เป็นประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติสืบมา ตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่า
หากผู้ใดได้ฟังเทศน์เ รื่อง พระเวสสันดรจบทั้ง 13 กัณฑ์ ภายในกรเทศน์ครั้งเดียว ภายในวันเดียว
จะได้เกิดร่วมชาติภพกับพระศรีอริยเมตไตยโดยบุญผะเหวดนี้จะทำติดต่อกันสามวัน
งานบุญผะเหวดจะจัดขึ้นในเเดือนสี่ของชาวไทย หรือเดือน มีนาคมในปฏิทินสากล
วันแรก วันเตรียมงานต่างๆที่วัดค่ะ
วันที่สอง วันโฮม กลางวันแห่ขบวนพระเวสสันดร กลางคืนมีหนังฉาย…หมอลำ
วันที่สาม ฟังเทศน์ฟังธรรมที่วัดค่ะ
ภาพ พระเวสสันดร พระนางมัทรีและกัณหา-ชาลี
งานบุญผะเหงดเป็นงานใหญ่ประจำปี
ก่อนงานบุญผะเหวดจะมาถึงสิ่งที่จะต้องทำและเตรียมเอาไว้มีตามนี้
อย่างแรกคือ
ข้าวต้มมัด , ข้าวหนม(ขนมเทียน)ไส้หวาน –ไส้เค็ม
นุชกับแม่จะไปเกี่ยวใบตองที่สวนท่าริมแม่น้ำโขงค่ะเพื่อเอาใบตองมาห่อข้าวต้ม-ข้าวหนม
สวนของเราปลูกต้นกล้วยเอาไว้เยอะ คนอีสานเรียกแม่น้ำโขง ว่า( แม่น้ำของ)
หลังจากเกี่ยวใบตองได้เยอะแล้ว จะเอานำใบตองมาตากแดดเอาไว้
อย่าตากนานเกินกว่านี้เดี๋ยวใบตองจะกรอบเกินไป ใช้ห่อข้าวต้มมัดไม่ได้
ญาติๆของเราที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงจะมาช่วยแม่ห่อข้าวต้มมัดและห่อข้าวหนมจ้ะ
สำหรับข้าวต้มข้าวหนมที่ทำไว้จะเอาไปทำบุญไส่บาตรในตอนเช้าของวันบุญ
ข้าวต้มมัดจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและโรยหน้าด้วยมะพร้าวอ่อน
เพื่อนๆคงเคยทานกันแล้วเนาะ ตามตลาดก็มีขายค่ะลองซื้อมาทานดูนะ
อย่างที่สองคือ
ข้าวเขียบ ( ข้าวเกรียบว่าว ในภาษากลาง) นั่นเอง
ก่อนจะมาเป็นข้าวเขียบมีขั้นตอนแบบนี้นะคะ
แช่ข้าวสารไว้ในตอนกลางคืนและตอนเช้าก็เอาข้าวสารที่แช่มานึ่ง
เมื่อนึ่งข้าวสุกแล้วก็นำข้าวนึ่งไปตำค่ะ ครกที่ใช้สำหรับตำข้าวเป็นครกกระเดื่อง
ขนาดของครกตำข้าวสมัยก่อนนั้นใหญ่มากๆดูจากรูปได้เลย
บ้านนุชมีโรงสีข้าวเจ้าแรกของบ้านนาสุขสันต์เชียวนา
การตำข้าวแต่ละครั้งนั้นใช้แรงคนเยอะค่ะ สี่ซ้าห้าคนได้
หลังจากได้ข้าวนึ่งที่ตำละเอียดแล้วเราจะเอามาปั้นเป็นก้อน ๆ
คลึงเป็นแผ่นกลมๆแต่ไม่บางมาก ให้คิดถึงหน้าหน้าข้าวเกรียบว่าวนะคะ
นั่นแหละกลมๆแบบนั้นแหละ
เสร็จแล้วก็นำไปวางไว้บนเสื่อเพื่อตากแดด เย็นๆถึงจะเก็บข้าวเขียบมาเก็บไว้
ถึงวันบุญผะเหวดจะเอาข้าวเขียบที่ทำไว้มาปิ้งและเอาไปทำบุญตักบาตรที่วัดค่ะ
ภาพ ข้าวเขียบ
วิธีการทำข้าวปุ้นออกจะสลับซับซ้อนมาก ถ้าจะให้อธิบายคงหลายหน้ากระดาษเลยล่ะ
และที่สำคัญอธิบายไม่เป็นค่ะ ภาพนั้นมีอยู่ในหัวแล้วแต่อธิบายไม่เป็น
จนใจจะเอามาเล่าให้ฟังจริงๆ เฮ้อ.......หัวอกคนอยากเล่าแต่เขียนไม่เป็น เศร้าๆ
อยากจะจูงมือทุกคนไปทำข้าวปุ้นกินกันที่บ้านนาสุขสันต์นะ
คิดว่าหลายๆคนน่าจะชอบ
ตอนเด็กๆชอบดูผู้ใหญ่เขาทำข้าวปุ้นกันสนุกดีนวดแป้งมันส์มาก
แม่นุชชอบทำขนมจีนน้ำยากะทิค่ะ นุชเลยติดทานน้ำยากะทิมาเด็กๆ
นุชเลยไม่ขอบอกวิธีการทำข้าวปุ้นละกัน เดี๋ยวจะ …งง…. ไปกันใหญ่
แค่อธิบายวิธีการทำข้าวเขียบก็แทบเอาตัวไม่รอด
พูดเก่งแต่ไม่ถนัดภาษาเขียนเอาซะเลย
บ้านนุชอยู่ตรงสี่แยกของหมู่บ้านพอดีเป็นด่านแรกเลยก็ว่าได้
ผู้คนมักจะแวะมากินข้าวบ้านนุชก่อนเสมอๆ
พ่อเลยต้องเตรียมอาหารการกินเอาไว้เยอะเลย
แอบกระซิบพ่อทำเหล้าสาเกเอาไว้กินในงานนี้ด้วยค่ะ
การทำเหล้าสาเก รู้จ้าแต่บอกไม่ได้
เหอๆ
นี่คือสิ่งของที่ทุกบ้านจะต้องเตรียมเอาไว้ก่อนวันบุญจะมาถึงประมาณ 1-2 วันค่ะ
สองสามวันก่อนเริ่มงานบุญบ่าวสาว(หนุ่มสาว)
จะช่วยกันทำความสะอาดรอบๆบริเวณวัดค่ะ
เอาไว้เวลาชาวบ้านแห่ขบวนพระเวสสันดรจะได้เดินอย่างสะดวกสบาย
ตกกลางคืนสาวๆในหมู่บ้านจะมารวมตัวกันที่วัดเพื่อทำดอกไม้ริบบิ้น
ดอกไม้ริบบิ้นที่ทำกันนั้นเอาไว้ขายให้กับคนที่มาเที่ยวงานบุญค่ะ
และจะขายให้กับคนที่แวะมาทานข้าวที่บ้านเรานั่นเอง
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแล้วล่ะว่า มางานบุญผะเหวดนั้นจะต้องมีดอกไม้จากเจ้าของบ้านมาขายแน่นอนมันเป็นประเพณีค่ะ เจ้าของบ้านจะติดดอกไม้ไว้ที่แขนเสื้อของแขกค่ะ
ฉะนั้น ต้องเตรียมเงินเอาไว้นะคะ ส่วนใครจะให้เงินค่าดอกไม้เท่าไหร่นั้นก็แล้วแต่จิตศรัทธาของแต่ละคน
เงินที่ได้จากการขายดอกไม้จะนำไปถวายวัดจ๊ะ… อิ่มบุญกันทุกคน สาธุ
สำหรับดอกไม้ริบบิ้นต้องทำเอาไว้เยอะค่ะ เพราะบ้านทุกหลังต้องนำดอกไม้ไปขาย
ตอนกลางคืนประตูทางเข้าวัดจะมีสาวๆมายืนขายดอกไม้อีกรอบค่ะ
เพราะบางคนไม่ได้มาเที่ยวงานตอนกลางวัน
บางคนมีดอกไม้ติดเต็มเสื้อเลยล่ะจ๊ะ หอบบุญกลับบ้านไม่ไหวแน่ๆ สาธุ(อีกรอบ)
คนที่มาเที่ยวงานบุญถ้าเกิดหิวข้าวขึ้นมา
จะแวะทานข้าวบ้านไหนก็แวะได้เลยไม่ต้องเกรงใจ
นุชบอกเอาไว้ตรงนี้เลยค่ะ เดี๋ยวบางคนสงสัยว่า ถ้าเราไม่มีญาติแล้ว เวลาที่เราไปเที่ยวงานบุญ
เกิดหิวข้าวขึ้นมาจะทำยังไง?
อย่างที่บอกเอาไว้นั่นแหละค่ะงานบุญ
บางครั้งนุชเดินเข้าบ้านตัวเองยังแปลกใจเลย ไหงแขกเต็มบ้านแบบนี้หนอ
ไม่รู้มาจากไหนแต่ก็ชอบนะ….เห็นคนมานั่งกินข้าวต้มข้าวหนมเต็มบ้านแล้วสุขใจ
งานบุญผะเหวดญาติพี่น้องนุชที่อยู่ฝั่งลาวจะข้ามมาเที่ยวด้วยค่ะ
ปู่นุชเป็นคนลาวจ้ะเลยมีญาติฝั่งโน้นเยอะ
ก่อนจะถึงงานบุญผะเหวด
ชาวบ้านจะปักธงไว้ตามลานวัดค่ะเป็นสัญลักษณ์ว่างานบุญผะเหวดได้เริ่มขึ้นแล้ว
ชาวบ้านจะพากันมาเตรียมงานต่างๆที่วัดค่ะ ผู้เฒ่าผู้แก่จะทำปลาตะเพียนห้อยเอาไว้ตามต้นเสา
เอาด้ายมาถักเป็นรูปดาวแขวนไว้ตามเสาวัดด้วย
บนวัดจะมีไปสายสินห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด
เสียดายบุญผะเหวดที่เพิ่งผ่านมานุชไม่ได้กลับบ้าน ไม่งั้นละก็คงมีภาพมาให้ดูกัน
ตกบ่ายก่อนวันเริ่มงานบุญผะเหวดชาวบ้านจะตั้งขบวนแห่พระเวสสันดรเข้าเมืองค่ะ
จุดเริ่มต้นของขบวนแห่ก็โน่นเลยทุ่งนาแห่งบ้านนาสุขสันต์…ไปจบที่วัดค่ะ
ผู้คนที่ไปร่วมขบวนแห่จะพากันแต่งตัวสวยงาม
ใครมีเสื้อผ้าสวยๆก็งัดมาใส่วันนี้แหละ
ใครมีแคนก็เอาแคนมาเป่า …ใครมีพิณก็เอาพิณมาดีด
บอกนิดนึงว่าพ่อนุชเล่นได้ทั้งแคนและพิณค่ะ
พ่อเป็นพระเอกหมอลำเก่าเชียวนา มีกลองยาวก็จะเอากลองยาวมาตีค่ะ
ขบวนแห่พระเวสสันดรก็ คล้ายๆขบวนแห่ขันหมากเจ้าบ่าว
บางคนอุ้มต้นกล้วย –ต้นอ้อย อุ้มหมอนอุ้มเสื่อ…มีการร้องรำทำเพลงไปตลอดการแห่
แต่ละบ้านจะเตรียมน้ำมนต์เอาไว้ที่หน้าบ้านของตัวเองค่ะใช้รดคนในขบวนแห่พระเวสฯ
และเตรียมน้ำหวาน- น้ำเย็นเอาไว้ให้คนดื่มกินด้วยค่ะ เผื่อบางคนร้องเพลงมากแล้วคอแห้ง
ชาวบ้านแห่ไปก็จะเรียกขวัญพระเวสสันดรไป
เป็นการเชิญขวัญพระเวสสันดรเข้าเมือง
ในการแห่นั้นชาวบ้านรวมทั้งพระภิกษุสงฆ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมาร่วมพิธีนี้ด้วยค่ะ
ทั้งการจัดขบวนแห่เครื่องไทยทาน ฟังเทศน์และแห่พระเวส
โดยการแห่ผ้าผะเหวด(ผ้าผืนยาวเขียนภาพเล่าเรื่องพระเวสสันดร) ซึ่งสมมติเป็นการแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมือง เมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัย ในเรื่องพระมาลัยนี้ จะแสดงให้เห็นถึงที่มาของประเพณีบุญผะเหวด
นี่ก็คือ กิจกรรมตอนกลางวันที่เรียกว่า วันโฮม วันที่สองของงานบุญค่ะ
ครั้งหนึ่ง พระเวสสันดรพร้อมพระนางมัทรีและกัณหา-ชาลี เคยถูกขับไล่ออกจากวัง
เลยมีประเพณีเรียกขวัญพระเวสฯ กลับเข้าวังค่ะ
ใช้ศัพท์ซะโก้หรูเชียว เอาง่ายๆเนอะ ก็คือมีหนังกลางแปลงฉายกันยันสว่างนั่นเอง
มีรำวงซึ่งสาวรำวงก็เป็นสาวๆในหมู่บ้านจ๊ะ
หมู่บ้านนุชจะขึ้นชื่อมากในเรื่องสาวรำวง เพราะหมู่บ้านนี้สาวสวยเยอะค่ะ (ชมหมู่บ้านตัวเอง)
ก่อนจะออกงานก็มีการซ้อมรำวงก่อนหลายคืนค่ะเพื่อให้เต้นพร้อมเพรียงในบางเพลง
นุชชอบไปนั่งดูสาวๆเขาซ้อมเต้นกันสนุกดี นุชไม่มีโอกาสได้เป็นสาวรำวงหรอกจ้า (แหม..น่าเสียดาย)
เวลาเต้นรำวงอยู่บนเวทีเนี่ยเป็นอะไรที่ม่วนซื่นโฮแซวจริงๆ(สนุกมากๆ) ต้องซับเอาไว้ด้วย
เผื่อบางคนไม่รู้เรื่อง คอนเสริตป๋าเบริด์ที่ว่าเด็ดสาระตีก็ไม่สู้หรอก
ในความรู้สึกของนุชเองอ่ะนะ …..นุชชอบเต้นแฮะ …
สีสันในตอนกลางคืนนี่สุดๆไปเลยเอาไม่อยู่จริงๆไม่มีแอลกอฮอลส์ในเส้นเลือดสักหยด
แต่มันส์แบบ nonstop
ในงานบุญจะมีร้านค้าขายของมากมายค่ะ
ร้านขายลูกชิ้น… ขายส้มตำ …ขายน้ำปั่น…ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ
ถามว่ากินก๋วยเตี๋ยวตอนไหนอร่อยสุด?
ตอบได้เลยว่า ก็งานวัดนี่แหละและต้องหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเต้นรำด้วยนะ
มีร้านขายแตงโมซึ่งแตงโมพ่อค้าจะผ่าเป็นชิ้นๆมาขายค่ะ…
มีลูกเดือยมาขายแต่ไม่มีน้ำเต้าหู้นะ…และไม่มีปาท่องโก๋ด้วย
มีเม็ดมะขามคั่วมาขายเอาไว้กินเวลาดูหนังกลางแปลง…เคี้ยวเม็ดมะขามคั่วมันส์ดี
สำหรับเม็ดมะขามคั่วไม่แนะนำสำหรับคนฟันไม่ดี..ฟันโยก เพราะอาจจะทำให้ฟันของท่านหักได้
มีพ่อค้าขายลูกโป่งสวรรค์….ลูกโป่งสวรรค์ขาดไม่ได้เลยสำหรับงานวัด
ถ้าเด็กคนไหนมีลูกโป่งมาอวดเพื่อนๆในตอนเช้าของวันถัดมาแสดงว่าเค้าไปเที่ยวงานบุญมาแหละ
บางปีในตอนกลางคืนจะมีหมอลำเพลินค่ะ หมอลำก็เล่นยันสว่างเหมือนกัน...
นุชชอบดูหมอลำสุดๆ
พี่ตูน บอดี้สแลม ...มีฝ่อถ้าได้เล่นข้างๆเวทีหมอลำ
สมัยก่อนหมอลำวงใหญ่ๆราคาไม่แพงเหมือนอย่างทุกวันนี้
ชาวบ้านพอจะลงขันจ้างหมอลำได้
แต่ตอนนี้ไม่ไหวค่ะราคาหมอลำวงใหญ่ๆหลักแสนทั้งนั้น …หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านเล็กๆเท่านั้นไม่มีเงินจ้างคณะหมอลำวงใหญ่ๆหรอกค่ะ
ชาวบ้านเลยหันไปจ้างหมอลำซิ่งแทน
หมอลำซิ่งไม่แพงค่ะ สองสามหมื่นก็จ้างได้แล้วเล่นสนุกพอๆกับหมอลำวงใหญ่ๆ
หมอลำซิ่งใช้คนแสดง 5-6 คนค่ะ
นุชชอบดูหมอลำซิ่งค่ะ สนุกดี
ว่าไปแล้วสำหรับนุชอะไรๆก็สนุกทั้งนั้นแหละถ้าได้เที่ยวงานในหมู่บ้านของตัวเอง
บนศาลาวัดจะมีผู้เฒ่าผู้แก่จากหมู่บ้านอื่นนอนอยู่เต็มวัดเลยค่ะ
ผู้เฒ่าเพิ่น(ท่าน)มาฟังเทศน์ฟังธรรมกันค่ะ ฟังจนถึงดึกดื่นง่วงก็นอนที่ศาลาวัดนั่นเลย
ตอนเช้าทำบุญใส่บาตรแล้วถึงจะเดินทางกลับบ้านกัน
ผู้เฒ่าบอกเอาไว้ว่าถ้าใครฟังเทศน์ในงานบุญเผะเหวดจนจบเรื่อง
ที่พระท่านเทศน์เราจะได้บุญเยอะค่ะ
สำหรับนุชนั้นเที่ยวงานบุญผะเหวดมาก็หลายปีแล้วไม่เคยฟังเทศน์ฟังธรรมเลย
เฮ้อ เที่ยวอย่างเดียว
งานบูญผะเหวดที่บ้านนาสุขสันต์คนมาเที่ยวเยอะค่ะ
เป็นหมู่บ้านเล็กๆก็จริงแต่น้ำใจมีเยอะค่ะ
คนมาเที่ยวงานบุญรำลือกันว่า มาเที่ยวงานบุญบ้านนาสุขสันต์ครั้งใด
สนุกสนานทุกที ท้องตึงกลับบ้านทุกครั้ง…หน้าตาอิ่มเอิบแบกบุญกลับบ้านไม่หวาดไม่ไหว..สาธุ
สำหรับงานบุญผะเหวดเป็นงานบุญที่นุชอยากเที่ยวมากที่สุดค่ะ
เที่ยวที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่ากับเที่ยวงานบุญที่บ้านนาสุขสันต์จริงๆ
ออกจะเว่อร์นะ แต่ความรู้สึกมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
มันเป็นความรู้สึกผูกพันกับอดีตที่สนุกสนานนะจ๊ะ
แบบว่า เรานั้นย้อนอดีตกลับไปไม่ได้แล้ว
แต่ความทรงจำที่สนุกสนานก็ยังอยู่ในใจของเราเสมอ
เป็นอย่างไรบ้างคะ งานบุญผะเหวดที่บ้านนาสุขสันต์(ม่วนบ่ = สนุกมั้ย)
หลายคนอยากไปร่วมงานนี้เมื่ออ่านจบตอนนี้ก็น่ายังมีในบางจังหวัด
อยากพาไปเที่ยวอยู่หรอกนะ ….สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันจ้า
ลิงเขียว
ความคิดเห็น
เหมือนที่บ้านผมเลย ก็มีงานพระเวสสันดร เคยได้เป็น ชาลีด้วย เจอฟาดจริงไปสองสามที อิอิ
แต่บ้านที่ผมอยู่ มันค่อยได้ช่วยกันทำเหมือนบ้านพี่ ก็มีบ้างคนที่จะมา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน ตอนนั้นยังจำได้ หมู่บ้านอยู่หลังวัด ตลอดเทศมหาชาติ ไฟสว่างตลอดเวลา
อ่านแล้วก็คิดถึงเมื่อตอนเด็กๆ ที่ไปนอนหลับฟังเทศน์มหาชาติ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงแล้ว ห่างจากวัดพอสมควร - -
โอ้ย! คิดถึงบ้านนนน...
ใครหลายๆคนคงต้องร้องแบบนี้ครับเมื่ออ่านที่พี่นุชสุดสวยรวยแฟนเล่าเสร็จแล้ว
สำหรับงาน ผะเหวดนั้น มีอะไรสนุกและน่ารื่นเริงมากๆตามที่อ่านจากหน้านี้
ผมอ่านถึงตรงที่ว่า ใครหิวข้าวก็แวะกินได้ทุกบ้านนั้นแล้วก็นึกชอบใจจังครับ
คือที่ชอบไม่ใช่ว่าเห็นแก่กินนะครับ แต่คิดว่า(คึดว่า) นี่คือชีวิตในต่างจังหวัด ซึ่ง
ในเมืองกรุงไม่มีให้เห็นเด็ดขาด แบบว่า ถ้าจะหาน้ำใจ หรือว่าความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ต้องไปหาที่ต่างจังหวัด ที่นั่นจะไม่มีคำว่า “ซื้อขาย” ให้ใครต้องลำบากใจ
เพราะจะมีแต่คำว่า พี่น้องญาติสนิ ทมิตรสหายเท่านั้น
ใครจะขอข้าวกินอิ่มแค่ไหน เขาก็ไม่ว่า ใครจะขอน้ำดื่ม
ก็ไม่มีใครเก็บค่าน้ำ(ประปา)แก้ว(จุ่มผ่านน้ำไม่ล้าง)ละสองบาทแบบ
ที่ร้านขายอาหารในกรุงฯเด็ดขาด มีแต่จะบอกให้ดื่มให้อิ่ม แล้วจะเปิดตูดจากไปโดยไม่ให้อะไรเลยก็ไม่มีใครหน้าบูด
มีแต่ยินดีที่มาเยี่ยมยามกันเท่านั้น นี่แหละคือสิ่งที่ชาวต่างจังหวัดเขามีให้กัน
บล๊อกตอนนี้ของพี่นุชสุดสวย ต้องชมว่า อิ่มบรรยากาศงานบุญ อ่านแล้วได้ยินเสียงคนเซ็งแซ่เดินไปทำบุญที่วัด
ได้กลิ่นข้าวหนม ได้กลิ่นข้าวปุ้นข้าวเขียบ แล้วก็ได้กลิ่นอาหารที่เขาขายกันในงานวัด รวมถึงบรรยากาศหมอลำซิ่ง ซึ่งผมก็ชอบเช่นกัน กะว่ามีโอกาส หรือว่าแฟนกลับมา จะจ้างมางัน (แสดง)ให้สนุกเลยครับ เนี่ยกำลังรอแฟนกลับ แล้วรอถามแฟนว่าอยากดูคณะไหน แล้วจะรีบแจ้นไปวางมัดจำให้มาแสดงเพื่อให้แฟนหายงอนบ้าง
พี่นุชมีคุณพ่อเป็นพระเอกหมอลำ โอ้โห เก่งนะครับ แล้วก็คงหล่อเหมือนผมเนาะ ใครมีพ่อเป็นพระเอกหมอลำเนี่ย นับว่าคุยได้สามบ้านเจ็ดบ้านเลยนะจะบอกให้ ว่างๆเอารูปมาลงแล้วเล่าให้น้องๆ(หล่อ)อย่างผมฟังหน่อยได้ไหมพี่นุช
เขียนบล๊อกแล้วตั้งชื่อประมาณว่า “ลูกสาวพระเอก” อย่างเนี้ย คงจะสนุก ลงรูปหล่อๆตอนคุณพ่อกำลัง โอละหน่อ...หน้าฮ้านให้ดูด้วยนะครับ
หมู่บ้านพี่นุชมีแต่คนสวยจริงหรือครับ? แล้วตัวพี่นุชก็คงจะสวยเช่นกันนะผมว่า(ยอไว้ก่อนครับเดี๋ยวไม่เชียร์ผมกับแฟนให้คืนดีกันใช่ไหมครับหมอ) สาวรำวงในงานบุญนับว่าเป็นการหาเงินเข้าวัด อันนี้ชอบครับ ฟังเพลงรำวงจังหวะสนุกเร้าใจมีความสุขจริงๆ
ส่วนร้านขายแตง(โม) เอามาเขียนไว้ให้ผมคึดฮอดแฟนอีกแล้ว ก็รู้ว่าผมชอบแต่แตง(โม)ยังจะมาย้ำให้ผมชอบชื่อแตง(โม)อีกเหรอคร้าบพี่นุช ใครๆเขาก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วว่าผมบ้าชอบแต่แตง(โม)มาตลอดปีตลอดชาติแล้ว ที่จริงผมน่ะชอบอาหารอีกอย่างนะ แต่พี่ก็ไม่เอามาลงไว้เลย ผมชอบทานก้อยครับ จะก้อยกุ้ง ก้อยปลา ก้อยอะไรๆก็ชอบก้อยทั้งนั้นครับขอให้เป็นก้อยก็พอใจแล้ว(ใจจริงอยากเขียนอีกชื่อครับแต่กลัวใครบางคนวีน)แต่ผมพยายามลุ้นแล้วลุ้นอีกตอนที่อ่านบล๊อกนี้ ก็ลุ้นไม่ขึ้นว่ามีชื่อ"ก้อย"อยู่เลยเสียใจมากๆ
ชอบการเขียนแบบใสๆของข้อความที่พี่นุชเขียน
อย่างที่ผมเคยบอก การเขียนของพี่นุช มีเอกลักษณ์ตรงที่ว่า เป็นงานเขียนแบบ “ตรงไปตรงมา ซื่อบริสุทธิ์”
แบบว่า เวลาอ่านจะนึกถึงหน้าคนเขียนว่า กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนเขียนถึงสิ่งต่างๆนั้น
จะเขียนถึงอะไร ก็เว้ากันซื่อๆ ไม่มีอ้อมค้อม แต่ทุกๆคำที่เขียนออกมาแล้ว กลับมีเสน่ห์ แล้วก็มีความน่าอ่าน
คืออ่านแล้วสบายใจไงครับ อ่านแล้วสดชื่นออกไปทุกที(อย่ายิ้มมากไปครับปากจะแห้ง)
อยากขอบคุณพี่นุชที่เขียนเล่าแบ่งปัน(แชร์)ประสบการณ์ ให้กับน้องๆฟัง
แล้วก็ได้รับความรู้ในเรื่องงานบุญของชาวบ้านอย่างรื่นรมณ์สมอุราเสียจริงๆ
แล้วก็จะติดสอยห้อยตามก้นพี่นุชไปฟังทุกๆเรื่องอย่างไม่ห่างเชียวครับ