ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอนพิเศษ : Happy bithday chn10e

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.65K
      445
      19 ส.ค. 64

     

     

     

     

    ติ๊ด...

     

    เวลาตีสองเศษๆ เสียงปลดคีย์การ์ดดังขึ้นที่หน้าประตูห้องคอนโด แบคฮยอนช่วยแฟนหนุ่มหิ้วถุงของขวัญหลายใบเข้าไปในห้องอย่างทุลักทุเล เขาอุ้มมันไปวางไว้บนโซฟาก่อนจะลอบถอนลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย

     

    กล่องของขวัญที่เยอะจนแทบจะนับไม่ไหวทำแบคฮยอนตื่นเต้นได้ไม่แพ้กัน เขามองเห็นของขวัญกล่องใหญ่สุดถูกวางนอนลงกับพื้น มันใหญ่จนแบคฮยอนเดาไม่ออกว่าคืออะไร ของทุกกล่องถูกห่อมาอย่างสวยงาม แต่ก็มีบางถุงที่ไม่มีการห่อใดๆ ซื้อมาจากไหนแบรนด์ก็แปะโชว์หราอยู่หน้าถุงเลย ส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนพวกของใช้กับเสื้อผ้า

     

    แบคฮยอนเริ่มคิดจริงๆ จังๆ แล้วว่าเสื้อของเขาต้องตกอันดับแน่

     

    “ของเพียบเลยว่ะ”

     

    “อยากแกะปะ” เจ้าของวันเกิดยิ้มระรื่นอย่างอารมณ์ดี ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งข้างแฟนตัวเล็กก่อนจะหยิบเอาถุงของที่เขาคิดว่ารู้อยู่แล้วว่าข้างในมีอะไรมาเปิดออกเพราะมันไม่ค่อยน่าสนใจนัก ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้ายี่ห้อที่ชานยอลใส่ประจำ แนวเดิมๆ อย่างเสื้อฮู้ดหรือกางเกงยีนส์

     

    “ไอ้พวกนี้เสื้อผ้าแน่เลย”

     

    “อือ”

     

    ถุงของแบรนด์แนม 2 – 3 ใบที่ถูกเปิดแล้วถูกนำไปวางเอาไว้ข้างโซฟา ชานยอลไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่กับพวกของใช้หรือเสื้อผ้า เขาเลือกหยิบเอากล่องของขวัญทรงสูงตรงหน้าขึ้นมาแกะก่อนเป็นอันดับแรก

     

    เสียงฉีกกระดาษดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความเงียบ แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ เองก็ลุ้นไม่แพ้กัน เขาเห็นกล่องทุกใบถูกห่อด้วยกระดาษโทนสีมืดแถมติดริบบิ้นหรูหรา บางอันเป็นกล่องผ้ากำมะหยี่ แค่การห่อก็เกทับกันจนใจเลือกไม่ถูกว่าของใครเด่นสุด

     

    ดวงตาเรียวรีจ้องมองไปยังกล่องในมือแฟนหนุ่มไม่วางตาด้วยใจลุ้นระทึก และทันทีที่ของขวัญชิ้นแรกถูกแกะออกมาแบคฮยอนก็แทบหงายหลัง เขาเห็นฟิกเกอร์ jack skellington ถือกีตาร์ตัวใหญ่อยู่ในกล่องพลาสติกแข็ง แค่ดูก็รู้ว่าต้องงานพรีเมี่ยมและชานยอลก็ดูจะชอบมากๆ เขายิ้มไม่หุบแถมสีหน้ายังเซอร์ไพรส์สุดๆ

     

    “ตัวนี้ผมอยากได้ตั้งแต่สมัยเรียนเลยอะ”

     

    “น่ารักว่ะ เหมือนมึงเลย” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมา ตอนนี้แบคฮยอนเริ่มหวั่นแล้วว่าของขวัญตัวเองอาจจะไปซ้ำกับใครหรือไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับเจ้าของงานได้อย่างที่คาดหวัง แค่เปิดมาอันแรกก็ตัดกำลังกันเลย

     

    “อันนี้ของแม่”

     

    กล่องกำมะหยี่สีดำใบเล็กที่มีตราปั๊มเคลือบทองประทับด้านบนถูกแกะออก และของข้างในก็เป็นนาฬิกาอย่างที่คิด แบคฮยอนต้องลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความโล่งใจเมื่อคิดว่าโชคดีแล้วที่ตัวเองไม่ได้ซื้อนาฬิกามา อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาแข่งกับนาฬิกาเรือนนี้

     

    “ทำไมมีแต่พวกของใช้วะ”

     

    “อือ ก็มีแต่แบบนี้แหละ”

     

    ชานยอลหยิบเอากล่องของขวัญสีแดงที่ได้จากเพื่อนสาวคนสนิทมาเขย่าเบาๆ แล้วเปิดออก เขาเห็นบอลหิมะที่มีรูปชายหญิงกำลังเล่นสกีบนภูเขา พอเขย่าเบาๆ เกล็ดโฟมข้างในก็ลอยว่อนเหมือนหิมะในช่วงฤดูหนาว มันทำให้ชานยอลนึกถึงตอนที่เขาไปเรียนต่างประเทศ

     

    “อันนี้ของใครวะ”

     

    “ของโคลอี้” เจ้าของวันเกิดตอบออกไปด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะวางมันไว้ข้างตัวพร้อมกับของชิ้นอื่นๆ

     

    กล่องของขวัญกล่องแล้วกล่องเล่าถูกแกะไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงฉีกกระดาษ แบคฮยอนที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ชานยอลเองก็มีความสุขไม่น้อย ส่วนใหญ่ของที่ถูกนำมาเป็นของขวัญมักจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแบรนด์เนม ของใช้ หรือของเล่นคนรวยที่เหมือนจะไม่มีราคามากแต่ก็แพงอยู่ดี

     

    แบคฮยอนเห็นหูฟังราคาแพงหูฉีกที่แฟนหนุ่มเคยบอกว่าอยากได้ กระเป๋าสตางค์ รองเท้า และของหลายอย่างที่เขาเองก็คิดว่าถ้ามีเงินก็คงจะซื้อเหมือนกัน บางอันเป็นช็อคโกแลต และบางทีก็มาเป็นซองเล็กๆ ที่ข้างในเป็น gift voucher มูลค่าหลักหมื่น

     

    “หมดและ อันนี้ไว้ค่อยแกะ”

     

    น้ำหอมขวดสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะกระจก มาจนถึงตอนนี้แบคฮยอนเริ่มใจชื้นขึ้นมานิดๆ ที่เห็นว่ายังไม่มีใครให้ของเล่นกับชานยอล เขาแอบยิ้มกระหยิ่มในใจถึงแม้ว่าจะยังแอบรู้สึกหวั่นๆ กับการได้เห็นของมากมูลค่าเหล่านี้แล้ว

     

    หลังจากที่นั่งเกร็งอยู่นาน เมื่อแบคฮยอนเริ่มรู้สึกกังวลกับบางอย่างมากเกินไป พอถึงจุดหนึ่งเขาก็เริ่มที่จะไม่แคร์ ไม่สนใจมัน จากความกังวลกลายเป็นความรู้สึกแบบช่างมันเหอะ ถ้าชานยอลจะชอบเดี๋ยวเขาก็บอกว่าชอบเองแหละ

     

    แบคฮยอนยังเชื่อว่าของขวัญที่เขาเลือกมาเหมาะกับชานยอลแล้ว อันที่จริงมันก็น่ารักมาก แบคฮยอนอยากให้ของที่เขาเลือกเองมากกว่าของที่เลือกมาตามความเหมาะสมซะอีก

     

    “อ่ะ อันนี้ของกู” กล่องของขวัญใบใหญ่และใบเล็กที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีฟ้าลายก้อนเมฆถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า แบคฮยอนยื่นมันให้กับคนตรงหน้าและชานยอลก็ดูจะชอบมากถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้แกะ เขายิ้มพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี และเพียงแค่นี้แบคฮยอนก็ดีใจแล้ว

     

    “มีกล่องเล็กด้วย” ชานยอลหยิบเอากล่องของขวัญจิ๋วขึ้นมาเขย่าข้างใบหู คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อยก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังออกมาเบาๆ ชานยอลเดาไม่ถูกเลยว่าของข้างในเป็นอะไร

     

    “อันนี้อีก”

     

    ถุงใสใส่เสื้อฮู้ดสีดำตัวใหญ่ที่ล้วงออกมาอีก คราวนี้คนตัวสูงดูไม่ค่อยแปลกใจนักแต่เมื่อได้รับไปเขาก็แกะดูทันที มันเป็นเสื้อฮู้ดสีดำผ้านิ่มแบบที่ชานยอลชอบ ตรงอกข้างซ้ายมีด้ายปักเอาไว้เป็นอักษรตัวเล็กๆ ว่า Good boyfriend พอเห็นอย่างนั้นเจ้าของวันเกิดก็หัวเราะออกมาทันที

     

    “ขอบคุณครับ ทำไมให้เยอะจัง”

     

    “ก็ไม่รู้จะซื้อไรให้อะ มีของที่อยากให้ แล้วก็ของที่คิดว่ามึงอยากได้ ชอบปะ” แบคฮยอนมุ่ยหน้าทำปากเป็ดเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพรส์กับเสื้อที่เขาอุตส่าห์ซื้อมาตั้งเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะแค่ของขวัญจากคนอื่นก็มีแต่เสื้อผ้าของใช้เต็มไปหมด

     

    “ชอบ ให้อะไรผมก็ชอบหมดแหละ” ชานยอลยังทำตัวเป็น Good boyfriend เหมือนกับเสื้อประจำตำแหน่งที่เพิ่งได้มา ที่จริงเขาไม่อยากให้แบคฮยอนซื้อของแพงๆ เลย เสื้อเป็นสิ่งที่ชานยอลสามารถซื้อเองได้ แล้วเขาก็ได้เสื้อผ้าเป็นของขวัญประจำทุกปีจนเก็บแทบไม่ไหวแล้ว

     

    “อุตส่าห์ซื้อมาแพงเลยนะเว้ย ลองบอกไม่ชอบดิ” พูดไปก็ก้มลงเก็บเศษกระดาษห่อของขวัญไป ชานยอลยังเหลือของที่ไม่ได้แกะอีกสองกล่องกับหนึ่่งกล่องใหญ่ที่เขาจะเอาไปแกะที่บ้าน

     

    คนตัวเล็กหอบกระดาษขึ้นมาขยำๆ รวมกันแล้วยัดมันใส่ถุงใบใหญ่ สุดท้ายไดอารี่ซื่อสัตย์ก็ไม่ได้ถูกมอบให้เพราะแบคฮยอนใจไม่กล้าพอ และเขาก็เขินเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้น ไม่ใช่ว่าตัดพ้อตัวเองหรอก แต่ดูท่าทางแล้วมันไม่เหมาะกับชานยอลจริงๆ

     

    “บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อของแพงหรอก เสื้อผมก็ซื้อใส่เองได้”

     

    “ก็ซื้อมาแล้วอะ จริงๆ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ซื้อหรอกกลัวไม่ถูกใจแล้วมึงไม่ใส่อะ แต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้”

     

    มาตรฐานการใช้ชีวิตของชานยอลที่สูงกว่าคนทั่วไปทำให้แบคฮยอนนึกไม่ออกว่าอะไรจะพิเศษสำหรับเขา มันต้องแค่ไหนถึงเรียกว่าพิเศษสำหรับชานยอลที่มีทุกอย่างเพอร์เฟค

     

    ที่จริงแบคฮยอนก็อยากทำหลายสิ่งหลายอย่างในวันเกิดนี้ อยากทำอาหารกินด้วยกัน เป่าเค้กโง่ๆ แล้วก็เปิดของขวัญเป็นการส่วนตัว มีความสุขเล็กๆ กับสิ่งเล็กๆ ที่พยายามทำ บรรยากาศแบบนั้นทำให้เขามีความสุขได้เสมอจนกระทั่งตอนนี้ที่ได้เจอกับบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าตัว แบคฮยอนถึงได้รู้ว่าความพยายามของเขามันเล็กน้อยแค่ไหน มันมากพอที่จะทำให้ชานยอลรู้สึกดีได้ไหม

     

    และนั่นคือความจริง แบคฮยอนไม่ได้ตัดพ้อตัวเอง ชานยอลทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในฝันกับทุกๆ วันที่ได้อยู่ด้วยกัน และแบคฮยอนก็อยากจะทำให้ชานยอลรู้สึกแบบนั้นบ้าง แต่เขาไม่รู้ต้องทำยังไง

     

    ถ้าแบคฮยอนซื้อรองเท้าคู่แพงๆ ให้กับแทฮยอนสักคู่นึงเขาคงดีใจจนพูดไม่ถูก แต่ถ้าแบคฮยอนซื้อรองเท้าคู่นั้นให้ชานยอลมันก็จะกลายเป็นแค่รองเท้าธรรมดาๆ

     

    นั่นคือความจริง แบคฮยอนไม่ได้ตัดพ้อตัวเองหรอก ก็น้อยใจนิดนึง แต่ก็พยายามคิดว่าถ้าชานยอลรักแบคฮยอนที่แสนธรรมดาคนนี้ได้ ทำไมเขาถึงจะรักความธรรมดาของแบคฮยอนไม่ได้

     

    “ไม่มีการ์ดให้อ่อ”

     

    ในขณะที่กำลังเก็บกวาดข้าวของ เสียงท้วงของแฟนหนุ่มก็เตือนคนตัวเล็กให้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเขียนคำอวยพรไว้ในสมุดก็เลยไม่ได้เขียนการ์ดสวยๆ เลย

     

    “เออว่ะ ลืมเลย”

     

    “ไม่มีเค้กด้วย”

     

    “กูไม่รู้ว่ามึงอยากเป่าอะ เห็นไปกับเพื่อนมาแล้ว ไม่รู้ว่าอยากกินไหม” แบคฮยอนว่าพลางทำหน้านิ่ว เขาไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมฉลองกับแฟนหนุ่มเลยเพราะคิดว่าเขาคงไปกินมาแล้วกับเพื่อน ก็เลยกะว่าจะแค่ใช้เวลาด้วยกันเฉยๆ เหมือนวันธรรมดา

     

    “ก็ผมรอฉลองกับพี่ไง...”

     

    เหมือนต่างฝ่ายจะต่างเข้าใจกันไปคนละทาง แบคฮยอนเองก็ได้แต่ยืนงงแล้วถามตัวเองว่าการฉลองวันเกิดจริงๆ มันเกิดขึ้นหรือยัง? ทั้งๆ ที่ชานยอลเป่าเค้กไปแล้วสองครั้ง แถมยังแกะของขวัญเรียบร้อย เขายังอยากฉลองอยู่อีกหรอ แต่ว่าตอนนี้มันจะทันไหมเพราะถ้าจะเป่าเค้กก็คงต้องเป็นเค้กในมินิมาร์ท

     

    “เอ้า ก็เห็นไปกินข้าวกินไรมาแล้ว ก็ไม่รู้จะชวนทำไรอะ อยากเป่าเค้กปะล่ะ” ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่พอได้รู้ว่าแฟนหนุ่มรอที่จะฉลองกับตัวเองอยู่ แบคฮยอนก็ดีใจจนแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ และชานยอลเองก็รับรู้ได้

     

    “ผมอุตส่าห์ไม่กินข้าวมา”

     

    “เอ้า หรอ งั้นเดี๋ยวลงไปซื้อให้นะ รอแป๊บได้ปะ”

     

    “ผมก็รอมาทั้งวัน”

     

    “เออๆ งั้นเดี๋ยวลงไปซื้อให้” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับคีย์การ์ดเตรียมจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อซื้อเค้กและของเล็กๆ น้อยมาทำกินเป็นการฉลองวันเกิดแบบง่ายๆ เหมือนแบคฮยอนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนนั้นเองว่านี่เพิ่งเข้าวันที่ 27 “มึงจะเอาไรปะ”

     

    “เอาไรมาก็ได้”

     

    “เอาถุงปะ?”

     

    “ไม่เอา ไม่ใช้”

     

    ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ กับมุกตลกของแฟนจอมทะลึ่งก่อนจะทยอยนำของขวัญบางส่วนที่เป็นของประดับไปวางไว้ในตู้ เสียงบานประตูปิดลงเบาๆ เจ้าของวันเกิดทิ้งตัวลงนอนท่ามกลางกองของขวัญ ชานยอลหยิบเอากล่องสีฟ้าของคนรักมาเขย่าฟังดูอีกครั้งและพยายามเดาว่าของในนั้นคืออะไร

     

    ชานยอลตื่นเต้นที่จะได้แกะของขวัญจากคนรักที่สุด เขาอยากรู้ว่าแบคฮยอนมอบอะไรให้มากกว่าจะสนใจว่าตัวเองได้อะไรซะอีก สำหรับชานยอลแค่ได้ใช้เวลาดีๆ อยู่กับคนรักในค่ำคืนพิเศษมันก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ต้องการอะไรมากกว่านั้นเพราะทุกวันที่มีแบคฮยอนอยู่ใกล้ๆ ไม่เกินเอื้อมแขนนั่นก็คือมีความสุขแล้ว ของพิเศษที่ชานยอลต้องการมันมีแค่นั้นเอง…

     

    ในขณะที่ล้มตัวลงนอนบนโซฟาพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นของบางอย่างที่โผล่ออกมานอกกระเป๋าแฟนตัวเล็ก ชานยอลหยิบเอาสมุดแปลกๆ เล่มสีเขียวขึ้นมาดูอย่างพิจารณา เขาพลิกมันกลับหน้ากลับหลังก่อนที่จะตัดสินใจเปิดออกดูด้านใน...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “เซงิลซุกคาฮัมนิดา เซงิลซูกคาฮัมนิดา ซารังฮานึนชานยอลชี เซงิลซุกคาฮัมนิดา~”

     

    เสียงร้องเพลง Happy Birthday ดังเบาๆ ก่อนที่เทียนเล่มเล็กบนเค้กถาดเท่าฝ่ามือจะถูกเป่าดับ เวลาสามนาฬิกาในคืนวันที่ 27 พฤศจิกายนอันเป็นวันเกิดปีที่ 23 ของปาร์ค ชานยอล งานฉลองเล็กดำเนินไปอย่างเรียบง่ายตามคาดหมาย หลังจากที่กินหม้อไฟฉลองกันจนอิ่มเค้กช็อคโกแลตก็ดูเป็นของเลี่ยนไปในทันตา แม้แต่คนช่างกินอย่างแบคฮยอนก็ยังยัดต่อไปไม่ไหว

     

    สุดท้ายเทียนก็ถูกเป่าไปโดยที่ไม่มีใครยอมกินเค้ก แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามพิธีอันสมบูรณ์แบบแล้ว

     

    “กูเอาไปแช่ไว้กินพรุ่งนี้นะ” แบคฮยอนลุกขึ้นเอาเค้กที่หมดหน้าที่พิธีการไปใส่ตู้เย็นไว้เพื่อที่จะได้เอามากินต่อพรุ่งนี้ได้ เขาหันไปมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาตีสามแล้ว

     

    พรุ่งนี้แบคฮยอนต้องไปทำงานเช้าเหมือนเดิม และตอนนี้เขาก็เริ่มจะง่วงหน่อยๆ แล้ว

     

    “อือ ผมเข้าห้องละนะ”

     

    “เออ ล้างแก้วแป๊บ เดี๋ยวปิดไฟให้”

     

    เจ้าของวันเกิดลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจหน้าโซฟาก่อนจะคว้าเอากล่องของขวัญที่ยังไม่ได้แกะเดินเอื่อยๆ ไปเข้าห้องนอน ชานยอลตรงไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหลังใหญ่ แล้วหยิบเอามือถือขึ้นมาปิดแจ้งเตือนหลังจากที่ได้รับข้อความอวยพรเยอะจนตอบไม่ไหว

     

    เขาวางโทรศัพท์ไว้บนชั้นก่อนจะหยิบเอากล่องของขวัญใบจิ๋วมาแกะกระดาษออกอย่างระมัดระวัง ยังไม่ทันจะได้เปิดฝาบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับตุ๊กตาก็ร่วงลงมา ชานยอลมองเห็นตุ๊กตาแจ๊คตัวจิ๋วนอนแอ้งแม้งอยู่บนผืนผ้านวม ขนาดตัวที่เล็กกว่าฝ่ามือของมันทำชานยอลอดขำไม่ได้

     

    แจ๊คของแบคฮยอนตัวเล็กเท่านิ้วโป้ง แขนและขาของมันทำด้วยลวด หัวกลมหน้าตาจิ้มลิ้ม เป็นแจ๊คที่น่ารักที่สุดเท่าที่ชานยอลเคยเห็นมาเลย

     

    “ทำไร เปิดของขวัญและไง” แบคฮยอนที่เพิ่งจะทำธุระเสร็จปิดงับประตูห้องนอนเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปนอนบนเตียง เขาปีนข้ามร่างแฟนตัวสูงไปนอนอยู่ทางฝั่งติดผนังกระจก

     

    ตุ๊กตาแจ๊คที่ถูกขังไว้ในกล่องนานจนพูดไม่เป็นตอนนี้ถูกนำตัวออกมาแล้ว แบคฮยอนรู้ว่าฝีมือเขาไม่ดีนักเพราะตัวเองไม่ใช่คนช่างประณีต แล้วมันก็ยากมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ชอบ

     

    ถ้าแจ็คพูดได้แจ็คคงจะบอกชานยอลว่าแบคฮยอนพยายามขนาดไหน แจ็คที่ถูกปั้นมาด้วยความตั้งใจคงจะบอกชานยอลว่าแบคฮยอนรักเขามากขนาดไหน

     

    “น่ารักว่ะ ซื้อมาจากไหน”

     

    “ซื้อไรล่ะ กูทำเอง” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็หยิบเอาตุ๊กตาตัวจิ๋วที่ตัวเองทำขึ้นมาดูบ้าง ไม่รู้อายตอนนี้จะทันไหม ตุ๊กตามันมีตำหนิเต็มไปหมด แถมยังไม่สวยจนน่าทึ่ง แบคฮยอนไม่รู้ว่าความพยายามของเขามันมากพอจะทำให้ชานยอลเซอร์ไพรส์ได้หรือยัง

     

    “จริงอะ?”

     

    “อือ แต่ก็ไม่ได้ทำไรมากหรอก ปั้นหัวปั้นตัวแล้วก็เอาลวดปัก”

     

    “พูดจริงดิ?”

     

    “เออ เนี่ยก็กลับไปทำให้เมื่อวาน วันที่มึงงอนกูอะ” มือบางยกขึ้นบีบแก้มแฟนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความหมั่นไส้จนริมฝีปากอิ่มยู่ขึ้น

     

    ชานยอลตอนแรกดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เขาย่นคิ้วแล้วหยิบเอาตุ๊กตาขึ้นมาดูอีกทีอย่างพิจารณา ก่อนจะเอียงหน้าไปหอมฟอดลงบนแก้มนวลของคนข้างๆ เป็นการขอบคุณสำหรับของขวัญแฮนด์เมดชิ้นนี้

     

    “เก่งว่ะ” ชานยอลนำเอาตุ๊กตาแจ๊คตัวจิ๋วไปวางพิงไว้กับกล่องของขวัญอีกใบบนชั้นวางโคมไฟ แล้วไถร่างลงนอนบนเตียง ผ้านวมผืนหนาถูกถลกขึ้นคลุมถึงคอ คนตัวสูงพลิกกายนอนตะแครงพลางตวัดแขนกอดรัดเอวคนด้านข้างไว้ด้วยความเคยชิน

     

    “แล้วอีกกล่องไม่แกะอ่อ”

     

    “เอาไว้แกะพรุ่งนี้ จะได้ตื่นเต้นๆ”

     

    “พรุ่งนี้ไปทำงานนี่”

     

    พอพูดถึงวันทำงานแบคฮยอนก็ถึงกับขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว ตอนนี้จะตีสามครึ่งแล้วเขามัวแต่รอฉลองวันเกิดให้ชานยอลจนไม่ได้นอน ถ้าหาอะไรทำแล้วรอไปขึ้นรถไฟตอนเช้าน่าจะมีโอกาสได้ไปทำงานมากกว่าหลับแล้วตื่นอีก

     

    “ไม่ต้องไปหรอก วันเดียว” คนที่แสนเอาแต่ใจพูดเสียงงึมงำ ท่อนแขนหน้ากอดกระชับเอวบางให้แน่นขึ้น ปลายจมูกโด่งเริ่มหาที่ซุกไปตามลาดไหล่และซอกคอ

     

    “บ้า ไม่ได้ ไม่ได้บอกพี่โจควอนไว้ เดี๋ยวโดนด่า แล้วพรุ่งนี้ไม่ไปทำงานอ่อ”

     

    “ไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่ไม่อยากไป”

     

    “ทำไมดีจังวะ นี่ทำไอทีหรือฟรีแลนซ์เนี่ย อยากไปก็ไปไม่อยากไปก็ไม่ไป” พูดไปพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ท่ามกลางความเงียบ แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงแรงกอดรัดที่มากขึ้นจนร่างเขาแทบจะจมหายลงกับแผ่นอกกว้าง ชานยอลดูไม่ต่างจากลูกหมายักษ์ที่พยายามจะซุกหาเจ้าของทั้งๆ ที่ตัวมันใหญ่กว่ามาก

     

    “ก็บอกแม่ไว้แล้วว่าอาจจะไม่ไป”

     

    “แล้วขอไรแม่วันเกิด”

     

    “ไม่ได้ขอไรเลย ขอหยุดงาน ขอวันหยุดยาวล่วงหน้า”

     

    “แล้วเค้าให้ปะ”

     

    “ให้ แต่ถึงไม่ให้ผมก็หยุดอยู่ดี”

     

    “เอาแต่ใจจังวะ”

     

    “เอาแต่ใจแล้วรักปะ” กระซิบคำถามลงที่ข้างใบหูพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะทุ้มๆ ออกมาให้คนฟังได้รู้สึกจั๊กจี๊เล่น ชานยอลกอดกระชับร่างแฟนเขาให้แน่นขึ้น ท่อนขายาวก่ายทับเรียวขาเล็กๆ ปลายเท้าทั้งสี่ข้างเขี่ยกันอยู่ใต้ผืนผ้านวมสีขาว

     

    “ขนาดนี้ยังต้องถามอีกหรอวะ มึงอะรักกูปะเหอะ”

     

    “อือ...”

     

    “หื้อ รักปะ จะเบื่อกูยัง”

     

    “ผมไม่รู้ว่าพี่มองผมเแบบไหนนะ แต่ผมไม่เคยรักใครขนาดนี้เลย”

     

    คำบอกรักที่แสนเรียบง่ายถูกเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ คำพูดที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกและความจริงใจจากชานยอลที่ใครๆ ก็มองเขาไปในหลายมิติ ชานยอลที่หลอกลวงและโกหก ชานยอลที่ไม่มีใครเข้าถึง ชานยอลที่เป็นตัวปัญหา เป็นเด็กดื้อของแม่ หรือแม้แต่คนเจ้าชู้ในสายตาใครๆ

     

    คำพูดนั้นทำให้แบคฮยอนตระหนักคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง

     

    “ผมพูดจริงๆ นะ”

     

    “อือ...”

     

    “ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน” พูดออกไปเหมือนจะฟังดูดีแต่ชานยอลก็ยังเป็นชานยอลอยู่วันยังค่ำ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกได้มากขนาดนี้ ชานยอลไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองสัมผัสอยู่นี้มันเรียกว่ารักได้หรือเปล่า แต่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้เลย

     

    ทั้งความบ้าคลั่งของเขา ช่วงเวลาแห่งความสุขที่หอมหวาน หรือแม้แต่ในตอนที่ทำให้รู้สึกเหมือนต้องหายใจใต้น้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชานยอลพอจะนิยามออก ความสดใส ตัวเขาที่ทั้งสับสน เป็นตัวเองและไม่เป็นตัวเอง ความสนุกสนาน หรือแม้แต่ในด้านที่แตกร้าว แบคฮยอนเป็นคนเดียวที่เคยสัมผัสกับชานยอลในทุกๆ ด้าน อยู่กับเขาแทบทุกช่วงเวลา

     

    ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองก้าวถลำลึกไปมากแค่ไหน จนกระทั่งลืมตาขึ้นอีกทีก็ไม่เจอทางออกให้เดินถอยกลับแล้ว

     

    ชานยอลอยากจะมีความสุขกับแบคฮยอนแบบนี้ไปทุกๆ วัน อยากมีแบคฮยอนเป็นกำลังใจ ทำเรื่องบ้าๆ ด้วยกัน อยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องพยายามทำอะไรให้มันพิเศษ เพราะแค่มีแบคฮยอนอยู่ข้างๆ ทุกอย่างมันก็พิเศษอยู่แล้ว

     

    “เคยคิดปะว่าถ้าวันนึงเลิกกันมันจะเป็นไง”

     

    “ไม่รู้ดิ ผมคงไปไหนไม่ถูกอะ แบบทุกอย่างมันกำลังดีแล้ว แล้วถ้ามันพังอีก ผมนึกสภาพตัวเองไม่ออก”

     

    ถึงจะฟังดูเวอร์แต่นั่นคือคำพูดที่ตรงกับความรู้สึกมากที่สุด ชานยอลไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าวันนั้นมาถึงสภาพเขาจะเป็นยังไง ชานยอลจินตนาการถึงวันที่ความสุขทั้งหมดนี้หายไปต่อหน้าไม่ออก ถ้าวันนึงมันแค่หายไปราวกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นแค่ความฝันและชานยอลจะไม่มีทางนำความสุขนั้นกลับมาได้อีกหัวใจเขาคงจะแตกสลายซ้ำอีกครั้ง

     

    ตอนนี้ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้ว ทุกอย่างในชีวิตชานยอลดีขึ้นหมด หลังจากที่พังจนไม่เป็นท่า แบคฮยอนใช้ความรักของเขาซ่อมหัวใจชานยอลทีละชิ้นอย่างช้าๆ อุดรูลงบนรอยร้าว ประกอบส่วนที่แตกคืนเข้าด้วยกัน แล้วถ้ามันพังอีกคราวนี้ใครจะซ่อมชานยอล

     

    ทั้งหมดนี้มันอาจจะฟังดูเป็นแค่ความรักที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคนวัยหนุ่มก็ได้แต่ชานยอลไม่แคร์ เพราะมันคือความรักเหมือนกัน เขารักแบคฮยอนด้วยอารมณ์หลากหลาย เรียกร้องด้วยหลายความต้องการ แต่มันคือความโหยหาเหมือนกัน

     

    แบคฮยอนเป็นแฟนคนแรกที่ชานยอลรักจริงๆ และอยากจะคบด้วยไปนานๆ

     

    “ถ้าวันนึงมันอิ่มตัวแล้ว ทนไม่ไหว ไปด้วยกันไม่ได้ผมก็โอเคนะ แต่ถ้าให้เลิกทั้งที่ยังรักกันผมทำใจไม่ได้ว่ะ”

     

    “แต่มันก็ไม่มีใครรู้หรอกเนอะ”

     

    “แค่นึกยังนึกไม่ออกเลย”

     

    “ขนาดนั้นเลย?”

     

    “ผมเสียใจเก่งนะ” ว่าแล้วก็ซุกหน้าลงกับต้นคอขาวอย่างช่างอ้อน ชานยอลไม่อยากเป็นคนขี้อ่อนไหวแต่กับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแบคฮยอนมันก็มีผลกับความรู้สึกเขาทั้งนั้น ชานยอลอยากให้ทุกอย่างมันสดใสแบบนี้ไปเรื่อยๆ

     

    “แถวบ้านกูเรียกขี้งอนเหอะ วันนี้อ้อนว่ะ หมั่นไส้ ขาดความอบอุ่นไง๊”

     

    “เมื่อวานก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อาทิตย์นี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก”

     

    “เดี๋ยวคราวหน้าซื้อจิ๋มกระป๋องให้ดีปะ เวลาไม่อยู่กับกูมึงจะได้ไม่เหงาหงอยมาก จะได้ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น”

     

    “รบกวนใคร”

     

    “ทำเป็นไม่รู้~”

     

    “ไม่มีหรอก ชอบใส่ร้ายผมอะ”

     

    “วันคริสมาสต์เอาแบบกูนอนแก้ผ้าใส่หมวกซานต้าอยู่บนเตียงดีปะ”

     

    “ไม่เอาอะ ไม่อยากได้” ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เขาพลิกตัว เอื้อมมือไปดับไฟหัวเตียงเมื่อรู้สึกง่วงจนตาจะปิดแล้ว เสียงแบคฮยอนยังดังฟงุงหงิงให้ได้ยินเบาๆ ก่อนที่จะเงียบลง

     

    ค่ำคืนแห่งความสุขผ่านไปอย่างเรียบง่าย แน่นอนว่ามันไม่ได้พิเศษอะไรเพราะทุกวันที่มีแบคฮยอนของชานยอลพิเศษกว่าวันไหนๆ อยู่แล้ว...

     

     

     


     

     


     

     


     

     

     

     

    CR.SQW

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×