ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #83 : Chapter 53 มาทำสัญญากับชั้น แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิก.......กันเถอะ!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 638
      7
      10 เม.ย. 57

    Chapter 53 มาทำสัญญากับชั้น แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิก.......กันเถอะ!

     

    "เรื่องพูดรายละเอียด ไม่รู้จะตอบยังไงจริงๆหน่ะ .... เอาเป็นว่าจริงๆแล้ว ชั้นสามารถ อัญเชิญปีศาจ ออกมาฆ่าคนได้ก็เท่านั้นแหละ .... ซึ่งตอนนี้ พวกปีศาจก็ใช้วิธีเดียวกับที่ชั้นทำอยู่นี่สิงร่างคนขององค์กรเธออยู่ เท่านั้นหละ ถ้าจะถามว่าทำยังไงหละก็ ชั้นตอบเป็นรายละเอียดลึกๆไม่ได้ เพราะชั้นไม่ได้ทำเองเป็นการอัญเชิญปีศาจพวกนั้นออกมา แล้วปีศาจพวกนั้นก็ทำ โอเคมั้ย"

    โอเค ตัดสินใจบอกไปแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว

     

    "........."

    เด็กสาวนิ่งไปแปปหนึ่ง

     

    ".... เห้...."

     

    "อะ .... โทษที .... ชั้นไม่คิดว่าจะมีใครที่มีพลังคล้ายชั้นแค่นั้นแหละ เลยอึ้งนิดหน่อย .... "

    เด็กสาวได้สติสะบัดหน้าแล้วตอบ

     

    "คล้ายเธอเหรอ?"

     

    "เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ถ้าบอกว่านายมีพลังอัญเชิญ ที่สิ่งอัญเชิญสามารถฆ่าชีวิตคนได้ขนาดนั้น ...... นั่นก็คงจะเป็นประเด็นสำคัญแล้วหละ .... ว่ามันหมายความว่ายังไง .... และมันก็ง่ายมาก .... ถ้านายไม่ได้ใช้ลูกเล่นตุกติก เลย นอกจากเรื่องพวกนี้ที่เล่ามา"

    เด็กสาวเอ่ยบอก  คิดไปแปปหนึ่งแล้วกุมหัว

    ".... บ้าจริงๆ อย่าบอกนะว่า เรื่องตื้นๆแค่นั้น ...."

     

    "ตื้นๆแค่นั้น?"

    ผมเอ่ยถามกลับไป

     

    "...... คิดว่ายังไงกับ การกีฬาเวทย์หละ?"

    เด็กสาวถามผมกลับมา ขอโทษเถอะ ....

     

    ถามเรื่องแบบนั้นมา จะตอบอะไรหละครับ

    คนละประเด็นหรือป่าวฟระ

    ไม่ๆ ... เธออาจจะมีเหตุผล ตอบไปตามตรงละกัน

     

    "ก็นะไม่มีอะไรมากหรอก .... ชั้นก็แค่คิดว่าน่าสนใจดี ถ้าเรียนจบที่เวทยาลัยแล้ว ชั้นอาจจะเข้าร่วมกีฬาเวทย์ เผื่อประเทศของเรา จะชนะเลิศการแข่งขันบ้าง บอกตรงๆเลย พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ทีไร ปวดใจทุกที ที่ประเทศเรา ทำได้อย่างดีที่สุดก็อันดับสิบร่วมตั้งแต่แข่งในทวีปแล้ว ไม่ต้องไปมองถึงตอนไปแข่งระดับโลกเลย"

    ผมตอบกลับไป ในร่างปิงปิง

    ก่อนจะขยับตัวแก้เมื่อยช้าๆ บนเตียงนุ่มนิ่ม

    ทำให้ร่างกายของเด็กสาวต้องเขยิบตามอีกนิดหน่อย

     

    "อือฮึ ..... แล้วรู้ใช่ไหม ว่าประเทศที่ชนะในปีนั้นจะเกิดอะไรขึ้น"

    เด็กสาวถามต่อ

     

    "อ่า กำหนดเงินภาษีสินะ ..... "

    ผมพยักหน้าเข้าใจ

     

    "ใช่ กำหนดเงินภาษี ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ของแต่ละประเทศ และแต่ละทวีป ถ้าได้อันดับหนึ่งของทวีปก็จะกำหนดเงินภาษีของตนต่อทวีปได้ แล้วพอเป็นหนึ่งในสี่ ตัวแทนไปแข่งระดับโลกแล้วชนะ ก็จะมีสิทธิ์กำหนดภาษีเข้ากับทวีปได้อีก ซึ่งจากรายการที่ผ่านมานี้ ...... "

    เด็กสาวเอ่ยอธิบายระหว่าง หันไปหยิบเน็ตบุคสีชมพูของเธอมาพิมพ์หาข้อมูล แล้วหันให้ผมดู

     

    ".... จะสื่ออะไรหน่ะ ผู้ชนะ และมีสิทธิ์กำหนดภาษีในแต่ละปี? ทำไมเหรอ?"

    ผมเอ่ยถามกลับไประหว่างมอง เหล่าประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในแต่ละปีตลอดเวลาร้อยปีที่ผ่านมา

     

    "ไม่เข้าใจหรือไงหน่ะ ... ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าองค์กรชั้นไปวัดพลังนายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และวัดได้ยังไง แต่ถ้าพลังของนาย มันสามารถฆ่าคนได้ในเวลาอันสั้นจริงๆ แล้วรัฐบาลของประเทศได้ตัวนายไป ประเทศของเราอาจจะชนะการแข่งระดับโลก ในทุกๆปี จนประเทศอื่นไม่สามารถจะชนะได้อีกก็เป็นได้"

    เด็กสาวตอบผมมา คำตอบของเธอยิ่งเพิ่มความงงให้ผมอีก

     

    แล้วมันทำไมหละ ?

    ก็แค่นั้น ประเทศเราชนะทุกปีแล้วจะทำไม?

    "ทำไมหละ พวกนั้นจะรับไม่ได้หรือไง กลัวแพ้ประเทศเล็กๆแบบเราเหรอ?"

     

    "ไม่เข้าใจหรือไงหน่ะ!!!! .... "

    เด็กสาวเขยื้อนตัวเข้ามาหน้าเกือบชิดผม หายใจรดหน้ากันและกันเลยทีเดียว

     

    "อึก ....จะ ไปเข้าใจได้ไงหละ"

    ไหงเวลาแบบนี้ ตรูดันมามองยัยนี่น่ารักได้

    หยุดเลย สมองของเรา ..... หยุดเดี๋ยวนี้

     

    "เห้อ .... นายเคยเรียนประวัติศาสตร์ใช่ไหม ..... ที่โลกของเราในสมัยสองร้อยกว่าปีก่อนมีสงคราม ก็เพราะ เกิดความไม่เท่าเทียมทางสังคม ความต้องการเป็นใหญ่ และต้องการอำนาจ ที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้"

    เด็กสาวถอนหายใจรดหน้าผม แล้วเอ่ย

    ดีจริงๆ ที่ไม่มีกลิ่นปากหละนะ ....

     

    "เออ... เคย"

    ผมตอบกลับไปในท่านั่งแอ่นไปด้านหลังเอามือค้ำเตียงไว้

    มองหน้ายัยเด็กอายุ 39 คนนี้ ที่ยังไม่ขยับหน้าหนีจากผม

     

    คือ ขอโทษเถอะ ในเวลาแบบนี้มองผมเป็นชายบ้างก็ได้ครับ

    ปัญหาคือ เธอในตอนนี้ใส่ชุดแขนสั้นวันพีชกระโปรงบาง

    เสื้อของเธอมันดันใหญ่กว่าตัวของเธอทำให้พอยื่นหน้ามาติดกันใกล้ๆ

    ทำให้สายตาของผมที่เหลือบต่ำมองเห็นลึกเข้าไปถึงร่องอกที่ไม่ได้ใส่ชั้นในได้นี่

    บ้าจริงๆ ...... ตรูมันผู้ชายวิตถารจริงๆหรือไงเนี่ยถูกอย่างที่ความทรงจำปิงๆว่า....

    หยุดๆๆๆๆๆ พอได้แล้วเรา

    เวลาแบบนี้ยังมาคิดเรื่องลามกได้อีก

    ไม่ๆ ฟังที่ยัยนี่พูดต่อ

     

    "และสงคราม ก็มีอีกทีตอนยุคสมัยเวทยาศาสตร์เข้ามามีบทบาท และมีประเทศบางประเทศ พยายามที่จะใช้อำนาจในส่วนนี้ให้ประเทศตนเองขึ้นไปอยู่จุดบนสุด เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยเพียงคนเดียว"

     

    "แล้วมันยังไงกันหละ .... สรุปว่า?"

    ผมไม่เข้าใจจริงๆนะแหละ

    ไม่รู้ว่าเพราะผมไม่ได้คิดตามที่เธอพูดเพราะไปจับจ้องอย่างอื่น

    หรือเป็นเพราะว่ามันเข้าใจยาก

     

    "เห้อ ....."

    เด็กสาวถอนหายใจรดหน้าผมอีกรอบ

     

    ก่อนจะกลับมานั่งปกติ ทำให้ผมรอดตายได้สักที แล้วกลับมานั่งปกติตาม

    "เห้อ.... ตกลงยังไงบอกตรงๆเลยได้ไหม"

    ผมก็ถอนหายใจในอีกแบบหละนะ

     

    "ก็ .... ถ้าประเทศเราชนะทุกๆปี ทุกๆปีเข้า มันก็เหมือนการผูกขาดผู้ร่ำรวยมั่งคั่งของโลกใบนี้ .....แล้วก็จะนำไปสู่สิ่งที่มนุษย์ไม่ต้องการที่สุดหน่ะสิ!...."

    เด็กสาวเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง

     

    "สงคราม?"

     

    "ใช่ ถ้าประเทศของเราไม่แพ้ให้ใครเลยตลอดสิบปีหละ? รัฐบาลจะร่ำรวยขึ้นมหาศาลและไม่มีทางอ่อนข้อให้ใครแน่ๆถ้ามีตัวนายอยู่.... นายไม่คิดหรือไง ว่าทวีปบางทวีป จะไม่พอใจจนต้องก่อสงคราม .. ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกที่โดนกดขี่ ความรู้สึกที่โดนรุม จากจุดเดิมๆ ที่เดิมๆไปเรื่อยๆ จะทำให้มนุษย์บันดาลโทสะ ต่างจากการแพ้ โดยไม่เคยชนะ แต่ผู้ชนะสลับกันไปเรื่อยๆ มันก็จะเหมือนแค่เกมกีฬา...."

    เด็กสาวอธิบายให้ผมฟัง ก่อนจะขยับกายเล็กน้อยวางเน็ตบุคลงหันมาเอ่ยต่อ

    "... แม้แต่นายตอนบี้จนมุม นายยังโกรธจนระงับความโกรธไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ .... นั่นนายคนเดียวนะ.... แต่นี่ คนแต่ละทวีป มันหลักพันล้าน"

    อืม ชัดแจ่มแจ้ง ....

    แต่!

     

    "..... เหตุผลแค่นี้หน่ะเหรอ? ที่ต้องมาเอาชีวิตกัน"

    ผมตอบกลับไป

    ด้วยใบหน้าตกใจอึ้งกำตรรกะงี่เง่าแบบนั้นของทางองค์กรของเธอ

    ใช่ .... ใครๆก็คิดว่ามันงี่เง่า

     

    ชิบหายมาก

    นี่พวกคุณมึงคิดได้แค่นี้เหรอครับ

    ต้องเสียชีวิตคนไปเท่าไหร่ เพื่อมาฆ่าตรูคนเดียวเนี่ย

    ถ้าตรูไม่เก่งหละก็ตายไปแล้ว!

    อะ...

    ไม่สิก็เพราะเก่ง ถึงได้ส่งคนมาฆ่าสินะ ......

    แล้วถ้าคิดดีๆ .... ถ้าฆ่าเราได้สำเร็จ ก็เสียชีวิตคนแค่คนเดียว ที่ไม่มีใครรู้ว่าสำคัญยังไง

    แถมไม่เป็นที่เปิดเผยสาธารณะอีก .... เพราะถ้าเดาจากการต่อสู้ที่ผ่านๆมา

    พวกเธอจะฆ่าเราเมื่ออยู่ในอาณาเขตเท่านั้น....

    คงตั้งใจลบเราออกให้สมบูรณ์เพื่อให้ทางรัฐบาลตรวจสอบไม่ได้เลยสินะ

     

    "ใช่แค่นั้นแหละ...."

    เด็กสาวพยักหน้าตอบ ก่อนจะถอนหายใจ

    ".... เห้อ ..... และที่ชั้นปวดหัวจริงๆคือ .... "

     

    "คือ?...."

    ผมถามกลับไป

     

    "ถ้ามาอธิบายให้นายฟังแต่แรก นายก็คงจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเวทย์ใช่ไหมหละ? "

     

    "ทำไมถึงคิดแบบนั้นหละ ..... ชั้นคิดว่าคนเก่ง ก็มักจะผยองตัวเอง มันเป็นหลักการพื้นฐาน ถึงจะพยายามบีบตนเองให้ไม่ลำพองตน แต่จริงๆ ก็จะทิฐิอยู่ในใจ เธอไม่คิดแบบนั้นหรือไง"

    ผมที่ได้รับคำตอบชวนงง ก็ต้องถามกลับไป

    แน่หละ พอมาคิดดีๆ ถ้าผมรู้ตนเองว่าเก่งขนาดนี้

    แล้วสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้ ผมอาจจะไม่ยอมพวกเธอก็ได้

     

    ".... ก็ใช่ แต่ .... "

    เด็กสาววัย 39 ปีเอ่ย แล้วขยับตัวนั่งตรงก่อนจะยิ้มเล็กๆให้กับผม

     

    "แต่?"

     

    "ชั้นมองนิสัยนายจากการที่โดนพวกชั้นตามฆ่ามาหลายรอบ ต่อให้เป็นชั้น ชั้นก็แค้นจนต้องไล่ฆ่าพวกองค์กรนี้ให้หมดแน่ๆหละถ้ามีพลังแบบนาย .... แต่นายกลับยอมรับข้อเสนอที่พิลึกๆของชั้นในตอนนั้น ....."

    เด็กสาวเอ่ยแล้วหยุดนิ่ง

     

    ในตอนนั้นสินะ...... ไอ้ตอนที่รับแล้วโดนหักหลังด้วยการส่งคนมาเยอะๆนั่นหน่ะนะ

     

    "ชั้นก็พอเดาได้แล้วว่านายไม่น่าจะเป็นคนเลวร้ายอะไรเลย นายคงไม่อยากจะให้โลกใบนี้เกิดสงครามจนเพื่อนมนุษย์ต้องล้มตายใช่ไหมหละ"

    เด็กสาวเอ่ยตอบต่อ พร้อมกับดวงตาของเด็กไร้เดียงสาก็ไม่ใช่

    ผู้ใหญ่ผู้เป็นแม่พระก็ไม่เชิง มันผสมรวมๆกันจนลงตัว

     

    ขอโทษเถอะ

    วินาทีนั้นผมหน้าแดงแล้วอึ้งไปเลยกับคำพูดของเธอคนนี้

    ....ไม่ใช่ว่า คำพูดนั้นมันจะมีอะไรหรอก.....

    แต่ยัยเด็กนี่ มองผมเป็นคนดีมากๆจนผมตกใจเลย

    เขิน ...ภาคภูมิใจในตนเอง .... เออ ราวๆนั้น

     

    "ขะ ขอบใจ ที่มองชั้นเป็นคนดีขนาดนั้น"

    ผมเอามือขึ้นมากุมที่อก หัวใจเต้นตึกๆ หน้าแดงเรื่อๆแล้วเอ่ยตอบไปอย่างเก้อเขิน

     

    "ไม่หรอก ... ไม่ได้มองเป็นคนดีอะไรหรอก ก็แค่มั่นใจว่า นายไม่น่าจะเป็นคนโหดร้ายขนาดนั้น .... และตอนนี้ นายก็คงไม่คิดจะเข้าร่วมกีฬาเวทย์แล้วใช่ไหมหละ ชั้น... เลยคิดอะไรดีๆได้ ..."

    เด็กสาวตอบแล้วเหมือนเข้าเรื่องใหม่

     

    ขอโทษเถอะครับ คำพูดตัดพ้อ แต่ยังเสริมว่าผมเป็นคนที่จะดีแน่ๆแบบนั้น

    มันอะไรกัน ยิ่งทำให้รู้สึกดีไม่ใช่หรือไงนั่น!

     

    "หา ... เออ ก็ต้องไม่เข้าแหละ คงไม่ดีแน่ๆ ถ้าเข้าแล้วจะเกิดเหตุการณ์แย่ๆแบบนั้น ... ว่าแต่ ทำไมหละ"

    ผมถามกลับไป

    โอเค ผมหยุดเขินได้แล้ว แล้วตอบไปตรงๆ

    "อะไรดีๆยังงั้นเหรอ ....."

     

    "งานสบาย รายได้ดีหน่ะ ...... พลังของนายเป็นที่ประจักษ์กับชั้นแล้ว .... และชั้นก็คิดว่าชั้นสามารถจะพานายเข้าองค์กร แล้วสามารถช่วยเหลือนายได้ในหลายๆเรื่อง แน่นอนว่า ชั้นจะให้นายได้ทำงานร่วมกับชั้นเลย ..... ยิ่งตอนนี้ มีเหตุการณ์ที่สำคัญรออยู่ด้วย..... ถ้าได้นายเข้าร่วมหละก็!! ต้องสุดยอดแน่ๆ!!!"

    เด็กสาวนั้นยิ้มร่าเหมือนเด็กๆ

    มองหน้าผมอย่างกับมองเห็นผู้ใหญ่ที่เธอพึ่งพาได้

    สายตาของเธอดูเป็นประกายแวววับ

    จนผมบอกได้เลยว่า มันยากจะปฏิเสธ แต่!!

    คำพูดของเธอ มันก็มีอะไรแปลกๆอยู่

    ไม่ได้ ตั้งสติก่อน!!

     

    "ฮะ หา!!!"

    ผมร้องเสียงหลงออกไปทันที

    บ้าเอ้ย คุมให้ตนเองไม่ตกใจไม่ได้

    เป็นใครจะไม่ตกใจกันหละเนี่ย!!

    เป็นคุณคุณจะตกใจไหม

    หมายความว่ายังไงนะ

    มีเรื่องจะให้ช่วย

    ทั้งๆที่จากเริ่มแรกจะมาฆ่ากันเนี่ยนะ!

    ตลกไปหรือป่าว!!!

     

    "ไม่เข้าใจหรือไงหน่ะ!......"

    เด็กสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผม จนตัวผมแอ่นไปด้านหลังแทบนอนหงาย

    เธอเอามือค้ำเตียงแทบจะคร่อมร่างผมไว้

    พร้อมมองด้วยรอยยิ้มที่แสนน่ารัก

    และน่ากอดแบบสุดๆ พร้อมกับเอ่ยถามเสียงมั่น

     

    "..... มะ ไม่เข้าใจ .... ขอเอาจุดที่สำคัญที่สุดก่อนเลยได้ไหม...."

    ผมตอบเสียงสั่นกลับไป ไม่ๆ หยุดสายตาผม... อย่ามองต่ำ

    ไม่สิ ... ตอนนี้ผมมองหน้าเธอตรงๆได้แล้ว

    เอาสิ ... จะพูดอะไรก็พูดมาเลย ..... ชั้นจะขอรับฟังเอง

    เรื่องแรกที่เธอจะพูดก็คือ

     

    "มาทำสัญญากับชั้น แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรผู้ฝ่าฝืนกันเถอะ!"

    เด็กสาวนั้นพูดด้วยเสียงเหมือนตุ๊กตาหรือตัวละครในการ์ตูนอะไรสักเรื่อง ฟังแล้วน่ารัก

    พร้อมทั้งยิ้มหวานเอียงคอย 20 องศามองด้วยท่าทีน่ารัก ในชุดวันพีชสีชมพูบางๆนั่น

     

    ถึงจะน่ารักก็เถอะ .....

    แต่ทำไม .... ผมถึงรู้สึกว่า

    คำพูดนั้น ... มันจะนำเรื่องที่ร้ายแรงอะไรมาให้ผม ไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา

     

    End Chapter 53 มาทำสัญญากับชั้น แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรผู้ฝ่าฝืนกันเถอะ!

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×