ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #36 : Chapter : 32 มรสุมใจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.44K
      308
      18 พ.ย. 62





    ติ๊ด... ติ๊ด..

     

    ก๊อกๆๆๆ

     

    เวลาสิบเอ็ดโมงภายในห้องนอนสีเทา เสียงเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องให้ต้องลุกขึ้นจากเตียงด้วยสภาพงัวเงีย คนตัวสูงนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับผู้เป็นแม่ที่ยืนประจันอยู่เบื้องหน้า ชานยอลอ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่ มือหนายกขึ้นเกาต้นคอ ดวงตากลมโตหรี่ปรือจนแทบลืมไม่ขึ้น

     

    “ยังไม่ตื่นอีกหรอ”

     

    “อือ”

     

    “แม่จะมาบอกชานยอลว่าวันที่ 25 ถึงวันที่ 30 เราไปสวิสฯ กันนะ จะกลับไปเยี่ยมญาติ” หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางยกมือขึ้นกอดอก ยูรินกวาดสายตามองลูกชายที่ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่เธอ ทำเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเองก่อนจะพูดต่อ “แม่จองตั๋วไว้แล้ว ยังไงเราก็ต้องไป”

     

    “ห้ะ?” คำพูดของผู้เป็นแม่ทำชายหนุ่มถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า ชานยอลอยากบอกตัวเองว่าเขาได้ยินสิ่งที่แม่พูดผิดไป “ทำไมอะ ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมขอวันหยุดยาว”

     

    “ใช่ แต่วันหยุดยาวของชานยอลเป็นหลังปีใหม่ ก่อนปีใหม่ชานยอลต้องไปกับแม่”

     

    “ผมนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วอะ” คนตัวสูงส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาจากในลำคอด้วยความรู้สึกขัดใจ สีหน้าชักอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ชานยอลนึกว่าเขาคุยกับแม่รู้เรื่องแล้วซะอีกเรื่องวันหยุดยาว แบบนี้มันไม่ตลกเลย

     

    “ชานยอลเอาแต่ตัวเองไม่ได้ เราต้องไปเยี่ยมญาติ บิน 24 นี้นะ แม่จะไปเคลียร์ธุระที่บริษัทให้เสร็จก่อน” คนเป็นแม่ยังคงยืนยันคำเดิม ยูรินปล่อยให้ลูกชายของเธอใช้วันหยุดอย่างว่างเปล่าไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งสิบวันไม่ได้ อย่างน้อยระหว่างนี้แบคฮยอนก็ไม่ได้หยุดงาน ชานยอลควรไปเจอครอบครัวบ้างไม่ใช่สนใจอยู่แต่กับคนรักของเขา

     

    “จิ๊...”

     

    “ไม่ต้องมาทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่แม่ แค่ไม่กี่วันไม่ถึงกับตายหรอก แล้วก็ลงไปกินข้าวได้แล้ว แม่จะออกไปข้างนอกนะ”

     

    หญิงสาวกล่าวแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินลงบันได ปล่อยให้ลูกชายได้แต่ยืนมุ่ยหน้าอย่างนึกเซ็งอยู่คนเดียว ชานยอลที่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็ได้แต่ปิดงับประตูแล้วเดินโซเซกลับไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้วยความขุ่นมัวใจ เขาคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาแฟนตัวเล็ก พร้อมกับกดเปิดลำโพงเอาไว้ในขณะที่ซุกหน้าลงกับหมอนใบนุ่มและผืนผ้านวม

     

    ความฝันที่จะได้ฉลองคริสต์มาสกลับแบคฮยอนหายวับไปกับตาราวกับเป็นเพียงแค่ฝุ่นผง ตัวเลขบอกวันที่ 23 บนหน้าจอมือถือทำชานยอลยิ่งหงุดหงิด เขาไม่แปลกใจเลยที่แม่เพิ่งจะมาบอกเอาตอนนี้ เพราะถ้ามาบอกก่อนหน้านี้สักหนึ่งอาทิตย์ชานยอลคงเตรียมตัวปฏิเสธได้ทันแน่

     

    เสียงตู๊ดของโทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้งก่อนที่มันจะดับลง คนตัวสูงได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าตอนนี้คนรักของเขาคงจะทำงานอยู่ สุดท้ายก็ต้องหยัดตัวขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิดใจเพื่อที่จะล้างหน้าชำระความขุ่นข้องต่างๆ ให้หายไป

     


    . 

    . 

    .

     

     

     

    เสียงบีทเพลงหนักๆ ของดนตรีสังเคาะห์ส่งเสียงดังออกมาจากลำโพงคุณภาพสูง เจ้าของห้องโยกหัวไปตามจังหวะเบาๆ ชามสลัดผักราดซอสรสเปรี้ยวอมหวานถูกย้ายมาวางบนตัก ชานยอลเลือกกินแต่แซลมอนและเบคอนกับขนมปังกรอบและผักกาดที่เขาชอบ และไม่ยอมกินหัวหอมที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียด

     

    เท้าทั้งสองข้างวางพาดลงกับโต๊ะทำงาน ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ชานยอลยังไม่ยอมออกจากห้องไปไหนตั้งแต่เช้า เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการขัดเกลาเพลงใหม่ และวางแผนเที่ยวสำหรับวันหยุดที่สั้นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

     

     “วันที่ 30 ไปญี่ปุ่นกัน”

     

    [ไปทำไรญี่ปุ่น]

     

    “ไปเที่ยวไง กลับวันที่ 4” ชานยอลย้ายชามสลัดไปวางบนโต๊ะแล้วสไลด์เก้าอี้เลื่อนไปยังแผงคีย์บอร์ด เขาใช้เท้าผลักตัวเองให้หมุนไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ถึงแม้ว่าชานยอลจะหงุดหงิดแค่ไหนกับวันหยุดที่ต้องเสียไปแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะสุดท้ายก็มีแต่จะโมโหตัวเอง

     

    [เค้าหยุดถึงวันที่ 2 อะ]

     

    “ก็ลาสองวัน”

     

    [ลาไม่ได้ มันมีคนลาเยอะแล้ว พี่แฮจินด่าตาย]

     

    “............”

     

    [ไม่ต้องไปไกลหรอก ไปเที่ยวใกล้ๆ ก็พอ เงินไม่ค่อยมีด้วย]

     

    คนตัวสูงถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างพยายามอดกลั้นความรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจ เมื่อทุกอย่างที่วางแผนไว้พังหมด

     

    “วันที่ 25 ผมไปต่างประเทศนะ กลับ 30”

     

    [อ้าว หรอ งั้นก็ไม่ได้ฉลองคริสมาสต์ด้วยกันอะดิ]

     

    “อือ... ผมไม่อยากไปหรอก” แม้จะเป็นแค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยแต่มันก็สามารถทำให้ชานยอลรู้สึกเครียดได้ง่ายๆ คนตัวสูงย้ายตัวเองจากเก้าอี้ไปนอนอยู่บนเตียง ดวงตากลมโตจ้องมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย

     

    [ไปทำไรอะ ไปทำงานอ่อ]

     

    “เปล่า ไปเยี่ยมญาติ”

     

    [อ่อ เสียดายเลยอะ…]

     

    “เปิดกล้องได้ปะ”

     

    [งั้นเดี๋ยวสักชั่วโมงนึงได้ปะ อยู่ข้างนอกอะ ยังไม่เลิกงานเลย]

     

    “จะเลิกยังเดี๋ยวไปรับ”

     

    [เค เลิกประมาณทุ่มนึงอะ]

     

    ตู๊ด... ตู๊ด... ตู๊ด....

     

    “เดี๋ยวแป๊บนึงนะ”

     

    เสียงสัญญาณแจ้งสายเรียกเข้าซ้อนเรียกชานยอลให้ต้องยกโทรศัพท์ออกมาดูหมายเลขบนจอ เขาถอนลมหายใจออกมาอีกครั้งแล้วกดรับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกุญแจรถ คนตัวสูงคว้าเอาแจ๊คเก็ตนวมมาสวมให้กับตัวเองในขณะที่มืออีกข้างก็ยกโทรศัพท์คุยไปด้วย

     

    “ครับ”

     

    [ชานยอลอยู่ไหนลูก]

     

    “ผมอยู่บ้าน”

     

    [ออกมาหาแม่หน่อยได้ไหม มารับแม่หน่อย]

     

    “แม่อยู่ไหน” คนตัวสูงคว้ากระเป๋าสตางค์ในเสื้อแล้วเดินไปกดเปิดโหมด Hibernate ให้กับโน้ตบุ๊ก เสียงประกาศจากวิทยุบอกชานยอลให้รู้แม่เขากำลังอยู่ในรถ ชานยอลได้ยินเสียงติ๊กๆ เบาๆ มันฟังดูเหมือนเสียงเปิดไฟเลี้ยว

     

    [แม่กำลังไปที่โรงแรม ออกมารับแม่หน่อย พอดีคุณนายอนเค้าต้องรีบไปทำธุระก่อน]

     

    “ทำไมแม่ไม่ให้คนขับรถไป”

     

    [ก็แม่อยากให้ชานยอลมารับหนิ]

     

    “ครับ เดี๋ยวผมไป”

     

    [งั้นเดี๋ยวแม่โทรหานะ แม่กำลังจะถึง... กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!]

     

    [เอี๊ยดดดด โครม!!!]

     

    เสียงร้องกรี๊ดของผู้เป็นแม่และเสียงเบรกยาวๆ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงดังโครมทำชานยอลได้แต่ยืนนิ่ง เขาได้ยินเสียงดังตูมพร้อมกับเสียงดังขลุ่กๆๆ ในหูเหมือนโทรศัพท์กำลังกระเด็นไปมา เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างเกิดขึ้น ก่อนที่ความเงียบจะทำให้ชายหนุ่มเริ่มใจไม่ดี

     

    “แม่...”

     

    ไม่มีเสียงตอบรับใดจากปลายสาย สันหลังชานยอลเย็นวาบ ราวกับอากาศรอบตัวได้หายไปจนหมด แม้แต่จะคิดจินตนาการก็ยังไม่กล้า

     

    “แม่!!

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    หน้าตึกศูนย์การค้าเพื่อบ้าน พนักงานตัวเล็กกำลังยืนมองนาฬิกาข้อมืออยู่หน้าลานจอดรถ ตอนนี้หนึ่งทุ่มครึ่งแล้วแบคฮยอนยังไม่เห็นวี่แววของแฟนหนุ่ม และไม่สามารถติดต่อเขาได้ตั้งแต่เลิกงาน

     

    คนตัวเล็กเดินไปนั่งลงบนม้านั่งสีขาว ปลายเท้าแกว่งไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ดวงตาเรียวรีกวาดมองดูลานจอดรถเบื้องหน้าโดยที่ในใจก็หวังว่าจะเจอรถยนต์ของแฟนหนุ่ม ตอนนี้มันเลยเวลานัดมานานแล้วและชานยอลยังไม่โทรมา เขาไม่ยอมตอบข้อความ แบคฮยอนก็เลยได้แต่นั่งกังวลใจอยู่ตรงนี้

     

    Rrrrrrrrrrrr

     

    เสียงเข้าจากโทรศัพท์และรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเรียกรอยยิ้มเล็กๆ จากคนที่นั่งรอมาแสนนาน แบคฮยอนรีบกดรับสายทันที แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรน้ำเสียงแปลกๆ ของแฟนหนุ่มก็ทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ

     

    [ฮัลโหล... อยู่ไหนอะ]

     

    “อยู่ที่ทำงาน มึงอยู่ไหนอะ”

     

    [อยู่โรงบาล มาหาได้ปะ...]

     

     

     

     

     

    ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 20 นาทีกับการนั่งรถแท็กซี่มายังโรงพยาบาลใกล้ๆ แบคฮยอนรีบสาวเท้าเดินไวๆ เข้าไปในอาคารแล้วตรงไปยังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เขามองเห็นแฟนหนุ่มกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้สีเขียว บนพื้นมีหยดเลือดที่แม่บ้านกำลังทำความสะอาด

     

    แบคฮยอนรีบเดินไปจับไหล่คนรักของเขาที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่บนเก้าอี้ ขอบตามีร่องรอยแดงช้ำจากการร้องไห้ แบคฮยอนพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่คว้ามือชานยอลมาจับเอาไว้แน่น

     

    “แม่เป็นไงบ้าง”

     

    “ไม่รู้ ยังไม่รู้” คนตัวสูงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทั้งแหบพร่าและสั่นเครือ ชานยอลยกมือขึ้นลูบใบหน้า ลมหายใจถูกผ่อนออกมาหลายครั้ง ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่ร่างชุ่มเลือดของแม่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ชานยอลเห็นเพียงแค่พยาบาลกับหมอวิ่งเข้าวิ่งออกกันให้วุ่น

     

    เขารู้สึกเหมือนถูกกระชากขาลงจากตึกสิบชั้น ความกระวนกระวายและความเป็นกังวลถาโถมเข้ามาไม่หยุด ชานยอลมองไม่เห็นใครอีกในเวลานี้ เขารู้สึกเหมือนในท้องมันว่างไปหมด หายใจเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกพอสักที

     

    “แล้วพ่ออะ”

     

    “พ่อกำลังมา”

     

    “แม่เข้าไปนานยัง” แบคฮยอนย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างคนรัก เขาพยายามจะชวนแฟนหนุ่มให้คุยกับตนเพื่อลดความเป็นกังวล มืบางบีบกระชับฝ่ามือเย็นเฉียบเอาไว้แน่น ความเงียบทำให้บรรยากาศรอบข้างยิ่งหนาวเหน็บ สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลเอาแต่จับจ้องไปยังประตูหน้าห้องฉุกเฉินไม่วางตา

     

    “สักพักแล้ว”

     

    “อือ...”

     

    “ใครญาติคนไข้คะ”

     

    บานประตูหน้าห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของพยาบาลสาว ชานยอลรีบลุกขึ้นทันที ความรู้สึกเสียววูบแล่นไปจนถึงปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า เขาพยายามจะกลืนก้อนน้ำลายลงคอ และยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง

     

    “ผมครับ”

     

    “เป็นอะไรกับคนไข้คะ”

     

    “ลูกชายครับ”

     

    “ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก ความดันตก มีเลือดออกในช่องท้อง อวัยวะฉีกภายในฉีกขาด หมอกำลังกระตุ้นชีพจรแล้วก็ต้องผ่าตัดด่วน โอกาสรอดยังบอกไม่ได้ เพราะผู้ป่วยช็อคเพราะเสียเลือดมาก ส่วนอีกคนนึงที่นั่งฝั่งคนขับหมอกำลังเอกซเรย์ดูอวัยวะภายใน”

     

    ชานยอลแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินว่าแม่ของเขากำลังอยู่ในสภาวะเฉียดตาย ฝ่ามือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ ถึงจะอยากบอกตัวเองให้ตื่นจากฝันนี้เสียทีแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะชานยอลอยู่ในชีวิตจริง ปลายเท้าของเขาเบาหวิว รู้สึกราวกับถูกผลักให้ตกลงไปในกล่องสีดำที่มืดแปดด้าน

     

    “ตอนนี้หมอยังบอกอะไรไม่ได้มาก แต่ก็จะพยายามสุดความสามารถ”

     

    “ครับ ขอบคุณครับ” แบคฮยอนพยักหน้าหงึกหงัก พอพยาบาลสาวกล่าวจบก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที

     

    ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาหัวค่ำแต่บรรยากาศด้านนอกเงียบสงัดและเย็นเยือกเสียยิ่งกว่าคืนที่หิมะตก มือบางวางลงบนแผ่นหลังของคนรัก แบคฮยอนไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้  เขาเงยหน้าขึ้นมองแฟนหนุ่มที่กำลังเม้มริมฝีปากกลั้นหยาดน้ำตาอย่างสุดความสามารถ

     

    ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำตา ชานยอลเลือกที่จะหันหน้าหนีแล้วกลับไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง เขาเอาแต่นั่งก้มหน้า แบคฮยอนที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่เดินไปนั่งลงข้างๆ

     

    “ฮึก... ฮึก...”

     

    เสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้นเบาๆ แผ่นหลังของชายหนุ่มกำลังสั่นไหว และแบคฮยอนก็ทำได้เพียงแค่เอนตัวลงไปซบพร้อมกับใช้ท่อนแขนโอบไหล่กว้างเอาไว้เป็นการปลอบใจ มันคงดีถ้าคืนนี้จะเป็นเพียงแค่คืนแย่ๆ ที่จะผ่านพ้นไปอีกวัน...

     

     

     

     

     

    “กินหน่อยไหม”

     

    นมช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดถูกยื่นไปตรงหน้าคนที่ยังเอาแต่นั่งนิ่ง ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเขายังกินอะไรไม่ลงตอนนี้  ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะยังไม่ยอมพูดอะไรมากแต่เขาก็จับมือคนรักเอาไว้อยู่ตลอดราวกับว่ามันเป็นหลักยึดเดียวที่ถ้าเพียงแค่ปล่อยไปเพียงเสี้ยววินาที ชานยอลที่แสนเปราะบางคนนี้ก็จะล้มลง

     

    “เลือดกำเดาไหลอีกแล้ว” แบคฮยอนนิ่วหน้าเอ่ยออกไปด้วยความเป็นห่วง จากกล่องนมถูกเปลี่ยนเป็นกระดาษทิชชู่ผืนเล็ก แบคฮยอนส่งมันให้แฟนเขาที่เริ่มมีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกแล้วหลังจากที่มันเพิ่งจะหยุดไปได้ไม่นาน

     

    ตอนนี้นาฬิกาเพิ่งบอกเวลาเที่ยงคืนเศษ แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกเหมือนมันผ่านไปหลายชั่วโมง ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า พวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูหมอและพยาบาลเดินผ่านไปมาอย่างรีบร้อน

     

    “คิดว่าแม่ผมจะรอดไหม” ประโยคแรกที่ยาวที่สุดถูกเอ่ยออกมาจากปากชายหนุ่มผู้เริ่มสิ้นหวัง ยิ่งเวลาผ่านไปนานความกดดันก็ยิ่งกดทับอกเขาจนจะแตก ชานยอลเอาแต่คิดซ้ำไปซ้ำมาในหัวว่าจะเป็นยังไงถ้าแม่ไม่รอด เขาเลือกที่จะไม่รับรู้มันได้ไหม จะเป็นยังไงถ้ามันเกิดขึ้นมา

     

    “อย่าพูดอย่างงั้นดิ หมอเค้าเก่งนะ”

     

    “ญาติคนไข้คะ”

     

    พูดยังไม่ทันขาดคำพยาบาลสาวคนเดิมก็เดินออกมาอีกครั้ง แบคฮยอนรีบลุกขึ้นทันที หัวใจของเขาลุ้นไม่ต่างจากชานยอล

     

    “ตอนนี้คุณหมอห้ามเลือดได้แล้ว ชีพจรกับความดันคงที่ แต่ถือว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องเฝ้าดูอาการใน 72 ชั่วโมงก่อน ถ้าอาการทรงตัวกว่านี้หมอจะส่งตัวไปโรงพยาบาลอีกที่ให้ แล้วก็จะย้ายผู้ป่วยไป”

     

    คำพูดของพยาบาลสาวทำคนตัวเล็กถึงกับต้องถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้ว่าจะยังไม่พ้นขีดอันตรายแต่อาการที่ดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้พอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

     

    แรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงเรียกแบคฮยอนให้ต้องเดินละออกมาจากพยาบาล เขาล้วงเอามือถือขึ้นมากดรับแล้วเดินห่างออกไปเพื่อไม่ให้เสียงสนทนารบกวนการพูดคุย

     

    “ฮัลโหลเจ๊”

     

    [เออ ประธานเป็นไงมั่งวะ]

     

    “ตอนนี้หมอห้ามเลือดได้แล้วแต่ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย”

     

    [อือ แล้ววันนี้มึงจะกลับบ้านนอนไหม หรือจะค้างนู่น]

     

    “หนูไม่แน่ใจว่ะ อาจจะไม่ได้กลับหรอก ต้องดูก่อน ดูอาการชานยอลมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เผลอๆ พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้ไปทำงานด้วย แต่ก็ต้องดูก่อนอะ”

     

    [เออ ถ้ายังไงก็โทรบอกกูแล้วกัน เดี๋ยวกูจัดการเรื่องลาให้ เมื่อกี้ไอ้ฮุนก็เพิ่งออกไปจากบริษัท ท่าทางรีบเลย]

     

    “หรอ ขอบคุณมากเจ๊ เดี๋ยวหนูโทรหาอีกทีนะ”

     

    [เออๆ]

     

    เมื่อการสนทนาจบลงแบคฮยอนก็รีบวางสายแล้วเดินกลับไปหาแฟนหนุ่มที่ยืนคุยอยู่กับคุณหมอด้วยท่าทางเคร่งเครียด  ฟังดูเหมือนอาการของประธานจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่แต่ก็ไม่แย่เท่าตอนมาแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นถ้าผ่านคืนนี้ไปได้โดยที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนต่างๆ

     

    “ตอนนี้ต้องคอยระวังว่าจะมีเลือดออกในช่องท้องอีกไหม กับพวกอาการติดเชื้อ หมอจะย้ายผู้ป่วยไปห้องไอซียูแล้วจะทำการแสกนสมองด้วย ถ้าในสมองไม่มีเลือดออกก็ถือว่ายังดี ส่วนเรื่องย้ายผู้ป่วยหมอกำลังทำการปรึกษากับทางโรงพยาบาลนู้นอยู่ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็สามารถย้ายได้ทันที แต่หมอแนะนำให้อยู่ดูอาการที่นี่ต่ออีกสักพัก” คุณหมอหนุ่มกล่าว แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หมอพูดนั้นเป็นเรื่องดีไหม เหมือนเขาจะยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้เลยตอนนี้

     

    “ครับ ขอบคุณครับ” ชานยอลไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงแค่กล่าวขอบคุณกับหมอก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหาผู้เป็นพ่อ อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าอาการของแม่ไม่แย่ลงชานยอลก็ยังพอมีหวังอยู่บ้างแม้ว่ามันจะแค่เล็กน้อยก็ตาม

     

    ทุกอย่างที่เกิดเร็วไปหมดจนตั้งตัวแทบไม่ทัน มันแค่เสียววินาทีเดียว เพียงแค่หนึ่งวันที่ควรจะเริ่มต้นและจบลงอย่างปกติสุข ชานยอลได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม ทำไมต้องเป็นเม่ ทำไมถึงไม่ใช่คนอื่น เขาอยากบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ฝัน แต่ก็ทำไม่ได้

     

    “พ่อจะมาเมื่อไหร่อะ” คนตัวเล็กเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ คนรัก แค่ได้เห็นสีหน้าของเขามีความหวังขึ้นมานิดหน่อยมันก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ แม้ว่าจะง่วงจนใกล้หลับแค่ไหนแบคฮยอนก็ยังฝืนตานั่งอยู่เป็นเพื่อนชานยอล เขาไม่กล้าทิ้งแฟนหนุ่มเอาไว้เพราะกลัวว่าความฟุ้งซ่านในใจจะทำชานยอลเป็นบ้าไปอีกคน

     

    “ถึงพรุ่งนี้เย็นๆ”

     

    “อือ แล้วจะนอนไหม หรือจะนั่งเฝ้าอยู่นี่”

     

    “คงอยู่นี่แหละ ง่วงแล้วหรอ” ชานยอลวางมือลงบนศีรษะแฟนตัวเล็กก่อนจะเลื่อนแขนลงไปโอบไหล่รั้งร่างให้อีกฝ่ายเอนลงมานอนซบกับไหล่ ชานยอลรู้ว่าเขากำลังรบกวนแบคฮยอนอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรดึงสติชานยอลไว้ได้ดีกว่านี้แล้ว ชานยอลไม่อยากต้องทนฟังข่าวร้ายคนเดียวถ้าแม่เป็นอะไรขึ้นมา “นอนไหม”

     

    “ยังไม่ง่วงหรอก อยู่ด้วยกันนี่แหละ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ดวงตาเรียวรีก็หลับลง ตอนนี้แบคฮยอนอยากได้ผ้าห่มสักผืนกับหมอน เขาจะนอนมันบนเก้าอี้นี่แหละเพราะยังไงก็ไม่มีห้องให้พักอยู่แล้ว

     

    “งั้นอยู่ด้วยกันก่อนนะ” ว่าแล้วคนตัวสูงก็หันไปกดจูบลงบนศีรษะทุยที่พิงอยู่บนไหล่

     

    ในค่ำคืนที่แสนยากลำบาก กำลังใจของชานยอลอยู่ตรงนี้ที่เดิม ในที่ๆ เขาสามารถเอื้อมคว้าเอาไว้ได้ในยามที่รู้สึกอ่อนไหว แบคฮยอนยังเป็นสิ่งเดียวที่พยุงให้เรือไร้หลักอย่างชานยอลผ่านคืนวันที่พายุโหมซัดกระหน่ำไปได้....

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    “หมอเช็คล่าสุดไม่มีอาการเลือดออกแล้วนะครับ ชีพจรกับความดันขึ้นมานิดหน่อย ผลเอกซเรย์ไม่มีเลือดออกในสมอง แต่ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว ถือว่ายังอยู่ในอาการโคม่า วันนี้โรงพยาบาลจะมารับตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อ หมอแจ้งอาการและผลตรวจทั้งหมดไปกับทางโรงพยาบาลแล้วนะครับ”

     

    “ครับ ขอบคุณครับ”

     

    เวลาเที่ยงตรงที่แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าเป็นวันที่ดีไหม เขาไม่ได้ไปทำงานและนั่งอยู่หน้า ICU แทบจะทั้งคืนพลัดกันหลับผลัดกันตื่นจนกระทั่งเช้า และเวลาส่งตัวก็มาถึง ดูเหมือนทุกอย่างจะกำลังดีขึ้น เพราะอย่างน้อยอาการของประธานก็ไม่แย่ลง

     

    “ผมจะไปโรงพยาบาลนะ จะกลับไปนอนไหม” ชานยอลหันมาจับใบหน้าที่แสนอ่อนล้าของคนรักพลางระบายยิ้มออกมา วันนี้แบคฮยอนอยู่เป็นเพื่อนเขามาทั้งคืนแล้ว มันคงถึงเวลาที่จะต้องปล่อยให้เขาไปนอนบ้าง

     

    “กูไปได้อ่อ มึงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวกูตามไปหา พ่อก็จะมาแล้วนี่”

     

    “อือ งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”

     

    “ไม่ต้องก็ได้ กูนั่งรถแป๊บเดียวเอง มีอะไรก็โทรมานะ” คนตัวเล็กกระชับสายสะพายกระเป๋าแน่น พอเห็นว่าแฟนหนุ่มพยักหน้าเขาก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆ เดินถอยออกมาโดยที่ไม่ลืมโบกมือบ๊ายบ่ายด้วย แบคฮยอนไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะป่วยตามไปด้วย

     

    แต่ถ้าแบคฮยอนหดหู่ขึ้นมา ใครจะเป็นคนรักษาใจชานยอลล่ะ อย่างน้อยตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มจะดีขึ้นมาแล้ว




    . 

    .

    .


     

     

    บริเวณหน้าโรงพยาบาลที่ดูไม่ต่างจากโรงแรมหรู แบคอยอนได้แต่เดินวนไปมาแล้วถามตัวเองว่าเขามาถูกที่แล้วหรือเปล่า คนตัวเล็กอ่านชื่อโรงพยาบาลซ้ำและยืนคิดอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจเดินตรงไปหาเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของคุณพยาบาลที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางสุดงกเงิ่น

     

    “ขอโทษครับ มาเยี่ยมผู้ป่วยต้องไปตึกไหน”

     

    “เยี่ยมผู้ป่วยหรอคะ แผนกไหนคะ” พยาบาลสาววางหูโทรศัพท์ลง เธอหันมายิ้มให้และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    “ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่เพิ่งย้ายตัวมาเมื่อวานจากไอซียู”

     

    “รบกวนขอทราบชื่อหน่อยนะคะ”

     

    “ยูรินครับ ปาร์ค ยูริน”

     

    “คุณยูรินนะคะ ผู้ป่วยย้ายมาเมื่อวาน ไม่ทราบว่าชื่ออะไรคะ”

     

    “แบคฮยอนครับ”

     

    “คุณแบคฮยอน ในนี้ไม่มีชื่อให้เข้าเยี่ยมนะคะ ผู้ป่วยพิเศษจะสามารถเยี่ยมได้เฉพาะคนที่มีชื่อ ไม่ทราบว่าติดต่อกับใครไว้หรือเปล่าคะ”

     

    “เอ่อ...” แบคฮยอนได้แต่อ้ำอึ้งเพราะตอบไม่ถูก เขาไม่กล้าตอบว่าใครชวนมาเพราะเกรงว่าจะไม่ได้ถูกชวน “งั้นไม่เป็นไรครับ”

     

    สุดท้ายคนตัวเล็กก็ได้แต่กล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินออกมาจากเคานเตอร์แล้วตัดสินใจเดินไปยังลิฟท์แทน ที่หน้าลิฟท์มีป้ายติดบอกแผนกต่างๆ ชัดเจน แบคฮยอนเดินเข้าไปอย่างมั่นใจแล้วกดขึ้นไปยังแผนกผู้ป่วยในทันที

     

    ใช้เวลาเพียงไม่นานลิฟท์ก็เลื่อนขึ้นมาจนถึงชั้น 14 คนตัวเล็กก้าวเท้าออกมาพร้อมกับมองซ้ายมองขวา ทางเดินและโถงกว้างที่มีเก้าอี้จัดไว้อย่างกับโรงแรมทำแบคฮยอนเริ่มสับสน เขาเดินมองป้ายไปเรื่อยๆ จนถึงห้องที่มีป้ายเขียนไว้ว่า Park yoorin  ที่หน้าห้องไม่มีใครอยู่สักคน

     

    แบคฮยอนยกกำปั้นขึ้นเตรียมเคาะประตู แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เขาตัดสินใจเดินไปแนบใบหน้าลงกับกระจกตรงประตูแทน แบคฮยอนมองเห็นแฟนหนุ่มของเขายืนอยู่ข้างหญิงสาวที่แสนคุ้นเคยข้างเตียงผู้ป่วย ชานยอลจับมือเพื่อนสนิทของเขาเอาไว้แน่น ก่อนจะหันหน้าไปซบลงกับลาดไหล่ของเธอ

     

    สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำแบคฮยอนได้แต่ยืนอึ้ง พอชานยอลละใบหน้าออกเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ ความสับสนเริ่มประดังเข้ามาในหัวอีกครั้ง เขาไม่กล้าที่จะเคาะประตูเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มและครอบครัวกำลังใช้เวลาด้วยกัน แถมมันยังเป็นห้องแบบส่วนตัวอีกต่างหาก แบคฮยอนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขามีธุระที่นี่ไหม

     

    คนตัวเล็กถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเดินถอยหลังออกจากประตูไปเพื่อจะกลับไปยังลิฟท์ เขาไม่ลืมหยิบเอามือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาคนรักด้วย แม้ว่าจะมีความลำบากใจเล็กๆ เกิดขึ้นแต่แบคฮยอนก็ยังเป็นห่วงชานยอลอยู่ดี


     

    Baekhyun : ขึ้นไปไม่ได้อะ พยาบาลไม่ให้เยี่ยม บอกไม่ใช่ญาติ

     

    Chn10e : อยู่ไหน

     

    Baekhyun : อยู่ข้างล่าง

     

    Chn10e : เดี๋ยวลงไปรับ

     

    Baekhyun : ไม่ต้องก็ได้ ไว้เดี๋ยวค่อยเจอกัน ดูแม่ไปเหอะ

     


    คนตัวเล็กพิมพ์ข้อความตอบไปแค่นั้นก็เก็บมือถือลงกระเป๋า ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังปิดลงเขาก็เห็นท่านประธานใหญ่เดินผ่านหน้าไป แบคฮยอนได้แต่ขอบคุณตัวเองที่คิดไม่ผิดเรื่องที่ไม่ยอมเคาะประตู มันคงประหลาดพิลึกถ้าเขาต้องไปนั่งเป็นส่วนเกินของครอบครัวในห้องนั้น

     

    อย่างน้อยตอนนี้ได้รู้ว่าประธานอาการดีขึ้นก็ดีแล้ว ชานยอลเองก็ได้อยู่กับครอบครัวมันคงเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับคนนอกเท่าไหร่

     

    แรงสั่นจากในกระเป๋าบอกแบคฮยอนให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเช็คอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ข้อความจากชานยอลที่ถูกส่งมา เขาสไลด์หน้าจอแล้วกดเข้าไปดูข้อความจากเพื่อนซี้ทันที

     

    Zhang Yixing : มึง

    Zhang Yixing : กูมีไรจะให้ดู

    Zhang Yixing : กูไม่รู้ว่ามึงอยากดูไหม

    Zhang Yixing : คลิปผัวมึง

     

    คำว่า มึง เดี่ยวๆ ที่มักจะตามมาด้วยเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอทำแบคฮยอนใจคอไม่ดี เขาได้แต่ถามตัวเองว่านี่มันเรื่องอะไรกันอีกก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

     

    Byun Baekkhyun : คลิปไรวะ

     

    Zhang Yixing : ผัวมึงกับเมียเก่า

    Zhang yixing : เอากันบนเครื่องบิน

     

     

    . 

    .

     .

     



    บนรถเมล์สายยาวที่วิ่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจอดพัก แบคฮยอนกดเล่นคลิปวิดีโอที่ได้รับมาจากเพื่อนซี้ดูเป็นร้อยๆ ครั้ง ขณะที่จิตใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงแล้ว ตอนแรกแบคฮยอนตั้งใจจะไปทำงานแต่ก็ไม่ได้ไปเพราะความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาในทีเดียวทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะรับไหว

     

    พอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก็รู้ว่ากำลังใจที่พกไว้สำรองเริ่มร่อยหรอแล้ว เชื้อเพลิงความสุขของแบคฮยอนกำลังจะหมดเพราะเขาใช้มันออกไปแทบตลอดโดยที่ไม่มีการเติมเข้าเลย

     

    ดวงตาเรียวรีจับจ้องไปยังคลิปวิดีโอของหญิงสาวผมบลอนด์ที่กำลังนอนตะแคงนัวเนียอยู่กับชายหนุ่มที่กอดเธอจากด้านหลัง และแบคฮยอนคุ้นกับผู้ชายคนนั้นดีเหลือเกิน มือใหญ่ๆ ของเขาบีบขย้ำทรวงอกของหญิงสาวที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อชั้นในตัวบาง

     

    ชานยอลซุกหน้าลงกับซอกคอของนางแบบสาวสวย กดริมฝีปากและปลายจมูกลงกับพวงแก้มพลางเหลือบตาขึ้นมองกล้อง พร้อมทั้งยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ก่อนจะเอียงหน้าลงบดขยี้ริมฝีปากของหญิสาวอีกครั้ง พวกเขาคุยกันด้วยภาษาที่แบคฮยอนฟังไม่เข้าใจ

     

    ที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจทั้งหมดนั่นแหละ อยู่ๆ ก็มีคลิปชานยอลหลุดออกมาจาก snapchat ของนางแบบคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นของที่เก่าแล้ว แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาทำอะไรพวกเขาต้องถ่ายรูปอัพให้คนอื่นรู้ ชานยอลเองบางครั้งก็มีนิสัยอย่างนั้นเหมือนกัน มันเป็นค่านิยมของพวกเด็กฝรั่งหรือว่ายังไง

     

    Zhang yixing : หลุดมาจากวงใน

    Zhang yixing : ดูเอา

     

    Byun baekhyun : มันเอากับใครวะ

    Byun baekhyun :คลิปบนเครื่องบินอะ

     

    Zhang yixing : เค้าบอกเมียเก่ามัน

     

    Byun baekhyu : ไม่ใช่อะ

     

    แบคฮยอนย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโออีกอันที่ถูกแอบถ่ายบนเครื่องบินหลายครั้ง และเขาก็มั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นางแบบเกาหลีคนไหนที่ชานยอลเคยคุยด้วย เธอคือโคลอี้ ผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังอยู่กับแฟนเขาในห้องผู้ป่วย หญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวสลวย ที่ชอบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพริ้วๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนอนอยู่ในเลาจ์ที่ถูกกั้นขึ้นในที่นั่งผู้โดยสารชั้น First class แต่มันก็เป็นแค่ที่กั้นเตี้ยๆ

     

    แค่มองเห็นศรีษะของหญิงสาวที่ขยับโผล่ขึ้นมาเป็นระยะตามจังหวะร่างกาย ให้มองจากพื้นสนามบินยังรู้เลยว่าทำอะไรกัน คลิปวิดีโอถูกถ่ายจากคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของพวกเขาถัดไปสามแถวที่นั่ง แบคฮยอนไม่ได้ไร้เดียงสา มันไม่ใช่คลิปที่โจ่งแจ้งนักแต่ก็ทำให้หัวใจหวั่นไหวได้ไม่น้อยกับผู้หญิงที่คนรักของเขาเคยบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน

     

    ซึ่งอันที่จริงชานยอลกับโคลอี้ก็อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ก็ได้ พวกเขาแค่สนิทกันมาก แล้วก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกันอย่างเช่นสิ่งนี้ และที่ไม่น่าเชื่อคือพวกเขากำลังทำมันบนเครื่องบิน เครื่องบินที่กำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้า เครื่องบินที่มีผู้โดยสารบางคนนั่งอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ชุกชุมเหมือนที่นั่งชั้นประหยัด แถมยังมีคลิปหลุดออกมา และไม่ว่าใครเป็นคนถ่ายเขารู้ว่าชานยอลเป็นใคร เผลอๆ อาจจะเป็นเพื่อนของเขาเอง

     

    ติ๊ง!

     

    Zhang yixing : แล้วใครวะ

     

    Byun baekhyun : อีโคลอี้ 

    Byun baekhyun : มันเลยอะ

     

    Zhang Yixing : อีเมียหลวงผัวมึงอะนะ

     

    Byun baekhyun : เออ 

    Byun baekhyun : คลิปมันเมื่อไหร่วะ

     

    Zhang yixing : ประมาณปีที่แล้ว

     

    คนตัวเล็กย่นคิ้วลงเล็กน้อย แบคฮยอนฝืนใจดูคลิปนั้นต่อไป เขาเห็นศีรษะของโคลอี้กำลังขยับขึ้นๆ ลงๆ อยู่เหนือฉากกั้นเลาจ์ราวกับร่างของเธอกำลังขยับกระเพื่อมอยู่บนร่างของใครบางคน โคลอี้เองก็เหมือนจะรู้ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างหลัง เธอเงยหน้าขึ้นหน้ามองเพียงคู่ก็หมอบตัวลงไปอีกครั้ง

     

    เพียงไม่นานนักกิจกรรมก็เหมือนจะหยุดลง บานเลื่อนเลาจ์ถูกรูดออก หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวเหมือนชุดสำหรับใส่ไปทะเลเดินออกมาจากที่นั่ง โคลอี้ทำท่าเหมือนจะเดินไปทางด้านหลัง เธอก้มลงใช้กระโปรงผ้าพลิ้วเช็ดต้นขาด้านในของตัวเองแล้วเดินหายไปจากกล้องทันที

     

    ภาพนั้นทำแบคฮยอนถึงกับต้องเหยหน้า สงสัยจะเอากันจนน้ำเล็ดเลยถึงได้ต้องเช็ดก่อน ไม่ใช่ว่าหึงหวงอะไรหรอก แบคฮยอนเข้าใจว่ามันเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะได้เจอกับแฟนหนุ่ม แต่พวกเขาทำไปได้ยังไง มีอะไรกันบนเครื่องบินทั้งๆ ที่มีคนนั่งอยู่ด้วย โคลอี้ที่เหมือนจะแสนดีเพรียบพร้อมก็ดูจะไม่ใช่อย่างนั้นเลย

     

    นิ้วเรียวกดรัวลงบนแป้นพิมพ์ก่อนที่ข้อความจะถูกส่งออกไป แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะไม่ใส่ใจ แบคฮยอนเชื่อใจแฟนเขา แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรไปมากกว่านี้ เรื่องในอดีตก็แค่เรื่องในอดีต อย่างชานยอลคงเคยทำเรื่องไม่ดีมาอีกเป็นร้อย และแบคฮยอนก็เซอร์ไพรส์จนชินแล้ว แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจก็คงห้ามได้ไหม

     

    ในขณะที่รถขับเคลื่อนไปช้าๆ ดวงตาเรียวรีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คนตัวเล็กตัดสินใจบันทึกวิดีโอนั้นลงเครื่องก่อนที่จะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง มันคงไม่ใช่เวลาที่ดีนักถ้าจะถามชานยอลเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ขอแค่ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนก็ยังดี

     

    มันไม่มีอะไรหรอก... ก็แค่แบคฮยอนคิดมากไปเองเหมือนทุกครั้ง พอรู้สึกไม่ดีก็พาลคิดไปถึงปัญหาอื่นๆ แล้วก็เสียใจไปเองอยู่เรื่อย ตอนนี้ชานยอลต้องการกำลังใจแบคฮยอนก็ต้องเป็นกำลังใจให้กับคนรักก่อน แต่เขาก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าแล้วเวลาที่แบคฮยอนคนนี้เสียใจล่ะ...

     

    ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร ชานยอลอยากเข้าใจหรือเปล่า เขาอยากช่วยปลอบใจหรือทำให้แบคฮยอนสบายใจหรือเปล่า ถ้าชานยอลบอกให้แบคฮยอนห่างกับเซฮุนแบคฮยอนก็จะทำ แต่ถ้าแบคฮยอนบอกให้ชานยอลห่างกับเพื่อนสาวคนสนิทของเขาล่ะ มันจะกลายเป็นตัวแบคฮยอนเองที่คิดมากและทำตัวเจ้าปัญหาเหมือนผู้หญิงหรือเปล่า

     

     ตอนนี้ชานยอลมีกำลังใจของเขาอยู่แล้วทั้งจากพ่อ เพื่อนสนิท และแม่ที่กำลังดีขึ้นซึ่งแบคฮยอนก็รู้สึกยินดีจริงๆ เขาขัดใจเพียงแค่ความรู้สึกเล็กๆ ในใจที่ยังไม่รูู้จะจัดการมันได้ยังไง เป็นเหมือนเสี้ยนเล็กๆ ที่ตำอยู่ในใจและแบคฮยอนยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการมัน


    ไม่รู้สิ ตอนนี้แบคฮยอนไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ถ้าวันหยุดได้กลับบ้านก็คงดี อย่างน้อยเขาก็มีกำลังใจมากมายรออยู่ที่บ้าน

     

     

     


     

     #ฟิคกวาง




    จะเป็นไรไหม ถ้าฉันจะนั่งตรงนี้ใกล้ๆ เธอ ให้ฉันช่วยเธอ เผื่อมีอะไร ขอบคุณที่อ่านนะคะ  มาช้าสักหน่อย สี่ทุ่มเลย ตอนหน้าเจอกันภายในเร็วๆ นี้แบบเร็วมากๆ ฮ่าา แล้วก็อย่าลืม #ฟิคกวาง เหมือนเคย และเอ็นจอยรีดดิ้งเหมือนเดิม ขอบคุณค่ะ :D

    ปล. และอย่าลืม #ฟิคกวาง



    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×