ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] VAMPIRE AND WEREWOLF (HunHan,ChanBaek and EXO)

    ลำดับตอนที่ #27 : VAMPIRE AND WAREWOLF :: CHAPTER 25

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.84K
      4
      24 ก.พ. 57

    chapter 25

     

                "พวกผมไปแล้วนะครับ" แบคฮยอนโค้งลาหญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้

     

                "เดี๋ยวก่อน ย่ามีอะไรให้ทุกคน... ถือว่าเป็นเครื่องรางล่ะกันนะจ๊ะ" คุณย่าเรียกรั้งเด็กหนุ่มทั้ง3คนไว้ ก่อนจะยื่นถุงเล็กๆให้กับแบคฮยอน ถุงเล็กๆนั้นมีลักษณะของสีที่แตกต่างกันไป มีทั้งหมด5ถุง ซึ่งแบคฮยอนเองก็รู้ได้ทันทีว่ามันมีไว้เพื่ออะไร

     

                "ขอบคุณครับ" แบคฮยอนโค้งลาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีเสียงเรียกรั้งของคุณย่า ทำให้เขาและพี่น้องอีกคู่เดินทางออกจากบ้านหลังนี้ไปได้

     

     

     

                และเป้าหมายก็คือ... รังของแวมไพร์...

     

     

     

     

     

                "แบคฮยอนๆ ฉันงสงสัย ทำไมเราต้องออกมาตอนกลางคืนด้วยล่ะ ทำไมเราไม่ออกมาตอนกลางวันล่ะ ฉันเคยดูหนังมันบอกว่าแวมไพร์กลัวแสงแดดนี้นา" เสียงของโอเซฮุนร้องทักขึ้น เมื่อเดินทางออกมาจากตัวบ้านได้ในระยะนึง

     

                "นายนี้โง่จริงๆเลยนะ นี้...ถามจริงเหอะ นายเคยเจอลู่ฮานกับคริสตอนกลางวันไหม" แบคฮยอนหันไปมองเซฮุนที่เดินตามมาก่อนจะยกคิ้วถามอย่างกวนๆ

     

                "ก็..เคย" ถึงตอนนี้เซฮุนก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเขาเองไม่น่าถามอะไรงี้เง่าแบบนี้ให้แบคฮยอนได้มีโอกาสได้ด่าเขาได้เลย

     

                "แวมไพร์สายพันธุ์แท้ไม่กลัวแสงอาทิตย์หรอกนะ มีแต่พวกแวมไพร์ที่เป็นมนุษย์มาก่อนเท่านั้นแหละถึงจะกลัวแสงแดด ไม่สามารถออกมาในตอนกลางวันได้" ชานยอลที่เป็นคนเดินรั้งท้ายเอ่ยตอบผู้เป็นน้องแทนแบคฮยอน

     

                "อ้อ... แล้วนายรู้ได้ไง" คราวนี้เซฮุนหันไปถามคนเป็นพี่ชายตัวเอง ก่อนจะโดนพี่ชายแท้ๆตอกกลับมา

     

                "หนังสือมันมีไว้อ่านนะเซฮุน ไม่ได้มีไว้บังไฟตอนนายจะนอน" ชานยอลยักไหล่ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่สนใจว่าน้องชายตัวเองจะทำหน้าแบบใด

     

                "คิก.. ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ก็มีอีกเรื่องนึงที่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมาตอนกลางคืน เหตุผลนั้นก็คือฉัน.. ตัวฉันเองก็จะคุมพลังของตัวเองได้เยอะกว่าตอนกลางวันซะด้วย ยิ่งวันนี้เพิ่งเลยคืนวันเพ็ญมาได้คืนเดียวเอง พลังของฉันก็ถือว่ามีเยอะพอให้ใช้... ถือว่าเอาไว้เวลาฉุกเฉินล่ะกัน" แบคฮยอนหันมาหัวเราะเซฮุนเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายเหตุผลต่อ

     

                "ชู่ว.. ฉันว่าเราควรเบาๆก่อนไหม นี้ก็ถึงแล้วนะ" ชานยอลปรามแบคฮยอนกับเซฮุน ก่อนจะส่งสายตามองเลยไปที่ปราสาทหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าในป่าแห่งนี้...

     

     

                นี้สงสัยจังว่า..กลางป่าแบบนี้จะสร้างบ้านใหญ่ๆไว้ทำไม...

     

     

     

                ชานยอลสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระของตัวเอง เพราะตอนนี้เขาต้องมุ่งเน้นสมาธิไปในเรื่องสำคัญตรงหน้าซะก่อน นั้นก็คือเรื่องของเพื่อนเขา..เลย์ ถึงแม้ว่าจะเพิ่งคบกันได้ไม่กี่ปี.. ไม่สิ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกัน แต่การที่คนไม่รู้เรื่องราวอย่างเลย์ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายแบบนี้ เขาเองก็ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน

     

                แต่ปัญหามันกูอยู่ที่ว่า..เขาจะทำอะไรได้..

     

                ก็จริงอยู่ว่าเขามีย่าเป็นแม่มด มีหนึ่งในกลุ่มเป็นมนุษย์หมาป่า แต่เขาจะต้องบุกเข้าไปในรังของแวมไพร์นะ.. ถึงฝ่ายนั้นจะมีแค่แวมไพร์ แต่เราก็ไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ไม่แน่นะว่าอาจจะมีเป็นกองทัพก็ได้ แถมฝ่ายเรายังมีผมและเซฮุนเป็นตัวถ่วงอีก ยังไงก็เสียเปรียบเห็นๆ

     

                "เอานี้ไป" แบคฮยอนโยนถุงขนาดเล็กไปให้คู่พี่น้องคนล่ะถุง

     

                "อะไร" เซฮุนที่คว้าถุงมาไว้ในมือได้อย่างหวุดหวิดก็ถามขึ้นอย่างงงๆ

     

                "ถือไว้ อย่าให้ห่างตัว ถุงนี้ใส่เครื่องหอมไว้ มันจะทำให้ประสาทการดมกลิ่นใช้การไม่ได้... แต่ก็แค่ระยะเวลาสั้นๆนะ เพราะงั้นเราต้องรีบเข้าไปได้แล้ว" แบคฮยอนกล่าวพร้อมก้มลงมองกระดาษในมือ เป็นกระดาษที่ลู่ฮานแอบใส่มือเขาก่อนจะออกจากบ้านไป

                "ประสาทการดมกลิ่น?" ชานยอลทวนสิ่งที่แบคฮยอนพูด

     

                "ใช่" แบคฮยอนไม่ยอมหันมาสบตาชานยอล แต่เริ่มก้าวเดินลัดเลาะทางในป่าเพื่อเข้าไปใกล้ปราสาทมากกว่านี้

     

                "นั้นหมายถึงนายจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลยงั้นหรอ?" ชานยอลถามอีกครั้ง

     

                "ใช่.. แต่ไม่ต้องห่วงนะ..." แบคฮยอนหันมายิ้มให้ชานยอลเล็กน้อย แต่คงต้องบอกว่าเป็นยิ้มที่ชานยอลไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก เพราะมันเป็นยิ้มมุมปาก มันมักจะแฝงความหมาเสมอ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเจ้าของรอยยิ้มนั้นจะสื่ออะไร

     

     

     

     

                "ฉันจะปกป้องพวกนายเอง"

     

     

     

     

     

               

     

               

     

                "ลู่ฮานๆ"

     

                "หะ..ห๊ะ" ลู่ฮานขานรับอย่างลืมตัว

     

                "เปล่าหรอก แค่เห็นเหม่อก็เลยเรียก แล้วพวกนั้นจะมาเมื่อไหร่หรอ" เลย์ส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่มีอะไร ก่อนจะยิงคำถามใส่ลู่ฮานเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

     

                "กำลังมาแล้วล่ะ" ลู่ฮานพูดพร้อมหันไปมองออกนอกหน้าต่าง เขาเองก็ไม่รู้สึกถึงพวกนั้นหรอก เขาเพียงแค่คาดคะเนเวลาที่คิดว่าแบคฮยอนจะออกมา

     

                ตอนนี้ลู่ฮานมันนั่งอยู่ที่ของห้องของเลย์ ถามว่าทำไมถึงดูเหมือนสนิทกันงั้นหรอ ลู่ฮานแค่เล่าเรื่องคร่าวๆให้เลย์ฟังเท่านั้น เล่าว่าปกติเขาอาศัยอยู่กับอย่าของชานยอล แล้วคริสหรือน้องชายของเขากลับมาเลยต้องกลับมาอยู่บ้าน ตัวเขาอยากให้เลย์ไปอยู่กับคุณย่าของชานยอลมากกว่า..

     

                นั้นเป็นทั้งหมดที่เขาเล่าให้เลย์ฟัง..

     

                เขารู้ว่าการโกหกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะการโกหกกับคนที่ไม่มีพิษภัยต่อตัวเองเพราะจะทำให้คนๆหมดความไว้ใจในตัวเรา แต่ลองจินตนาการดูสิครับ ถ้าเลย์รู้เรื่องราวทั้งหมดจะมีปฏิกิริยายังไง ปฏิกิริยาของคนทั่วไปก็คงช็อค ไม่ก็หัวเราะเยาะเขาแล้วบอกว่าเขาบ้า สรุปนะครับว่าไม่มีทางเชื่อง่ายๆแน่นอน

     

     

     

     

     

                เลย์มองท่าทีของลู่ฮาน เขาเองก็ไม่ค่อยรู้จักลู่ฮานหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะพอถามกันดีๆแล้วพวกเขาเป็นคนจีนเหมือนกันตัวเขาเลยรู้สึกเหมือนมีพรรคพวกเพิ่มมา ลู่ฮานเป็นคนนึงที่เขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ เขารู้สึกว่าลู่ฮานเป็นคนไว้ใจได้ ดูเหมือนจะห่วงเขา..

     

                แต่นั้นแหละ..ห่วงอะไร?

     

                ถึงแม้เลย์จะดูซื่อๆสำหรับคนทั่วไป แต่เขาไม่ได้โง่ เขาเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึงที่สามารถบรรยากาศรอบข้างได้ อ่านสีหน้ากับคนใกล้ตัวได้ เขาคิดว่าบรรยากาศบ้านหลังนี้แปลกจริงๆ บางทีก็เหมือนจะมีคนอยู่หลายคน แต่บางทีก็เหมือนมีกันอยู่ไม่กี่คน ไหนจะเจ้าของบ้านอย่างคริสอีก บางทีก็ดูคาดเดาอยากเกินไป..

     

                แต่เขาก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรน่ากลัว..

     

     

                ทำไมลู่ฮานต้องรีบให้เขาออกไปจากที่นี้นะ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                แกร็ก

     

                แบคฮยอนหมุนลูกบิดประตูอย่างเบามือ ก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องทันที ไม่ลืมที่จะหันไปทำท่าให้ชานยอลที่เข้ามาเป็นคนสุดท้ายปิดประตู เขาหันซ้ายหันขวาก่อนจะพบประตูอีกบาน เขาจัดการเปิดประตูห้องน้ำก่อนจะส่งสัญญาณให้สองพี่น้องตามเขามาอีกครั้ง สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วยักไหล่ พวกเขาเองก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมแบคฮยอนต้องให้พวกเขาเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกัน แต่ในเมื่อสายตาแบคฮยอนบอกให้รีบๆเข้าไปซะขนาดนั้น พวกเขาจะไม่เข้าไปก็ไม่ได้ด้วย

     

                ขายาวๆของสองพี่น้องรีบพาร่างของพวกเขาเข้าห้องน้ำ แบคฮยอนเข้าตามเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะปิดประตูลงอย่างรวดเร็วแต่เบามือ ก่อนจะหมุนตัวไปมองทุกคนที่อยู่ในห้องน้ำแห่งนี้ ต้องบอกว่าแผนของเขาก็สำเร็จไปเกือบครึ่งแล้ว เพราะตอนนี้ในห้องน้ำ มีตัวแบคฮยอน สองพี่น้อง ลู่ฮาน และอีกคนที่แบคฮยอนไม่เคยเจอหน้า แต่ถ้าให้เดาก็คง..

     

                เพื่อนของชานยอล...

     

     

                ลู่ฮานเดินไปเปิดก๊อกน้ำสุดแรง เสียงน้ำกระทบกับอ่างน้ำนั้นค่อนข้างดัง เรียกว่าสามารถกลบเสียงพูดคุยได้เลย และนั้นแหละคือจุดประสงค์ของการมาพบกันในห้องน้ำ

     

     

                "นายแน่ใจหรือเปล่าว่าไม่มีใครตามมา" ลู่ฮานหันไปถามแบคฮยอน

     

                "ไม่รู้หรอก แต่การที่เข้ามาในห้องนี้ได้ก็ถือเป็นข่าวดีแล้วล่ะ" แบคฮยอนยักไหล่

     

                จริงอย่างที่แบคฮยอนพูด เขาไม่ค่อยแน่ใจหรอกว่ามีใครตามมาหรือเปล่า เพราะเรื่องความเงียบนั้นแวมไพร์เองก็เก่งพอๆกับความสามารถการดมกลิ่นของแบคฮยอนนั้นแหละ หากมีใครตามมาจริง เขาเองก็ไม่มีทางรู้ตัวแน่ๆ แต่การที่เขาเข้ามาถึงห้องนี้ได้เขาจะนับโชคยังเข้าข้างตัวล่ะกัน

     

                "เอาล่ะ ยังไงก็เถอะ ตอนออกไปพวกนายต้องออกไปคนล่ะทางกับทางที่พวกนายเข้ามา เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง" ลู่ฮานพูดขึ้นก่อนจะหยิบปกกากับกระดาษที่เขาเขียนแผนที่ไว้ข้างแล้วขึ้นมา

     

                "หมายความว่านายจะไม่ไปกับพวกเรา?" แบคฮยอนถามด้วยสายตาราบเรียบ แต่ดวงตาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของลู่ฮานเพื่อจะค้นหาความจริง..

     

                "ฉัน.. ฉัน..ทรยศคริสไม่ได้... นายเข้าใจไหม.. แค่นี้ก็มากพอแล้ว" ลู่ฮานมีสีหน้าเจ็บปวดทันทีที่แบคฮยอนเอ่ยถาม...

     

     

                แต่ลู่ฮานไม่รู้ตัวเลยว่าในอีกมุมห้องนึงในห้องนั้นมีคนๆนึงยืนทำหน้าเจ็บปวดกว่าลู่ฮาน ชานยอลเหลือบสายตาไปเห็นสีหน้าของน้องชายตัวเอง เซฮุนเองที่พยายามทำหน้าเรียบเฉยอย่างที่ปกติชอบทำอยู่นั้น.. ชานยอลรู้ดี.. ดูด้วยสายตาของคนที่โตมาด้วยกัน ชานยอลรู้ดีว่าเซฮุนกำลังพยายามซ้อนใบหน้าเจ็บปวด แต่เรื่องนี้..คนนอกอย่างเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น..

     

                "นายเลือกคริสมากกว่าหมอนั้นงั้นหรอ" แบคฮยอนหันไปจ้องที่เซฮุนเพื่อเป็นคำอธิบายว่าหมอนั้นในที่นี้คือใคร

     

                "ฉัน.." ลู่ฮานมองตามสายตาของแบคฮยอน สุดสายตานั้นเป็นคนที่เขาคอยแต่เห็นภาพ... แม้ว่าเขาจะเริ่มทำใจเรื่องของเซฮุน แต่ไอ้ความรู้สึกชื่นใจที่ได้เห็นหน้านี้กลับมีอยู่...

     

     

                ไม่ชอบเลย..

     

     

                แบคฮยอนเดินไปยื่นถุงเล็กๆให้กลับเลย์ ก่อนจะหันไปมองลู่ฮานและเซฮุน ในสายตาของแบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาทั้งสองคน อาจจะฟังดูแปลกๆที่อิจฉา.. แต่ถ้าใครเป็นเขาก็คงรู้ทันทีว่าทั้งสองคนมีแต่ความรู้สึก..โหยหากัน..

     

                นั้นแหละที่อิจฉา...

     

     

     

                "ไปด้วยกัน.. ไม่ได้หรอ" ไม่รู้ว่าจะเรียกประโบคนี้ว่าอะไรดี... จะเรียกว่าประโยคขอร้องก็ไม่ได้ เพราะใบหน้าเรียบเฉยของเจ้าของคำพูดนั้นไม่แสดงถึงอาการขอร้องเลยแม้แต่นิด หรือจะเรียกว่าประโยคคำสั่งก็คงไม่ใช่เพราะน้ำเสียงที่เสียงอ่อนขนาดนั้นถ้าเป็นประโยคที่คำสั่งที่คนโดนสั่งคงเผลอคำออกมา แต่เวลานี้ลู่ฮานคงไม่มีอารมณ์มาหัวเราะเซฮุนหรอก...

     

                ลู่ฮานจ้องหน้าคนที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา สายตาของลู่ฮานมีแต่ความสับสน ริมฝีปากเริ่มขบเม้มอย่างลืมตัวเมื่อใช้ความคิด..

     

     

                อีกคนก็เป็นน้องที่ทำเพื่อเขามาตลอด...

     

     

     

                อีกคนก็แค่มนุษย์บ้าๆคนนึงที่เขาเพิ่งเจอได้ไม่อีกวัน...

     

     

     

     

     

                ไม่ว่าคิดยังไงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเลือกบุคคลตรงหน้านี้เลย..

     

     

     

     

     

     

                "อือ.." ลู่ฮานพยักหน้าช้าๆ แต่เมื่อลู่ฮานมีปฏิกิริยาดังนี้ก็ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าถึงกลับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไว้ ใจจริงเซฮุนอยากจะเข้าไปกอดลู่ฮานด้วยซ้ำ แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า..ในห้องนี้คนเยอะเกินไป... ถ้าจะกอดลู่ฮาน... เขาขอกอดในที่ลับตาคนดีกว่า...

     

     

                "เอาล่ะ.. ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว ต่อไปบยอนแบคฮยอนคนนี้จะเป็นผู้สั่งการเอง" แบคฮยอนยกมือขึ้นตีอกตัวเองเป็นเชิงบอกว่าให้เชื่อใจ นั้นเองก็ทำให้บรรยากาศในห้องคายความเครียดลงไปได้บาง

     

     

     

                "เอาล่ะ ลู่ฮาน! ฉันขอสั่งให้..." แบคฮยอนยกมือชี้นิ้วไปที่ลู่ฮานก่อนจะเอ่ยประโยคนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                "แก้ผ้าเดี๋ยวนี้! ปฏิบัติ!"



     

    ---------------------------------------------------------------------------------
    ได้ยินเสียงใครสาปแช่งกันนะ... หรือเราจะหลอนไปเอง...

    แหะๆ ขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษจริงความผิดนี้ข้าน้อยสมควรได้พี่คริสเป็นสามี(ใช่หรอ)

    แบบว่ากว่าจะเคลียร์ปัญหาเรื่องเน็ตได้ ก็เล่นเอาเป็นอาทิตย์ๆเลย..

    พอเคลียร์เสร็จก็เป็นอาทิตย์ใกล้สอบ... ทั้งสอบย่อยเอยทั้งเคลียร์งาน(ค้าง)เอย... หลายคนคงเข้าใจเนาะ..

    แต่นั้นก็ไม่ใช่ขออ้างในการไม่อัพฟิค T-T

    เรารู้ดีค่ะ...


    เอาเป็นว่าจะพยายามมาอัพให้บ่อยกว่านี้... แล้วก็... ถ้ามีตรงไหนอยากให้เปลี่ยนหรือเขียนอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันมาได้เลยนะคะ

    เราจะทำเต็มที่เพื่อชดเชยความผิดค่ะ...




    #ฟิคแวมไพร์หมาป่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×