ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 ก็เราเป็น เพื่อนกันนี่นา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      25
      19 มี.ค. 57

    Chapter 7 ก็เราเป็น เพื่อนกันนี่นา

    "มากินด้วยกันมั้ย ยิ่งตรงส่วนสมองนี่ อร่อยมากๆเลยนะ"

     

    สิ้นเสียงอันแสนน่ารักลงที่ตรงนั้น

    พร้อมกับร่างกายของสโรชาที่โอบอุ้มศีรษะของเพื่อนร่วมห้อง หันตัวมามองผม

    สภาพของศีรษะที่เธอโอบนั้นไร้ร่างกาย ตาเหลือกอ้าปากค้าง หัวบริเวณฝั่งซ้ายแหว่งไป

    ถ้าเป็นช็อคโกแลต คงพอเข้าใจว่ามันแหว่งไปได้อย่างไร

    แต่นี่มันไม่ใช่ช็อคโกแลต

     

    "อุ้บ!!!...."

    ผมนั้น เก็บอาการมานาน แต่ตอนนี้ ... ไม่ไหวแล้ว

    ของเก่าของผมทั้งหมดนั้น ค่อยๆทยอยทะลักออกมาจากกระเพาะ

    และ มันเก็บไว้ภายในอุ้มปากอีกต่อไปไม่ไหว ผมคุกเข่าลงแล้ว ...

    "อ้วก ... แหวะ.... แค่ก .... อ้วกกกก...."

    ผมปล่อยอ้วกลงตรงพื้นห้องน้ำนั้นนั่นแหละ

     

    "มันไม่น่าอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ อ้ามมมม กรุบ ..... กรุบ....."

    สโรชาเอ่ยเอียงคอทำท่าสงสัยดูไร้พิษสง ก่อนจะอ้าปากกัดงับเข้าไปอีกคำแล้วฉีกเอาส่วนสมองยืดออกมาจากภายในกะโหลก เคี้ยวตุ้ยๆ

     

    อ้ากกก!!!! นี่มันบ้าอะไรกันวะ ไม่น่าไปมองเลย ...

    "เธอจะ ... อึก ..... อ้วกกกก!!!!"

    ผมนั้นอ้วกออกมาต่อ โดยไม่อาจหยุดได้

    ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอ เป็นคนแปลกๆ แต่พอเจอเธอเมื่อกี้ ก็คิดว่าเธอคือฆาตกรไร้หัวใจ

    แต่ตอนนี้ ไม่ใช่แล้ว

    ยัยนี่ .... ยัยผู้หญิงคนนี้ ....

    ไม่ใช่คน....

    "อ้วกกก .... โอ้ก ...."

    ผมคายของเก่าระรอกที่สามเข้าไปแล้ว แสบลำคอและท้องไปหมด

     

    ตึก ... ตึก ... ตึก เธอเดินเข้ามานั่งยองๆ

    "ไม่เป็นไรใช่มั้ย ชั้นลูบหลังให้นะ"

     

    ไม่เป็นไรกับผีสิ แล้วก็ออกไปห่างๆตรูเลยนะเห้ย

    "ไม่ ... ไม่เป็นไร กลับไปทานอาหารของเธอเถอะ"

    เหมือนผมจะคายของเก่าออกไปหมดแล้ว มันมีแต่น้ำ และเส้นอีกนิดหน่อย

    ดีจริงๆ ที่ทานมาน้อย ...

     

    เธอมองผมสักพักก่อนจะอ้าปากเอ่ยถาม

    "ไม่ทานด้วยกัน ...."

     

    "ไม่หละ!"

    ผมปฏิเสธทันทีไม่รอให้เธอได้พูดจบ

     

    "อืม"

    เธอพยักหน้าให้ผม แล้วลุกขึ้นเดินไป ทานอาหารของเธอต่อ

    แม้แต่เส้นผม เธอยังยัดเข้าปากไปราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยว .....

     

    แล้วทำไมผมยังต้องมองเธอต่อด้วยวะ

    มันเหมือนความรู้สึกของเด็ก ที่พบกับสิ่งแปลกใหม่ และรู้ว่ามันไม่อันตราย

    แต่ มันสยดสยองเกินไปสำหรับ คนธรรมดาแบบผม

    ถ้านั่นคือ ไก่ หมู วัว ก็น่าสะอิดสะเอียนเพราะ กินสดๆอยู่แล้ว

    แต่นี่ คือ มนุษย์

    แถมยังเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมอีก

    ถึงจะเกือบฆ่าผมตายไปแล้วก็เถอะ

    หรือเพราะ เธอเปลือยกายทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกันแน่ ทำให้ผมละสายตาไม่ได้

    ที่แน่ๆ ผมไม่ได้อยากร่วมวงทานกับเธอด้วย

    ผมค่อยๆดันตัวลุกขึ้น มองภาพสุดท้ายที่เธอกำลังยิ้มหวานหน้าเปรอะเปื้อนเลือดงับหัวของดวงใจ

    ก่อนจะปิดประตูลงแล้วเดินกลับมานั่ง ภายในห้องของเธอ ที่ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ

    ดูแล้วเหมือนจะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน แต่มองออกได้ทันทีว่าเป็นห้องของเด็กผู้หญิงทั่วๆไป

     

    ผ้าปูที่นอนหมอนผ้าห่มสีขาว พับเก็บเป็นระเบียบ

    โต๊ะกระจก ที่มีอุปกรณ์เสริมความงาม วางจัดระเบียบ เรียงอุปกรณ์ให้ใช้งานง่าย

    ชุดรับแขก ที่เป็นโซฟา ขนาดเล็ก นั่งได้ 2 คน 2 ฝั่ง มีโต๊ะวงกลมอยู่ตรงกลางประดับด้วยตุ๊กตากระต่าย

    คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสีดำเทา ที่วางอยู่ด้านข้างหมอนก็ไม่ได้ดูสะดุดตาอะไร

    พื้นเป็นไม้เนื้อขัดมันอย่างดี

     

    ผมนั่งลงเงียบๆ ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้

    ถ้าหนีขึ้นมาอาจจะเป็นเรื่องใหญ่

    ถ้าอยู่ต่อไป ผมจะโดนเธอกินไหม .... ไม่น่าโดน

    เธอดูเป็นมิตรกว่าที่ผมคิดไว้

    ผมคิดว่า ผมน่าจะเชื่อเธอได้ เพราะ .... เสี้ยวแวบหนึ่งที่ผมมองเธอ

    เธอช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมายด์

    ถึงจะไม่ได้เหมือนทั้งหมดก็เถอะ นับรวมไอ้วัฒนธรรมการกินนั่นด้วยก็แล้วใหญ่

    ............................

    ..................

     

    ผมนั่งรอเธอราวๆ 20 นาทีเศษ ก็ได้ยินเสียงอาบน้ำ...ดังออกมา

    นาฬิกาดิจิตอลแบบแขวนภายในห้อง บอกเวลา 17.02 น.

    ผมนั่งจ้องมันไปนานพอดู เพราะคิดอะไรไม่ออก เนื้อตัวก็เหนียวเหนอะ เปรอะเปื้อน

    ไม่กล้าทำอะไรมาก กลัวจะเลอะห้อง .... ถึงมันจะมีรอยเลือด ลากเป็นทางอยู่บ้างก็เถอะ

    ผมต้องรอต่อไปอีก เกือบ 40 นาที ถึงจะได้ยินเสียงปิดน้ำ

    ถึงจะไม่ใช่มนุษย์ หรือ เป็นพวกผีดิบยังไงก็เถอะ แต่ก็เป็นดาราสินะ ... ผมคิด

    เวลาตอนนี้ก็ 17.40 น . เข้าไปแล้ว

     

    แอ้ด .... เสียงเปิดประตูนั้นเรียกให้ผมหันไป

    เธอเดินออกมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หุ่นของเธอสวยเข้ารูปและงดงามจริงๆ

    เอาชุดทั้งหมดวางใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำ

    แล้วเปิดตู้ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำออกมาเพื่อหยิบชุด

    ก่อนจะมองมาทางผม

     

    ผมนั้นรีบหันกลับไปดูนาฬิกาแขวนต่อ

     

    "พยายาม ... จะมองก็ได้นะ ..... ยังไงพยายามก็เป็นผู้ชาย .... ชั้นรู้ว่าพยายามชอบมองร่างกายเปลือยเปล่าของผู้หญิง"

    เธอเอ่ยออกมาได้หน้าตาเฉย ราวกับอนิเมะแนวเซอร์วิส

     

    ขอโทษเถอะ ตรูไม่ได้มีอารมณ์มองแบบนั้นแน่ๆ ในตอนนี้

    "รีบแต่งชุดเถอะ .... เธอจะเล่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เหรอ"

     

    สโรชาหันมามองผมด้วยรอยยิ้มหวานๆ

    "จะเล่าเฉพาะเรื่องที่พยายามถามเท่านั้นหน่ะ เรื่องที่ไม่ถาม จะไม่เล่า เพราะงั้น ถามให้ครบแล้วกัน"

    เธอหยุดนิ่งไปสักพัก

    "...อ้อ! ไม่เอาคำถาม กว้างๆนะ ขอแคบๆ ที่สามารถเล่าได้ง่ายๆหน่ะ"

     

    นี่คุณเธอจะหัวหมอไปหรือป่าว

    ไม่หละ ก็ถูกของเธอ ถ้าผมถามว่า -เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง-

    คงจะโกงเธอจริงๆนั่นแหละนะ

     

    ตอนนี้ผมได้ยินเสียงบางอย่าง เมื่อเหลือบไปมอง ก็เห็นว่าเธอนั้นใช้เวทย์บางอย่าง ย้ายตำแหน่งคราบเลือด ที่เปรอะทั้งห้อง มาไว้ภายในแก้ว ... แล้วเอาไปแช่ตู้เย็น

    ไม่มองต่อดีกว่า ชักจะจินตนาการออกแล้วสิว่าเก็บไว้ทำอะไร

     

    ผมนั่งนิ่งเงียบ อยู่สักพัก เธอก็เดินมานั่งที่พื้นข้างๆผม ผมอยากจะกระเถิบหนีเหลือเกินแต่ไม่กล้า

    "ไม่อาบน้ำก่อนเหรอ?"

    เธอถามเสียงนิ่มๆ ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

     

    "ไม่ไหวหละ .... ห้องน้ำ นั่น ...."

     

    สโรชาเอ่ยตัดคำพูดผมทันที

    "ชั้นทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะ ไม่ต้องกลัวเรื่องวิญญาณหรือผีหรอก ชั้นกินเข้าไปหมดแล้ว"

     

    นั่นแหละโว้ยยยยย!!! ที่ตรูกลัว

    เธอพูดออกมาได้หน้าตาเฉยได้ไงวะ ว่ากินทั้งคนทั้งวิญญาณไปหมดแล้ว

    เธอมันตัวอะไรกันแน่เนี่ย

    "เธอเป็นใครกันแน่!!"

     

    "หมายถึงตัวชั้นเนี่ยเหรอ"

    สโรชาชี้นิ้วใส่ตนเอง

     

    "เออ สิ ...."

    ผมตอบไปตามตรง

     

    "ฮะๆ ยังงี้นี่เอง ชั้นชื่อ สโรชา อายุ 18ปี เกิด 7 กุมภาพันธ์ สูง 166 เซนติเมตร น้ำหนักบอกไม่ได้ อาชีพเบื้องหน้าก่อนหน้านี้เป็นเน็ตไอดอล ตอนนี้ลาออกมาแล้ว ...."

     

    ผมนั้นหันไปมองด้วยสีหน้าจริงจัง

    "ไม่ใช่ ... ชั้นจริงจังนะ!!! เธอเป็นตัวอะไรกันแน่!!!! ทำไม ถึงกินคนด้วยกันเอง!!"

    เสียงของผมอาจจะดูโกรธเกินไป ... ผมรู้สึกตนเองได้ เมื่อเห็นเธอหยุดนิ่งมอง

    "ขอโทษ ... ชั้นยังตกใจอยู่ และ.... ยังกลัวเธออยู่ด้วย"

    ผมเอ่ยสั่นๆ เหงื่อตก

     

    "ไปอาบน้ำก่อนนะ ชั้นจะเตรียมผ้าขนหนูให้ เดี๋ยวจะยืนหน้าห้องน้ำไป เล่าไป.... ไม่เข้าไปรบกวนหรอก"

    เธอนั้นจับมือผมแล้วเอ่ยบอกเมื่อเห็นผมสั่นกลัว

    มือของเธออุ่นจนผิดคาด ผมนึกว่าเธอจะเลือดเย็นกว่านี้เสียอีก

     

    "ก็ได้..."

    ผมตัดสินใจตามนั้น หลังจากโดนเธอที่น่าจะเป็นฆาตกรปลอบ

    แล้วค่อยๆลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ

    "หมดไปแล้วจริงๆด้วยแฮะ"

    ผมถึงกับต้องอุทานขึ้น เมื่อเห็นว่าห้องน้ำนั้นสะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่มีซากหรือร่องรอยเลือดหลงเหลือเลย

    แม้แต่ศพ .... ให้ตายเหอะ ภาพหลอนนั่นยังอยู่ในหัวผมอยู่เลย

    เธอคงจะใช้พลังแบบเดียวกันกับเมื่อตอนย้ายเลือดจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง

    บางที .... อาจจะย้ายเข้าท้องไปแล้วก็ได้

    ผมเริ่มปลดเสื้อผ้าออกแล้วเปิดฝักบัวไปทางน้ำอุ่น ก่อนจะหันที่ประตู

    คงไม่มีดวงตาอันหลอกหลอนกำลังจ้องมองเข้ามาหรอกนะ

    .... ..........

    อืม ไม่มี ผมหายใจได้โล่งอกทันทีกลัวว่าจะเป็นแบบในอนิเมะแนวยันเดเระ

     

    "พยายามอาบสบายมั้ย"

    เสียงของสโรชาดังออกมาจากนอกห้องน้ำ จากตำแหน่งน่าจะอยู่ติดกับประตูเลยหละ

     

    "ยังไม่ทันได้อาบเลย"

    ผมเอ่ยกลับไป ... ขอร้องหละ อย่ามาใส่ใจไอ้เรื่องแบบนี้ได้มั้ย

     

    "ชั้นเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะ ส่วนสบู่หรือครีมก็ใช้ได้เลย"

     

    "อืม ....."

    ว่าแต่ คุณเธอครับ คุณเธอมีเสื้อผ้าไซส์ผมด้วยเหรอครับ?

     

    ผมนั้นเริ่มล้างตัวช้าๆ

    ก่อนจะเริ่มนึกคำถามแรก คำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ

    "เธอเป็น..... อะไรกันแน่หน่ะ สโรชา ..."

    ผมถามออกไปทันทีหลังจากที่คิดคำถามได้

     

    "ตัวชั้นในตอนนี้ ... เป็น... ผู้ฝ่าฝืน"

    เธอตอบผม

     

    ผู้ฝ่าฝืน ? เออ มาถึงจุดนี้ ถ้าพูดแค่นั้นใครจะไปเข้าใจวะ

    แต่ผมยังไม่ขัดคำพูดของเธอ ปล่อยให้เธออธิบายต่อ

     

    "ถ้าอธิบายต่อว่า ผู้ฝ่าฝืน คืออะไร มันก็คือกลุ่ม องค์กร ที่ทดลองมนุษย์ขึ้นมา เพื่อใช้งานในรูปแบบกึ่งเวทย์กึ่งวิทย์....."

    เธออธิบาย โดยตีความได้ว่า

    องค์กรผู้ฝ่าฝืน นั้น เป็นองค์กรที่จะทดลอง และเลี้ยงดูเหล่าเด็กที่ไม่มีครอบครัว หรือที่เป็นครอบครัวที่มีสายมาจาก กลุ่มผู้ฝ่าฝืนเอง

    การทดลองนั้น จะเรียกว่าทดลองทั้งหมดก็ไม่ใช่ อาจจะต้องผนวกกับคำว่า -สร้าง- มนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์ ที่มีพลังของเวทมนตร์ ผนวกเข้าไปด้วย ทำให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

    หาก เวทยาศาสตร์ต้องใช้จินตนาการ พลังของมนุษย์ ประสบการณ์ที่ผ่านมาและธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง

    วิทยาศาสตร์ ต้องใช้ จินตนาการ ประสบการณ์ที่สั่งสมมา หลักการขั้นตอนและทฤษฎี

    ตัวผู้ฝ่าฝืน ก็คือผู้ที่สามารถผนวกทั้งหมด แล้วแหวกกฎพวกนั้นทิ้งไป

    ผู้ที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมา จะเป็นสิ่งมีชีวิตรับใช้ ที่แข็งแกร่ง และไม่สามารถขัดขืนองค์กรได้

    เพราะขั้นตอนการสร้างนั้น แม้สโรชาจะไม่รู้รายละเอียดมากนัก

    แต่ก็รู้ว่า องค์กรจะใส่สารทางวิทยาศาสตร์และเวทยาศาสตร์ลงไปคู่กัน โดยจะมีตัวที่คอยควบคุมความประพฤติ แบบอัตโนมัติ ที่ซับซ้อนยากที่จะเข้าใจหลักการทำงาน หากเพียงแค่ คิดจะทรยศ ร่างกายและสมองจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส และถ้าหากปฏิบัติสิ่งที่คิด เพียงไม่ถึงเสี้ยววิ สมองจะหยุดทำงาน และหัวใจจะหยุดเต้นทันที

    แน่นอนว่า สิ่งเดียวที่จะสามารถหนีจากกลุ่มนี้ได้ คือ ความตาย

    ในเรื่องของพลังนั้น ถ้าพูดง่ายๆ แค่ฟัง ใครก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า มันคือพลังที่สะดวกมาก

    ไม่ต้องการการเรียนรู้มากนัก แต่ต้องใช้การฝึกฝน เพื่อให้พลังของตนเอง พัฒนาขึ้น

    ร่างกายของผู้ที่บรรจุพลังลงไปก็สำคัญ

    ส่วนเลขที่อยู่บนดาบนั้น คืออันดับ และความแข็งแกร่ง โดยจะมีการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ทุกๆ 1 ปีแล้วจึง ปรับอันดับให้ใหม่โดยอัตโนมัติ ซึ่งสมาชิกทุกคน

    จำเป็นจะต้องไปหาหัวหน้าสาขาของตนหรือไปที่องค์กรย่อยต่างๆ

    เพื่อเปลี่ยน นัมเบอร์ ตามผลที่ประมวลออกมา

    แน่นอนว่า ในทางการทำงานแล้ว สมาชิกทุกคนจะเรียกกัน ด้วยหมายเลข หรือนัมเบอร์นั่นเอง

     

    ผมยืนนิ่งแช่น้ำฟัง เรื่องราวทุกอย่างพลางกลืนน้ำลาย อึกใหญ่

    ผมควรจะถามอะไรต่อไปดี แม้จะมีคำถามที่อยากถามมากที่สุด ก็ต้องเก็บไว้ก่อน

    ที่แน่ๆ เธอต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน เพราะเท่าที่เห็น ดวงใจ มีหมายเลขอยู่ที่ 3224

    ส่วนตัวสโรชา อยู่ที่ 174 มันยังมีไอ้ฮู้ดดำอีกเป็นพันเลยเหรอฟระ!

    "แล้วเรื่องอันดับของเธอ ... มันยังมีไอ้ตัวใส่เสื้อกันฝนสีดำ อยู่อีกเป็นพันเลยเหรอ!"

     

    เธอนั้นตอบรับ ก่อนจะเอ่ยต่อ

    "อื้ม... จริงๆแล้วเป็นแสนเลยหละ เฉพาะในประเทศเราเองก็มีราวๆ หนึ่งพันยี่สิบสี่คนได้ อ้อ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ.... เพราะ ถ้านับอันดับภายในประเทศเราแล้ว ชั้นอยู่อันดับ 1 หละ ฉะนั้น ชั้นจะปกป้องเธอเอง"

     

    -ผมจะปกป้องคุณเอง-

     

    อะไรกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเห็นภาพซ้อนอะไรสักอย่างที่เคยเห็นในฝัน แต่นึกไม่ออก

    ............

    ช่างมันเถอะ ที่แน่ๆ ที่ต้องตกใจคือ

    "มี อีกเป็นแสน แล้วเฉพาะในประเทศเรา มีเป็นพัน!!! บ้าไปแล้ว นี่แสดงว่า ไอ้อันดับ สามสองสองสี่ นั่นมันก็เป็นระดับหัวกะทิเลยหน่ะสิ!!"

    ผมร้องตะโกนด้วยท่าทางอึ้งทึ่งและเครียดหนัก ระหว่างในมือถือขวดสบู่เหลว

     

    "อื้ม สามสองสองสี่ ถ้านับกันจริงๆ ก็ ติด หนึ่งในห้า ของประเทศเราเลยหละนะ แต่เธอไม่ได้เก่งตอนช่วงใช้พลังปกติ ออกจะอ่อนด้วยซ้ำ เพราะมีข้อจำกัดเยอะ เธอจะเก่งมากตอนอัญเชิญ เก่งชนิดที่ชั้นอาจจะสู้ไม่ได้เลยหละ"

    เธอตอบ ฟังแล้ว รู้สึกจะเสียงระรื่นมาก

     

    ไอ้คนในองค์กรนี้ มันฆ่าคน กินคน แล้วยิ้มได้หน้าตาเฉยแถมยังทำเสียงระรื่นแบบนี้ได้เลยเหรอไงกัน

    "แล้วพลังของผู้ฝ่าฝืน มันมีหลักการอะไร ยังไง แล้วมันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง"

    ผมถาม ระหว่างถูสบู่ไปตามร่างกาย กลิ่นสบู่ราคาแพงนี่มันหอมจริงๆให้ตายเหอะ

     

    "แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันซะด้วยสิ พูดยากหละนะ เอาของคนที่ชั้นพอจะรู้ก็แล้วกัน อย่าง ของ สามสองสองสี่ นั่นเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎแรงโน้มถ่วงและภาพลวงตา ระดับสี่ จากทั้งหมด สิบ ระดับ สามารถจะเปลี่ยนแรงโน้มถ่วงต่างๆได้ดั่งใจนึก และควบคุมทิศทาง ผลักดึงได้หมด ส่วนภาพลวงตาก็สามารถจะลวง ให้เห็นสถานที่ต่างๆบิดเบี้ยวหรือผิดเพี้ยน ไปจนถึงดึงศัตรูเข้าไปในโลกลวงตาคู่ขนานได้ "

     

    "แบบนั้นมันไม่โกงไปหน่อยเหรอ แล้วทำไม ถ้ามันจะฆ่าชั้น ไม่ใช้แรงโน้มถ่วงนั่นฆ่าไปเลยหละ"

     

    "ที่เป็นได้แค่ระดับสี่ เพราะมีข้อจำกัดอยู่เยอะ คือ ในการใช้พลังได้นั้น จะต้องอยู่ภายในอาณาเขตที่เธอกางไว้ ซึ่งกางได้เพียงครั้งละหนึ่งอาณาเขต กว้างได้ประมาณห้าร้อยเมตร ยาวได้ราวๆสองกิโลเมตร โดยเธอจำเป็นจะต้อง ทำสัญลักษณ์ เพื่อแสดงอาณาเขต ทุกๆสิบเมตร ถ้าเห็นจุดที่เธอโผล่ออกมาโจมตี หละก็ แสดงว่า เธอได้กางอาณาเขตไว้ในจุดนั้นเรียบร้อยแล้ว แล้วถ้าหากเธอจะไปกางอาณาเขตใหม่ จำเป็นต้องลบ สัญลักษณ์ออกจากอาณาเขตเดิม อย่างน้อย หนึ่ง ใน สี่ เสียก่อน "

     

    ผมชักเข้าใจหน่อยๆแล้วหละ ว่าทำไม ดวงใจถึงโผล่มาจัดการผม ได้แค่ แถวบริเวณห้างสรรพสินค้าเท่านั้น

     

    "ข้อเสียต่อมา คือ พลังของฝ่าฝืนแรงโน้มถ่วงจะใช้ได้เมื่อเข้าเงื่อนไขสองอย่างได้แก่ หนึ่งสามารถมองเห็นได้ สองต้องอยู่ห่างจากสิ่งมีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะหรือมนุษย์อย่างน้อยสิบเมตร ยกตัวอย่างเช่น เธอไม่สามารถจะร่ายพลังเพื่อเปลี่ยนแรงโน้มถ่วงใส่มนุษย์ได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแรงโน้มถ่วงของอาวุธที่ศัตรูถืออยู่ได้ พลังฝ่าฝืนภาพลวงตาก็เช่นกัน เธอสามารถสร้างได้แต่ สิ่งไม่มีชีวิตภายในอาณาเขตเท่านั้น แถมยังต้องยึดกฎเดียวกับพลังฝ่าฝืนแรงโน้มถ่วงด้วย แต่มัน ... ก็มีลักษณะพิเศษคือ หากความคิดของผู้ที่อยู่ในอาณาเขตนั้น คิดว่าตนเองตาย เพราะภาพลวงตาพวกนั้น คนผู้นั้นก็จะตายจริงๆ"

    สโรชาอธิบายยืดยาว จนผมถูสบู่เสร็จ

     

    "ขอใช้ แชมพูได้มั้ย"

     

    "อื้ม ได้สิ"

     

    เอาหละ ผมเข้าใจหลายๆอย่างแล้ว

    แม้มันจะเป็นพลังและความสามารถที่โกงมาก

    แต่มันก็มีข้อจำกัดที่เยอะมาก มากเสียยิ่งกว่าข้อดี

    ตอนนี้ ควรจะ ถามคำถามที่ผมอยากจะถามที่สุด ... เดี๋ยว ยังก่อน ยังมีเรื่องต้องถามอีก

    ส่วนเรื่องพลังของเธอ ผมควรจะถามด้วยเลย

    "พวกคนในองค์กร .... กินมนุษย์เป็นอาหารเหรอ?"

     

    "ป่าว ไม่มีใครกินหรอก คนในองค์กรก็คนปกติกันหมดแหละ ทานไก่ทอด ข้าวผัดกระเพราตามปกติ"

     

    บ้าไปแล้ว!!! แล้วที่เธอยัดเข้าปาก ฉีกออกมากินเข้าไปนั่นมันอะไรฟระ

    ขนมปังหน้าคนสอดไส้เฮฟเว่นบลูบอยเรอะ

    ไม่ ไม่ใช่แน่ๆ นั่นดวงใจจริงๆ มีกะโหลกและกระดูกชัดเจน

    ต้องถามย้ำอีกสินะ

    "ชั้นหมายถึง .... ที่เธอกินเข้าไปหน่ะ.... มันทำให้สงสัยว่า เธอเป็น ... ขอโทษนะ ต้องพูดแบบนี้ ถึงจะเสียมารยาท ... เธอเป็นตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงกินคนเข้าไป"

     

    สโรชานิ่งไปสักพักแล้วตอบกลับมา

    "อ๋อออออ!!"

     

    ไม่ต้องมาอ๋อเลยเห้ย น่ากลัว ยัยนี่น่ากลัวโว้ยยยยย

    ผมที่กำลังสระผมด้วยยาสระผมชั้นดีพลางหลับตานั้น

    ถึงกับตัวกระตุกฟองเข้าตาหน่อยๆ เลยหละ

    ดีนะ ที่มันดีต่อผิวและดวงตาด้วย เลยไม่แสบมาก

     

    "ชั้นคือสโรชา ..."

     

    "ขอดีๆ ได้มั้ย"

    ผมเอ่ยขัดเธอทันที

     

    "ชั้นตายไปแล้วไง ... ทำให้หลุดจากสารที่คอยควบคุมให้หยุดการทำงานของหัวใจและสมองได้ แต่เพราะฟื้นขึ้นมาใหม่ พยายาม ไม่เคยดูหนังพวก ซอมบี้เหรอ?"

     

    "อ่า ... เคย"

     

    "ชั้นไม่เชิงว่าเป็นซอมบี้หรอกนะ ไม่ต้องกินมนุษย์สดๆ หรือศพของมนุษย์ หรือแม้แต่ของสดอื่นๆ ก็ไม่ต้อง ถึงจะคล้ายๆซอมบี้ก็เถอะ แต่จริงๆ ชั้นก็กินอาหารตามคนปกติได้ โดยไม่ตายหรือพลังลดลงหรอก"

     

    "แล้วเธอจะกินทำไมไม่ทราบฟระ!!!!"

     

    "หนึ่งเลยทำลายหลักฐาน .... สอง ..... มันหอม ... นี่นา .... มันหอมมาก ยิ่งได้ดมกลิ่นเลือด กลิ่นตับ .... กลิ่นสมองของคนที่ผู้หญิงที่ตายแล้ว มันหอม .... พอกิน .... มัน ... อร่อยมาก .... ยิ่งตรงสมอง ... ยิ่งอร่อย~~ พยายามลองจินตนาการดูสิ ถ้าสมมุติว่าพยายามชอบทานกุ้งมากๆ โดยเฉพาะมันกุ้ง พยายามจะไม่บิดหัวกุ้งมา แล้วดูดมันกุ้งอย่างเอร็ดอร่อยเหรอ~ ... ก่อนจะตามด้วยการขบลำตัวกุ้งเข้าไปหลังจากที่แกะเปลือกออก ... อ่า อร่อย อร่อยมากๆ~~"

    เธอเอ่ยเสียงเอื้อนเอื้อย ราวกับสุนัขเพศเมียกำลังติดสัตว์ยังไงยังงั้น

     

    โอ้ยยย ขนลุก ขนลุกเว้ยยยย ผมเครียดไปล้างผมไป

    ยัยนี่สมองไม่ปกติแน่ๆ

     

    "อ้ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะ ชั้นไม่กินคนเป็นๆ หรือฆ่าคนเป็นๆมากินหรอก พยายาม"

    เธอนั้นเหมือนรู้ตัวว่าผมต้องกลัวแน่ๆ

     

    "อ่า ...."

    มันเล่นเอาผมนึกคำถามต่อไปไม่ออกเลย

    ในระหว่างที่ร่างกายของผมโดนชำระล้างเรียบร้อยแล้ว

    อ่าใช่ ก็ยัยนี่มันฟื้นขึ้นมาจากความตายนี่ ....

    ผมนั้นเพิ่งจะนึกประเด็นสำคัญต่อได้ คำถามต่อไป แต่ต้องออกจากห้องน้ำก่อน

    "ชั้นจะออกจากห้องน้ำแล้วนะ เธอวางผ้าไว้หน้าห้องน้ำใช่มั้ย"

     

    "อื้อ ออกมาได้เลย"

     

    "อืม..."

    ผมตอบรับแล้วเดินออกมา ก่อนจะพบว่าเธอจ้องมองอยู่หน้าห้องน้ำไม่ไปไหน

    "ชิบหาย!! จะบ้าเหรอ!"

    ผมรีบก้มตัวหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วปิดประตูห้องน้ำทันที

     

    "ไม่เอาน่าพยายาม ของพยายามไม่ได้เล็กอะไรสักหน่อย"

    เธอเอ่ยด้วยแววตาประกายแสงวิ้งๆ

     

    "ไม่ใช่แล้ว สโรชา นี่เธอเป็นผู้หญิงจริงๆเหรอเนี่ย!"

     

    "ผิดด้วยเหรอที่เป็นผู้หญิงแล้วจะไร้ยางอายไม่ได้หน่ะ .... ชั้นไม่ได้ไร้ยางอายพร่ำเพรื่อหรอกนะ พยายาม..."

    สโรชาเอ่ยเสียงขำๆ

     

    นั่นสิ .... ว่าไปแล้ว ทำไมเธอจะต้องมาช่วยผม ... นั่นคือสิ่งสำคัญ

    แล้วเธอ ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ยังไงกัน

    "เธอ ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ยังไงกัน"

    ผมเอ่ยระหว่างเช็ดตัวภายในห้องน้ำ

     

    "ก็แบบว่า ... นั่นสินะ ลืมไปแล้วหน่ะ ... ชั้นรู้สึกเหมือนมันดำมืดแล้วสว่างอีกครั้ง ... แล้วชั้นก็จำไม่ได้เลยว่าทำไมถึงได้ ฟื้นคืนชีพขึ้นมา"

     

    ไม่รู้งั้นเหรอ

    "เธอไม่ได้โกหกใช่มั้ย"

     

    "ใช่ ชั้นสัญญา ชั้นจำไม่ได้จริงๆ"

     

    "ไม่ต้องสัญญากับชั้นหรอก สถานะของชั้นตอนนี้ต่ำกว่าเธอเยอะเลย"

    ผมเอ่ยกลับไป

     

    "ฮ่าๆๆ นั่นสินะๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา"

    สโรชาหัวเราะเสียงหวาน

     

    เอาหละ เหลือแค่ สองคำถามสุดท้าย ถ้าไม่มีอะไรมาแทรกเพิ่มให้กวนใจผมอีก

    "แล้วทำไมชั้นถึงถูกดวงใจ ตามฆ่า เธอไม่พอใจอะไรชั้น"

     

    "คำสั่ง ... จากองค์กร ให้ฆ่าพยายามหน่ะ ... นั่นคือสิ่งที่ชั้นรู้ทั้งหมด นอกนั้นชั้นไม่รู้หรอก สามสอง... ไม่สิ ดวงใจเองก็คงไม่ได้อยากจะฆ่า พยายามหรอก แต่พวกคนในองค์กร ขัดคำสั่งเบื้องบนไม่ได้หน่ะ"

     

    ยังงั้นเองเหรอ ไม่บอกเหตุผล แต่สั่งให้มาฆ่าเราเนี่ยนะ

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมอาจจะไปล่วงรู้ความลับอะไรสักอย่าง

    หรือมีอะไรสำคัญสักอย่าง อย่างที่ มายด์เคยบอกเอาไว้

    ไม่สิ แล้วยัยนั่นจะไปรู้เรื่องของอนาคต หรือองค์กรได้ยังไงกันฟระ

    "แต่เธอเป็นคนขององค์กร ถึงจะตายและไม่ต้องฟังคำสั่งแล้วก็เถอะ ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรเลยที่เธอจะต้องมาปกป้องชั้น"

     

    ".............."

    สโรชาเงียบไปพักหนึ่ง

     

    "เห้ สโรชา"

     

    "ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน"

    เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่หงอยลงได้ชัด

     

    "ไม่รู้?"

     

    "อือ ชั้นไม่รู้ ชั้นจำได้ว่า ชั้นถวายชีวิต ทั้งกายทั้งใจ ให้กับองค์กร โดยทำงานเป็นเน็ตไอดอลบังหน้า แต่ชั้นจำไม่ได้ ว่าชั้นตายได้ยังไง ตายได้อย่างไร และเพราะอะไรชั้นถึงตาย

    เธอตอบคำถามผมออกมา ด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจและสั่นเครือในช่วงแรก

    "แต่พอฟื้นขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ชั้นต้องการ และจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตของชั้นมันเปลี่ยนไป ชั้นต้องการที่จะ .... ปกป้องพยายาม ใช่ ... ชั้นจะทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องพยายามเอง"

    แต่เธอกลับพูดได้อย่างเต็มปากในช่วงหลัง

     

    "สโรชา .... ถึงชั้นจะไม่เข้าใจก็เถอะ แต่ ... ขอบคุณมากนะ"

    ผมนั้นไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่เธอเก่งขนาดนี้ แล้วยังมาเลือกปกป้องผม

    ผมคิดว่า เธอคงไม่ได้โกหก ถึงจะมีอะไรแอบแฝง ก็ขอฝากชีวิตให้เธอปกป้องก่อนแล้วกัน

    จนกว่าผมจะมีพลังเวทย์

    จนกว่าผมจะสามารถใช้พลังเวทย์ได้

    ใช่เป้าหมายใหม่ของผม

    ผมต้องจัดการองค์กรนั้นให้ได้ ที่มันทำกับมายด์เอาไว้

     

    ผมเปิดประตูออกมาเพื่อจะเอาชุดที่สโรชาเตรียมไว้ให้ ก็ต้องพบว่า

    เธอนั้น กำลังดอมดมชุด เสื้อผ้าที่จะให้ผมใส่อยู่

    "ทำบ้าอะไรหน่ะ"

     

    "ก็มันหอมนี่นา .... หอมมากๆ .... หอมกว่าศพของสามสองสองสี่อีก"

    เธอเอ่ยเสียงลูกหมาติดสัตว์อีกแล้ว

     

    "อะ เอามาให้ชั้นใส่เถอะ"

     

    "นี่จ้ะ"

     

    เธอยื่นเสื้อผ้านั้นมาให้ผม

    ผมนั้นถอยกลับเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มใส่เสื้อผ้า

    เห้ย นี่มันเสื้อผ้าของตรูนี่หว่า ....

    "เธอ ... หายตัวไปเอาชุดจากบ้านชั้นมาให้งั้นเหรอ?"

    ผมเอ่ยแล้วเปิดประตูออกไปหลังใส่เสื้อเสร็จ

     

    สโรชานั้นเอามือมาจับแก้มของตนเองหายใจฟืดฟาด.... ใบหน้าแดงระเรื่อ

    "เปล่าสักหน่อย พยายาม ชั้นหน่ะ ขโมยมันมาแต่แรกแล้ว .... ขโมยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว .... มันอดใจไม่ไหวนี่นา ก็กลิ่นของพยายามหน่ะ หอมมาก .... หอมจริงๆ ไม่แน่นะ ที่ชั้นพยายามจะปกป้องพยายามหน่ะ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า กลิ่นของพยายามหอมมากๆก็เป็นได้ หอมจนชั้นจะต้องปกป้อง เพื่อเอาไว้ดอมดมแค่คนเดียวยังไงหละ"

     

    ผมได้มองเห็น ... ใบหน้าของผู้หญิงผู้สวยงามและอ่อนหวาน

    กำลังยิ้มอย่างหื่นกามก็ไม่ใช่ บ้าคลั่งก็ไม่เชิง

    เอามือจับแก้มส่ายร่างกายและบั้นท้ายไปมาระหว่างเอ่ยเรื่องกลิ่นของผมได้หน้าตาเฉย

    วินาทีนั้นเองที่ผมได้แต่คิดว่า

    เอาแล้วไงกู .... ผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะสวย เก่ง เป็นดารา เป็นนักฆ่า เป็นคนขององค์กรลึกลับ เป็นซอมบี้  เป็นคนผู้มาปกป้องผม เป็นคนที่มีความลึกลับแล้ว

    ผมยังได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ เป็นโรคจิตเสียยิ่งกว่าคนทั่วๆไป จะเป็นได้

     

    เธอเอนตัวลงแล้วมองผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    "ต่อจากนี้ไป .... ไม่ต้องกลัวนะ จนกว่าพยายามจะเก่งกว่าชั้น ชั้นจะ .... ดูแลพยายามเอง และเมื่อถึงตอนนั้น พยายามก็ต้องดูแลชั้นบ้างนะ เข้าใจมั้ย .... ก็เราเป็น เพื่อนกันนี่นา..."

     

    "................."

    ผมเหงื่อตก มองไปที่ตัวเธอปากสั่น ไม่รู้จะพูดอะไร

    แต่รู้สึกเหมือนจะต้องพูดอะไรสักอย่างออกไป เพื่อตอบรับ

    "อ่า ก็เราเป็น ... เพื่อนกัน นี่นะ..."

    End Chapter 7 ก็เราเป็น เพื่อนกันนี่นา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×