พ่อกับการศึกษาของลูกๆ
ตอนนี้คุณพ่อของลิงบวชอยู่จ้ะ แต่ลิงก็ขอเรียกหลวงพ่อว่า “ พ่อ”
ตั้งแต่เด็กแล้ว สิ่งหนึ่งที่ลิงเห็นจนชินตาก็คือ….
ภาพผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในโรงสีข้าว
อ่านหนังสือพิมพ์ไปพร้อมสีข้าวไปด้วย
ชายคนนี้ก็คือ คุณพ่อของลิง….
พ่อ…
เป็นพ่อเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่ยอมเสียเงินไปกับการซื้อหนังสือมาอ่าน พ่ออีกเหมือนกัน ที่ไม่สนใจดูละครตอนเย็น พ่อบอกลูกๆ
เสมอๆว่า
“ ดูข่าวนะลูกจะได้รู้ว่า
บ้านเมืองของเราและของเขาไปถึงไหนแล้ว ”
ฉะนั้นถ้ามีละครชนข่าว พ่อจะเลือกเปิดดูข่าวจ้ะ
บ้านของลิงได้เรียนหนังสือกันทุกคน
แม้ไม่ได้จบถึงปริญญาตรี แต่ทุกคนก็อ่านออกเขียนได้กันหมด
เพื่อนๆของพ่อพูดให้พ่อว่า….
“ ตากุลมันโง่
มีลูกผู้ชายก็หลายคนอยู่ในวัยทำงานทั้งนั้น
ก็ไม่ให้ทำงาน
ส่งเสียเล่าเรียนหนังสืออยู่นั่นแหละ
แล้วตัวเองก็ลำบากมาทำงานงกๆส่งลูกเรียน ”
อยากจะถามพ่อจังเลยว่า.......
ทุกครั้งที่พ่อได้ยินคนพูดแบบนี้
พ่อรู้สึกยังไง ?
…ลูกๆขอขอบคุณ คุณพ่อ และคุณแม่
ที่ไม่สนใจคำพูดเหล่านี้ กัดฟันส่งเสียลูกๆให้ร่ำเรียนหนังสือ
พ่อทำโรงสีข้าวไม่ได้อะไรมากหรอก
อาศัยแค่ว่า… เอารำมาเลี้ยงหมูเท่านั้นเองหลังบ้านของลิงเลี้ยงหมูน่ะ แม่จะเลี้ยงหมูและทำนาจ้ะ
ถามว่า.... พ่อกับแม่เหนื่อยไหมนะ ?
อันนี้ลิงก็คิดว่า....
ไม่มีคำบรรยายกับความเหนื่อยและความลำบากของพ่อกับแม่
แต่…ท่านทั้งสองก็เต็มใจเหนื่อยเพื่อให้ลูกๆได้เรียนหนังสือ
ครั้งหนึ่งพี่อ๊อดพี่ชายคนโตเกเรมาก
ไม่ไปเรียนหนังสือพ่อจับได้เฆี่ยนพี่อ๊อดหลังยับเลยทีเดียว
พ่อพูดกับพี่ไปว่า
“ ลูกเป็นพี่ชายคนโต พ่อส่งเสียให้เรียน
แล้วลูกมาทำตัวแบบนี้ มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
แล้วจะสอนน้องๆว่ายังไง
ถ้าพี่คนโตมาทำตัวเกเรซะเอง ”
ทุกวันนี้หลังพี่อ๊อดยังเป็นแผลเป็นจากการถูกพ่อตีในครั้งนั้นอยู่เลยจ้ะ
ลิงเข้าใจพี่อ๊อดนะ วัยรุ่นบางครั้งก็อาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง
แต่ พี่เขาเรียนเก่งนะเออ ..ยอเฮียหน่อย ฮี่ ><!!! พี่อ๊อดเป็นครูค่ะ
สมัยลิงเรียนก็มีแค่ลิงเท่านั้นที่ได้เรียนหนังสือต่อ
เพื่อนๆของลิงไม่มีใครได้เรียนหนังสือเพื่อนลิงเรียนเก่งกันหลายคน
แต่ พ่อแม่เขาไม่สนับสนุนให้เรียนต่อ อยากให้มาทำงานในกรุงเทพฯ
หรือ บางคนก็อยากเรียนแต่พ่อแม่ของเขาไม่มีกำลังพอจะส่งเสียให้เรียน
พี่อ๊อดเป็นคนหัวแข็งนะ เด็กกิจกรรมของมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ก็แบบนี้แหละค่ะ
…สมัย 14 ตุลา 16 …
ข้อมูลเพิ่มเติมของนักศึกษาในสมัยนี้หากันเอาเองนะ
พ่อพูดเสมอๆว่า
“ พ่ออยากให้ลูกๆได้เรียนสูงๆ
เผื่อวันข้างหน้าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน
ไม่ลำบาก
ไปไหน มาไหนก็อ่านออกเขียนได้
คนอ่านออกเขียนได้ มันจะไม่ถูกเอาเปรียบลูก ”
พ่อจะพูดแบบนี้จ้ะ พ่อชอบอ่านหนังสือและดูข่าว
พ่อเลยรู้ว่า
การศึกษามีความสำคัญจริงๆ
หลายวันก่อนมีข่าวใหญ่ว่า …
“โรงเรียนขนาดเล็กกว่า 16,000 โรง ทั่วประเทศจะถูกยุบ”
อ่านข่าวนี้แล้วเจ็บปวดที่สุด ว่าแล้วน้ำตาพาลจะไหล
สมัยลิงยังเป็นเด็กประถม โรงเรียนที่ลิงเรียนมีนักเรียนไม่เยอะ
ร้อยกว่า ก็เลยคิดว่า ……….
โรงเรียนของหนูไม่พ้นต้องถูกยุบแน่ๆ
สมัยเรียนประถม เพื่อนหลายคนของลิง รวมถึง พี่ๆน้องๆในโรงเรียน
ไม่มีแม้ชุดนักเรียนจะใส่ บางคนก็มีอยู่ชุดเดียวใส่ทั้งอาทิตย์
วันเสาร์-อาทิตย์ก็ยังหยิบกางเกงนักเรียนมาใส่ ด้วยว่าที่บ้านยากจน
ไม่มีเสื้อผ้าใส่…….รวมถึง รองเท้า …เพื่อนๆน้องๆพี่ๆหลายคนในโรงเรียนก็ไม่มีใส่กัน
ว่าไปแล้ว หมู่บ้านของลิงก็ห่างจากอำเภอแค่
ทำไมนะ ? เด็กๆเหล่านี้ถึงไม่มีชุดนักเรียนและรองเท้าจะใส่กัน ?
ตอนนั้นลิงยังเด็ก ลิงไม่คิดอะไรมาก แต่ มาตอนนี้โตแล้วเลยมานั่งคิดว่า
ถ้ารัฐบาล ในสมัยนั้นจัดสรรงบประมาณ
มาซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศ
มันจะเป็นเงินสักเท่าไรกันนะ ?
มันจะถึง 100 ล้านไหม ? ถ้ามันไม่ถึง …แล้วมันจะสักกี่ล้าน?
ถ้ามันไม่กี่ล้านบาท ท่านคนใหญ่คนโตมัวทำอะไรกันอยู่ ?
ถึงไม่มาเหลียวแลเด็กๆในโรงเรียนของลิง
พฤษภาคม พ.ศ 2556
ยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ห่างไกลกันสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหน
เราๆท่านๆยังติดต่อสื่อสารและเห็นหน้ากันได้ไม่ว่าท่านจะอยู่ในโลกสวยๆใบนี้
หรือท่านอยู่ดาวอังคารก็ตาม เราก็ยังสามารถติดต่อกันได้เสมอๆกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่นั่น มันก็แค่เทคโนโลยีเท่านั้นที่ก้าวหน้า
ความคิดและสติปัญญาของคน(ใหญ่…คนโต)
กลับย้อนหลังไปยังยุคไดโนเสาร์เต่าล้านปี
หรือว่า
เขาเหล่านี้ร่ำเรียนเยอะจนเกินไปเลยคิดไม่เหมือนคนปกติเขาคิดกัน…
บรรดาลูกๆหลานๆของท่านทั้งหลายส่งเสียให้เรียนสูงๆกัน
มหาวิทยาลัยดังๆค่าเทอมแพงแสนแพงก็ไม่หวั่น
แม้ว่าโรงเรียนและมหาวิทยาลัยดังๆเหล่านั้น
จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวพ่อก็จะส่งให้ลูกไปร่ำเรียน
เพราะรู้ว่า ถ้าวันหนึ่งเมื่อเจ้าเรียนจบกลับมา
จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูล….ของเรา
ส่วนลูกตาสีและยายสา โรงเรียนของหนูอยู่แค่ปลายจมูก
โรงเรียนของหนูอยู่แค่ปลายเท้า แต่หนูกลับเอื้อมมันไม่ถึง
สัมผัสมันไม่ได้ ไทยกับไทยใยแตกต่างกัน
สงกรานต์ปีก่อนโน้น ลิง..พี่อ๊อด …พ่อและคนอื่นๆนั่งคุยกันที่หน้าบ้านยามเย็น พี่อ๊อดพูดว่า
“ เด็กยุคนี้ เด็กยุคอาเซียน
เศรษฐกิจนับวันยิ่งจะเจริญเติบโต
ทุกประเทศจะไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น
พ่อแม่ไม่ควรปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป
ควรส่งเสียให้ลูกๆได้เรียนสูงๆกัน
จบแล้วจะได้มีงานทำที่ดีๆ ”
ผ่านไปหนึ่งปีอยากจะบอกพี่อ๊อดเหลือเกินว่า
“ โรงเรียนของเราอาจจะไม่รอด
เพราะ เด็กเหลือน้อยเต็มทน ”
แต่…ก็ยังชื่นใจว่า มีนักเรียนจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาเรียนต่อ
หมู่บ้านใกล้เคียงเป็นหมู่บ้านเล็กๆค่ะ เด็กๆเลยมาเรียนที่โรงเรียนเก่าของลิงกัน
มันจะเป็นยังไงนะ ??? ถ้าวันหนึ่ง
เด็กหญิงลิงเดินไปโรงเรียนในตอนเช้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนทุกวัน
พอถึงหน้าโรงเรียนกลับมีป้ายประกาศ ข้อความโตๆว่า…
“ ขอปิดการเรียนการสอนแบบไม่มีกำหนด ”
เด็กหญิงลิงคงทำอะไรไม่ได้ ก็คงพูดกับตัวเองเบาๆว่า
“ ปิดโรงเรียนของหนูทำไม แล้วหนูจะไปเรียนที่ไหน ?”
ถ้าโรงเรียนของหนูอยู่ไกล ไกล ไกล
หนูจะเอาแรงมาจากไหนเดินไปเรียน ?
เพราะ อย่างน้อยแต่ละหมู่บ้านก็ห่างกันประมาณ
อันนี้แถวๆบ้านของลิงนะ ถ้ามันไกลมากกว่านี้ล่ะ
เด็กๆที่ยากจนไม่มีเงินค่ารถ …จะทำยังไง ?
ความปลอดภัยของเด็กๆล่ะ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง
กลางทางจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้…
เพื่อนๆจอมขี้เกียจของหนูจะอ่านออกเขียนได้ไหมนะ
ขนาดโรงเรียนอยู่หน้าบ้านยังไม่ยอมไปเรียน ?
ถ้าเด็กบางคนไม่มีรองเท้าใส่กันล่ะ ?
เดินไปเรียนที่ไกลๆ จะเป็นยังไง ? ก็รู้อยู่ว่าบ้านเรามันร้อนตับแล่บขนาดไหน ?
เด็กนักเรียนบนดอยล่ะ ครูสอนด้วย เขาจะทำยังไงกัน ?
ถ้าโรงเรียนขนาดเล็กถูกปิด
....เพราะส่วนมากแล้วโรงเรียนที่อยู่ถิ่นทุรกันดารก็เป็นโรงเรียนขนาดเล็กทั้งนั้น
และขึ้นชื่อว่า ถิ่นทุรกันดาร การเดินทางเข้ามาเรียนในเมืองย่อม
ลำบากแน่ๆ
ไม่มีถิ่นทุรกันดารที่ไหน ห่างจากอำเภอและจังหวัดแค่ กิโล สองกิโลหรอก......ท่านผู้อ่าน
…จากเด็กโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่หลังโรงเรียนติดทุ่งนา
หน้าโรงเรียนติดถนนลูกรัง…
ลิงเขียว
ความคิดเห็น
เงินหลายพันล้านที่ส่งไปตามโรงเรียนต่างๆ ให้ซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนที่ไม่เคยมี ให้เป็นทุนนัดเรียนยากจนแต่เรียนดี ซึ่ขาดแคลน ผมว่ามันดีกว่าเป็นไหนๆ
แต่ทไมไม่ทำล่ะ?
ง่ายๆ ครับ...มันหักค่าหัวคิว 20% ไม่ได้ไงล่ะครับ
งบซื้อแมบเลต 5พันล้าน หัก 20% ก็ 1 พันล้าน เฉลี่ยแล้วเลือกตั้งหนึ่งครั้งตอนนี้ สส.อีสานใช้เงินคนละราว 10-20 ล้าน พันล้าน ได้เงินให้ สส.หาเสียงร้อยคนเชียวนะท่าน
นี่ล่ะเด็กๆ ถึงรับกรรม
และตอนนี้ออันดับการคอรัปชั่นของรัฐบาลไทยก็ขยับอันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับท้อป 20 ประเทศที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดแล้วนะนี่ มันจะน่าภูมิใจยังไงกันล่ะ?
นั่นน่ะสิ
อย่างหลานชายตอนอยู่ ป. 1 รองเท้านักเรียนยังหายบ่อยๆ
ไปๆมาๆ ย่าเลยไม่ซื้อให้หลานใส่ ก็ใส่อีแตะธรรมดานั่นแหละไปเรียน เหอ
เด็กยังไง ก็คือเด็กวันยังค่ำ น้อยคนนักที่จะรู้จักรักษาข้าวของให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่เสียหาย ขนาดเราผู้ใหญ่แท้ๆ เผลอวางไม่เป็นที่เป็นทาง
ตกพื้นพังเสียหายแล้ว
เอาเงินมาละลายเล่นจริงๆ
ตำแหน่งงาน อบต ที่หมู่บ้านเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะต่อตำแหน่ง แปดหมื่นบาท
สองปีก่อน พ่อถามว่า
" อยากกลับมาทำงานที่ อบต ไหมลูก ?"
ถามพ่อกลับไปว่า
" แล้วมันเงินเดือนเท่าไหร่พ่อ ?"
พ่อตอบกลับมาว่า
" เงินเดือน ห้าพันลูก แต่..ค่าน้ำร้อนน้ำชา แปดหมื่นบาท "
นุชก็เหวอเลยนะ เจอเงินใต้โต๊ะเยอะขนาดนี้
ก็คิดดูว่า ขนาดตำแหน่งเล็กๆใน อบต ยังกินกันขนาดนี้
อย่าไปคิดถึง ตำแหน่งงานในกระทรวงใหญ่ๆเลย
คนที่คุมบังเหงียนคงงาบมากกว่านี้แน่ๆ เฮ้อ.... กินกันเข้าไป
เมื่อไรท้องพวกมันจะแตกวะคะ
แต่...ก็มีคนยอมเสียเงินนะ พล....
ค่าทำถนนหนทางก็กินกันเป็นทอดๆเหมือนกัน
งบมา สามแสน กินไปสองแสนเหลือสร้างถนนหนึ่งแสน
เลยได้ถนนมาใช้แค่ไปกี่ปี ก็กลับไปสู่ถนนลูกรังเหมือนเดิม
คอรัปชั่น...
นุชเห็นด้วย
น่าจะเอาเงินหลักพันล้านไปซื้อข้าวของอุปกรณ์การเรียนให้เด็กยากจนในชนบท
เด็กๆในโรงเีรียนเล็กๆ ที่ฉลาดหลักแหลมมีเยอะนะ
แต่ ขาดโอกาสเรียนต่อเท่านั้นเอง
เสียดาย อย่างเพื่อนของนุชก็เรียนเก่งกันหลายคน
ในสมัยนั้นรัฐบาลไม่มีนโยบายให้เรียนฟรีน่ะ
เลยอดเรียนหนังสือกันหลายคน
ตอนนี้ที่บอกว่าฟรีก็ไม่รู้ฟรีจริงรึเปล่า ?
เพราะกลับบ้านทีไรก็ยังเห็นหลายคนบ่นว่า
" ไม่มีค่าเทอมให้ลูกๆหลานๆอยู่เลย "
คอรัปชั่น ..
สมัยนี้มันเยอะจริงๆนะแหละ เยอะจนคิดว่า เงินในคลังที่ควรจะนำมาพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า กลับไม่เป็นอย่างนั้น
งบเยอะแยะหายจ้อย หายจ้อยแบบนี้
ประเทศของเราเมื่อไรจะเจริญทัดเทียมนานาประเทศเขานะ
...ลาว รู้มาว่า เขามีการตกลงจะสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้วนี่
ด้วยเงินกว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
แม่เจ้า...แซงพี่ไทยแน่ๆ
พี่ไทยยังไม่เป็นตัวเป็นตนเลย แล้วไม่รู้จะเป็นตัวเป็นตนเมื่อไร ???
แต่...อัตราค่าบริการมาแล้ว เงิบบ คิดแต่จะเอาเงินลูกเดียว ....
คิดไปแล้ว
เวลาจัดสรรงบออกมาแต่ละที
พวกที่มีส่วนได้ส่วนเสียคงจ้องกันตาเป็นมันเลยเนอะ
ว่าแล้ว....เมื่อไรน่ะ พวกนี้จะรู้จักคำว่า " เพียงพอ " สักที
คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะ
โอ๊ยยย อึดอัดใจอยากจะด่าหยาบๆเว้ยเฮ้ยย
เรื่องการเมืองมันปวดกบาลจริงๆ
แต่ จะทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่มันก็ไม่ใช่
เพราะยังไง เรามันก็สายเลือดเดียวกัน
คนไทยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องถนนเดี๋ยวนี้เขาใช้ รีไซคลิง (ชื่อเท่) มันคือการใช้เครื่องมือชนิดหนึ่งลอกผิวถนนเดิมออกมาแล้วนำมาคลุกกันในเครื่องแล้วเพิ่มยามาตอยลงไป แล้วก็ลาดซ้ำน่ะครับ ใช้ทุนราว 30% ของงบ แต่กรณีนี้เขาเรียกค่าน้ำร้อนน้ำชากัน 40% นะครับ แม่งบ้าไปแล้ว...
ส่วนพวกรัฐมนตรีหรืออะไรไม่ได้เท่าไรหรอกครับ มีแต่กินตามน้ำ เงินส่วนใหญ่จะไหลเข้าตระกูลชิน โดยผ่านมือผันเงินอย่างเจ้แดง ที่เป็นผู้รับผลประโชน์เต็มๆ จากเรื่องรับจำนำข้าว แล้วค่อยแล่งออกเป็นส่วนของนายกและทักษิน
ว่ากันว่างบ 2.2 ล้านที่กู้มานี่จะใช้ปีละ3 แสนล้าน นั่นหมายความว่าจะถูกคอรัปชั่นไป 6 หมื่นล้าน
คิดแล้วเสียดาย...
แต่คุณนุชเชื่อไหมครับ ประเทศไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก คนไทยโง่แต่ช่วงแรก แต่ถ้ารู้ว่าเงโกหกล่ะก็ เตรียมรับผลได้เลยครับ ขนาดสมัยสฤษ ถนอม เอาปืนมาจ่อยังไม่กลัวกันเลย ผมเชื่อว่าเดี๋ยวมันต้องมีอะไรทำให้กฏหมายหรือการปราบคอรัปชั่นของเราดีขึ้นอีก
ตอนนี้ที่เห็นเป๋นรูปธรรมก็น่าจะเป็นกรณี ปลัดกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงกลาโหม ที่คอรัปชั่นโดนจำคุกจากฝีมือ องค์กรอิสระอย่าง ปปช. นี่ล่ะครับ นับเป็นนิมิตหมายอันดี
ปล.การสร้างรถความเร็วสูงของลาวนั่นเขาไม่ได้ลงทุนเองครับ เขาให้จีนเป็นผู้สร้างให้แลกกับการยกพื้นที่บางส่วนให้เป็นย่านอยู่อาศัยของคนจีนที่อพยพมา ประมาณเยาวราชบ้านเรานั่นล่ะครับ ^^
ผมเบื่ออย่างเดียวพวกบอกว่าเมืองไทยไม่มีเสรีภาพที่แท้จริง เพราะพูดถึงบางเรื่องไม่ได้อย่างเรื่องของพระมหากษัตริย์ ผิดกลับประเทศอเมริกาที่เป็นเสรีอย่างแท้จริง
ผมอยากจะถามจริงๆ อเมริกานี่พูดได้เสรีจริงหรือ?
ลองไปพูดเรื่องสีผิวสิ หึหึ... แต่ละที่เขาก็มีเรื่องที่ห้ามแตะต้อง แต่อย่างว่าครับประชาธิปไตยแบไทยๆ ก็คือ
"กูทำได้ทุกอย่าง คนอื่นคัดค้านก็หาว่าขัดขวางประชาธิปไตย"
...เบื่อกับประชาธิปไตยที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งจริงๆ
มันเป็นข่าวดีเลยนะ ตามที่พลบอกมา ก็ขอให้มันเป็นจริงโดยเร็วด้วยเถิดไม่ใช่แค่ข่าวโคมลอยยย
อืม...สามแสน แม่เจ้าาา แล้วเค้าได้เงินเดือนเท่าไรกันละหว่า ?
ก็แบบนี้แหละ.......
ข่าวการเมืองมันสนุกดีนะ ชอบ ^^ เสียดายว่าไม่ได้อยู่บ้านเรา ไม่งั้นคงได้อ่านข่าวการเมืองมันส์ๆไปแล้ว
เอาไว้ไปอยู่ที่ใหม่ จะพยายามเสาะหาว่า หนังสือที่พิมพ์ รายสุดสัปดาห์ เค้ามีขายรึเปล่า ?
แบบที่เยอรมันมีขายนะ โดยเฉพาะ คส คส ....แต่นุชไม่ได้อยู่ที่นี่นานน่ะ
เ่ดวต้องอพยพแล้ว
ไม่น่าจะเกินวันที่ 20 เดือนนี้ก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว ก็เลยคิดว่า ถ้าไปอยู่ที่ใหม่ น่าจะหนึ่งปี
จะตามเสาะหาหนังสือพิมพ์มาอ่านจ่ะ อ่านจาก เน็ตมันไม่ชอบ เพราะมีแค่สองจำพวก
ทะเลาะกันไปมา เลยไม่ชอบ...........
ขอบคุณคลังความรู้จ้า >O< นุชชอบบบบบบบ มว้ากกก กับการเมืองของพลเนี่ยยย
ว่าไปแล้วมันอ่านแล้วตื่นเต้นกว่าอ่านนิยายของพลซะอีกนะ เอิ๊กๆๆ :)
ยังไงถ้ารู้อะไรดีๆ เอาลิงก์มาแปะให้อ่านหน่อยนะ
ในกรณีที่ขี้เกียจพิมพ์แป้น แต่....ถ้าไม่ขี้เกียจก็ส่งเมลมาให้อ่านก็ได้ค่า
(นางมึนขอข่าว=_=)
อืมมม
เมกา ลองพูดว่า" นิโกร ...ผิวดำ " เข้าเฝ้ายมบาลแบบไม่มีลิสต์ล่วงหน้าเลยล่ะ
นุชคิดว่าอย่างงี้นะ เหมือนที่พลคิดนั่นแหละ
แต่...ก็ยังอยากไปส่องดินแดนแห่งเสรีภาพแห่งนี้อยู่นะ ว่าไปโน่น............
ลูกค้าส่วนมากถ้ามาโทนผิวสีจะน่ารักค่ะ นุชชอบ ^^
....ถ้าอยู่ในบ้านเราอันนี้ออกแนวน่ากลัวจ้า ........
เคยเจอมาแล้ว มันน่ากลัวจริงๆ
ประชาธิปไตยยุคบานแข่งกับดอกเห็ดจ้า....เบ่งบานเต็มบ้านเต็มเมืิอง
สุ่มสี่สุ่มห้าเก็บ(เห็ดพิษ)มากิน ตายซี้แหงแก๋....
"พ่อแม่ไม่มีอะไรจะให้ มีแค่ความรู้เท่านั้นที่พอจะให้ได้"
อ่านบทนี้ของพี่นุชแล้วบอกตรงๆ คิดถึงพ่อมากเลยค่ะ
spysky_greenmonkey17@ hotmail.com
เมลของนุชค่ะ เขียนมาปรึกษาได้เลย
หรือ ไม่ถ้าคุณนกอยู่เมืองไทยฝากเบอร์โทรเอาไว้ที่เมลเลยก็ได้นะคะ
นุชโทรกลับแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านบล็อกลิงเขียวนะคะ
แล้วขั้นตอนต่อไปค่อยว่ากันเรื่อง skype
อืม พี่นุชทำให้หนูเศร้าหรือเปล่าจ๊ะ ?
ยังไงท่านทั้งสองก็ไปสบายแล้ว
พีนุชก็คิดถึงหลวงพ่อค่ะ คิดถึงมาก แต่....ก็สบายใจที่ได้รู้ว่าพ่อมีความสุขมากๆในตอนนี้
อยู่ใต้ร่มกาสาวพักตร์
ขอบคุณสำหรับเม้นท์จ้า น้องสาว ^^
>3333333<
ทั้งๆ ที่เงินเดือนที่ได้ก็คือ 15,000 บาท แถมไม่ขึ้นราวๆ สีถึงห้าปีอีกต่างหาก (ตามนโยบายเงินเดือนหมื่นห้าครับ แต่ความจริงแล้วคนไม่รู้ครับว่าแต่ละหน่วยงานเขาจะมีลูกจ้างประจำด้วย แต่ยังไม่เป็นข้าราชการ ตอนรัฐบาลหาเสียงพวกลูกจ้างประจำก็อยากได้เงินเดือนหมื่นห้าด้วยเลยช่วยกันเลือกสุดลิ่มทิ่มประตู แต่พอสรุป เขาไม่ได้บอกว่าหน่วยงานต่างๆ มีงบจ้างงานจำกัดหากใช้เกินนายก อบต หรือ เทศบาลจะมีความผิดถึงติดคุกเอาง่ายๆ เมื่อเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็นหมื่นห้า ก็เลยต้องลดเงินพนักงานลูกจ้าง ซวยสิครับงานนี้...จากเงินเดือน 8,000 เหลือแค่ 5,000 อยู่ไม่ได้ก็ออกไป โดนหลอกกันเยอะครับกับนโยบายนี้)
ว่ากันเรื่องทำไมถึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากนะครับ แท้จริงแล้วไม่มีอะไรครับ แต่ผู้เข้าเป็นข้าราชการแล้วจะมีเงินให้กู้เยอะมากกกกกกกกก ครับ
C3 ทำงานสองปีนี่กู้ได้ราว 50 เท่าเงินเดือน ก็ 750,000 แล้วครับ กับกู้สหกรณ์ได้อีกราว 20 เท่า ก็อีก สามแสน และยังมีกองทุนกำนันผู้ใหญ่บ้านอีก อันนี้ ได้ราว 10 เท่า ก็ประมาณเกือบ สองแสน และเป็นดอกเบี้ยราคาถูกมากกกกกกก ราวๆ 0.5 %เท่านั้นเองครับ คนจึงยอมกู้เงินเข้าเป็นราชการ แล้วกู้เงินราชการนี่มาโปะล่ะครับ
เอวังด้วยประการฉะนี้....
ปล.เรื่องการเมืองไม่มีลิงค์แปะอ่ะครับเพราะผมไม่อ่านการเมืองในเนต มันค่อนข้างบิดเบือนครับ แต่ที่รู้มาก็จากสัมผัสจริง 50 % จากข่าวหนังสือพิมพ์อีก 50% ล่ะครับ
พูดไปก็เหนื่อนใจจริงๆ ค่ะ พี่นุช เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเดี๋ยวนี้การศึกษาเวียดนามแซงหน้าเราไปหลายขุมแล้ว ข่าวว่าจะจัดรถตู้กี่พันคันไม่รู้รับส่งเด็กที่ถูกยุบโรงเรียน โอว...ขนาดแค่น้ำท่วมบริจาคเรือฟรี คนได้รับยังเอามาเป็นของส่วนตัวเก็บตังแพงลิ่ว แล้วรถตู้จะเหลือหรือคะ ปวดหัวนะคะพี่นุชตราบใดที่หัวยังเป็นอย่างนี้หางจะเหลืออะไร
ดีใจค่ะ ที่ได้อ่านบทความดีๆ จากพี่นุช
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
จุ๊ป จุ๊ป
แม่เจ้าาาาาาาาาาาา
ตกใจอ่ะจ้ะ
ตกข่าว เรื่องรถตู้
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนตามอะไรมากนักหรอก
แต่...การจะยุบโรงเรียนเล็กๆที่มีนักเรียนไม่ถึง 120 คน
มันสะเทือนจิตใจของพี่นุชจริง
หมู่บ้านพี่นุชตอนนั้นก็น่าจะมีนักเรียนประมาณนี้แหละ
เฉลี่ยแล้วหนึ่งห้องไม่น่าจะเกิน 25 คน
บางชั้นอาจจะน้อยกว่านี้ ....รวมๆแล้วก็ไม่เยอะ
เลยคิดว่า ไม่น่าจะรอดถ้าเค้ายุบโรงเีรียนขนาดเล็ก
ตัวเลขเอามาจากข่าวอ่ะนะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนไปบ้างรึเปล่า .......
แล้วเรื่องรถตู้รับส่ง...........เหอๆ
...งานนี้คนมีเอี่ยวไม่พ้นนอนกินค่าคิวรถตู้กันพุงกางแหงมๆ
ฟันนนนนนนนนน ธงงงงงงงงงงงงงงง !!!
ข้าวของจากน้ำท่วมเห็นแล้วก็...ได้แค่.......อึ้งงงงงงงงงงงง
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ คนใจดีที่เค้านำเอาข้าวของมาบริจาคคงเสียใจเนอะ
เมื่อรู้ว่าไม่ไปถึงมือของประชาชน....ที่เดือดร้อน
เหมือนที่พี่นุชเคยเขียนไปแล้ว...ช่วงหน้าหนาว
บ้านของพี่นุชจะหนาวมากๆ เพราะเี่ราอยู่ใกล้แม่น้ำโขง
แต่...เวลาผู้แทนมาบริจาคผ้าห่มก็บริจาคแค่ผ้าห่มขี้งา ที่หาความอุ่นไม่เจอ
พี่นุชไม่เดือดร้อนเพราะพ่อกับแม่มีกำลังจะซื้อ ....เพื่อนบ้านบางคนนี้สิ
ไม่มีผ้าห่มต้องมานอนผิงไฟทั้งคืน....มันน่าเศร้าจริงๆ
แม้ตอนนี้จะไม่มีแล้ว ....ในหมู่บ้านของพี่
แต่ก็เชือว่า อีกหลายๆหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญจะยังมีอยู่แน่ๆ
เฮ้อ.........(ถอนหายใจเฮือกใหญ่)
แก่หน่อยไปลงสมัครผู้ใหญ่บ้านแห่งบ้านนาสุขสันต์ดีไหมนะ เราเนี่ย ?
บล็อกตอนนี้ร้าวกบาลว้อยยย
ตอนหน้านี่แหละจะจัดหนักเอาให้คนหัวเราะขี้แตกขี้แตนเลยแหละ ฮึ่บบบบ !!~~~
ขอบคุณเม้นท์ค้า แจ >333333333<
เม้นต์ไม่ออกเลยอ่ะพี่นุช
มดน้อยไม่ได้อยู่โรงเรียนไกลเมืองขนาดนั้น
และก็เป็นโรงเรียนประจำอำเภอค่ะ
เรื่องถูกยุบนั้น ไม่น่าจะใช่
แต่มดน้อยก็เข้าใจความลำบากของเด็กๆ
ที่อยู่ไกลๆ และอยากเรียนนะคะ
น่าสงสารเด็กๆเหล่านั้นค่ะ
บางคนฉลาด หัวดี
แต่ไม่มีโอกาสเรียน
เฮ้อ.... คิดแล้วเศร้าอ่ะค่ะ
อยากให้เมืองไทยเท่าเทียมกันกว่านี้จริงๆ ค่ะ
โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาของเด็กๆ
เม้นทไม่ออกก็ไม่เป็นไรจ้า
เป็นบล็อกที่สะเทือนจิตใจมากๆ
เพราะ ผู้นำของบ้านเราคิดได้เท่านี้
ประเทศไทย
เฮ้อ....
ขอบคุณเม้นท์จ้า