานยอลที่เป็นเหมือนกับฝันของแบคฮยอน...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ติ๊ด

     

    เสียงดังจากนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียงบอกชานยอลว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว เขามัวแต่นั่งทำเพลงเพลินจนลืมเวลา และไม่ทันได้รู้ว่าเสียงคนในมือถือเงียบไปแล้ว ชานยอลพับจอแม็คบุ๊กของเขาลงแล้วย้ายมันไปวางไว้บนชั้นข้างเตียงก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มาดู

     

    ภาพของคนรักที่นอนหลับตาพริ้มโชว์แพรขนตาอยู่บนหน้าจอมือถือเรียกรอยยิ้มจางๆ ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ชานยอลกดแคปหน้าจอแล้วแชร์มันขึ้น IG story ของเขาพร้อมกับข้อความบอกฝันดีโดยที่ไม่ลืมเบลอชื่ออีกฝ่ายด้วย ทันทีที่การอัพโหลดเสร็จสิ้นไฟหัวเตียงก็ถูกดับลง

     

    วันนี้ชานยอลสามารถหลับได้อย่างสบายใจอีกวันเพราะแบคฮยอน...

     





    แถม

     


      Chn10e IG story 

     





    #ฟิคกวาง


    พักยกง้อพระเอกก่อยจ้า เดี๋ยวไม่ยอมไปเล่นตอนหน้า เจอกันพรุ่งนี้อีกตอน ลงสามตอนติดไปเล๊ย อย่าลืมแชร์ฟามรู้สึกกันที่ #ฟิคกวาง อย่าลืมนะคะ ขอบคุณที่อ่านและเอ็นจอยรีดดิ้งเหมือนเดิม :D โจ๊ะๆๆๆๆ
    ปล. อย่าลืม #ฟิคกวาง
    ปปล. Next chapter happy bithday to chanyeol



    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×