คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : -31-
-31-
ความเงียบค่อยๆโรยตัวลงรอบโต๊ะ นัยน์ตาเรียวสวยสั่นไหวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมของรุ่นพี่คนสนิท เขายอมรับว่าประโยคแปลกๆของจิวซื่อกำลังทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ แต่ก็เป็นแค่ความรู้สึกแปลกๆ เพราะรุ่นพี่คนนี้ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
“พี่กำลังจะทำให้ผมเข้าใจอะไรผิดๆนะ”
จินพูดกลั้วหัวเราะ แม้มันจะดูฝืดเฝื่อนเต็มที พยายามทำให้บรรยากาศรอบตัวดีขึ้น เขาไม่ชอบสายตาจริงจังของรุ่นพี่ที่กำลังมองมาทางเขาเลยให้ตายสิ
“แล้วเข้าใจว่าอะไรล่ะ”
พอเขาพยายามถอยห่าง คนตรงหน้าก็พยายามก้าวตามมาประชิด เอาชนิดที่ว่าไม่ยอมให้มีเวลาได้พักหายใจ แล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ ริมฝีปากรูปกระจับสวยเผลอเม้มเข้าหากันแน่น
ตอนนี้เขามีเรื่องให้คิดมากเต็มไปหมด ทั้งเรื่องที่ต้องเตรียมแข่งประกวดวงดนตรี แล้ววันนี้ก็ยังมาเจอเรื่องที่...เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกออกมายังไง มันจุกจนพูดไม่ออก...
เขารู้ จะพูดว่ารู้ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เอาเป็นว่าพอจะรู้สึกได้ ถ้าหากไม่ใช่คนที่อยู่กับแอสตันตลอดเวลาก็คงจะดูไม่ออก แต่นี่...เขาใกล้ชิดรุ่นพี่คนนี้มากพอที่จะรับรู้ได้ว่า ระหว่างคนสองคนนี้มีอะไรบางอย่าง รีฟาเป็นคนที่ได้รับอะไรบางอย่าง... อะไรบางอย่างที่เขาไม่มีทางจะได้รับจากแอสตัน
ทุกคำพูดที่พี่เคยพูดกับผม มันเป็นคำพูดที่มาจากใจพี่จริงๆใช่มั้ย
สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ร้องไห้ ร้องเพื่อให้มันได้ช่วยระบายความรู้สึกที่อัดอยู่ในใจ แต่ไม่ว่าเขาจะกรีดร้องเท่าไหร่ มันก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย
แล้วจู่ๆรุ่นพี่คนนี้ก็โผล่มา เขาคิดว่าจิวซื่อจะต้องทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้แน่ๆ ก็เพราะไม่ว่ากี่ครั้งถ้าเขาเรียกหา รุ่นพี่คนนี้ก็จะมาช่วยเขา ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยเขาเกือบทุกเรื่องแบบสไปรท์ แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่เขาพร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้โดยไม่แคร์อะไร
แต่ในครั้งนี้กลับ...เอาเรื่องคิดมากมาให้เขาเพิ่มขึ้นอีกเรื่องซะอย่างนั้น
“เฮียจิวต้องการอะไรกันแน่”
ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จ้องตารุ่นพี่กลับไปเพื่อเป็นการยืนยันว่าตอนนี้เขาสับสนมากจริงๆ แต่คนถูกจ้องกลับทำเพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปาก อย่างที่ชอบทำ และไม่คิดจะตอบคำถามของเขาเลย
และมัน...น่าหงุดหงิดที่สุด!!!
อารมณ์ที่ไม่คงเส้นคงวามานานพอสมควรมันถึงได้ระเบิดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างบางลุกขึ้นพรวดเอามือกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆ ก่อนจะพูดระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมา
“ไม่ได้ยินรึไงเฮีย นี่ผมถามเฮียนะว่าเฮียต้องการอะไร”
“แค่นี้ก็สับสนมากพอแล้ว เสียความรู้สึกมากพอแล้ว แล้วเฮียยังจะมาเพิ่มเรื่องอะไรให้ผมต้องคิดมากอีก อยากจะสื่ออะไรก็พูดออกมาดิวะ”
เขากำลังพูดจาไร้เหตุผล แต่ตอนนี้ในหัวของเขามันไม่มีความคิดอะไรเหลืออยู่แล้ว มันรู้สึกเจ็บไปหมด ปวดหนึบตั้งแต่หัวจนมาที่หัวใจ ก่อนจะลามไปทั้งร่างกายจนชาแทบไม่รู้สึกอะไร
เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้เขาไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน เขากำลังอ่อนแอ...อ่อนแอเกินกว่าจะสูญเสียความรักครั้งนี้ หรือแม้กระทั่งเสียพี่ชายที่ดีที่สุดของเขาไป ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงจะตายได้แน่ๆ
“เห็นผมมันโง่นักรึไงถึงได้เอาแต่ปั่นหัวผมอยู่ได้ ใช่ ผมมันต้องดูโง่มากแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนทิ้งแบบนี้ ทำให้ผมยื่นหัวใจให้ไปทำซากอะไรวะ ถ้าสุดท้ายจะทำลายแล้วทิ้งมัน”
“ผมน่ะ...ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว”
“ผม...รักพี่มันไปแล้ว”
“ผมไม่อยากเสียพี่มันไป ผมควรจะทำยังไง เฮียช่วยบอกผมที”
“ต้องให้ผมคุกเข่าขอร้องหรอ หรือต้องให้ทำยังไง พี่แอสตันถึงจะไม่ทิ้งผม”
ปล่อยให้น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตา บดบังภาพตรงหน้า ทุกอย่างดูพร่าเลือนไปหมด แต่เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว ถ้าแอสตันทิ้งเขาไปในตอนนี้ เขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
“ต้องทำยังไงพี่แอสตันถึงจะกลับมา...”
ไม่รู้ว่าตัวเองพล่ามอะไรออกไป แต่แค่อยากจะพูด พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา ภาพตรงหน้าของเขามันเบลอไปหมด เขารู้ตัวว่าตอนนี้คนทั้งร้านกำลังมองมาทางเขากับจิวซื่ออยู่ แต่เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้ว ทำไมชีวิตเขาต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
คนอายุน้อยกว่าที่เอาแต่ร้องไห้และพูดพร่ำเพ้อระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาอย่างขาดสติ ไม่ได้สังเกตเห็นถึงนัยน์ตาเรียวที่เป็นประกายกร้าวอย่างไม่พอใจของคนเป็นพี่ที่กำลังจับจ้องตัวเองเลยสักนิด
“พูดจบแล้วใช่มั้ย”
“เฮีย!!!”
จินร้องออกมาเสียงหลง เมื่อจู่ๆรุ่นพี่ตัวสูงโยนเขาทิ้งลงในน้ำทะเลเค็มๆแบบไม่บอกไม่กล่าว อาจจะดูข้ามช็อตไปเสียหน่อย แล้วเขามาจบลงตรงนี้ได้ยังไงน่ะหรอ
หลังจากที่เสียงทุ้มพูดเพียงแค่นั้น รุ่นพี่คนนี้ก็อุ้มเขาพาดบ่า ไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมา เสียงฮือฮา หรือแม้แต่กล้องมือถือที่กำลังถ่ายคลิปพวกเขาทั้งสองคนเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะโยนเขาเข้าไปในรถแล้วออกรถด้วยความเร็วสูงสุดๆ แซงรถทุกคันที่ขวางหน้า ฝ่าไฟแดงทุกที่ที่ผ่าน ก่อนจะมาจบลงตรงที่ชายทะเลที่ไหนสักที่
พอจอดรถปุ๊บก็เดินดุ่มๆมาลากเขาลง จัดการอุ้มเขาขึ้น ก่อนจะโยนลงไปในทะเลแบบไม่มีคำว่ากลัวน้องเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งกด ทั้งดึง จนเขาเปียกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และดูเหมือนจะยังไม่พอใจ ถึงได้ผลักเขาลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นทรายอีกครั้ง
อย่างกับเขาเป็นนางเอกละครหลังข่าว ที่กำลังถูกพระเอกทำโทษยังไงยังงั้น!!!
นัยน์ตาเรียวคมทอดมองน้องชายคนสนิทที่กำลังนั่งไอโขลกๆ สำลักเอาน้ำทะเลออกจากร่างกาย เมื่อเห็นว่าอาการระคายเคืองลดลงแล้ว ถึงได้เปิดปากพูดออกมาหลังจากที่เงียบมาตลอดทาง
“ได้สติรึยัง”
คำพูดของรุ่นพี่คนสนิทเรียกสายตาให้คนที่กำลังนั่งบนพื้นทรายเงยขึ้นมอง ก่อนจะสบเข้าสายตาจริงจังที่คนอายุมากกว่าส่งมาให้
“กูไม่เคยสอนให้มึงเป็นคนอ่อนแอแบบนี้”
“กูไม่เคยสอนให้มึงเป็นคนคิดเองเออเองแบบนี้”
“กูไม่เคยสอนให้มึงร้องไห้ฟูมฟายจนขาดสติแบบนี้”
“มึงเอาสิ่งที่กูคอยสอน คอยดูแล คอยบอกมึงโยนลงทะเลไปหมดสินะ ในสมองของมึงถึงได้มีแต่เรื่องความรักไร้สาระเต็มไปหมด”
“เป็นไงบ้างล่ะ ได้น้ำทะเลเข้าไปในร่างกายบ้าง ได้อะไรที่กูสอนกลับมาบ้างรึเปล่า”
แม้จะเป็นคำพูดที่ดูก้าวร้าวและรุนแรง แต่นี่ก็คือ จิวซื่อ รุ่นพี่ที่คอยเป็นกำลังใจ คอยอยู่ข้างๆเขามาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องพูดจาอ่อนโยน แต่จินเองก็พอจะสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงที่สื่อออกมาจากคนตรงหน้า
นัยน์ตาเรียวสวยสั่นไหว แต่ก็ค่อยๆพยักหน้าอย่างเชื่องช้า เป็นการบอกว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
“ถ้าได้สติแล้ว ทีนี้ฟังกู”
ถอนหายใจยาวก่อนจะค่อยๆนั่งลงยองๆตรงหน้ารุ่นน้องจอมแสบที่ไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด เขาไม่รู้ว่าเขาละสายตาจากเด็กนี่นานเกินไปรึเปล่า พอเจอกันอีกที ถึงได้กลายเป็นคนเปราะบางได้ขนาดนี้
“เรื่องที่มึงเล่าให้กูฟังมึงได้ยินมาจากคนอื่นอีกที ไม่ได้ยินมาจากแอสตันตรงๆใช่มั้ย”
ทำได้เพียงแค่พยักหน้า เพราะแค่ได้ยินเรื่องนี้ หัวใจของเขามันก็เจ็บแปลบขึ้นมา จนต้องเผลอขยุ้มเสื้อบริเวณอกข้างซ้ายของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ จิวซื่อเหลือบมองท่าทางของรุ่นน้อง ก่อนจะถอนหายใจยาวอีกครั้ง พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้วพูดต่อ
“มึงช่วยใช้สติแล้วก็คิดดีๆ ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเองก็กำลังตามจีบแอสตัน แถมเป็นเรื่องที่แอบไปฟังมาอีก หลักฐานอะไรก็ไม่มี”
“แต่กูก็ไม่ยืนยันเต็มร้อยหรอกนะว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริงน่ะ เพราะฉะนั้น มันก็มีแค่วิธีเดียว”
“คือมึงไปถามไอ้บ้านั่นตรงๆ”
เผลอกลั้นหายใจกับประโยคที่ได้ยิน ริมฝีปากรูปกระจับสวยเผลอเม้มแน่นเข้าหากันตามนิสัยเวลาที่กำลังคิดมาก หลุบสายตาลงต่ำ ก่อนที่ใบหน้าคมสวยจะค่อยๆก้มลงเล็กน้อย เพื่อหลบสายตาจริงจังที่รุ่นพี่คนสนิทจับจ้องมา
เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่พร้อม ไม่พร้อมจะถามเพราะกลัว กลัวคำตอบว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ชิชาพูด เพราะถ้าเป็นแบบนั้น หัวใจของเขามันคงจะเหมือนกับกำลังถูกทำร้ายจนยับเยินแน่ๆ
จริงอย่างที่เฮียจิวของเขาพูด ตอนนี้เขากำลังอ่อนแอ อ่อนแอเกินกว่าจะยอมรับความจริงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
“กูก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของความรักของมึงมากนักหรอกนะ”
คำพูดของจิวซื่อเรียกให้จินต้องเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงกว่าถอนหายใจออกแรงๆอีกครั้ง เขารู้สึกช่วงนี้ตัวเองชักจะถอนหายใจบ่อยเกินไปแล้ว ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวของตัวเองอย่างหงุดหงิด ผมที่เคยถูกเซ็ตมาอย่างดียุ่งไม่เป็นทรง จนจินต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะเรียกให้นัยน์ตาคมต้องเหลือบมองรุ่นน้องนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ยิ้มออกซะทีนะ”
จินเผลอยิ้มค้าง เมื่อรับรู้ได้ถึงระยะห่างที่ลดลงระหว่างเขากับรุ่นพี่ที่เคยร่วมวงด้วยกันมา กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย เพราะอยู่ใกล้กันมาตลอดหลายปี แต่พอได้กลับมาใกล้กันในครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ไหนจะคำพูดแปลกๆตอนที่อยู่ในร้าน แถมยังการกระทำที่ดูอ่อนโยนเกินกว่าจะทำให้เขาเชื่อ ว่านี่คือรุ่นพี่ที่คอยดูแลเขามาตลอดจริงๆน่ะหรอ
“ร้องไห้ซะตาบวมเลยนะมึง ไม่ปวดตาบ้างหรอวะ”
พูดพร้อมกับค่อยๆเลื่อนมือมาเกลี่ยเบาๆที่รอบๆดวงตาของรุ่นน้องคนสนิททั้งสองข้าง จินเผลอจ้องใบหน้าของจิวซื่อที่ครั้งนี้ดูจะเข้าใกล้เขามากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
นัยน์ตาสีเทาของคนตรงหน้าเป็นประกายเมื่อกระทบเข้ากับแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆลับขอบฟ้าไป แสงสีส้มส่องผ่านใบหน้าของคนตรงหน้าเขา ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้าเรียวยาว หรือจมูกที่โด่งเป็นสัน ทุกสัดส่วนลงตัวไปหมด จนดูงดงามราวกับภาพวาด
เผลอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เมื่อรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนแปลกๆที่ตัวเองกำลังได้รับ ทำให้คนที่กำลังยื่นมือมาสัมผัสต้องเผลอยกค้าง
นัยน์ตาคมเหลือบมองท่าทางลำบากใจของรุ่นน้องที่ตัวเองคอยดูแลมาตลอดหลายปี ก่อนจะหลุดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ละมือออกจากคนตรงหน้า แล้วค่อยๆเอนหลังเท้าแขนลงกับพื้นทราย เหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังแต่งแต้มให้ท้องฟ้ายามเย็นและน้ำทะเลระยิบระยับจนกลายเป็นสีส้ม
“กูก็ไม่ได้อยากทำให้มึงลำบากใจอะไรหรอกนะ”
พูดออกมาทั้งๆที่สายตายังคงเหม่อมองไปในทะเล แต่เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กแสบนี่กำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่ ถึงได้ตัดสินใจพูดต่อ
“ถ้ามึงอยากให้กูเป็นแค่พี่ชาย กูก็จะเป็นแค่พี่ชาย”
“แต่กูขออะไรอย่าง”
น้ำเสียงทุ้มที่เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ข้างๆ ทำให้นัยน์ตาเรียวสวยต้องค่อยๆเหลือบมองอย่างหวั่นๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบว่าใบหน้าของคนเป็นพี่อยู่ห่างจากใบหน้าของตัวเองเพียงน้อยนิด ส่วนแขนยาวๆนั่นก็เลื่อนมาเท้าแขนอยู่ข้างๆลำตัวของเขา ทำให้ขยับหนีไปไหนไม่ได้
“อย่าอ่อนแอให้กูเห็นอีก”
“เพราะถ้าเป็นแบบนั้น...”
เสียงทุ้มเว้นค้างไว้นิดหน่อย หลุบสายตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด แล้วค่อยๆเลื่อนมาสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวสวยที่กำลังสั่นไหวด้วยสายตาจริงจัง เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เขากำลังพูดต่อไปนี้ เขาทำจริงแน่
“ต่อให้มึงอ้อนวอนกูมากแค่ไหน ยังไงกูก็จะต้องเอาคืนไอ้เหี้ยนั่นจนกว่ากูจะรู้สึกพอใจ ถึงแม้ว่าสิ่งที่กูทำลงไปมันจะทำให้มึงเกลียดกูก็ตาม”
ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มอย่างที่ชอบทำเวลากำลังนึกถึงอะไรสนุกๆ ทำเอาคนมองต้องเผลอกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ เขารู้ว่าเฮียจิวเป็นคนที่พูดจริงทำจริง แถมฝีมือการชกต่อยก็เป็นอันดับหนึ่งในโรงเรียนมาโดยตลอด อดที่จะเป็นห่วงคนที่กำลังถูกพูดถึงไม่ได้จริงๆ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของคนเป็นพี่เขยิบเข้ามามากขึ้นอีก
“เริ่มจากตอนนี้เลยแล้วกัน ขอกูเอาคืนอะไรบ้างเหอะ”
คำพูดแปลกๆทำให้จินเผลอขมวดคิ้ว ก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆก็มีแรงกระชากให้เขาต้องถอยห่างออกจากรุ่นพี่คนสนิท นัยน์ตาเรียวสวยเลื่อนไปยังที่มาของแรง ก่อนจะต้องเบิกกว้าง
พี่แอสตัน!!!
หลังจากที่ดาวคณะคนสวยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเขา อ้ำอึ้งอยู่นาน สุดท้ายก็บอกเพียงแค่ว่า จินมาที่มหาลัยและตั้งใจจะมาหาเขาที่คณะ แต่เธอคิดว่าเพื่อนร่วมคณะตัวสูงไม่ว่าง ถึงได้บอกให้กลับไปก่อน แล้วจะมาบอกแอสตันให้
นัยน์ตาคมหรี่ลงมองท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจที่พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ทำให้เด็กดื้อนั่นต้องมาเสียเที่ยว แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเลยต้องเก็บเอาความไม่พอใจนั้นเอาไว้ ทำเพียงแค่เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนสนิททั้งสองคนว่าจะขอไปเดินดูเสียหน่อย เผื่อว่าจินจะยังไม่กลับ
แทบจะลืมเรื่องธุระที่ตัวเองต้องทำไปเสียหมด
เรียวกับต้นไผ่มองหน้ากันอย่างขอความคิดเห็น ท่าทางที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยและถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ดูเหมือนเพื่อนสนิทของเขาเองก็ยังคงให้ความสำคัญกับรุ่นน้องคนนี้อยู่มากพอสมควร ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของแอสตัน เร่ิมทำให้พวกเขาทั้งสองคนปวดหัว
บางทีควรจะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนดีรึเปล่านะ
แอสตันตัดสินใจเดินหาที่ร้านกาแฟที่ชิชาบอกว่าเจอจินอยู่แถวนี้ แอบถามคนบริเวณนั้น ว่าพอจะเห็นคนที่มีลักษณะแบบจินบ้างรึเปล่า ก่อนจะได้รับข่าวที่ทำให้เขารู้สึกเป็นไม่สบายใจขึ้นมา
‘อ๋อ ถ้าเด็กหัวฟ้าๆ ถามใครแถวนี้ก็เห็นหมดนั่นแหละ เห็นเดินร้องไห้อยู่สักพัก เราเองก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แต่เหมือนจะเจอคนรู้จักมารับตัวไปแล้วนะ’
เด็กคนนั้นร้องไห้อย่างนั้นหรอ
อะไรบางอย่างในหัวของเขากำลังเตือนว่ามันต้องมีเรื่องเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่ชิชาเล่าแน่นอน เพราะเด็กนั่นไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะร้องไห้แบบไม่อายใครแบบนั้น
รู้สึกหัวใจเจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อคิดว่าคนที่คอยเช็ดน้ำตาให้ คนที่คอยปลอบใจอยู่ข้างๆจิน เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
“โธ่เว้ย”
เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหงุดหงิด พยายามติดต่อเด็กน้อยในความดูแลของตัวเอง แต่ไม่ว่าเขาจะโทรไปกี่สายๆอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะรับเลย สุดท้ายเลยพยายามติดต่อเพื่อนของจินแทน แต่พอถามกลับไม่มีใครรู้เสียนี่ว่าเด็กแสบนั่นหายไปไหน
ขับรถไปจนทั่ว ก่อนจะสะดุดเข้ากับมาเซราติคันเงาวับ ที่รู้สึกคุ้นตาสุดๆ ก็เลยตัดสินใจขับตามมาตามสัญชาตญาณ แอบรู้สึกกังวลใจนิดหน่อยเมื่อเห็นความเร็วและลักษณะการขับรถของเจ้ารถคันนี้
ถ้าเด็กน้อยของเขาอยู่ในรถคันนั้นจริง ก็กำลังเสี่ยงอยู่ในอันตรายไม่ใช่น้อยๆ และก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิดจริงๆ รถคันนี้เป็นรถของจิวซื่อ รุ่นพี่คนสนิทของแฟนของเขานั่นเอง
ตอนแรกที่เห็นสิ่งที่เพื่อนร่วมอาชีพของเขาทำกับจินแล้ว ก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปห้าม แล้วจัดการเอากำปั้นฟาดหน้าจิวซื่อสักสองสามหมัด แต่มีอะไรบางอย่าง กำลังบอกเขาว่า เขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายในตอนนี้ ก็เลยตัดสินใจยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆแทน
รู้สึกเจ็บแปลบเมื่อรับรู้ว่าเด็กน้อยของเขากำลังร้องไห้เหมือนกับจะขาดใจแบบนั้น... จิน นายกำลังร้องไห้เรื่องอะไรกันนะ
หลังจากกัดฟันทนดูสถานการณ์อยู่นาน เริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อเห็นว่าจิวซื่อเลิกทำร้ายแฟนของเขาแล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถัดมา ทำให้เขาถึงกับเผลอกำมือแน่นขึ้น เมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงระยะห่างที่ลดน้อยลงระหว่างคนทั้งคู่ ใบหน้าที่ค่อยๆเลื่อนเข้าหากันทำให้เขากำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ถึงได้ตัดสินใจเดินดุ่มๆเข้าไป แล้วจัดการดึงคนรักของตัวเองให้ออกห่างผู้ชายอีกคน ที่ถึงแม้ปากจะบอกว่าเป็นแค่รุ่นพี่
แต่เขาก็พอจะดูออกว่าถ้าเผลอละสายตาไปเมื่อไหร่ คนคนนี้ก็พร้อมที่จะแย่งจินไปจากเขาได้ทุกเมื่อ
“โอ้โห เป็นหมารึไงวะครับ ถึงได้ตามกลิ่นมาได้ขนาดนี้”
น้ำเสียงทุ้มที่ตั้งใจพูดกวนโมโหทำให้แอสตันต้องกัดฟันกรอด จิวซื่อกระตุกยิ้มเหยียดอย่างพึงพอใจ อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วล่ะว่าไอ้บ้านี่มันขับรถตามเขามาตั้งแต่แรกๆแล้ว ก็รถแอสตันมาร์ตินแบบนั้นมันเด่นสะดุดตาพอๆกับมาเซราติของเขานั่นแหละ แต่ก็ไม่คิดว่าคนอย่างแอสตันจะแอบดูอยู่ห่างๆ โดยที่ไม่เข้ามาขวางสิ่งที่เขาทำกับจิน
ถือว่ามีเซ้นส์ใช้ได้ เพราะถ้าแอสตันเข้ามาขวางเขาล่ะก็ เขาคงจะได้ประเคนหมัดให้สักหน่อย เพื่อที่จะระบายความหงุดหงิดในตัวเองลง โดยที่มีไอ้บ้านี่นี่แหละ ที่เป็นตัวต้นเหตุ
นัยน์ตาเรียวเหลือบมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยเป็นมิตร ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นน้องคนสนิทของตัวเองที่ถูกคนที่เข้ามาขัดจังหวะล็อกแขนเอาไว้ ค่อยๆก้มลงกระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหู ตั้งใจให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
“อยากให้กูอยู่เป็นเพื่อนรึเปล่า”
นัยน์ตาเรียวสวยสั่นไหวกับประโยคที่ได้ยิน ก่อนจะช้อนสายตามองรุ่นพี่คนสนิท ริมฝีปากรูปกระจับเม้มเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด แล้วค่อยๆส่ายศีรษะเบาๆ
เขารู้ว่าตอนนี้เขายังอ่อนแออยู่ แต่เขาก็อยากจะลองทดสอบตัวเองดูอยู่เหมือนกัน มันจริงอย่างที่เฮียจิวของเขาพูด เขาอ่อนแอลงไปมาก และคงจะทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งยังรู้สึกว่า เรื่องนี้มันควรจะเป็นเรื่องระหว่างเขากับแอสตันสองคนมากกว่า
จิวซื่อหลุดถอนหายใจยาว ไม่บอกก็รู้ว่าเด็กนี่ยังไม่พร้อม และก็คงจะยังไม่กล้าถามเรื่องที่ตัวเองพึ่งได้ยินมาแน่ๆ ทำไมเขาจะดูไม่ออกล่ะ แค่มองตาก็รู้แล้ว
เล่นทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลาแบบนั้น คิดว่าเขาจะปล่อยไปอย่างเต็มใจได้ยังไง ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยอมพยักหน้าอือออตามไอ้เด็กขี้แยนี่ หันไปส่งสายตาอาฆาตใส่ร่างสูงที่กำลังจ้องพวกเขาทั้งคู่เขม็ง
“มึงคงจะยังไม่ลืมคำพูดที่กูเคยพูดกับมึงไว้ใช่รึเปล่า”
“ถ้ามึงทำน้องกูเสียใจ มึงเจอดีแน่”
หลังจากอยู่กันตามลำพัง ความเงียบก็ค่อยๆโรยตัวลงรอบตัวทั้งคู่ มือหนาเลื่อนไปกุมมือของอีกฝ่าย ก่อนจะดึงตัวให้คนตัวบางที่เปียกไปทั้งตัวเข้ามาสู่อ้อมแขนของตัวเอง
กลิ่นน้ำหอมที่คุ้ยเคยทำให้คนถูกกอดรู้สึกสบายใจ ความรู้สึกมันต่างจากตอนที่เขาอยู่ใกล้กับจิวซื่อ จริงอยู่ที่เขารู้สึกดีและไว้ใจรุ่นพี่คนสนิทคนนั้น แต่กับแอสตันมันแตกต่าง ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง เขารู้เพียงแต่ว่า เขาอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ชะมัดเลย จินหลับตาซึมซับสัมผัสอ่อนโยนที่แฟนตัวโตมอบให้
“หนาวรึเปล่า ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะ ถ้ามืดกว่านี้อากาศมันจะเย็น เดี๋ยวไม่สบาย”
หลังจากกอดให้ไออุ่นแก่เด็กน้อยของตัวเองสักพัก ก็ตัดสินใจบอกให้แฟนตัวบางถอดเสื้อออก แล้วสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่เขามีติดรถเอาไว้แทน
หลังจากจัดการร่างกายของจินเสร็จ เขาก็ตัดสินใจออกรถเพื่อพาจินไปส่งที่บ้านทันที เพราะถึงแม้ว่าทะเลที่พวกเขาอยู่จะไม่ค่อยไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ แต่ก็ใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงกว่าพวกเขาจะไปถึง
“เห็นชิชาบอกพี่ว่า เราไปหาพี่ที่มหาลัย”
พูดเพียงแค่นั้นก็จะเว้นช่วงไว้ เพื่อให้เด็กดื้อได้เป็นคนตอบ จินเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ละสายตาจากวิวข้างทางที่ตัวเองจับจ้องเลยแม้แต่น้อย
“ก็เพราะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน ก็เลยอยากไปหาน่ะ ขอโทษที่ทำตัววุ่นวายนะครับ”
น้ำเสียงนุ่มที่ดูห่างเหินทำเอาหัวใจของแอสตันกระตุกวูบ เขาพอจะรับรู้และมั่นใจได้แล้วว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่แน่ๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม เหมือนกับรู้ว่าตัวเองกำลังทำความผิดอยู่ ถึงได้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
“ไม่ได้ทำตัววุ่นวายซะหน่อย โธ่ พี่ขอโทษนะครับ ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เลย”
พยายามทำให้บรรยากาศรอบกายอึดอัดน้อยลง แต่ดูเหมือนเด็กน้อยของเขาจะไม่ค่อยมีอารมณ์มาให้ความร่วมมือกับเขาเท่าไหร่นัก ถึงได้ทำเพียงแค่ครางรับในลำคอ โดยที่ไม่ได้หันมามองเขาเลยแม้แต่น้อย
รถยนต์คันหรูค่อยๆเลี้ยวจอดเข้าที่ข้างทาง วิวรอบกายที่ค่อยๆหยุดลงทำให้จินต้องเลิกคิ้วข้ึนอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันมามองทางคนขับเพื่อที่ต้องการถามว่าหยุดรถทำไม
แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด...เมื่อเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่กำลังมองมาทางเขาฉายแววจริงจัง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า”
น้ำเสียงทุ้มที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้น ราวกับเป็นตัวทำลายทำนบน้ำตาที่เขาอุตส่าห์พยายามสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก ใบหน้าคมสวยเหยเก ก่อนที่น้ำใสๆจะค่อยๆเอ่อล้นและไหลออกมาจากดวงตาเรียวอย่างง่ายดาย
อ่า...เขาเป็นคนขี้แยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆคนรักของตัวเองก็ร้องไห้ออกมา ค่อยๆเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตานั้นออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงตัวเอาคนตัวเล็กกว่าเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง ลูบศีรษะปลอบประโลมหวังให้เด็กดื้อของตัวเองรู้สึกดีขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไร”
เขาพอจะรับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้ยังไม่พร้อม ไม่พร้อมที่จะพูดอะไรออกมา หัวใจของคนรักของเขากำลังอ่อนแอ เปราะบางเหมือนกับแก้วที่หากเขาสัมผัสแรงเกินไปคงจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ดูเหมือนว่าตอนที่เขาเผลอละสายตาจากเด็กคนนี้ไป จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมาไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้น เด็กที่ร่าเริงสดใสอย่างจิน ไม่มีทางกลายมาเป็นแบบนี้แน่ๆ
“พี่แอสตัน”
หลังจากร้องไห้อยู่กว่าสิบนาที ดูเหมือนร่างบางในอ้อมแขนของเขาจะสงบลงไปบ้างแล้ว น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา แต่ต่อให้เบาแค่ไหน ถ้าเด็กคนนี้เป็นคนเรียกแล้วล่ะก็ เขาจะได้ยินเสมอนั่นแหละ
“ครับ”
ขานรับทั้งๆที่ยังคงโอบกอดเด็กดื้อเอาไว้ จินเองก็ยังคงซบใบหน้าลงที่ไหล่ของรุ่นพี่ตัวสูงไม่ได้ขยับไปไหน เก็บเกี่ยวทุกสัมผัสเอาไว้ในความทรงจำของตัวเอง
“พี่ให้สัญญากับผมได้รึเปล่า”
ค่อยๆขยับกายออกจากอ้อมแขนของร่างสูง แม้ว่าจะอยากโถมตัวอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนั้นมากแค่ไหน แต่เขาเองก็มีสิ่งที่อยากจะยืนยันกับตัวเองเหมือนกัน ช้อนสายตาขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่จับจ้องมายังเขาอยู่ก่อนแล้ว
“สัญญาว่าพี่จะไม่ทิ้งผมไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
“ยกเว้นเพียงแต่ พี่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับผมแล้ว”
--------------------------------------------------------
Talk : นานๆทีจะอัพต่อๆกันแบบนี้~
บางครั้งการยอมรับความจริงมันก็เป็นเรื่องยากว่ามั้ยคะ
เขียนเองก็แอบสงสารจินอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ
เรื่องนี้นายเอกของเขา Strong!!!! ไรท์คอนเฟิร์ม
ยังไงก็ขอบคุณที่คอยติดตามนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^__^
ความคิดเห็น