ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #30 : -28-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 266
      3
      17 ต.ค. 58





    -28-






    “ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขอบคุณบรรดาเพื่อนๆ และน้องๆที่อยู่ช่วยงานที่ร้านจนถึงเวลาปิดตลาด แม้จะเหนื่อย และอยากจะกลับไปนอนกันเต็มที แต่ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับยิ้มๆ และช่วยกันเก็บของอย่างขะมักเขม้น

    ร่างสูงช่วยรุ่นพี่เก็บของ และจัดการขนขึ้นรถให้เรียบร้อย ก่อนจะวกกลับมาหาเด็กดื้อที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่รถของเขา

    “ป่ะ เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน” น้ำเสียงที่คุ้นเคย พร้อมกับแรงเขย่าเบาๆ ทำให้คนที่หลับอยู่ค่อยๆงัวเงียตื่นขึ้นมา นัยน์ตาเรียวสวยแดงระเรื่อเพราะพึ่งตื่นนอน ท่าทางง่วงงุนของคนตัวบางทำเอาคนมองต้องหลุดคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู



    “ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานขนาดนี้นะครับ” พูดออกมาอย่างรู้สึกผิด ก็ทั้งๆที่เขาเป็นคนบอกว่าให้รอเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อย แต่ที่ไหนได้ เขากลับยุ่งจนแทบไม่มีเวลามาคอยดูแลเจ้าเด็กดื้อนี่เลย

    จินขยี้ตาอย่างงัวเงีย เหลือบมองท่าทางหูลู่หางตกของแฟนตัวสูงก็อดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้จริงๆ จริงอยู่ที่เขาแอบหงุดหงิดที่รุ่นพี่หน้าหล่อนี่ทิ้งให้เขาต้องรอตั้งหลายชั่วโมง สุดท้ายก็ได้มานั่งหลับคอตกอยู่ในรถเนี่ย


    แต่ก็นะ...ในเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่นี่นา :)




    “ไถ่โทษด้วยการให้ไปนอนที่คอนโดด้วยเลย”



              1


    2


    3


    4


    5



    “นี่พี่จะเงียบอีกนานป่ะ” เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ตัวสูงตรงหน้าเอาแต่มองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูตลกแปลกๆ แถมยังไม่ยอมตอบประโยคที่พึ่งพูดออกไป ก็เลยตัดสินใจพูดขึ้นมาอีกรอบ

    แอสตันกะพริบตาปริบๆ พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา เมื่อกี้คุณแฟนตัวแสบของเขาพูดว่าอะไรนะ จะนอนกับเขาที่คอนโดงั้นหรอ...



    “อย่ามาให้ความหวังคนอื่นลมๆแล้งๆนะ”



    พูดพร้อมกับบีบจมูกโด่งรั้นนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ก็ชอบอ่อยเขาไปเรื่อย สักวันถ้าเขาทนไม่ไหวขึ้นมาจะทำยังไง

    จินเบ้ปากนิดหน่อย จัดการยืดแก้มของแฟนตัวสูงคืนบ้าง ก่อนจะหลุดคลี่ยิ้มที่ทำเอาคนมองต้องใจเต้นผิดจังหวะ ไหนจะนัยน์ตาเรียวสวยที่เป็นประกายระยับแบบนั่นอีก


    “เปล่าให้ความหวังนะ ก็วันนี้ป๊ากับม๊าต้องไปจัดการธุระที่ต่างจังหวัดแบบกะทันหัน ก็เลยขอม๊าไปนอนคอนโดพี่ซะเลย”


    “ไม่ดีหรอ”


    น้ำเสียงนุ่มเอ่ยเจื้อยแจ้ว ก่อนจะช้อนตามองแบบอ้อนๆ ชนิดที่ว่าคนที่เผลอสบตาไม่มีทางปฏิเสธได้ลงแน่ๆ

    แอสตันหลุดคลี่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็อย่างที่เขาบอกไปแล้วนั่นแหละ เด็กคนนี้น่ะขี้อ่อย อ่อยเขาเช้า เที่ยง เย็น พอตั้งท่าจะเล่นด้วย ก็มาทำเป็นเขิน โวยวายกลบเกลื่อน แต่ก็นั่นแหละ มันทำให้คุณแฟนของเขาทั้งแสบ ทั้งซน แต่ก็น่ารักที่สุด


    “ดีสิครับ ดีที่สุดเลย :)”


    จินหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะลากรุ่นพี่ตัวสูงให้รีบเข้ามาในรถได้แล้ว ริมฝีปากรูปกระจับก็บ่นไม่หยุดว่าหิวอย่างนู้น หิวอย่างนี้ จนทำให้ต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากการกลับไปพักผ่อนที่ห้องเป็นไปหาอะไรใส่ท้องก่อนแทน


    “ดึกๆแบบนี้คงมีให้เลือกไม่เยอะหรอกนะ กินอาหารข้างทางเป็นรึเปล่า”  


    จินหันค้อนขวับให้กับประโยคที่ได้ยิน ก่อนจะหลุดโวยวายออกมาอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะดูลูกคุณหนู แต่เห็นแบบนี้เขาก็ไปกินอาหารตามรถเข็นกับเพื่อนออกจะบ่อย ก็เลยจัดการฟาดแขนคนขับรถประจำตัวไปแบบไม่เบาเท่าไหร่ ก่อนจะขอเป็นคนเสนอที่กินข้าวเอง

    “นี่มีร้านเด็ดจะมาแนะนำเลยเหอะ”











    “…”


    “จะนั่งจ้องอีกนานป่ะ นี่ป้าเค้าทำอร่อยมากเลยนะ” ปากก็พูดไป มือก็ยื่นจานกับช้อนส้อมให้คนตัวสูงไป

    แอสตันเหลือบมองสำรวจรอบๆร้าน รถเข็นธรรมดา กับโต๊ะสังกะสีและเก้าอี้พลาสติก ที่ดูยังไงก็ไม่ค่อยจะเข้ากับรสนิยมของคนตรงหน้า เปลี่ยนมามองคนสั่งอาหารที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะก้มลงมองอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ลอบกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยปากถามถึงชื่ออาหาร


    ก็เจ้าเด็กนี่พอมาถึง ก็ตะโกนบอกป้าเจ้าของร้านไปว่า เอาเหมือนเดิม แล้วหลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ คือแบบ เขาว่าเขาก็คุ้นชินกับอาหารริมทางแล้วนะ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเนี่ย มันเหนือความรู้ของเขาจริงๆ


    “โห อะไร นี่ไม่เคยกินหรอ”


    “บอกเลยก็ไม่สนุกดิ”


    “อ่ะๆ ลองกินดูก่อน รับรองว่าอร่อย”


    อะไรคือการพูดด้วยท่าทางเหนือกว่าแบบนั้น คือนี่คงตั้งใจจะอยากเอาชนะให้ได้เลยสินะ ถึงได้เลือกพามากินอาหารอีสานท้องถิ่นขนาดนี้ แอสตันกะพริบตาปริบๆ พยายามทำความเข้าใจกับเมนูอาหารที่พึ่งรับรู้มา

    จินมองท่าทางของคนตัวสูงแล้วอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆ ก็เพราะปกติแล้วแอสตันจะเป็นคนที่มีความรู้รอบด้านมากกว่าตลอด นานๆทีจะได้เห็นคนขี้เก๊กทำหน้าตาเอ๋อๆแบบนี้


    “กินได้แน่นะ”


    ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ คือแบบ ตั้งแต่เกิดมาเนี่ย ไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน แบบ...ดูไม่ออกอ่ะว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่ามันมีตา และมีขาอะไรก็ไม่รู้ แต่คงไม่ใช่แบบที่เขาคิดหรอก ก็ไอ้สิ่งที่เขาคิดน่ะ คนปกติเค้าไม่น่าจะกินกันหรอก


    “แซ่บอีหลี ชิมแล้วจะติดใจ”


    สำเนียงแปร่งๆหลุดออกมาจากริมฝีปากสวย ทำเอาคนฟังต้องหลุดหัวเราะออกมา มุมใหม่ๆของแฟนเด็กที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าเด็กนี่ชอบมีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อย มิน่าล่ะ เวลาที่อยู่ด้วยกันเขาถึงไม่เคยเบื่อเลย อยากจะอยู่ด้วยกันให้นานขึ้นๆซะด้วยซ้ำ

    หลังจากนั่งพิจารณาอาหารกันอยู่สักพัก จินที่ทนท่าทางยึกยักของรุ่นพี่ตัวสูงตรงหน้าไม่ไหว เลยจัดการตักอาหารป้อนเข้าปากให้ซะเลย แต่จะเรียกว่าป้อนก็คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เรียกว่ายัดคงจะดีกว่า


    “เป็นไง แซ่บบ่”


    แอสตันพยายามเคี้ยวอาหารอยู่สักพัก พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองหัวเราะสำเนียงอีสานแปลกๆที่ดูขัดกับคนตรงหน้า แต่ก็ทำให้เจ้าเด็กแสบนี่ดูน่ารัก รสชาติเครื่องเทศลอยฟุ้งเต็มปาก สัมผัสหยุ่นๆที่ไม่คุ้นเคยทำเอารู้สึกแปลกๆ ไหนจะรสชาติจัดจ้านนี่อีก นี่ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ว่าเด็กตรงหน้าเขาจะคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้


    “ก็ไม่ได้แย่นะ”


    เมื่อเห็นรุ่นพี่ตัวสูงตอบออกมาแบบนั้น นัยน์ตาเรียวสวยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จนแอสตันต้องยื่นมือไปขยี้หัวฟ้าๆนั่นอย่างเอ็นดู จินเบ้ปากนิดหน่อย แต่ก็ยอมให้มือหนาๆนั่นได้สัมผัสกับผมของตัวเองอยู่แบบนั้น


    “ใช่มั้ยล่ะ ตอนแรกนะ ผมก็ทำหน้าไม่ต่างจากพี่หรอก แต่พอกินบ่อยๆแล้วแบบ แม่ง คือมันใช่อ่ะ มันเป็นรสชาติที่หาที่ไหนไม่ได้แล้ว”


    ริมฝีปากรูปกระจับเอ่ยเจื้อยแจ้วขณะตักอาหาร แถมใบหน้าคมสวยนั่นก็เปลี่ยนอารมณ์ไปมาได้หลากหลายสุดๆ จนคนมองต้องหลุดคลี่ยิ้ม

    พอกลืนอาหารคำแรกเสร็จ เจ้าเด็กนี่ก็ยื่นคำต่อๆไปมาให้ตลอด แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ ร้อยวันพันปีคุณแฟนจะยอมป้อนอาหารให้ โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากขอก่อน ก็เลยอ้าปากงับอาหารต่อไปเรื่อยๆ แอบตักอาหารใส่จานเด็กแสบบ้าง ทั้งๆที่บอกว่าหิว แต่ตัวเองกลับไม่ค่อยกินอะไรเลย


    “จะว่าไป กินกันตั้งนานแล้ว ตกลงที่จินสั่งมันคืออะไรหรอ”


    “อ๋อ”


    “ก็มีกบย่าง กับหมกฮวกอ่ะ”


    “…”


    คือ กบ... ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรมากหรอก เพราะพอจะรู้ว่าคนอีสานเขาก็กินกัน ถึงจะรู้สึกอยากจะเอาไอ้ที่กินออกมาบ้างก็เถอะ แต่ไม่เป็นไรๆ แค่นี้เขาพอจะทนได้ แต่ว่าไอ้หมกฮวกมันคืออะไร ฮวก... ฮวกนี่มันภาษาอะไร ตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ


    “ฮวก?”


    ทวนอีกครั้งอย่างสงสัย ท่าทางงงๆของรุ่นพี่ตัวสูงทำเอาคนนั่งมองต้องหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา อันที่จริงนี่เป็นแผนการของเขาเองแหละ คือแบบ...หมั่นไส้อ่ะ ก็เลยอยากจะแกล้งบ้าง


    “ใช่ ฮวก”


    “หรือภาษากลางก็คือ...”


    “ลูกอ๊อดอ่ะ”


    “…”


    “ฮ่าๆๆ อร่อยใช่มั้ยล่ะ กินต่ออย่าให้เหลือเลยนะ เดี๋ยวป้าเค้าจะเสียใจ”

















    “ไม่เอา!!!”




    หลังจากผ่านวิกฤตการณ์เปิบพิศดารมาได้อย่างทุลักทุเล เพราะหลังจากนั้นอาหารทั้งหมดที่กินไปต่างร่วมใจกันเดินกลับออกมาทางเดิม จนเขาต้องหักรถเลี้ยงเข้าข้างทาง ก่อนจะโก่งคออาเจียนเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหมด โดยมีเจ้าเด็กแสบคอยช่วยลูบหลังอยู่ข้างๆ


    แล้วคิดว่าคนอย่างจินจะรู้สึกผิดรึเปล่า ไม่งั้นหรอ...ถูก เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้วยังหัวเราะเขาอย่างสะใจสุดๆอีกด้วย


    ก็เลยจัดการล้างหน้าล้างตา แล้วรีบขับรถกลับมาที่คอนโดเพื่อล้างตัวเอาคราบที่ติดตามเสื้อผ้าออกให้หมด ผลัดกันจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เวลาก็เดินไปจนจะตีหนึ่งอยู่แล้ว เป็นเวลาที่ควรจะพักผ่อนเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ได้แล้ว



    แล้วทำไมพวกเขาถึงยังต้องมาเถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่าง ใครจะนอนบนเตียง และใครจะนอนบนโซฟาแบบนี้ด้วยนะ...



    แอสตันหลุดถอนหายใจกับนิสัยดื้อของเด็กในความดูแล ใบหน้าคมสวยเชิดขึ้นฉายแววดื้อรั้น แขนบางๆนั่นก็โอบกอดหมอนใบนุ่มและผ้าห่มเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาแย่งมันไปจากตัวเอง


    “จินคิดว่าพี่จะให้แฟนตัวเองนอนโซฟาอย่างนั้นหรอ” 


    น้ำเสียงทุ้มเอ่ยให้เหตุผล เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กดื้อนี่เป็นลูกคุณหนูขนาดไหน  จริงอยู่ที่โซฟาห้องเขามันก็พอจะนอนได้สะดวกสบาย แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ว่ายังไงพรุ่งนี้เจ้าเด็กแสบต้องบ่นว่าปวดหลังทั้งวันแน่ๆ อยากจะให้จินได้นอนสบายที่สุดนี่นา


    “ก็เหตุผลเดียวกันกับผมนั่นแหละ”


    อะไรคือการเถียงกลับด้วยท่าทางน่าตีแบบนั้น ริมฝีปากได้รูปหลุดถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้รุ่นน้องตัวบางที่พอเห็นเขาเดินเข้าปุ๊บ ก็เขยิบตัวหนีปั๊บ เหมือนกับกำลังเล่นวิ่งไล่จับกันอย่างไงอย่างนั้น



    “จิน”



    “ไม่”



    “จินครับ”



    “…”



    เบ้ปากกับน้ำเสียงที่เริ่มดุขึ้นมาทุกที แต่เขาผิดหรอ ก็แอสตันเป็นเจ้าของห้อง เขามาเป็นคนขออาศัย แล้วยังจะไปแย่งเตียงรุ่นพี่ตัวสูงนั่นอีก หลุดพึมพำออกมากับตัวเองอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนที่สมองอันชาญฉลาด(?)จะคิดทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสองคนได้



    “งั้นเรามานอนบนเตียงด้วยกันดีมั้ย”



    “ทำไมขี้อ่อย”



    “=_=”



    ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ พอเขาเสนอว่าให้นอนด้วยกันก็มาหาว่าเขาอ่อย คือแบบ นี่คิดแบบผู้ชายแมนๆเลยนะ ก็ทำออกจะบ่อยไอ้นอนเตียงเดียวกันเนี่ย เผลอๆนี่นอนหนุนตัก นอนก่าย นอนซบ นอนดมซอกคอกันกับเพื่อนก็ทำมาแล้วอ่ะ เขาไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของไอ้รุ่นพี่บ้านี่เลย



    “ไม่ต้องมามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นเลย”



    “เพื่อนก็คือเพื่อน แต่นี่แฟนนะครับ ถ้านอนๆอยู่แล้วน้องชายพี่ลุกขึ้นมายืนตัวตรงเคารพธงชาติ จินจะไม่ถีบพี่ตกเตียงหรอ”



    แอบสำลักน้ำลายกับประโยคที่ได้ยิน คือ...ตรงมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายจะสามารถมีอารมณ์น้องชายชี้โด่ขึ้นมาได้กับผู้ชายด้วยกันอ่ะ แต่พอมาคิดๆดูแล้ว เขายังจูบกับไอ้รุ่นพี่ตัวสูงนี่ตั้งหลายหน อารมณ์เสียวๆวูบๆก็เป็นบ่อยๆ ก็เลยพอจะเข้าใจสิ่งที่แฟนตัวโตพูด


    จ้องตากันอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ในใจจะแอบหวั่นๆอยู่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ว่าผู้ชายกับผู้ชายเวลามีอะไรกันเค้าทำกันยังไง แถมยังรู้ไปจนถึงว่า มันเจ็บขนาดไหนเลยแหละ

    อย่า อย่ามามองเขาด้วยสายตาแปลกๆแบบนั้นนะ ก็เขาพอจะมีคนรู้จักที่สนิทกันที่เป็นเกย์อยู่บ้าง ชอบมาพรรณาถึงความเจ็บและเอ่อ ความเสียวให้เขาฟังอยู่นั่นแหละ นี่ไม่ได้รู้เพราะอยากรู้เลยนะ เดี๋ยวๆนี่กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย


    เริ่มนอกเรื่องไปไกล ย้อนกลับเข้ามาในสถานการณ์ที่ดูจริงจังในเรื่องที่ไร้สาระที่สุดในสามโลก ถึงแม้ใจจะกลัว แต่ไอ้นิสัยไม่ชอบความพ่ายแพ้ของตัวเอง ทำให้จินตัดสินใจเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกไปอย่างดื้อรั้น



    “ก็ไม่เป็นไร อยากลองอ่ะ”



    แอสตันส่ายศีรษะกับนิสัยเด็กๆของแฟนจอมดื้อ แต่ก็นะ นี่แหละสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาต้องเผลอใจให้ตลอด แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ นอกจากเขาที่ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง



    “พูดเองนะ”










    “นี่ๆ หลับยังอ่ะ”


    แอบขำกับน้ำเสียงงุ้งงิ้งที่ดังอยู่ในระยะประชิด ร่างของรุ่นน้องที่ตอนนี้เลื่อนฐานะมาเป็นคุณแฟนตัวยุ่งขยุกขยิก ก่อนจะหันหน้ามาทางเขาที่นอนตะแคงมองแผ่นหลังบางๆมานานแล้ว


    “โหย ตกใจหมด ตื่นอยู่ก็ตอบดิวะ”


    พอเห็นว่าเขานอนจ้องอยู่ ก็เบ้ปากอย่างขัดใจ แอสตันแอบหลุดหัวเราะ ก่อนจะค่อยๆเท้าแขนมองเด็กดื้อที่ไม่ยอมนอนซะที



    “นอนไม่หลับอ่ะ”



    น้ำเสียงพูดออกมาอ่อยๆ ก่อนจะช้อนตามองเขาอย่างอ้อนๆ ไม่บอกก็รู้ว่าคงจะขอให้พาไปทำอะไรสักอย่างแน่ๆ เหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ที่หัวเตียง ตัวเลขดิจิตอลบอกเวลาว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็คงจะขึ้นแล้ว และเขาคิดว่ามันคงจะไม่คอยที่เท่าไหร่ ถ้าจะให้เด็กตรงหน้าไม่ได้นอนพักสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมงเลย


    “ร้องเพลงกล่อมมั้ยล่ะ”


    “อย่าเลย รบกวนห้องข้างๆเค้า เดี๋ยวจะนึกว่าเปิดบทสวดฟังก่อนนอน”


    ริมฝีปากรูปกระจับสวยเอ่ยกัด ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกคักออกมา จนเขาต้องยื่นมือไปบีบจมูกรั้นนั่นอย่างหมั่นไส้ ก็ใช่สิ ตัวเองเป็นถึงนักร้องนำวงดนตรีที่พอจะมีชื่อเสียงนี่ แล้วจะให้นักบาสแบบเขาไปสู้เรื่องร้องเพลงได้ยังไง


    “ไม่ต้องร้องเพลงหรอก เอาเป็นนอนคุยกันดีมั้ย” พูดพร้อมกับยันตัวขึ้นมาเท้าคางมองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้ชิดกัน แสงสลัวๆจากข้างนอกพอจะทำให้มองเห็นนัยน์ตามีเสน่ห์ที่กำลังจับจ้องมาทางเขา


    “เอาสิ คุยอะไรดีล่ะครับ”


    เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงตกลง นัยน์ตาเรียวสวยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที นั่งคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากถาม



    “จูบแรกเมื่อไหร่”



    แอสตันหลุดขำกับประโยคคำถามแรกที่มาจากคุณแฟนตัวแสบ ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะมีมุมแบบนี้เหมือนกับคนอื่น เพราะร้อยวันพันปีเห็นเอาแต่ทำตัวแมนๆไม่ค่อยจะสนใจเรื่องโรแมนติกอย่างนี้เท่าไหร่ สบเข้ากับนัยน์ตาเรียวที่กำลังพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ ก่อนจะยอมเอ่ยตอบตามความจริง


    “น่าจะมอต้นปีสอง”


    “แก่แดดอ่ะ”


    ดูเหมือนคำตอบของเขาจะไม่ค่อยเป็นที่พอใจซะเท่าไหร่ เจ้าเด็กแสบถึงได้ขมวดคิ้ว แล้วทำปากยื่นแบบนั้น ก็เลยยื่นมือไปแตะริมฝีปากนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว จนโดนหันมาค้อนขวับเข้านั่นแหละ


    “แล้วจินจูบแรกเมื่อไหร่”



    “เมื่อตอนที่โดนคนแถวนี้จูบนั่นแหละ นี่ ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ โคตรขี้โกงอ่ะ เอาจูบแรกผมคืนมาเลย”



    เมื่อเห็นเขาคลี่ยิ้มกว้างอย่างพอใจแบบนั้น เจ้าเด็กนี่ก็คงจะเขิน ถึงได้โวยวายออกมาเสียยกใหญ่ ลำบากให้เขาต้องดึงตัวให้นอนลงเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นคงจะเกิดสงครามหมอนขึ้นมาแน่ๆ



    “เปลี่ยนคำถาม...”




    “แล้วแฟนคนแรกล่ะ”




    ใบหน้าคมนิ่งค้างกับประโยคที่พึ่งได้ยิน นัยน์ตาที่เคยทอประกายมีเสน่ห์หม่นแสงลง จนคนมองรู้สึกได้ จินเม้มปากแน่นอย่างลำบากใจ นี่เขาเผลอถามอะไรที่ไม่ควรถามออกไปแล้วสินะ


    “ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรครับ ผมนี่ถามอะไรไม่เข้าเรื่องเลยเนอะ”

     พูดพร้อมกับเอามือเขกหัวตัวเองเบาๆ แบบทีเล่นทีจริงๆ แอสตันเหลือบมองท่าทางน่ารักๆนั่นอย่างรู้สึกผิด เขาเผลอ เผลออีกแล้ว เผลอปล่อยให้หัวใจของตัวเอง มีใครคนอื่นเข้ามา


    “อย่าเงียบดิ”


    น้ำเสียงนุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างลำบากใจ ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ รุ่นพี่ตัวสูงก็ดึงตัวเขาเข้าสู่อ้อมแขนแกร่งนั่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว นัยน์ตาเรียวสวยกะพริบปริบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบหลวมๆ



    “พี่ขอโทษนะครับ”



    น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบขอโทษเขาที่ข้างใบหู ความเศร้าสร้อยที่แฝงมากับน้ำเสียงทำเอาเขาพูดไม่ออก ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนรักคนก่อนของแอสตันทำ ทุกความทรงจำที่คนทั้งคู่มีร่วมกัน ก็ยังคงฝังรากลึกลงไปในหัวใจของผู้ชายคนนี้สินะ


    ความพยายามของเขามันแทบไม่มีความหมายอะไรเลยสิเนี่ย...


    “ขอโทษทำไมเนี่ย มันไม่ใช่ความผิดของพี่ซะหน่อย”


    อยากจะกัดปากตัวเองจริงๆ เมื่อน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของตัวเองมันสั่นซะจนน่าหงุดหงิด


    นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาร้องไห้ซะหน่อย




    “…”



    และดูเหมือนรุ่นพี่ตัวสูงนี่ก็พอจะรู้ว่าเขาเองก็เจ็บเหมือนกัน ถึงได้กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น จินเบ้ปากอย่างขัดใจก่อนจะปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมาเงียบๆ ใช้เสื้อยืดของรุ่นพี่ตัวสูงเป็นที่ซับน้ำตา

    ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งคู่ แอสตันกอดปลอบรุ่นน้องที่ไม่เหลือเค้าเด็กแสบเลยสักนิด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้ต้องทนทำตัวเข้มแข็งมากขนาดไหน เพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกสบายใจ



    ทำไมมึงเลวได้ขนาดนี้วะแอสตัน



    “บ้าเอ๊ย พรุ่งนี้ตาบวมแน่ๆ”


    น้ำเสียงนุ่มหลุดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆดันตัวออกจากแฟนตัวสูง แอสตันหลุดคลี่ยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนมือไปเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใส จินเบ้ปากใส่ก่อนจะปล่อยให้คนตรงหน้าได้สัมผัสเขาอยู่แบบนั้น



    “ทำไมชอบทำเป็นเก่งอยู่เรื่อย”



    ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั่นทำเอาคนฟังรู้สึกฉุนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


    “ก็แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”


    นัยน์ตาเรียวสวยเป็นประกายกร้าวฉายแววโกรธเคือง แล้วจะให้เขาทำยังไงเล่า จะให้ทำตัวอ่อนแอร้องไห้ฟูมฟายอย่างนั้นหรอ ทำแบบนั้นแล้วเขาจะได้อะไรล่ะ ความสงสารงั้นหรอ ไม่ เขาไม่อยากได้


    เขาอยากได้ความรักที่มาจากคนตรงหน้าต่างหาก ความรักที่มาจากหัวใจจริงๆ ไม่ใช่เพราะความสงสาร!


    แอสตันหลุดถอนหายใจเมื่อดูเหมือนว่าเด็กตรงหน้าของเขากำลังโกรธกับประโยคที่เขาพึ่งพูดออกไป เขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย


    “จินครับ”


    พูดพร้อมกับเชยคางให้รุ่นน้องตัวแสบเงยหน้าขึ้นมาสบตา นัยน์ตาเรียวที่ยังแดงระเรื่อทำเอาหัวใจเขาเจ็บปวด เขาแค่ไม่อยากจะให้เด็กคนนี้ต้องทนแบกรับอะไรแบบนี้เอาไว้คนเดียว

    จริงอยู่ว่าเขายังลืมรีฟาได้แบบไม่หมดใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้จินคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ที่ต้องทำให้เขาลืม ไม่อยากให้เด็กคนนี้แบกรับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียว ถ้าแบบนั้นมันจะเรียกว่าความรักได้ยังไงล่ะ



    “พี่แค่อยากจะบอกว่า”



    “ถ้ามันเจ็บก็พูดออกมา ถ้ามันเศร้าก็แค่ร้องไห้ออกมา มีอะไรอย่าเก็บเอาไว้คนเดียว”


    “เรามาพยายามไปด้วยกันเถอะเนอะ”



    ใบหน้าสวยเหยเกเพราะต้องกลั้นร้องไห้กับประโยคที่ได้ยิน เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างขาดสะบั้นลง ความเข้มแข็งที่เขาพยายามสร้างมากำลังค่อยๆผุกร่อน และพังทลายลงโครมเดียวเมื่อได้ยินประโยคจากริมฝีปากของคนตรงหน้า

    แอสตันหลุดคลี่ยิ้มเอ็นดูให้กับจินที่ร้องไห้ออกมาเหมือนกับเด็กๆ กอดปลอบก่อนจะโยกไปมาจนคนในอ้อมกอดค่อยๆสงบลง เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆเท่านั้น


                   เรื่องราวที่คิดว่าตัวเองลืมไปแล้ว ปัญหาที่เขาพยายามหนีมันออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้รีฟาเป็นยังไงบ้าง เพราะเขายังคงพยายามหลบหน้าเธออยู่ บางที...เขาควรจะเลิกหนีปัญหาได้แล้วสินะ



    “จูบได้รึเปล่า”



    “เวลาอย่างนี้ยังจะหื่นได้อีกนะ”



    แอสตันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อเจ้าเด็กแสบนี่จัดการหยิกเข้าที่หน้าท้องของเขาทันทีที่เขาพูดประโยคนี้จบ ก็แบบ เวลาแบบนี้เขาไม่รู้จะปลอบคนตรงหน้ายังไงแล้วนี่



    แล้วก็จูบน่ะ...มันทำให้รู้สึกดีไม่ใช่หรอ



    นัยน์ตาเรียวช้อนขึ้นมามองเขาอย่างลังเลนิดหน่อย ก่อนจะเสตาไปทางอื่นเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาของเขา เขารู้ รู้ตัวว่าต้องกำลังทำท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่แน่ๆ แต่ก็เพราะเด็กคนนี้น่ารัก น่าแกล้งนี่


    ก็เลยจัดการโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ปล่อยลมหายใจร้อนๆรดหน้ากันและกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนเข้าใกล้มากขึ้น ประทับริมฝีปากลงที่มุมปากของเจ้าเด็กดื้อ แล้วสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวสวยนั่นเหมือนกับเป็นการขออนุญาต


    จินเผลอเม้มปากตามนิสัยเวลาตัวเองเขิน ก่อนจะหลับหูหลับตาเป็นฝ่ายเลื่อนริมฝีปากไปประกบเข้ากับริมฝีปากของรุ่นพี่ตัวสูงแทน สัมผัสนุ่มละมุนที่อยู่ตรงหน้าทำเอาแอสตันต้องเผลอคลี่ยิ้ม


    กลีบเนื้อนุ่มสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา อ่อนโยน พะเน้าพะนอเอาใจอีกฝ่ายให้รู้สึกดี ไม่ได้วาบหวาม แต่กลับทำให้หัวใจของคนทั้งคู่เต้นไม่เป็นจังหวะ และสมองขาวโพลนไปหมด






    ถ้าอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้ จะได้รึเปล่านะ...








    -------------------------------------



    Talk : ในที่สุด ไรท์ก็สามารถเขียนจนครบจนได้

    ฮือออออ ปาดน้ำตา ขอโทษรีดเดอร์ทุกคนด้วยนะคะ

    เพราะจากนี้ไปไรท์ก็คงจะอัพไม่สม่ำเสมอแบบนี้ไปเรื่อยๆ 5555

    อย่าพึ่งเลิกเอ็นดูนิยายเรื่องนี้กันเลยนะคะ

    ไรท์สัญญาว่าจะพยายามไม่ให้ันมาม่าเกินไป

    ถึงไรท์จะชอบเรื่องแบบน้ำตานองหน้าก็เถอะ อิอิ

    หยอกเล่นนะค้า ขอบคุณที่คอยติดตามค่า ^__^















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×