ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #3 : -02-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 584
      4
      21 ม.ค. 58




    -02-





     

    CrazieAlcoholic วันนี้จินเปลี่ยนสีผมแล้วนะค้า ลูกเพจทุกท่าน ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบสีฟ้าเป็น พิเศษ คราวนี้สีฟ้าสดใส โดดเด่นกว่าเดิม!!!

    29,571 Like 2589 Comment

         Load previous comment 

         JinLovely อยากจิกรี๊ด พี่จินน่ารักมากเลยอ่ะ <3<3<3

         Alcoholicminmin น้องจินผอมลงไปรึเปล่า เปลี่ยนสีผมแบบนี้ก็ดูสดใสดี สู้ๆนะจ๊ะ

         Lovemepls เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆอ่ะ ถ้าคนอื่นทำคงจะลาวแน่ๆ แต่พอน้องจินทำแล้ว ฟวหสกาดกห มากอ่ะ >O<

         MerizaALC ยังแอบเป็นห่วงน้องอยู่ว่าจะเป็นอะไรมั้ย เห็นเข้มแข็งแบบนี้ก็โล่งใจ 

    Write a comment…




              “ไอ้แอสตัน ไอ้แอสตันโว้ย คุณกัปตันทีมครับ” เสียงตะโกนโหวกเหวกที่คลับคล้ายคลับคลาว่ากำลังเรียกชื่อเขาอยู่ ทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจำต้องละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ และหันไปทางเสียงเรียก
              “หืม” เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงเจ้าเพื่อนสนิทจอมโวยวาย เขาเลยเลือกเพียงแค่ครางรับในลำคอ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสนใจโทรศัพท์ในมือของตัวเองต่อ ท่าทางหมางเมินของเจ้าเพื่อนตัวดีทำเอาความหงุดหงิดของเรียวพุ่งจี๊ด
              ร่างสูงเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปหาก่อนจะแย่งโทรศัพท์มาดู อยากจะรู้เหลือเกินว่าอะไรที่ทำให้ไอ้เจ้าเพื่อนตัวดีมันติดโทรศัพท์ได้ขนาดนี้

              ภาพของเด็กหนุ่มใบหน้าคมสวย ถ้าจะเรียกว่าหล่อก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก กำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่ท่ามกลางนักเรียนนับสิบ แต่เจ้าตัวดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ไม่รู้เพราะออร่าเปล่งประกาย หรือเพราะสีผมสีฟ้าสดใสกันแน่

     

    Gin Alcoholic official fan page

    ถ้าคุณคือหนึ่งในคนที่หลงรักจินแล้วล่ะก็ ไลค์เพจนี้ได้เลยจ้า!!!

     

              ภาพในจอมือถือของแอสตันทำเอาเรียวแทบจะเป็นลม ทั้งๆที่เหตุการณ์สุดแสนน่าอับอายและโคตรจะเลวร้ายสุดๆ ที่ถึงกับทำให้น้องไอรีนคนสวยต้องย้ายโรงเรียน และย้ายไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ผ่านมาแล้วตั้งสองอาทิตย์ ทุกคนแทบจะลืมมันไปหมดแล้ว อันที่จริงควรจะเรียกว่าพยายามลืมมากกว่า
              เพราะหลังจากเจ้าเด็กแสบอย่างจินบอกเลิกไอรีนต่อหน้าประชาชีนับร้อยชีวิต เจ้าตัวก็เอ่ยปากบอกแฟนคลับตัวเองไว้ก่อนเลยว่า เพื่อนสนิทของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลิกรากันกับแฟนสาวของตัวเอง เพราะฉะนั้นขอร้องให้แฟนคลับทั้งหลายอย่าได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับแอสตัน อย่าทำให้แอสตันต้องเดือดร้อนมากไปกว่านี้
              ถึงแม้เขาไม่อยากจะยอมรับเสียเท่าไหร่ว่าเจ้าเด็กนี่มันก็ร้ายเฉพาะกับคนที่มันอยากร้ายด้วยเท่านั้น แต่การทำร้ายผู้หญิงบอบบางอย่างนั้นได้ลง มันก็ดูเหมือนจะเกินไปหน่อยไม่ใช่รึไง ทำให้เขาปฏิญาณกับตนเองไว้เลยว่าจะเลิกยุ่ง  เลิกสนใจเด็กจอมอันธพาลนี่ ถ้าใครพูดถึงก็จะทำเป็นไม่รู้จัก ไม่ได้ยิน ขอให้ชาตินี้อย่าได้มีอันต้องมาข้องแวะกันอีก

              แต่ไอ้เพื่อนบ้าของเขามันดันสนใจเจ้าเด็กเพี้ยนนี่ ถึงขนาดกดไลค์หน้าแฟนเพจเพื่อคอยติดตามข่าวเลยงั้นเรอะ!!!

              รู้สึกเหมือนชีวิตอันสงบสุขของเขากำลังจะพังพินาศลงในเวลาอันใกล้ ถ้าเกิดไอ้เพื่อนตัวดียังให้ความสนใจไอ้เด็กอันธพาลนั่นอยู่ เพราะฉะนั้นเขาควรจะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม
              พอคิดได้ดังนั้น เหมือนร่างกายก่อเกิดปฏิกิริยารีเฟลกซ์ ด้วยการเป็นนักบาสของโรงเรียน เขาจะถือว่ามันเป็นลูกบาส และจัดการโยนโทรศัพท์เครื่องหรูของไอ้คนสติไม่สมประกอบนี่ทิ้งไปซะ!!!
              “มึงทำบ้าอะไรเนี่ย” แอสตันโวยวายทันทีที่เห็นโทรศัพท์ของตัวเองลอยหวือข้ามไปอีกฝั่งของห้อง
              นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ ถึงบ้านจะรวยแต่ไอโฟนมันก็ไม่ได้เป็นของราคาถูกๆ ที่จะเอามาโยนเล่นแบบนี้ได้หรอกนะ

              แต่โชคดีที่ต้นไผ่เพื่อนสนิทของเขาอยู่อีกฝั่งของห้อง ดีกรีนักกีฬาบาสของโรงเรียนนั้นไม่เสียเปล่า เพราะเพื่อนสนิทของเขาคว้าหมับเข้าที่โทรศัพท์ราคาหลายหมื่นอย่างแม่นยำ ก่อนจะเดินนำมาคืนให้กับมือ
              “เออ มึงทำบ้าอะไรเนี่ย” ก่อนจะหันไปส่งสายตาเอือมๆใส่เพื่อนที่ไม่รู้เกิดสมองกลับอะไรถึงได้โยนโทรศัพท์ของเพื่อนทิ้งแบบนั้น เรียวจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะกระชากโทรศัพท์จากมือของแอสตันแล้วส่งไปให้ต้นไผ่ดู
              ต้นไผ่อ่านตัวหนังสือบนหน้าจอช้าๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร ก่อนที่เจ้าตัวจะทั้งตบไหล่ ลูบหัว เพื่อนสนิทที่ได้ชื่อว่าเป็น ปริ๊นซ์ ของโรงเรียนอย่างขำขัน
              “ฮ่าๆๆ นี่มึงเกิดสนใจไอ้เด็กนั่นขึ้นมาหรอ” แอสตันยักไหล่น้อยๆ เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม ก่อนจะยื่นมือไปแย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืน นัยน์ตาคมเลื่อนกลับมาสนใจหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้ง
              “มึงดูเพื่อนมึงดิ ไอ้เชี่ยแอสตัน มึงอยากโดนไอ้เด็กนั่นยกพวกมาทึ้งหน้าหล่อๆของมึงรึไงวะ เลิกยุ่งกับไอ้เด็กบ้านั่นได้แล้ว” เรียวพูดพลางฉกมือถือจากมือของแอสตันอีกรอบ จนเพื่อนรูปหล่อของเขายอมหันมาให้ความสนใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนจะไหวไหล่ของตัวเอง
              “กูก็แค่ชอบเสียงน้องเขาเฉยๆ กูไม่ได้ไลค์แค่แฟนเพจน้องเขานะเว้ย กูไลค์เพจของวงน้องเขาด้วย บังเอิญทั้งวงมีน้องเขาคนเดียวที่มีออฟฟิเชียลแฟนเพจ กูก็เลยไลค์ของน้องเขาคนเดียว กูก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น ทีนี้เอาโทรศัพท์กูคืนมาได้รึยัง” พูดพลางแบมือขอโทรศัพท์ของตัวเองคืน พอได้ยินแบบนั้นเรียวก็โล่งใจ ก่อนจะยอมคืนโทรศัพท์ให้เพื่อนของตัวเองอย่างเต็มใจ

              “แต่กูว่าให้มันสนใจน้องเขาก็ดีเหมือนกันนะเว้ย”ต้นไผ่เอ่ยขัดจนเพื่อนทั้งสองต้องหันมามอง เรียวถลึงตาใส่กับประโยคที่ไม่เข้าท่า
              “พูดอะไรของมึงเนี่ย มึงอยากมีปัญหากับไอ้เด็กอันธพาลนั่นรึไง” เรียวพูดพลางกอดอกจ้องเพื่อนตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ต้นไผ่ยักไหล่น้อยก่อนจะพูดต่อ
              “ก็ดีกว่าให้มันหมกมุ่นทำเรื่องผิดศีลธรรมล่ะวะ” คำพูดของต้นไผ่ทำเอาเรียวกับแอสตันเงียบกริบ โดยเฉพาะปริ๊นซ์ของโรงเรียนด้วยแล้ว มือเรียวหยุดชะงักจากการสไลด์หน้าจอ ก่อนที่จะเลื่อนสายตาจากหน้าจอมาเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง
              นัยน์ตาคมนั้นเย็นเยียบ เริ่มที่จะแผ่รังสีเย็นๆจนคนรอบข้างเลือกที่จะขยับตัวออกห่าง


              “กูไม่เข้าใจว่ามึงพูดถึงเรื่องอะไร” แอสตันพูดพลางคลี่ยิ้มทั้งๆที่นัยน์ตาฉายแววดุดัน ราวกับพร้อมที่จะกระโจนใส่คนตรงหน้าทุกเมื่อ 
              ต้นไผ่เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทตัวเองก็หลุดหัวเราะหึหึ ก่อนจะแบมือเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง


              “วันนี้วันศุกร์ พวกมึงว่างรึเปล่า คืนนี้ว่าจะชวนไปหาแสงสีซะหน่อย” 
              “กูว่าง!!!” เรียวรีบตอบแทบจะในทันที จนเพื่อนๆต้องส่งสายตาเอือมๆไปให้ บรรยากาศมาคุเมื่อครู่ค่อยๆจางหายไป
              “กูก็เห็นมึงว่างตลอดอ่ะ ว่าไงแอสตัน ไปด้วยกันมั้ย” ต้นไผ่พูดพลางหันไปทางแอสตัน ใบหน้าคมหลุดคลี่ยิ้มบางๆ ไม่เหลือคราบแสนน่ากลัวอย่างเมื่อครู่เลยสักนิด ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ
              “พอดีวันนี้กูมีนัดว่ะ” ท่าทางเขินๆของเพื่อนสนิทตัวดี ทำให้ต้นไผ่กับเรียวเดาได้ไม่ยากว่าธุระของคนตรงหน้าคืออะไร

              “ธุระที่ว่าใช่ไปเล่นจ้ำจี้กับเมียพี่เปล่าวะ”

              คำพูดของต้นไผ่ทำเอาคิ้วเข้มของแอสตันกระตุก นัยน์ตาคมฉายแววไม่พอใจอย่างเด่นชัด แต่ใบหน้าคมนั้นก็ยังคงฝืนคลี่ยิ้มบางๆ เรียวหันไปถลึงตาใส่ไอ้เพื่อนปากมาก ที่พูดจาเสียมารยาท ทั้งๆที่บรรยากาศกลับมาดีแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกทำไม

              “เชี่ยไผ่ ถึงมึงไม่พูดฟ้าก็ไม่ผ่ามึงหรอก” เรียวหันไปกระซิบน้ำเสียงไม่พอใจ แต่มีหรือต้นไผ่จะสน เจ้าตัวยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ
              “แอสตัน มึงอย่าไปสนใจคำพูดของไอ้ไผ่มันมากเลยนะ” เรียวพูดน้ำเสียงลำบากใจ พยายามปลอบให้เพื่อนของเขาใจเย็นลงหน่อย แม้ในใจเขาเองก็แอบเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนจอมกวนนั่นอยู่บ้าง
              “มึงไม่ต้องพูดอะไรหรอก กูไปล่ะ” เสียงทุ้มที่ยังคงมีวี่แววหงุดหงิดทำเอาเรียวไม่กล้าที่จะมองหน้าอีกฝ่าย จำใจต้องยอมปล่อยให้เพื่อนสนิทเก็บกระเป๋าและเดินออกจากห้องไป
              “สองทุ่มเจอกันนะเว้ยเรียว ส่วนแอสตัน ถ้ามึงเปลี่ยนใจก็โทรหากูได้ตลอด” แต่ไอ้เพื่อนจอมกวนอย่างต้นไผ่ก็ยังตะโกนไล่หลังเพื่อนสนิทไปอย่างไม่เข็ดหลาบ จนเรียวต้องยกกำปั้นขึ้นเขกหัวไอ้คนไม่รู้จักดูสถานการณ์ไปแรงๆหนึ่งที


              “เชี่ย มึงเลิกพูดแดกดันแอสตันสักทีได้มั้ยวะ” เรียวพูดพลางชี้หน้าคาดโทษไอ้เพื่อนปากมาก แต่ต้นไผ่กลับปัดมือนั้นออกก่อนจะชี้หน้าคืนบ้าง
              “มึงแหละหัดพูดอะไรบ้างจะได้มั้ยวะ ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ไอ้แอสตันทำมันผิด” น้ำเสียงที่แฝงแววขี้เล่นตอนนี้เข้มขึ้นจนคนฟังเริ่มที่จะพูดไม่ออก เรียวอึกอักเล็กน้อย 

              ใช่ เขารู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนสนิทของตัวเองทำมันร้ายแรงแค่ไหน แต่จะให้เขาทำยังไงล่ะ เพราะต่อให้พูดอะไรมันก็ไม่คิดจะฟังอยู่แล้ว


              “ไม่ใช่กูไม่อยากพูดนะเว้ย แต่ก่อนกูก็ปากกล้าแบบมึงนี่แหละ แต่พอมากๆเข้าไอ้เชี่ยแอสตันมันทนไม่ไหว ชกหน้ากูจนปากแตก แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ...มันร้องไห้ มึงคิดว่าลูกผู้ชายอย่างพวกเราแม่งจะร้องไห้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ง่ายขนาดนั้นเลย กูเลยตัดสินใจไม่พูดอะไรให้มันคิดเองดีกว่า” เรียวพูดพลางส่ายศีรษะอย่างปลงๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ก่อนจะพูดต่อ
              “กูว่ามึงก็ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอก สักวันเพื่อนมึงก็จะคิดได้เองแหละ”









              ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเพนเฮาส์สุดหรูใจกลางเมือง มือเรียวข้างหนึ่งถือถุงใส่ของสดที่พึ่งแวะซื้อที่ซุปเปอร์มาเก็ตทางผ่านตามคำสั่งของคนที่เขากำลังจะมาหา มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นกดกริ่งสองสามที ในใจของเขาเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดถึงร่างที่อยู่อีกฝั่งของประตู ไม่นานนักประตูห้องพักก็ค่อยๆเปิดออก
              “เข้ามาสิ” น้ำเสียงหวานเอ่ยพร้อมกับคลี่ยิ้มมาให้เด็กหนุ่ม แอสตันเหลือบมองภาพตรงหน้า ใบหน้าแสนสวยนั้นยังคงเปล่งประกายสดใสเช่นเคย ยิ่งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆนั้นแล้วเป็นสิ่งกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขาได้เป็นอย่างดี
              ร่างสูงยืนสงบสติอารมณ์อยู่สักพักก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง

              “ไหน ซื้อของมาครบรึเปล่า” ร่างเพรียวพูดพลางแย่งถุงในมือของเด็กหนุ่มไป นิ้วมือเรียวนั้นสัมผัสลูบไล้แผ่วเบาไปที่ฝ่ามือของเด็กหนุ่มอย่างจงใจ อารมณ์ที่เขาพยายามควบคุมแตกกระเจิง ก่อนที่จะตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย
              แอสตันหลุดหัวเราะเบาๆกับท่าทางยั่วเย้าที่แสนน่ารักนั่น ก่อนจะเหลือบมองสำรวจอีกฝ่ายอีกครั้ง

              ร่างกายโค้งเว้าแสนสวยอยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน มีผ้ากันเปื้อนลายน่ารักผูกไว้ที่เอว ส่วนผมสีรัตติกาลสลวยถูกรวบไว้เป็นมวย ไม่บอกก็รู้ว่าคนตรงหน้าเขาคงกำลังจะเข้าครัวทำอะไรสักอย่างเป็นแน่ ไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคจิตรึเปล่า แต่ทำไมเขาคิดว่าคนตรงหน้าถึงได้เซ็กซี่จัง
              แอสตันคลี่ยิ้มก่อนจะดึงเอวคอดนั้นเข้ามากอดอย่างคิดถึง เรียกเสียงหัวเราะจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
              “พี่ขอไปปิดเตาแก๊สก่อนแล้วกัน” พูดพร้อมกับยืดตัวไปหอมแก้มของเด็กหนุ่มเป็นเชิงอ้อน ก่อนจะผละตัวไปที่ห้องครัว โดยมีร่างสูงเดินตามราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
              “วันนี้พี่ออสตินไม่อยู่หรอครับ” พูดพร้อมกับส่งสายตาแพรวพราวไปให้หญิงสาวอย่างจงใจ ก่อนจะยืนพิงผนัง ใบหน้าสวยหันกลับมาก่อนจะยักคิ้วให้
              “เห็นว่ามีประชุม คงจะกลับดึกๆนู่นล่ะ” พูดพร้อมกับเลื่อนมือไปผิดเตาแก๊ส ก่อนจะเคลื่อนกายเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคอแกร่ง
              นัยน์ตากลมโตเป็นประกายระยับจับจ้องไปที่นัยน์ตาคม ก่อนที่เธอจะค่อยๆขยับขาเรียวแหวกเข้าไประหว่างขาของอีกฝ่าย เสียดสีเบาๆ จนคนตัวสูงต้องส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ

              “ผมว่าเราไม่ควรทำอย่างนี้นะครับ ไหนพี่บอกว่าแค่ให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ” พูดพลางวางถุงของซุปเปอร์มาเก็ตบนเคาท์เตอร์ ใบหน้าคมเริ่มขึ้นสีแดงจางๆตามอุณหภูมิร่างกายที่เริ่มเพิ่มขึ้น ก่อนจะตัดสินใจโอบรอบเอวบางนั้นหลวมๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใกล้ชิดตนตามที่ต้องการ
              นัยน์ตากลมสวยแพรวพราวจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มจะเคลื่อนไปคลอเคลียที่ซอกคออย่างเอาแต่ใจ
              ปล่อยลมหายใจร้อนรดไปทั่วผิวหนังของอีกฝ่าย จนแอสตันต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าจะให้ปฏิเสธสัมผัสวาบหวามจากคนที่ตัวเองรักสุดหัวใจเขาคงจะทำไม่ได้ มือหนาลังเลนิดหน่อย ก่อนจะเลื่อนไปเชยใบหน้าสวยนั้นขึ้น



              ริมฝีปากได้รูปก้มลงทาบทับริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยนและค่อยๆร้อนแรงขึ้น ลิ้นเปียกชื้นไล้ไปตามริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะค่อยๆสอดเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน โดยที่ร่างเพรียวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการเอียงหน้าปรับองศาให้สามารถรับจูบได้อย่างสะดวกขึ้น
              เรียวลิ้นของร่างสูงค่อยๆไล้ไปตามฟันเป็นระเบียบของอีกฝ่าย สำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะเคลื่อนไปหยอกเย้ากับลิ้นเล็กที่ดูเหมือนกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้เขาเข้าหา 
              ลิ้นของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันอย่างดูดดื่ม น้ำลายใสถูกแลกเปลี่ยนกันราวกับเป็นน้ำหวานรสเลิศ เสียงแลกน้ำลายดังระงมไปทั่วทั้งห้องพักอย่างไม่อาย
              ทั้งสองผละริมฝีปากออก ก่อนจะก้มลงประกบเข้าหากันใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหากัน



              “ฮ้า เด็กน้อยของพี่ยังจูบเก่งเหมือนเดิม” หญิงสาวพูดหยอกล้อ ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นแดงช้ำจากจูบอันแสนเร่าร้อนเมื่อครู่ ปล่อยให้เด็กหนุ่มก้มลงซอกไซร้ไปตามลำคอเพรียวระหงของเธออย่างโหยหา
              “ไม่งั้นพี่คงไม่หลงเสน่ห์ของผมหรอก” พูดพร้อมกับไล้ริมฝีปากไปตามไหล่มนของอีกฝ่าย ปล่อยลมหายใจร้อนให้หญิงสาวสะดุ้งเป็นพักๆ ใช้ริมฝีปากร้อนลากผ่านทุกสัดส่วน จนหญิงสาวต้องหลุดครางหวาน ริมฝีปากของเด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม
              “ฮื่อ อย่าแกล้งพี่สิแอสตัน” เสียงหวานที่เริ่มแหบพร่าตามอารมณ์เอ่ยอย่างไม่พอใจ ก่อนที่มือเล็กจะเลื่อนไปดึงกลุ่มผมสีเปลือกไม้ของเด็กหนุ่มเพื่อให้แอสตันเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตากลมโตนั้นฉ่ำเยิ้มตามอารมณ์ที่พุ่งสูงจนแอสตันต้องลอบกลืนน้ำลาย
              “พี่จะทำตรงนี้ หรือที่ห้องครับ” พูดพร้อมกับค่อยๆโอบอุ้มร่างบอบบางของหญิงสาวขึ้น ใบหน้าหวานติดจะแดงตามกามอารมณ์เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะฉีกยิ้มยั่วยวน
              “ตรงนี้แหละ เร้าใจดี” แอสตันหลุดยิ้มกับคำตอบแสนน่ารักของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆวางหญิงสาวลงบนเคาท์เตอร์อย่างทะนุถนอม ใบหน้าคมเลื่อนไปก้มลงประกบริมฝีปากแลกจูบกันอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เพื่อลิ้มรสชาติอันหอมหวาน



              เขารู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าคือคนรักของพี่ชาย คนรักที่ได้ชื่อว่าจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามใจของตัวเองได้หรอกนะ ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ คือคนที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเห็น คนที่เขาตัดสินใจมอบหัวใจของตัวเองให้ไป 

              เขาไม่ผิดซะหน่อย เขาไม่ผิดเลย เพราะเขากับหญิงสาวตรงหน้าพบกันก่อนที่เธอจะรู้จัก และมาแต่งงานกับพี่ชายของเขาเสียอีก

              เรื่องของเขากับพี่สะใภ้ถูกเก็บเป็นความลับ ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันในฐานะพี่สะใภ้กับน้องของสามีนั้นทั้งคู่ตกใจไม่น้อย หัวใจของเขาดิ่งวูบ รู้สึกเจ็บหนึบจนชา แต่เขารู้แล้วว่าคนรักของตัวเองตัดสินใจเลือกพี่ชายของเขา

              แม้แอสตันจะใช้เวลาทำใจอยู่นาน แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะลบความรู้สึกดีๆทั้งหมดที่มีให้ร่างแสนน่ารักตรงหน้า 


              …เกือบแล้ว เกือบจะทำได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเขารู้ว่าพี่สะใภ้ของเขา ก็ยังคงมีเยื่อใยให้เขาอยู่บ้าง ยังคงแอบมีใจรัก และความรู้สึกดีๆ ความรักที่เอ่อล้นเกินกว่าจะเก็บไว้ ทำให้สิ่งที่เรียกว่าการคบชู้เกิดขึ้น



              ///ครืด/// เสียงโทรศัพท์สั่นครูดกับเคาท์เตอร์ไม้ดึงสติของทั้งคู่ ริมฝีปากของทั้งสองผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะเหลือบมองไปยังต้นเสียง โทรศัพท์เครื่องบางของพี่สะใภ้ของเขากำลังโชว์เบอร์ที่ทำให้เขารู้สึกปวดหนึบที่ใจ
     

    ‘ออสติน’
     

              “ว่าไงคะคุณสามี” น้ำเสียงหวานกรอกลงไปในโทรศัพท์ นัยน์ตากลมสวยเหลือบมองแอสตันนิดหน่อย ก่อนที่มือบางจะดันร่างของเขาออก 
              ร่างสูงที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นส่วนเกินฝืนยิ้มรับการขับไล่นั้น ก่อนจะปลีกตัวออกมาให้อีกฝ่ายได้คุยกับชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักที่แท้จริงถนัดมากยิ่งขึ้น

              “หืม ประชุมเสร็จเร็วงั้นหรอ กำลังจะกลับมาใช่มั้ยคะ เย้ ฟาคิดถึงออสตินจะแย่ ค่ะ เดี๋ยวฟาจะทำของโปรดของออสตินรอนะคะ แหม ให้พูดอะไรน่าอายอีกแล้ว ก็ได้ๆ รักนะคะ” 
              น้ำเสียงหวานฉายแววร่าเริงแม้จะไม่ดังมากแต่เขาก็ได้ยินชัดเจน ความเจ็บปวดแล่นมาเป็นริ้ว จนเขาต้องเผลอกำมือแน่นเพื่อเป็นการระบาย ไม่นานนักร่างบางก็เดินมาหา วาดแขนเข้าโอบคอเขาจากด้านหลัง

              “คือ...เหมือนออสตินจะประชุมเสร็จเร็วกว่าที่กำหนดน่ะ” หญิงสาวพูดพลางทำสีหน้าลำบากใจ เพราะเธอเป็นคนโทรเรียกแอสตันมาแท้ๆ แต่กลับจะเป็นฝ่ายไล่เขาเสียอย่างนั้น
              ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นสบตา ก่อนจะฝืนคลี่ยิ้มบางๆ

              “ครับ ผมเข้าใจน่า รีบไปทำอาหารเร็วเข้าสิ เดี๋ยวพี่ออสตินก็กลับมาก่อนหรอก” พูดพลางยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะก้มลงเก็บกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่บนพื้น

              พยายามเก็บซ่อนนัยน์ตาที่สั่นไหว ไม่อยากจะให้หญิงสาวตรงหน้าเห็นความอ่อนแอของเขา


              “แล้วแอสตันไม่อยู่กินข้าวด้วยกันหรอ นี่ก็เกือบจะสองทุ่มแล้วนะ” รีฟาเอ่ยพลางเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเด็กหนุ่มเอาไว้ นัยน์ตาคมนั้นตวัดหันมามองเธออย่างเจ็บปวดชั่วขณะ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้งที่ใช้มองเธอ
              “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่อยากขัดเวลาสวีทกันของพี่ พี่อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย งั้นผมขอตัวนะ” เมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่ยืนนิ่ง ช้อนสายตามองเขาฉายแววลำบากใจ ทำให้ร่างสูงต้องเผลอถอนหายใจ ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากที่แก้มนุ่มนั้นเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ 
              และแน่นอนการกระทำของเขาสามารถเรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

              ทันทีที่ออกมาจากห้อง ความหงุดหงิดและอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าเมื่อครู่ก็พุ่งเข้ามาโจมตี ใบหน้าคมบิดเบี้ยวตามอารมณ์ที่ผสมปนเป เขากัดฟันกรอดเพื่อไม่ให้เผลอขว้างปา หรือทำลายข้าวของที่อยู่รอบข้าง ก่อนที่มือเรียวจะกดโทรศัพท์ โทรหาเพื่อนสนิทของตัวเอง
              “ไอ้ไผ่ มึงกับไอ้เรียวอยู่ไหนวะ เดี๋ยวกูไปหา”





              “ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงมาเชียวนะมึง” ทันทีที่เห็นสภาพของเพื่อนสนิทตัวเอง ต้นไผ่ก็อดที่จะแซวไม่ได้จริงๆ ไม่บอกก็รู้ว่าแผนการของไอ้หนุ่มรูปหล่อตรงหน้าคงจะล้มไม่เป็นท่า 
              แอสตันตวัดสายตามองเพื่อนของตัวเองอย่างไม่พอใจ ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด หงุดหงิดจนแทบจะสามารถฆ่าคนตรงหน้าได้ แต่นั่นมันเพื่อนสนิทของเขา แอสตันเลยทำได้เพียงเดินลงไปกระแทกตัวนั่งลงข้างๆ

              หงุดหงิดกับเรื่องของพี่สะใภ้แล้ว เขายังต้องมาหงุดหงิดกับคำพูดกวนๆ และสายตานับสิบคู่ที่กำลังจ้องเขาอย่างน่ารำคาญอีกต่างหาก

              ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนอยู่ในคลับบรรยากาศชิวๆที่ชอบมากันเป็นประจำ คลับแห่งนี้เป็นคลับที่มีชื่อเสียงในหมู่นักเรียนมาก เพราะเป็นคลับแห่งเดียวที่ยอมให้นักเรียนอายุสิบเจ็ดปีขึ้นไปเข้ามาได้ แต่ก็ต้องแลกกับการจ่ายค่าเข้าที่แพงระยับ แถมสถานที่ของคลับนั้นก็เป็นอะไรที่น้อยคนจะรู้ ทำให้คลับแห่งนี้ยังคงรักษาบรรยากาศสบายๆไม่แออัดจนเกินไปเอาไว้ แต่ดูเหมือนวันนี้คนจะเยอะกว่าทุกวัน

              “ทำไมวันนี้คนเยอะจังเลยวะ” แอสตันพูดเป็นประโยคแรก หลังจากได้นั่งจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดของตัวเอง อารมณ์คุกรุ่นของเขาลดลงไปบ้าง แต่ถ้ามีอะไรมากระตุ้นต่อมโมโหล่ะก็ คงจะระเบิดออกมาได้ไม่ยากเรียวกับต้นไผ่สบตากันนิดหน่อย ก่อนที่เรียวจะเป็นคนตอบ
              “คืนนี้เป็นคืน Single night ว่ะ หรือเรียกง่ายๆคือคืนคนโสด”

              “สรุปคือทุกคนที่อยู่ในคลับวันนี้โสดกันหมด เป็นกิจกรรมพิเศษเพื่อเอาใจพวกไร้คู่ เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้าใครๆก็พากันมองมึง เพราะทุกคนอยากได้มึงมาเล่นจ้ำจี้กันทั้งนั้นแหละ” เรียวที่ยังไม่ทันพูดจบ ต้นไผ่ก็พูดขึ้นต่อจนเขาต้องหันไปถลึงตาใส่ไอ้เพื่อนปากดี เห็นว่าเพื่อนฟิวส์ใกล้จะขาดอยู่แล้วยังจะไปกวนตีนมันอีก 
              ต้นไผ่ยักไหล่เลือกที่จะมองข้ามสายตาไม่พอใจจากเรียวก่อนจะพูดต่อ “แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ คืนนี้มีแขกพิเศษมาร้องเพลงให้ที่คลับด้วย” 

              นัยน์ตาพราวระยับของเพื่อนจอมกวนทำเอาทั้งเรียวและแอสตันต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ไม่ทันที่จะได้ถามหารายละเอียดต่อน้ำเสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นเรียกความสนใจเสียก่อน

              “เอ้า สวัสดีครับคนโสดทั้งหลาย”

              เรียวอาจจะยังคงมึนๆอยู่ แต่สำหรับแอสตันแล้วเขาจำน้ำเสียงนุ่มน่าฟังนี้ได้ดี เพราะพักหลังๆมานี้เขาไปนั่งโหลดเพลงที่เจ้าของเสียงคนนี้ร้องมาฟังเกือบทุกวันทำไมเขาจะจำไม่ได้

              ความรู้สึกคุกรุ่นที่อยู่ในใจ ค่อยๆหายไปโดยที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัว


              “ขอเชิญบรรดาคนโสดมาร่วมสนุกกันที่กลางฟลอร์เลยครับ เอ้า ไหน ขอเสียงคนโสดหน่อยเร็ว!!!” น้ำเสียงทุ้มที่ปลุกเร้าความรู้สึกของคนฟังทำเอาแอสตันเผลอลุกขึ้นยืน
              ต้นไผ่เหลือบมองท่าทางของเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างพอใจ ก่อนจะลุกขึ้นวาดวงแขนรอบคอเพื่อนสนิทก่อนจะลากไปที่ฟลอร์อย่างเอาแต่ใจ โดยมีเรียวเดินตามมาข้างหลังด้วยสีหน้างุนงง
              “อยากไปก็ไปสิวะ” พูดพร้อมกับคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ จนแอสตันต้องเหลือบมองเพื่อนตัวแสบของตัวเอง พอสบเข้ากับนัยน์ตาพราวระยับนั่น เขาไม่รู้จะพูดอะไรทำได้เพียงหัวเราะออกมาเท่านั้น แม้จะยังไม่เข้าใจความคิดของตัวเองเท่าไหร่ แต่ร่างสูงโปร่งนั่นก็เดินเข้าไปร่วมสนุกในฟลอร์เสียแล้ว 
              เรียวที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเหลือบมองท่าทางของเพื่อนสนิทตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะหันมาขอความเห็นจากเพื่อนจอมกวนที่กำลังยิ้มอย่างกับคนบ้า ต้นไผ่มองหน้าเรียวอย่างเอือมๆ กับการประมวลผลแสนเชื่องช้าของเจ้าเพื่อนขี้โวยวาย
              “มึงดูไม่ออกรึไงว่าเพื่อนมึงกำลังสนใจใคร” เรียวเลิกคิ้วขึ้นกับคำพูดของต้นไผ่ ต้นไผ่ส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะชี้นิ้วไปยังโปสเตอร์ที่ติดอยู่ไม่ไกลนัก เรียวหันไปมองตาม ก่อนที่นัยน์ตาคมนั้นจะเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
              “มึงหมายความว่า...”



              “มาช่วยกันทำให้คืนนี้ไม่น่าเบื่อกันเร็ว!!! เราจะมาร่วมแชร์ประสบการณ์โสดกันหน่อย ผมรู้นะว่าที่พวกคุณมาที่นี่ ตั้งใจมาหาคนดูแลหัวใจกันล่ะสิท่า” คำพูดหยอกล้อกับผู้ฟังเรียกเสียงกรี๊ดและโห่ร้องได้อย่างเกรียวกราว ขนาดแอสตันเองยังเผลอหลุดยิ้มออกมาเลย

               คนที่กำลังสนใจหาที่มาของเสียงไม่ได้รู้เลยว่า ใบหน้าคมที่กำลังคลี่ยิ้มอารมณ์ดีแบบนั้นมันดึงดูดสายตามากแค่ไหน!!!

              “เอ้า อย่าพึ่งทึ้งผมครับ ฮ่าๆ กติกาง่ายๆเลย บอกสถานะตัวเอง และประโยคเด็ดๆที่คิดว่าพอพูดออกไปแล้ว เราจะออกไปอย่างคนมีคู่แน่นอน” เสียงนุ่มยังคงเอ่ยหยอกกับผู้ฟังอย่างอารมณ์ดี
              แอสตันพยายามชะเง้อมองหาที่มาของเสียง เป็นครั้งแรกที่เขาขอบคุณความสูงและหน้าตาของตัวเอง ที่ทำให้สามารถแทรกตัวเข้าไปได้เรื่อยๆโดยไม่มีคนด่า

              “งั้นเริ่มเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะพูดเป็นตัวอย่าง ผมจิน สถานะพึ่งจะโสดสนิทไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา คนในอุดมคติ หน้าตาไม่เกี่ยวขอลีลาพาเสียวเป็นพอ ฮ่าๆๆ” คำพูดสองแง่สองง่าม ทะลึ่งไปตามภาษาเรียกเสียงกรี๊ดและโห่ดังกระหึ่ม แอสตันหลุดหัวเราะนิดหน่อยกับความทะเล้นของอีกฝ่าย
              พอยิ่งเข้าใกล้ใจกลางของฟลอร์ คนก็ยิ่งเบียดกันแน่นมากขึ้น แต่เขาก็ยังคงพยายามเบียดร่างของตัวเองเข้าไปต่อ พยายามไม่สนใจสายตาที่กำลังจับจ้อง และเสียงซุบซิบที่เริ่มดังขึ้นทุกที

              น้ำเสียงน่าฟังนั้นเปลี่ยนเป็นยื่นไมค์ไปให้คนรอบข้างได้ร่วมสนุก แต่ละคนล้วนแต่มีคำพูดเด็ดๆจนคนรอบข้างต้องเสียงเชียร์กันอย่างไม่สามารถหยุดพักได้

              ก่อนที่ไมโครโฟนอันนั้นจะมาหยุดอยู่ที่คนตัวสูง ที่ดูเหมือนจะตกเป็นเป้าสายตามานานแล้ว


              ในที่สุดเขาก็มายังใจกลางของฟลอร์ได้เสียที แอสตันเลิกคิ้วเหลือบมองภาพตรงหน้า สิ่งแรกที่สะดุดตาคือเรือนผมสีฟ้าสดใส แอสตันเหลือบมองสำรวจเด็กหนุ่มร่างเพรียวที่ตัวเล็กกว่าเขา นัยน์ตาเรียวที่แสนมีเสน่ห์นั้นดูตกใจไม่น้อย แต่เจ้าตัวก็ยังคงควบคุมสีหน้าให้คลี่ยิ้มกว้างกลับมาหาเขา
              “ดูเหมือนสาวๆจะอยากได้ยินคำตอบจากคุณนะครับ” เสียงร้องเชียร์ดังลั่นจนจินต้องเผลอเบ้หน้านิดหน่อย แต่เขาก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะเขาได้ยินเสียงสาวๆกล่าวขวัญถึงชายหนุ่มตรงหน้ามาตั้งแต่คนคนนี้ก้าวเข้ามาในฟลอร์แล้ว


              การพบกันอย่างไม่คาดฝันทำเอาทั้งคู่ตกใจไม่น้อย ความรู้สึกที่ยังไม่คุ้นชินทำให้ทั้งสองคนรู้สึกประหม่าอย่างอดไม่ได้ จินเอามือเกาท้ายทอยของตัวเองแก้ขัด แอสตันเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าก็ต้องเผลอหลุดยิ้ม


              ก่อนที่ใบหน้าคมจะก้มลงหาไมโครโฟน แถมยังเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกคนอย่างเกินจำเป็น เรียกเสียงกรี๊ดน้อยใหญ่จากสาวๆรอบข้างได้เป็นอย่างดี
              จินขมวดคิ้วนิดหน่อย ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของคนตรงหน้า นัยน์ตาเรียวสวยช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนตัวสูงกว่า ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวเองคิดผิดเมื่อเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาคมแสนมีเสน่ห์ ที่กำลังส่งสายตาแพรวพราวมาให้


              “สถานะตอนนี้ยังโสด แต่ดูเหมือนผมจะเจอเนื้อคู่อยู่ในคลับแห่งนี้แล้วล่ะครับ”










    ----------------------------
    Talk : จะบอกว่าแต่งไปก็อายเอง เขียนอะไรลงไปกันน้า
             จริงๆไรท์เป็นคนใสๆนะ บอกเลออออ ._.

    ****************************
    นอกเรื่องเล็กน้อย สีผมจินได้แรงบันดาลใจมาจาก...

    โรแมนติกกังฟูแพนด้าเอบีสไตล์ของเขาเอง !!!!

    ชอบตอนจื่อผมฟ้ามากง่ะ ตอนนี้ผมบลอนด์ไปแย้ว
    ไม่เป็นไรยังหล่อเหมือนเดิม คึคึ -.,-
    มีใครชอบ exo เหมือนไรท์มั้ยอ่ะ เค้าเมนเทานะตัวเอง เยิ้ฟๆ /+[ ]+/






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×