ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #50 : -48-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 262
      2
      3 ก.ค. 60




    -48-





    ไล่สายตามองยังร่างเปลือยเปล่าที่กำลังนอนหนุนแขนของเขาอยู่ ลมหายใจสม่ำเสมอกับรอยยิ้มมุมปากเล็กๆเป็นการบอกว่าคนคนนี้กำลังหลับสบาย หลุดคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตที่กลุ่มผมสีฟ้าสดใสเบาๆ

    “อืม”


    ร่างบางครางออกมาเบาๆเมื่อมีอะไรบางอย่างกำลังรบกวนการนอน ก่อนที่ดวงตาเรียวค่อยๆปรือขึ้นมองไปยังคนที่กำลังมองตนอยู่ก่อนแล้ว


    “ทำไมชอบกวนเวลาคนนอน”


    น้ำเสียงนุ่มที่ตอนนี้ติดจะแหบหน่อยๆ เพราะใช้เสียงกับกิจกรรมบางอย่างมากเกินไป แอสตันหลุดหัวเราะกับท่าทางที่แม้จะยังง่วงงุนแต่ก็ยังพยายามหาเรื่องเขาอยู่ เขี่ยจมูกรั้นนั้นก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากรูปกระจับสวยอย่างหมั่นเขี้ยว ค่อยๆเลื่อนไปที่พวงแก้มใส วนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นจนจินต้องเอ่ยปากบอกให้หยุด


    เมื่อคืนยังไม่หายเขินเลย แล้วยังจะมาทำอะไรแบบนี้อีก


    “นี่ถ้ายังไม่หยุดถีบตกเตียงนะ”


    แอสตันหลุดหัวเราะกับคำขู่นั้น ก็ไม่อยากจะแย้งหรอกนะว่าแค่ขยับตัวยังแทบจะไม่ไหวเลย จะมีแรงมาถีบเขาตกเตียงได้ยังไง แต่ก็เลือกที่จะเก็บคำพูดเหล่านั้นไว้ แล้วดึงเอาร่างของคนรักตัวแสบเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองแทน


    “กี่โมงแล้วอ่ะ”


    หลังจากนอนเล่นกันอยู่นานสองนานจินก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ เพราะเขามัวแต่กังวลเรื่องของรุ่นพี่ตัวสูงนี่ สมองมันก็พาร่างกายมาที่คอนโดของแอสตันอย่างกับรีเฟล็กซ์ ลืมบอกเรื่องของตัวเองกับพ่อแม่ไปเสียสนิท

    แอสตันเหลือมองนาฬิกาที่หัวเตียงตัวเองนิดหน่อย ตัวเลขดิจิตอลบอกเวลาว่าตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว คำบอกเวลาจากคนตัวสูง ทำให้คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่ดึกขนาดนี้แล้ว แต่เขาไม่ได้ติดต่อใครเลยสักคน รีบลุกขึ้นพรวดกันฟันทนความเจ็บปวดก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู


    missed call 53 


    นัยน์ตาเรียวสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ เบอร์ที่โทรเข้ามามีทั้งเบอร์ที่บ้าน เบอร์ของแม่ แล้วไหนจะเบอร์ของสไปรท์กับเอแคลร์อีก รีบกดเข้าไปดูแอปพลิเคชันสีเขียวที่ตอนนี้มีข้อความที่ยังไม่อ่านเกือบร้อยข้อความ


    สไปรท์ซู่ซ่า : เชี่ยจิน มึงหายไปไหนของมึงวะ

    สไปรท์ซู่ซ่า : ตอบสิเว้ย

    สไปรท์ซู่ซ่า : รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้

    สไปรท์ซู่ซ่า : ขอร้องล่ะ

    สไปรท์ซู่ซ่า : ถ้ามึงยังไม่อยากให้ระเบืดลง


    Eclair_ : จินนนนนนนนนน

    Eclair_ : จินอยู่ที่ไหน

    Eclair_ : พ่อของจินมาถามหาจินถึงบ้านแคลร์เลยนะ

    Eclair_ : รีบรับโทรศัพท์สิ

    Eclair_ : จิน

    Eclair_ : นี่มันกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ


    สไปรท์ซู่ซ่า : จิน

    Eclair_ : จิน


    สไปรท์ซู่ซ่า : ถ้ามึงอยู่กับพี่แอสตัน


    Eclair_ : จินอยู่กับพี่แอสตันรึเปล่า


    สไปรท์ซู่ซ่า : ไม่สิ

    สไปรท์ซู่ซ่า : ถ้ามึงอยู่คอนโดพี่แอสตัน


    Eclair_ : ถ้าจินอยู่กับพี่แอสตัน





    สไปรท์ซู่ซ่า : กูเตือนให้มึงรีบออกมาเดี๋ยวนี้เลย





    Eclair_ : รีบออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ





    แอสตันที่แอบลอบสังเกตท่าทางของคนรักเริ่มกังวลใจตามไปด้วย เมื่อมือที่กำลังถือโทรศัพท์เครื่องบางสั่นจนเขารู้สึกได้ เลื่อนมือไปกุมมือบางอย่างแผ่วเบาเป็นการดึงสติของคนข้างๆให้กลับมา


    “เกิดอะไรขึ้นครับ”


    ดวงตาเรียวละจากหน้าจอโทรศัพท์มามองทางเขา นัยน์ตาสีนิลสวยฉายแววกังวลจนคนมองรู้สึกแย่ แต่ไม่ทันที่ริมฝีปากรูปกระจับสวยจะได้เอ่ยตอบอะไร น้ำเสียงทุ้มเข้มกลับตะโกนลั่นขึ้นมาก่อน น้ำเสียงที่แม้จะไม่ได้ยินบ่อย แต่แอสตันก็จำได้ดี




    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”




    ทั้งคู่รีบหันไปมองทางต้นเสียงอย่างตกใจ ร่างสูงโปร่งของวิษณุยืนสั่นเทิ้มอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน ไม่สิ ไม่ใช่แค่วิษณุเพียงคนเดียว แต่ยังมีมาริสา และพ่อแม่ของแอสตันด้วย

    นักธุรกิจหนุ่มตั้งท่าจะก้าวเข้าไปดึงตัวลูกชายของตัวเองออกมา ไม่ได้สนใจเลยว่าคนทั้งคู่อยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะกับการเคลื่อนตัวออกจากเตียงเลยสักนิด ตอนนี้เขารู้เพียงแต่ว่าอยากจะดึงเอาลูกชายของตัวเองให้ออกห่างจากไอ้เด็กนั่นมากที่สุด แต่กลับถูกคนเป็นภรรยาห้ามเอาไว้ก่อน มาริสารีบรั้งตัวคนเป็นสามีเอาไว้ เมื่อรู้ว่าคนคนนี้กำลังจะทำอะไร



    “ให้ทั้งคู่แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยคุยกันดีๆดีกว่าค่ะ”



    นัยน์ตาคมตวัดมองภรรยา ไม่อยากจะเชื่อว่าภรรยาของตัวเองยังจะบอกให้คุยกันดีๆในสถานการณ์บ้าๆที่กำลังเกิดขึ้นนี้อยู่อีกงั้นหรอ นี่ลูกชายของเขาอยู่ในสภาพแบบนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้




    ลูกชายเพียงคนเดียว ผู้สืบทอดตระกูลเพียงคนเดียวของเขา ทำเรื่องบัดสีแบบนั้น ยังจะบอกให้เขาคุยกันดีๆอยู่อีกงั้นหรอ




    “คุย นี่ยังมีเรื่องอะไรจะให้คุยกันอีกงั้นหรอ”


    น้ำเสียงที่เคยฉายแววขี้เล่นอยู่เสมอ บัดนี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ลำแขนแกร่งชักกลับ เพื่อให้หลุดจากการกอบกุมของภรรยา ก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกชายของตัวเองไม่สนใจเสียงร้องห้ามของมาริสาเลยสักนิด

    นัยน์ตาคมของคนเป็นพ่อไล่สายตามองตามเรือนร่างของลูกชาย แม้ว่าจินจะพยายามยกผ้าห่มขึ้นปิดบังตัวเองมากเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่มีทางรอดพ้นไปจากนัยน์ตาคมในระยะประชิดแบบนี้ไปได้หรอก ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นร่องรอยที่ชัดเจนมากขึ้น และนั่นก็ยิ่งบีบรัดให้หัวใจของคนที่คอยทะนุถนอมลูกชายของตัวเองมาตลอดต้องรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก




    เขาผิดหวัง...




    ทั้งๆที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลระหว่างลูกชายของตัวเองกับไอ้เด็กหน้าหล่อนั่น แต่เพราะเชื่อใจ เชื่อในตัวคนเป็นลูกอย่างจินว่าจะไม่มีทางออกนอกลู่นอกทาง ทำลายความไว้วางใจของเขาแน่นอน แต่สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้สมองของเขาคิดอะไรแทบไม่ออก


    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรจิน”


    ตะคอกออกมาเสียงดัง ลืมเรื่องอาการป่วยของลูกชายตัวเองไปเสียสนิท เลือกที่จะไม่สนใจดวงตาเรียวสวยที่มีน้ำตาคลอระรื้นนั้น มือหนาของคนเป็นพ่อเลื่อนไปกระชากตัวของลูกชายให้ลุกออกจากเตียง จินที่ยังไม่ทันตั้งตัวเซไปตามแรง และคงจะตกเตียงไปแล้วถ้าไม่ติดว่ามีมือแกร่งของใครอีกคนดึงตัวเอาไว้ก่อน หลุดร้องออกมาเบาๆเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง

    วิษณุถลึงตามองเด็กหนุ่มที่ยังมีหน้ามาแตะตัวลูกชายของเขา กัดฟันกรอดเพื่อระงับอารมณ์เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่มองมา นัยน์ตาคมที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น


    “ขอให้พวกเราได้จัดการตัวเองก่อนได้มั้ยครับ”


    คำต่อรองของเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองเกือบสิบปีทำเอาวิษณุสติขาดผึ่ง และคงจะเผลอทำอะไรที่มันรุนแรงมากไปกว่านี้แล้ว ถ้าไม่ติดว่าโดนใครอีกคนเอ่ยห้ามเอาไว้ก่อน


    “ผมรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่เหมาะสม และผมเองก็ไม่ได้เข้าข้างลูกชายของตัวเอง แต่มันคงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการคุยกันทั้งๆที่สภาพยังเป็นแบบนี้”


    คนที่มีสถานะเป็นพ่อคนอีกคนในห้องเอ่ยปราม เพราะถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าเรื่องนี้มันไม่เหมาะสมแค่ไหน แต่ถ้าใครจะมาลงไม้ลงมือกับลูกชายต่อหน้าเขา เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน

                   คริสโตเฟอร์ตวัดจ้องเขม็งไปยังวิษณุเป็นการบอกว่าเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆอีกต่อไปแน่ ถ้าเกิดวิษณุยังคงทำอะไรตามอารมณ์ และไม่ไตร่ตรองถึงความเหมาะสมอยู่แบบนี้

    คนถูกจ้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์


    “เอาอย่างนั้นก็ได้”


    พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของลูกชายตัวเอง โดยเลือกที่จะไม่มองใบหน้าคมสวยที่กำลังฉายแววเจ็บปวดนั้น แล้วรีบก้าวออกจากห้องไป



                   เพราะถ้าเขามอง เขาคงจะต้องเผลอใจอ่อน และรู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้แน่ๆ



    มาริสาที่เลือกที่จะออกไปเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะก้าวออกจากห้อง ตัดสินใจหันกลับมามองยังลูกชายของตัวเอง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความรู้สึกที่กำลังตีวนอยู่ในจิตใจ ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งหมดแรงอยู่บนเตียง


    “จิน”


    น้ำเสียงหวานของคนเป็นแม่เรียกให้คนที่กำลังทำตัวไม่ถูกต้องหันไปมอง นัยน์ตาเรียวสวยสั่นระริก แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำขอโทษใดๆ คนเป็นแม่กลับพูดสวนขึ้นมาก่อน


    “จินต้องรับผลจากการกระทำของตัวเองให้ได้นะลูก”


    พูดพร้อมกับลูบศีรษะฟ้าๆนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนสายตามองเลยไปยังเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังมองมาทางเธอ นัยน์ตาคมฉายแววรู้สึกผิดจนเธอสัมผัสได้ แต่ในบางครั้งความรู้สึกผิดมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอก ถ้ารู้ว่าผลมันจะออกมาแย่ ก็ไม่ควรจะทำตั้งแต่ต้น มารู้สึกผิดตอนนี้ มันไม่มีทางทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอกจริงมั้ย


    “ดูแลน้องด้วย”


    เลือกที่จะพูดแค่นั้นก่อนจะก้าวออกมา ปล่อยให้คนทั้งสองคนที่มีเวลาอยู่ด้วยกัน เพราะนี่คงจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เด็กทั้งสองจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วล่ะ









    ทันทีที่อยู่กันเพียงลำพัง วงแขนแกร่งของรีบดึงเอาร่างบางข้างๆเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองทันที


    “ถ้าจะร้อง ก็ร้องออกมาเถอะครับ พี่ยังอยู่ตรงนี้”


    น้ำเสียงทุ้มที่กระซิบปลอบประโลมข้างใบหูเหมือนเป็นการดึงสติของคนตัวเล็กกว่าให้กลับคืนมา จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างกับทำนบแตก



    เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใครกันแน่ ใช่ป๊าของเขาจริงๆงั้นหรอ ใช่ป๊าที่เอาแต่ทะนุถนอมเอาใจเขาคนนั้นแน่หรอ แล้วทำไม...ถึงได้ไม่ยอมฟังอะไรจากเขาเลยล่ะ



    ร่างที่บางกว่าซุกตัวเข้าหาแอสตันก่อนจะร้องไห้โฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เสียงร้องไห้แหบแห้งทำเอาคนฟังรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย


    ทำไมเขาถึงไม่ห้ามใจตัวเอง


    ทำไมเขาถึงทำแบบนี้


    ทำไมเขาถึงได้ดึงเอาเด็กคนนี้ลงมาอยู่ในโลกที่มันสกปรกแบบเขา


                   แม้จะเจ็บปวด แม้จะอยากย้อนเวลากลับไปก่อนที่จะรู้จักมากแค่ไหน แม้จะโกรธกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่หัวใจของเขามันชัดเจน ชัดเจนว่ารักคนคนนี้มาก มากเสียจนเขารู้ว่าไม่ว่ายังไง เขาก็คงจะเลือกที่จะเข้าไปคุย เข้าไปทำความรู้จักกับจิน เข้าไปหยอกล้อกับเด็กคนนี้อยู่ดี


                   เผลอกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง ขอโทษ ขอโทษที่ความรักที่เขามอบให้ เอาแต่ทำให้เด็กคนนี้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำอีก


    อ้อมกอดอุ่นๆทำให้จินเลือกที่จะปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมาอยู่แบบนั้น ไม่สนใจว่ากำลังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนรอให้เขาออกไป แต่ต่อให้ออกไปแล้วคนเป็นพ่อจะยอมฟังคำอธิบายของเขางั้นหรอ

    เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อหัวใจมันเจ็บปวดเหมือนกับกำลังถูกบีบอัดให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ


    เขาควรจะทำยังไงดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนเป็นพ่อของเขาโมโหมากขนาดนั้น เป็นครั้งแรกที่คนเป็นแม่ของเขามองเขาด้วยสายตาผิดหวังแบบนั้น ทำไมล่ะ ทำไมการที่เขารักกับพี่แอสตันมันเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ เข้าใจว่าระหว่างผู้ชายสองคนมันไม่ควรจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น



    แต่มันก็เกิดไปแล้ว...



    และเขาเองก็มั่นใจว่ารักผู้ชายที่กำลังโอบกอดเขาคนนี้มากจริงๆ รักถึงขนาดยอมผ่านเรื่องราวเจ็บปวดเลวร้ายมากมายพวกนี้มาได้ มันเป็นเรื่องที่ผิดมากงั้นหรอ ความรักน่ะ มันเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างนั้นหรอ


    แอสตันที่พอจะจับกระแสอารมณ์สับสนจากร่างบางที่กำลังสั่นเทิ้มในอ้อมแขนตัวเองได้ ส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตลงที่กลุ่มผมนุ่มเพื่อเป็นการปลอบประโลม กระชับแขนของตัวเองเพื่อให้คนรักของตัวเองใจเย็นลง และเป็นการบอกว่าเขายังคงอยู่ตรงนี้


    “จิน”


    เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ และหยุดร้องไห้แล้ว ถึงได้ตัดสินใจเชยคางให้คนรักเงยหน้าขึ้นมาสบตา

    สำรวจใบหน้าคมที่แม้แก้มจะเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาแต่กลับยังดูสวยจนเขาอยากจะก้มลงไปหอมแก้มใสๆนั่นอีกสักครั้ง อยากจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากรูปกระจับสวยนั่น อยากจะจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีรัตติกาลแสนน่าดึงดูดนั่น อยากจะจ้องอยู่แบบนี้ อยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงแค่นี้


    แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เรื่องราวพวกนี้มันยุ่ง มันวุ่นวายมามากเกินไปแล้ว และเขาก็ไม่ควรจะทำให้เด็กคนนี้ต้องมาเจ็บปวดเพราะเรื่องที่เขาเป็นคนก่อมากไปกว่านี้อีกแล้ว


    นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าเด็กคนนี้ เป็นครั้งสุดท้ายที่เขากับจินจะยังสามารถพูดได้เต็มปากว่ายังมีความสัมพันธ์กันอยู่



                   ยังรักกันกันอยู่



                   ที่ถึงแม้จะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความชัดเจน แต่หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนน่ะรู้ดี รู้ดีว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนมันคืออะไร


    และก็รู้ดีด้วยนั่นแหละ ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว


    เพราะอย่างนั้น ให้เขาได้ทำอะไรเพื่อเด็กคนนี้บ้าง ให้เขาได้ปกป้องคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจคนนี้


    “พี่รักจินนะครับ”


    หลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับใบหน้าที่กำลังบิดเบี้ยวเพราะต้องกลั้นไม่ให้ตัวเองปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง



    “ก็อย่างที่จินบอก ว่าความรักน่ะมันมีหลายรูปแบบ...”



    “รักแบบคนรัก รักแบบพ่อแม่ รักแบบพี่ชาย...”



    “รักแม้ว่าจะไม่มีสถานะ รักแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน”



    “อาจจะดูแปลกๆไปสักหน่อย แต่ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะเนอะ”



    เกลี่ยน้ำตาออกจากพวงแก้มใสนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงมอบจุมพิตแสนหวานให้กับคนในอ้อมกอดอีกครั้ง

    คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน แม้ว่าในใจจะอยากขัดขืนคนตรงหน้ามากแค่ไหน เพราะตระหนักได้ว่าคนคนนี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่วงแขนที่กำลังโอบรอบตัวเขานั้น ราวกับคีมเหล็กที่ล็อคตัวเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน

    ตวัดสายตามองคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ สบเข้ากับนัยน์ตาคมที่กำลังจ้องมองมา จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา นัยน์ตาคมที่แม้จะมีน้ำใสๆคลอระรื้นแต่กลับจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ แน่วแน่กับการตัดสินใจของตัวเองแล้ว และนั่นทำให้เขาเลือกที่จะหยุดดิ้น หยุดดิ้นรน หนีความจริง 

    ดวงตาสีนิลเลือกที่จะค่อยๆปิดลง และเงยหน้ารับจูบนั้นแต่โดยดี





    เพราะเขาเข้าใจดีว่าจูบครั้งนี้มันหมายถึงอะไร






    คำบอกลายังไงล่ะ...




















    Talk : เอ้า จะดราม่ามันต้องเอาให้สุด จะตกต่ำก็ต้องเอาให้จมดิน

    วะฮ่าๆๆๆๆๆ (หลบรองเท้าจากรีดเดอร์แพรบ)













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×