คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : -40-
-40-
บางทีคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของใครบางคน กลับเป็นคนที่คาดไม่ถึง...
นี่คือความคิดของเธอตอนนี้ หลังจากลอบสังเกตท่าทางของลูกชายคนเล็กของเธอที่หายหน้าหายตาไปนานเสียจนเธอแทบจะลืมไปแล้วว่ามีคุณชายตระกูลแฮมฟอร์ตน่ะมีสองคน
เธอไม่รู้หรอกนะว่าเธอเลี้ยงลูกแบบเปิดเกินไปรึเปล่า เพราะเธอไม่ชอบการคาดคั้น ถ้าเด็กสองคนนั้นเลือกที่จะยังไม่พูดอะไร เธอเองก็เลือกที่จะรอ รอแล้วรอเล่า รอจนลูกชายของเธอไม่ยอมกลับบ้านเกือบจะเป็นเดือน จนเธอเองก็เริ่มจะรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างออสติน แอสตัน แถมรีฟาเข้ามาด้วยอีกคน สามคนนี้ชักจะทำตัวแปลกๆเข้าไปมากทุกที
ขนาดสามีของเธอที่เป็นคนไม่สังเกตเรื่องของคนในบ้าน ถึงกับเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า
เธอเองก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี เพราะใจจริงก็ภาวนาให้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นยังจะดีกว่า เพราะผู้หญิงที่ผ่านเรื่องราวความรักมามากอย่างเธอ (ก็อีตาสามีของเธอน่ะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ซะที่ไหน) มันทำให้เธอพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างออก
แต่ก็นะ...มันเลวร้ายเกินกว่าจะพูดออกมาโดยไม่มีมูล แต่แน่นอนว่าเธอไม่สนใจจะค้นหา ถ้ามันมีเรื่องจริงๆเธออยากจะให้ลูกชายของเธอสารภาพออกมาเองดีกว่า
เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น ความไว้เนื้อเชื่อใจในครอบครัว ความศรัทธาในความรักของใครบางคน มันคงจะพังทลายซะไม่เหลือชิ้นดี...
“จินพี่ว่าให้พี่เป็นคนทำดีกว่า”
“ก็บอกว่าทำได้ๆไง”
“แต่จินจับมีดผิด...”
“ผิดตรงไหนก็จับแบบเนี้ย”
ไม่พูดเปล่ายังยกมีดขึ้นมาโชว์ เฉี่ยวหน้าคนตัวสูงไปอย่างหวุดหวิด ลำบากให้แอสตันต้องรีบจับมือของคนตัวเล็กกว่าให้หันมีดลง ก่อนจะส่งสายตาดุๆไปให้
จินหลุดหัวเราะออกมาแห้งๆ ก่อนจะทำทีไม่สนใจ หันไปพยายามสู้รบกับการหั่นเนื้อต่อ
“ทำไมดื้อขนาดนี้นะ พอแล้ว”
ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือไปดึงมีดออกจากมือของคนตัวบางกว่าก่อนจะส่งให้แม่บ้านที่ยืนมองภาพตรงหน้ายิ้มๆอยู่ข้างๆ จินยู่ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะเขยิบตัวออกห่าง หันไปขอความเห็นใจจากคนอายุมากสุดในครัวแทน
“พี่แอสตันไม่มีเหตุผลเลยใช่มั้ยครับ”
หันไปส่งสายตาน่าสงสารให้คุณนายแฮมฟอร์ด และแน่นอนว่าหญิงวัยกลางคนที่เอ็นดูเด็กสดใสอย่างจินมาแต่ไหนแต่ไรจะเข้าข้างคนอื่นไปได้ซะที่ไหน ถึงได้ยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีฟ้าสลวยนั่นเบาๆ ก่อนจะหันมาดุลูกชายตัวเอง
“ทำไมชอบแกล้งน้องอยู่เรื่อยฮึ”
คำพูดของคนเป็นแม่ทำเอาแอสตันต้องอ้าปากค้าง คือแบบก็เห็นๆกันอยู่ว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันเป็นยังไง เขาไม่ได้แกล้งเด็กดื้อนั่นเลยสักนิด ที่ทำไปทุกอย่างเพราะความเป็นห่วงล้วนๆ แล้วนี่ มาหาว่าเขาแกล้ง ถ้าไม่รักจริงเขาไม่ยอมขนาดนี้หรอกนะ
“เพราะเป็นห่วงหรอก”
พูดพร้อมกับยื่นมือไปขยี้หัวฟ้าๆนั่นอย่างหมั่นไส้ ความอ่อนโยนที่ถูกส่งผ่านมาทำเอาเด็กอายุน้อยสุดไปต่อไม่ค่อยเป็นเหมือนกัน ใบหน้าขาวๆนั่นถึงได้ค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคุณนายแฮมฟอร์ดทั้งนั้นแหละ
ก็เลยแอบส่งสายตาไปหาลูกชาย แววตาที่กำลังบอกว่าเธอมองออกหรอกนะว่าอะไรเป็นอะไร แอสตันที่เข้าใจสิ่งที่ส่งผ่านสายตานั้นเป็นอย่างดี ถึงได้แกล้งกระแอมกลบเกลื่อนทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนเป็นแม่ คุณนายแฮมฟอร์ดหัวเราะหึหึ ก่อนจะหันไปสนใจการเตรียมอาหารต่อ
“พาหนูจินไปพักผ่อนไป อาหารพร้อมแล้วแม่จะให้คนไปตาม”
เอ่ยปากไล่เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวดีของตัวเองแสดงความต้องการว่าอยากจะใช้เวลาร่วมกับรุ่นน้องคนสนิทมากแค่ไหน จินที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยถึงได้ชะงัก ก่อนจะยอมโดนลากตัวออกไปแต่โดยดี ก็คำพูดของคุณนายแฮมฟอร์ดมันเป็นการไล่เขากลายๆนี่นา
แอสตันตัดสินใจจูงมือเด็กแสบพาเข้ามาที่ห้องของนอนของเขา ที่ตัวเขาเองแทบจะไม่ได้กลับมาเหยียบเลยตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ห้องค่อนข้างมืดสลัวเพราะม่านถูกปิดเอาไว้ แต่เขากลับคิดว่าห้องของตัวเองดูมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่น่าจะเป็น อาจจะเป็นเพราะมีเด็กน้อยกำลังสำรวจห้องของเขาอย่างกระตือรือล้นล่ะมั้ง
“ยิ้มอะไรน่ะ บ้าป่ะ”
เมื่อหันมาอีกทีก็เห็นคนตัวสูงตรงหน้ายิ้มค้างอย่างกับคนเมายาแบบนั้น ถึงตัดสินใจเอ่ยแขวะออกไป ก็แบบมามองเขาแล้วยิ้มแบบนั้น เป็นใครใครก็ต้องรู้สึกแปลกๆทั้งนั้นแหละ
“ขอบคุณที่พาพี่กลับมาที่บ้านนะครับ”
คำขอบคุณแบบนี้ทำเอาจินต้องหลุดคลี่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาดีใจ ที่สามารถทำให้คนคนนี้ยิ้มออก ทำให้คนคนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น แม้จะยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซะเท่าไหร่ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดเลยสักนิด เพราะงั้น ตอนนี้น่ะรู้สึกภูมิใจในตัวเองสุดๆเลยล่ะ
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มะ”
คำพูดแฝงนัยบางอย่างพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นทำเอาแอสตันหลุดหัวเราะออกมา โอเค นี่แหละ เด็กแสบที่เขาเผลอตกหลุมรักไปอย่างหมดใจล่ะ
ถึงได้ค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ทำตัวเนียนๆเอาแขนโอบรอบเอวบางๆนั่น ก่อนจะก้มลงให้จมูกของเขาทั้งสองสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นปุบปับทำเอาคนอายุน้อยกว่าหน้าค่อยๆเปลี่ยนสี
โอ๊ย ใครมาเจอแบบเขาก็เขินจนหน้าดำหน้าแดงแบบเขาทั้งนั้นแหละ
แอสตันหลุดหัวเราะกับท่าทางของคนตรงหน้า แต่เด็กคนนี้ก็ไม่ได้เลือกที่จะปฏิเสธเขา ปล่อยให้ความใกล้ชิดนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
“อยากได้อะไรแทนล่ะ”
อะไรคือการมาถามด้วยสายตาหวานซึ้งแบบนั้น โอเค ถึงจะเป็นแฟนกันแต่พอมาเจออะไรแบบนี้มันก็จั๊กจี๊หัวใจแปลกๆเหมือนกันล่ะนะ หลบสายตานิดหน่อย บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาอยู่ใกล้รุ่นพี่ตัวสูงนี่มากเกินไป ถึงได้ติดเอานิสัยหื่นๆของคนตรงหน้ามา ก็แบบ...อาจจะเพราะไม่ได้สัมผัสเรื่องอะไรแบบนี้มานานล่ะมั้ง...
“…”
น้ำเสียงนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูอย่างเขินอาย แอสตันนิ่งค้างไปนิดหน่อย แอบตกใจกับคำขอของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆหลุดคลี่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เด็กคนนี้ชักจะทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว
“จัดให้ตามคำขอครับผม”
เอ่ยตอบพร้อมกับคลี่ยิ้มทะเล้นไปให้ ค่อยๆเกลี่ยริมฝีปากบางนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนหน้าผากมน เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายจมูก หายใจรดแผ่วเบาให้คนถูกกระทำเขินเล่น ก่อนจะมาสิ้นสุดที่ริมฝีปากรูปกระจับสวย
แรกเริ่มเป็นเพียงแค่การสัมผัสอย่างแผ่วเบาราวกับกำลังขออนุญาต จินที่เขินจัดจนเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อคนตรงหน้าทำเพียงแค่เอาปากแตะเบาๆเท่านั้น ถึงได้ยืดตัวขึ้นเป็นการประกบให้แนบแน่นแทน แอบได้ยินคนตัวสูงกว่าหลุดหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะค่อยๆก้มลงปรับองศาให้ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น
รสจูบหวานละมุนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสัมผัสแปลกๆที่จินไม่คุ้นเคย
เพราะไม่ได้สัมผัสอะไรแบบนี้มานานงั้นหรอ...
ความรู้สึกแปลกๆที่ค่อยๆปะทุอยู่ในร่างกายทำเอาเขารู้สึกไม่ค่อยมีแรง ถึงได้ยื่นมือไปยึดจับกับเสื้อเชิ้ตของคนอายุมากกว่า วงแขนแกร่งโอบรอบร่างบาง
แอสตัสที่สัมผัสได้ว่าคนตัวเล็กกว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจ ถึงได้ตัดสินใจค่อยๆถอนริมฝีปากออก
“อย่าพึ่ง...”
น้ำเสียงนุ่มเอ่ยผะแผ่วก่อนจะดึงลำคอของเขาให้ริมฝีปากลงมาประกบกันแนบแน่นอีก นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนจะค่อยๆหรี่ลง แล้วยอมรับการสัมผัสของเด็กน้อยแต่โดยดี
“จินครับ หายใจทางจมูก”
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยกำลังจะหายใจติดขัดอีกครั้ง ถึงได้ละริมฝีปากออก คลอเคลียที่แก้มใส ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู ใบหน้าคมสวยขึ้นสีแดงจางๆตามอุณหภูมิของร่างกายที่ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น
พวกเขาประกบริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้ง และอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือกที่จะไม่สนใจ
ร่างบางสะดุ้งเบาๆเมื่อริมฝีปากร้อนผละออกก่อนจะค่อยไล่จุมพิตไปที่ลำคอของตัวเอง ไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงแผ่นอกบาง
สัมผัสอุ่นร้อนทำให้อารมณ์บางอย่างในร่างกายของเขาปะทุขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะอารมณ์เหล่านี้มันคืออะไร แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจ และปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อ
“อ๊ะ”
เสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างแผ่วเบา แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนอายุมากกว่ารู้สึกตัว
และตัดสินใจหยุดการกระทำของตัวเอง
แอสตันเหลือบมองภาพตรงหน้า พวกเขาทั้งสองคนล้มตัวลงมานอนบนเตียงเมื่อไหร่กันนะ เสื้อเชิ้ตของเด็กน้อยตรงหน้าหลุดลุ่ยเผยให้เห็นลำคอระหงและแผ่นอกขาวเนียนที่ตอนนี้มีรอยแดงจางๆซึ่งเขาเป็นคนทำปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด
และแน่นอนว่าสภาพของเขาเองก็ไม่ได้ต่างจากเด็กน้อยตรงหน้าเสียเท่าไหร่ ไหนจะ positon อันล่อแหลมนี้อีก
“เราไม่ควรทำแบบนี้”
พูดพลางคลี่ยิ้มบางๆเมื่อนัยน์ตาเรียวสวยมองมาทางเขาอย่างสงสัย จินหลุดถอนหายใจยาวออกมาอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมหยุดแล้วทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มแต่โดยดี
แอสตันหัวเราะเบาๆกับท่าทางของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆเท้าแขนลงนอนตะแคงข้างๆรุ่นน้องตัวแสบ
“หื่นนะเรา”
“คนบ้าอะไรยอมให้เอาแล้วยังไม่ยอมเอาอีก”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาของจินทำเอาแอสตันหลุดหัวเราะออกมาสุดเสียง เด็กนี่... จินยังไงก็คือจินวันยังค่ำนั่นแหละ
“คนอะไรขี้อ่อย”
เขี่ยจมูกโด่งรั้นนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหลุดร้องอุทานออกมาเบาๆเมื่อโดนเด็กน้อยตรงหน้างับเข้าที่นิ้วไม่เบาเท่าไหร่นัก
“เออ อ่อยเช้า อ่อยเย็น อ่อยจนแม่งไม่เหลือความเป็นชายแล้วเนี่ย ไอ้โง่ตรงหน้ามันยังไม่ยอมเอาเลย”
แอสตันคลี่ยิ้มเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือไปเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าคนตรงหน้าออกอย่างแผ่วเบา
“จินก็รู้ว่าเราไม่ควรทำแบบนี้”
น้ำเสียงจริงจังทำเอาคนฟังต้องหยุดชะงัก นัยน์ตาเรียวหลุบลงต่ำอย่างชั่งใจ
คนอายุมากกว่ามองท่าทางของเด็กน้อยอย่างเป็นห่วง เขากลัวว่าจินจะเข้าใจผิดว่าเขาไม่อยากจะสัมผัสคนคนนี้ แต่เปล่าเลย เด็กน้อยอาจจะไม่รู้ว่ามันยากลำบากแค่ไหนที่เขาจะสั่งให้ตัวเองหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่เพราะเด็กคนนี้สำคัญกับเขามากจริงๆ
เขาไม่อยากจะให้อารมณ์พวกนี้มาทำร้ายคนตรงหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องราวอันยุ่งเหยิงที่เขาก่อขึ้นมันจะจบยังไง จนกว่าจะถึงตอนนั้น ตอนที่เขาสามารถจัดการทุกอย่าง ตอนที่เขารู้จุดจบของเรื่องที่ตัวเองก่อ เขาไม่อยากจะทำให้เด็กคนนี้ต้องแปดเปื้อน
จินเป็นเด็กที่สดใส เป็นเหมือนกับแสงอาทิตย์อุ่นๆ ที่ทำให้โลกของเขาสว่างวาบ และทำให้เขารู้สึกสบายใจ
และแน่นอนว่าจินยังมีอนาคตอีกยาวไกล มีสิทธิ์ที่จะได้เจอใครอีกมากมาย ถ้าเกิดชีวิตของเขามันจะเลวบัดซบ เขาก็ไม่อยากจะให้เด็กคนนี้ต้องมาแปดเปื้อนไปด้วย
“ผมรักพี่”
คำบอกรักปุบปับถึงแม้จะแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องอยู่ในหูของเขา นัยน์ตาเรียวสวยสบเข้ากับนัยน์ตาของเขาอย่างแน่วแน่ เป็นการบอกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดน่ะ จริงจังมากแค่ไหน
“ผมไม่รู้หรอกว่าในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมแค่อยากให้พี่รู้ไว้ว่าผมรักพี่”
“รักแบบคนรัก รักแบบน้องชายที่หวังดีต่อพี่ชาย คนเรามันรักกันแบบไหนได้อีกวะ”
“แต่ไม่ว่าจะในสถานะอะไรก็ตาม ความรักของผมที่มีให้พี่มันจะไม่เปลี่ยนแปลงหรอกนะครับ"
ตลอดสิบเก้าปีที่เขาเกิดมา เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลยสักนิด แต่ตอนนี้ ช่วงเวลานี้ เขาอยากจะย้อนเวลา ย้อนกลับไปก่อนที่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดจะเกิดขึ้น ให้เขาได้แก้ตัว ได้เป็นผู้ชายที่ดี ที่สามารถครอบครองความรักของเด็กคนนี้ได้อย่างบริสุทธ์ใจ
----------------------------------------------------
TALK : แค่อยากจะแต่งตอนหวานๆกันบ้าง
จะบอกว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว
หลังจากนี้ไปก็จะดราม่ากันต่ออย่างหนักหน่วง
ขอบคุณที่คอยติดตามนะคะ m(._.)m
ความคิดเห็น