คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : -48-
-48-
ไล่สายตามองยังร่างเปลือยเปล่าที่กำลังนอนหนุนแขนของเขาอยู่ ลมหายใจสม่ำเสมอกับรอยยิ้มมุมปากเล็กๆเป็นการบอกว่าคนคนนี้กำลังหลับสบาย หลุดคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตที่กลุ่มผมสีฟ้าสดใสเบาๆ
“อืม”
ร่างบางครางออกมาเบาๆเมื่อมีอะไรบางอย่างกำลังรบกวนการนอน ก่อนที่ดวงตาเรียวค่อยๆปรือขึ้นมองไปยังคนที่กำลังมองตนอยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมชอบกวนเวลาคนนอน”
น้ำเสียงนุ่มที่ตอนนี้ติดจะแหบหน่อยๆ เพราะใช้เสียงกับกิจกรรมบางอย่างมากเกินไป แอสตันหลุดหัวเราะกับท่าทางที่แม้จะยังง่วงงุนแต่ก็ยังพยายามหาเรื่องเขาอยู่ เขี่ยจมูกรั้นนั้นก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากรูปกระจับสวยอย่างหมั่นเขี้ยว ค่อยๆเลื่อนไปที่พวงแก้มใส วนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นจนจินต้องเอ่ยปากบอกให้หยุด
เมื่อคืนยังไม่หายเขินเลย แล้วยังจะมาทำอะไรแบบนี้อีก
“นี่ถ้ายังไม่หยุดถีบตกเตียงนะ”
แอสตันหลุดหัวเราะกับคำขู่นั้น ก็ไม่อยากจะแย้งหรอกนะว่าแค่ขยับตัวยังแทบจะไม่ไหวเลย จะมีแรงมาถีบเขาตกเตียงได้ยังไง แต่ก็เลือกที่จะเก็บคำพูดเหล่านั้นไว้ แล้วดึงเอาร่างของคนรักตัวแสบเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองแทน
“กี่โมงแล้วอ่ะ”
หลังจากนอนเล่นกันอยู่นานสองนานจินก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ เพราะเขามัวแต่กังวลเรื่องของรุ่นพี่ตัวสูงนี่ สมองมันก็พาร่างกายมาที่คอนโดของแอสตันอย่างกับรีเฟล็กซ์ ลืมบอกเรื่องของตัวเองกับพ่อแม่ไปเสียสนิท
แอสตันเหลือมองนาฬิกาที่หัวเตียงตัวเองนิดหน่อย ตัวเลขดิจิตอลบอกเวลาว่าตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว คำบอกเวลาจากคนตัวสูง ทำให้คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่ดึกขนาดนี้แล้ว แต่เขาไม่ได้ติดต่อใครเลยสักคน รีบลุกขึ้นพรวดกันฟันทนความเจ็บปวดก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู
missed call 53
นัยน์ตาเรียวสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ เบอร์ที่โทรเข้ามามีทั้งเบอร์ที่บ้าน เบอร์ของแม่ แล้วไหนจะเบอร์ของสไปรท์กับเอแคลร์อีก รีบกดเข้าไปดูแอปพลิเคชันสีเขียวที่ตอนนี้มีข้อความที่ยังไม่อ่านเกือบร้อยข้อความ
สไปรท์ซู่ซ่า : เชี่ยจิน มึงหายไปไหนของมึงวะ
สไปรท์ซู่ซ่า : ตอบสิเว้ย
สไปรท์ซู่ซ่า : รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้
สไปรท์ซู่ซ่า : ขอร้องล่ะ
สไปรท์ซู่ซ่า : ถ้ามึงยังไม่อยากให้ระเบืดลง
Eclair_ : จินนนนนนนนนน
Eclair_ : จินอยู่ที่ไหน
Eclair_ : พ่อของจินมาถามหาจินถึงบ้านแคลร์เลยนะ
Eclair_ : รีบรับโทรศัพท์สิ
Eclair_ : จิน
Eclair_ : นี่มันกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ
สไปรท์ซู่ซ่า : จิน
Eclair_ : จิน
สไปรท์ซู่ซ่า : ถ้ามึงอยู่กับพี่แอสตัน
Eclair_ : จินอยู่กับพี่แอสตันรึเปล่า
สไปรท์ซู่ซ่า : ไม่สิ
สไปรท์ซู่ซ่า : ถ้ามึงอยู่คอนโดพี่แอสตัน
Eclair_ : ถ้าจินอยู่กับพี่แอสตัน
สไปรท์ซู่ซ่า : กูเตือนให้มึงรีบออกมาเดี๋ยวนี้เลย
Eclair_ : รีบออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ
แอสตันที่แอบลอบสังเกตท่าทางของคนรักเริ่มกังวลใจตามไปด้วย เมื่อมือที่กำลังถือโทรศัพท์เครื่องบางสั่นจนเขารู้สึกได้ เลื่อนมือไปกุมมือบางอย่างแผ่วเบาเป็นการดึงสติของคนข้างๆให้กลับมา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ดวงตาเรียวละจากหน้าจอโทรศัพท์มามองทางเขา นัยน์ตาสีนิลสวยฉายแววกังวลจนคนมองรู้สึกแย่ แต่ไม่ทันที่ริมฝีปากรูปกระจับสวยจะได้เอ่ยตอบอะไร น้ำเสียงทุ้มเข้มกลับตะโกนลั่นขึ้นมาก่อน น้ำเสียงที่แม้จะไม่ได้ยินบ่อย แต่แอสตันก็จำได้ดี
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
ทั้งคู่รีบหันไปมองทางต้นเสียงอย่างตกใจ ร่างสูงโปร่งของวิษณุยืนสั่นเทิ้มอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน ไม่สิ ไม่ใช่แค่วิษณุเพียงคนเดียว แต่ยังมีมาริสา และพ่อแม่ของแอสตันด้วย
นักธุรกิจหนุ่มตั้งท่าจะก้าวเข้าไปดึงตัวลูกชายของตัวเองออกมา ไม่ได้สนใจเลยว่าคนทั้งคู่อยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะกับการเคลื่อนตัวออกจากเตียงเลยสักนิด ตอนนี้เขารู้เพียงแต่ว่าอยากจะดึงเอาลูกชายของตัวเองให้ออกห่างจากไอ้เด็กนั่นมากที่สุด แต่กลับถูกคนเป็นภรรยาห้ามเอาไว้ก่อน มาริสารีบรั้งตัวคนเป็นสามีเอาไว้ เมื่อรู้ว่าคนคนนี้กำลังจะทำอะไร
“ให้ทั้งคู่แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยคุยกันดีๆดีกว่าค่ะ”
นัยน์ตาคมตวัดมองภรรยา ไม่อยากจะเชื่อว่าภรรยาของตัวเองยังจะบอกให้คุยกันดีๆในสถานการณ์บ้าๆที่กำลังเกิดขึ้นนี้อยู่อีกงั้นหรอ นี่ลูกชายของเขาอยู่ในสภาพแบบนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
ลูกชายเพียงคนเดียว ผู้สืบทอดตระกูลเพียงคนเดียวของเขา ทำเรื่องบัดสีแบบนั้น ยังจะบอกให้เขาคุยกันดีๆอยู่อีกงั้นหรอ
“คุย นี่ยังมีเรื่องอะไรจะให้คุยกันอีกงั้นหรอ”
น้ำเสียงที่เคยฉายแววขี้เล่นอยู่เสมอ บัดนี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ลำแขนแกร่งชักกลับ เพื่อให้หลุดจากการกอบกุมของภรรยา ก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกชายของตัวเองไม่สนใจเสียงร้องห้ามของมาริสาเลยสักนิด
นัยน์ตาคมของคนเป็นพ่อไล่สายตามองตามเรือนร่างของลูกชาย แม้ว่าจินจะพยายามยกผ้าห่มขึ้นปิดบังตัวเองมากเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่มีทางรอดพ้นไปจากนัยน์ตาคมในระยะประชิดแบบนี้ไปได้หรอก ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นร่องรอยที่ชัดเจนมากขึ้น และนั่นก็ยิ่งบีบรัดให้หัวใจของคนที่คอยทะนุถนอมลูกชายของตัวเองมาตลอดต้องรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
เขาผิดหวัง...
ทั้งๆที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลระหว่างลูกชายของตัวเองกับไอ้เด็กหน้าหล่อนั่น แต่เพราะเชื่อใจ เชื่อในตัวคนเป็นลูกอย่างจินว่าจะไม่มีทางออกนอกลู่นอกทาง ทำลายความไว้วางใจของเขาแน่นอน แต่สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้สมองของเขาคิดอะไรแทบไม่ออก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรจิน”
ตะคอกออกมาเสียงดัง ลืมเรื่องอาการป่วยของลูกชายตัวเองไปเสียสนิท เลือกที่จะไม่สนใจดวงตาเรียวสวยที่มีน้ำตาคลอระรื้นนั้น มือหนาของคนเป็นพ่อเลื่อนไปกระชากตัวของลูกชายให้ลุกออกจากเตียง จินที่ยังไม่ทันตั้งตัวเซไปตามแรง และคงจะตกเตียงไปแล้วถ้าไม่ติดว่ามีมือแกร่งของใครอีกคนดึงตัวเอาไว้ก่อน หลุดร้องออกมาเบาๆเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง
วิษณุถลึงตามองเด็กหนุ่มที่ยังมีหน้ามาแตะตัวลูกชายของเขา กัดฟันกรอดเพื่อระงับอารมณ์เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่มองมา นัยน์ตาคมที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น
“ขอให้พวกเราได้จัดการตัวเองก่อนได้มั้ยครับ”
คำต่อรองของเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองเกือบสิบปีทำเอาวิษณุสติขาดผึ่ง และคงจะเผลอทำอะไรที่มันรุนแรงมากไปกว่านี้แล้ว ถ้าไม่ติดว่าโดนใครอีกคนเอ่ยห้ามเอาไว้ก่อน
“ผมรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่เหมาะสม และผมเองก็ไม่ได้เข้าข้างลูกชายของตัวเอง แต่มันคงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการคุยกันทั้งๆที่สภาพยังเป็นแบบนี้”
คนที่มีสถานะเป็นพ่อคนอีกคนในห้องเอ่ยปราม เพราะถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าเรื่องนี้มันไม่เหมาะสมแค่ไหน แต่ถ้าใครจะมาลงไม้ลงมือกับลูกชายต่อหน้าเขา เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน
คริสโตเฟอร์ตวัดจ้องเขม็งไปยังวิษณุเป็นการบอกว่าเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆอีกต่อไปแน่ ถ้าเกิดวิษณุยังคงทำอะไรตามอารมณ์ และไม่ไตร่ตรองถึงความเหมาะสมอยู่แบบนี้
คนถูกจ้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของลูกชายตัวเอง โดยเลือกที่จะไม่มองใบหน้าคมสวยที่กำลังฉายแววเจ็บปวดนั้น แล้วรีบก้าวออกจากห้องไป
เพราะถ้าเขามอง เขาคงจะต้องเผลอใจอ่อน และรู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้แน่ๆ
มาริสาที่เลือกที่จะออกไปเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะก้าวออกจากห้อง ตัดสินใจหันกลับมามองยังลูกชายของตัวเอง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความรู้สึกที่กำลังตีวนอยู่ในจิตใจ ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งหมดแรงอยู่บนเตียง
“จิน”
น้ำเสียงหวานของคนเป็นแม่เรียกให้คนที่กำลังทำตัวไม่ถูกต้องหันไปมอง นัยน์ตาเรียวสวยสั่นระริก แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำขอโทษใดๆ คนเป็นแม่กลับพูดสวนขึ้นมาก่อน
“จินต้องรับผลจากการกระทำของตัวเองให้ได้นะลูก”
พูดพร้อมกับลูบศีรษะฟ้าๆนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนสายตามองเลยไปยังเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังมองมาทางเธอ นัยน์ตาคมฉายแววรู้สึกผิดจนเธอสัมผัสได้ แต่ในบางครั้งความรู้สึกผิดมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอก ถ้ารู้ว่าผลมันจะออกมาแย่ ก็ไม่ควรจะทำตั้งแต่ต้น มารู้สึกผิดตอนนี้ มันไม่มีทางทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอกจริงมั้ย
“ดูแลน้องด้วย”
เลือกที่จะพูดแค่นั้นก่อนจะก้าวออกมา ปล่อยให้คนทั้งสองคนที่มีเวลาอยู่ด้วยกัน เพราะนี่คงจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เด็กทั้งสองจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วล่ะ
ทันทีที่อยู่กันเพียงลำพัง วงแขนแกร่งของรีบดึงเอาร่างบางข้างๆเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองทันที
“ถ้าจะร้อง ก็ร้องออกมาเถอะครับ พี่ยังอยู่ตรงนี้”
น้ำเสียงทุ้มที่กระซิบปลอบประโลมข้างใบหูเหมือนเป็นการดึงสติของคนตัวเล็กกว่าให้กลับคืนมา จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างกับทำนบแตก
เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใครกันแน่ ใช่ป๊าของเขาจริงๆงั้นหรอ ใช่ป๊าที่เอาแต่ทะนุถนอมเอาใจเขาคนนั้นแน่หรอ แล้วทำไม...ถึงได้ไม่ยอมฟังอะไรจากเขาเลยล่ะ
ร่างที่บางกว่าซุกตัวเข้าหาแอสตันก่อนจะร้องไห้โฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เสียงร้องไห้แหบแห้งทำเอาคนฟังรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
ทำไมเขาถึงไม่ห้ามใจตัวเอง
ทำไมเขาถึงทำแบบนี้
ทำไมเขาถึงได้ดึงเอาเด็กคนนี้ลงมาอยู่ในโลกที่มันสกปรกแบบเขา
แม้จะเจ็บปวด แม้จะอยากย้อนเวลากลับไปก่อนที่จะรู้จักมากแค่ไหน แม้จะโกรธกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่หัวใจของเขามันชัดเจน ชัดเจนว่ารักคนคนนี้มาก มากเสียจนเขารู้ว่าไม่ว่ายังไง เขาก็คงจะเลือกที่จะเข้าไปคุย เข้าไปทำความรู้จักกับจิน เข้าไปหยอกล้อกับเด็กคนนี้อยู่ดี
เผลอกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง ขอโทษ ขอโทษที่ความรักที่เขามอบให้ เอาแต่ทำให้เด็กคนนี้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำอีก
อ้อมกอดอุ่นๆทำให้จินเลือกที่จะปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมาอยู่แบบนั้น ไม่สนใจว่ากำลังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนรอให้เขาออกไป แต่ต่อให้ออกไปแล้วคนเป็นพ่อจะยอมฟังคำอธิบายของเขางั้นหรอ
เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อหัวใจมันเจ็บปวดเหมือนกับกำลังถูกบีบอัดให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เขาควรจะทำยังไงดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนเป็นพ่อของเขาโมโหมากขนาดนั้น เป็นครั้งแรกที่คนเป็นแม่ของเขามองเขาด้วยสายตาผิดหวังแบบนั้น ทำไมล่ะ ทำไมการที่เขารักกับพี่แอสตันมันเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ เข้าใจว่าระหว่างผู้ชายสองคนมันไม่ควรจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
แต่มันก็เกิดไปแล้ว...
และเขาเองก็มั่นใจว่ารักผู้ชายที่กำลังโอบกอดเขาคนนี้มากจริงๆ รักถึงขนาดยอมผ่านเรื่องราวเจ็บปวดเลวร้ายมากมายพวกนี้มาได้ มันเป็นเรื่องที่ผิดมากงั้นหรอ ความรักน่ะ มันเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างนั้นหรอ
แอสตันที่พอจะจับกระแสอารมณ์สับสนจากร่างบางที่กำลังสั่นเทิ้มในอ้อมแขนตัวเองได้ ส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตลงที่กลุ่มผมนุ่มเพื่อเป็นการปลอบประโลม กระชับแขนของตัวเองเพื่อให้คนรักของตัวเองใจเย็นลง และเป็นการบอกว่าเขายังคงอยู่ตรงนี้
“จิน”
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ และหยุดร้องไห้แล้ว ถึงได้ตัดสินใจเชยคางให้คนรักเงยหน้าขึ้นมาสบตา
สำรวจใบหน้าคมที่แม้แก้มจะเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาแต่กลับยังดูสวยจนเขาอยากจะก้มลงไปหอมแก้มใสๆนั่นอีกสักครั้ง อยากจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากรูปกระจับสวยนั่น อยากจะจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีรัตติกาลแสนน่าดึงดูดนั่น อยากจะจ้องอยู่แบบนี้ อยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงแค่นี้
แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เรื่องราวพวกนี้มันยุ่ง มันวุ่นวายมามากเกินไปแล้ว และเขาก็ไม่ควรจะทำให้เด็กคนนี้ต้องมาเจ็บปวดเพราะเรื่องที่เขาเป็นคนก่อมากไปกว่านี้อีกแล้ว
นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าเด็กคนนี้ เป็นครั้งสุดท้ายที่เขากับจินจะยังสามารถพูดได้เต็มปากว่ายังมีความสัมพันธ์กันอยู่
ยังรักกันกันอยู่
ที่ถึงแม้จะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความชัดเจน แต่หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนน่ะรู้ดี รู้ดีว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนมันคืออะไร
และก็รู้ดีด้วยนั่นแหละ ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว
เพราะอย่างนั้น ให้เขาได้ทำอะไรเพื่อเด็กคนนี้บ้าง ให้เขาได้ปกป้องคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจคนนี้
“พี่รักจินนะครับ”
หลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับใบหน้าที่กำลังบิดเบี้ยวเพราะต้องกลั้นไม่ให้ตัวเองปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง
“ก็อย่างที่จินบอก ว่าความรักน่ะมันมีหลายรูปแบบ...”
“รักแบบคนรัก รักแบบพ่อแม่ รักแบบพี่ชาย...”
“รักแม้ว่าจะไม่มีสถานะ รักแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน”
“อาจจะดูแปลกๆไปสักหน่อย แต่ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะเนอะ”
เกลี่ยน้ำตาออกจากพวงแก้มใสนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงมอบจุมพิตแสนหวานให้กับคนในอ้อมกอดอีกครั้ง
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน แม้ว่าในใจจะอยากขัดขืนคนตรงหน้ามากแค่ไหน เพราะตระหนักได้ว่าคนคนนี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่วงแขนที่กำลังโอบรอบตัวเขานั้น ราวกับคีมเหล็กที่ล็อคตัวเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน
ตวัดสายตามองคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ สบเข้ากับนัยน์ตาคมที่กำลังจ้องมองมา จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา นัยน์ตาคมที่แม้จะมีน้ำใสๆคลอระรื้นแต่กลับจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ แน่วแน่กับการตัดสินใจของตัวเองแล้ว และนั่นทำให้เขาเลือกที่จะหยุดดิ้น หยุดดิ้นรน หนีความจริง
ดวงตาสีนิลเลือกที่จะค่อยๆปิดลง และเงยหน้ารับจูบนั้นแต่โดยดี
เพราะเขาเข้าใจดีว่าจูบครั้งนี้มันหมายถึงอะไร
คำบอกลายังไงล่ะ...
Talk : เอ้า จะดราม่ามันต้องเอาให้สุด จะตกต่ำก็ต้องเอาให้จมดิน
วะฮ่าๆๆๆๆๆ (หลบรองเท้าจากรีดเดอร์แพรบ)
ความคิดเห็น