คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Chapter : 30 อย่างอนนาน
ภายในรถยนต์ที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่แสนน่าอึดอัด
แบคฮยอนได้แต่นั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มไม่ยอมพูดอะไรด้วยเลยสักคำตั้งแต่ขึ้นรถมา
ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เขาก็ไม่กล้าเป็นฝ่ายปริปากเอ่ยประเด็นก่อน
ดวงตาเรียวรีเหลือบมองคนข้างตัวหลายครั้ง ในขณะที่วิวรอบข้างเปลี่ยนไปความเงียบก็ยังคงเดิม
“หิวข้าวปะ กินไรมายัง”
“.............”
“ถึงห้องแล้วกินข้าวไหม”
“.............”
โอเค
แบคฮยอนรู้แล้วว่าตอนนี้เขากำลังถูกชานยอลโกรธ แล้วก็ดูท่าทางจะโกรธมากด้วย
สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนและแบคฮยอนก็รู้ตัวว่าไม่ควรรบเร้าเพราะมันอาจจะทำให้เขาถูกระเบิดตู้มใส่อย่างแรง
เอาไว้ชานยอลใจเย็นกว่านี้ก่อนค่อยคุยกันก็ไม่เป็นไร
แบคฮยอนไม่ปฏิเสธว่าเขาทำตัวไม่เหมาะสมเพราะไม่คิดว่าแฟนหนุ่มจะมาเห็น
แล้วที่ยอมให้เซฮุนถึงเนื้อถึงตัวเพราะไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร แบคฮยอนไม่ใช่ผู้หญิง
และเขาก็อยากจะสนิทกับเซฮุนให้มากกว่านี้เผื่อว่าจะได้รู้เรื่องอื่นๆ ของชานยอลบ้าง
“ชานยอล...”
“..............”
“ชานยอล...”
“อย่ากวนได้ปะ ขับรถอะ”
คำพูดและสีหน้าที่แสนเย็นชาทำคนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแห้งแล้วหันไปมองนอกหน้าต่างแทน
สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบกลืนกินบรรยากาศในรถจนกว่าจะขับไปถึงที่คอนโด...
ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีจากถนมริมแม่น้ำสู่คอนโดใจกลางเมือง
แบคฮยอนเดินตามหลังแฟนหนุ่มเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ
จนถึงตอนนี้ชานยอลก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรซักคำ เขาเปิดไฟ คว้ารีโมทมาเปิดแอร์แล้วโยนกระเป๋าลงบนโซฟาดังตุ้บ!
แบคฮยอนคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าชานยอลพูดอะไรออกมาบ้าง
เขาจะโมโหก็ได้ ใส่อารมณ์ก็ได้ แต่แค่พูดอะไรออกมาสักคำ
ความอึดอัดเป็นสิ่งที่แบคฮยอนไม่คุ้นเคยและไม่เคยชอบ
เขาวิ่งไปจับกระเป๋าของแฟนหนุ่มที่ถูกโยนและทำท่าจะล้มกลิ้งลงจากโซฟาก่อนจะเอ่ยออกมา
“ชานยอล...”
“..............”
“มึงโกธรกูใช่ปะ”
“...............” ไม่มีคำตอบใดจากปากคนตัวสูง ชานยอลเพียงแค่เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเอาน้ำเปล่าออกมาดื่มหวังให้มันช่วยดับอารมณ์ที่กำลังร้อนระอุ
ตอนนี้เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นเพราะกลัวว่าถ้าได้พูดสักคำแล้วจะเผลอระเบิดอารมณ์ออกมาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
“มึงพูดกับกูดิวะ ถ้ามึงโกรธกูจะได้ขอโทษ”
“..............”
“ที่รักอย่าทำแบบนี้”
“ทำไมผมต้องโกรธด้วย”
“ก็มึงโกรธกูอยู่เนี่ย กูก็เห็นอยู่ กูขอโทษ
หันมาคุยกัน” พูดออกไปเสียงอ่อยก่อนจะก็เอื้อมมือไปจับบ่าคนตรงหน้าหวังให้เขาหันมามอง
แต่ก็กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหนีแถมยังทำเป็นไม่สนใจเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่แบคฮยอนกำลังพูดเลย
“กูขอโทษ...”
“ขอโทษเรื่องไร”
“ก็เรื่องที่ตลาดไง มึงไม่ชอบเซฮุนใช่ปะล่ะ มึงไม่ชอบให้กูสนิทกับมัน”
“รู้แล้วทำไมยังทำอะ” ถึงชานยอลจะยอมพูดออกมาแต่คำพูดนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายแบคฮยอนไปมากกว่าความเงียบเลย
ทั้งน้ำเสียง สีหน้าและแววตาของเขานิ่งสนิทจนดูน่ากลัว และแบคฮยอนก็รู้ว่าคราวนี้ชานยอลไม่ได้แกล้งทำเป็นงอน
เขาโกรธจริงๆ แล้วก็โกรธมากๆ ด้วย
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ...”
“ถ้าผมไม่เห็นก็คือไม่รู้ใช่ปะ”
“ไม่ใช่...”
“ทำไมต้องไปสนิทกับมันวะ! ผมบอกแล้วอะว่าผมไม่ชอบ
ทำไมต้องให้มันกอดด้วย คิดว่าไม่เห็นก็ไม่เป็นไรอ่อ!”
“มึง...”
“ผมหึงเป็นนะเว้ย!” พอได้พูดก็เผลอใส่อารมณ์กระแทกเสียงออกไปจนคนตัวเล็กถึงกับผงะ
เมื่อชานยอลรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเขาก็ตัดสินใจหันหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เรื่องทะเลาะกันมันบานปลายไปมากกว่านี้
คนอารมณ์ร้อนวางขวดน้ำลงแล้วหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปทันที
ปล่อยให้แฟนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่คนเดียว
แบคฮยอนได้แต่ยืนมองดูแผ่นหลังของคนรักเดินหายลับไปจนกระทั่งเสียงปิดประตูดังขึ้น
เขาถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกผิด
แบคฮยอนรู้ดีว่าเขาอ้างไม่ได้ว่าไม่คิดอะไร
เพราะถ้าชานยอลทำแบบนั้นกับโคลอี้หรือคนอื่นแบคฮยอนเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
สุดท้ายก็ได้แต่ต้องนั่งสำนึกผิดและทบทวนตัวเอง แบคฮยอนยอมรับว่าเขาเองที่หละหลวมและปล่อยเนื้อปล่อยตัว ที่จริงถ้าเป็นพี่โจควอนหรือคนอื่นชานยอลก็คงจะไม่โมโหขนาดนี้ ทำไมต้องเป็นเซฮุนทุกที เซฮุนกับชานยอล ชานยอลกับเซฮุน ทำไมผัวกับเพื่อนต้องไม่ถูกกัน
“เฮ้อ...”
สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ก่อนจะทิ้งก้นนั่งลงบนโซฟา ทั้งๆ ที่อุตส่าห์คิดว่าจะได้กลับมาดูหนังด้วยกันแท้ๆ
แบบนี้ไม่ดีเลย...
.
.
.
Bhxx0506 : ทำรายย
Bhxx0506 : กินข้าวยัง
Bhxx0506 : ส่งรูปภาพ
Chn10e : กำลังกิน
Bhxx0506 : อร่อยเปล่า
Bhxx0506 : เงียบ สงสัยไม่หร่อย
Bhxx0506 : หายโกธรยัง
Bhxx0506 : ไปทำงานละ
Bhxx0506 : เดี๋ยวมาง้อใหม่
“เจ๊ หนูกลับละนะ ไปและ”
เวลาหนึ่งทุ่มเศษที่หน้าประตูศูนย์การค้าแบคฮยอนโบกมือให้กับรองผู้จัดการของเขาก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปทันที
วันนี้แบคฮยอนออกงานตรงเวลาเป๊ะเพื่อจะรีบชิ่งกลับบ้านโดยที่ไม่ให้เซฮุนรู้ตัวจะได้ไม่ต้องเจอกันเพราะว่าตัวเขากำลังติดเคอร์ฟิวขั้นหนัก
แบคฮยอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจว่าจะกดเบอร์โทรหาแฟนหนุ่มแต่ก็คิดได้ว่าตัวเองกำลังถูกงอนอยู่
อีกอย่างวันนี้แบคฮยอนต้องกลับไปทำของขวัญต่อที่บ้านให้เสร็จเพื่อที่จะได้ทันวันจันทร์
คนตัวเล็กตัดสินใจเปลี่ยนจากการโทรเป็นการส่งข้อความไปบอกคนรักแทนว่าวันนี้จะกลับบ้าน
และยังไม่ทันที่จะได้ล็อคจอมือถือคนที่เอาแต่เงียบมาตลอดทั้งวันก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วรากับว่าเขากำลังรอข้อความนั้นอยู่
และถึงแม้มันจะเป็นแค่ข้อความสั้นๆ แต่ก็ทำแบคฮยอนอดขำปนน้อยใจไม่ได้
Bhxx0506 : วันนี้กลับบ้านนะ
ไม่ต้องมารับ กลับไปทำธุระก่อน <3
Chn10e : อือ
โทรศัพท์เครื่องบางถูกเก็บลงกระเป๋าแบคฮยอนรีบย่ำเท้าเพื่อที่จะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าให้ทัน
ถึงจะยังเสียใจอยู่นิดๆ ที่ถูกเมินใส่แต่ก็ไม่อยากเก็บมาคิดมาก เขาจะง้อชานยอลก่อนก็แล้วกัน
แล้วค่อยให้เขาง้อกลับเอาทีหลัง จะได้เจ๊ากัน
เท้าเล็กๆ ย่ำเดินไปตามทางที่ชุกไปด้วยผู้คน
มือบางบีบกระชับสายกระเป๋าแน่น ในขณะที่กำลังเดินไปสายตาก็ดันเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่วางขายอยู่บนโต๊ะเล็กๆ
แบคฮยอนเดินตรงปรี่เข้าไปหาคุณลุงที่นั่งขายของอยู่ทันที
เขามองเรือของเล่นลำใหญ่ที่วางโชว์อยู่ก่อนจะยิ้มออกมา
นี่แหละของขวัญที่ตามหามานาน
ของที่แบคฮยอนคิดว่าเหมาะสมกับชานยอลที่สุดแล้ว...
.
.
.
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน
เวลาสี่ทุ่มเศษ ภายในห้องเช่าแสนแคบ แบคฮยอนมองดูตุ๊กตาปั้นดิน jack skellington ตัวจิ๋วของเขาพลางส่งเสียงหัวเราะออกมา
ตอนนี้บนเตียงนอนสีฟ้ารกไปด้วยอุปกรณ์ทำงาน
DIY ต่างๆ
ทั้งเศษกระดาษและกรรไกร ไดอารี่แสนขี้เหร่ถูกวางเอาไว้ข้างกล่องของขวัญที่ยังไม่ได้ถูกห่อ
ตอนนี้แบคฮยอนมีเสื้อฮู้ดราคาหลักพันหนึ่งตัว กับของเล่นเลโก้อีกหนึ่งกล่องใหญ่ และตุ๊กตาแจ็คตัวจิ๋วขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ
ถึงมันจะดูไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่แต่ก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับแบคฮยอนเพราะทำออกมาได้ดีเกินคาด
“มึงว่ามันน่ารักปะวะ”
ตุ๊กตาดินปั้นถูกยื่นไปหน้ามือถือที่กำลังเปิดหน้าวิดีโอคอลอยู่
แบคฮยอนเห็นเพื่อนเขาขมวดคิ้วทำหน้านิ่วอย่างกับเห็นตัวประหลาด
[ตัวเหี้ยไรวะ]
“อีดอก~ กูบอกว่าแจ๊ค มึงอะ
กูอุตส่าห์ตั้งใจทำ”
[เออ ก็น่ารักดีนะ]
“ใช่ปะ”
[แล้วอีเจ้าของวันเกิดไปไหนอะ วันนี้มันไม่มานอนกับมึงไง๊]
“มันงอนกู มันไม่ยอมคุยด้วย ตอนเนี้ยมันก็ยังไม่โทรมาหากูสักสายเลย”
แบคฮยอนว่าพลางหมอบตัวลงนอนหน้ากล้องแล้วหยิบเอาไดอารี่ซื่อสัตย์ของเขามาตรวจเช็คสภาพ
กระดาษภายในยังคงว่างเปล่าเพราะสมุดเล่มนี้ยังไม่มีเจ้าของ
จนถึงวินาทีสุดท้ายแบคฮยอนก็ยังลังเลว่าเขาจะให้สมุดกับชานยอลดีไหม
พอเอาไปวางคู่กับเสื้อแล้วมันดูไม่มีราคาไปเลยถึงจะบอกว่าทำด้วยใจ ให้ด้วยใจก็เถอะ
[แล้วมึงไม่โทรหามันอะ]
“โอ้ย~ กูไม่รู้จะง้อมันยังไงและ
โทรไปก็ไม่พูด ถามคำตอบคำ แล้วมึงดูมันอัพไอจีประชดกู” แบคฮยอนหยิบเอามือถือมากดย่อหน้าวิดีโอคอลแล้วเข้าไปใน
instagram เพื่อแคปภาพ
IG story ของแฟนหนุ่มส่งให้เพื่อนสนิทดูในแชท
ชานยอลอัพรูปหน้าจอมดำมืดพร้อมกับแคปชั่นมีเลศนัยแบบนี้มาตั้งแต่บ่าย
และเมื่อชั่วโมงก่อนเขาก็ถ่ายภาพวิวจากผนังกระจกห้องคอนโดพร้อมกับแคปชั่น Lonely ต่อมาก็เป็นรูปที่ถ่ายจากหนังสือการ์ตูนวันพีชในหน้าที่เอชกำลังนั่งหันหลังมองทะเลด้วยท่าทีเหงาหงอย
แบคฮยอนเดาเอาว่าชานยอลคงนอนเหงาอยู่ที่คอนโด
เขาอ่านการ์ตูน เล่นโทรศัพท์แต่ก็คงไม่ช่วยอะไรมา ไม่รู้ป่านนี้จะนอนคุยกับสาวๆ
ที่ทักเข้ามาถามไถ่อาการใจจนลืมความเศร้าไปแล้วหรือเปล่า
[โคตรเรียกร้องความสนใจ]
“อย่างเงี้ยแหละ แล้วพอกูโทรไปก็ตึงใส่กู”
คนตัวเล็กส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจกดตอบ IG story ที่เป็นรูปการ์ตูนวันพีชไป
[มึงก็ปล่อยให้มันงอนไป]
“วันนี้กูซื้อของมาให้มันด้วยแหละ กูว่ามันน่าจะชอบ”
[ซื้อไรมาอีกวะ]
“ของเล่นวันพีช
เป็นเลโก้ต่อเรือตัวเล็กๆ อะ กูเจอที่ตลาดตอนจะกลับบ้านพอดี”
[มันชอบอ่อ]
“เออ มันชอบวันพีช
กูว่ามันปัญญาอ่อนดี มันน่าจะชอบ ฟิกเกอร์คงมีครบทุกตัวแล้วแหละ
แต่มันอะไม่หายงอนกูสักที”
[มึงลองใช้แผนแมวดิ แบบที่มึงเคยทำอะ]
“ฮ่าๆๆๆๆ อิดอก กูเอามาด้วยนะเว้ย
อยู่ในกระเป๋ากูอะ”
แบคฮยอนถึงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำว่าแผนแมวที่เขาเคยใช้ง้อแฟนเก่า
มันคือการแต่งตัวยั่วเยใส่ถุงมือแมวและหูแมวไปงุ้งงิ้งอยู่หน้ากล้อง
พออัดเสร็จก็อัพขึ้นเฟสฯแท็กแฟนหนุ่มไป พอคิดไปถึงตอนนั้นทีไรก็ยังฮาไม่หายทุกที
ไม่รู้ตัวเองทำไปได้ยังไง แต่ถามว่าได้ผลไหมก็เกินคาด
[มันอาจจะได้ผลนะเว้ย มึงลองดู
ทำเสียงอ้อนๆ แบบพี่ชางยอง~ หายงอนน้า~ ให้เอาสองที เงี้ย]
“อิดอก กูอายอะ
กูไม่กล้าแท็กขึ้นเฟสมัน กูกลัวมันอาย ฮ่าๆๆๆ”
[มึงก็ส่งไปในแชทดิ]
“เออว่ะ เห้ย เดี๋ยวลองดู แป๊บนึงนะ
เดี๋ยวกูโทรไปใหม่” ว่าแล้วแบคฮยอนก็กดวางสายจากเพื่อนซี้แล้วรีบลุกขึ้นไปเปิดกระเป๋าตัวเองเพื่อค้นหาถุงมือแมวฟรุ๊งฟริ๊งที่หยิบติดมาจากบ้านด้วย
เขาหยิบมันออกมาแล้วลองสวมเข้ากับมือก่อนจะวิ่งกลับไปบนเตียงอีกครั้ง
น่าเสียดายที่แบคฮยอนไม่ได้มีที่คาดผมหูแมวมาด้วย เขาเข้าไปในแชทเฟสบุ้กแล้วกดต่อสายวิดีโอคอลหาแฟนหนุ่มทันที
เสียงสัญญาณดังตู๊ดอยู่หลายทีกว่าอีกฝ่ายจะยอมกดรับ
ภาพในจอสั่นไหวไปมาก่อนที่หน้าแฟนหนุ่มจะปรากฏขึ้นในจอ ชานยอลที่กำลังนอนอยู่บนเตียงยังทำหน้าบึ้งเหมือนอย่างเคย
เขาซุกคางและปากลงกับคอเสื้อฮู้ดที่ตั้งขึ้นอย่างแสนงอน
“..............”
[…………]
“ทำไร”
[หึ ไม่ได้ทำไร]
“งั้นกวนเปล่า”
[เปล่า]
“ยังไม่หายโกรธอีกอ่อ”
แบคฮยอนวางคางลงบนถุงมือแมวน่ารักพร้อมกับทำเสียงงุ้งงิ้งที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนัก
เขาเลือกฟิลเตอร์หมวกแม่มดใส่ให้หน้าตัวเองแล้วเอียงหัวไปมาอย่างอารมณ์ดี
“ไมไม่พูดอะ อุตส่าห์โทรมาง้อเนี่ย”
[เปล่า...]
“ฟังเพลงปะ ร้องให้ฟัง” ว่าแล้วแม่มดสาวก็ส่ายหัวพร้อมกับทำไหล่ยึกยักไปมาอย่างอารมณ์ดี
แบคฮยอนกดย่อหน้าจอแล้วเข้าไปในคลังเพลงของเขาเพื่อเปิดเพลงจะแม่มดสาวน้อยที่จะประทานโชคให้กับความรักครั้งนี้
[เพลงไร]
“ฟังเดะ”
♬ ♩ ♬ ♩ ♬ ♩ ♬ ~♩ ♬
“โอมพลังในมนตรา โอมมาช่วยพัฒนา ให้เป็นแหม่โม๊ด~! จอมยุ่ง! ♬ ~ ”
“ดินยันดาวมนตร์บันดาล โตเท่าภูเขา หรือเล็กเท่าอมยิ้ม เธ๊อ~ ทำได้ ♬ ลูกแก้วเวทมนตร์เอามาใช้ให้มีอิทธิฤทธิ์ นี่คือชีวิต แห่งแม่มดแสนซนในวัยหวาน ♬ ~♬ สาวน้อยผู้มีเวทมนตร์เปี่ยมปาฏิหาริย์ ♬ ใจเธอหวานอมสีชมพู~♩”
อ้าปากร้องเพลงแม่มดน้อยโด่เรมีด้วยท่าทางสดใสพร้อมกับขยิบตาส่งไปให้คนในจออย่างน่ารัก ยังไม่ทันจะได้ร้องจบท่อนแรก แค่ท่ายักย้ายส่ายคอเล่นหูเล่นตาของแบคฮยอนกับทำนองเพลงสุดฮาก็ทำคนที่กำลังโกธรจนหน้าบึ้งถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
แบคฮยอนเห็นแฟนเขาเผลอยิ้มออกมาก่อนจะฟุบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างพยายามซ่อนสีหน้าแต่มันก็ไม่พ้นสายตาที่แสนว่องไวของแม่มดน้อยกวางเรมี่
“น่ะ มึงยิ้มอะ มึงขำด้วย”
[อะไร ใครขำ] ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสู้กล้องอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่พอนึกถึงทำนองเพลงกับท่าหลิ่วตาของแฟนตัวเล็กเขาก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาอีก
และคราวนี้แบคฮยอนก็เห็นมันเต็มตาๆ
“ก็มึงขำอยู่เนี่ย
อุตส่าห์ทำให้ยิ้มละอะ เนี่ยเอาแมวเหมียวมาง้อด้วย น่ารักเปล่า” ว่าแล้วก็ชูมือที่สวมถุงมือแมวเหมียวทำท่าแมวกวักใส่กล้องพร้อมกับฉีกยิ้มหวานหยดจนแม้แต่ผึ้งยังเป็นเบาหวาน
แบคฮยอนเห็นแล้วว่าแฟนเขากำลังอมยิ้มถึงจะแสร้งทำหน้านิ่งก็เถอะ “หายงอนหน่อยจ้า คิดถึงแล้ว อยากคุยด้วย
ไม่หายกูวางละน้า~”
[ทำไมวันนี้ไม่มานอนนี่] ชานยอลไม่ยอมตอบคำถามแต่เปลี่ยนประเด็นไปพูดเรื่องอื่นแทน
เขายังพยายามตีหน้านิ่งแถมไม่ยอมสบตาเวลาคุยกันด้วย
“ก็กลับบ้านมั่งสิวะ
มาห่อของขวัญให้เนี่ย จะเอาไม่เอา โมโหเดี๋ยวทิ้งแม่งเลย”
[มาหาปะ]
“ห้ะ อะไรนะ”
[มาหาไหม ไปรับ]
“ไม่ต้องเลย มึงอะงอนกูแล้วก็มาทำเป็นคิดถึง
ละนี่อยู่ไหนเนี่ย”
[อยู่บ้าน]
“ไหนเห็นอัพรูปอยู่คอนโด”
[ไปแต่กลับมาแล้ว]
“แล้วไมไม่นอนนู่นอะ”
[นอนทำไมไม่มีคนอยู่ด้วย]
“แหน๊~ เดี๋ยววันอาทิตย์ไปนอนด้วย
ตกลงหายโกรธยัง”
[ยัง]
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของชานยอลก็ไม่ได้บึ้งตึงเหมือนตอนแรกแล้ว แบคฮยอนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เขาได้ยินเสียงเพลงดังเข้ามาในลำโพงเบาๆ
ชานยอลคงจะนอนเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ ดูท่าทางแล้วเขาก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานเท่าไหร่
“ยังไม่หายโกรธอีกอ่อ”
[อือ]
“งอนกูแล้วไปคุยกับสาวเปล่า ห้ะ เห็นเงียบๆ
อะ”
[ไม่ได้คุย]
“แน่ใจอะ?”
[อื้อ]
“มองหน้ากูดิ”
[ไม่ได้คุยครับ] คนตัวสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้โทรศัพท์จนเห็นแต่ลูกกะตาเต็มจอแล้วกระซิบคำพูดติดลำโพงเพื่อเป็นการยืนยันความหนักแน่นในสัจของตัวเองก่อนจะละใบหน้าออก
ท่าทางประชดกึ่งอ้อนแบบเด็กๆ
ของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดยิ้มไม่ได้ ถึงตอนนี้ชานยอลคงจะไม่โกรธแล้ว
อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้อารมณ์ร้อนเหมือนเมื่อวาน
“เมื่อวานขอโทษอะรับรู้เปล่า”
[อือ... แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี]
“ทำไมขี้หึงจัง”
[งั้นไม่หึงดีปะ]
“มึงอะ~
วันเนี้ยกูอุตส่าห์รีบกลับบ้านเลยนะ เลิกงานก็ออกมาเลย ไม่ได้คุยกับใครสักคำ”
แบคฮยอนมุ่ยหน้าใส่กล้องอย่างนึกงอนที่อีกฝ่ายเอาแต่มองจอโน้ตบุ๊กจนไม่หันมามองกันเลย
ไม่รู้ว่าโกรธอยู่หรือไม่ได้สนใจกันแน่
ถ้ารู้ว่ามีความสุขอยู่แบบนี้ไม่โทรมาง้อให้เสียเวลาหรอก
[แน่ใจอ่อ]
“ไม่เชื่อมึงก็ไปกรอกล้องที่ร้านดูเลยไป
เนี่ย โทรมาหาแล้วก็ไม่อยากคุย ไม่ยอมมองหน้า เดี๋ยววางและ” เมื่อคำพูดประกาศิตถูกกล่าวออกไป
คนที่เอาแต่สนใจโน้ตบุ๊กก็หันมามองจอมือถือทันที ชานยอลย้ายแลปท็อปของเขาไปวางไว้ข้างตัวก่อนจะย้ายโทรศัพท์มาถือจ่อไว้ตรงหน้า
แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมพูดอะไร
“เป็นไร ทำไมไม่ยอมพูด
ยังโกรธอยู่อีกอ่อ”
[..............]
“แล้วเมื่อกี้ทำไรอยู่
ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ”
[ฟังเพลง แต่งเพลง]
“อ๋อ แต่งเพลง... แล้วไมทำหน้างั้นอะ”
แบคฮยอนได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าคนในจอยังไม่ยอมสบตาเขาเต็มๆ ชานยอลยังเอาแต่ก้มหน้าเอาคางซุกคอเสื้อฮู้ด
แถมไม่ยอมพูดอะไร
“ยิ้มหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหา ทำหน้ายิ้มๆ
ก่อน”
[...........]
“เรว~ ทำหน้ายิ้มหน่อย”
ชานยอลไม่ยอมพูดอะไร เขาเพียงแค่หันไปทำอะไรยุกยิกๆ
อยู่ข้างตัว ไม่นานนิ้วโป้งที่ถูกวาดหน้ายิ้มลงไปก็ถูกยกขึ้นชูใส่กล้อง
ชานยอลไม่ยอมยิ้มแต่เขาให้นิ้วโป้งยิ้มแทนเพื่อที่แบคฮยอนจะได้ยอมมาหา
“ฮ่าๆๆๆ คิดถึงอะดิ๊”
[อือ... คิดถึง]
“แล้วก็มาโกรธกู ถ้าเป็นหนังนี่แค่ง้อมึงก็หมดตอนแล้วเนี่ย
ขอโทษแล้วก็ดีกัน” นิ้วก้อยเล็กๆ ถูกชูขึ้นกระดิกหน้ากล้อง แบคฮยอนแสร้งทำหน้ามุ่ยก่อนจะพูดต่อ “มึงตะคอกใส่กูอะ
กูเสียใจเหมือนกันนะเว้ย โทรไปก็ไม่ยอมรับ พูดด้วยก็ไม่ตอบ งอน”
[อือ ผมไม่ชอบหรอก]
“ไม่ชอบไร”
[ก็ไม่ชอบให้โกธรกัน ขอโทษ...]
สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมเอ่ยคำขอโทษออกมา และคำพูดแสนน่ารักที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสีหน้าสำนึกผิดของเจ้าแฟนเด็กก็ทำคนตัวเล็กใจอ่อนยวบ
แบคฮยอนไม่โกรธชานยอลเลย
เขาไม่เคยโกรธด้วยแค่เสียใจที่ตัวเองถูกเมินเฉยเท่านั้น แต่เพียงแค่อีกฝ่ายเอ่ยคำขอโทษออกมาความรู้สึกขมุกขมัวในใจก็หายวับไปจนหมด
“กูเสียใจนะเว้ย
แต่กูก็มาง้อมึงก่อน”
[ผมโกรธอะ ผมไม่ชอบมัน
ให้ผมกอดคนอื่นมั่งปะล่ะ]
“งอนเป็นเด็กเลยว่ะ
นี่ก็ไม่ได้คุยแล้วเนี่ย อุตส่าห์รีบกลับมาเตรียมของขวัญให้ ไว้วันอาทิตย์เจอกัน”
[พรุ่งนี้ไปหาไรกินกัน]
“กินไรอะ อยากกินไร
เดี๋ยวเลี้ยงเลย”
[ไม่รู้อะ อยากออกไปข้างนอกเฉยๆ เบื่อ
ไม่อยากอยู่บ้าน]
เสียงเพลงจากแลปท็อปถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง
ชานยอลเริ่มส่ายหัวไปมาตามทำนองเพลงเมื่อกำแพงแห่งความงอนของเขาพังลง ริมฝีปากอิ่มขยับพึมพำตามเนื้อเพลงจังหวะสนุก
“อยู่บ้านมั่งเหอะ เดี๋ยวแม่เป็นเป็นห่วง
อยู่ด้วยกันบ่อยๆ เดี๋ยวเบื่อเร็วนะ”
[ไม่เบื่อหรอก]
“แล้ววันนี้ทำไร มึงไม่ตอบข้อความกูเลย
ไม่เหงาอ่อ”
แบคฮยอนพลิกตัวนอนหงายแล้วถอดถุงมือแมวออกก่อนจะถลกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงหน้าอก เขาเหลือบตาไปมองกล่องของขวัญที่ยังไม่ได้ห่ออีกบางส่วนพลางลอบถอนลมหายใจออกมาด้วยความขี้เกียจ
[ดูหนัง อ่านการ์ตูน ฟังเพลง]
“แค่นั้นจริงอะ กูเห็นมึงไปกดไลค์รูปสาวๆ อยู่
ใช่ปะออลจังกับนางแบบที่สวยๆ อะ”
[แค่กดไลค์เฉยๆ เอง มันผ่านมาหน้าฟีด]
“เค๊~แล้ววันอาทิตย์ไปไหนปะ ต้องไปพบปะใครมั่ง”
[ไปกินข้าวเฉยๆ แหละมั้ง แล้วก็กลับ
เดี๋ยวเลิกแล้วไปรับ]
“อือ เดี๋ยวเก็บของแป๊บนะ”
โทรศัพท์เครื่องบางถูกวางเอาไว้บนหมอนก่อนที่คนตัวเล็กจะคลานไปเก็บของที่วางกระจัดกระจายอยู่เต็มเตียง
เขาได้ยินเสียงเพลง wing wing ที่แฟนหนุ่มเปิดดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์
ตอนนี้นาฬิบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว แบคฮยอนกวาดของรกๆ ไปไว้ข้างเตียงอย่างมักง่ายก่อนจะลุกขึ้นไปดับไฟแล้วกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง
[จะนอนแล้วหรอ]
“ยังหรอก แต่เดี๋ยวง่วงละขี้เกียจลุกขึ้นไปปิดไฟ”
[ไม่ซื้อโคมไฟหัวเตียงอะ]
“เออ ว่าจะซื้อก็ไม่ได้ซื้อสักทีว่ะ รอปีใหม่ก่อนเผื่อจับฉลากได้จะได้ไม่ต้องซื้อ”
[ผมเอาไปให้ปะ]
“อะไร โคมไฟอะนะ”
[อือ]
“เอามาจากไหนวะ”
[ที่โกดัง มีเต็มเลยจะเอากี่อัน]
“โกดังไหน โกดังเก็บของบริษัทอะนะ”
[อือ โกดังใหญ่เลย]
“มันเอาออกมาได้อ่อวะ มึงจะเอาออกมายังไง”
[ก็หยิบออกมา]
“หยิบออกมายังไง หยิบออกมาเฉยๆ อะนะ”
[เออ ก็หยิบออกมาเฉยๆ]
“หยิบมาเฉยๆ แบบที่มึงหยิบโทรศัพท์กูอะ?”
[อือ]
“บ้า แล้วของมันจะไม่หายอ่อวะ เค้าไม่เช็คอ่อ”
[แล้วยังไงอะ เค้าจะจับผมอ่อ]
คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับสีหน้านิ่งเฉยของแฟนหนุ่มทำแบคฮยอนอดหัวเราะไม่ได้
ชานยอลคิดแบบนี้จริงๆ หรอ เขานึกอยากจะหยิบนั่นหยิบนี่ไปใช้ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบโดยที่ไม่คำนึงถึงคนอื่นเลยจริงๆ
หรอ
“อ๋อ อารมณ์แบบขโมยของบ้านตัวเอง?”
[เออ จริงๆ
ของมันมีประกันสินค้าหายอยู่แล้ว ถึงหายไปผมก็ไม่ต้องจ่ายหรอก]
“อ้าว งี้แล้วพรมที่หายไปทำไมประกันไม่จ่ายอะ
ความผิดกูก็ไม่ใช่อะ”
[มันไม่หายไปหรอก หรือถ้าหายขนส่งก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ]
“แล้วไมกูโดนหักเงินเดือนอะ”
[ทำตัวน่ารักเกินไง ข้อหาหมั่นไส้]
ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาวางมือถือพิงไว้กับหน้าจอแลปท็อปก่อนจะขยับกายขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง
“อย่างงี้ก็ได้หรอวะ”
[ก็ใช้สวัสดิการแฟนไปก่อน]
“มีไรมั่งสวัสดิการมึงอะ”
[รถรับส่งฟรี ข้าวฟรี ที่อยู่ฟรี]
“ไม่อยากได้เว้ย อยากได้เงินคืน หมั่นไส้ว่ะ”
[หึๆ]
“มึง กูอยากได้ตู้กดน้ำส้มที่ทำงานอะ มึงทำเรื่องให้กูหน่อยดิ
กูบอกผู้จัดละเค้าก็ไม่ค่อยฟังเลยว่ะ บอกให้กูเขียนจดหมายไปบอกเอง
ที่อื่นเค้ายังมีตู้กดน้ำให้ลูกค้ากินฟรีเลยอะ” แบคฮยอนมุ่ยหน้าบ่นพึมพำ เขาอยากให้บริษัทติดตู้กดน้ำส้มฟรีเหมือนร้านขายเฟอร์นิเจอร์ตึกข้างๆ
บ้างเพราะมันอร่อยมากและเขาก็ชอบมากๆ ด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำหวานทุกวัน
[เดี๋ยวบอกให้]
“เอาโค้กด้วยนะ”
เสียงพูดคุยหงุงหงิงยังคงดังไปทั่วห้องนอนแคบๆ แบคฮยอนพลิกตัวนอนตะแครงพร้อมกับหยิบหูฟังมาเสียบเข้ากับมือถือ เขาได้ยินแฟนหนุ่มร้องเพลงสลับกับส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอ บางทีก็หันมาโยกหน้าพร้อมกับแร็พใส่เวลาที่เปิดเพลงแร็พ
ชานยอลดูอารมณ์ดีขึ้นเยอะ พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็อดมีความสุขตามไม่ได้
รู้สึกเหมือนได้เขยิบเข้าใกล้เขาไปอีกก้าวนึง
ค่อยๆ เดินผ่านกำแพงเข้าไปเรื่อยๆ
อย่างไม่รีบร้อนแล้วก็ได้ค้นพบความน่ารักแบบเหนือความคาดหมายหลายอย่าง
ชานยอลที่เป็นเหมือนกับฝันของแบคฮยอน...
.
.
.
ติ๊ด
เสียงดังจากนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียงบอกชานยอลว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว
เขามัวแต่นั่งทำเพลงเพลินจนลืมเวลา และไม่ทันได้รู้ว่าเสียงคนในมือถือเงียบไปแล้ว ชานยอลพับจอแม็คบุ๊กของเขาลงแล้วย้ายมันไปวางไว้บนชั้นข้างเตียงก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มาดู
ภาพของคนรักที่นอนหลับตาพริ้มโชว์แพรขนตาอยู่บนหน้าจอมือถือเรียกรอยยิ้มจางๆ
ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ชานยอลกดแคปหน้าจอแล้วแชร์มันขึ้น IG story ของเขาพร้อมกับข้อความบอกฝันดีโดยที่ไม่ลืมเบลอชื่ออีกฝ่ายด้วย ทันทีที่การอัพโหลดเสร็จสิ้นไฟหัวเตียงก็ถูกดับลง
วันนี้ชานยอลสามารถหลับได้อย่างสบายใจอีกวันเพราะแบคฮยอน...
แถม
Chn10e IG story ❤
ความคิดเห็น