ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] VAMPIRE AND WEREWOLF (HunHan,ChanBaek and EXO)

    ลำดับตอนที่ #14 : VAMPIRE AND WAREWOLF :: CHAPTER 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.7K
      2
      13 ธ.ค. 56

                 
    chapter13




                 มื้ออาหารค่ำเย็นวันนั้นเป็นไปอย่างง่ายๆ และใช่เวลารวดเร็ว เพราะคุณย่าอยากให้ชานยอลและแบคฮยอนพักผ่อนให้มากหลังจากหลงป่ามา ชานยอลและแบคฮยอนเองก็เห็นด้วย เพราะถึงแม้จะไม่ได้บาดเจ็บขนาดเจียนตาย แต่เป็นเพราะความเพลียและล้าจากการเดินในป่าเป็นวันนึงเต็มๆ

                หลังมื้อค่ำวันนั้นหน้าที่ล้างจานก็ยังตกเป็นของเซฮุนเหมือนเช่นทุกวัน คราวนี้ดูเหมือน เซฮุนจะชำนาญในการล้างจานมากขึ้นเล็กน้อย มีแค่เสื้อที่เปียกน้ำมากกว่าที่คนปกติเขาล้างกันแค่นั้น ซึ่งก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับคนอย่างโอเซฮุน

     

                เซฮุนเดินขึ้นห้องของตนเองกะว่าจะนอนหลับให้เต็มอิ่มซะหน่อย แต่เปิดเข้าไปก็เห็นแบคฮยอนและพี่ชายของตัวเองนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ใช่แล้ว... เตียงเดียวกัน นี้ถ้าเป็นห้องส่วนจัวของคุณพี่ชายเขาจะไม่ว่าเลยนะครับ แต่นี้ดันเป็นห้องที่เขากับพี่ชายต้องใช้ร่วมกัน

     

                ทำแบบนี้เขาจะกล้านอนด้วยไหมล่ะครับ.....

     

     

     

     

     

     

                คงต้องไปนอนโซฟาข้างล่างอีกแล้ว......

     

     

                หลังจากเซฮุนคิดได้ดังนั้นก็เตรียมจะหันหลังเปิดประตูออกจากห้องไปแล้ว แต่เขาก็ได้ยินเสียงแปลกดังออกมาจากด้านนอกของห้อง มันเป็นทางระเบียงของห้อง เซฮุนเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะคิดว่าเขาควรออกไปดูหรือไม่ว่ามันคือเสียงอะไร บางทีมันอาจจะเป็นอะไรที่อันตรายก็ได้

     

                แต่คิดอีกที... ไม่มีอะไรที่อันตรายเท่าคนในบ้านหลังนี้อีกแล้ว

     

     

                คิดได้อย่างนั้นเซฮุนก็ตัดสินใจเดินออกไปหาต้นเสียง เขาเดินออกไปยังระเบียงของบ้าน มองป่าส่วนที่ตรงข้ามของบ้านด้วยหัวใจที่แอบหวั่นอยู่เล็กน้อย มันเป็นป่าที่ค่อนข้างทึบอยู่แล้วในตอนกลางวัน แต่พอมองในตอนกลางคืนแบบนี้มันก็เพิ่มความหน้ากลัวให้อย่างง่ายดายดาย เซฮุนละสายตาจากการมองป่าก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นตามหาต้นเสียงปริศนานั้น

     

                "ข้างบน มีบันไดทางขวา" แล้วก็มีเสียงนึงดังขึ้นขณะที่เซฮุนกำลังเริ่มสำรวจ เซฮุนจำเสียงนั้นได้ทันที...

     

     

                เสียงของลู่ฮาน...

     

                เขาไม่รอช้า เดินไปทางขวาตามที่ลู่ฮานบอกก่อนจะพบกับบันไดจริงๆ มันเป็นบันไดที่ปลายบนสุดยาวไปถึงหลังคาของบ้าน หืม? นี้มีไว้เพื่อให้ขึ้นไปยังหลังคาหรอ? โครงสร้างบ้านนี้ค่อนข้างแปลกจริงๆ วันหลังเขาควรสำรวจโครงสร้างบ้านหลังนี้ให้ดีใหม่แล้ว

     

                เซฮุนขึ้นมายังบนหลังคาบ้าน ตอนแรกก็ลังเลเล็กน้อยที่จะเหยีบบนหลังคานี้เต็มแรง เขาเองก็กลัวว่าหลังคาจะทนรับน้ำหนักของเขาได้ไม่ไหว ลองยกเท้าวางลงบนหลังคาแล้วทิ้งน้ำหนักอยู่สองสามที ก่อนจะค่อยก้าวเดินไปหาคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆโดยไม่พูดอะไร

     

                "ไม่นอนหรือไง" ลู่ฮานถามขึ้น อาจจะฟังดูเหมือนห่วงใย แต่เซฮุนก็จับใจความได้ว่าลู่ฮานก็ถามไปเพียงมารยาทเท่านั้น ไม่ได้สนใจคำตอบอยู่แล้ว

     

                "ก็กะว่าจะนอนแล้วล่ะ.." เซฮุนตอบ ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอด อากาศที่นี้ตอนกลางคืนมักจะหนาวเป็นพิเศษ เซฮุนก็รู้ดีหลังจากได้นอนมาแล้วหนึ่งคืน แต่ใครจะได้คิดล่ะว่าเขาต้องมานั่งอยู่บนหลังคาของบ้านในเวลาแบบนี้

     

                ลู่ฮานเหลือบมองอาการของเซฮุน เขารู้ได้ทันทีว่าเซฮุนมีอาการหนาว แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้.. บางทีตัวเขาอาจจะเย็นกว่าอากาศด้วยซ้ำ...

     

                "แล้วนายทำไม...เอ่อ.. มานั่งตรงนี้" เซฮุนถามอย่างลังเล เพราะตอนแรกเขากะจะถามต่อว่าทำไมยังไม่นอน แต่คิดอีกทีเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนข้างตัวเขาต้องนอนหรือเปล่า เพราะในพวกนิยายหรือหนังแฟนตาซีที่เคยมีโอกาสได้ดูบางทีก็บอกว่าไม่ต้องนอน บางที่ก็บอกว่าต้องนอนในโลงศพ เขาเองก็ไม่แน่ใจสำหรับเรื่องนี้เหมือนกัน

     

                ".."ลู่ฮานไม่ตอบ แต่เปลี่ยนตัวเองเป็นท่านอน ก่อนจะชี้ขึ้นฟ้าให้อีกคนมองตาม

     

                เซฮุนมองตามทิศทางที่ลู่ฮานชี้ เขามองขึ้นฟ้าอย่างสงนเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจทันทีว่าลู่ฮานต้องการจะสื่ออะไร เขาเห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้าไปหมด ถ้าไม่นับการไปท้องฟ้าจำลองในสมัยเด็ก เขาก็เพิ่งเคยเห็นดาวเยอะๆเต็มท้องฟ้าแบบนี้เป็นครั้งแรก

     

                มันสวยจริงๆ... นี้ถ้าไม่ได้มาที่นี้ก็คงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้

     

                ลู่ฮานท้องคนข้างตัวที่ดูตื่นเต้นกับภาพดาวเต็มท้องฟ้าเหมือนเด็กๆ แต่จริงๆถ้าเทียบอายุระหว่างลู่ฮานและเซฮุนนั้น เซฮุนก็เด็กจริงๆแหละ เด็กชนิดที่เอาอายุเซฮุนคูณเลขหลักสิบก็อาจจะได้แค่อายุครึ่งนึงของเขาด้วยซ้ำ

     

     

                ลู่ฮานส่ายหัวไล่ความคิดไร้สาระของตัวเอง ก่อนจะเอือมมือไปหยิบบางสิ่งในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ดึงออกมาเสร็จก็สะกิดคนข้างตัว ก่อนจะส่งสิ่งนั้นให้กับคนข้างๆ สิ่งๆต้องเรียกว่าส่งคืนมากกว่า เพราะสิ่งที่เขาคืนให้ที่จริงแล้วมันเป็นของโอเซฮุนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

     

                .....ไม่ต้องเล่นมุขส่งคืนหัวใจนะครับ... ขอร้อง.....

     

                "โทรศัพท์ฉันนิ?" เซฮุนเลิกคิ้วอย่างงุนงง แต่ก็ไม่ยอมยื่นมือมารับโทรศัพท์อยู่ดี

     

                "เอาไปดิ ของนายนิ" ลู่ฮานเร่งให้อีกคนยื่นมามารับ

     

                เซฮุนยื่นมือมารับโทรศัพท์อย่างมันๆ เขาเองก็ลืมเรื่องโทรศัพท์ของเขาสนิท ก็ใครใช้ให้มีเรื่องวุ่นวายตั้งแต่ตอนที่เขาเหยีบเข้ามาที่บ้านหลังนี้กันละ เขาเกือบจะลืมอยู่แล้วว่าเขามีโทรศัพท์ติดตัวมา เกือบจะลืมไปแล้วว่าปาโทรศัพท์มือถือลงหน้าต่างไป เกือบลืมไปแล้วว่าที่ทำให้เขาเจอลู่ฮานเพราะเขาจะปาโทรศัพท์ลงหัวลู่ฮาน...

     

                เคยได้ยินคำที่พวกผู้หญิงใช้กันบ่อยๆไหมครับ?

     

     

     

     

     

     

     

     

                ...บุพเพสันนิวาสชัดๆ

     

     

     

                เซฮุนกดปุ่มเปิดเครื่องของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าถึงแม้หน้าจอของมันจะร้าวเป็นลายใยแมงมุม แต่มันก็ยังเปิดติดอยู่ ก็ถือว่าค่อนข้างทนสำหรับการปาลงหน้าตาชั้นสองล่ะนะ เหลือแต่ไปถามดูว่าชานยอลมันหาที่ชาร์ตแบตจากไหน เพราะที่เขาสำรวจดู บ้านหลังนี้แทบจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าปลั๊กอยู่เลย

     

     

                ลู่ฮานแอบมองคนข้างตัวที่มัวทำหน้าพิลึกกึกกือ ทำเหมือนจะดีใจก็ดีใจไม่สุด บางทีก็ขมวดคิ้วเป็นปม ทำหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ ภาพของเซฮุนทำให้คนแอบมองอย่างลู่ฮานถึงกับอมยิ้มบางๆ

     

     

                ลู่ฮานมองหน้าคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นสร้อยที่เซฮุนใส่อยู่ มันสะท้อนแสงส่องมาให้ลู่ฮานได้เห็นมันอย่างชัดเจน ลู่ฮานยิ้มอย่างกลั้นใจ...

     

     

                ขนาดไม่มีแสงอาทิตย์ให้สะท้อน มันยังสะท้อนให้เขาเห็น.... นี้มันจงใจแสดงให้เขาเห็นมากเลยสินะ...

     

     

     

     

                "สร้อยนั้น..." ลู่ฮานเอ่ยเบาๆ

     

     

                เซฮุนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเก็บมือถือของเขาเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วดึงสร้อยที่ตนเองใส่ออกมากำไว้อย่างลืมตัว เขามักจะทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้งเมื่อเผลอหรือลืมตัว

     

                "ฉันเป็นคนทำสร้อยนั้นเองแหละ" ลู่ฮานเอยขึ้น

     

                ".." ไม่มีเสียงตอบรับจากเซฮุน เพราะเขาไม่รู้ว่าลู่ฮานนั้นจะยินดีที่จะเล่าต่อหรือแค่ต้องการให้เขารู้แค่นั้น แต่หลังจากที่เขาเห็นสายตาของลู่ฮานที่มองสร้อยเส้นนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่า.. ลู่ฮานคงมีอดีตกับสร้อยเส้นนี้ และคิดว่ามันคงจะจบไม่สวยด้วย.... ก็เล่นมองด้วยสายตาที่เศร้าขนาดนั้น.... เซฮุนจึงตัดสินใจเอนตัวลงนอนดูดาวตามคนข้างๆ

     

                "นายรู้ไหม... นานมาแล้ว สิ่งที่มนุษย์อย่างนายเรียกว่าปีศาจอย่างฉันน่ะ... เคยมีความรักนะ รักมนุษย์อย่างพวกนายนั้นแหละ" ลู่ฮานพูดขึ้นหลังจากละสายตาจากสร้อยคอเส้นนี้ แล้วกลับไปมองดาวที่เต็มท้องฟ้าต่อ

     

                "..." เซฮุนยังคงเงียบ เขาไม่รู้จะพูดอะไรใรสถาณการณ์แบบนี้

     

                "เธอชื่อเหมยกุ้ย ชื่อตลกใช่ไหมล่ะ ฉันจำได้นะว่าเธอบ่นให้ฟังตลอดเลยว่าชื่อเธอมันตลก ถึงแม้ว่าความหมายมันจะดีก็ตาม แต่เธอไม่ค่อยชอบชื่อเธอเท่าไหร่" ลู่ฮานพูดขึ้นใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

     

                "ชื่อเธอแปลว่าอะไรหรอ..." เซฮุนพูดขึ้นก่อนจะยกสร้อยเส้นนั้นมาดู

     

                "กุหลาบ ภาษาจีนแปลว่าดอกกุหลาบ" ลู่ฮานยังคงเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส

     

                "..." เซฮุนจับสร้อยนั้นขึ้นมาลูบ เขาเคยสงสัยนะว่าทำไมสร้อยเส้นนี้ถึงเป็นรูปไม้กางเขนคว่ำแล้วมีกุหลาบพันล้อมรอบ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าทำไมจึงมีกุหลาบบนไม้กางเขนนี้..

     

     

                เพื่อผู้หญิงคนนั้นสินะ...

     

                "เราเจอกันด้วยความบังเอิญ เราสนิทกันเร็วมาก คงเป็นเพราะเธอเองเป็นลูกสาวคนเล็กในบรรดาพี่ชายห้าคน เธอจึงไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไปไหน ไม่ใช่ว่าพวกเตี่ยของเธอหรือพี่ชายของเธอหวงเธอมากเหมือนที่คิดหรอกนะ แต่เป็นเพราะทุกคนต่างเมินในตัวตนของคนที่เป็นลูกสาวอย่างเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่หรือไม่ก็ไม่มีใครสนอยู่ดี ทำให้เธอไม่ค่อยมั่นใจกับการพบผู้คนน่ะ"

     

                "..." เซฮุนเหลือบมองคนที่กำลังตั้งใจเล่าเรื่องในอดีตให้เขาฟัง เขาไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าคนข้างตัวเขาจะโอเคกับเรื่องราวในอดีต

     

                "ตอนนั้นฉันเองก็เหมือนกัน... ไม่ค่อยมีใครเป็นเพื่อนกับฉันเท่าไหร่หรอก... เราสองคนสนิทกันเร็วมาก ชวนกันแอบไปเล่นในเมืองบ่อยๆ ทำทุกอย่างที่อยากทำ เรามีความสุขกันมาก... แต่ตอนนั้นฉันกลัว... แน่ล่ะฉันกลัวว่าถ้าเธอรู้ความจริงเมื่อไหร่ ภาพความสุขนั้นจะไม่มีอีกต่อไป แต่นายรู้ไหม.. ฉันคิดผิดถนัดเลยล่ะ วันนั้นเธอก็รู้ว่าฉันเป็นอะไร... ตอนที่เธอเข้ามาถามฉัน ฉันตกใจมาก ฉันกลัวว่าจะเสียเธอไป สมองตีกันยุ่งว่าจะแก้ตัวยังไงดี" ลู่ฮานยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าอยู่ แต่ตาของเขาเริ่มมีน้ำตาคลอ

     

                "..." เซฮุนไม่รู้จะต้องทำอย่างไร เขาไม่เคยปลอบใคร ไม่รู้ด้วยว่าควรบอกให้คนข้างตัวหยุดเล่าหรือเปล่า เพราะบางทีคนข้างตัวเขาอาจจะแค่หาที่ระบาย...

     

                "แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรกันหมด... สรุปว่าเธอแค่ตื่นเต้น.. ไม่เคยคิดกลัวฉันอย่างที่ฉันคิด ตอนนั้นมันทำให้ฉันมีความหวังมากมาย บางทีมนุษย์อาจจะยอมรับการมีตัวตนของคนแบบฉันก็ได้ บางทีเราอาจจะ... อึก.. แต่งงานกันได้ มีอราคตที่ดีในวัรข้างหน้า ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ"

     

                "...."

     

                "ฉันคิดจริงๆนะเรื่องแต่งงาน เพราะเตี่ยของเธอเองก็ไม่ได้รังเกียจฉัน เตี่ยของเธอเองก็เป็นช่างทำเครื่องประดับ ท่านเองเนี่ยแหละที่เป็นคนสอนให้ฉันทำสร้อยเส้นนี้ขึ้นมา"

     

                "..."

     

                "จนในที่สุดเรื่องราวมันก็มาถึงตอนจบ... เมื่อฉันไปไว้ใจลูกชายข้างบ้านของเหมยกุ้ย พวกเราค่อนข้างสนิทกันเพราะหมอนั้นเองก็มักจะมาเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนเสมอ.. นั้นทำให้ฉันคิดว่าฉันอาจจะมีเพื่อนแล้วจริงๆ หลังจากเหมยกุ้ยรู้ว่าฉันเป็นอะไร ฉันก็ตัดสินใจบอกหมอนั้น... ตลกไหมล่ะ ฉันจำชื่อหมอนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ หมอนั้นเองก็รับปาก... รับปากว่าจะไม่บอกใคร..." เล่ามาถึงตอนนี้ลู่ฮานก็กำหมัดไว้แน่น

     

                "..." เซฮุนจับได้ว่าลู่ฮานกำลังมีความอาฆาตให้กับคนที่กำลังกล่าวได้อย่างดี

     

                "สุดท้ายข่าวที่ว่าฉันเป็นตัวอะไรก็แพร่ไปทั้งเมือง ...สุดท้าย... ก็เกิดการล่าขึ้น ใช่... ล่าแวมไพร์ทั้งเมือง ทั้งแวมไพร์ที่เป็นญาติของฉัน หรือแม้คนบริสุทธิ์ที่ถูกสงสัยก็โดนฆ่าตายทั้งนั้น รวมไปถึงเล่าบรรดาญาติของฉันด้วย... แม้กระทั่งแม่แท้ๆของฉัน ท่านก็จากไป.... เป็นเพราะฉัน ฉันฆ่าแม่ด้วยตัวของฉันเอง..." สายตาของลู่ฮานค่อยๆเหม่อลอย เหมือนกำลังย้อนไปยังเหตุการณ์ในอดีตอยู่

     

                "..."

     

                "แต่มันก็ตลกนะ.. ที่ตัวสาเหตุอย่างฉันก็รอดมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของน้องชายคนละพ่อของฉันกับพักพวกของน้องชายอีกหน่อย แต่การมีชีวิตอยู่ก็ต้องแลกกับอะไรรู้ไหม..." เล่ามาถึงตรงนี้ลู่ฮานเองก็สูดลมหายใจเข้าช้าๆ

     

                "มะ..ไม่รู้" เซฮุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ลู่ฮานพูดนั้นเป็นประโยคคำถามหรือเปล่า แต่เขาก็ตอบมันไปอย่างลืมตัว

     

                "แลกกับการที่ต้องเห็นผู้หญิงที่รักตายต่อหน้าไง.... ตายเพราะปกป้องฉัน ต่อหน้าต่อตา โดยภาพสุดท้ายที่เธอแสดงออกมา ไม่ใช่สายตาที่แสดงถึงความรักอะไร เป็นสายตาที่ว่างเปล่า... ตอนนั้นเองฉันก็รู้ได้ทันที... เธอไม่เคยรักฉัน... ไม่เคยแม้จะคิดว่าฉันเป็นคนรัก แต่เธอก็เลือกที่จะปกป้องฉัน... เพราะว่าเธอรู้ตัวว่าตัวเองท้อง... ท้องกับไอ้หมอนั้น...เธอเพียงแค่อยากจะหนีปัญหา.. เธอแค่ไม่อยากให้เตี่ยและพี่ชายเธอรู้..."

     

                "..." เซฮุนเงียบ คราวนี้ไม่ใช่เงียบเพราะต้องการที่จะฟังต่อ แต่เป็นความเงียบที่ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า... ขนาดที่เขาเป็นคนฟังยังจุกขนาดนี้... คนที่เจอมากับตัวอย่างลู่ฮานจะเจ็บขนาดไหน...

     

                "หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายผ่านไป.. ฉันคิดจะไปตามหาสร้อยเส้นนี้ แต่น้องชายของฉันกลับห้ามไว้ เขาบอกว่าเมืองนั้นไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว... เมืองที่บ้านของฉัน..."

     

                "..."

     

     

               

     

                "เมืองที่ผู้หญิงที่ฉันรักเคยอยู่....."

     

                ".."

     

     

                "เมืองที่มีความทรงจำมากมายสำหรับเรา...."

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                "ร้องออกมาเถอะ" เซฮุนพูดขึ้น หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดของลู่ฮาน เขาเองก็สังเกตุตลอดเวลาเหมือนกันว่าลู่ฮานพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้เพียงใด เขารู้... มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจให้ด้านชากับเรื่องเลวร้ายนี้.. โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวใจโดยตรงแบบนี้...

     

                "นาย..พูดอะไรใครจะร้อง ฮ่าๆ... นาย.. ฮึก.... อย่ามองนะ" ลู่ฮานพูดขึ้นด้วยเสียงตลก แต่สุดท้ายก็แพ้พ่ายให้กลับบาดแผลในอดีต...

     

                "อือ... ไม่มองหรอก" เซฮุนยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง

     

                "นายมันงี่เง่า!"

     

                "อือ..."

     

                "บ้าจริงทำไมต้องมาร้องไห้ให้คนอย่างนายได้เห็นด้วย ทั้งๆที่คิดว่าทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะนายคนเดียว"

     

                "อือ.. เพราะฉันเอง"

     

                "ถ้านายไม่เดินเข้ามาพร้อมกับสร้อยเส้นนั้น.."

     

                "ฉันผิดเอง"

     

                "เพราะนาย... เพราะนาย..."

     

                "ฉันขอโทษ...."

     

                เซฮุนไม่รู้เหมือนกันว่าตนผิดอย่างที่ลู่ฮานกล่าวจริงหรือเปล่า เพียงแต่เขารู้สึกผิดจริงๆ ไม่ใช่ผิดเพราะเหตุผลที่ลู่ฮานกล่าวมา แต่เป็นความรู้สึกผิดที่มาจากการที่เขาเองทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ เซฮุนรู้สึกงี่เง่า เขารู้... ว่าต่อให้เขาอยากจะแก้ไขอะไร แต่เขาก็ทำมันไม่ได้ เพราะยังไง..

     

                เรื่องในอดีต... ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนก็แก้ไขไม่ได้....

     

                แต่ที่เขารู้สึกผิดนั้น..เป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถปลอบโยนคนข้างตัวได้เลย เขาไม่รู้ว่าวิธีปลอบคนเขาทำกันอย่างไร เขารู้เพียงแต่ว่า..จะทิ้งลู่ฮานไว้ตามลำพังไม่ได้....

     

     

     

     

                เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่ต้องเห็นคนรักตายต่อหน้ามันเป็นยังไง.......                 ......จะเหมือนกับการที่ทำรถคันโปรดของตัวเองพังหรือเปล่า...

     

     

                เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่ต้องรับรู้ว่าคนที่ตนรักท้องกับคนที่หักหลังตัวเองมันเป็นยังไง......      .....มันจะเหมือนกับตอนที่พวกเพื่อนๆเขาพนันว่าเซฮุนจะแข่งรถแพ้คู่อริเขาไหม...

     

     

                เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ...กับการที่มีอดีตแบบนี้ควรทำอย่างไร....

     

     

     

     

     

     

     

                เขาอาจจะเด็กเกินไป.....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เขารู้แค่ว่า.... เขาเป็นห่วงคนข้างตัวเขาเหลือเกิน....
















    --------------------
    เพราะโอเซมันยังเด็กและไม่ประสีประสาเรื่องความรัก.....








    ขอทิชชู่แปป! คือแบบ... ไม่รู้หรอกนะนะว่าฟิคที่ตัวเองแต่งจะดราม่าแค่ไหน แต่บอกเลยว่าไม่ถนัด.... แง!!!!!

    แล้วการที่ต้องตื่นมานั่งพิมพ์ตอนตี1คือแบบ.... ขณะนี้เวลา03.10 ใช่เวลาเท่านี้กว่าจะพิมพ์เสร็จ หลังๆเข้าโหมดเบลอๆแบบ... ห๊ะ... เมื่อกี้พิมพ์ไรนะ....


    ถ้ามีคำผิดก็ขอโทษด้วยค่ะ....

    ถ้าใครรอชานแบคก็ขอโทษด้วยค่ะ.....







    เอิ่ม.... ถามคนอ่านระหว่างดราม่ายอมดึกกับแบบปกติที่เขียนมันแย่กว่ากันเยอะไหม... คือแบบปกติก็สิ่สารภาษาคนยากแหละ...



    ตอนหน้า........ 













    ไม่มีสปอยหรอก แบร่!


    555555555555555555555555555555 #โดดหลบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×