ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #58 : Chapter 39 อื้อ ไม่ยืม ... ไม่ยืมมาแน่นอน...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 575
      8
      4 เม.ย. 57

    Chapter 39 อื้อ ไม่ยืม ... ไม่ยืมมาแน่นอน...

     

    -----------------------------------------------------------------------

    ---------------------------------------------------

    --------------------------------------

    --------------------

    -------

    วันที่ 31 ธันวาคม เวทศักราช 196

    6.20 น.

     

    ภายในบ้านหลังเล็กแสนอบอุ่นไปด้วยแสงไฟ

     

    ภายในห้องครัว

    สาวผู้เป็นแม่ กำลังทำขนมปังแท่งรีกลมคล้ายจรวด

    โดยการผ่ากึ่งกลาง แล้วสอดไส้มันด้วยการทาเนย ใส่หมูยอและกุนเชียง ที่หั่นแนวยาว

    แล้วค่อยสอดมันลงไปในถุงพลาสติก ปิดสนิทเรียบร้อย

     

    ทางเดินบ้านจนไปถึงรถยนต์หน้าบ้าน

    ชายผู้เป็นพ่อ กำลังจัดเตรียมสิ่งของต่างๆลงไปบนรถ

    ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม แก้วขนาดเล็ก ของเล่นชิ้นเล็กๆที่จัดเตรียมเอาไว้มากมาย

     

    เด็กชายวัย 2 ขวบที่กำลังโต ปล่อยผมไม่ได้ตัดเลย จนยาวเล็กน้อยคล้ายเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก

    กำลังยืนแอบมองคุณแม่ที่ตระเตรียมขนมปังอยู่ในครัว

    ก่อนที่ชายผู้เป็นพ่อจะเดินผ่านหลังไป

    เขาก็รีบเดินตามทันที

     

    "ป้อคับ ทำ... อะไรหรอคับ"

    เด็กชายเอ่ยด้วยความสงสัย

     

    "เตรียมของไปข้างนอกกันลูก"

    ชายผู้เป็นพ่อที่กำลังเรียงของเล่นลงไปบนรถเอ่ยตอบ

    แล้วหันมายิ้มให้เด็กชาย

     

    เด็กชายมองหน้าพ่อ จ้องลึกเข้าไปในดวงตา

    ด้วยแววตาอันไร้เดียงสา

    แล้วถามต่อ

    "ป้อคับ วันนี้ .... จะไปไหนกันเหยอคับ?"

     

    ผู้เป็นพ่อยิ้มขึ้นมาทันทีด้วยความน่ารักของลูกตน

    "ฮ่าๆๆ ... พยายาม วันนี้พ่อจะพาลูกไปที่ๆนึง!"

    เขาเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะที่แสนขบขัน

    แม้จากภาพนี้ ใครคนอื่นจะไม่ได้หัวเราะแบบเขาก็ตาม

    แต่เขาก็หัวเราะไปกับความไร้เดียงสาของลูกชายตัวน้อย

     

    เด็กชายทำหน้างงกว่าเก่า แล้วเอ่ยถามต่อ

    "ที่ไหนเหยอคับป้อ"

     

    ผู้เป็นแม่ที่อุ้มตะกร้าใส่ขนมปังออกมา

    เอ่ยตอบลูกของเธอแทนคุณพ่อ

    "เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหน่ะ พยายาม"

     

    เด็กชายหันไปมองคุณแม่แทน

    แล้วเอียงคอช้าๆ

    "..... ฉะถานเยี้ยงเด็ก กำพ้า.....? ดีไหมคับ"

     

    "ดีสิลูก .... มันดี..... ในหลายๆความหมาย"

    พ่อเอ่ยตอบแล้วก้มตัวลงอุ้มเด็กชายขึ้นมากอดเอาไว้แทน

     

    เด็กชายรับการอุ้มแต่โดยดี แล้วเอียงคอสงสัยในคำตอบ

    "ดี? ดีเหมือนเด็กดีเหยอคับ"

     

    "ฮ่าๆๆๆ"

    ผู้เป็นพ่อนั้นหัวเราะกับความไร้เดียงสาของเด็กชาย

     

    แม่ของเด็กยิ้มหวานเอียงคอเล็กน้อยไปตามเด็กน้อย

    แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม

    "เป็นที่ๆไม่ได้วิเศษอะไรเลยหน่ะลูก .... แต่มันเป็นสถานที่ๆสามารถเตือนสติให้กับเราได้"

     

    เด็กน้อยทำหน้างงเข้าไปใหญ่

    "ให้ฉติ?"

     

    "ใช่ลูก ให้สติๆ"

    พ่อเอ่ยเน้นๆ ให้พยายามแล้วหันไปใช้มือขวาที่ไม่ได้อุ้มเด็ก ปิดฝากระโปรงหลังรถ

     

    ผู้เป็นแม่เอ่ยยิ้มแล้วยื่นมือมาหยิกแก้มเด็กเบาๆ

    "หมายถึงทำให้เรา เป็นเด็กดีไง! อยากไปมั้ยจ้ะ"

     

    "อยากคับ อยากไปเตือนฉติ"

    เด็กชายที่ดูไวต่อคำว่า เด็กดีนั้น สนใจใหญ่ที่จะได้ไปสถานที่ๆจะได้พบกับ ... สติ?

     

    พ่อของเด็กขำต่อเนื่องไม่หยุดเลยทีเดียว

    "ฮ่าๆๆ สรุปกลายเป็น เตือนสติไปแทนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ไงเนี่ย"

     

    "คิก ... งั้นเราไปกันเถอะ ทุกอย่างก็เสร็จแล้ว"

    แม่ของเด็กหัวเราะตามแล้ว เดินกลับเข้าไปปิดประตูบ้าน

    พร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่

    ....

    สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่างจังหวัด

     

    มันเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่อยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองที่พวกเขาอยู่

    จนแทบจะเรียกได้ว่า ไกลสุดๆไปเลย

    แต่พวกเขาก็ยังเดินทางไปกัน.... ทั้งๆที่ สถานที่ใกล้ๆก็มี

    ทั้งสามใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง

    ในที่สุด พวกเขาก็มาถึง

    .........

    สถานที่แห่งนี้

    ซึ่งอยู่ใกล้กับเชิงภูเขา ขนาดเล็ก และมีสวนอันร่มรื่นเป็นธรรมชาติติดกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

    นับว่าเป็นสถานเลี้ยงเด็กที่ค่อนข้างใหญ่ แต่อยู่ห่างไกลจากความเจริญไม่น้อย

    ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามาที่นี่เท่าไหร่นัก

    แต่ก็ยังดี ที่มันอยู่ห่างจากโรงพยาบาล ประจำจังหวัดนี้ไม่มาก

    ทำให้ง่ายต่อการติดต่อขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล

     

    .........

    รถนั้นจอดภายในตัวของโรงเรียน ในส่วนของพื้นคอนกรีตที่ปูเอาไว้ให้รถจอดอยู่แล้ว

    ชายหญิงอุ้มเด็กชายที่ผลอยหลับไปเดินลงมา มองไปรอบๆกับสถานที่แห่งนี้

    พวกเขาเดินมองเหล่าเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน

    ส่วนใหญ่จะเล่นกีฬาวิทย์กัน เพราะที่นี่ไม่ได้มีงบประมาณพอจะอัดฉีดให้เด็กเล่นกีฬาเวทย์ได้

     

    ทั้งสองนั้นยืนมองเด็กๆ อยู่พักใหญ่โดยที่เด็กชายนั้นก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาเล่นด้วย

    ผู้เป็นพ่อก็ตัดสินใจจะเดินเข้าไปหาพวกอาจารย์ในอาคาร

    แต่ไม่ทันจะได้เข้าไป

    ก็มีกลุ่มอาจารย์ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เสียก่อน

     

    .........

    เมื่อจำเป็นต้องไปคุยธุระนานๆ ก็กลัวลูกชายเบื่อ

    พวกเขาจึงสอบถาม ว่าพอจะมีเด็กวัยเดียวกันให้ไปเล่นด้วยไหม

    กลุ่มอาจารย์นั้น ก็แนะนำ และพาไปที่ห้องนั้น....

    โดยกำชับว่าให้เป็นเด็กดี

    เด็กชายพยักหน้าเชื่อฟังแล้วเดินเข้าห้องไป....

     

    ทั้งสองปล่อยให้เด็กชายไปเล่นกับเด็กในวัยเดียวกันด้วยตัวเขาเองเพื่อให้เกิดการเรียนรู้

    ส่วนพวกเขาก็แยกตัวไปนั่งคุยกับพวกอาจารย์ 2 ท่าน ที่น่าจะเป็น ครูใหญ่ และผู้ช่วย

     

    "เด็กๆเยอะจังเลยนะครับ"

    ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกไป

    "ขนาดแค่ที่สนาม ก็เกือบ แปดสิบคนแล้ว เท่าที่ผมนับ"

     

    หญิงสาวผู้เป็นแม่พยักหน้าให้กับผู้เป็นพ่อ

    "นั่นหน่ะสิคะ ... รู้สึกว่าสถานที่นี้.... จะเยอะกว่า... แต่ก่อน"

     

    "เคยมาที่นี่เหรอคะ ขอโทษด้วยนะคะ ดิชั้นจำไม่ได้เลย ต้องขอโทษมากๆ"

    อาจารย์แก่อายุราวๆ 40 ปีเอ่ยด้วยใบหน้าท่าทางตกใจ

     

    "ป่าวค่ะป่าว ... ขอโทษค่ะ ... ชั้นคง...จำสับสนไปเอง"

    หญิงสาวผู้เป็นแม่นั้นยิ้มแหยๆออกมา

    "กลับเข้าเรื่องเถอะค่ะ...."

    เธอหันไปหาอาจารย์ทั้งสองคนที่ยืนคุยด้วย

     

    "ค่ะ .... อัตราการเกิดตอนนี้เยอะมากๆ แต่ที่หนักกว่า คือปัญหาเกี่ยวกับการไม่รับผิดชอบเด็ก เด็กถูกทิ้ง ไร้ครอบครัว ไม่มีคนรับผิดชอบ หรือมีเด็กที่กำพร้ามากขึ้นทุกๆปี ... สถานเลี้ยงเด็กแต่ละแห่ง ก็ลำบากไปด้วยค่ะ เพราะงบประมาณที่ได้มาจากทางรัฐบาลไม่พอ"

    อาจารย์หญิงผู้มีใบหน้าอายุราวๆ 30 กว่าๆ เอ่ยตอบพ่อของเด็ก

     

    "แย่เลยนะครับ .... แบบนี้"

    พ่อของเด็กถอนหายใจ

    "ออ ... แล้วก็รู้สึกจะเห็นเด็กผู้หญิงเยอะมากเลยนะครับ...."

     

    "ค่ะ .... ถ้าตามที่ดูไว้ ... เด็กผู้หญิงมีมากกว่าเด็กผู้ชาย ถึงสี่เท่าเลยค่ะ แต่ก็เพราะสภาพสังคม และอะไรต่างๆอย่างพวกองค์กร ด้วยหละนะคะ กว่าจะไปถึงจุดนั้น จำนวนประชากรชายหญิง ก็เท่าๆกันห่างกันอย่างมากก็ เหลือแค่สามต่อสี่เท่านั้นเอง"

    อาจารย์วัย 30 เอ่ยต่อ

     

    ผู้เป็นพ่อนั้นพยักหน้า แต่ก็ไมได้เข้าใจคำว่าองค์กรอะไรมากนัก

    "แล้วมีคนสนับสนุนเข้ามาเยอะไหมครับ"

     

    "จริงๆแล้ว ก็เพียงพอ ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่อายุเท่าๆกับลูกของพวกคุณทั้งสองคนแหละค่ะ .... พวกเธอถือว่าเป็นเด็กที่กำพร้าในวัยเล็กมาก..... และก็ไม่มีใครอยากจะรับไปเลี้ยงดู ตอนนี้ ได้แต่ต้องหาคนหวังดีนั่นแหละค่ะ ..."

    อาจารย์หญิงวัย 40 ที่น่าจะเป็นครูใหญ่เอ่ยอธิบายทันที

     

    ".....เอาไงหละคุณ..... อุปการะชั่วคราวพวกเขาไหม?"

    ชายหนุ่มที่เป็นพ่อของเด็กชายหันมาถาม

     

    "ค่ะ ... ชั้นเห็นด้วย"

    หญิงสาวที่เป็นแม่ของเด็กชายเอ่ยต่อด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือ

    ".... ยังไงพวกเราก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้นะคะ..."

     

    "ค่ะ ... ขอบคุณมากๆเลยนะคะ"

    อาจารย์เอ่ยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม.....

     

    .....................

     

    ทางด้านเด็กชายที่แยกตัวออกมาเล่นกับเด็กวัยเดียวกันซึ่งมีเพียง 2 คน

     

    "อี้แหน่ะ อี้แหน่ะ"

    เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเอานิ้วไปจิ้มๆแก้มของเด็กผู้หญิงอีกคน

    เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าน่ารัก มัดผมแกระด้วยยางซ้ายขวา ดวงตาสีน้ำตาลอมแดง ผิวขาวอมชมพู

     

    เด็กผู้หญิงอีกคนที่มีใบหน้าน่ารักน่าหยิกแม้จะดูไม่ค่อยยิ้ม ดวงตาสีดำอมน้ำตาล

    ผิวขาวอมชมพูใสๆ ผมโดนรวบแล้วมัดยางเอาไว้ด้านบนหัว

    เธออมลมแก้มป่อง แล้วโดนจิ้ม จนลมออกปาก

    "พุด!"

     

    เด็กทั้งสองนิ่งไปสักพักหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงตลกๆนั้น

     

    "ฮ้าๆๆๆๆ ฮะๆๆๆ ฮิๆๆๆ"

    เด็กสาวตัวน้อยที่มัดแกระหัวเราะด้วยความตลกขบขัน

     

    "ฮิๆ"

    ส่วนเด็กสาวตัวเล็กอีกคนที่มัดยางกลางหัวก็หัวเราะนิดๆตาม

     

    "ทำอะไยกันอยู่เหยอ"

    เสียงของเด็กชายตัวน้อยดังขึ้นอย่างสนใจระหว่างเดินเข้ามาหาทั้งสอง

     

    เด็กสาวทั้งสองหันหน้ามามองเด็กชายที่เดินเข้ามา

    นิ่งไปสักพัก

     

    "มายด์ตดทางปากได้ ฮิๆๆ ฮะๆๆ"

    เด็กสาวมัดแกระเอ่ยแล้วชี้หน้าของเด็กสาวผมมัดจุกแล้วเรียกมายด์ พลางหัวเราะคิกๆคักๆ

     

    "ทำไมมายด์ตดทางปากได้หยะ"

    เด็กชายนั้นเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆมองหน้าของมายด์

     

    เด็กสาวที่โดนเรียกว่ามายด์นั้นเอ่ยด้วยเสียงที่ฟังไม่ชัด สุดๆ ดูท่าลิ้นของเธอยังไม่แข็งเลย

    "ก็ ยะโยมา อะ .... ยะโยมา เอา ...เอา มือมา จิ้มๆ จอน จอน มายด์ตำแบบนี้"

    ก่อนที่เธอจะอมลมแก้มป่อง

     

    "แย้วมันยังไงเหยอ?"

    เด็กชายเอียงคอไม่เข้าใจ

     

    "ฮิๆๆ"

    เด็กสาวที่โดนเรียกว่า ยะโยมา นั้นหัวเราะแล้วเอามือจิ้มไปที่แก้มของมายด์

     

    "พุด!!!"

    มายด์นั้นทำเสียงออกมา หลังจากโดนจิ้ม

     

    "ฮะๆๆๆ ฮิๆๆๆ"

    ยะโยมานั้นหัวเราะทันทีที่ได้ยินเสียง

     

    "ฮะๆๆๆ"

    เด็กชายก็หัวเราะตาม

     

    แล้วทั้งสาม ก็ผลัดกันเอานิ้วจิ้มแก้มกันไปกันมา

    ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นของเล่นอย่างอื่นกันอย่างสนุกสนาน

    เด็กสาวทั้งสองคนรู้สึกดีและสนุกไปกับเด็กชายเป็นอย่างมาก

    เกิดเป็นมิตรภาพเล็กๆของเด็ก

     

    ที่เขาว่าตอนเด็กๆ เห็นอะไรที่น่าสนุกก็ขำไปหมด

    อาจจะเป็นเรื่องจริง..... ก็เป็นได้

     

    จนในที่สุด ....

    หลังจากแจกของเล่นและของกินให้พวกเด็กๆทั้งหลายแล้ว

     

    ก็ต้องถึงเวลากลับบ้าน

     

    "ยะยะยาม ยะยาม ยะกับแย้วเหยอ ไม่อยุ่กับ กับมายด์ กับยะโยมา เหยอ"

    มายด์ที่ยืนกอดตุ๊กตาที่ได้รับมา

    เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลพราก

    พูดไม่ชัดแล้วยิ่งไม่ชัดเข้าไปใหญ่

     

    เด็กสาวที่โดนเรียกว่า ยะโยมา ก็เช่นกัน

    เธอเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ร้องไห้ ไม่อยากให้เด็กชายกลับ

    ".... อื้ออ พายายาม เพิ่งได้เจอกันเอง ไม่อยากให้กับเยย ... อืออ"

     

    "อื้ออ ... พยายามก็ไม่อยากกับเหมือนกัน แต่ต้องกับ .... ป้อคับ ... เยาจะมากันอีกมั้ยคับ.... "

    เด็กชายนั้นหันไปดึงๆแขนเสื้อคุณพ่อ ก่อนจะหันไปหาคุณแม่

    "นะคับ นะคับ"

     

    "จ้า .... อาทิตย์หน้า .. เราจะมากันอีกนะ... ไม่ต้องกลัว จะพาพยายามมาเจอสโรชากับมายด์เกือบทุกสัปดาห์เลยนะจ้ะ"

    แม่ของเด็กชายที่โดนเรียกว่า พยายามนั้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

     

    "เย้ ... เดี๋ยวพยายามจะมาอีกนะ มายด์ ... ยะโยมาด้วย!"

    เด็กชายเอ่ยดีใจยิ้มหวาน

     

    "ยิงยิงนะ!"

    มายด์รีบหันไปหาแม่ของพยายามแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือไม่ชัด

     

    "มานะ อย่ายืมมานะ!"

    สโรชาเอ่ยต่อ

     

    "อื้อ ไม่ยืม ... ไม่ยืมมาแน่นอน....."

     

    ผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ยิ้มขำให้กับ สามเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่มีความผูกพันกันตั้งแต่วันแรก

     

    ".... เจ้าชู้แต่เด็กเลยนะเนี่ย ... พยายาม"

     

    "แหม คุณหละก็ไปว่าลูกได้ไงคะ"

     

    "ฮ่าๆๆ...."

     

     

    .............................

     

    End Chapter 39 อื้อ ไม่ยืม ... ไม่ยืมมาแน่นอน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×