คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : EX-Friend?! :: Speacial [hunhan] (2) (100%)
Speacial [hunhan] (2)
ผมนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงตัวเลขของเบอร์ๆนึง ผมไม่รูว่าจ้องนานเท่าไหร่ แต่ผมจ้องมันจนจำตัวเลขทั้งหมดของมันได้อย่างดี ผมรู้ว่ามันเป็นเบอร์ของใคร และผมก็ตั้งใจที่จะโทรออก แต่ติดอยู่ที่ว่า...
ผมไม่มีความกล้าพอที่จะกดโทรออก....
เอาล่ะ! กล้าๆหน่อยสิว่ะ โอเซฮุน แกก็โตแล้ว แค่โทรออกเบอร์ๆเดียวทำไมโทรไม่ได้ นั้นแหละ! กดเลย เออ กดเลย
ผมกดสัญลักษณ์โทรออกของมือถือ ยกมือถือขึ้นมาฟังอย่งกล้าๆกลัวๆ ได้แต่รอสัญญาณโทรศัพท์ให้รอสายอยู่ซักพัก ในใจก็นึกเกลียดสัญญาณที่ดังอยู่นี้ เพราะมันทำให้เขาได้แต่ลุ้นอยู่ว่าเมื่อไหร่คนปลายสายจะรับสักที
แต่อีกใจนึงก็ขอบคุณมันที่ยังคอยดังอยู่สม่ำเสมอ เพราะเขายังเตรียมใจที่จะคุยกับคนปลายสายไม่ได้ เขาตื่นเต้นเกินไป...
"ใครว่ะโทรมาว่ะ คนจะนอนโทรมาทำไม" แล้วจู่ๆเสียงคนปลายสายก็ดังขึ้นหลังจากที่ต้องรอสัญญาณโทรศัพท์อยู่ซักพัก คนปลายสายแสดงอาการหงุดหงิดอย่างมากจากการที่โดนปลุกจากความฝันที่แสนหวานด้วยเสียง
โทรศัพท์
"ผมขอโทษ.." คนที่โทรไปได้แต่เอ่ยขอโทษอย่างแผ่วเบา เนื่องจากความผิดของเขาเองที่โทรไปหาอีกคนโดยไม่คำนวณเวลาให้ดี ถึงแม้เวลานี้มันจะใกล้เที่ยงก็ตามแล้ว
"เออ แล้วตกลงใคร ถ้าไม่บอกว่าใครจะวางแล้ว" น้ำเสียงหงุดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เซฮุน... เองฮยอง" คนโทรไปถึงกับใจแป้ว นอกจากอีกคนจะไม่เมมเบอร์ของเขาแล้วยังจำเสียงของเขาไม่ได้อีก น่าน้อยใจไหมล่ะ
...แต่ถ้าน้อยใจตอนนี้คงไม่มีคนง้อแน่นอน...
"เอิ่ม... มีอะไร" น้ำเสียงถูกปรับให้อ่อนลงทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา แต่ยังคงเหลือน้ำเสียงงัวเงียของคนเพิ่งตื่นนอนไว้
"เอ่อ.. คือ... ผม.. ฮยอง.. เรา เอ่อ..." น้ำเสียงอ้ำๆอึ้งๆถูกส่งตอบกลับมา
"มีอะไรเซฮุน ฮยองง่วงนะ" น้ำเสียงที่เพิ่งถูกปรับให้เย็นลงเมื่อกี้กลับถูกปรับขึ้นอีกครั้งเมื่อคนที่โทรมามัวแต่ลีลาอยู่นั้นแหละ
"ไปงานนิทรรศการขอรุ่นพี่เลย์กับผมนะครับ!!" ด้วยความที่กลัวอีกคนจะตัดสายไปก็เลยรีบพูดถึงสาเหตุที่โทรหาอีกคนทันที
"หืม... อะไรเนี่ยเซฮุนนา.. จะชวนฮยองเดทหรอ??" อีกคนเมื่อได้ยินสาเหตุที่อีกคนโทรมาก็อดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยแซวออกมา
"คือ..อ่า.. ไม่ใช่.. เอ่อ..ใช่.. จริงๆก็ใช่ครับ.. แต่..คือ..คือถ้าฮยองไม่อยากไป ก็...ก็"อีกคนเอ่ยประโยคที่ฟังอย่างไงก็เหมือนไม่ใช่ประโยค มันดูเหมือนเรียงคำมาต่อกันมากกว่า แถมยังเรียงไม่ค่อยถูกต้องด้วยซ้ำ แสดงให้รู้ได้
อย่างดีว่าอีกคนนึงกำลังเขินอายมากจนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ทำเอาคนขี้แกล้งนึกภาพตามออกเชียว
"เอาเป็นว่ามารับฮยอง10โมงล่ะกันนะ เช้ากว่านี้ไม่ไหวจริงๆ อ้อ..วันเสาร์นะ" คนขี้แกล้งรีบตัดบททันที เพราะถ้าเขารอให้อีกคนพูดจบเขาคงไม่ได้นอนต่อแน่ๆ
"ครับ! 10โมงไม่สายแน่นอนครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับฮยอง" คนเด็กกว่าถึงกับแสดงความดีใจออกมาทางน้ำเสียงอย่างชัดเจนทำเอาคนปลายสายถึงกับอดยิ้มไม่ได้
"อือ.. ราตรีสวัสดิ์" เมื่อเห็นว่าคนโทรมาหมดเรื่องแล้ว ก็บอกลาแล้วกดตัดสายไปทันที ก่อนจะถอดแบตมือถือเพื่อป้องกันการหลบกวน หลังจากนั้นก็เข้าห่วงนิทราอีกครั้ง... แม้มันจะเข้าเวลาเที่ยงวันแล้วก็ตาม
วันเสาร์
"มาแล้วๆ รอแปป" เสี่ยงของลู่ฮานวิ่งลงจากชั้นสองของบ้าน ก่อนจะรีบวิ่งไปล็อคประตูบ้านแล้วรีบขึ้นรถที่จอดรอเขาทันที
"ไม่ต้องรีบก็ได้ฮะ ผมรอได้" เซฮุนกล่าวพร้อมอมยิ้ม ก่อนจะจะเข้าเกียร์รถออกเดินทาง
"ก็กลัวรอนานไง รีบมาไม่ดีหรือไง ดูสิชุดก็หยิบมาไม่ได้คิดนะเนี่ย" คนที่เพิ่งขึ้นรถมาพูดพร้อมก้มมองชุดที่ตัวเองใส่ออกจากบ้าน เขาหยิบแค่เสื้อลายทางสีขาวแดงแล้วก็กางเกงยีนส์ตัวโปรดและรองเท้าคู่เก่งมาเท่านั้น ไม่
ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะตกใจเสียงรถที่มารออยู่หน้าบ้านเขา เขายังไม่ทันได้แต่งตัวด้วยซ้ำแต่อีกคนก็มารอสะแล้ว
"ใส่อย่างไงก็ดูน่ารักครับ" คนขับพูดขึ้นเล่นเอาคนถูกชมถึงกลับหน้าแดงไม่รู้สาเหตุ หัวใจก็เต้นเร็วผิดจังหวะ แต่จะพูดว่าคนถูกชมเขินคนเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะขนาดคนที่ชมเขาเองก็ยังแอบหน้าแดงเลย ทั้งคนถูกชมกับ
คนชมได้แต่เขินจึงไม่มีใครมองหน้าใคร
"บ้ารึไง" คนถูกชมถึงกลับพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการต่อว่าอีกคนเฉยเลย
"ว่าผมทำไม ผมแค่พูดความจริง" คนขับเองก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะทำให้อีกคนเขิน ถึงแม้ว่าตัวเองจะหน้าแดงไม่แพ้กัน
"เงียบแล้วขับรถไปเลย" คนตัวเล็กตอบกลับด้วยเสียงอันหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็คงมีแต่เจ้าตัวนั้นแหละที่คิดว่าตนแสดงท่าทีว่าโกรธออกมา เพราะไม่ว่าใครที่เห็นท่าทีของคนตัวเล็กก็คงบอกได้คำเดียวว่าเขินอยู่แน่ๆ
คนตัวสูงเองก็ยอมถอนตัว ไม่กวนคนตัวเล็กแล้ว แล้วเพ่งสมาธิไปตั้งใจขับรถอย่างที่คนตัวเล็กว่า เพราะว่าถ้าเขาแหย่อีกคนมากๆ มีสิทธิ์จะโดนงอนไม่พูดด้วยเอาซะง่ายๆ เขายังไม่อยากมาง้อคนตัวเล็กตั้งแต่เริ่มต้นเด
ทของเขานะ
"ฮยองๆๆๆๆๆ ดูภาพนี้สิ สวยชะมัด" เมื่อมาถึงเซฮุนก็เอาแต่วิ่งไปดูภาพโน้นภาพนี้ภายในห้องจัดนิทรรศการทันที
..ทำตัวเป็นเด็กไปได้นะโอเซฮุน
"เออๆ เห็นแล้ว อย่าดังสิ ไม่อายคนอื่นหรือไง" คนตัวเล็กดึงแขนอีกคนคนเอาไว้ ก่อนจะดึงแขนให้อีกคนโน้มตัวลงมา แล้วกระซิบบ่นเบาๆ
"ก็ผมดีใจนี่นา ต้องขอบคุณฮยองนะเนี่ย ถ้าฮยองไม่รู้จักกับรุ่นพี่เลย์ ผมคงไม่ได้มาดูงานนี้" คนตัวสูงเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนจะใช้สายตามองกวาดรูปภาพทั้งหมดในห้องจัดแสดง
"เอออออ รู้แล้วก็สำนึกบุญคุณแล้วตอบแทนกันด้วยล่ะ" คนตัวเล็กพูดก่อนจะดึงแขนคนตัวสูงให้เดินตามเขาโดยที่ไม่ให้คนตัวสูงเดินตามใจอีกแล้ว ไม่งั้นต้องไปส่งเสียงดังแน่ๆ
ในสายตาของตัวเล็กเองอาจจะเป็นแค่การดึงแขนให้เดินตาม แต่คนถูกดึงนั้นรู้สึกดีจนจะลอยอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เขาคิดที่เขาทำอยู่ดอนนี้มัน... 'โดนควงแขน'ชัดๆ ไม่มีอะไรจะให้คำนิยามไปได้ดี(และเข้าข้างตัวเอง)ไปได้
มากกว่านี้อีกแล้ว สายตาคนรอบข้างเองก็มองแบบนั้นเช่นกัน บางคนก็มองว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน เพราะพวกเขาหน้าตาเหมือนกัน เรื่องนั้นก็มีคนทักพวกเขาหลายครั้งแล้ว แต่เซฮุนไม่ค่อยชอบใจนัก เขาอยากจะตะโกนออกไปเลย
ว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกัน เป็นมากกว่าพี่น้องกันนะ!
...ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันก็เถอะ
คนตัวเล็กที่สังเกตุสีหน้าของคนตัวสูงอยู่ตลอดเวลาก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆจากคนที่ยิ้มได้หน้าบานสุดๆก็กลายเป็นว่าทำสีหน้าสลดใจทันที แต่เขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากถึงขนาดถามออกมาทันที เขาเลยพาาคนตัวสูงเดิน
ไปถึงภาพสุดท้าย ซึ่งถือได้ว่าเป็นภาพที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจ้าของภาพพวกนี้ต้องคัดสรรมันให้เป็นภาพที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี ถือได้ว่าเป็นภาพเดอะเบสของช่างภาพก็ได้
"นี่มัน..."คนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องของภาพถึงกลับอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า ไม่ใช่เพราะเขารับรู้ถึงความสวยของมันหรอก เขาไม่มีทางเข้าใจคำว่า'สวย'ได้หรอก แต่ที่เขาตกตะลึงคงเป็นเพราะ'อะไร'ที่เลย์ถ่ายต่างหาก
"แปลกจริง.." คนตัวสูงมองภาพและขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
"เออ แปลกจริงๆด้วย ทำไมเลย์ถึงถ่ายภาพคริสได้ล่ะ แถมยังเอามาจัดแสดงอีก ที่สำคัญถ่ายตอนคริสยิ้ม..." คนตัวเล็กพูดขึ้น เพราะในฐานะที่เขารู้จักทั้งช่างภาพและนายแบบดี เขารู้ดีว่านายแบบเป็นคนยิ้มยากแค่ไหน
ขนาดกับเขาเองนายแบบยังไม่ยิ้มห้บ่อยนักเลย เอ่อ.. คงเพราะปกติเขาจะทำอะไรให้โดนดุอย่างเดียวก็ตาม แต่ว่านอกจากคริสจะยิ้มแล้วเลย์ยังถ่ายเอาไว้อีก แถมยังให้เป็นภาพที่เลย์คิดว่าสวยที่สุดอีก...
ไม่ธรรมดาจริงๆคู่นี้....
"เปล่าไม่ใช่นะฮยอง ที่ผมบอกว่าแปลกอ่ะ เพราะปกติรุ่นพี่เลย์ถ่ายแต่พวกวิวนี่นา ไม่เคยถ่ายภาพคนเลย อยากมากก็แค่ภาพสัวต์ แปลกจริงๆ"คนตัวสูงพึมพำก่อนจะไล่สายตาสำรวจทุกรายละเอียดของภาพ
"ให้ตายสิ ไม่มีความโรแมนติกในหัวจริงๆ" คนตัวเล็กถึงกับบ่นออกมาเมื่อได้ยินประโยคของคนตัวสูงที่ขัดอารมณ์โรแมนติกของเขาเหลือเกิน
คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์โทรออกอย่างชำนาญ ถึงจะเป็นเบอร์ที่ไม่กล้าโทรหาบ่อยแค่ไหน เขาก็จำได้ขึ้นใจ เพราะมันคือเบอร์ของน้องชายเขาเอง รอสายอยู่ซักพักคนเป็นน้องก็กดรับทันที
"มีไรครับ อีก3นาทีผมจะเข้าประชุม"คนปลายสายพูดขึ้นโดยไม่มีคำกล่าวทักทายขึ้นแต่อย่างใด
"นายมางานนิทรรศการของเล์หรือยัง" ในเมื่อคนปลายสายไม่ยอมเสียเวลาทักทายเขา เขาเองก็ขอเข้าเรื่องเลยล่ะกัน
"ยังครับ.. มีอะไรหรอครับ?" คนปลายสายถามอย่างแปลกใจ เขาไม่ได้ลืมเรื่องนิทรรศการของเลย์แน่นอน เพียงแต่ว่าเขาเองก็ยุ่งมากจากเรื่องธุรกิจทางบ้านจนไม่มีเวลาแวะเข้าไปชมสักที
"ก็ว่าอยู่ มาให้ได้ล่ะ"คนเป็นพี่กรอกเสียงเซ็งๆกับน้องตัวเอง
"มีอะไรหรอครับ" คนเป็นน้องถึงกลับแปลกใจ มีอะไรพิเศษมากมายงั้นหรอ ทำให้พี่เขาถึงยอมโทรมาหาเขาได้ เพราะถ้าไม่มีอะไรสำคัญจริงๆเขาก็คงไม่โทรมาแน่ๆ
"เออน่า มาให้แล้วกันแค่นี้นะ เดี๋ยวเงินหมดไม่มีเงินเติมล่ะ" คนเป็นพี่รีบตัดบทสนทนาทันที
...การปล่อยให้อีกคนคล่องใจ... มันเป็นการแกล้งที่ดีที่สุดอย่างนึง...
"ไปกันได้ยั้งอ่ะ หิวแล้ว เมื่อยด้วย" คนตัวเล็กเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเรียบร้อย ก่อนจะหันไปพูดกับคนตัวสูงข้างตัว
"ครับๆ ก็ได้ครับ" คนตัวสูงเองก็ไม่อยากปล่อยให้คนตัวเล็กโมโหหิวหรอก เขารู้ดีว่ามันจะส่งผลเสียต่อเขาแค่ไหน
"เหนื่อยแล้วพักกันเถอะ" เสียงบ่นดังขึ้นก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงแรงน้อยๆที่ดึงแขนผมให้เดินตาม
ตอนนี้ผมอยู่ที่สวยสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากร้อนอาหารที่เราไปทานกันมา พวกเราเสียเวลาไปมากในการเลือกร้านอาหาร ก็เพราะคนตัวเล็ดนี่สิครับ บอก'อะไรก็ได้' พอผมเสนอไปก็อันนี้ก็ไม่เอา อันนู้นก็ไม่ชอบ อันนั้นก็แพง นี้ก็อ้วน ให้ตายสิ กว่าผมจะหาร้านที่ถูกใจเขาได้ก็เล่นเอาซะปวดหัวเลยที่เดียว ผมล่ะไม่เข้าใจ ถ้าเสนออะไรแล้วไม่ชอบแล้วจะบอกว่าอะไรก็ได้ทำไม... เฮ้อ.. แต่ก็ได้บ่นในใจนี่แหละครับ ใครมันจะกล้าบ่นออกมา เดี๋ยวอีกคนก็ได้เกิดอาการงอนผมอีก
..ถึงคนตัวเล็กงอนแล้วจะน่ารักก็เถอะ
ผมค่อยๆขยับมือเข้าไปใกล้ๆมืออีกคนอย่างช้าๆ พยายามไม่ให้อีกคนที่อย่างมือไว้บนม้านั่งรู้ตัว ผมหลับตาค่อยๆเลื่อนมือไปใกล้ๆช้า กลืนน้ำลายดังอึก.. และหวังอย่างเดียว อย่าให้อีกคนปฏิเสธการจับมือครั้งนี้ด้วยเถอะ..
"อ๊ะ" คนตัวเล็กร้องขึ้นอย่างตกใจ คงจะตกใจจากสัมผัสที่เกิดขึ้นที่มือของตน เขาช้อนมองคนข้างตัวอย่างงงๆ
".." คนตัวสูงไม่ได้กล่าวอะไร ได้แต่ก้มหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่หน้านั้นแดงเถือกแสดงอาการเขินอายได้ไม่น้อย ริ้มฝีปากสวยก็ยกยิ้มขึ้นอย่างดีใจ ..ดีใจสิอย่างน้อยคนข้างตัววเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสที่มือของเรา..
คนตัวเล็กเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของคนตัวสูง ก็เข้าใจในการกระทำของคนตัวสูงทั้งหมด ส่งผลให้คนตัวเล็กถึงกลับยิ้มตาม ก่อนจะเป็นลู่ฮานเองที่เป็นคนดึงมือร่างสูงมาจับให้ถนัดอีกขึ้น คนตัวสูงหันมามองคนตัวเล็กอย่างตกใจในการกระทำของคนตัวเล็ก ก่อนจะค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เป็นรอยยิ้มที่สดใสจนลู่ฮานเองอยากจะถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกจริงๆ แต่เมื่อคิดดูอีกที ลู่ฮานก็ไม่จำเป็นจะต้องถ่ายเก็บไว้นิ เพราะว่าเขามั่นใจ...
..ถ้าตัวเขาเองได้อยู่ข้างๆคนตัวสูงนี้ เขามั่นใจว่าคนตัวสูงจะยิ้มแบบนี้.. ตลอดไป
ไม่มีเสียงคำพูดใดดังออกมาจากปากทั้งสองคน มีเพียงสายตาที่ค่อยๆสื่อความหมายถึงคนตรงหน้า เป็นสายตาที่แสดงความหมายหลายอย่าง ทั้งมีความสุข ทั้งอยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้ และอีกมากมาย แต่ที่ทั้งสองต่างรับรู้ได้ดีที่สุดก็คือ สายตาที่แสดงว่า..รัก
ใบหน้าทั้งสองคนค่อยๆโน้มลงมาอย่างช้าๆ เมื่อถึงระยะที่พอเหมาะดวงตาทั้งสองคู่ก็ค่อยๆหลับลงช้าๆ แต่พวกเขาก็ยังโน้มตัวเข้าหากันเรื่อยๆ มือที่กุมกันอยู่ก็ออกแรงบีบกันแน่นขึ้น เหมือนกับจะแสดงออกว่าไม่มีอะไรสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้...
ใช่.. ไม่มีอะไรแยกพวกเขาออกจากกันได้..
นอกจาก...
ผลั๊ก!
"โอ้ย!" เสียงร้องของคนตัวสูงดังขึ้นหลังจากได้รับแรงกระแทกแรงๆที่ใบหน้า ทำเอาคนตัวเล็กต้องลืมตาอย่างตกใจตาม
"เป็นอะไรเซฮุุนอา" ลู่ฮานถามขึ้นอย่างสงสัย
".." เซฮุนไม่ตอบก่อนจะหยิบลูกบอลยางที่ตกตรงขาเขาขึ้นมา ก่อนจะใช้มืออีกข้างกุมจมูกตัวเอง แม้จะไม่พูดอะไรคนฉลาดของลู่ฮานก็เขาใจดีว่าเกิดอะไร เซฮุนคงดนบอลจากไหนไม่รู้อักเข้าที่หน้าแน่ๆ เกือบจะสงสารนะ แต่ขอขำก่อนได้ไหม
ร่างเล็กอมยิ้มกับหน้าตลกๆของคนตัวสูง ก่อนจะดึงมือของคนตัวสูงที่กุมจมูกตัวเองออก แล้วโน้มหาไปใกล้สูนจมูกอีกคนแล้วพูดติดตลกว่า
"ไม่ร้องนะเด็กน้อย นางฟ้าจะเป่าให้ ฟู่ว~ ไม่เจ็บแล้วนะ คิก.." คนตัวเล็กเองก็แอบขำกับการกระทำของตัวเขาเองเหมือนกัน ทำเหมือนเด็กประถมกำลังโอ๋น้องชายวัยอนุบาลของตนเลย
"ยังจะขำอีก นี้เจ็บจริงนะ" คนตัวสูงบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะทำหน้างออย่างหน้ารัก ขัดกับความสูงของตัวเอง ทำให้คนตัวเล็กถึงกับขำดังขึ้นอีก
คนตัวสูงสะบัดหน้าแสดงอาการงอนอย่างเต็มที่ แต่คนตัวเล็กก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุดขำแล้วหันมาง้อเขาสักนิด..
เชอะ! หายงอนเองก็ได้
"ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลย" เสียงเด็กดังขึ้นเรียกความสนใจของสองคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งได้อย่างดี
ตอนนี้ทั้งสองได้มองไปยังต้นเสียง เห็นเป็นเด็กผู้ชายน่ารักๆคนนึง ซึ่้งน่าจะอยู่ในวัยประถมต้นๆถ้านับจากส่วนสูง แต่ถ้าให้ลู่ฮานที่มีอาชีพที่ต้องอยู่กับเด็กตลอดเวลาเดาอายุของเด็กคนนี้ ก็คงอยู่ในช่วงประถมปลายแล้วล่ะ ถ้าดูจากคำพูดคำจา และกิริยาอีกคน ในมือของเด็กชายคนนั้นยังจูงเด็กชายอีกคนที่มาด้วยกัน คนนี้ถ้าให้เดาจากส่วนสูงก็คงบอกได้ว่าคงอายุเท่าคนแรกแน่ๆ แต่เมื่อพูดประโยคถัดมาก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนที่สองนั้นอายุน้อยกว่าคนแรก
"รู้แล้วน่าพี่ ไม่เห็นต้องลากกันเลย" เด็กชายคนที่สองพูดก่อนจะเดินตรงมาที่เซฮุน
"แล้วใครกันล่ะที่เตะเสร็จก็วิ่งหนีจะกลับบ้าน" เด็กชายคนแรกบ่นขึ้น
"..ขอโทษครับ"เด็กชายคนที่สองโค้งตรงหน้าเซฮุนก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
"ไม่เป็นไรหรอก พี่เขาไม่โกรธหรอก ไม่ต้องจริวงจังขนาดนั้นก็ได้" เป็นลู่ฮานที่กล่าวแทนเซฮุน ก่อนจะหยิบลูกบอลในมือเซฮุนส่งคืนให้กับเด็กชายคนแรกไป
"อย่างไงก็ขอโทษจริงๆนะฮะ" เด็กชายคนแรกพูดขึ้นก่อนจะจูงมือเด็กชายคนที่สอวเดือนจากไป
ลู่ฮานมองเด็กชายสองคนเดินจากไปซักพัก ก่อนที่จะได้ยินเสียงคนข้างตัวดังขึ้น
"รู้ได้ไงว่าผมไม่โกรธ" คนตัวสูงกล่าวอย่างงอนๆ
"นายจะโกรธเด็กน่ารักๆอย่างนั้นลงหรอ" ลู่ฮานหันไปตอบก่อนจะยิ้มกวนๆ
"น่ารัก? เตะบอลอัดหน้าเนี่ยนะน่ารัก ..แถมยังชมคนอื่นว่าน่ารักต่อหน้าผมอีกหรอ.. ผมหึงนะ" ประโยคหลังคนตัวสูงเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเสมองอย่างอื่นปิดบังความเขินที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
"ตัวสูงซะเปล่า อะไร หึงได้แม้กระทั่งเด็กหรือไง" คนตัวเล็กพูดอย่างติดตลก ก่อนจะจุ๊ปแก้มอีกคนเบาๆอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดต่อว่า "แค่นี้พอใจยั้ง"
"เกือบล่ะ อีกนิดได้ไหม" คนตัวสูงยกมือชี้ที่ริมฝีปากขึ้น ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
"ฝัน!" คนตัวเล็กตะโกนใส่หน้าเขา ก่อนจะหันหน้าออกทำเป็นไม่สนใจคนข้างตัวที่ทำหน้าเสียดายอยู่ ก็ใครใช้ให้ได้คืบจะเอาศอกล่ะ!
"ก็ได้ๆ แค่นี้ก็ได้ แต่เอาจริงๆผมก็โกรธเด็กเมื่อกี้ไม่ลงหรอก เห็นแล้วนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ " เซฮุนพูดขึ้น
"อย่างไง" คนตัวเล็กถามขึ้นอย่างสงสัย
"เมื่อก่อนนี้ผมก็เคยเตะบอลใส่หน้าคนในสวยสาธารณะนะ"
"ฮ่าๆ แล้วโดนด่าไหม"
"จะเหลือไหมล่ะ ก็ผมดันไปเตะใส่ตาลุงแก่ๆท่าทางหงุดหงิดตั้งแต่เกิดน่ะสิ" คนตัวสูงพูดตอบอย่างเซ็งๆ
"แล้วไงต่อ" คนตัวเล็กถามเร่งอย่างอยากรู้
"ดีนะวันนั้นผมมากับดีโอฮยอง.. พี่เขาต้องก้มหัวขอโทษให้ผมตั้งนานกว่าตาลุงนั้นจะยอมปล่อยผมไป ดีจริงๆที่ผมมีดีโอฮยองเป็นฮยอง ไม่งั้นคงต้องทนฟังลุงนั้นบ่นอีกนาน" คนตัวสูงถึงกลับยิ้มขึ้นทันทีที่นึกถึงเรื่องราวในอดีต
".."
"แต่ฮยองรู้ไหม หลังจากที่ผมโดนตาลุงนั้นบ่นเสร็จ กลับบ้านไปผมก็โดนดีโอฮยองบ่นต่อ บ่นทั้งวันเลยวันนั้น ผมมาคิดอักทีนี้ผมโชคดีหรือโชคร้ายนะ แต่ผมก็เข้าใจดีโอฮยองอ่ะนะ เขาคงจะเป็นห่วงผมมากด้วยแหละ วันนั้นผมหนีออกมาเล่นโดยไม่บอกเขานี่นา" คนตัวสูงยังพูดต่อไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้าก็แสดงออกชัดเจนมากขึ้น
".."
"แต่ดีโอฮยองเขาก็เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วนี่นา มักจะขี้กังวลเรื่องของผม ผมก็รู้นะว่าเขาเป็นห่วงผม แต่จะว่าไป..มานึกๆดูแล้วก็เป็นเพราะผมนี่นา"
".."
"สมัยที่พ่อผมกับแม่พี่เขาแต่งงานกันใหม่ๆ ผมยังเด็กไง แล้วพวกท่านต้องไปเคลียร์งานกัน ไม่มีเวลาดูแลผม ก็เป็นดีโอฮยองเนี่ยแหละที่คอยมาเล่นกับผมไม่ให้ผมเหงา ผมเลยเป็นคนติดพี่ชายตั้งแต่เด็กๆเลย" คนตัวสูงเกาหัวอย่างเขิน
".."
"เพื่อนที่โรงเรียนเคยล่อเลยนะว่าให้ไปแต่งงานกับพี่ชายนายซะ ตลกะมัด" ร่างสูงหัวเราะเมื่อนึกถึงท่าทีของเพื่อนที่พูดใส่เขา
".."
"ขนาดวันแรกที่ไปโรงเรียน ผมร้องไห้จะไม่ลงจากรถ พ่อแม่ปลอบอย่างไงผมก็ไม่ยอมลงนะ แต่พอดีโอฮยองปลอบแปปเดียวผมก็ยอมลงจากรถเลย พ่อผมถึงกับงงทีเดียว"
".."
"แต่พอโตมารู้สึกเหมือนพี่เขาจะขี้บ่นกว่าเดิมนะ ฮ่าๆ ไม่ไหวๆ ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่น" คนตัวสูงหัวเราะชอบใจกับความคิดตัวเอง
"จบ..ยั้ง?"คนตัวเล็กถามเสียงห้วน
"หืม?" คนตัวสูงร้องขึ้นมาอย่างสงสัย ดูเหมือนเขาจะทำอะไรไม่พอใจให้คนตัวเล็กอีกแล้ว.. ว่าแต่เขาทำอะไรล่ะ
"ฉันถามว่าพูดถึงคยองซูจบหรือยัง..."
ลู่ฮานมั่นใจว่าจะเป็นคนเดียวที่ทำให้เซฮุนมีรอยยิ้มสดใสได้ตลอดเวลาที่อยู่เคียงข้างเซฮุน....
แต่เขาไม่มั่นใจว่าเขาเป็นคนเดียวที่ทำให้เซฮุนยิ้มได้หรือเปล่า...
คิดดูสิขนาดอีกคนที่ไม่ได้อยู่ข้างเซฮุน..
เพียงแค่เซฮุนนึกถึงเขาก็แสดงอาการมีความสุขได้ขนาดนี้...
คิดดูสิ... คยองซูอา...
คิดดูสิว่าลู่ฮานคนนี้จะอิจฉานายแค่ไหน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อให่ในตอนสเปเชียล ทุกคนจะสงสัยไหมว่าทำไมฮุนฮานถึงทะเลาะกันในคราวนั้น??? มันมีสาเหตุนะไม่ทะเลาะกันมั่วๆ
ตอนนี้จะอธิบายเหตุผลเอง ไม่ต้องสงสัยนะจ๊ะ(?) จะมีคนสงสัยไหม
ปล.ฟิคเรื่องต่อไปที่เปิดให้โหวตกันไป คือเรื่องนี้นะจ๊ะ >> ใครว่างก็ตามไปกันได้
http://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1043043
========================================================
จบไปแล้วกับสเปเชียลอีกตอน... มีแต่คนเกิดอาการสงสัยในคู่ฮุนฮาน ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง
ไรเตอร์เองก็มาเกริ่นๆแล้ว คงจะเข้าใจใช่ไหมล่ะ... (หรือเปล่า)
เรื่องความแตกแยกของฮุนฮานขอให้บอกไรเตอร์ถนัด!(อย่างน้อยก็มากกว่าเอ็นซีอ่ะ)
มาเป็นกำลังใจให้ฮุนฮานเรื่องนี้ด้วยเถิด...
ความคิดเห็น