ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #19 : -17-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 418
      2
      12 เม.ย. 58




    -17-








     

              “เมื่อไหร่มึงจะหยุดทำหน้าแบบนั้นซะทีวะ” จิวซื่อโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด เรียกให้รุ่นน้องตัวแสบของเขาต้องค่อยๆหันมามองอย่างเหม่อลอย

              “ครับ?”

              “โว้ย กูไม่รู้หรอกนะว่าในห้องนั้นมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างมึงกับไอ้แอสตันอะไรนั่น แต่ช่วยเลิกทำหน้าเคลิ้มเหมือนคนดมกาวแบบนี้ซะทีเหอะ กูขนลุก -_-”  ก็ไม่ได้อยากจะไปขัดความสุขอะไรของน้องมันหรอกนะ แต่ถ้าไอ้เด็กนี่ยังทำหน้าแบบนี้ตอนเขาพาไปกินข้าว จะต้องมีตำรวจเดินมาถามแน่ๆว่าเป็นเอเย่นส่งยารึเปล่า ก็เล่นหน้าเคลิ้มอย่างกับเมายามาซะขนาดน้ัน

              พอได้ยินคำทักของรุ่นพี่ เหตุการณ์ในห้องก็แล่นขึ้นมาในหัวแทบจะในทันที ภาพทุกภาพยังชัดเจนอย่างกับมีคนมาถ่ายคลิปเอาไว้แล้ว เอามากรอวิดีโอซ้ำแล้วซ้ำอีก

              หลังจากที่เขาตัดสินใจทำอะไรที่โคตรจะน่าอายที่สุดลงไปในชีวิตแล้ว แทบอยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็พยายามทำใจสู้รอดูปฏิกิริยาของพี่แอสตันอยู่แบบนั้น พวกเขาทั้งสองต่างยืนต่อหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็ไม่มีใครขยับตัวไปไหน ซึ่งพวกเขาทำตัวอยู่แบบนั้น จนรู้สึกว่ามันชักจะนานเกินไปแล้ว
              ความรู้สึกเจ็บแปลบเริ่มแล่นเข้ามาทำร้ายหัวใจของเขาทีละนิดๆ ดูเหมือนครั้งนี้ก็คงจะถูกปฏิเสธอีกนั่นล่ะ...
              ขณะที่รู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ คนตรงหน้าเขากลับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นมือมาขยี้ศีรษะของเขาเพื่อเป็นการเรียกความสนใจ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมเป็นประกาย รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎเด่นชัดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น
              มือเรียวค่อยๆเลื่อนมาเชยคางเขาขึ้นเบาๆ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรง


              “แล้วพี่จะตั้งใจรอดูนะ”





              คือมันเป็นอะไรที่ ฟหกด่าวสสาวสาห มากอ่ะ แค่คิดก็ยังเขินเลย!!!

              “เชี่ยๆ ไอ้เชี่ยจิน มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย อย่ามาทำร้ายมาเซราติลูกรักของกูนะเว้ย” จิวซื่อหลุดโวยวายออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆไอ้รุ่นน้องตัวแสบก็เริ่มการทำร้ายรถของเขาด้วยการทุบคอนโซลหน้ารถแรงๆ จนเขาสะดุ้ง จินที่พึ่งจะรู้ตัวเลยรีบหยุดชะงักก่อนจะหัวเราะแหะๆ

              ท่าทางแปลกๆของรุ่นน้องทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าในห้องนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ไม่เป็นไรเขายังมีเวลาซักเจ้าเด็กนี่ระหว่างกินข้าว แต่ที่แน่ๆเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่ดีล่ะนะ



              สุดท้ายเขาก็พาเจ้าเด็กนี่มาร้านพิซซ่าเจ้าประจำที่เคยมาด้วยกันบ่อยๆ เจ้าของร้านก็ยังคงจำพวกเขาได้เลยจัดการหาโต๊ะที่เป็นส่วนตัวที่สุดให้ จัดการสั่งอาหารเสร็จสรรพก็ถึงเวลาที่เขาจะได้ซักไซร้หาความจริงจากรุ่นน้องจอมดื้อนี่เสียที

               ตอนแรกจินก็อึกอักไม่อยากจะเล่าให้ฟัง แต่พอให้เหตุผลว่าที่เจ้าเด็กแสบสามารถเคลียร์ปัญหากับนายแบบหนุ่มรูปหล่อนั้นได้เพราะมีเขาเป็นคนช่วย จินก็เลยหมดหนทางจะปฏิเสธ และยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แม้จะอึ้งๆกับสิ่งที่เจ้าเด็กนี่ทำลงไปบ้าง แต่นั่นก็สมกับเป็นจินล่ะนะ ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรทำเพียงแค่พยักหน้าอือออไปตามเรื่อง จนรุ่นน้องตัวแสบเล่าจบนั่นแหละ

               “เฮียพูดอะไรหน่อยดิ” หลังจากเล่าจบ แต่รุ่นพี่คนสนิทก็ยังเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร จนเขาเริ่มจะใจเสีย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า...จิวซื่ออาจจะรับที่เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ได้ก็ได้

               และดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฎออกมาเด่นชัดทางสีหน้า รุ่นพี่ตัวสูงเลยจัดการขยี้หัวของเขาแรงๆสองสามที

              “กูไม่ได้รังเกียจอะไรมึงนะเว้ย” ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นเด็กแสบไม่ได้พูดอะไร จิวซื่อเลยตัดสินใจพูดต่อ

              “ก็ยอมรับว่าช็อคๆไปบ้าง เพราะครั้งล่าสุดที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับมึงก็คือมึงบอกเลิกกับไอรีนด้วยวิธีที่โคตรเด็ดนี่หว่า เอ้อ จะว่าไปแอสตันนี่ใช่คนที่ไอรีนตามจีบอยู่ใช่ป่ะ” จินพยักหน้ารับแบบอายๆนิดหน่อย พอมาย้อนกลับไปคิดดู เขาก่อวีรกรรมเด็ดๆเอาไว้เยอะเหมือนกัน ไม่แปลกใจที่รุ่นพี่จะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะว่าไปก็เป็นเพราะไอรีนสินะที่ทำให้เขามาเจอกับแอสตันน่ะ

     

               พอมาเป็นอย่างนี้เริ่มรู้สึกผิดต่อไอรีนขึ้นมาหน่อยๆแฮะ...

     

               จิวซื่อเหลือบมองท่าทางของรุ่นน้องคนสนิท เมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของรุ่นน้อง เขาก็อดที่จะเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้จริงๆ

               ก็เพราะเจ้าเด็กนี่น่ะ...เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับความรักชนิดที่ว่ามีเท่าไหร่ก็ให้ไปจนหมด พอทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง คนที่เจ็บที่สุดจะไปเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่ตัวเองน่ะ

               “จิน...” ก็เลยคิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรบ้าง เพราะเจ้าเด็กนี่ เป็นรุ่นน้องที่เขาสนิทด้วยมากๆนี่นา ทั้งคอยดูแล คอยเป็นห่วงมานานขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครบางคนมาทำร้ายน้องของเขาง่ายๆหรอก

     

              “ความรักน่ะมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ บางทีมันก็ซับซ้อนมากกว่าการที่กูชอบมึง มึงก็ชอบกู งั้นเราเป็นแฟนกันนะ จะว่ายังไงดีวะ...อืม โดยเฉพาะความรักที่ไม่ใช่ชายหญิงน่ะ”

     

               เกริ่นไปเกริ่นมาก็เริ่มรู้สึกตัวเองชักจะเวิ่นเว้อเกินไปแล้ว แต่เมื่อเห็นเจ้าเด็กแสบยังคงจ้องเขาตาแป๋วราวกับกำลังรอให้พูดต่อ เลยทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดต่อให้จบ

               “จริงอยู่ที่สังคมมันเปิดกว้างมากขึ้น แต่มึงอย่าลืมนะว่าไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับได้น่ะ มึงโชคดีที่กูกับสไปรท์เข้าใจและพร้อมจะอยู่ข้างมึง แต่มึงห้ามไปพูดอะไรแบบนี้ซี้ซั้วนะ ยิ่งมึงเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน กูว่าพ่อแม่มึงอาจจะยอมรับยาก เข้าใจใช่ป่ะ ลูกคนจีนเหมือนกันนี่” เมื่อเห็นรุ่นน้องพยักหน้าเข้าใจด้วยสีหน้าที่ดูโคตรจะลำบากใจเลย เริ่มรู้สึกผิดข้ึนมาหน่อยๆแต่มันเป็นเรื่องจริงนี่

     

               “อย่าพึ่งคิดอะไรมากเลย เอาไว้มันเกิดปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยมาช่วยกันคิดหาทางแก้ก็แล้วกัน”

     

               “อย่าลืมนะว่ามึงยังมีกูอยู่ข้างมึงเสมอ”

     

               พูดพร้อมกับคลี่ยิ้ม ยิ้มที่ใช่ว่าเขาจะยิ้มให้กับใครง่ายๆ ยิ้มที่สร้างขึ้นเพื่อให้กำลังใจคนที่สำคัญกับเขามากจริงๆ

               จินมองรอยยิ้มของรุ่นพี่คนสนิท วันนี้จิวซื่อทำเพื่อเขามาเยอะมากตั้งแต่อยู่ที่สตูดิโอแล้ว ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างพี่แอสตันกับเฮียจิว ก็เขายืนรออยู่หน้าประตูเลยนี่ คำขู่ของจิวซื่อที่พูดกับแอสตัน ทั้งหมดก็เพื่อตัวเขาล้วนๆ ไม่รู้ว่าสนิทกับรุ่นพี่ตรงหน้าเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผูกพันกันมากขนาดนี้ แต่ก็ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆที่พี่เค้ายังเลือกที่จะอยู่ข้างๆเขา

               “พอๆ เลิกมองกูด้วยสายตาเลี่ยนๆแบบนั้นได้แล้ว เอ้า แดกๆ พิซซ่ามาพอดีเลย” จิวซื่อก็ยังเป็นจิวซื่อวันยังค่ำล่ะนะ :)

     

     

     

     









              “เป็นยังไงบ้าง บรรยากาศที่สตูดิโอน่ะ” ทันทีที่หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา น้ำเสียงหวานๆก็เอ่ยถามเขาขึ้นมาทันที จินวางแก้วโกโก้ที่ตัวเองชงลงบนโต๊ะกาแฟข้างหน้าโซฟา ก่อนจะเอ่ยตอบคนเป็นแม่

               “วุ่นวายมากอ่ะม๊า แต่ก็สนุกดี เฮียจิวเท่สุดๆ” พูดไปภาพของเหตุการณ์ที่พึ่งเจอเมื่อกลางวันก็แล่นเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ รวมถึงเหตุการณ์ในห้องแต่งตัวระหว่างเขากับแอสตันด้วย พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกร้อนๆที่หน้าขึ้นมาทุกทีสิน่า

                มาริสาเมื่อเห็นลูกชายตัวดีเงียบไปเลยละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์มายังเจ้าเด็กจอมแสบแทน

                “ตายแล้ว นี่ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย หน้าแดงเชียว” ก่อนจะต้องเอ่ยทักออกมาอย่างตกใจ ก็ใบหน้าขาวๆของลูกชายเธอนั้นแดงก่ำเสียจนเธอคิดว่าต้องไม่สบายแน่ๆ เลยจัดการเอาฝ่ามือสัมผัสที่ใบหน้านั้นเบาๆ มีแต่ที่แก้มเท่านั้นแหละที่ร้อนกว่าบริเวณอื่น

                จินค่อยๆปัดมือของคนเป็นแม่ออก ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาแห้งๆเมื่อเจอเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากมารดา

               “ไม่มีอะไรหรอกม๊า โกโก้มันร้อนอ่ะ จินว่าจินขึ้นไปพักที่ห้องดีกว่า” พูดเร็วๆ ก่อนจะลุกขึ้นพรวด หยิบเอาแก้วโกโก้ของตัวเองรีบวิ่งขึ้นห้อง เพื่อกันไม่ให้คนเป็นแม่ถามอะไรเขาขึ้นมาอีก

               เมื่ออยู่ในห้องตามลำพัง แทบจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้ว เลยไถลตัวลงกับประตูลงไปนั่งกองอยู่ตรงพื้น แก้วเซรามิกที่บรรจุของเหลวสีน้ำตาลเข้มถูกวางไว้ข้างๆ มือเรียวเลื่อนมาสัมผัสบริเวณอกข้างซ้าย ที่ที่ก้อนเนื้อของเขากำลังเต้นผิดจังหวะ

               แค่คิดถึงนัยน์ตาสีอัลมอนด์ที่กำลังจับจ้องมาทางเขาอย่างอ่อนโยนแบบนั้น หัวใจมันก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง บ้าที่สุดเลย เขาปล่อยให้ไอ้รุ่นพี่บ้านั่นมามีอิทธิพลต่อเขามาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาควรจะเผื่อใจรึเปล่า ถ้าหากเขาไม่สามารถเปลี่ยนให้ไอ้รุ่นพี่ตัวสูงนั่นมารักเขาได้ล่ะ

     

               ถ้าเขาไม่สามารถมีอิทธิพลต่อแอสตันเหมือนที่แอสตันมีอิทธิพลต่อเขาได้ ไม่สามารถลบเลือนคนรักคนนั้นของแอสตันได้ ไม่สามารถทำให้หัวใจดวงนั้นมาเป็นของเขา เขาจะทำยังไงดี...


              สะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน นี่มันไม่สมกับเป็นตัวเขาเลย นี่เขาเป็นใคร จิน นักร้องนำวง alcoholic นะ หล่อ รวย โคตรจะแบดและเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ไม่เคยสนใจใครหน้าไหน


     

               และถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้...


     

               ยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนดี ออกจะนิสัยแย่เสียด้วยซ้ำ แต่นี่มันคือตัวเขานี่นา และเขาก็จะทำให้แอสตันตกหลุมรักด้วยตัวเขาแบบนี้นี่แหละ คิดได้แบบนั้นก็เผลอหลุดคลี่ยิ้มออกมา เพราะเผลอปล่อยให้ความผิดหวังเกาะกุมหัวใจนานไปหน่อย เลยเกิดความคิดอะไรที่มันไม่ใช่ตัวของตัวเองเอาเสียเลย แต่ต่อจากนี้ไปมันจะไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ

                ก่อนจะเหลือบมองไปทางกำไลข้อมือที่เขาถอดวางทิ้งไว้บนโต๊ะ กำไลข้อมือที่สลักเป็นชื่อของเขา ของสิ่งแรกที่เป็นความทรงจำระหว่างเขากับรุ่นพี่ตัวสูงนั่น หยิบมาใส่ยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไปที่นอกระเบียง ที่ที่สามารถเห็นดวงดาวที่กำลังแข่งกันทอแสงเต็มท้องฟ้า




                เขาจะรุกแล้วนะ!!!

     

     

     

     

     

     









               “แอสตันอยู่ไหนน่ะ ทำไมไม่เห็นกลับเข้ามา” คุณนายแฮมฟอร์ดเอ่ยถามสาวใช้ที่นำชามาเสิร์ฟ ตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มแล้ว แต่หลังจากเวลาอาหารเย็นแล้วลูกชายตัวดีของเธอขอตัวออกไปเดินเล่นจนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นกลับเข้ามาในบ้านเสียที คงไม่ได้เดินเล่นจนสะดุดล้มหัวฟาดพื้นที่ไหนหรอกนะ

               “คุณแอสตันนั่งเล่นอยู่ที่ริมสระน่ะค่ะ เห็นเข้ามาชงโกโก้แล้วก็ออกไปนั่งเกือบๆชั่วโมงแล้ว” คุณหญิงของตระกูลเลิกคิ้วขึ้นกับประโยคที่ได้ยิน ลูกชายคนเล็กของเธอปกติไม่ค่อยมีอาการเหม่อลอยแบบนี้เสียเท่าไหร่ ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกชายของเธอสินะ

               “อยากให้ดิฉันไปตามให้มั้ยคะ ปกติคุณแอสตันแกไม่เคยเป็นแบบนี้นะคะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า” สาวใช้ประจำตระกูลที่อยู่บ้านนี้มานานออกความคิดเห็น คุณนายแฮมฟอร์ดหลุดหัวเราะหึหึ ก่อนจะยกชาขึ้นจิบ

                “ไม่ต้อง ปล่อยเด็กนั่นไว้เถอะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรอก มันเป็นอาการของคนมีความรักน่ะ”

     

     





               ร่างสูงค่อยๆพับขากางเกงของตัวเองขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วเอาขาแช่ลงน้ำในสระ ความรู้สึกเย็นๆทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะเอนตัวลงแล้วเอาแขนค้ำกับพื้นเอาไว้ เหลือบสายตามองบนท้องฟ้า ดวงดาวนับร้อยพันกำลังแข่งขันกันทอแสง เป็นวันที่ท้องฟ้าสวยจริงๆนั่นแหละ

                พอสมองว่างเหตุการณ์ที่พึ่งเจอมาเมื่อตอนกลางวันก็แล่นเข้ามาในหัว และมันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ ภาพใบหน้าของรุ่นน้องคนสนิทที่ช้อนตามองเขาด้วยความหวัง ก่อนที่ใบหน้าคมสวยนั่นจะเปลี่ยนเป็นดื้อรั้นตามนิสัย นัยน์ตาสีรัตติกาลสวยเต็มไปด้วยความแน่วแน่อย่างไม่ยอมแพ้ ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าเด็กนี่มีเสน่ห์มาก และนั่นก็ทำให้เขาเผลอใจไปอีกแล้ว

                หลับตาแน่นเมื่อเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ก็หลายๆวันมานี้มีเรื่องให้เขาต้องคิดมากตลอดเลย ก่อนจะต้องสะดุ้งกับเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ที่ดังขึ้นถี่รัว ดวงตาคมค่อยๆลืมขึ้น ก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องบางของตัวเองขึ้นมาดู เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเสียงแจ้งเตือนนั้นมาจากแอพพลิเคชั่นชื่อดังที่เอาไว้ใช้โพสรูป ซึ่งช่วงนี้เขาไม่ได้โพสรูปอะไรสักหน่อย  สไลด์หน้าจอเพื่อเลื่อนดูก่อนจะพบว่ามีคนแท็กชื่อเขามาเยอะมาก นิ้วเรียวค่อยๆเลื่อนไปคลิ๊กเข้าไปดู



               ภาพของข้อมือบางๆที่สวมกำไลข้อมือสีเงินเงาวับ แสงสลัวๆทำให้เห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนผิวเงินนั้นอย่างเลือนลาง ส่วนพื้นหลังก็เป็นท้องฟ้าตอนกลางคืนที่มีดวงดาวกำลังทอประกายส่องแสงระยิบระยับ ซึ่งไม่ต่างจากท้องฟ้าที่เขาเห็นในตอนนี้


               Are you looking at the same sky? Do your heart beat fast like mine?





               แคปชั่นที่กำลังสื่ออะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่านะว่าสิ่งแคปชั่นนั้นมันหมายถึงเขา ริมฝีปากได้รูปค่อยๆหลุดคลี่ยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่ารูปที่มีคนแท็กเขาเป็นรูปอะไร และของใคร นี่มันคือพลังของแฟนคลับจริงๆแฮะ

               คำพูดเมื่อตอนกลางวันของรุ่นน้องจอมแสบค่อยๆลอยเข้ามาในหัว


     

               “งั้นแปลว่าผมก็ยังมีโอกาสใช่รึเปล่า...”



               “พี่ไม่ต้องทำอะไรหรอก ผมจะเป็นฝ่ายทำให้ในหัวของพี่มีแต่เรื่องของผม ทำให้หัวใจของพี่เต้นผิดจังหวะเพราะผมเพียงคนเดียว”

             
     

              หลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรู้สึกว่าเจ้าเด็กนั่นทำอย่างที่ตัวเองพูดจริงๆ

     

              ก่อนจะตัดสินใจวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ตรงเข้าไปในห้องนอน หยิบเอากำไลข้อมือที่มีชื่อของตัวเขาเองสลักเอาไว้ วิ่งกลับมาที่สระน้ำ ไม่สนใจแววตาฉายแววสงสัยจากคนเป็นมารดาที่นั่งอยู่ตรงห้องรับแขก
              ค่อยๆสวมกำไลสีเงินวาวลงบนข้อมือของตัวเองแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปในแบบที่คล้ายๆกัน เพียงแต่ว่าให้เห็นท้องฟ้าครึ่งหนึ่งและสระน้ำอีกครึ่งหนึ่ง จัดการแต่งรูปเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจกดโพสลงในอินสตราแกรมของตัวเอง

               หยุดคิดแคปชั่นสักพัก นิ้วเรียวพรมนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะรีบกดล็อกทันทีหลังจากโพสรูปเสร็จ



     

               Sit on the ground where we were together… Just wonder can i go back to that time…



     

               รู้สึกหน้าตัวเองร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่เขาโพสอะไรลงไปกันนะ โพสไปเพียงไปกี่วินาทีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์เครื่องบางก็ดังขึ้นถี่รัว ทำให้หลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้


     

               เจ้าเด็กนั่นจะเห็นสิ่งที่เขาโพสตอบกลับไปมั้ยนะ

     

     

     





     

     






               แปลกๆ ช่วงนี้ลูกชายของเขาทำตัวแปลกๆ จะว่ายังไงดีล่ะ พอถามภรรยาของเขาก็บอกว่าจินก็เป็นของจินแบบนี้ แต่สำหรับเขาว่ามันไม่ใช่ จะว่าเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานก็ไม่ถูก เพราะเขากับลูกไม่เจอหน้ากันแค่สองสามเดือนเท่านั้นเอง และยิ่งไปกว่านั้นเขาเหมือนกำลังได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
     

               กลิ่นของคนกำลังมีความรักน่ะสิ!!!!
     

               ไม่ๆๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเขาได้ยินข่าวล่าสุดมาคือลูกชายสุดที่รักของเขาโดนแฟนสาวนอกใจ และจัดการขอเลิกไปเรียบร้อยแล้ว แถมด้วยวิธีการเจ็บแสบสุดๆ ตอนแรกเขาว่าจะบินกลับมาหาแล้ว แต่โดนเลขาจอมจุ้นนั่นดึงตัวเอาไว้ก่อน พอกลับมาคราวนี้ก็เลยคาดหวังอ้อมกอดอุ่นๆจากลูกชายเป็นพิเศษ
               แต่ผิดคาด เพราะลูกชายของเขาแค่ยิ้มและพูดว่า

     

               ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ’

     

               แค่นั้น แค่นั้นจริงๆนะ รู็สึกเหมือนเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ พอบ่นกับคุณภรรยา ก็โดนหาว่าทำตัวไม่รู้จักโตซะทีอีก นี่คนเค้ารักลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองมากมันไม่รู้จักโตตรงไหน ก็เลยพยายามหาทางให้ได้ใกล้ชิดกับลูกเพื่อชดเชยเวลาทั้งหมดที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่ลูกชายของเขากลับไม่ให้ความร่วมมือเสียนี่

                เอาแต่จ้องโทรศัพท์ตลอดทั้งวัน หรือออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ซึ่งอันนี้เค้ารับได้ แต่การที่คุยโทรศัพท์พร้อมกับทำหน้าเขินๆ หลังจากวางสายแล้วก็นั่งบิดตัว ฟาดนู่นฟาดนี่เพื่อระบายความเขินนี่มันอะไร มันคืออาการของคนมีความรักชัดๆเลยไม่ใช่รึไง พอถามคุณภรรยาเรื่องนี้ก็บอกว่าไม่เห็นจินคุยกับใครนี่ แล้วที่เขาเห็นมันตาฝาดรึไง!!!

                พอไปตะล่อมถามก็โดนบอกปัดทำร้ายจิตใจมาซะงั้น ก็เลยทำได้เพียงลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ จนมาถึงวันที่ต้องไปเที่ยวทะเลกับตระกูลแฮมฟอร์ดนั่นแหละ

               “นี่คุณ เจ้าเด็กตัวสูงๆหน้าหล่อๆตรงนั้นคือใครน่ะ”

               “หืม คนนั้นหรอ แอสตันไง คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไงคะ คนที่จินสนิทด้วยมากๆน่ะ”

                ชัดเลย!!! ต้องเป็นเจ้าเด็กนี่แน่ๆที่ทำให้ลูกชายของเขามีท่าทีแปลกๆไป เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆวันที่เขาเห็นลูกชายตัวเองมีท่าทีมีความสุขขนาดนี้ ไหนจะไอ้แก้มแดงๆแสดงอาการเขินนั่นอีก ลูกชายของเขาชักจะน่ารักเกินไปแล้ว และเขาก็จะไม่ยอมให้ไอ้หน้าหล่อนั่นมาพรากลูกจินสุดที่รักของเขาไปหรอก (ทำหน้ามุ่งมั่น)



               “จะแบ่งที่นั่งกันยังไงดี” คุณนายแฮมฟอร์ดเอ่ยถามแสดงความคิดเห็น เพราะทริปนี้มีกันทั้งหมดตั้งแปดคน ก็เลยตัดสินใจเอารถไปทั้งหมดสองคัน เป็นรถเก๋งหนึ่งคัน และรถตู้อีกหนึ่งคัน ก็แต่ละคนสัมภาระน้อยซะที่ไหนล่ะ แปลว่าพวกเขาจะต้องแบ่งคนกัน

               “เดี๋ยวผมกับรีฟาขับบีเอ็มไปก็ได้ครับ ผมรู้ทาง” ออสตินเอ่ยเสนอความคิดเห็นหลังจากปรึกษากับภรรยาเรียบร้อยแล้ว คนเป็นแม่พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะบอกให้เอาสัมภาระบางส่วนไปด้วย รถอีกคันจะได้ไม่ต้องบรรทุกหนักมาก

               “งั้นก็แบ่งที่นั่งเป็นสอง สอง สองเลยแล้วกันนะครับ รถตู้น่ะ จะได้ไม่นั่งเบียดกันมาก” คริสโตเฟอร์เอ่ยจัดแจงที่นั่ง ไม่อยากจะให้เสียเวลาตรงนี้มาก เพราะยังต้องเดินทางอีกไกล

               “มะ...”

               “ดีค่ะ” วิษณุตั้งท่าจะปฏิเสธเพราะอยากจะนั่งกับลูกชายและภรรยาสุดที่รัก แบบแฟมิลี่ แต่มาริสาก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน ก่อนจะแอบหยิกต้นแขนของคนเป็นสามีไม่เบาเท่าไหร่นัก

               “ทำไมล่ะคุณ T^T” พูดพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร นี่ถ้าไม่มีคนบอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทในเครือ V.V.R นี่คงจะไม่มีคนเชื่อแน่ๆ คนเป็นภรรยาหลุดถอนหายใจ ก่อนจะตีแขนสามีของตัวเองไปอีกสองสามที นี่ถ้าไม่ติดว่าอายครอบครัวแฮมฟอร์ดนะเธอจะทำมากกว่านี้อีก

               “ลูกก็โตแล้ว อย่าไปอะไรกับลูกมากนักเลยค่ะ ไม่ใช่เด็กอนุบาลที่คุณจะมาคอยห่วงแล้วนะ ปล่อยลูกบ้างเถอะ จินเค้าปลื้มแอสตันมากนะคะ ถ้าไปทำให้ลูกอายต่อหน้าแอสตัน แล้วลูกโกรธฉันจะไม่ช่วยพูดอะไรด้วยนะ” น้ำเสียงหวานๆเอ่ยขู่จนทำเอาคนเป็นสามีหงอ

              “ก็เพราะปลื้มเจ้าเด็กนั่นนั่นแหละ” บ่นพึมพำกับตัวเองอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อเงยหน้าสบตาภรรยาที่กำลังทำหน้าตาจริงจังมาให้เลยตัดสินใจหุบปากฉับ

              “นั่งแบบที่คุณคริสโตเฟอร์เสนอก็สบายดีออก ไม่เห็นมีอะไรต้องแย้งเลยนี่คะ” พอเขาตั้งท่าจะเถียง ก็ส่งสายตาดุๆมาให้อีกแน่ะ แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากก้มหน้าก้มตายอมรับข้อเสนอนั้นน่ะสิ

              “งั้นถ้าไม่มีปัญหาอะไร เอาเป็นผมนั่งกับภรรยาผม คุณวิษณุนั่งกับคุณมาริสา ส่วนแอสตันนั่งกับจินนะ” เมื่อไม่เห็นมีคนขัดแย้งอะไร ก็เลยจัดการที่นั่งกันเสร็จสรรพ และบอกให้คนขับรถเตรียมออกรถได้แล้ว

     

     





     





               “นี่จิน” สะกิดเรียกรุ่นน้องจอมแสบที่นั่งอยู่ข้างตัวเองเบาๆ นัยน์ตาเรียวสวยหันมามองเขาเป็นเชิงถามว่ามีอะไร อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดออกมาแต่โดยดี

               “พี่รู้สึกว่าพ่อของจินจ้องพี่แปลกๆอ่ะ” พูดไม่ค่อยเต็มเสียง พยายามลดเสียงลงให้เหลือเพียงเสียงกระซิบที่เขากับจินจะได้ยินกันแค่สองคน จินเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยกับประโยคที่ได้ยิน ก่อนจะเหลือบมองไปทางเบาะที่พ่อกับแม่ของเขานั่งอยู่

               วิษณุที่ตอนแรกจ้องมาทางแอสตันเขม็ง เมื่อเผลอสบตาเข้ากับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง ก็รีบเบนสายตากลับมาฉายแววมีพิรุธสุดๆ ใครดูไม่ออกก็คงจะต้องไปเปลี่ยนดวงตาใหม่แล้วล่ะ

               จินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะส่งสายตาคาดโทษไปให้คนเป็นพ่อ ดูเหมือนแม่ของเขาก็พอจะรับรู้ถึงความผิดปกติระหว่างสองพ่อลูกเลยหันมามองทางจินอย่างสงสัย สบโอกาสให้ลูกชายคนเดียวได้ฟ้องทางสายตา และดูเหมือนคนเป็นแม่ก็จะเข้าใจสิ่งที่ลูกชายตัวเองสื่อซะด้วย เลยจัดการตีแขนคนเป็นสามีเบาๆ ก่อนจะดึงหูเบาๆให้หันหน้าไปอีกทาง

               “พี่คิดมากไปเองแล้วล่ะ” พูดพลางคลี่ยิ้มที่คิดว่าใสซื่อที่สุด แอสตันมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงเบา จินเองก็คงจะพอรู้อยู่แหละว่าแอสตันน่ะดูออก เลยแอบส่งสายตาคาดโทษไปให้พ่อของตัวเองที่กำลังถูกคุณแม่ดุอยู่

     

               ป๊านะป๊า ถึงที่พักเมื่อไหร่จะต้องจัดการให้เด็ดขาดซะหน่อย

     

               ก่อนที่จะหันกลับมาจดจ่อกับแผนการรุดหน้าจับ เอ๊ย จีบรุ่นพี่ตัวสูงข้างๆนี่ โชคดีที่หลังจากเหตุการณ์ในห้องแต่งตัวนั่น เขากับแอสตันก็ไม่มีอาการหลบหน้ากันอีก เอาเป็นว่าอาจจะมีประหม่ากันบ้างเล็กน้อย เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่า สถานะตอนนี้ไม่ใช่รุ่นพี่กับรุ่นน้องธรรมดาอีกต่อไปแล้ว

                แรงจิ้มบริเวณไหล่ทำให้แอสตันต้องหันไปหาคนที่นั่งข้างๆเขา ก่อนจะสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาลที่กำลังจ้องมาทางเขาตาแป๋ว ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่านะ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเจ้าเด็กแสบนี่น่ารักขึ้นกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกมาก

                แต่พอเห็นเค้าหันไปกลับไม่พูดอะไรเอาแต่อมยิ้มอยู่ พอเขาหันกลับไปทางเดิมก็จิ้มเข้าที่ไหล่อีก ทำแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ จนเขาตัดสินใจเอ่ยปากถามนั่นแหละ
     

                “มีอะไร หืม”


                แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบ แถมยังทำหน้าลอยหน้าลอยตาอีกต่างหาก ก็เลยอดที่จะยื่นมือไปบีบจมูกรั้นๆนั้นไม่ได้ คนตัวบางหลุดโวยวายออกมานิดหน่อย เรียกเสียงหัวเราะเบาๆได้จากเขา

                “กินป๊อกกี้มั้ย” พูดพลางชูซองขนมขึ้นมา กล่องป๊อกกี้สีชมพูหวานดูไปดูมาก็เหมาะกับรุ่นน้องคนนี้ดี ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้มๆ มือบางๆจัดการแกะขนมในมือก่อนจะยื่นให้รุ่นพี่ตัวสูง

                 ต่างฝ่ายต่างกินขนม จินเสตามองออกไปทางนอกหน้าต่าง มองวิวที่เลื่อนเปลี่ยนไปเรื่อยตามการเคลื่อนที่ของรถยนต์ ส่วนแอสตันก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเช็คตารางงานการนัดหมายของตัวเอง

                ก่อนที่นิ้วเรียวจะชะงักกับประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับสวย

     

                “ผมเห็นรูปที่พี่โพสลงในไอจีแล้วนะ”

     

                 พูดแค่นั้นแล้วก็เงียบ ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่แอสตัน แล้วก็ฮัมเพลงออกมาเบาๆอย่างสบายๆ และก็เหมือนจะรู้ตัวด้วยนะว่าทำให้คนตัวสูงข้างๆเขินขึ้นมาขนาดไหน แอสตันรู้สึกหน้าของตัวเองร้อนผะผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆที่ตัวเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเขินหรือรู้สึกอะไรแบบนี้หรอก

               ก็เลยสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อควบคุมสติของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไปบ้าง

     

               “แล้วคิดว่ายังไงล่ะ”

     

               จินที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าแอสตันจะถามเขากลับแบบนี้ เลยชะงักค้างไปเล็กน้อย รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

               ก็ตอนนั้นที่เขาตัดสินใจโพสไปน่ะ เป็นอะไรที่แบบอารมณ์ชั่ววูบสุดๆ แค่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองควรจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็เล่นไปประกาศตัวขนาดนั้นว่าจะจีบพี่แอสตัน จะทำให้พี่แอสตันมาตกหลุมรักตัวเองให้ได้

               ยอมรับว่าแอบหวังลึกๆว่าพี่มันจะมาโพสตอบ หรือคอมเม้นท์ที่รูปบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ได้คิดไปถึงว่าเจ้ารุ่นพี่หน้าหล่อนี่จะโพสรูปกลับในไอจีตัวเอง เป็นรูปแบบที่คล้ายกันขนาดที่เด็กอนุบาลยังดูออกเลย ว่าโพสตอบกลับเขามาแน่ๆ แถมยังแคปชั่นนั่นอีก ก็ที่ตรงนั้นน่ะ...เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเขากับแอสตันนี่นา เป็นที่ที่ทำให้เขาเผลอตกหลุมรักเจ้ารุ่นพี่บ้านั่น ไม่สิ ต้องเป็นที่ที่ทำให้เขารู้ว่า


     

               เขาตกหลุมรักผู้ชายที่ชื่อว่า แอสตัน มาตั้งนานแล้วต่างหาก


     

               คิดไปคิดมามันเป็นเรื่องที่น่าอายสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง แต่ก็อย่างที่ว่าแหละ นี่เขาเป็นใคร

     

               จิน โคตรจะหล่อ โคตรจะรวย แถมยังมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองแบบสุดๆ เลยหลับหูหลับตาทำอะไรแบบนั้นไป เสียใจในเรื่องที่ทำก็อีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆคือจะไม่ยอมเสียใจเพราะเรื่องที่ไม่ได้ทำเด็ดขาด

     

               ก็เลยนับหนึ่งถึงสิบในใจ เพื่อรวบรวมแรงใจทั้งหมด เขาจะไม่ปล่อยให้พี่มันมาทำให้เขาเขินได้หรอก พอหันหน้าไปหาเจ้ารุ่นพี่ขี้เก๊กนั่น แอสตันก็ทำเป็นไม่สนใจเขาเสียแล้ว แถมยังหยิบป๊อกกี้ในมือของเขาไปกินเฉย แล้วคิดว่าเขาจะยอมมั้ย


             มีอย่างที่ไหนมาถามให้เขารู้สึกร้อนๆที่หน้าแล้วมาทำเป็นไม่สนใจกันน่ะ!!!!



              แอบเหลือบสายตาไปทางข้างหน้ารถนิดหน่อย คุณคริสโตเฟอร์กำลังคุยโทรศัพท์น่าจะคุยเรื่องธุรกิจของตัวเองอยู่เพราะดูท่าทางเคร่งเครียดไม่น้อย ส่วนคุณนายแฮมฟอร์ดก็กำลังช่วยคุณสามีของตัวเองเช็คเอกสารในแท็ปเลต

               ก่อนจะเหลือบไปมองทางป๊ากับม๊าของเขาบ้าง ป๊ากำลังบ่นงึมงำไม่หยุด ส่วนม๊าของเขาก็เอาแต่หัวเราะก่อนจะเอาหลอดดูดจิ้มเข้าปาก เพื่อให้คุณสามีของตัวเองหยุดบ่นเสียที
     

              ไม่มีใครสนใจเขากับแอสตันเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มซุกซนค่อยๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากรูปกระจับสวย



     

               แอสตันที่เห็นจินเงียบไม่ยอมตอบซะทีก็เลยเริ่มรู้สึกใจเสีย อยากจะถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง กลัวว่าจะทำให้เจ้าเด็กนี่โกรธเขา หรือเขาเผลอแกล้งอะไรรุนแรงไปนะ ก็แค่ถามว่าคิดยังไงเองนี่นา ไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยหยิบป๊อกกี้จากมือเจ้าเด็กนั่นกินไปเรื่อยๆ แอบเหล่สายตามองไปทางรุ่นน้องตัวแสบเล็กน้อย

               ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆเจ้าเด็กจอมดื้อก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ค่อยๆกัด แทะเล็มป๊อกกี้ที่เขากำลังงับอยู่ในปากมาจากอีกด้าน แท่งขนมสีชมพูหวานค่อยๆสั้นลงเรื่อยๆ สั้นถึงขนาดว่าสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายได้เลยล่ะ

               แอสตันนิ่งค้างตัวแข็งทื่อ รู้สึกสติของเขาเตลิดเปิดเปิงไปหมด มารู้ตัวอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงหัวเราะใสๆจากคนข้างๆนั่นแหละ รู้สึกหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จินหัวเราะคิกคักกับท่าทางของรุ่นพี่ตัวสูง


     

              “ก็คิดว่าบางทีพี่อาจจะตกหลุมรักผมเข้าแล้วน่ะสิ”


     

              ประโยคสุดแสนจะหลงตัวเองที่ดังมาจากริมฝีปากสีพีชนั่นทำให้แอสตันเผลอหลุดยิ้ม ไม่ว่ายังไงจินก็คือจิน เจ้าเด็กแสบที่ไม่เคยแคร์ใครหน้าไหน และยังมั่นใจในตัวเองสุดๆ เขาชอบจินที่เป็นแบบนี้ ไม่ชอบเลยกับท่าทางของรุ่นน้องในช่วงระยะเวลาที่พึ่งผ่านมา

               ยอมรับว่าเขาเป็นตัวการสำคัญในการทำให้รุ่นน้องคนสนิทเป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่างหาก พอมารู้ตัวอีกที รุ่นน้องของเขาก็เข้มแข็งขึ้นแล้ว


     

              แถมยัง...มีเสน่ห์มากกว่าแต่ก่อนเสียอีก


     

              และเขาก็ไม่ยอมให้เจ้าเด็กแสบนี่มาปั่นหัวเขาคนเดียวหรอก เพราะเขาเองก็มั่นใจในตัวเองไม่น้อยไปกว่าจินหรอก

              ก็เลยหันไปสบตาเจ้ารุ่นน้องตัวแสบ โน้มตัวเข้าไปใกล้จนจินที่กำลังคาบป๊อกกี้ไว้ในปากไม่กล้าที่จะขยับตัว หรือแม้แต่กัดขนมซะด้วยซ้ำ รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะห่างระหว่างเขากับแอสตันที่ค่อยๆลดลงๆ จนกระทั่งริมฝีปากได้รูปนั้นมาหยุดอยู่ตรงที่ปลายขนมแท่งยาวสัญชาติญี่ปุ่น

              ก่อนที่รุ่นพี่ตัวสูงนั้นจะงับเข้าที่ปลายป๊อกกี้อีกฝั่งเบาๆ ค่อยๆกัดเพื่อลดระยะห่างระหว่างเขากับตัวเองลงเรื่อยๆ เขาแทบจะหยุดหายใจเมื่อป๊อกกี้แท่งนั้นสั้นลงจนถึงระยะที่เขาเคยทำกับแอสตันเอาไว้ ด้วยนิสัยที่เกลียดการพ่ายแพ้สุดๆก็เลยไม่ยอมกัดหรือปล่อยริมฝีปากจากแท่งขนมแท่งนั้น ก่อนจะจ้องเข้าไปในนัยน์ตาคมนั้นเขม็ง

               นัยน์ตาสีอัลมอนด์ดูมีเสน่ห์ขึ้นหลายเท่าเมื่อกระทบเข้ากับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในรถ และนั่นทำให้จินรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

               แอสตันแอบหัวเราะในใจกับท่าทางของรุ่นน้องตัวบาง ก็อย่างที่เคยบอกนั่นแหละว่าจินเป็นพวกที่แสดงทุกอย่างทางสีหน้า แถมตอนนี้แก้มขาวๆนั่นก็ขึ้นสีแดงระเรื่อชวนมองสุดๆ ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังเขินมากแน่ๆ แต่ก็ยังทำใจกล้าไม่หลบสายตาเขาไปไหน
     

              ก็เลยจัดการกัดแท่งป๊อกกี้ไปเรื่อยๆ จนจมูกของเขากับจินชนกัน ระยะห่างอันน้อยนิด ทำให้พวกเขาทั้งสองแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว

     

              จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีรัตติกาลที่กำลังสั่นไหว เอาสองมือประคองใบหน้าคมสวยนั่นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะจัดการดึงป๊อกกี้ที่รุ่นน้องตัวดีคาบไว้ในปากออกมา แล้วจัดการกินทั้งหมดด้วยตัวเอง

              จินแอบเหลือบมองไปทางหน้ารถอย่างกังวล เพราะถ้าหากป๊ากับม๊าของเขา ไหนจะคุณคริสโตเฟอร์กับคุณนายแฮมฟอร์ดอีก มาเห็นฉากสุดแสนจะล่อแหลมนี่มีหวังได้ช็อคตายคารถแน่ๆ

              แอสตันแอบหัวเราะกับท่าทางของรุ่นน้อง เสียงหัวเราะทุ้มๆทำให้จินต้องหันกลับมามองทางรุ่นพี่จอมหื่นตรงหน้าตัวเอง นัยน์ตาสีดำสนิทที่เคยสั่นไหว ค่อยๆเป็นประกายขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้ และแอสตันก็ชอบแววตาแบบนี้ของเจ้าเด็กนี่จริงๆสิให้ตาย

              ก็เลยจัดการยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เอาจมูกของตัวเองถูกกับจมูกโด่งรั้นของเด็กดื้อในสายตาเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำเอาจินต้องเผลอกัดริมฝีปากด้วยความเขิน




     

             “ยังหรอก ลองพยายามมากกว่านี้อีกนิดนึงสิ พี่กำลังตั้งใจรอคอยที่จะตกลงไปในหลุมรักของจินเลยนะ”

     


















     

    -------------------------------------------
    Talk : ตอนนี้ไรท์แต่งไปยิ้มไปเลยค่ะ
             แอสตันกับน้องกำลังผลัดกันรุกเลยนะ อิอิ
             อย่าพึ่งเกลียดแอสตันกันเลยนะคะ ความรักมันเป็นเรื่องซับซ้อน
             ( หรือคนแต่งทำให้ซับซ้อนเองก็ไม่รู้ ._. )
             ตอนต่อไปคนเป็นเบาหวานระวังน้ำตาลในเลือดขึ้นนะคะ
             ไรท์อยากแต่งตอนสวีทๆสบายๆแบบนี้มานานละ
             เบื่อมาม่าแล้ว มากินของหวานกันดีกว่าค่ะ ^___^






     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×