ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #45 : -43-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 233
      3
      8 ม.ค. 60




    -43-






    _Ginn : หิวแล้ว

    _Ginn : มารับหน่อย

    _Ginn : ตอบ

    แอสตันหลุดหัวเราะกับข้อความที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะพรมนิ้วตอบข้อความกลับไป


    Aston : พี่เรียนอยู่นะครับ

    _Ginn : หิวววววววว


    แต่เด็กดื้อก็ยังคงเป็นเด็กดื้ออยู่วันยังค่ำ เพราะนอกจากจะไม่สนใจสิ่งที่เขาบอกไปแล้ว ยังส่งสติ๊กเกอร์ติดกันมาเป็นพรืด จนโทรศัพท์ของเขาสั่นจนเพื่อนข้างๆต้องหันมามอง หลุดยิ้มแหยพึมพำขอโทษเสียงเบา ก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ต่อ


    Aston : ส่งสติ๊กเกอร์รูปขนม

    _Ginn : จะให้แทะโทรศัพท์รึไง

    Aston : หรือจะแทะหัวใจพี่ดีล่ะครับ

    _Ginn : มุกนี้เอาไปสองบาท

    หลุดขำออกมาอีกแล้ว จนเริ่มรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งมาจากอาจารย์หน้าชั้น ก็เลยพอจะรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มจะเสียมารยาท ตัดสินใจพิมพ์ตอบข้อความเด็กดื้อเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าเขาจะไม่โดนงอนนะ




    “นี่เห็นแก่เมคอัพที่อาจารย์ลงทุนป้ายลงบนหน้าอาจารย์ แล้วหันมามองหน้าสวยๆของอาจารย์หน่อย เลิกสนใจแต่โทรศัพท์ได้แล้ว”


    น้ำเสียงแหลมของอาจารย์สาวแหวลั่น ทำเอานักเรียนในห้องหลุดขำพรืดออกมา เพราะทุกคนรู้ดีว่าคนที่อาจารย์สาวคนสวยพูดด้วยน่ะคือ ใคร


    “ผมหิวข้าวแล้วอ่ะอาจารย์”


    น้ำเสียงนุ่มบ่นอุบ ที่เขากล้าพูดกับอาจารย์แบบนี้ เพราะอาจารย์สาวเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้อง ทำให้มีความสนิทสนมกันพอสมควร ถ้าเป็นคนเขาคงจะโดนไล่ออกจากห้องไปแล้วล่ะ


    “อ่ะ ตอบคำถามข้อนี้ก่อน ตอบได้ปล่อยก่อนเวลา”


    “ดีล”


    นักร้องสุดฮอตประจำโรงเรียนพูดเสียงใส แถมยังยกนิ้วโป้งให้เธออีกแน่ะ จะว่าไม่ค่อยเคารพอาจารย์ก็ว่าไม่ลง เพราะเด็กนี่ถึงจะเป็นแบบนี้แต่ก็ทำงานส่งครบ มาเรียนทุกคาบ(ถึงจะสายไปบ้าง) แถมยังคอยช่วยงานเธอทุกครั้งที่เธอขอ ถึงได้ทำเพียงแค่กรอกตามองบน แล้วยื่นปากกาไวท์บอร์ดไปให้

    จินคลี่ยิ้มกว้าง อันที่จริงเขาแอบดูเฉลยของบทเรียนนี้มาก่อนแล้ว เพราะงั้นคำถามแค่นี้จิ๊บๆ หลุดฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงข้อความที่คุณแฟนตัวสูงตอบกลับมา




    Aston : วันนี้พี่ไม่มีเรียนบ่าย

    Aston : เรามีรึเปล่า


    _Ginn : โนว ถึงมีก็ไม่เรียน


    Aston : งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับ

    Aston : อยากกินอะไรเลือกไว้เลยนะ








    “เชี่ยจินครับ มึงโดดเรียนได้ แต่มึงโดดซ้อมไม่ได้นะครับ”


    น้ำเสียงทุ้มของเพื่อนสนิทเอ่ยขัด เมื่อทันทีที่หมดคาบนักร้องประจำวงก็เก็บกระเป๋าปุบปับ เตรียมก้าวออกจากห้องไปแทบจะในทันที จินเบ้ปากก่อนจะบ่นอุบอิบ


    “ไม่มีเรียนบ่ายเหอะ”


    คำตอบของเพื่อนทำเอาสไปรท์แทบจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก เพราะไอ้เพื่อนนี่มันสนใจได้ผิดเรื่องเอามากๆ


    “กูหมายถึงมึงห้ามโดดซ้อมเว้ย สัสนี่ อาทิตย์หน้าจะแข่งแล้วนะเว้ย”


    ไม่พูดอย่างเดียวอ่ะ นี่เดินไปคว้าคอเสื้อหมับ ก่อนจะลากจากหน้าประตูให้กลับเข้ามาในห้อง จินพยายามรั้งตัวเอาไว้สุดแรง สไปรท์เองก็ลากสุดแรงเหมือนกัน ยื้อยุดกันอยู่นานจนสมาชิกคนอื่นๆในวงที่อยู่คนละห้องเดินเข้ามานั่นแหละ จินถึงได้หันไปบอกสไปรท์ให้ปล่อย


    “กูไปแดกข้าวแปป กลับมาซ้อมชัวร์”


    เมื่อรู้ว่ายังไงก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าเวลานี้การซ้อมน่ะจำเป็นมากแค่ไหน ถึงได้ตัดสินใจต่อรอง ขอข้อตกลงที่พอจะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ

    สไปรท์กรอกตากับข้อต่อรองของเพื่อนสนิท แต่ก็ยอมตกลงแต่โดยดี เพราะเขารู้ว่าขืนรั้งตัวไอ้เพื่อนนี่บ้าไป มันคงจะเอาแต่บ่นเป็นหมี ทำหน้าเป็นตูดตลอดเวลาที่ซ้อมแน่ๆ


    “เออ ใช่จิน”


    ก่อนที่จะได้ก้าวพ้นประตู น้ำเสียงทุ้มๆของมือคีย์บอร์ดประจำวงก็ตะโกนชื่อรั้งตัวเขาเอาไว้ก่อน ใบหน้าคมสวยหันไปก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร แอนดี้ส่ายหัวเบาๆกับความขี้ลืมของเพื่อนสนิท


    “ช่วงนี้มึงบ่นว่าเจ็บคอใช่ป่ะ วันนี้แวะไปเช็คที่โรงบาลหน่อย แล้วก็พยายามอย่ากินน้ำเย็นมากอ่ะ ต้องซ้อมอีกเยอะ เพราะงั้นถนอมเสียงไว้ดีกว่า”











    จมูกรั้นย่นเข้าหากันนิดหน่อยเมื่อกลิ่นของยาฆ่าเชื้อลอยเข้ามาแตะจมูก ให้ตายเถอะ เขาล่ะเกลียดโรงพยาบาลอย่างกับอะไรดี ถ้าไม่ติดว่ามีคุณลุงที่ทำงานเป็นหมออยู่ที่นี่ เขาคงเลือกจะไปตรวจที่คลีนิคใกล้ๆบ้านมากกว่า 

                   พอซ้อมดนตรีเสร็จปุ๊บ คุณพ่อประจำวงอย่างแอนดี้ก็กำชับเขาอีกรอบว่าให้ไปโรงพยาบาล ดูเหมือนเพื่อนคนนี้จะรู้ดีว่าเขาน่ะเกลียดโรงพยาบาลมากแค่ไหน ถึงได้กำชับนักกำชับหนา กำชับบ่อยจนเขานึกว่าหมอนี่เป็นเลขาประจำตัวตัวเองไปแล้ว แต่จะบ่นไปก็ไม่ได้อะไร เพราะตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในเขตโรงพยาบาลแล้วนี่

    หลังจากติดต่อที่เคาท์เตอร์เสร็จสรรพ พยาบาลก็พาเขามาที่ห้องตรวจ เฮ้ย นี่ไม่ได้ใช้เส้นลัดคิวอะไรหรอกนะ เพราะลุงของเขาเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของโรงพยาบาล ทำให้ไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจคนไข้แล้ว ยกเว้นแต่จะมีคนไข้พิเศษแบบเขา


    “โอ้ ไม่เจอกันนานโตเป็นหนุ่มเชียวนะ”


    น้ำเสียงทุ้มแหบพูดพร้อมกับยกมือรับไหว้เขา ก่อนจะกวักมือเรียกให้เขามานั่งตรงเก้าอี้ตรวจ

                   ใบหน้าที่คล้ายพ่อของเขาอย่างกับแกะ เพียงแต่ดูเข้มและมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านิดหน่อย เหลือบมองเขาอย่างพิจารณา สุดท้ายก็พูดทักออกมาด้วยประโยคที่จินพอจะเดาได้


    “สีผมนี่ได้ไอเดียมาจากไหนฮึ”


    จินหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาเจอคุณลุง หัวของเขายังคงเป็นสีน้ำตาลเข้มแบบคนปกติทั่วไปอยู่


    “ลุงจะได้ตรวจผมมั้ยเนี่ย”


    หลังจากคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ จินก็เอ่ยท้วง เพราะดูเหมือนว่าคงจะมีบทสนทนาต่ออีกยาวแน่ๆ คนอายุมากกว่าหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะขยี้หัวหลานชายด้วยความเอ็นดู


    “ก็ไม่ได้เจอกันนานเลยนี่ ลุงก็อยากคุยกับหลานเป็นเรื่องธรรมดา”


    พูดไปพลาง มือก็หันไปหยิบอุปกรณ์ตรวจไปพลาง จินหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบก่อนจะเอ่ยแขวะคุณลุงผู้มีเวลาเป็นเงินเป็นทองไม่แพ้พ่อของเขาไปบ้าง พี่น้องบ้านนี้นี่ยุ่งเหมือนกันแทบทุกคน


    “ลุงก็หาเวลาไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่ ที่บ้านผมบ้างสิครับ นี่ยังจำทางไปถูกอยู่รึเปล่าเนี่ย”


    คนถูกแขวะเลยยกไฟฉายขึ้นเคาะหัวหลานชายตัวเองไม่เบาไม่แรง ก่อนจะหยุดสนทนาเอาไว้ตรงนั้นก่อน แล้วตัดสินใจเริ่มทำการตรวจอย่างจริงจังเสียที





    “อืม...คอแดงๆนิดหน่อย ยังไม่ต้องให้ยาอะไร หรืออยากได้ยาอมแก้เจ็บคอก็ได้นะ พยายามอย่าใช้เสียงเยอะ เรามีแข่งร้องเพลงใช่มั้ย เพราะงั้นก็ใช้เท่าที่จำเป็น”

    “งดน้ำเย็นไว้ก่อน ดื่มน้ำอุ่นดีกว่า ถ้าอาการหนักขึ้นให้มาหาลุงอีกรอบ จะได้จ่ายยาให้”


    พูดพลางจดยิกๆลงในสมุดบันทึกคนไข้ จินพยักหน้าหงึกๆพลางคำบริเวณคอของตัวเองนิดหน่อย ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น

    ดูเหมือนลุงของเขาจะงานยุ่งไม่น้อย เพราะโทรศัพท์มือถือของคุณลุงนั่นสั่นอยู่ตลอดเวลา ไหนจะพยาบาลที่เคาะประตูห้อง โผล่หน้าเข้ามาบอกเวลาทุกๆห้านาที อย่างกับว่าในห้องนี้ไม่มีนาฬิกาอย่างนั้นล่ะ หลังจากที่พยาบาลคนหนึ่งมาเคาะห้องเพื่อตามตัวลุงเขาให้เข้าประชุมต่อ(เป็นรอบที่สี่) จินถึงได้ตัดสินใจขอลากลับเพื่อไม่เป็นการรบกวน

    คนอายุมากกว่าหลุดคลี่ยิ้มบาง ขยี้หัวฟ้าๆของหลานชายอย่างหมั่นไส้อีกรอบ


    “ดูแลสุขภาพด้วย ไว้ลุงจะหาเวลาไปเยี่ยมเจ้าน้องชายจอมบื้อนั่นที่บ้านบ้าง”


    จินหัวเราะคิกกับสรรพนามที่คุณลุงหมอใช้เรียกพ่อของเขา ไม่บอกก็รู้ว่าสองพี่น้องสนิทกันมากขนาดไหน จะว่าไปเขาเองก็อยากจะมีความรู้สึกแบบนี้บ้าง อย่างพี่แอสตันกับพี่ออสตินก็สนิทกันจะตาย...


                   ว่างเมื่อไหร่ เรื่องของรุ่นพี่ตัวสูงนั่นก็วิ่งเข้ามาในหัวทุกทีสิน่า


                   ชะงักกับความคิดของตัวเองนิดหน่อย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อคุณลุงของเขาขยี้หัวของเขาอีกครั้งจนหัวฟ้าๆของตัวเองยุ่งไม่เป็นทรง ก็เลยหันไปส่งค้อนวงโตๆให้ ยังไม่ทันได้พูดอะไร พยาบาลคนเดิมก็โผล่หน้าเข้ามาเร่งอีกครั้ง ก็เลยรีบบอกลาคุณลุงคนสนิท แล้วปลีกตัวออกมา

    ร่างเพรียวเดินเลาะตามโถงทางเดิน พยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัว อุตส่าห์ทำความเข้าใจกับแฟนตัวสูงได้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมในหัวของเขาไม่ได้โล่งขึ้นเลยสักนิด 

                   สุดท้ายก็หลุดถอนหายใจยาวออกมา เขาท่าจะบ้าไปแล้ว ที่คิดว่าแค่ความรู้สึกของเขากับพี่แอสตันตรงกัน แล้วเรื่องทุกอย่างมันจะดีขึ้น ไม่เลย...เผลอๆอาจจะเลวร้ายลงเสียด้วนซ้ำ การจากกันทั้งที่ยังมีความรู้สึกดีๆมันเจ็บปวดมากกว่าอีกไม่ใช่หรอ...

                   รู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนทิศจากประตูทางออกไปที่ร้านกาแฟภายในโรงพยาบาลที่อยู่ถัดไปอีกแผนกแทน

                   บางทีการดื่มเครื่องดื่มอย่างชาหอมๆสักแก้ว อาจจะทำให้หัวของเขามันปลอดโปร่งมากขึ้นก็ได้





    “ขอชามิ้นร้อนครับ”


                   หลังจากไล่สายตาดูเมนูอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจเลือกเมนูที่เป็นตัวเลือกแนะนำของทางร้าน พนักงานสาวยิ้มรับ พลางรับเงินจากมือของลูกค้าหน้าสวย จดรายการเครื่องใส่แก้วยิกๆอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าลูกค้าตรงหน้าไปขยับตัวไปไหนสักที ถึงได้เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มบางๆให้อีกครั้ง


    “เชิญรอทางเคาท์เตอร์ตรงนั้นนะคะ”


    จินยิ้มรับแก้เก้อนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปที่สุดเคาท์เตอร์ที่พนักงานบอก ระหว่างรอเครื่องดื่มก็เลื่อนสายตามองไปข้างนอกเพื่อพักสายตา ร้านกาแฟนี้คนค่อนข้างแน่น เพราะเป็นจุดที่คนที่ไม่ได้ป่วยตัดสินใจมานั่งรอระหว่างรอคนไข้ นัยน์ตาเรียวกวาดไปอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างบอบบางร่างหนึ่ง

    ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่แน่ใจ


    “เครื่องดื่มได้แล้วค่ะ”


    น้ำเสียงใสของพนักงานดึงสติของเขา จินหันไปรับเครื่องดื่มก่อนจะรีบก้าวฉับๆตามร่างนั้นไป









    กลิ่นไอชื้นบ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงจะตก เธอเกลียดฝน... เกลียดมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเมื่อไหร่ที่ฝนตก วันนั้นมักจะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของเธอเสมอ


    เพราะวันนี้เป็นวันที่ผลตรวจว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของใครกันแน่ออก


    เธอตัดสินใจมาที่นี่คนเดียว เธอไม่มีทางมาที่นี่กับออสตินแน่ๆ ส่วนแอสตันน่ะหรอ คิดว่าเธอจะยังหน้าด้านขอร้องให้ผู้ชายคนนั้นพาเธอมารึไง ถึงแม้จะเข้าใจความเป็นห่วงของคนเป็นแม่ แต่เธอก็ละอายเกินกว่าที่จะดึงตัวแม่ของเธอให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้


    เอกสารในมือเธอสั่นระริก เธอบอกหมอว่าให้เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับก่อน อย่าพึ่งบอกใครแม้แต่แอสตัน


    เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าแอสตันรู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก เขาจะทำสีหน้ายังไง...




    “พี่รีฟาจริงๆด้วย”




    น้ำเสียงนุ่มดังขึ้นข้างหลัง ต่อให้ไม่หันไปมองเธอก็พอจะรู้ว่าคนที่เรียกเธอน่ะเป็นใคร ก็เธอน่ะ จำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนี้แม่นเลยน่ะสิ ต่อให้ไม่อยากจำมากแค่ไหน แต่มันก็ฝังลึกเข้ามาในความทรงจำของเธออยู่ดี เด็กที่เข้ามาทำลายชีวิตของเธอ



    สุดที่รักของแอสตันยังไงล่ะ



    หลุดหัวเราะหึออกมานิดหน่อย ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก ร่างเพรียวในชุดนักเรียนมัธยมยืนห่างจากเธอไปสี่ห้าก้าว นัยน์ตาเรียวสวยจับจ้องมายังเธออย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก


    แล้วจะเรียกเธอทำไมล่ะ


    “ว่าไงคะ ถ้าไม่มีอะไรก็จะขอตัว”


    ตัดสินใจเมินเด็กคนนี้ ก่อนตั้งท่าจะเดินข้ามไปอีกฝั่ง เพื่อที่จะเรียกแท็กซี่ได้สะดวก แต่เสียงนุ่มๆนั่นก็เอ่ยรั้งตัวเธอเอาไว้อีกครั้ง


    “เอกสารนั่น...”


    คำพูดนั้นทำให้เธอเผลอยกเอกสารนั่นแนบอก ก่อนจะตัดสินใจรีบก้าวให้ห่างจากเด็กคนนี้ให้เร็วมากขึ้นไปอีก



    ไม่...เธอยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น เพราะหัวใจของเธอมันยังไม่ได้เตรียมพร้อมดี ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับความจริง ยังไม่พร้อมที่รับรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นยังไง



    จินที่เห็นหญิงสาวเร่งฝีเท้าก้าวหนีตัวเองยิ่งทำให้แน่ใจว่าเอกสารนั่นต้องเป็นเอกสารสำคัญแน่ๆ เอกสารสำคัญที่เป็นตัวกำหนดว่าปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้จะจบลงแบบไหน

    ถึงได้ตัดสินใจสาวเท้าเร็วๆ วิ่งไปคว้าแขนของคนที่กำลังหนีตัวเองหมับ แล้วดึงตัวเอาไว้ ไม่ได้ต้องการจะใช้กำลัง แต่ผู้หญิงคนนี้กำลังจะข้ามถนน ทั้งๆที่ไฟจราจรยังเป็นสีเขียวอยู่


    “พี่จะบ้ารึไง”


    หลุดโพล่งออกมาอย่างเหลืออด นี่ถ้าเขาช้าไปอีกก้าวเดียวผู้หญิงคนนี้คงจะโดนรถยนต์คันเมื่อกี้พุ่งเข้าชนแล้วแน่ๆ


    “นายต้องการอะไร”


    น้ำเสียงหวานแหวลั่นอย่างเหลืออด ทำไมเด็กคนนี้ต้องตามมารังควานชีวิตของเธอตลอด ความเจ็บปวดจากคำพูดของแอสตันยังคงทำให้หัวใจของเธออึดอัด ไม่ทันจะได้ทำใจ เด็กคนนี้ก็เข้ามายุ่งกับเธออีกแล้ว


    จินเหลือบคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยๆ เพราะเสียงตวาดเมื่อครู่มันดังน้อยซะที่ไหน คนที่เดินผ่านไปมาถึงได้เริ่มหันมาให้ความสนใจพวกเขากันหมด


    “พี่พูดเบาๆได้มั้ย ไม่อายรึไง”


    นัยน์ตากลมสวยตวัดมองอย่างไม่พอใจทันที เรียวแขนบางพยายามบิดตัวออกจากการกอบกุมของเด็กหนุ่มตรงหน้า จินหลุดถอนหายใจ ถึงแม้เขาจะตัวบางร่างน้อยกว่าไอ้คุณพี่แอสตัน แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ชาย ยิ่งมาเทียบกับหญิงสาวบอบบางอย่างรีฟาแล้ว คนตรงหน้าไม่มีทางหลุดจากเขาไปได้ง่ายๆหรอก


    “ปล่อย”


    รีฟากัดฟันพูด ยังคงไม่ละความพยายามที่จะดึงตัวเองให้หลุดจากพันธนาการของเด็กหนุ่ม บิดข้อมือไปมาจนเริ่มรู้สึกเจ็บ จินเองก็พอจะรู้ตัวว่ากำลังทำร้ายคนตรงหน้า ถึงได้รีบบอกจุดประสงค์ของตัวเอง



    “เอกสารในมือพี่ ใช่เอกสารเรื่องเด็กในท้องรึเปล่า”



    คำพูดของเขาทำให้คนที่กำลังดิ้นขลุกขลักชะงัก และนั่นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขาเดาถูก จะหาว่าเขามายุ่งวุ่นวายเรื่องของครอบครัวนี้มากไปก็ได้ แต่เขามีลางสังหรณ์อะไรแปลกๆ และเขาก็ไม่ไว้ใจคนตรงหน้าเอาเสียเลย


    นัยน์ตากลมสวยสั่นระริก ไม่ เธอยังไม่พร้อมให้ใครรู้เรื่องนี้ เธอยังไม่ได้เตรียมใจ ไม่ได้วางแผนเลยว่าต่อจากนี้เธอจะทำยังไง แล้วจู่ๆเด็กนี่ก็โผล่มา



    “ไม่เกี่ยวกับนาย”



    เธอตัดสินใจตัดบทฉับ ก่อนจะสะบัดข้อมือแรงๆ อีกฝ่ายที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงได้เผลอปล่อยตัวหญิงสาวไปง่าย 


    จินสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะรีบก้าวตามไปหมายจะคว้าตัวร่างบอบบางเอาไว้อีกครั้ง รีฟาที่เห็นเด็กหนุ่มตั้งท่าจะมารั้งตัวเธอเอาไว้อีกรอบ ถึงได้ตัดสินใจหันไป ก่อนจะเงื้อกระเป๋าถือในมือขึ้น แล้วฟาดเข้าไปที่ใบหน้าคมสวยนั่นเต็มแรง


    “โอ๊ย”


    หลุดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ความแสบบริเวณแก้ม ทำให้ต้องลองยกมือขึ้นสัมผัส ของเหลวสีแดงเข้มค่อยๆซึมออกมา ดูท่าเขาจะโดนส่วนใดส่วนหนึ่งของกระเป๋ากระแทกจนหน้าถลอกเลือดซิบซะแล้ว


    สบถออกมาอย่างหงุดหงิด ปัดโถ่ หน้าของเขานี่เป็นเงินเป็นทองนะ เลือกทำร้ายส่วนอื่นไม่ได้รึไง


    สะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง ตั้งท่าจะเข้าไปคว้าตัวคนที่ห่างไปสองสามก้าวอีกครั้ง ก่อนที่เสียงแตรแสบแก้วหูจะดังขึ้นมาในระยะกระชั้นชิด นัยน์ตาเรียวสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนจะรีบพุ่งตัวออกไป เพื่อคว้าตัวหญิงสาวที่วิ่งออกไปไม่สนใจสิ่งรอบข้าง


    เสียงชนกันดังสนั่นหยุดทุกการกระทำของคนที่อยู่บริเวณนั้นให้ต้องหันไปมอง กว่าที่ทุกคนจะดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ก็เพราะเสียงหวีดร้องแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เต็มสองตา 

                   เรียกให้พนักงานรักษาความปลอดรีบวิ่งเข้ามาดูสถานการณ์ คนที่มีประสบการณ์มากกว่าใครเพื่อนเดินเข้ามาดูอาการของคนบาดเจ็บอย่างไม่ลังเล ประเมินสถานการณ์อยู่ชั่วครู ก่อนจะรีบหยิบวอที่เหน็บอยู่ที่เอวของตัวเองขึ้น แล้วกรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว




    “รีบแจ้งโรงพยาบาลเร็ว คนถูกรถชน”















    ----------------------------------------

    TALK : หายไปนานมากกกก(ก ไก่ อีกล้านตัว)

                กลับมาพร้อมกับระเบิดลูกใหญ่ๆ อุ๊ย

                ขอบคุณคนที่ยังไม่ทอดทิ้งกันนะคะ ถึงแม้ไรท์จะดองเอาไว้นานมาก

                รักคนอ่านค่ะ ม้วฟๆ














    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×